แผนการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ประกอบวชิ า ทักษะการขยายอาชีพ รายวชิ าบงั คับ/เลอื ก ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย รหัสวิชา อช31002 ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอทา่ บ่อ สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั หนองคาย สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธกิ าร
แผนการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ รายวิชา ทกั ษะการขยายอาชีพ (อช 31002) ระดบั มัธยมศกึ ษา ตอนปลาย เปน็ การนารายวิชาน้สี ู่การปฏบิ ัติจรงิ ของครผู ู้สอน ดว้ ยการวางแผนออกแบบการจดั ประสบการณ์ การเรยี นรูไ้ ว้ล่วงหนา้ ว่าครผู ้สู อนจะจัดกิจกรรมการเรียนร้ใู ห้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชีว้ ดั และ จุดประสงค์ ดว้ ยรูปแบบการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ONIE MODEL อยา่ งไร ซึง่ ครูผู้สอนรายวชิ านีท้ ุกคนต้อง ศกึ ษา และจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ให้เป็นไปกรอบของการจดั การศกึ ษาตามหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบ ระดบั การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 จงึ จะทาใหก้ ารจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ในรายวิชาน้ี มี ประสิทธิภาพและเกดิ ประสทิ ธิผล กกกกกกกแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ รายวชิ า ทกั ษะการขยายอาชพี (อช 31002) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ประกอบเนอ้ื หา 8 บท ดงั นี้ บทท่ี 1 ทักษะในการขยายอาชีพ บทท่ี 2 ตรวจสอบระบบความพร้อมการสรา้ งอาชีพให้มคี วามมั่นคง บทท่ี 3 การพฒั นาตนเองเพอ่ื การขยายอาชีพ บทที่ 4 ความหมาย ความสาคญั ของการขยายอาชีพ บทท่ี 5 ความร้เู บ้ืองตน้ เก่ียวกบั การบรหิ ารจดั การในการขยายอาชีพ บทที่ 6 การจดั ทาและพฒั นาระบบการขยายอาชีพ ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บทที่ 7 การขับเคลอ่ื นธรุ กิจเพือ่ การขยายอาชพี บทที่ 8 โครงการขยายอาชีพ
แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการประกอบอาชพี รายวิชา ทกั ษะการขยายอาชีพ อช31002 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการจดั การเรียนร้เู รอื่ งท่ี 1 การปฐมนเิ ทศ เวลา 6 ชั่วโมง สอนวนั ที่ …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรยี นที่ ………ปีการศึกษา……….. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 1. ขัน้ กาหนดสภาพปญั หาความต้องการในการเรยี นรู้ 1.1 ครูกล่าวทกั ทายผ้เู รียน และแนะนาตวั เอง โดยบอกชื่อ นามสกุล และชอ่ งทางการติดตอ่ 1.2 ครสู อบถามผเู้ รียนถึงกิจกรรมที่ทาในระหว่างปิดภาคเรยี นทผ่ี ่านมา และนาเขา้ สูเ่ ร่ืองท่จี ะ เรยี น 1.3 ครแู จ้งใหผ้ ู้เรยี นทราบว่า ในภาคเรยี นนี้จะไดเ้ รียน รายวชิ า ทกั ษะการขยายอาชีพ อช31002 2. ขัน้ แสวงหาข้อมูล และจัดการเรียนรู้ 2.1 ครชู ีแ้ จงรายละเอียดคาอธบิ ายรายวิชา ทกั ษะการขยายอาชีพ อช31002 ระดับมธั ยมศึกษา ตอนปลาย ท่จี ะเรยี นในภาคเรียนน้ี จานวน 6 เรอื่ ง คือ ครแู จง้ ตวั ชี้วัด และอภปิ รายถึงเน้ือหา ท่ีจะเรยี น ร่วมกันกบั ผู้เรยี น 2.2 ครู และผ้เู รียนตกลงหลักเกณฑก์ ารวัดผล และการใหค้ ะแนนในส่วนต่าง ๆ รว่ มกัน จากคะแนน เต็ม 100 คะแนน อัตราส่วนคะแนนระหวา่ งภาคต่อปลายภาค = 60 : 40 เปน็ ดงั นี้ 1. คะแนนระหวา่ งเรยี น 60 คะแนนแบง่ เก็บ ดังน้ี 1.1 คะแนนด้านความรู้ 30 คะแนน 1.2 คะแนนด้านทกั ษะ (โครงงาน/ช้นิ งาน) 20 คะแนน 1.3 คะแนนด้านคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ 10 คะแนน 2. คะแนนปลายภาคเรยี น 40 คะแนน ดังนี้ เกณฑก์ ารประเมนิ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนดา้ นความรู้ ของผเู้ รียนทีศ่ ึกษา หลกั สูตรรายวชิ า ทักษะ การขยายอาชีพ อช31002 มีดังน้ี หมายถึง ผ้เู รียนมีคะแนนสอบปลายภาคเรียน ต้ังแต่ 12.00 – 40.00 หรือ ร้อยละ 30 ของคะแนน เต็มข้นึ ไป ไมผ่ า่ น หมายถึง ผ้เู รยี นมีคะแนนสอบปลายภาคเรยี น ตัง้ แต่ 0.00 – 11.99 หรือ ร้อยละ 0.00 – 29.99 ของคะแนนเต็มขึ้นไป การตัดสนิ ผลการเรยี น รายวชิ า ทักษะการขยายอาชีพ อช31002 จะนาคะแนนระหวา่ งภาคมารวม กบั คะแนนปลายภาคเรยี น และจะตอ้ งไดค้ ะแนนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 50 จึงจะถือว่าผา่ น ทง้ั น้ี ผเู้ รยี นตอ้ งเข้าสอบปลายภาคเรยี นดว้ ย แลว้ นาคะแนนไปเปรียบเทียบกบั เกณฑท์ ีก่ าหนดให้ค่าระดบั ผล การเรยี นเป็น 8 ระดับ ดังน้ี ได้คะแนนรอ้ ยละ 80 – 100 ให้ระดบั 4 หมายถงึ ดเี ย่ยี ม ได้คะแนนร้อยละ 75 – 79 ให้ระดับ 3.5 หมายถึง ดมี าก
ได้คะแนนร้อยละ 70 – 74 ให้ระดับ 3 หมายถึง ดี คะแนนร้อยละ 65 – 69 ใหร้ ะดับ 2.5 หมายถงึ ค่อนข้างดี ได้คะแนนรอ้ ยละ 60 – 64 ใหร้ ะดับ 2 หมายถึง ปานกลาง ได้คะแนนรอ้ ยละ 55 – 59 ให้ระดับ 1.5 หมายถงึ พอใช้ ได้คะแนนร้อยละ 50 – 54 ให้ระดบั 1 หมายถงึ ผา่ นเกณฑข์ นั้ ตา่ ทีก่ าหนด ได้คะแนนร้อยละ 0 – 49 ให้ระดับ 0 หมายถงึ ต่ากวา่ เกณฑข์ น้ั ต่าทกี่ าหนด 2.3 ขอ้ ตกลง ขอ้ ปฏิบัติ และกฎระเบยี บในการเรยี นการสอนในห้องเรียน ดังนี้ 1. ผู้เรียนตอ้ งเขา้ เรียนไม่ต่ากว่า 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของเวลาเรียนทงั้ หมด 2. ผูเ้ รียนไม่พูดคุยเสียงดัง หรือสง่ เสยี งรบกวนเพอื่ นในเวลาเรยี น 3. ผเู้ รยี นต้องเขา้ เรยี นให้ตรงเวลา 4. หากมคี วามจาเปน็ ต้องหยุดเรียน ตอ้ งขออนญุ าตครผู สู้ อนกอ่ นทุกครั้ง 5. ไม่นาอาหารมารบั ประทานในห้องเรยี นขณะครสู อน 6. หากมีขอ้ สงสยั ขณะเรยี น ให้สอบถามครูได้ทันที 3 2.4 ครชู แ้ี จงรายละเอียดการพบกลุ่ม วัน เวลา สถานทใี่ ห้ผู้เรียนทราบ 3. ข้นั ปฏิบตั ิ และนาไปประยุกตใ์ ช้ 3.1 ครูให้ผู้เรยี นแนะนาตวั ใหค้ รู และเพอื่ น ๆ ทุกคนในห้องเรยี นไดร้ จู้ ัก 3.2 ครแู จกแบบทดสอบก่อนเรยี น รายวิชา ทกั ษะการขยายอาชพี อช31002 ใหผ้ ูเ้ รยี นทาจากนน้ั ตรวจแบบทดสอบพรอ้ มบันทึกคะแนนไว้ และร่วมกันสรุปถึงการทาแบบทดสอบ ก่อนเรียน รายวิชา ทักษะ การขยายอาชพี อช31002 4. ขนั้ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 4.1 ครูถามผู้เรียนเกย่ี วกบั เรือ่ งทีค่ รูกลา่ วมาขา้ งต้น วา่ มเี รื่องอะไรบ้างมรี ายละเอียดที่สาคัญอย่างไร (เร่ืองที่จะเรยี น หลกั เกณฑก์ ารให้คะแนน กฎระเบียบ ขอ้ ตกลง ข้อควรปฏิบตั ิ กตกิ าในการเรยี นการสอน) 4.2 ครถู ามผู้เรียนวา่ พบกล่มุ วันไหน เวลาไหน และทไ่ี หน 4.3 ครซู กั ถามผ้เู รยี นวา่ มขี ้อสงสยั หรือไม่ 4.4 ครูมอบหมายให้ผู้เรยี นศกึ ษาเรื่องทจ่ี ะเรยี นในครัง้ ตอ่ ไปลว่ งหนา้ การวัดผลประเมนิ ผล วิธกี ารวดั ประเมินจากการสังเกต การซักถาม ตอบคาถาม และแบบทดสอบก่อนเรียน เครอ่ื งมือ ไดแ้ ก่ แบบประเมิน และแบบทดสอบก่อนเรยี น เกณฑก์ ารวัด ผา่ น ต้องทาแบบทดสอบก่อนเรียน ได้คะแนนไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 50 ของคะแนนเต็ม สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้
1. แบบทดสอบก่อนเรยี น รายวิชา ทักษะการขยายอาชีพ อช31002 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 2. ใบความรู้ เอกสารประกอบการปฐมนเิ ทศ หลักสตู รวชิ า ทักษะการขยายอาชพี อช 31002 สาระสาคัญ สร้างความม่ันคงบนพ้นื ฐานความรู้ในกระบวนการผลติ กระบวนการตลาด ทีใ่ ช้นวตั กรรม เทคโนโลยีท่ี เหมาะสม มคี วามหลากหลายทางชวี ภาพ พัฒนาต่อยอดและประยุกต์ใชภ้ ูมิปัญญา และสามารถจัดทา แผนงานและโครงการธรุ กจิ เพ่ือขยายอาชพี เข้าสู่ตลาดการแข่งขนั ตามแนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพอ่ื สูค่ วามมั่นคง ผลการเรยี นร้ทู ีค่ าดหวัง 1. อธิบายทกั ษะที่เกย่ี วขอ้ งในกระบวนการผลติ และการตลาดท่ใี ชน้ วตั กรรม เทคโนโลยใี นการขยายอาชีพที่ ตดั สินใจเลือก 2. ตรวจสอบระบบความพรอ้ มในการขยายอาชพี ให้มีความมั่นคง 3. ปฏบิ ัตกิ ารวเิ คราะห์ตนเองและพัฒนาทักษะการขยายอาชีพใหเ้ ป็นลกั ษณะนิสยั 4. อธบิ ายความหมาย ความสาคัญของการจดั การอาชีพ เพ่อื การขยายอาชีพได้ 5. ดาเนนิ การจดั ทาและหรือปรับปรุงแผนธรุ กิจดา้ นการจัดการการผลติ หรือ การบริการและด้านการจดั การ การตลาด ตามแนวคิดปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ 6. ตรวจสอบระบบธุรกิจเพอื่ การขยายอาชพี ได้ 7. ปฏิบัตกิ ารจัดทาแผนและโครงการขยายอาชีพได้ ขอบข่ายเนื้อหา บทท่ี 1 ทักษะในการขยายอาชพี บทที่ 2 ตรวจสอบระบบความพร้อมการสร้างอาชีพใหม้ ีความมน่ั คง บทท่ี 3 การพัฒนาตนเองเพ่ือการขยายอาชพี บทที่ 4 ความหมาย ความสาคญั ของการขยายอาชีพ บทที่ 5 ความรู้เบ้อื งต้นเกย่ี วกับการบริหารจัดการในการขยายอาชพี บทท่ี 6 การจัดทาและพฒั นาระบบการขยายอาชีพ ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บทท่ี 7 การขบั เคลื่อนธุรกิจเพ่อื การขยายอาชพี บทที่ 8 โครงการขยายอาชพี
บันทกึ หลังสอน 1. ปญั หาหรืออปุ สรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแก้ปัญหาหรอื อปุ สรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรบั ปรุงแผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ เรอื่ ง การปฐมนิเทศ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………………… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเห็นของผู้นเิ ทศทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากผบู้ รหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหน่ง………………………………………………….
แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการประกอบอาชพี รายวชิ า ทกั ษะการขยายอาชพี อช31002 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการจัดการเรียนร้เู รอื่ งที่ 2 ทักษะในการขยายอาชพี เวลา 6 ช่ัวโมง สอนวนั ที่ …….……เดือน …………………พ.ศ.………......... ภาคเรียนที่ ………ปกี ารศกึ ษา……….. บทที่ 1 ทกั ษะในการขยายอาชีพ อธบิ ายทักษะทเ่ี กีย่ วข้องในกระบวนการผลติ และการตลาดทใ่ี ช้นวัตกรรม เทคโนโลยีในการขยายอาชพี ที่ ตดั สินใจเลอื ก เรอ่ื งที่ 1. ความจาเปน็ ในการฝกึ ทกั ษะอาชพี เร่อื งที่ 2. ทกั ษะการใชน้ วัตกรรมและเทคโนโลยีเพอ่ื การขยายอาชีพ 1. เอกสารหมายเลข 1 ใบความรู้เรอ่ื งทกั ษะการทางานบนฐานข้อมูล 2. เอกสารหมายเลข 2 ใบความรู้เรอื่ งการต่อยอดภมู ปิ ญั ญายกระดบั ความรใู้ ห้สูงข้ึน 3. เอกสารหมายเลข 3 ใบความรเู้ รื่องการสร้างความหลากหลาย เพ่ือความมน่ั คงในอาชพี 4. เอกสารหมายเลข 4 ใบความรูเ้ รอ่ื งการประเมนิ ประสทิ ธิภาพ นวัตกรรม เทคโนโลยี 5. เอกสารหมายเลข 5 ใบความรูเ้ รือ่ งการวเิ คราะห์เพ่ือจาแนกบทบาท หนา้ ทนี่ วัตกรรม เทคโนโลยี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1. ความจาเป็นในการฝึกทักษะอาชพี 1. เอกสารหมายเลข 1 ใบความรู้ เร่ืองทกั ษะการทางานบนฐานขอ้ มลู รฝึกทกั ษะอาชีพ เร การขยายอาชพี หลายคนใชว้ ธิ ที าตามกระแสความนยิ ม เห็นเขาไดด้ ีกจ็ ะทาตามเขาดว้ ย คิดตดั สนิ ใจดว้ ย ความรู้สกึ บางคนกป็ ระสบผลสาเรจ็ แต่หลายคนพบความล้มเหลว แตห่ ากเราหันมามองคนประสบความสาเร็จ อาชีพมัน่ คง เราจะเห็นวา่ บุคคลเหล่าน้ีจะทาอะไรต้องคดิ อย่างถ่ีถว้ น หาความรู้ ข้อมูลมากมายมาใช้คิดช่งั น้าหนกั โอกาสความสาเร็จ จัดระบบทาการทดลองสรปุ ผลจนม่นั ใจจงึ จะมกี ารลงทุน การกระทาลักษณะน้เี ป็น ลักษณะของคนทางานบนฐานข้อมูล ผ้เู รียนการศึกษานอกระบบจงึ มีความจาเป็นที่จะต้องพัฒนาทักษะการ ทางานบนฐานขอ้ มูล เพื่อใหก้ ารขยายอาชพี เริม่ ต้นไดเ้ หมาะสมเฉพาะกับตนเอง
จากแผนภูมกิ รอบแนวคดิ การทางานบนฐานข้อมูล แสดงให้เหน็ ว่า การทางานบนฐานข้อมูลจะมีกจิ กรรมอย่าง น้อย 3 กจิ กรรมท่ีจาเป็ นสาหรับการพัฒนาตนเองของผู้เรียนท่จี ะต้องเรียนรู้สร้างเป็ นพฤตกิ รรมให้เป็ นลักษณะ นิสัยในอันท่จี ะเปล่ียนแปลงหรือขยายขอบข่ายอาชีพสู่ความม่ันคง ฐานข้อมลู อาชีพ การดาเนนิ การทางธรุ กิจ มอี งค์ประกอบรว่ มอ 4 องค์ประกอบดว้ ยกนั คอื (1) องคป์ ระกอบดา้ นทนุ (2) องคป์ ระกอบดา้ นผลติ ภัณฑ์ (3) องค์ประกอบดา้ นลกู ค้า (4) องค์ประกอบด้านตนเอง องค์ประกอบดังกล่าวเปน็ ฐานขอ้ มลู อาชพี ที่ผู้เรียนจะตอ้ งจัดระบบขอ้ มลู ไว้ใช้ ทางาน โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี 1. องค์ประกอบด้านทุน ประกอบด้วย 1.1 ทนุ อสงั หารมิ ทรัพย์ ไดแ้ ก่ บ้าน ท่ีดนิ โรงงาน ของทีเ่ รามีอยู่ หรอื ต้องจัดซ้ือ จัดทาไวใ้ ช้ทาธุรกิจ
1.2 ทุนเงิน มหี รอื ยงั ถ้ายังไมม่ แี หล่งเงนิ ทุนอยทู่ ่ไี หน จะเข้าถงึ ได้อย่างไร จะสกู้ บั ดอกเบย้ี ไดห้ รือไม่ 2. องคป์ ระกอบด้านผลติ ภัณฑ์ ประกอบดว้ ย 2.1 คุณภาพของผลติ ภัณฑ์ ตลาดต้องการอยา่ งไร 2.2 กระบวนการผลติ ทต่ี อ้ งใช้ 2.3 นวตั กรรม เทคโนโลยี การลดต้นทนุ เปน็ อยา่ งไร 2.4 นวตั กรรม เทคโนโลยี การผลติ จะเข้าถงึ ได้ระดบั ใด 2.5 บรรจุภัณฑ์ 2.6 การเกบ็ รักษา
3. องค์ประกอบด้านลูกค้า ประกอบด้วย 3.1 ค่านยิ มเปน็ อย่างไร 3.2 ช่องทางเขา้ ถงึ ลกู ค้า 3.3 การสร้างความภักดใี ห้เกดิ กบั ลกู คา้ 3.4 การส่งเสรมิ การขาย 4. องคป์ ระกอบด้านตนเอง ประกอบด้วย 4.1 ความรทู้ กั ษะการดาเนินงาน ตอ้ งมีอะไรบา้ ง 4.2 การพัฒนาทีมงาน คนงาน จะต้องทาอะไร อย่างไร 4.3 ความน่าเชอ่ื ถอื ของเรา 4.4 สังคมสง่ิ แวดล้อม กบั สถานประกอบการของเรา จากรายละเอียดพอสงั เขปดงั กล่าวขา้ งตน้ ผู้เรียนจะตอ้ งสืบคน้ เรียนรู้ ทาความเข้าใจอยา่ งลกึ ซง้ึ สาหรับ ตดั สนิ ใจออกแบบระบบทางานหรือจะคอ่ ย ๆ ศึกษา สร้างความมน่ั ใจด้านการจดั ทาแบบจาลองอาชพี แลว้ ทดลองทาเพือ่ สรปุ ผล ตัดสนิ ใจกาหนดขนาดธรุ กจิ หรือจะยกเลิกเปล่ียนความคิด การสร้างแบบจาลองอาชพี แบบจาลองอาชพี เป็นเหมือนสมมตฐิ าน เพื่อการพิสจู นข์ องการทาอาชีพ โดยมี ขั้นตอนดาเนนิ การดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาเบ้อื งตน้ เพ่ือสรุปขอ้ มลู สร้างแบบจาลองอาชพี โดยเร่ิมตน้ วิเคราะห์ฐานข้อมูลอาชพี ที่ เราจะทาทั้ง 4 องคป์ ระกอบแล้วนาขอ้ มลู มากาหนดรปู แบบเบ้ืองตน้ เพอ่ื การทดลองสรปุ ข้อมูลสารสนเทศ ดงั
ตวั อย่าง ข้ันตอนท่ี 2 การจัดทาแบบจาลอง หลงั จากการศึกษาเบ้ืองตน้ ผลการทดลองไดข้ อ้ มูลสารสนเทศตามทีก่ าหนดแล้วนามาจัดทาแบบจาลองธุรกจิ การผลติ ลกู มะเดอื่ ฝรง่ั อบแห้ง (Fix) เข้าสู่ตลาดให้ไดส้ ัปดาห์ละ 200 กก. ดังตวั อยา่ งน้ี 2. เอกสารขัน้ ตอนการทางาน เป็นการนากจิ กรรมวธิ ีการไปจัดทารายละเอยี ดวธิ กี ารขนั้ ตอนการทางานเป็น เอกสาร เพือ่ ให้คนทางานไดใ้ ชป้ ฏิบัติตาม ปฏิบตั ิการใชแ้ ละสรุปบทเรียน ข้นั ตอนนเ้ี ปน็ การปฏบิ ัตกิ ารเร่ิมตน้ ทดลองเต็มรูปแบบการทาธุรกจิ จรงิ ดา้ นการวางแผนปฏิบัตกิ าร(Plan) ทางานตามแผนปฏบิ ัตกิ าร(Do) ติดตามตรวจสอบหาข้อบกพร่อง (Check) ปฏบิ ัติการแก้ไขข้อบกพร่อง (Action) เป็นวงจร PDCA โดยในทกุ ข้ันตอนตอ้ งมีการจดบนั ทึกขอ้ มลู เกีย่ วกบั ปรากฏการณ์ ผลท่เี กดิ และ ผลกระทบอย่างเปน็ ระบบ เพือ่ นามาสรปุ บทเรยี นพัฒนาระบบธุรกจิ ใหม้ ีประสทิ ธิภาพอย่างตอ่ เนอื่ งเข้าสู่ความ ม่นั คง
สรุป การประกอบธรุ กจิ ทง้ั ภาคการผลิต ภาคบรกิ าร เป็นอาชพี อสิ ระทผ่ี ู้ประกอบการต้องสร้างภูมิคุ้มกนั ใหก้ บั ธุรกิจ ของตนเอง จะตอ้ งอาศยั ข้อมลู สารสนเทศทางอาชีพมากมาย ซึ่งสามารถจากัดขอบเขตลงได้ 4 องค์ประกอบ คอื (1) ทุน (2) ผลติ ภัณฑห์ รือบริการทจ่ี ะทา (3) ลกู ค้า และ (4) ตนเอง มาใช้ตง้ั แต่เร่มิ ต้นคดิ ตัดสนิ ใจ กาหนด แบบจาลองอาชีพให้เหมาะสมกบั ตนเอง และปฏิบัติการใช้สรปุ บทเรียนเปน็ องค์ความรทู้ ี่จะตอ้ งถูกพัฒนาให้ สงู สุดเป็นระยะ ๆ ด้วยตนเอง การกระทาดงั กล่าวหรือเรอ่ื งของการใช้ข้อมูลสารสนเทศเขา้ มาใชท้ างานท้งั สิ้น จาเปน็ ที่ผู้เรียนจะตอ้ งพัฒนาทักษะการทางานบนฐานขอ้ มูลไปอยา่ งตอ่ เนอื่ งว
ว2. เอกสารหมายเลข 2 ใบความรู้ เร่อื งการต่อยอดภูมิปัญญายกระดบั ความรูใ้ หส้ งู ขน้ึ การถ่ายทอดภมู ิปัญญาจากเจา้ ขององค์ความรไู้ ปสู่บคุ คลท่ีรบั การถ่ายทอด ส่วนใหญ่จะให้ความสาคญั กับ เทคนิค ขั้นตอน วิธีการของการทางานหรอื การแกป้ ญั หา แตใ่ นความเป็นจริงแลว้ ภมู ิปัญญายังมีองค์ประกอบ อ่นื ๆ อกี มากมาย เป็นองค์รวมที่จะนาไปสูค่ วามสาเร็จ มั่นคง ย่ังยนื ได้ แต่ผ้รู บั การถา่ ยทอดมักจะมุ่งไปรับ เทคนิควิธีการมากกว่า เชน่ ภมู ิปัญญาแยกอินทรยี ก์ จ็ ะให้ความสาคญั กับวิธีการทาปุย๋ หมัก ปุ๋ยนา้ เท่านน้ั ทั้ง ๆ ยงั มสี ว่ นประกอบอ่ืน ๆ ที่สาคัญมากมาย ดงั นน้ั การตอ่ ยอดภูมิปญั ญาจงึ เป็นเรื่องทจี่ ะต้องมกี ระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ย่างเปน็ ระบบ เพ่อื ยกระดบั ความรู้ให้สูงข้นึ สอดคลอ้ งไปกับยุคสมัย การตอ่ ยอดภมู ิปัญญายกระดบั ความรู้ให้ การตอ่ ยอดภมู ปิ ัญญายกระดบั ความรู้ให้สงู ขนึ ้ เป็นกระบวนการขนั้ ตอนการวเิ คราะห์ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น เพื่อให้มีความรู้ เกดิ ความกระจา่ งในองคค์ วามรู้ของ ภมู ปิ ัญญานาไปส่กู ารวเิ คราะห์ ระบุ ทฤษฎีแนวคดิ ยคุ ใหมใ่ ช้ยกระดบั ความรู้ให้สงู ขนึ ้
3. เอกสารหมายเลข 3 ใบความร้เู รื่องการสรา้ งความหลากหลาย เพือ่ ความมัน่ คงในอาชีพ ผังความสัมพนั ธข์ องการสร้างผังความสัมพนั ธ์ของการสร้างความหลากหลายสคู่ วามมน่ั คงในอาชพี การสรา้ งความหลากหลาย างความหลากหลายสู่คว ามมัน่ คงในอาชีพ การสร้างความ หลากหลายการสรวามหลากหลายสู่ความมั่นคงในอาชพี การสร้างความหลากหลาย การสร้างความหลากหลายในอาชีพเปน็ ภูมิปญั ญาเพื่อใชส้ รา้ งภูมคิ ุ้มกันให้กบั การดารงอาชีพตามหลักทฤษฎี ใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรชั กาลปัจจุบนั มีพระราชประสงค์ท่ีจะใหอ้ าชีพเกษตรกรสู่ความเขม้ แขง็ ม่นั คงย่ังยืน ด้วยการให้ปลกู ขา้ ว ปลูกผัก ผลไม้ และเลี้ยงไก่ ไว้กินในครอบครวั เหลือขาย
ตวั อย่างการหมนุ เวยี นดงั กล่าวทาใหเ้ กษตรกรสามารถลดตน้ ทนุ ลงได้ หากมกี ารจดั การวางแผนการทางานตาม สูตรพระราชทาน 3 + 3 + 3 + 1 ประกอบด้วยพน้ื ที่น้า 3 ส่วน ใช้กักเก็บนา้ เลยี้ งปลา พน้ื ทท่ี านา 3 สว่ น จะมี ผลผลติ พอเพียงหมุนเวยี นระหวา่ งชีวภาพ พื้นทปี่ ลกู ผักผลไม้และไมใ้ ชง้ าน 3 สว่ น และพื้นท่ีอย่อู าศยั เลยี้ ง สตั วแ์ ละทางเดนิ อกี 1 ส่วน โครงสร้างสูตรพระราชทานดงั กล่าวจะสามารถจัดระบบการผลิตที่พ่งึ พาปจั จยั ภายนอกไดน้ ้อยทสี่ ุด ปจั จยั แหง่ ความสาเร็จของการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและกิจกรรมทจี่ ะจัดการให้ความหลากหลาย ตา่ ง ๆ นน้ั ลงตัว คงไมม่ สี ูตรสาเร็จเปน็ เรอ่ื งท่ีผู้เรยี นจะต้องเรียนรคู้ ้นพบไดด้ ้วยตนเองจากวิธกี ารต่าง ๆ เชน่ การสบื คน้ ข้อมลู สารสนเทศต่าง ๆ นามาวิเคราะห์หาความลงตวั แล้วจดั ระบบการดาเนนิ งาน การถอดบทเรียน จากผปู้ ระสบความสาเร็จนาขอ้ มลู สารสนเทศท่ีได้มาจัดระบบใหเ้ หมาะสมกบั ตนเอง การทดลอง เพื่อ ตรวจสอบระบบการดาเนินงานท่ไี ดม้ าจากข้อมูลสารสนเทศวา่ เกดิ ผลตามความรูเ้ พยี งใดจะตอ้ งเพิ่มเตมิ พฒั นา อะไร จงึ อาจจะสรปุ ไดว้ า่ ปัจจัยแห่งความสาเร็จของการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพและกจิ กรรมมาสรา้ ง ความมัน่ คงยงั่ ยืนในอาชีพไดอ้ ยา่ งลงตัว คอื การทางานบนฐานข้อมูลและใชก้ ระบวนการวจิ ัยมาเปน็ เครื่องมือ ของผู้เรียนนัน่ เอง ปัจจัยแหง่ ความสาเรจ็ ปัจจยั แหง่ ความสาเรจ็ ของการสร้างความหลากหลายทางชวี ภาพและกิจกรรมทจี่ ะจัดการให้ความหลากหลาย ต่าง ๆ น้นั ลงตัว คงไมม่ ีสูตรสาเร็จเป็นเร่ืองท่ผี ู้เรียนจะต้องเรยี นรู้คน้ พบไดด้ ว้ ยตนเองจากวิธกี ารต่าง ๆ เช่น 1 การสบื ค้นขอ้ มูลสารสนเทศต่าง ๆ นามาวเิ คราะห์หาความลงตัวแลว้ จดั ระบบการดาเนินงาน 2 การถอดบทเรยี นจากผปู้ ระสบความสาเร็จนาข้อมลู สารสนเทศท่ไี ดม้ าจัดระบบให้เหมาะสมกบั ตนเอง 3 การทดลอง เพ่ือตรวจสอบระบบการดาเนนิ งานทไ่ี ดม้ าจากขอ้ มูลสารสนเทศว่า เกดิ ผลตามความรู้เพยี งใด จะตอ้ งเพ่มิ เตมิ พัฒนาอะไร จงึ อาจจะสรปุ ได้ว่า ปัจจยั แห่งความสาเร็จของการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพและกิจกรรมมาสรา้ งความ มั่นคงย่ังยืนในอาชพี ได้อยา่ งลงตวั คือ การทางานบนฐานข้อมลู และใช้กระบวนการวจิ ยั มาเปน็ เคร่ืองมือของ ผเู้ รียนนนั่ เอง
4. เอกสารหมายเลข 4 ใบความรู้เรื่องการประเมนิ ประสทิ ธิภาพ นวัตกรรม เทคโนโลยี แผนภูมิสามารถอธบิ ายได้ว่า ประสทิ ธิภาพมอี งค์ประกอบร่วมอยา่ งน้อย 3 องค์ประกอบ คอื (1) ความถูกต้อง เปน็ ไปตามวัตถุประสงค์ (2) มคี วามรวดเร็ว และ (3) สามารถลดต้นทุนรายจ่ายได้ นอกจากน้นั ในแต่ละ องคป์ ระกอบจะตอ้ งมคี วามสมั พันธต์ อ่ กนั หากนากรอบแนวคิดนี้มาอธิบายกับประสิทธิภาพของนวัตกรรมหรือ เทคโนโลยี แผนภูมสิ ามารถอธิบายได้วา่ ประสทิ ธิภาพมอี งคป์ ระกอบรว่ มอยา่ งน้อย 3 องคป์ ระกอบ คอื (1) ความ ถกู ต้องเป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์ (2) มีความรวดเร็ว และ (3) สามารถลดต้นทุนรายจา่ ยได้ นอกจากนั้นในแตล่ ะ องค์ประกอบจะต้องมคี วามสัมพันธต์ อ่ กนั หากนากรอบแนวคิดน้มี าอธิบายกับประสทิ ธิภาพของนวัตกรรมหรือ เทคโนโลยี ประสทิ ธิประสทิ ธิภาพของนวตั กรรม เทคโนโลยีการประกอบอาชีพขนึ ้ อย่กู บั องคป์ ระกอบ ดงั นี ้ 1. ความสามารถทางานได้ถกู ต้องตามวตั ถปุ ระสงค์และมีของเสียน้อย 2. ประหยดั คา่ ใช้จ่าย 3. ทางานได้รวดเร็ว ประเมนิ การทางานใหถ้ ูกตอ้ งตามวัตถุประสงค์ของเทคโนโลยี การประเมินความสามารถทางานได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ ของนวตั กรรม เทคโนโลยี ผู้เรียนตอ้ งคิดลักษณะบง่ ช้ีความสาเร็จ และตวั ชวี้ ดั ความสาเร็จดว้ ยตนเอง ดังตัวอย่างนี้
ประเมินความประหยดั คา่ ใช้จา่ ย เป็นการประเมนิ เทียบเคียงระหว่างนวัตกรรมเทคโนโลยอี ันใหมท่ ่จี ะนาเขา้ มา ใช้เทียบเคยี งกบั นวตั กรรม เทคโนโลยีเก่า โดยมีตัวแปรการประเมินประกอบการ 1 ราคานวตั กรรม เทคโนโลยี ต้องจ่ายเท่าไร 2 คา่ ใชจ้ า่ ยระหว่างการใช้เทา่ ไร 3 ลดรายจ่ายจากเดิมเท่าไร
ประเมนิ ความรวดเรว็ เป็นการประเมินเทยี บเคียงหรือเปรียบเทยี บระหว่างการใช้เวลาทางานจากนวัตกรรมเทคโนโลยที ่ีจะนาเขา้ กับ นวตั กรรม เทคโนโลยีที่ใชอ้ ยู่เดมิ ดังตัวอย่างการพรวนดนิ การใชแ้ รงงานคนกบั เครอื่ งจกั รกลขนาดเล็ก พบว่า เครอ่ื งจักรกลขนาดเลก็ พรวนดิน ใช้เวลาเพยี ง 3 ช่วั โมง แตแ่ รงงานคนจะต้องใชเ้ วลาถงึ 6 ชัว่ โมง ตอ้ งพบกบั ความยุ่งยากในการจดั การคนให้ทางานไปตามเป้าหมาย สรปุ การตัดสนิ ใจนานวัตกรรม เทคโนโลยีเข้ามาใช้ประกอบอาชีพ จาเปน็ ตอ้ งประเมินให้มองเห็นเหตผุ ลการนาเข้า มา ความค้มุ ค่า และศักยภาพในการเปน็ ภมู ิคมุ้ กนั ให้อาชีพม่ันคงย่งั ยนื จึงต้องมีการประเมินดว้ ยองค์ประกอบ ทงั้ 3 ดา้ นและตวั แปรรว่ มต่าง ๆ จึงมีความจาเป็นท่จี ะตอ้ งแสวงหาความรูข้ อ้ มูลใหม้ ากพอที่จะใชป้ ระเมิน ตัดสินใจ ดังนั้น การประเมินประสทิ ธภิ าพนวัตกรรม เทคโนโลยีจงึ เป็นส่วนหนง่ึ ของการทางานบนฐานความรู้
ใ5. เอกสารหมายเลข 5 ใบความรู้เร่อื งการวิเคราะห์เพอ่ื จาแนกบทบาท หนา้ ทีน่ วตั กรรม เทคโนโลยี การเข้าสูอ่ าชพี เม่ือดาเนนิ ธรุ กจิ ไปจนประสบผลสาเร็จ มกั จะถกู จับตามอง ทาตามกนั มาก ส่วนแบ่งการตลาด จึงมขี นาดเลก็ ลงโดยลาดับ จนถงึ วันหน่งึ จะเกดิ วกิ ฤติ จงึ มคี วามจาเป็นท่ีจะต้องพัฒนาหรอื ขยายขอบข่าย อาชพี ออกไปหรอื เรียนรทู้ าในส่งิ ที่คนอื่นทาไม่ได้ เพ่อื ใหอ้ ยู่ได้อยา่ งมนั่ คงยงั่ ยนื การพฒั นาหรอื ขยายอาชีพ จะต้องใช้นวตั กรรม เทคโนโลยเี ข้ามาชว่ ย ปัญหาท่ีต้องการคาตอบของผ้ปู ระกอบธรุ กจิ ปัญหาการเลอื กนวตั กรรม เทคโนโลยีของผ้ปู ระกอบอาชีพ การตดั สนิ ใจ เลือกนวตั กรรม เทคโนโลยีได้ตรงกบั ปัญหาความต้องการในธรุ กจิ ให้มากที่สดุ ตรงนีเ้ ป็นจดุ กาเนิดภูมปิ ัญญา แตเ่ รายงั อยู่ ในสภาวะที่ทาเองไมไ่ ด้อาศยั การนาเข้าด้วยตวั เราเอง เพ่อื ให้ได้นวตั กรรม เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมลงตวั กบั งานอาชีพของ เรามากท่ีสดุ
กรอบแนวคดิ การจดั การให้ได้นวตั กรรมเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมลงตวั กบั ธรุ กิจมากท่ีสดุ มกี รอบแนวคดิ การดาเนินการดงั นี ้ วธิ กี ารกาหนดความต้องการ1. ระบสุ ง่ิ ที่จะต้องทาและจาเปน็ จะตอ้ งใช้นวตั กรรม เทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพอื่ ลด ต้นทุน ลดระยะเวลา การทางานและสร้างงานใหม้ ขี องเสยี หายเกิดขนึ้ นอ้ ยที่สุด ตวั อยา่ ง สงิ่ ท่ีจะต้องทา และจาตวั อยา่ ง สง่ิ ท่ีจะต้องทา และจาเป็นต้องใช้นวตั กรรม เทคโนโลยี (1) การพรวนดนิ ให้ละเอียดและผสมป๋ ยุ หมกั คลกุ เคล้าลงดนิ ให้กระจายสม่าเสมอต้องใช้แรงงานคนจานวนมาก คา่ ใช้จา่ ย สงู งานหนกั คนงานส้ไู มไ่ หว ทงิ ้ งานลาออก จาเป็นต้องใช้เทคโนโลยีการพฒั นาดนิ (2)ช่วงฤดหู นาวเบญจมาศไมอ่ อกดอก ถ้าสามารถทาให้ออกดอกได้จะทาให้การป้ อนสนิ ค้าเข้าตลาดไมข่ าดช่วง จาเป็นต้องใช้เทคโนโลยีการบงั คบั พชื ให้ออกนอกฤดกู าลฤฤดกู าล 2. บอกบทบาทหน้าท่ีท่ีจะต้องนานวตั กรรม เทคโนโลยีเข้ามาใช้ ตวั อย่าง (1) ทาให้แสงของวนั ในชว่ งเดอื นธนั วาคม – กมุ ภาพนั ธ์ มีความยาวขนึ ้ เพอ่ื กระต้นุ ตาดอกเบญจมาศ (2) เกษตรอนิ ทรีย์พืชขาดไนโตรเจน แตข่ ้อกาหนดห้ามใช้ป๋ ยุ เคมี จาเป็นต้องใช้ไนโตรเจนจากธรรมชาติ แสวงหาความรู้ ความเข้าใจเพือ่ ระบนุ วตั กรรม เทคโนโลยีที่เหมาะสม ด้วยการนาผลการวิเคราะห์ (1) ระบสุ งิ่ ท่ีต้องทาและ (2) บทบาทหน้าท่ีที่จะต้องนานวตั กรรมเทคโนโลยีเข้ามาใช้ไปสืบค้น ข้อมลู สารสนเทศและศกึ ษา สงั เกตจากผ้รู ู้ภูมปิ ัญญาตา่ งๆต้องสรุปด้วยตนเองวา่ ควรจะใช้เทคโนโลยีอะไรและจาแนก บทบาทหน้าท่ีให้ชดั เจน ดงั ตวั อยา่ ง
ประเมนิ ความเหมาะสมและตัดสนิ ใจ เมอ่ื ไดศ้ ึกษาบทบาทหนา้ ที่ของนวตั กรรม เทคโนโลยีแล้วเปน็ ขน้ั ตอนการประเมินความเหมาะสมด้วยการ เทียบเคยี งกบั เทคโนโลยีที่เคยใชว้ า่ จะทาให้ดขี น้ึ แตกต่างจากเดิมไดม้ ากหรอื ปานกลางดงั ตวั อย่าง ตวั อยา่ งท่ี 1 มะมว่ งนา้ ดอกไม้ ถา้ เกษตรกรให้น้าให้อาหารพืชอย่างต่อเน่ืองอยา่ งสมบูรณ์มะม่วงนา้ ดอกไม้จะ ออกลกู ต่อเน่ืองใหล้ กู ตอ่ เนื่องให้ลูกรุ่นพ่ี รนุ่ น้องในปรมิ าณพอเหมาะนาเข้าสู่ตลาดได้ เป็นระยะ ๆ อยา่ ง ตอ่ เนือ่ งกบั การท่เี ราต้องลงทุนให้สารเคมีบังคับให้ออกดอกตดิ ผลพร้อมกันนอกฤดกู าลเหมาะสมกบั ลักษณะ ตลาดท่ีเรามีอยู่หรือไม่ ตวั อย่างท่ี 2 หมกั นา้ ปลา เดิมเพียงเติมเกลอื กับปลาในอัตราส่วนที่เหมาะสม หมักทิง้ ขา้ มปีก็จะได้นา้ ปลา แต่ ถา้ เราใช้เทคโนโลยีจุลนิ ทรียแ์ ลคโตบาซลิ ลสั ทต่ี ้องบดปลาให้ละเอียดผสมแลคโตบาซิลลัสเพม่ิ เข้ามาจะใชเ้ วลา หกเดอื นได้นา้ ปลา แบบใดจะเหมาะสมกว่ากัน เพราะถา้ ใชเ้ ทคโนโลยีแลคโตบาซิลลัสจะต้องเพ่ิมค่าใช้จ่ายบด ปลาและค่าจุลนิ ทรีย์ สรุป การตดั สินใจนานวตั กรรม เทคโนโลยเี ขา้ มาใชโ้ ดยไม่ผ่านการวเิ คราะห์เพอื่ ศกึ ษาบทบาทหน้าทีแ่ ละความ เหมาะสมมีโอกาสที่จะเส่ียงต่อความเสยี หายสน้ิ เปลืองได้ หากเราหันมาให้ความสาคัญเกี่ยวกับข้อมูล สารสนเทศของนวตั กรรม เทคโนโลยี เรียนรู้ทาความกระจา่ งกจ็ ะลดอัตราการเส่ยี งไดด้ ี
ใบงานท่ี 1 หสาระการประกอบอาชีพ รายวชิ าทักษะการขยายอาชพี (อช31002) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เร่อื ง ทกั ษะในการขยายอาชพี คาชี้แจง : ให้นกั ศึกษาทากิจกรรมตามใบงานตอ่ ไปนี้ 1. ใหน้ ักศกึ ษาคน้ ควา้ จากสอื่ หรอื แหลง่ เรียนร้หู อ้ งสมุดประชาชนอาเภอท่าบ่อ เกย่ี วกับ 1.1ประโยชน์และความจาเปน็ ในการใชน้ วัตกรรม เทคโนโลยี ในการขยายอาชพี 1.2ความหมาย ความสาคญั ของการจัดการอาชีพ และระบบการจัดการ 2. จดั ทารปู เลม่ รายงาน กรต.ใบงานที่ 1 ใหน้ ักศกึ ษาวิเคราะหช์ ุมชนของตนวา่ มจี ุดแขง็ จุดออ่ น โอกาส และอุปสรรคอะไร อย่างไร แล้ว นาเสนอ
บนั ทกึ หลังสอน 1. ปญั หาหรืออุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแกป้ ญั หาหรืออปุ สรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรับปรงุ แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรื่อง การปฐมนิเทศ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………………… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผูน้ เิ ทศทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากผูบ้ รหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหนง่ ………………………………………………….
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ กล่มุ สาระการประกอบอาชพี รายวชิ า ทกั ษะการขยายอาชพี อช31002 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย แผนการจัดการเรยี นร้เู รอื่ งที่ 3 การพัฒนาตนเองเพอื่ การขยายอาชพี เวลา 6 ชว่ั โมง สอนวนั ท่ี …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรียนที่ ………ปีการศึกษา……….. บทที่ 3 การพฒั นาตนเองเพื่อการขยายอาชพี ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั ปฏบิ ตั ิการวเิ คราะห์ตนเองและพัฒนาทักษะ การขยายอาชีพให้เปน็ ลกั ษณะนสิ ัย ขอบขา่ ยเนื้อหา เร่อื งที่ 1. การวิเคราะหท์ าความเขา้ ใจและรู้จักตวั ตนที่แท้จรงิ เรื่องท่ี 2. การพัฒนาทักษะการขยายอาชีพใหเ้ ป็นลักษณะนิสัย สือ่ ประกอบการเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ เรือ่ ง ตัวตนที่แทจ้ รงิ ของตนเอง 2. ใบความรู้ เรอื่ ง การพฒั นาทกั ษะการขยายอาชพี ใหเ้ ปน็ ลกั ษณะนสิ ยั
เร่อื งท่ี 1. การวเิ คราะหท์ าความเข้าใจและรู้จกั ตวั ตนที่แท้จรงิ ใบความรู้ เรื่อง ตวั ตนที่แทจ้ รงิ ของตนเอง กรอบแนวคิด โครงสร้างของตัวตนทแ่ี ทจ้ รงิ มีการทางานทส่ี อดประสานกนั ท้ังทางบวกและทางลบทีท่ าใหค้ นเรามีความ แตกตา่ งกัน คนทีป่ ระสบความสาเร็จมักจะเป็นบคุ คลทีม่ ีความสามารถควบคุมกายและใจให้อยกู่ บั สมมติ ค่านยิ มของสงั คมชมุ ชนได้ ผู้ทไ่ี ม่สามารถควบคุมไดม้ กั จะเป็นบุคคลทต่ี กอยู่ในสภาพคลอ้ ยตามความอยากของ กายและใจ พ่ึงพาตนเองไดจ้ ากความคดิ ดงั กลา่ วอาจสรุปได้ว่าองค์ประกอบทั้ง 5 ประการน้ี สามารถพัฒนา ยกระดบั คุณค่าข้ึนได้ด้วยตนเองดว้ ยการเรียนรทู้ าความรู้จกั และรูเ้ ท่าทนั ตลอดเวลา รปู กาย เป็นองค์ประกอบของอวัยวะตา่ ง ๆ ทั้งภายนอกและภายใน ทาหน้าที่สอดประสานกนั พร้อมทางานตามทีใ่ จสงั่ การ โดยคณุ ภาพของการกระทาเปน็ ตัวบง่ ช้สี มรรถภาพทางใจ ความร้สู ึก เป็นองคป์ ระกอบแรกของใจท่ีจะตอบสนองออกมาเปน็ ความรสู้ กึ พอใจ ความรู้สึกเฉย ๆ และความรู้สึกไม่พอใจ ต่อสภาวะแวดลอ้ มที่เปน็ อยู่
ความจาได้หมายรู้ เปน็ องคป์ ระกอบของใจท่ีทาหน้าท่จี ดจาหรอื ลืมความรูส้ ึกต่าง ๆ ทกี่ ระทบเข้ามาทง้ั ทางบวกและทางลบ การคิดปรงุ แตง่ เปน็ องค์ประกอบของใจ ทาหนา้ ที่คิดปรุงแตง่ สร้างสรรคอ์ อกมาเปน็ ทางบวกหรือทางลบ การรับรู้ เปน็ องคป์ ระกอบสดุ ท้ายที่ทาหนา้ ท่รี บั รจู้ ากการเห็น การได้ยิน การได้กลน่ิ การรูร้ ส และการสมั ผัส
ปฏิบัติการวเิ คราะห์ทาความเขา้ ใจตัวตน จากความเขา้ ใจในองคป์ ระกอบของตวั ตนทแ่ี ท้จริง เป็นความเขา้ ใจแบบรู้จาได้ แต่ความรู้ ความเขา้ ใจตอ้ งเกิด จากภายในตัวตนท่แี ทจ้ ริงของเราดว้ ยตนเอง โดยมขี นั้ ตอนดงั น้ี 1. องคป์ ระกอบทเี่ ราจะเรยี นรู้ต้นแบบด้านการนึกคิดตรกึ ตรองจากตัวเราเอง คือ 1.1 ความรูส้ ึก 1.2 การจาได้ หมายรู้ 1.3 การคดิ ปรุงแตง่ 1.4 การรับรู้
2. การเตรยี มการ ควรใช้สถานที่สงบ สภาพอากาศส่ิงแวดล้อมสบาย ๆ มีส่ิงรบกวนน้อย 3. วิธกี าร กระทบส่งิ สนใจ ใจเราจะเกิดความรสู้ กึ ชอบ – ไมช่ อบ หรอื เปน็ ความสขุ – ความทุกข์ หรอื 3.2 การจาได้ หมายรู้ ใหผ้ ู้เรียนนกึ ถงึ บคุ คล เหตุการณ์ท่ีเราพึงพอใจ หรือไม่พอใจ เราจะนกึ เหน็ เปน็ ภาพใน ใจ ปรากฎการณ์นั้นเปน็ ส่งิ ที่เรามคี วามจาได้หมายรู้ 3.3 การคิดปรงุ แต่ง ให้ผูเ้ รยี นมองหรือฟังเสียง บุคคล สถานท่ี สงิ่ แวดลอ้ มต่าง ๆ จะเกิดความรู้สกึ จากนนั้ ปรุง แตง่ ตอ่ ไปว่าส่งิ ที่คิดน้ัน จะเปน็ ทางบวกหรือทางลบ ปรากฏการณ์นจี้ ะเป็นการนาสงิ่ ทร่ี บั ร้มู าประมวลกบั ประสบการณ์เดิม ผลการปรุงแตง่ มกั จะอาศัยความจาได้หมายรู้ของประสบการณ์เดิม 3.4 การรบั รู้ ใหผ้ ้เู รียนสังเกต การมอง การฟังของตนเอง จะเปน็ กระบวนการตอ่ เน่อื ง
เรอ่ื งที่ 2. การพฒั นาทกั ษะการขยายอาชีพให้เปน็ ลกั ษณะนสิ ัย 2. ใบความรู้ เรอื่ ง การพฒั นาทักษะการขยายอาชีพใหเ้ ปน็ ลกั ษณะนิสัย จากแผนภูมิ บอกภาพคดิ รวบยอดไดว้ า่ การสร้างลักษณะนิสัยให้เกดิ ในตนเอง ต้องเรมิ่ ตน้ ท่ีปัจจัยนาเขา้ คือ ความรทู้ ักษะในอาชพี หรือสิ่งทีม่ ีคุณค่าต่อชีวิต จากนัน้ กระบวนการสรา้ งลกั ษณะนสิ ัย จะเริ่มตน้ ทต่ี วั ตนของ เราต้องเปิดช่องทางการเรียนรู้ ได้แก่ การมอง การรับฟงั การรกู้ ลิ่น การรู้รส และการรู้สัมผสั ชอ่ งทางเหลา่ น้จี ะ ทาให้เราได้ข้อมูล ข้อมูลเหลา่ นจี้ ะถกู นาเข้ามาสู่กระบวนการตอบสนองการรบั รทู้ ีเ่ รม่ิ ตน้ จากสมองรบั ขอ้ มลู เข้า มาสูอ่ งค์ประกอบด้านความร้สู ึกจะรบั รู้และแสดงออกในความพอใจ (เฉย ๆ หรือไมพ่ อใจ กจ็ ะหลดุ ออกไป) สง่ ตอ่ ไปยังองค์ประกอบด้านการจาได้ หมายรู้ จะประมวลวา่ มีความจาอะไรที่เกย่ี วข้องจะตอบสนองแสดงออกจา ไดเ้ หน็ ความสาคญั (จาไม่ได้ สาระที่เขา้ มากจ็ ะหยุดลงหรือหลดุ ออกไป) แลว้ สง่ ต่อไปยังองค์ประกอบดา้ นนกึ คิดปรงุ แตง่ จะประมวลคดิ สรา้ งสรรค์ เป็นสิง่ ใหม่หรือแนวทางการทางาน ดงั นัน้ ถา้ เราได้ย้อนกลับมาเริ่มต้น ใหมอ่ กี ครงั้ เราจะพบวา่ กระบวนการตอบสนองการรับรู้ จะทางานอย่างรวดเร็ว ถา้ ทาซา้ อกี อัตราความเรว็ ใน การตอบสนองจะรวดเรว็ ขึ้นโดยลาดบั จนตวั ตนติดยึด ถ้าจะทาอะไรเก่ยี วกับเรือ่ งนีจ้ ะตอบสนองอยา่ งเปน็ อัตโนมตั หิ รือเปน็ ลกั ษณะนิสยั
จากแผนภมู ิ จะพบว่า เคร่อื งมอื สาคญั ของการสร้างลกั ษณะนสิ ัย คือ (1) ความมีวิจารณญาณ และ (2) การ ควบคุมอคติภายในตนเองให้ลดนอ้ ยที่สดุ จึงเป็นตัวผนั แปรต่อการสร้างลักษณะนสิ ัย 1. การเปิดชอ่ งทางการเรียนรู้ โดยผ่านทางดวงตา หูฟงั จมกู รกู้ ล่ิน ลิ้นรู้รส กายรู้สัมผัส ตวั เราจะต้องรวบรวม สบื คน้ ข้อมลู ใหล้ ะเอียดรอบคอบอย่างมวี ิจารณญาณ โดยเฉพาะส่ิงรบั รู้ทเ่ี ป็นทางธรรม คอื การรบั รส การรบั กลิน่ และการรับสัมผัส จะตอ้ งแยกคุณลักษณะทีโ่ ดดเด่นและคุณลกั ษณะรองและผลกระทบให้ชัดเจน 2 การตอบสนองการรบั รู้ เม่อื ข้อมลู จากการรับรู้ผ่านเขา้ มาทางสมอง กระบวนการตอบสนองจะทางานทันที โดย 1. ความรสู้ กึ เม่อื ข้อมูลเข้ามากระทบความรู้สึก จะตอบสนองออกมาว่าพอใจ หรือไม่พอใจ 2. ความจาได้ หมายรู้ เมอื่ ข้อมูลเข้ามาพร้อม ๆ กัน องค์ประกอบความจาจะตอบสนองประมวลว่าข้อมูลใหม่ เขา้ มามีความเก่ยี วขอ้ งกบั ข้อมูลเกา่ อะไรบา้ ง 3. การคดิ ปรงุ แต่ง เมือ่ ข้อมูลเข้ามาผ่านขั้นตอนความรสู้ ึกและความจา ผลตอบสนองจะกระทบกบั การคดิ ปรุง แต่งในอันทจ่ี ะปรุงแต่งในทางสรา้ งสรรค์หรือในทางกลับกัน กระบวนการตอบสนองการรับรดู้ งั กลา่ วจะต้องเปน็ กระบวนการทม่ี อี คตนิ อ้ ยทีส่ ุดหรือไมม่ ีเลย การทาให้อคตมิ ี นอ้ ยหรอื ไม่มีนนั้ สามารถทาไดด้ ้วยการวางจติ ใจให้สงบลง คิดไตร่ตรองอย่กู บั กระบวนการตอบสนองการรับรู้ เพยี งอยา่ งเดียว จะเกดิ สมาธิให้เราดาเนนิ การคิดทั้ง 3 องคป์ ระกอบไดอ้ ยา่ งเทยี่ งตรงมากขนึ้ โดยลาดบั
แผนภูมสิ รปุ ดงั กลา่ ว เปน็ กระบวนการทางสมาธิทจ่ี ะสรา้ งใหเ้ รามีทกั ษะการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณและรอบ ด้าน จะทาให้ความคิดของเราปราศจากอคติ ผลการคิด วิเคราะห์ จะมโี อกาสถกู ต้องมากขน้ึ ถ้าใช้ กระบวนการนม้ี คี วามถม่ี ากยงิ่ ขน้ึ ตวั ตนของเราจะพฒั นาทกั ษะการทางานใหเ้ กิดเป็นลักษณะนิสัยได้ และปรับ ไปสู่สิ่งใหม่ทีด่ ีกว่าได้ง่ายใหก้ ารคิดมปี ระสิทธภิ าพสงู สง่ เข้าสู่ภมู ิปญั ญาในที่สุด
ใบงาน สาระการประกอบอาชีพ รายวชิ าทกั ษะการขยายอาชพี (อช31002) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เรือ่ ง การจัดการการตลาด คาชแ้ี จง : ใหน้ กั ศึกษาทากจิ กรรมตามใบงานต่อไปน้ี 1. ให้นกั ศึกษาศึกษาและวิเคราะหศ์ ักยภาพ จดุ แข็ง จุดอ่อน โอกาส อปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข ปญั หาที่เกิดขน้ึ ในชุมชนของทา่ น 2. ให้นักศกึ ษาคน้ คว้าจากสือ่ และแหลง่ เรยี นรูต้ า่ งๆ เกีย่ วกับการจดั การการตลาด จะตอ้ งมีการ วางแผนโดยมขี น้ั ตอนใดบา้ ง ( อธบิ ายพรอ้ มบอกเหตผุ ลประกอบ ) 2.1การโฆษณา 2.2การประชาสัมพนั ธ์ 2.3การสง่ เสรมิ การขาย 2.4การวิจัยการตลาด 2.5การวางแผนการตลาดเชงิ กลยุทธ์ 3. จัดทารปู เลม่ รายงาน กรต.ใบงานท่ี 2 ให้นกั ศกึ ษานาผลจากการวิเคราะห์ชมุ ชน (กรต.ใบงานท่ี 1) มาชว่ ยกันกาหนด วิสัยทัศน์ พนั ธกจิ เปา้ หมายการพัฒนา และขยายอาชพี ชมุ ชน แลว้ นาเสนอ
บนั ทกึ หลังสอน 1. ปญั หาหรืออุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแกป้ ญั หาหรืออปุ สรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรับปรงุ แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรื่อง การปฐมนิเทศ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………………… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผูน้ เิ ทศทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากผูบ้ รหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหนง่ ………………………………………………….
แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการประกอบอาชีพ รายวิชา ทกั ษะการขยายอาชีพ อช31002 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย แผนการจัดการเรียนรเู้ ร่อื งที่ 4 ความสาคัญของการขยายอาชีพ เวลา 6 ชว่ั โมง สอนวันท่ี …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรียนที่ ………ปีการศกึ ษา……….. บทที่ 4 ความหมาย ความสาคัญของการขยายอาชีพ ขอบข่ายเนอ้ื หา เรือ่ งท่ี 1. ความหมายของการจดั การขยายอาชพี ตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เร่อื งท่ี 2. ความสาคญั ของการจดั การขยายอาชพี เพือ่ ความม่ันคงตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ขอบขา่ ยเน้อื หา เรอ่ื งที่ 1. ความหมายของการจัดการขยายอาชพี ตามแนวคิดปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เรื่องที่ 2. ความสาคัญของการจัดการขยายอาชพี เพ่อื ความมน่ั คงตามแนวคิดปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่ือประกอบการเรยี นรู้ 1. เอกสารหมายเลข 11 ใบความรเู้ ร่ือง ความหมายของการจดั การขยายอาชีพเพอื่ ความม่ันคงตามแนวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. เอกสารหมายเลข 12 แบบประเมนิ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ความหมายของการจดั การขยายอาชีพตามแนวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 3. เอกสารหมายเลข 13 ใบความรเู้ รื่อง ความสาคัญของการจัดการขยายอาชพี ตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี ง 4. เอกสารหมายเลข 14 ใบความร้เู รือ่ งการประเมนิ ตนเองเก่ยี วกับการรบั ไดข้ องความสาคญั ในการจัดการ ขยายอาชพี ตามกระบวนการคดิ เป็น
เรือ่ งที่ 1. ความหมายของการจัดการขยายอาชพี ตามแนวคิดปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ขอบข่ายเน้ือหา เร่ืองท่ี 1. ความหมายของการจัดการขยายอาชีพ ตามแนวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ใบความรู้ เรอื่ ง ความหมายของการจดั การขยายอาชีพ เพื่อความมนั่ คงตามแนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง รความหมายตามพจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พศ. 2525 ดงั นี้ 1. การจัดการ หมายถึง กรรมวธิ ใี นการส่ังงาน ควบคุมงาน ดาเนนิ งาน 2. ขยายอาชพี หมายถงึ การทาให้การทามาหากิน แผก่ วา้ งออกไป 3. ความม่ันคง หมายถึง เกีย่ วกับการเกดิ ความแน่น และทนทานไมก่ ลับเป็นอน่ื 4. การจดั การขยายอาชพี เพื่อความมั่นคง หมายถงึ กรรมวธิ ีในการควบคุมการ ดาเนินงานทามาหากินใหแ้ ผก่ วา้ งออกไปดว้ ยความทนทานไม่กลบั เป็นอื่น 5. เศรษฐกจิ หมายถึง งานเกี่ยวกบั การผลิต การจาหนา่ ยจ่ายแจกและการบริโภคใช้ สอยสงิ่ ต่าง ๆ ของชมุ ชน 6. พอเพียง หมายถงึ เท่าที่ต้องการ ควรแกค่ วามต้องการ เต็มความตอ้ งการ 7. ปรชั ญา หมายถงึ วชิ าดว้ ยหลกั แห่งความรู้ ความจริง 8. เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หมายถึง หลักแหง่ ความรู้ ความจริงของงานเกย่ี วกบั การผลติ การจาหนา่ ยจา่ ยแจกและการบรโิ ภคใชส้ อยสิง่ ตา่ ง ๆ ของชมุ ชนเป็นไปตามต้องการ ดังน้ัน การจดั การขยายอาชีพ เพอื่ ความม่ันคงตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง จงึ อาจ ให้ความหมายได้ว่า “กรรมวิธใี นการควบคมุ การดาเนนิ งานทามาหากนิ ให้ขยายกา้ ว ออกไปใหเ้ กิดความแนน่ และทนทานไม่กลับเปน็ อืน่ ตามหลกั ความรู้ ความจริงของงาน
เกย่ี วกับการผลติ การจาหน่ายจา่ ยแจกและการบรโิ ภคใชส้ อยสิ่งตา่ ง ๆ ของชุมชนเปน็ ไป ตามตอ้ งการ” ขยายอาชพี เพ่ื อความมนั่ คงตาม แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2. ใบความรูเ้ รอ่ื ง แบบประเมนิ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับความหมายของการจัดการขยาย อาชีพตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1. อ่านกรณีตวั อยา่ งแล้วตอบคาถามด้วยตนเอง “ ลุงอินปลูกขา้ วโพดหวาน ขนาดร่องกว้าง 0.75 เมตร ยาว 40 เมตร สัปดาห์ละ 5 ร่องอย่างตอ่ เนอ่ื งได้ ผลผลติ สัปดาหล์ ะ 250 กโิ ลกรัม ขายให้กับลกู ค้าประจา มรี ายได้ 2,500 บาทคอ่ นข้างแน่นอน แต่ปีนี้ลูกเขา้ เรยี นระดบั อดุ มศกึ ษา 2 คน จะตอ้ งมีรายจา่ ยเพม่ิ อีกเดอื นละ 10,000 บาทลุงอินหาตลาดขา้ วโพดหวาน ได้ ลูกคา้ เพมิ่ สามารถรับซื้อขา้ วโพดหวานตามปรมิ าณที่เพ่มิ ขึ้นได้ตามตอ้ งการ อยมู่ าไมน่ านเพื่อนบ้านหลาย ครอบครัวเอาอยา่ งปลกู ข้าวโพดหวานขาย ทาให้ข้าวโพดมปี รมิ าณมาก ราคาตก ลงุ อนิ เห็นว่า เพื่อนบ้านต่างกย็ ากจน หากปล่อยใหส้ ภาพเหตกุ ารณ์เป็นเช่นนีก้ ็จะพากนั ขาดทุน เสียหาย ลุง อนิ ประเมนิ ปริมาณขา้ วโพดหวานทผี่ ลติ ไดแ้ ละมีคุณภาพปานกลางกับของลงุ อิน ประมาณสปั ดาห์ละ 3,000 กิโลกรมั จงึ ตดั สนิ ใจไปพบพ่อค้าขายส่งรายใหมต่ ้องการข้าวโพดหวานปริมาณมาก หากลุงอินสามารถรวบรวม ผลผลติ ควบคุมคณุ ภาพให้ไดม้ าตรฐานทต่ี อ้ งการและจัดการสง่ มอบใหไ้ ด้จะรับซอ้ื กโิ ลกรัมละ 15 บาท ลุงอนิ จึงเจรจารบั ซ้ือขา้ วโพดหวานของเพ่อื นบา้ นให้ราคากโิ ลกรมั ละ 10 บาท หักค่าขนสง่ กิโลกรัมละ 1 บาท ลุงอนิ ไดก้ าไรกโิ ลกรัมละ 4 บาท เดือนหนงึ่ จะมรี ายได้ 48,000 บาท พอเพยี งใช้จา่ ยดารงชีวิต สง่ ลูกเรียนได้ ทดี่ นิ ท่ี เคยปลูกขา้ วโพดและวา่ งเปล่า จานวน 20 ไร่ ลุงอนิ ปลูกไมป้ า่ ต้นยางนา ตน้ สัก เป็นไมโ้ ตไวได้ 2,000 ตน้ อกี 15 ปขี า้ งหน้าจะสามารถตดั โคน่ ขายไดต้ ้นละ 5,000 บาท คาดว่าจะไดเ้ งินประมาณ 10 ลา้ นบาท ”
เรื่องท่ี 2 ความสาคญั ของการจดั การขยายอาชพี เพ่ือความมน่ั คงตามแนวคดิ ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งลกั ษณะบง่ ชคี ้ วามสาเร็จของการเรียนรู้ ใบความรู้ เร่ือง ความสาคญั ของการจดั การขยายอาชีพตามแนวคิดปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั ความสาคญั ของการจัดการขยายอาชีพในเชิงวิชาการมผี กู้ ล่าวไวม้ ากพอสมควรแล้ว ผ้เู รียนสามารถค้นคว้าได้ แต่การระบุความสาคัญในเร่ืองใด ๆ ย่อมผันแปรไปตามประสบการณ์เชิงประจักษ์ ของแตล่ ะบุคคลหรือกลุ่มคนไม่มีอะไรแน่นอน เรามีหน้าท่ีจะต้องระบุความสาคัญในสิ่งข้างหน้าและประเมิน ตดั สินใจด้วยตวั เราเอง เช่นเดยี วกับการระบคุ วามสาคัญของการจัดการขยายอาชีพเพ่ือความมั่นคงไม่มีใครบอกสิ่งที่ถูกต้องให้ใครได้ เราจงึ มคี วามจาเป็นท่ีจะตอ้ งนาตนเอง ระบุความสาคัญได้ด้วยตนเองมากกว่าการใช้ข้อมูลจากภายนอก ตาม เอกสารใบความรู้ฉบับนี้ จึงขอนาเสนอหลักการคิด วิเคราะห์ หาความสาคัญของการจัดการขยายอาชีพด้วย ตนเอง ดงั น้ี 1. ต้องเรมิ่ ตน้ จากความหมายของภาษาโดยยึดพจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถานพ.ศ. 2525 พบว่า “ ความสาคญั ” มคี วามหมายตามลักษณะคาวิเศษณ์ คือ (1) เปน็ พิเศษกวา่ ธรรมดา (2) มีคณุ ค่า (3) มีชอื่ เสยี ง “ การจัดการขยายอาชีพเพือ่ ความม่ันคง” มคี วามหมาย คือ (1) การสง่ั งาน ควบคุมงาน ดาเนนิ งาน (2) ทาใหข้ ยายกว้างออกไป (3) ทาให้ม่ันคง
2. ให้นาองค์ประกอบความหมายของคาทง้ั สองประโยคมาวิเคราะห์ระบุความสัมพันธ์ ดังตัวอย่างน้ี ตารางดงั กล่าวข้างต้น ใช้ดาเนนิ การวิเคราะห์ความสัมพนั ธ์แล้วระบุเป็นวลี เหตุการณ์ บนฐานของเหตุและผล ตามประสบการณข์ องผเู้ รยี น ดงั ตวั อยา่ งนี้
ตวั อย่าง การวิเคราะห์ กาหนด วลี ความสาคัญของการจัดการขยายอาชีพตามเหตุผลและประสบการณ์ของ ผู้เรยี น นาผลการวิเคราะห์ กาหนด วลี ความสาคัญของการจัดการขยายอาชีพท่ีวิเคราะห์ได้มาพิจารณาทบทวนหา ขอ้ บกพร่องและพฒั นา เรากจ็ ะพบว่า ความสาคญั ของการพฒั นาอาชีพประกอบดว้ ย (1) เปน็ การเพม่ิ กิจกรรมอาชพี บนฐานการจัดการอาชพี หลักท่ที าอยู่ (2) ทาให้ประสิทธภิ าพการใช้ทรพั ยากรดาเนนิ งาน สามารถสรา้ งผลผลิตเพม่ิ สูงข้ึนได้ (3) ทาใหผ้ ู้รว่ มงานมีความเชอื่ มน่ั วา่ ธรุ กจิ เจรญิ ก้าวหน้า สามารถอยู่ร่วมทางานได้อย่างม่นั คง (4) มีผลิตภณั ฑ์เพ่ิมขนึ้ สามารถขยายฐานลกู คา้ ออกไปได้กว้างข้นึ (5) มีพนั ธมิตรทางธุรกจิ เพิม่ ขนึ้ (6) วงการธรุ กจิ ยอมรบั กว้างออกไป (7) กลยทุ ธ์ทางธรุ กจิ ถกู ปรับเปลี่ยนใชส้ รา้ งความม่ันคงในธรุ กจิ (8) เครือขา่ ยลกู คา้ และพันธมติ รทางธรุ กิจ มคี วามเช่อื มนั่ มีความภักดีในการซื้อขายมากขึน้
(9) องค์ความรูด้ ้านการผลติ และการตลาดยกระดบั คุณคา่ ใช้เปน็ ทุนในการแขง่ ขนั สรุป จะเห็นวา่ การคิดการพิจารณาความสาคัญนั้น จาเป็นท่ีเราจะต้องมองเห็นด้วยตัวเราเอง และนาไปเทียบเคียง กบั ความเหน็ ทางวชิ าการกจ็ ะทาใหเ้ รามโี อกาสตดั สินใจได้ถูกตอ้ งมากย่ิงขึ้น นาไปสู่ความสาเร็จท่ียง่ั ยืนได้ ใบความรู้ เร่ืองการประเมินตนเองเก่ียวกับการรับได้ของความสาคัญในการจัดการ ขยายอาชพี ตามกระบวนการคดิ เปน็ การประเมินเพอ่ื ตดั สินใจรับ ความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ความสาคัญของการจัดการขยายอาชีพตามกระบวนการ คิดเป็นที่ผู้เรียนวิเคราะห์ขนึ้ เองนัน้ สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี เชน่ (1) การนาผลวิเคราะห์ไปแลกเปล่ียนเรียนรู้กับผู้มีประสบการณ์แล้วสรุปข้อบกพร่องความคิดเห็นที่รับได้มา พฒั นาสาระความสาคญั (2) ประเมินตนเองดว้ ยการวิเคราะหข์ ้อมลู ด้านตนเอง สังคมส่งิ แวดลอ้ มและวิชาการ ในเอกสารใบความรู้นี้จะให้ความคิด ความเข้าใจ การประเมินและพัฒนาสาระความสาคัญของการจัดการ ขยายอาชีพดว้ ยตนเอง ดังนี้ 1. กรอบการประเมินตัดสินใจ ตามกระบวนการคิดเป็นประกอบด้วย 1.1 ข้อมูลด้านตนเอง มีตัวแปรท่ีใช้คิด ตดั สนิ ใจ 2 เรอื่ ง คือ (1) ความม่ันใจที่จะทาได้ (2) ความมีคุณคา่ ประโยชน์ต่อการขยายอาชีพ 1.2 ข้อมูลด้านสังคมส่ิงแวดล้อม มีตัวแปรที่ใช้คิด ตัดสินใจ 2 เรอ่ื ง คือ (1) ผูเ้ ก่ยี วข้องเห็นสอดคล้อง (2) ผเู้ กีย่ วขอ้ งสว่ นใหญย่ อมรบั 1.3 ข้อมูลดา้ นวิชาการ มตี วั แปรทใ่ี ช้คดิ ตัดสนิ ใจ 2 เรอ่ื ง คือ (1)ความสอดคล้องกบั ความเหน็ ทางวิชาการ (2) มีขอ้ มลู และแหลง่ เรยี นรู้เพยี งพอ 2. ลักษณะแบบประเมินอย่างง่าย โดยใช้ตารางมิติสัมพันธ์ระหว่างกรอบการประเมินกับสาระความสาคัญท่ี ผูเ้ รียนวิเคราะห์ข้นึ ดังตัวอยา่ งน้ี
การแปรผลและใช้ผล มีตัวอย่างดังนี้ 3.1 การแปรผล จากตารางตัวอย่างข้างต้นและสามารถแบ่งผลจากการ วิเคราะห์ได้ดังน้ี (1) มิตทิ างด้านสังคม ส่ิงแวดล้อม สรปุ ไดว้ า่ มีสาระที่ผเู้ กี่ยวข้องเห็นว่า ไม่สอดคล้องและไม่น่าจะยอมรับได้ 2 สาระ คอื ก. ทาใหป้ ระสิทธภิ าพการใช้ทรพั ยากรดาเนินงานสามารถสร้างผลผลิตเพ่มิ ขึน้
ข. วงการธรุ กจิ ยอมรับกวา้ งขวางออกไป (2) มติ ิทางวิชาการ พบวา่ ขอ้ มูลแหลง่ วชิ าการทเ่ี กย่ี วข้องกับการเพิ่มกิจกรรมอาชีพบนฐานอาชีพหลักที่ทาอยู่ มีไมพ่ อเพยี ง (3) หากพจิ ารณาภาพรวม จะพบว่า มคี ะแนนรวม 48 คะแนน เปน็ คะแนนในระดับสงู คิดเป็นรอ้ ยละ 88.8 จึง อาจสรุปได้ว่า ความสาคัญของการขยายอาชีพที่ผู้เรียนวิเคราะห์ สามารถรับได้ว่า เป็นความสาคัญจริง 3.2 การนาไปใช้ ผลการวิเคราะห์ พบว่า สามารถรับเป็นความสาคัญจริง ทาให้มีความมั่นใจมองเห็นคุณค่า ประโยชนน์ าไปกาหนดเป้าหมายการบริหารจดั การขยายอาชพี ไดอ้ ย่างเช่อื ม่ัน จึงอาจสรุปได้ว่า การบ่งชี้ความสาคัญของการดาเนินกิจกรรมใด ๆ ควรจะเป็นการระบุโดยตรงของ ผู้ประกอบการหรือผู้เรียน การใช้ความคิดของผู้รู้ ความคิดทางวิชาการ ควรเป็นเพียงข้อมูลท่ีนามาใช้ เปรียบเทียบกับการคดิ วิเคราะห์ของเราเอง ใบความรู้ เรอ่ื ง ความสาคญั ของการจัดการขยายอาชีพตามแ นวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
บนั ทกึ หลังสอน 1. ปญั หาหรืออุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแกป้ ญั หาหรืออปุ สรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรับปรงุ แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรื่อง การปฐมนิเทศ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………………… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผูน้ เิ ทศทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากผูบ้ รหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหนง่ ………………………………………………….
แผนการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการประกอบอาชพี รายวิชา ทักษะการขยายอาชีพ อช31002 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย แผนการจัดการเรยี นรู้เร่อื งที่ 5 ความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกบั การบริหารจัดการในการขยายอาชีพ เวลา 6 ช่วั โมง สอนวันท่ี …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรียนที่ ………ปกี ารศึกษา……….. บทท่ี 5 ความรเู้ บอื้ งต้นเกยี่ วกบั การบรหิ ารจดั การในการขยายอาชพี ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั การบริหารจัดการ ไดแ้ ก่การทาแผนธุรกจิ การจดั การความเส่ียง การจัดการการ ผลิต การจดั การตลาด และบัญชธี รุ กจิ เพื่อสามารถนาสู่การปฏิบตั ิทาแผนธุรกิจในบทตอ่ ไป ขอบข่ายเนอ้ื หา การบรหิ ารจดั การ 1) การทาแผนธรุ กจิ 2) การจัดการความเส่ียง 3) การจดั การการผลิต 4) การจดั การการตลาด 5) บญั ชีธรุ กิจ ส่อื ประกอบการเรยี นรู้ 1. ใบความรเู้ รอื่ งการบรหิ ารจัดการในการขยายอาชพี
บทที่ 5 ความรเู้ บ้ืองต้นเกย่ี วกบั การบรหิ ารจดั การในการขยายอาชพี ใบความรู้ เรื่องการบริหารจดั การในการขยายอาชพี 1.1 ความหมายของแผนธุรกจิ แผนธุรกิจ คือแผนงานทางธุรกจิ ทีแ่ สดงกจิ กรรมต่างๆ ทต่ี ้องปฏบิ ัติในการลงทุนประกอบการ โดยมีจุดเรม่ิ ต้น จากจะผลิตสนิ คา้ และบริการอะไร มีกระบวนการปฏิบตั อิ ย่างไรบ้าง และผลจากการปฏบิ ัติออกมาได้มากนอ้ ย แค่ไหน ใช้งบประมาณและกาลงั คนเท่าไร เพื่อให้เกดิ เป็นสินคา้ และบรกิ ารแก่ลกู ค้า และจะบรหิ ารธุรกิจ อย่างไรธุรกจิ จงึ จะอยู่รอด (แหลง่ ที่มา : มาณพ ชิวธนาสุนทร, แผนธรุ กจิ SMEs, สานกั พัฒนาธุรกจิ อตุ สาหกรรมและผู้ประกอบการ, กรมสง่ เสรมิ อุตสาหกรรม, กระทรวงอตุ สาหกรรม, 2547) 1.2 การศกึ ษาวเิ คราะห์ชุมชนเพ่อื การพฒั นาอาชพี การวเิ คราะหช์ ุมชน หมายถงึ การนาเอาขอ้ มลู ทวั่ ไปของชมุ ชนทีเ่ ราอาศัยอยู่ ซ่ึงอาจจะเป็นหมู่บ้าน ตาบล หรือ อาเภอกไ็ ด้ขึ้นอยู่กบั การกาหนดขอบเขตของชุมชนวา่ จะนาข้อมลู ของชุมชนในระดบั ใดมาพิจารณา โดยการ จาแนกข้อมลู ด้านต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงประเดน็ ปัญหา และความต้องการทแี่ ทจ้ รงิ ของชมุ ชน เพื่อจะนามา กาหนดแนวทางการขยายอาชีพให้ตอบสนองตรงกับความตอ้ งการของคนในชมุ ชน โดยเฉพาะเกย่ี วกับการ ประกอบอาชพี รายไดข้ องประชากรตอ่ คน ต่อครอบครวั เปน็ อยา่ งไร ลักษณะของการประกอบอาชพี ของ ประชากรเป็นอย่างไร รวมถึงข้อมูลอื่นท่เี กี่ยวขอ้ ง ได้แก่ ข้อมูลด้านการตลาด แนวโนม้ ของความต้องการของ การตลาด นโยบายของรัฐท่จี ะเอื้อประโยชน์ตอ่ การผลติ หรอื การประกอบอาชพี เป็นตน้ ขอ้ มลู เหล่าน้ีจะช่วย ใหเ้ ราวางแผนการดาเนินการพัฒนาอาชีพไดร้ อบคอบขึ้น การวเิ คราะหข์ อ้ มูล โดยวิเคราะห์สภาพการภายใน ภายนอกของชมุ ชน โดยใช้เทคนคิ SWOT (SWOT Analysis)การศึกษาความตอ้ งการของชุมชนเป็นการสารวจความต้องการของชมุ ชนเพ่ือใหท้ ราบถึงจุดเด่น จดุ ด้อย อุปสรรคหรอื ความเสี่ยงและโอกาสในดา้ นต่างๆ ของขอ้ มูลและความตอ้ งการของชุมชน ทัง้ นโ้ี ดยใช้ เทคนคิ SWOT ในการวเิ คราะหช์ ุมชน มีดังน้ี S (Strengths) จุดแข็งหรอื จดุ เด่นของชมุ ชน W (Weaknesses) จุดออ่ นหรอื ข้อดอ้ ยของชมุ ชน O (Opportunities) โอกาสทจ่ี ะสามารถดาเนินการได้ T (Threats) อุปสรรคหรือปจั จัยท่ีเปน็ ความเส่ยี งของชุมชนท่คี วรหลกี เลย่ี งในการปฏบิ ัติ การวเิ คราะห์ขอ้ มูล ผู้วเิ คราะหค์ วรพิจารณาจาแนกข้อมลู ในด้านต่างๆ โดยให้สมาชกิ ในชุมชนหรือกลุ่มอาชีพ น้นั รว่ มกนั ชว่ ยวิเคราะห์ หากพบขอ้ มูลสว่ นใดทีเ่ ป็นจดุ เด่นของชุมชนหรอื กลุม่ อาชีพนัน้ ใหใ้ สข่ อ้ มลู ในชอ่ ง S หากพบข้อมลู ใดที่เป็นจดุ อ่อนหรอื ข้อด้อยของชุมชนหรือกลุ่มอาชพี ให้ใส่ข้อมูลในชอ่ ง W หากสว่ นใดที่เป็น โอกาสช่องทางของชุมชน เช่น ความตอ้ งการสนิ ค้าของประชาชน นโยบาย หรือจดุ เนน้ ของรัฐหรือของชุมชนท่ี
เป็นโอกาสดใี ห้ใส่ในช่อง O และในขณะเดียวกนั ข้อมูลใดท่ีเปน็ ความเสีย่ ง เช่น ข้อมูลเกยี่ วกบั การกระทาผดิ กฎหมาย หรอื ความตอ้ งการของชุมชนไม่มหี รอื มีนอ้ ย ขาดแคลนวตั ถดุ ิบหรอื ปัจจยั การผลิต เปน็ ต้น ให้นา ขอ้ มลู ใส่ในช่อง T ทาเชน่ น้จี นครบถว้ น หากส่วนใดข้อมลู ไมช่ ัดเจนเพียงพอก็ตอ้ งสารวจข้อมลู เพ่ิมเติมได้ จากนัน้ นาข้อมลู ไปวเิ คราะห์เพอื่ กาหนดทางเลอื กในการพฒั นาอาชพี หรือทางเลอื กในการแก้ปญั หาอีกครง้ั หน่งึ กอ่ นทจ่ี ะกาหนดเป็นวิสยั ทศั น์ต่อไป ขัน้ ตอนกระบวนการวางแผน ขน้ั ตอนของกระบวนการวางแผนในการขยายธุรกจิ ของชมุ ชน มีดังนี้ 1. ขั้นการกาหนดวัตถปุ ระสงคต์ ้องให้ชัดเจน เพ่อื เป็นแนวทางการปฏบิ ตั ิหรอื การดาเนนิ กจิ กรรมต่างๆ 2. ขน้ั การกาหนดวัตถปุ ระสงค์การกาหนดวตั ถุประสงคต์ อ้ งมีความชดั เจนวา่ จะทาเพอื่ อะไร และวตั ถุประสงค์ นน้ั จะต้องมีความเปน็ ไปไดห้ รอื ไม่ และสามารถวัดผลได้ 3. ข้ันการตง้ั เปา้ หมาย เปน็ การระบเุ ปา้ หมายที่จะทาว่าตง้ั เปา้ หมายในการดาเนนิ การไว้จานวนเท่าใด และ สามารถวดั ไดใ้ นช่วงเวลาส้นั ๆ 4. ขัน้ การกาหนดขัน้ ตอนการทางาน เป็นการคดิ ไว้กอ่ นวา่ จะทากิจกรรมอะไรกอ่ น หรอื หลงั ซง่ึ การกาหนด แผนกจิ กรรมนี้จะทาให้การดาเนนิ งานบรรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 5. ข้นั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามแผน ซ่ึงจะต้องดาเนนิ การอย่างตอ่ เนื่องจึงจะได้ผล 6. ขั้นการปรบั แผนการปฏิบัติงาน ในบางครัง้ แผนทว่ี างไว้เมือ่ ไดด้ าเนินการไประยะหนง่ึ อาจจะทาให้ สถานการณ์เปล่ียนไป ผ้ปู ระกอบการจึงควรมกี ารปรบั แผนบ้างเพื่อใหส้ อดคล้องกบั ความเป็นจรงิ มากข้นึ และ การดาเนินงานตามแผนจะมปี ระสิทธภิ าพข้นึ การวางแผนปฏิบัติการจดั การความเสี่ยง การวางแผนปฏิบัตกิ ารจดั การความเสย่ี ง ควรมีผู้แทนจากฝา่ ยต่างๆ ในองคก์ ารเปน็ เสมอื นคณะทางานกลาง เพือ่ ร่วมกันวางแผนปฏบิ ตั กิ ารจัดการความเสยี่ ง ซง่ึ จะต้องมกี ารทบทวน วิเคราะห์ ตัดสนิ ใจและประเมนิ ความ เสีย่ งขององคก์ ารกอ่ น การวางแผนปฏบิ ตั กิ ารจัดการความเสย่ี ง ประกอบด้วยขน้ั ตอนดาเนนิ การ ดังน้ี 1. สารวจความเสย่ี งในองคก์ าร การสารวจความเสยี่ งทงั้ องคก์ ารโดยศกึ ษาจากตวั แทนฝ่ายต่างๆ ด้วยวธิ กี าร ตอบแบบสอบถาม การสมั ภาษณ์ เพื่อใหไ้ ด้ข้อมูลท่เี ปน็ เหตเุ ป็นผลตอ่ ความเส่ียงขององคก์ าร 2. ประเมินความเสย่ี งในระดบั องคก์ าร คณะทางานกลางรวบรวมขอ้ มลู ความเส่ียงจากฝา่ ยต่างๆ ที่เก่ียวข้อง นามาจดั ลาดบั ความเสย่ี ง โดยอาจเชิญผมู้ สี ่วนเก่ยี วข้องรว่ มพจิ ารณา 3. กาหนดตวั ควบคมุ ความเสยี่ งทจ่ี ะเกดิ ขึน้ ในโอกาสต่างๆ รวมถึงผลกระทบทอ่ี าจเกิดขึน้ ได้ 4. การทาแผนปฏิบตั กิ าร จะต้องเลอื กความเส่ียงสูงสุดท่ีเป็นวกิ ฤตกิ อ่ นมาทาแผนปฏิบัตกิ าร เชน่ การทจุ ริต คอร์รปั ชน่ั การผันผวนจากราคาสนิ คา้ ต้นทนุ เป็นตน้
Search