Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ดาราศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศ

ดาราศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศ

Published by sprot_555, 2022-01-07 09:08:40

Description: ดาราศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศ

Search

Read the Text Version

ดาราศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีอวกาศ ชนั้ ประถมศึกษาปี ที่ 6 โดย นางกาญจนา ทาวี ตาแหน่ง ครชู านาญการ โรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย ตาบลป่ าไผ่ อาเภอสนั ทราย จงั หวดั เชียงใหม่ สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา เชียงใหม่ เขต 2

ก คานา E-book เล่มน้ี จดั ทำข้ึนตำมมำตรฐำนกำรเรียนรแู้ ละ ตัวช้ีวัด กล่มุ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ฉ บับ ป รับ ป ร งุ พ .ศ . 2560) ต ำ ม ห ลัง สูต ร แ ก น ก ล ำ ง กำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน พทุ ธศักรำช 2551 โดยมีเน้ือหำ เกี่ยวกบั ปรำกฏกำรณข์ องโลก เงำมืด เงำมวั สรุ ิยปุ รำคำ จนั ทรปุ รำคำ และควำมกำ้ วหนำ้ ทำงเทคโนโลยีอวกำศ ผ้จู ัดทำ หลังเป็ นอย่ำงย่ิงว่ำ E-book เล่มน้ีจะเป็ น ประโยชน์ต่อกำรจัดกำรเรียนรู้ และเป็ นส่วนสำคญั ในกำร พัฒนำคณุ ภำพ และมำตรฐำนกำรศึกษำกล่มุ สำระกำร เรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ โลกและอวกำศ นางกาญจนา ทาวี ผจู้ ดั ทา

ข ก ข สารบญั 1 5 คำนำ 10 สำรบญั 13 เงำมืด เงำมวั 17 ปรำกฏกำรณข์ องโลก 22 ปรำกฏกำรณส์ รุ ยิ ปุ รำคำ ปรำกฏกำรณจ์ นั ทรปุ รำคำ ควำมกำ้ วหนำ้ ทำงเทคโนโลยีอวกำศ บรรณำนกุ รม

1 เงามดื และเงา แสงและเงาอย่คู ู่กนั เสมอ โดยเงาจะเกิดขน้ึ ตรงขา้ มกบั แหล่งกำเนดิ แสง หากแหล่งกำเนดิ แสงเปลี่ยน ทศิ ทาง เงากจ็ ะเปลีย่ นทศิ ทางไปดว้ ย เงา คือ บรเิ วณมดื หลงั วตั ถุทเ่ี กิดขน้ึ จากวตั ถตุ ่าง ๆ ขวางกั้นทางเดินของแสงไว้ แสงจงึ ไมส่ ามารถเดินทางไปถึง หรอื ไปถึงเพยี งบางสว่ น เงาแบ่งเป็น 2 ลกั ษณะ ได้แก่ 1. เงามดื เป็นเงาในบริเวณทไี่ มม่ แี สงผ่านไปถงึ ทำให้บรเิ วณนนั้ มืดสนิท 2. เงามัว เป็นเงาบริเวณท่มี ีแสงบางส่วนผา่ นไปถึง และทำให้บรเิ วณน้ันมืดไม่สนิท

2 ขนาดของเงามืดและเงามัวสามารถเปล่ยี นแปลงไดข้ ้นึ อยูก่ ับระยะห่างของวัตถุกบั แหล่งกำเนดิ แสง และ ระยะห่างของวัตถกุ ับฉากรับแสง เช่น หากฉากรบั แสงอยู่ใกล้วตั ถุ เงามดื จะมีขนาดใหญ่ แตเ่ งามวั จะมีขนาดเลก็ เงามดื แหล่งกำเนดิ แสง ฉาก วัตถุ เงามวั หากฉากรับแสงอยไู่ กลจากวัตถุมากขน้ึ เงามดื จะมีขนาดเล็ก แต่เงามัวจะมีขนาดใหญ่ เงามืด แหล่งกำเนดิ แสง ฉาก วัตถุ เงามัว การเขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดและเงามัว 1. แหล่งกาเนิดแสงมีขนาดเลก็ เป็ นจุด แหล่งกำเนดิ แสง ฉากรับแสง เงาบนฉาก วัตถุ รังสขี องแสง เงามดื - การเขียนเส้นแนวทางเดินของแสงจะลากเส้นรังสีของแสงเพียง 2 เสน้ ไปทฉ่ี ากรบั แสง

3 - เกดิ เงามืดเทา่ น้นั ไมว่ า่ จะวางฉากห่างจากวัตถมุ ากหรือน้อยเพียงใด 2. แหลง่ กำเนดิ แสงมีขนาดเลก็ หรือเท่ากับวตั ถุท่ใี ชก้ ั้นแสง แหลง่ กำเนดิ แสง ฉากรบั แสง เงาบนฉาก เงามัว วัตถุ รังสีของแสง เงามดื - การเขยี นเสน้ แนวทางเดินของแสงจะลากเส้นรังสขี องแสงเพียง 4 เสน้ ไปที่ฉากรบั แสง - เกดิ เงามัวลอ้ มเงามืด ไมว่ ่าจะวางฉากห่างจากวัตถุมากหรอื น้อยเพยี งใด 3. แหลง่ กำเนิดแสงมีขนาดใหญก่ ว่าวัตถุท่ีใชก้ ั้นแสง แหลง่ กำเนดิ แสง รังสขี องแสง ฉากรบั แสง เงามวั เงามัว วตั ถุ เงามวั AB เงามดื เงามวั หากวางฉากรับแสงไว้ เงามวั ฉากรบั แสงที่อยตู่ ำแหนง่ B ในบรเิ วณตำแหน่ง A จะเกิดเฉพาะเงามัวเทา่ น้นั เงามดื ยกเว้นตำแหน่ง B จะ เพราะเงามดื มลี ักษณะเป็น เกิดเงามัวลอ้ มเงามดื จดุ - การเขียนเส้นแนวทางเดนิ ของแสงจะลากเส้นรังสีของแสงเพียง 4 เส้น ไปทฉี่ ากรับแสง - เกดิ เงามืดและเงามวั ขน้ึ ในลักษณะต่าง ๆ ตามตำแหน่งท่ีฉากรบั แสงตั้งอยู่

4 สามารถนาประโยชน์จากเงามาใชใ้ นกิจกรรมต่าง ๆ ไดด้ งั น้ี ใช้วัตถทุ ึบแสงมามุงหลังคา เพอ่ื ป้องกันแสงแดดและ ใชใ้ นการบอกเวลาโดยดูจากนาฬิกาแดด ความรอ้ นเขา้ บ้านหรืออาคาร ใช้ในการเล่นหนังตะลงุ หนังใหญ่ ใช้เป็นหลักความรูใ้ นการปลูกตน้ ไมเ้ พอ่ื แสดงละครเงา บงั แสงแดดและทำใหเ้ กดิ ร่มเงา ใชอ้ ธิบายปรากฏการณส์ ุริยุปราคาหรอื ใช้ปอ้ งกันแสงแดดกลางแจ้ง จันทรุปราคา

5 ปรากฏการณ์ธรรมชาติของโลก โลกอยู่ในระบบสุริยะ และเป็นดาวบริวารของดวงอาทิตย์และโคจรรอบดวงอาทิตย์ โลกมีดวงจันทร์เป็นดาว บริวาร 1 ดวง และดวงจันทร์ก็โคจรรอบโลก ซึ่งการโคจรของโลกและดวงจันทร์ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ดังนี้ 1. การเกดิ ฤดกู าล โลกของเรามีการหมุนรอบตัวเอง และการหมุนรอบตัวเอง 1 วัน ทำให้โลกเกิดกลางวันและกลางคืน นอกจากการหมุนรอบตัวเองของโลกแลว้ โลกของเรายังมีการโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วย โดยการโคจรรอบดวง อาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลา 365 วัน ซึ่งการโคจรรอบด้วยอาทิตย์ด้วยมุมที่โลกเอียง 23.5 องศา ก็ส่งผลให้พื้นท่ี สว่ นตา่ ง ๆ บนโลกไดร้ บั แสงจากดวงอาทติ ย์ไมเ่ ท่ากนั ทำให้แต่ละพน้ื ทีเ่ กดิ ฤดกู าลตา่ งกันนัน่ เอง และโดยทวั่ ไป ในเขตอบอุ่นและเขตหนาว มีการแบ่งฤดูกาลออกเป็น 4 ฤดูด้วยกัน ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

6 2. ข้างขนึ้ ข้างแรม ข้างขึ้น ข้างแรม (The Moon’s Phases) เกิดจากดวงจันทร์มีรูปร่างเป็นทรงกลม ไม่มีแสงในตัวเอง ด้านสวา่ งได้รับแสงจากดวงอาทติ ย์ ส่วนด้านตรงขา้ มไมไ่ ดร้ ับแสงจากดวงอาทิตย์ การโคจรของดวงจันทรร์ อบ โลกทำให้มุมระหว่างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก เปลี่ยนแปลงไป เมื่อมองดูดวงจันทร์จากพื้นโลก เราจึง มองเหน็ เสยี้ วของดวงจนั ทรม์ ีขนาดเปลีย่ นไปเป็นวงรอบ โดยเราเรยี กวา่ ขา้ งข้ึน และขา้ งแรม ขา้ งขนึ้ ข้างข้นึ (Waxing) เปน็ ชว่ งท่ีเกิดขึ้นระหวา่ ง คืนเดอื นมืดจนถึงคืนวันเพ็ญ โดยใชด้ า้ นสว่างของดวงจันทร์ เป็นตวั กำหนด แบง่ ออกเปน็ 15 ส่วน เริม่ จาก ขึ้น 1 ค่ำ จนถงึ ขนึ้ 15 คำ่ ขา้ งแรม ข้างแรม (Waning) เป็นชว่ งทีเ่ กดิ ขึน้ ระหว่าง คืนวนั เพ็ญจนถงึ คนื เดือนมืดอีกคร้งั โดยใช้ดา้ นมืดของดวง จันทร์เป็นตวั กำหนด แล้วแบ่งออกเป็น 15 สว่ นโดยเร่ิมจากแรม 1 ค่ำ จนถึง แรม 14-15 ค่ำ

7 คนื เดอื นมดื คืนเดือนมืด หรอื New Moon เป็นตำแหนง่ ท่ดี วงจนั ทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทติ ย์ หรอื ดวงจันทร์ อยู่ หน้าดวงอาทติ ย์ ในวนั น้ีผสู้ ังเกตทีด่ า้ นกลางคืนและดา้ นกลางวันบนโลก จะมองไม่เห็นดวงจันทร์ เราจงึ เรียก คนื เดอื นมดื หรอื จนั ทรด์ บั คนื เดอื นเพ็ญ วนั เพ็ญหรือ Full Moon ตรงกบั วันขึ้น 15 ค่ำ เป็นตำแหนง่ ที่ดวงจนั ทร์อยูต่ รงข้ามกับดวงอาทติ ย์ ซ่งึ แสง จากดวงอาทิตย์จะต้ังฉากกบั ดวงจันทร์พอดผี ู้สังเกตที่อยดู่ ้านกลางวนั จะไม่เห็นดวงจนั ทรบ์ นท้องฟ้าเลย ในขณะท่ผี ้ทู ี่อยดู่ ้านมืดจะเหน็ ดวงจันทรน์ านท่ีสดุ คือ ตง้ั แตเ่ วลาประมาณ 6 โมงเยน็ จนถึง 6 โมงเช้าของอีก วันหนง่ึ

8 3. การเกดิ อุปราคา เกิดจากการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์และโลกรอบดวงอาทิตย์ อุปราคาแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ จนั ทรุปราคา เกดิ เมอ่ื ดวงจันทรอ์ ยูต่ รงข้ามกับดวงอาทติ ย์และดวงจันทรเ์ คลื่อนผา่ นเข้าไปในเงาของโลก คนบน โลกด้านที่หันเข้าหาดวงจันทร์จึงมองเห็นดวงจันทร์มืดสลัวไป จันทรุปราคายังมีการแบ่งย่อย ๆ ตามลักษณะ การเกิดได้อกี หลายแบบ ไดแ้ ก่ จนั ทรปุ ราคาแบบเงามวั แบบบางส่วน และ แบบเต็มดวง

9 อปุ ราคาอกี ชนดิ หนึ่งคือ สุรยิ ุปราคา เกดิ เมอ่ื ดวงจนั ทรอ์ ยู่ตรงกบั ดวงอาทิตย์เงาของดวงจันทร์ทอดยาว ตกลงบนพื้นโลก เฉพาะคนบนโลกท่ีอยู่ในเขตของเงาดวงจันทร์เท่านั้นที่เห็นดวงอาทิตย์ถูกบัง การเกิด สุริยุปราคาแต่ละครั้งจึงมีคนเห็นไม่มากนัก เพราะเงาของดวงจันทร์ตกลงบนพื้นโลกครอบคลุมพื้นที่แคบ ๆ เทา่ นัน้ สุรยิ ปุ ราคาแบ่งยอ่ ยตามลักษณะการเกดิ ได้หลายแบบเช่นกัน ไดแ้ ก่ สุรยิ ุปราคาแบบบางสว่ น แบบเต็ม ดวง และแบบวงแหวน

10 ปรากฏการณ์สุรยิ ปุ ราคา สุริยุปราคา เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เกิดในชว่ งแรม 15 ค่ำ ที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรง ทำให้ดวงจนั ทร์บังดวงอาทิตย์ และเงาของดวงจนั ทร์จึงตกมาบน บรเิ วณตา่ ง ๆ บน โลก สุริยุปราคาหรือเรียกอีกอย่างว่า สุริยะคราส หมายถึง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่ดวงจันทร์ หมุนรอบโลก แล้วโคจรมาบังดวงอาทิตย์ จึงทำให้โลกไม่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ช่วงขณะหนึ่ง โดยเงา ของดวงจันทร์จึงตกมาบนโลก ทำให้บริเวณพื้นผิวโลกที่อยู่ใต้เงามืดของดวงจันทร์ เห็นดวงอาทิตย์มืดมิด เรา เรียกว่า “สุริยุปราคาเต็มดวง” และบริเวณพื้นโลกที่อยู่ใต้เงามัวของดวงจันทร์ก็จะเห็นดวงอาทิตย์มืดเป็นดวง กลมโดยมีขอบสว่างล้อมรอบคล้ายวงแหวนเราเรียกว่า “วงแหวนสุริยุปราคา” ส่วนบางบริเวณก็เห็นดวง อาทิตย์มืดบางส่วนและสวา่ งบางสว่ นเราเรยี กว่า “สรุ ยิ ปุ ราคาบางส่วน” สรุ ิยุปราคา 3 ชนิด

11 - สุริยุปราคาเต็มดวง (Total Solar Eclipse) เกิดขึ้นเมื่อผู้สังเกตการณ์อยู่ในตำแหน่งเงามืดบน พน้ื ผิวโลก ดวงจันทร์จะบังดวงอาทติ ยจ์ นหมดส้ิน - สุริยุปราคาบางส่วน (Partial Solar Eclipse) เกิดขึ้นเมื่อผู้สังเกตการณ์อยู่ในตำแหน่งของเงามัว จึง มองเหน็ ดวงอาทติ ย์สว่างเป็นเสี้ยว - สุริยุปราคาวงแหวน (Annular Solar Eclipse) เนื่องจากวงโคจรของดวงจันทร์เป็นรูปวงรี บางครั้ง ดวงจันทร์อยู่หา่ งจากโลกมากเสยี จนเงามดื ของดวงจนั ทร์จะทอดยาวไม่ถึงผิวโลก ดวงจนั ทรจ์ ะมีขนาด ปรากฏเล็กกวา่ ดวงอาทติ ย์ ทำให้ผ้สู ังเกตการณม์ องเห็นดวงอาทิตยป์ รากฏเป็นรูปวงแหวน ผลกระทบ การเกดิ สุรยิ ปุ ราคามีผลกระทบก่อใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงของสิง่ แวดล้อม ทางธรรมชาติ เนื่องจากการที่ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลดแสงลงเนื่องจากดวงจันทร์บังแสงดวงอาทิตย์ทำ ให้สัตว์ต่าง ๆ พากันกลับรังเพราะนึกว่าถึงเวลากลางคืนเห็นได้ชัดก็คือ นกชนิดต่าง ๆ จะบินกลับรัง ส่วนคนก็ พากันตื่นเต้นและเตรียมการเฝ้าดูในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้มนุษย์มีโอกาสเห็น และได้ ศกึ ษาการเกิดสรุ ยิ ุปราคา และเกิดบรเิ วณใดของโลก ผูท้ ี่สนใจชมปรากฏการณ์สรุ ิยุปราคา หา้ มสงั เกตการณ์ดว้ ยตาเปลา่ ควรใชแ้ วน่ กนั แดด ฟลิ ์มเอกซเรย์ หรือแผน่ ซดี ี เนอ่ื งจากแสงอาทิตย์สามารถทำลายเซลล์ประสาทตาจนตาบอดได้ ควรสงั เกตการณผ์ ่านอปุ กรณ์ เฉพาะ ทีม่ ีคณุ สมบตั ิกรองแสงไดอ้ ย่างปลอดภัย อาทิ

12 - แว่นตาดูดวงอาทิตยท์ ำจากแผ่นกรองแสงโพลีเมอร์ดำ - แผ่นกรองแสงอะลูมิเนยี มไมลาร์ - กระจกแผ่นกรองแสงสำหรบั หนา้ กากเชอื่ มโลหะ เบอร์ 14 หรอื มากกวา่ - อุปกรณส์ งั เกตการณด์ วงอาทิตย์ทางอ้อม เช่น การดูเงาของแสงอาทติ ยผ์ ่านฉากรับภาพ หรอื ใช้ หลักการของกล้องรเู ข็ม ซ่งึ ปลอดภยั ไมเ่ กดิ อันตรายต่อดวงตา และยังสามารถดไู ดท้ ลี ะหลายคน หากสงั เกตการณ์ผ่านกลอ้ งโทรทรรศน์ ต้องเป็นกลอ้ งโทรทรรศนท์ ต่ี ดิ ฟิลเตอร์กรองแสงดวงอาทิตย์ เท่านนั้ เน่อื งจากกล้องโทรทรรศน์มเี ลนส์รวมแสงทำให้แสงอาทิตย์ทวีกำลังมากขนึ้ เป็นอันตรายอยา่ งย่งิ แก่ ดวงตา

13 ปรากฏการณ์จนั ทรุปราคา ปรากฏการณ์จันทรุปราคา (Lunar Eclipse) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เต็มดวง จะ เกิดขึ้นในเวลากลางคืน เมื่อเรามองไปบนท้องฟ้า เราจะเห็นดวงจันทร์สีแดงอมน้ำตาลที่มลี ักษณะกลมโตและ ใหญ่กว่าปกติ หรอื ทีเ่ ราเรียกกนั ว่า “ดวงจนั ทรส์ เี ลือด” ภาพ จนั ทรุปราคา ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเปน็ ปรากฏการณท์ เ่ี กิดจากดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ โคจรมาเรยี งตวั อยใู่ นแนวระนาบเดยี วกัน ซงึ่ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนไม่บ่อยนัก โดยการเรยี งอยู่ระนาบเดียวกัน ต้องเป็นช่วงท่ี ดวงจันทร์เต็มดวง (ขึ้น 15 ค่ำ) เท่านั้น ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเม่ือดวงจันทร์มีการโคจรเข้าไปในเงาของโลก การท่ดี วงจนั ทร์โคจรเข้าไปในเงาโลก จะทำให้ดวงจันทร์เกดิ การเว้าแหว่ง และหากดวงจันทร์เคลื่อนท่ีเข้าไปใน เงามืดของโลกพอดี จะทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์มีลักษณะกลมโตและมีสีน้ำตาลอมแดง เรียกว่า จันทรปุ ราคาเต็มดวง เงาโลก โลกเป็นดาวเคราะห์ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง หากแต่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ด้านที่หันหน้าเข้าหาดวง อาทิตยเ์ ป็นเวลากลางวัน สว่ นดา้ นตรงขา้ มกับดวงอาทติ ย์เป็นเวลากลางคืน โลกบงั แสงอาทิตย์ทำให้เกิดเงา 2 ชนิด คือ เงามดื และเงามัว

14 ภาพ เงามืดและเงามัว - เงามืด (Umbra) เป็นเงาที่มืดที่สุด เนื่องจากโลกบังดวงอาทิตย์จนหมดสิ้น หากเราเข้าไปอยู่ในเขต เงามดื จะไม่สามารถมองเหน็ ดวงอาทติ ยไ์ ด้เลย - เงามัว (Penumbra) เป็นเงาที่ไม่มืดสนิท เนื่องจากโลกบังดวงอาทิตย์เพียงด้านเดียว หากเราเข้าไป เขตเงามวั เราจะมองเหน็ บางสว่ นของดวงอาทติ ยโ์ ผลพ่ น้ ส่วนโค้งของโลก เงาทเี่ กดิ ขนึ้ จึงไมม่ ืดนัก ประเภทของจันทรุปราคา เนื่องจากระนาบวงโคจรของดวงจันทร์และระนาบวงโคจรของโลกไม่ซ้อนทับกันพอดี จึงทำให้เกิด จนั ทรปุ ราคาได้ 3 แบบ ดงั น้ี - จันทรปุ ราคาเต็มดวง (Total Eclipse) เกิดขนึ้ เมอื่ ดวงจนั ทรท์ งั้ ดวงเข้าไปอย่ใู นเงามืดของโลก - จันทรุปราคาบางส่วน (Partial Eclipse) เกิดขึ้นเมื่อบางส่วนของดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในเงา มืด - จันทรุปราคาเงามัว (Penumbra Eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามัวเพียงอย่าง เดียว เราจงึ มองเหน็ ดวงจันทรเ์ ต็มดวงมสี ีคลำ้ เน่ืองจากความสว่างลดน้อยลง จันทรุปราคาเงามัวหาดู ได้ยาก เพราะโดยทั่วไปดวงจันทรม์ กั จะผา่ นเขา้ ไปในเงามดื ด้วย

15 ภาพ จันทรปุ ราคาชนิดต่างๆ การเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาจะเริ่มจากการเกิดเงามัวก่อน เราจะเห็นดวงจันทร์มีลักษณะ เว้าแหว่ง หรือที่เรียกว่าปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางสว่ น และดวงจันทร์จะเริ่มเคลื่อนที่เข้าสู่เงามืดของโลก จนกระทั่งครบทั้งดวง เรียกว่า ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ซึ่งโดยทั่วไปการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse) จะเกิดข้ึนเพียง 1-2 ชวั่ โมงเท่านนั้

16 เราจะไม่พบปรากฏการณ์จันทรุปราคาในทุกเดือนที่มีดวงจันทร์เต็มดวง เพราะการที่ดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ อยู่ในระนาบเดียวกันเป็นสิ่งที่ยากมาก ดวงจันทร์มีแนวโคจรรอบโลกที่ 5 องศา และโลกก็มีแนว โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นของตัวเอง ดังนั้น การที่ทั้งสองจะโคจรมาอยู่ในระนาบเดียวกัน และองศาของดวง จันทรต์ รงกับโลกพอดีจงึ เปน็ สง่ิ ทีย่ ากมาก เพราะเหตใุ ดดวงจนั ทรจ์ ึงเป็นสเี ลือด ? การที่เรามองเห็นดวงจันทร์เป็นสีเลือดในคืนที่เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นเพราะแสงจากดวง อาทิตย์ประกอบไปด้วย แสงคลื่นสั้นและแสงคลื่นยาว แสงคลื่นสั้น เช่น แสงสีม่วง แสงสีน้ำเงิน จะมีการ กระเจิงของแสงหรือสะท้อนกลับหมดก่อนที่พวกมันจะเดินทางมาถึงผิวโลก ส่วนแสงคลื่นยาว เช่น แสงสีแดง และแสงสีส้ม จะสามารถเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศของโลกเข้ามาได้ และเกิดการหักเหของแสงก่อนจะ เดนิ ทางไปยังพื้นผวิ ของดวงจันทร์ ทำใหเ้ ราเหน็ ดวงจนั ทร์เป็นสีแดงอมน้ำตาลคล้ายกบั สเี ลือดนัน่ เอง

17 ความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยอี วกาศ เทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology) หมายถึง การนำองค์ความรู้ วิธีการ และเครื่องมือทาง วิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการศึกษาดาราศาสตร์และห้วงอวกาศที่อยู่นอกเหนืออาณาเขตของโลกอย่าง เหมาะสม ทั้งเพื่อการเรียนรู้และการทำความเข้าใจต่อจักรวาล ปรากฏการณ์ และดวงดาวตา่ ง ๆ ยังรวมไปถึง การศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นการ สำรวจทรพั ยากรธรรมชาติ การสร้างเครือข่ายติดตอ่ ส่ือสาร หรอื การเตือนภยั พิบัติต่าง ๆ เทคโนโลยีอวกาศท่ีสำคัญและโดดเดน่ ปจั จุบันมีเทคโนโลยีอวกาศที่มีความสำคัญและถกู พัฒนาใหโ้ ดดเดน่ จนเปน็ ที่ร้จู กั อยู่ 4 ประเภทใหญๆ่ ด้วยกัน ได้แก่ ดาวเทยี ม จรวด ยานขนสง่ อวกาศ และสถานีอวกาศ ดาวเทยี ม ดาวเทียมหรือ satellite เปน็ เทคโนโลยีอวกาศท่ถี ูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลกผ่านการติดตงั้ บนจรวดหรือ ยานขนส่งอวกาศ ดาวเทยี มดวงแรกที่ถูกส่งขึน้ ไปโคจรรอบโลกกค็ อื สปุตนคิ 1 ในปี พ.ศ. 2500 ในปัจจุบันดาวเทียมถูกแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภทโดยมีภารกิจต่าง ๆ กัน เช่น ดาวเทียมที่ใช้ ประโยชนใ์ นดา้ นการสื่อสาร ดาวเทยี มสำรวจพภิ พท่ใี ช้ในการสำรวจทรัพยากรโลก หรอื ดาวเทยี มอตุ นุ ิยมวิทยา ทใี่ ช้ในการถ่ายภาพและสง่ ข้อมูลเก่ียวกบั ลมฟ้าอากาศกลบั มายงั โลก เป็นต้น

18 จรวด จรวดนับเปน็ ส่วนประกอบหนึง่ ทส่ี ำคญั ของการเดินทางสำรวจอวกาศ เน่อื งจากเปน็ สว่ นทท่ี ำใหก้ ารส่ง ดาวเทยี มหรอื ยานสำรวจทะยานพ้นเขตแรงดงึ ดดู ของโลกและออกเดินทางสู่อวกาศได้ ทำให้จรวดจำเป็นต้องมี แรงขับเคลื่อนสูงมาก เพื่อเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลกได้เพื่อเข้าสู่วงโคจรของโลกหรือเคลื่อนที่ออกสู่อวกาศ ซ่งึ ในปัจจบุ นั ได้มีการพฒั นาอย่างต่อเนื่องจนทำใหจ้ รวดสามารถเพิ่มความเรว็ และมีแรงขับเคล่ือนท่ีมากพอจะ เอาชนะแรงโนม้ ถว่ งโลกหรอื ทีเ่ รยี กว่า “ความเรว็ หลดุ พน้ ” ไดซ้ ึ่งความเร็วนีจ้ ะอยทู่ ี่ 11.2 กโิ ลเมตรต่อวนิ าที ยานขนสง่ อวกาศ ยานขนสง่ อวกาศทำหนา้ ท่เี ป็นยานอวกาศ ห้องทำงานของนกั บนิ หอ้ งปฏบิ ัติการของนกั วทิ ยาศาสตร์ และบรรทุกสมั ภาระทีจ่ ะไปปลอ่ ยในวงโคจรในอวกาศ เช่น ดาวเทยี ม หรือชิ้นส่วนของ สถานีอวกาศ เป็นต้น เมื่อปฏิบัติภารกิจสำเร็จแล้ว ยานขนส่งอวกาศจะทำหน้าที่เป็นเครื่องร่อน นำนักบินอวกาศและนกั วทิ ยาศาสตร์กลับสู่โลกโดยรอ่ นลงสนามบิน ด้วยเหตุนี้ยานขนส่งอวกาศจงึ ตอ้ งมีปีกไว้ สำหรับสร้างแรงยก แรงต้านทาน และควบคุมท่าทางการบินขณะที่กลับสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ยานขนส่ง อวกาศสามารถนำมาใช้ใหม่ได้หลายครงั้

19 สถานีอวกาศ เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือนห้องปฏิบัติการลอยฟ้าที่โคจรอยู่รอบโลก อยู่ในสภาพไร้แรง โน้มถ่วง ส่วนมากมักมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการค้นคว้า ทดลอง สิ่งต่างๆ ที่ไม่สามารถทำได้บนพื้นโลก เช่น สภาพร่างกายหรือจิตใจในการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง การศึกษาพฤติกรรมของสัตว์บาง ชนดิ หรือการศึกษาด้านธรณีวิทยาและอุตนุ ยิ มวทิ ยาควบคูไ่ ปกับระบบดาวเทยี ม เป็นตน้ ประโยชน์ของเทคโนโลยอี วกาศ จากการศึกษาและทดลองในด้านดาราศาสตร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้องค์ความรู้ในด้าน เทคโนโลยีอวกาศนั้นถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันเครื่องมือต่าง ๆ เหล่านี้ไม่เพียงแต่ถูกใช้ประโยชน์ใน อวกาศเท่านั้นแต่เทคโนโลยีเหล่านยี้ ังถูกนำมาประยกุ ต์ใช้เพื่อประโยชนใ์ นการดำเนินชีวิตประจำวันของคนบน โลกด้วย ตวั อย่างเชน่

20 การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติเป็นดาวเทียมที่มีการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีการ ถ่ายภาพและโทรคมนาคม มักใช้เพื่อสำรวจดูพื้นผิวโลก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทางธรณีวิทยา นิเวศวิทยาจึงเป็นประโยชน์ต่อโลกทั้งในด้านการเกษตรและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สำหรับประเทศ ไทยนัน้ กระทรวงวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไดล้ งนามร่วมมือกบั บริษัท Astrium S.A.S.ประเทศฝรั่งเศส เพื่อ สร้างดาวเทียมสำรวจทรัพยากร เมือ่ วนั ที่ 19 กรกฎาคม 2547 ในชือ่ โครงการธอี อส การพยากรณอ์ ากาศ ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาจะเข้ามามีส่วนช่วยในการพยากรณ์อากาศ หรือเตือนภัยพิบัติได้ด้วยการเก็บ ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยา เช่น การสำรวจจำนวนเมฆ ตรวจวัดความเร็วลม ความชื้นของอากาศ หรือลักษณะ อากาศที่แปรปรวน พร้อมส่งสัญญาณภาพถ่ายทางอากาศมายังพื้นโลกนั่นเอง เช่น ดาวเทียม Essa 1 ของ ประเทศสหรัฐอเมริกา, ดาวเทียม GMS-5 และดาวเทียม GOES-10 เป็นของประเทศญี่ปุ่น, ดาวเทียม NOAA เปน็ ของประเทศสหรัฐอเมริกา และดาวเทียม FY-2 ของประเทศจีน

21 การส่ือสารและโทรคมนาคม ดาวเทียมสื่อสารจะทำหน้าที่เป็นสถานีรับส่งคลื่นวิทยุเพื่อการสื่อสารและโทรคมนาคมเพื่อเชื่อมโยง เครือข่ายการสื่อสารของโลก โดยสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งการสื่อสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับกิจการโทรศัพท์ การถ่ายทอดสัญญาณวิทยุ สัญญาณโทรทัศน์ และการส่งข้อมูลดิจิทัล เป็นตน้ ดาวเทียมสื่อสารทใ่ี ช้ในประเทศไทยก็คอื ดาวเทยี มไทยคม 1-5

22 บรรณนกุ รม พลอยทรำย โอฮำม่ำ ฐำปกรณ์ คำหอมกลุ และอภิญญำ อินไร่ขิง . (2560). ดำรำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี. สืบคน้ วันที่ 1 ธันวำคม 2564, จำกหนงั สือเรยี นวิทยำศำสตรช์ น้ั ประถมศึกษำปี ท่ี 6 พนิดำ เชิงหอม. (2557). สรุ ยิ ปุ รำคำและจนั ทรปุ รำคำ. สืบคน้ วนั ที่ 5 ธั น ว ำ ค ม 2564, จ ำ ก https://sites.google.com/site/ krukookkai15/aboutme Paritthaya. (2559). เทคโนโลยีอวกำศ. สืบคน้ วนั ที่ 10 ธนั วำคม 2564, จำก https://sites.google.com/site/ siencep6/thekhnoloyi-xwkas


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook