การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 1 การปกครองในสมยั รัตนโกสินทร์ ลกั ษณะการเมืองการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ คือช่วงเวลาต้งั แต่สมยั รัชกาลที่ ๑ ถึง รัชกาล ที่ ๓ (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๙๔) ในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ น้ี มีการจดั การ ปกครองตามแบบพสมยั อยธุ ยาตอนปลายแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ๑. การปกครองส่วนกลาง (ราชธานี) บริหารราชการแผน่ ดินแบบจตสุ ดมภ์ มี ๔ ตาํ แหน่งเป็นผรู้ ับผิดชอบงานรวม ๖ กรม คือ ๑.๑ กลาโหม มีสมุหกลาโหมเป็นหวั หนา้ ฝ่ ายทหาร มีหนา้ ท่ีบงั คบั บญั ชาการฝ่ายทหารและพลเรือนในเขตหวั เมืองภาคใตช้ ายทะเลตะวนั ตก และตะวนั ออก สมุหกลาโหม มียศและราชทินนามวา่ เจา้ พระยามหาเสนา ไดต้ ราคชสีห์เป็นตราเป็นประจาํ ตาํ แหน่ง ๑.๒ มหาดไทย สมุหานายกเป็นหวั หนา้ ฝ่ ายพลเมืองและจตุสดมภ์ มี หนา้ ท่ีบงั คบั บญั ชางานท้งั ฝ่ ายทหารและพลเรือนแถบหวั เมืองฝ่ ายเหนือและ อีสานท้งั หมด ไมใ่ ชร้ าชทินนามวา่ จกั รีเหมือนสมยั อยธุ ยา และไมก่ าํ หนด
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 2 แน่นอน บางคร้ังใชร้ ัตนาพิพธิ รัตนคชเมศรา ภูธราพยั บดินทรเดชานุชิต เป็นตน้ ใชต้ ราราชสีห์ เป็นตราประจาํ ตาํ แหน่ง ๑.๓ กรมเมือง มีหนา้ ท่ีดงั น้ี - บงั คบั บญั ชาขา้ ราชการและดูแลความสงบเรียบร้อยภายใน กรุงเทพมหานคร - บงั คบั บญั ชาศาล พิจารณาความอกุ ฉกรรจม์ หนั ตโทษ เสนาบดีมีตาํ แหน่งเป็น เจา้ พระยายมราช มีตราพระยมทรงสิงห์ เป็นตรา ประจาํ ตาํ แหน่ง ๑.๔ กรมวงั มีหนา้ ท่ีดงั น้ี - รักษาราชมนเฑียรและพระราชวงั ช้นั นอก ช้นั ใน - เป็นเจา้ หนา้ ท่ีเก่ียวกบั พระราชพธิ ี มีอาํ นาจต้งั ศาลชาํ ระความดว้ ยเสนาบดีคือ เจา้ พระธรรมา ใชต้ ราเทพยดา ทรงพระนนทิการ (พระโค) เป็นตราประจาํ ตาํ แหน่ง ๑.๕ กรมคลงั มีหนา้ ที่ดงั น้ี - ดูแลการเกบ็ และจ่ายเงิน ผทู้ ่ีดาํ รงตาํ แหน่งคือ พระยาราชภกั ดี - ดูแลการแต่งสาํ เภาไปคา้ ขายต่างประเทศ และเจริญ สัมพนั ธไมตรี ผดู้ าํ รงตาํ แหน่งคือ พระยาศรีพพิ ฒั น์
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 3 - ตรวจบญั ชี และดูแลหวั เมืองชายทะเลตะวนั ออกผรู้ ักษาหนา้ ท่ี คือ พระยาพระคลงั ใชต้ ราบวั แกว้ เป็นตราประจาํ ตาํ แหน่ง ๑.๖ กรมนา มีหนา้ ท่ีดงั น้ี - ดูแลรักษานาหลวง - เกบ็ ภาษีขา้ ว - เป็นพนกั งานซ้ือขา้ วข้นึ ฉางหลวง - พิจารณาคดีเก่ียวกบั เรื่องนา สตั วพ์ าหนะ เสนาบดีตาํ แหน่งเป็น พระยาพลเทพ ใชต้ ราพระพริ ุณทรงนาค เป็นตรา ประจาํ ตาํ แหน่ง ๒. การปกครองส่วนภูมิภาค (หวั เมืองภูมิภาค) ใหอ้ ยใู่ นความรับผดิ ชอบ ของอคั รมหาเสนาบดี และเสนาบดี ดงั น้ี ๒.๑ หวั เมืองภาคเหนือและอีสาน อยใู่ นความรับผดิ ชอบของสมุหนา ยก ซ่ึงตอ้ งรับผดิ ชอบท้งั ในดา้ นการทหาร และพลเรือน ตลอดจนเศรษฐกิจ และรักษาความยตุ ิธรรม ๒.๒ หวั เมืองภาคใต้ อยใู่ นความรับผดิ ชอบของสมุหกลาโหม มี ๒๐ เมือง ไดแ้ ก่ สงขลา พทั ลุง นครศรีธรรมราช ไชยา หลงั สวน ชุมพร ประทิว คลองวาฬ กุยบุรี ปราน ตะนาวศรี มะริด กระบุรี ตะกว่ั ป่ า ตะกว่ั ทุ่ง พงั งา
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 4 ถลาง กาญจนบุรี ไทรโยค และเพชรบุรี ๒.๓ หวั เมืองชายทะเลภาคตะวนั ออก มี ๙ เมือง ไดแ้ ก่ นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สาครบุรี ชลบุรี บางละมุง ระยอง จนั ทบุรี ตราด อยใู่ นความรับผิดชอบของกรมท่า หวั เมืองส่วนภูมิภาค แบ่งออกเป็น เมืองเอก โท ตรี จตั วา เจา้ เมืองเอก ไดร้ ับแต่งต้งั จากราชธานี นอกน้นั ใหเ้ สนาบดีผเู้ ก่ียวขอ้ ง ดาํ เนินการ หวั เมืองเอกทางเหนือ ไดแ้ ก่ พษิ ณุโลก ทางอีสานมี นครราชสีมา ทางใตม้ ี นครศรีธรรมราช ถลาง สงขลา ๓. การปกครองส่วนท้องถิ่น เร่ิมคน้ จากหน่วยเลก็ ที่สุดคือ - บา้ น มีผดู้ ูแลเรียกวา่ ผใู้ หญ่บา้ น - ตาํ บล มีผดู้ ูแลเรียกวา่ กาํ นนั (มีบรรดาศกั ด์ิเป็น \"พนั \") - แขวง มีผดู้ ูแลเรียกวา่ หมื่นแขวง - เมือง มีผดู้ ูแลเรียกวา่ ผรู้ ้ัง (พระยามหานคร) การตรากฎหมายตราสามดวง สมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ มีการปรับปรุงกฎหมายบา้ นเมืองคร้ังสาํ คญั ใน สมยั รัชกาลท่ี ๑ ดงั น้ี
การปกครองในสมยั รัตนโกสินทร์ หน้าที่ 5 ๑. กฎหมายตราสามดวง รัชกาลที่ ๑ โปรดเกลา้ ฯ ใหร้ วบรวมและ ชาํ ระกฎหมายเก่าที่ใชก้ นั มาต้งั แต่สมยั อยธุ ยา และคดั ลอกไว้ ๓ ฉบบั ทุก ฉบบั จะประทบั ตามราชสีห์ ตราคชสีห์ และ ตราวบวั แกว้ จึงเรียกวา่ \"กฎหมายตราสามดวง\" ๒. กฎหมายตราสามดวง หรือประมวลกฎหมายรัชกาลที่ ๑ ใชเ้ ป็น หลกั ปกครองประเทศมาจนถึงสมยั รัชกาลที่ ๕ ก่อนจะปฏิรูปกฎหมายและ การศาลของไทยใหเ้ ป็นระบบสากลเหมือนดงั ในปัจจุบนั การเมืองการปกครองของไทยสมยั รัตนโกสินทร์ยคุ ใหม่ สมยั รัตนโกสินทร์ยคุ ใหม่ เร่ิมต้งั แต่รัชกาลท่ี ๔ จนถึงก่อนการเปลี่ยนแปลง การปกครองเขา้ สู่ระบอบประชาธิปไตย (พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๗๕) เป็นยคุ ท่ี ไทยเร่ิมรับอทิ ธิพลทางวฒั นธรรมและวทิ ยาการจากชาติตะวนั ตก แต่ใน สมยั รัชกาลที่ ๔ ยงั ไม่ปรากฎเด่นชดั การปรับปรุงพืน้ ฐานบ้านเมืองในสมัยรัชกาลที่ ๔ เนื่องจากรัชกาลที่ ๔ ทรงแตกฉานภาษาองั กฤษและวทิ ยาการสมยั ใหม่ อีก ท้งั ยงั มีพระสหายเป็นขา้ ราชการและพอ่ คา้ ชาวตะวนั ตก จึงทาํ ใหเ้ ป็นผรู้ อบ รู้ความเป็นไปของโลกไดเ้ ป็นอยา่ งดี จึงไดร้ ิเร่ิมปรับปรุงเปล่ียนแปลง
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 6 บา้ นเมือง เพอ่ื กา้ วไปสู่ความเป็นชาติท่ีมีอารยธรรมสากล ดงั น้ี ๑. โปรดใหข้ า้ ราชการสวมเส้ือเขา้ เฝ้า ๒. ยกเลิกการบงั คบั ราษฎรใหป้ ิ ดประตูหนา้ ต่างบา้ นเรือนขณะ พระมหากษตั ริยเ์ สดจ็ พระราชดาํ เนิน ๓. อนุญาตใหร้ าษฎรถวายฎีการ้องทุกขไ์ ด้ ๔. ทรงใชป้ ระกาศเป็นเครื่องมือในการจดั ระเบียบและผดุงความเป็น ธรรมใหเ้ กิดข้ึนในบา้ นเมือง ๕. วา่ จา้ งชาวยโุ รปและอเมริกนั ใหเ้ ขา้ รับราชการในฐานะท่ีปรึกษา เพอ่ื ใหง้ านมีประสิทธิภาพและอาํ นวยประโยชนแ์ ก่ราษฎรอยา่ งทว่ั ถึง ข้อสังเกต รูปแบบการปกครองสมยั รัชกาลที่ ๔ ยงั อยใู่ นลกั ษณะเดิม การปฏริ ูปการปกครองสมัยรัชกาลท่ี ๕ ๑. การปฏิรูปในระยะตน้ รัชกาล ทรงต้งั สภาสาํ คญั ๒ สภาคือ - สภาท่ีปรึกษาราชการแผน่ ดิน (Council Of State) ทาํ หนา้ ที่ คลา้ ยสภานิติบญั ญตั ิในปัจจุบนั - สภาท่ีปรึกษาในพระองค์ (Privy Council) ทาํ หนา้ ที่ เช่นเดียวกบั องคมนตรีในปัจจบุ นั ผลกระทบจากการต้งั สภาท้งั ๒ คือ พวกขนุ นางหวั เกา่ คิดวา่ จะถูกลม้ ลา้ ง
การปกครองในสมยั รัตนโกสินทร์ หน้าที่ 7 ระบบขนุ นางผใู้ หญ่จึงรวมกลุม่ ต่อตา้ นไมใ่ หค้ วามร่วมมือ ถึงข้นั ที่เรียกวา่ \"วิกฤตการณว์ งั หนา้ \" ในท่ีสุดตอ้ งลม้ เลิกสภาท้งั สองไป ๒. การปฏิรูประยะที่สอง (ปรับปรุงกิจการบา้ นเมืองคร้ังใหญ่) ๒.๑ เหตุผลสาํ คัญท่ีต้องปฏิรูป - ทรงตระหนกั ภยั อนั ตรายจากลทั ธิจกั รวรรด์ินิยมตะวนั ตก - ทรงเห็นวา่ ระเบียบการปกครองและระบบการบริหาร ประเทศเท่าท่ีใชอ้ ยมู่ ีความลา้ หลงั เป็นอปุ สรรคต่อการพฒั นาประเทศอยา่ งมาก ๒.๒ ขน้ั ตอนการดาํ เนินงานปฏิรูป - ยกเลิกตาํ แหน่งสมหุ กลาโหม สมุหนายก และ จตุสดมภ์ - แยกงานราชการออกเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนเรียกวา่ \"กระทรวง\" มีเจา้ กระทรวง เรียกวา่ \"เสนาบดี\" - แบ่งหน่วยราชการออกเป็น ๑๒ กระทรวง คือ ๑. กระทรวงมหาดไทย ๒. กระทรวงกลาโหม ๓. กระทรวงการต่างประเทศ ๔. กระทรวงนครบาล ๕. กระทรวงวงั
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 8 ๖. กระทรวงพระคลงั มหาสมบตั ิ ๗. กระทรวงเกษตรและพาณิชยการ ๘. กระทรวงยตุ ิธรรม ๙. กระทรวงยทุ ธนาธิการ ๑๐. กระทรวงธรรมการ ๑๑. กระทรวงโยธาธิการ ๑๒. กระทรวงมุรธาธร ท้งั น้ีใหเ้ สนาบดีรับผิดชอบวา่ ราชการในแต่ละกระทรวงใหเ้ สมอกนั - ปรับปรุงการปกครองส่วนภมู ิภาค ดงั น้ีคือ ๑. ยกเลิกหวั เมืองช้นั ใน ช้นั นอก เมืองเอก โท ตรี จตั วา และ เมืองประเทศราช และแบ่งเป็นมณฑล เมือง อาํ เภอ ตาํ บล หมูบ่ า้ น โดยให้ ขา้ หลวงเทศาภิบาล ดูแล มณฑล ผวู้ า่ ราชการเมือง ดูแล เมือง (จงั หวดั ) นายอาํ เภอ ดูแล อาํ เภอ กาํ นนั ดูแล ตาํ บล ผใู้ หญ่บา้ น ดูแล หมบู่ า้ น ๒. โปรดใหป้ ระชาชนในทอ้ งถ่ินเลือก กาํ นนั และผใู้ หญ่บา้ น
การปกครองในสมยั รัตนโกสินทร์ หน้าที่ 9 ๓. โปรดใหต้ ้งั สุขาภิบาลกรุงเทพฯ และสุขาภิบาลหวั เมือง ที่ ตาํ บลท่าฉลอม จงั หวดั สมุทรสาคร เพื่อใหป้ ระชาชนมีส่วนในการบริหาร ตนเองในทอ้ งถิ่น
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 10 การปรับปรุงการปกครองสมยั รัชกาลท่ี ๖ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๖๘) อุดมการณ์ทางการเมืองในระบอบประชาธิบไตยเริ่มเผยแพร่เขา้ สู่เมืองไทย มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่สาํ คญั เกิดข้ึน ๒ ประการคือ ๑. กบฏ ร.ศ. ๑๓๐ เป็นการเคลื่อนไหวของคณะนายทหารกลมุ่ หน่ึง เรียกตวั เองวา่ \"คณะพรรค ๑๓๐\" นาํ โดยร้อยเอกขนุ ทวยหาญพทิ กั ษ์ เพ่ือ เปล่ียนแปลงการปกครองของประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยท่ีมีพระมหากษตั ริยอ์ ยภู่ ายใตร้ ัฐธรรมนูญ เกิดข้ึนในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ แต่แผนการปฏิวตั ิร่ัวไหลเสียก่อน คณะผกู้ ่อการฯ ถกู จบั ไดท้ ้งั หมด ๒. การจดั ต้งั ดุสิตธานี เป็นเมืองจาํ ลองการปกครองระบอบ ประชาธิปไตย ตามแนวพระราชดาํ ริของรัชกาลที่ ๖ ต้งั ข้ึนในเขตพระราชวงั ดุสิต เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ เพอ่ื ฝึกใหข้ า้ ราชการบริหารมีความรู้ความเขา้ ใจใน
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 11 ระบอบประชาธิบไตยและเป็นการวางพ้ืนฐานประชาธิปไตยใหแ้ ก่คนรุ่น ใหม่ การปรับปรุงการปกครองสมัยรัชกาลท่ี ๗ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (พ.ศ. ๒๔๖๘ - ๒๔๗๗) ทรง วางรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามแบบอยา่ งของประเทศ ตะวนั ตกดงั น้ี ๑. จดั ต้งั สภาต่าง ๆ เพอื่ ช่วยบริหารราชการแผน่ ดิน ดงั น้ี - อภิรัฐมนตรีสภา เป็นสภาที่ปรึกษาราชการแผน่ ดิน - เสนาบดีสภา เป็นที่ประชุมของเสนาบดีประจาํ กระทรวง - องคมนตรีสภา เป็นสภาท่ีปรึกษาในขอ้ ราชการที่ทรงขอความเห็น ๒. เตรียมจดั การปกครองทอ้ งถ่ินในรูปแบบเทศบาล เพ่อื ใหร้ าษฎรมี ส่วนร่วมในการปกครองตนเองตามแบบอย่างชาติตะวนั ตก มีการร่าง กฏหมายและเตรียมให้ราษฎรเลือกต้ังสมาชิกสภาเทศบาลในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ แต่ยงั ไม่ทนั ประกาศใชไ้ ดเ้ กิดการปฏิวตั ิเปลี่ยนแปลงการปกครอง เสียก่อน
การปกครองในสมยั รัตนโกสินทร์ หน้าที่ 12 ๓. จดั ทาํ ร่างรัฐธรรมนูญ โปรดเกลา้ ฯ ใหผ้ เู้ ช่ียวชาญชาว ต่างประเทศร่างรัฐธรรมนูญ เพ่ือเตรียมจะพระราชทานใหป้ วงชนชาวไทย ถึง ๒ คร้ัง (พ.ศ. ๒๓๖๙ และ พ.ศ. ๒๔๗๔) แต่ถกู คดั คา้ นจากพระบรม วงศานุวงศแ์ ละขนุ นางช้นั สูง เพราะเห็นวา่ ประชาชนชาวไทยยงั ไม่พร้อม การเมืองการปกครองสมยั ประชาธิปไตย ๑. การปฏวิ ตั ิเปลยี่ นแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยมีการเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ เขา้ สู่ระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษตั ริย์ อยใู่ ตก้ ฎหมายรัฐธรรมนูญ เมื่อวนั ท่ี ๒๔ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ในสมยั รัชกาลที่ ๗ สรุปไดด้ งั น้ี ๑.๑ กล่มุ บุคคลผกู้ อ่ การปฏิวตั ิเปลี่ยนแปลงการปกครอง เรียกวา่ \"คณะราษฎร\" ๑.๒ สาเหตุของการปฏิวตั ิ พ.ศ. ๒๔๗๕
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 13 ๑.๓ อิทธิพลความคิดทางการเมืองของประเทศตะวนั ตก ๑.๔ อิทธิพลของหนงั สือพมิ พ์ มีการเผยแพร่อดุ มการณ์ ประชาธิปไตย ๑.๕ ผลของการปฏิวตั ิ มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รสยามพ.ศ.๒๔๗๕ ๒. ความขดั แย้งทางการเมืองภายหลงั การเปลยี่ นแปลงการปกครอง ๒.๑ ความขดั แยง้ ทางการเมืองคร้ังแรกมีสาเหตุเกิดจาก \"ร่างเคา้ โครงการเศรษฐกิจ\" ของหลวงประดิษฐม์ นูญธรรม (นายปรีดี พนมยงค)์ ๒.๒ พระบาทสมเดจ็ ประปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงประกาศสละราช สมบตั ิ เม่ือวนั ที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ขณะประทบั อยทู่ ่ีองั กฤษ ๒.๓ รัฐบาลในชุดต่อมามีนายกรัฐมนตรีมาจากบุคคลใน คณะราษฎรหลายคน เช่น - จอมพล ป. พบิ ูลสงคราม (พ.ศ. ๒๔๘๑ ๒๔๘๗) ใชน้ โยบาย ชาตินิยมเป็ นแนวทางการสร้างชาติ - นายปรีดี พนมยงค์ กรณีการเสดจ็ สวรรคตของรัชกาลท่ี ๘ - พลเรือตรีถวลั ย์ ธาํ รงนาวาสวสั ด์ิ (พ.ศ. ๒๔๘๙ - ๒๔๙๐) ตอ้ งเผชิญกบั ปัญหาความเสื่อมโทรมทางเศรษฐกิจอยา่ ง
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 14 หนกั ภายหลงั สงครามโลกคร้ังที่ ๒ การเมืองการปกครองไทยภายใต้บรรยากาศของการรัฐประหาร การพฒั นาระบอบประชาธิปไตยของไทยไม่ราบร่ืน ช่วงปี พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นตน้ มา จนถึง พ.ศ. ๒๕๔๙ มีการก่อการรัฐประหารยดึ อาํ นาจ จากฝ่ ายทหาร (รวมท้งั สิ้น ๙ คร้ัง) คอื
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าที่ 15 การเมืองการปกครองของไทยในยุคกระแสประชาธิปไตย มีความขดั แยง้ ทางการเมืองในสังคมไทยอยา่ งรุนแรงทาํ ใหป้ ระชาชน ผบู้ ริสุทธ์ิและรักความเป็นธรรมตอ้ งบาดเจบ็ ลม้ ตายเป็นจาํ นวนมาก • กรณี ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ (วนั มหาวิปโยค) • กรณี ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ • เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. ๒๕๓๕ สิ้นสุดลง มีการจดั ต้งั สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ มีการเลือกต้งั
การปกครองในสมยั รัตนโกสินทร์ หน้าที่ 16
การปกครองในสมยั รัตนโกสินทร์ หน้าที่ 17 การปกครองในสมยั รัตนโกสินทร์ จดั ทาํ โดย เดก็ ชายกิตต์ิธเนศ ทรัพยม์ ากมี ช้นั ป. ๖/๔ เลขท่ี ๒๑
การปกครองในสมยั รัตนโกสินทร์ หน้าที่ 18
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: