การแยกสาร บทนำ สารต่าง ๆ มักรวมอยูก่ บั สารอื่น ๆ ในรูปของสารผสมเนื้อเดียว หรือสารเนื้อผสม ถ้าต้องการสารเพียงชนิดเดียวเพือ่ นำมาใช้ประโยชนอ์ าจทำไดโ้ ดยแยกสารออกมาโดยอาศยั สมบัตเิ ฉพาะตวั ของสาร การแยกสารผสมที่ไมเ่ ป็นเน้ือเดียวทำไดโ้ ดยใช้ วิธีการทางกายภาพ เช่น หยบิ ออก ร่อนดว้ ยตะแกรง ใชแ้ ม่เหล็กดดู การกรอง การใช้กรวยแยก หรือการตกตะกอน จะสามารถ แยกสารทีม่ เี นื้อผสมกันให้เปน็ สารบรสิ ทุ ธิ์ได้ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- การแยกสารโดยวิธกี ารอยา่ งง่าย 1. การระเหย (ระเหยแหง้ ) สารละลายที่ประกอบดว้ ยของแข็งท่รี ะเหยยากและตวั ทำละลายท่รี ะเหยงา่ ย 2. การใช้กรวยแยก ใช้แยกของเหลวที่ไมร่ วมเป็นเนื้อเดียวกัน เช่น นำ้ มนั กบั นำ้ 3. การระเหิด ใช้แยกของแขง็ ซ่ึงเปลยี่ นสถานะเป็นแก๊สด้วยความรอ้ น โดยไมผ่ ่านขน้ั ตอนเปน็ ของเหลว 4. วิธีการหยิบออก ใช้แยกของแขง็ ทีเ่ ปน็ กอ้ น 5. ใช้แมเ่ หล็กดูด ใช้แยกสารแมเ่ หลก็ ออกจาก สารท่ีไม่ใช่สารแมเ่ หล็ก การแยกสารอยา่ งมขี ั้นตอน 1. การกรอง นิยมใช้เมื่อต้องการแยกสารเนื้อผสม เมื่อมีอนุภาคของแข็งปนอยู่ในของเหลว โดยที่ของแข็งเหล่านั้นไม่ สามารถละลายได้ในของเหลว เม่อื ทำการกรองก็จะมีเฉพาะของเหลวผ่านกระดาษกรองไปได้ ส่วนอนภุ าคของของแข็งจะติดอยู่ ที่กระดาษกรอง เชน่ การกรองนำ้ กะทอิ อกจากกาก การกรองเอาฝุ่นผงออกจากน้ำเชอ่ื ม ผงถา่ นกับน้ำ ทรายกับนำ้ 2. การใช้กรวยแยก เป็นวิธีที่ใช้แยกสารเนื้อผสมที่เป็นของเหลว 2 ชนิดที่ไม่ละลายออกจากกัน โดยของเหลวทั้งสองน้นั แยกเปน็ ชัน้ เห็นไดช้ ดั เจน เชน่ น้ำกับน้ำมัน เปน็ ตน้ 3.การตกผลึก เปน็ การแยกตัวละลายออกจากสารละลายอม่ิ ตัวท่อี ุณภมู ิสงู (สารละลายอม่ิ ตวั คือ สารละลายท่มี ีตัวละลาย อยปู่ รมิ าณมากจนไม่สามารถละลายไดอ้ กี ณ อุณหภมู ิหน่ึง)เชน่ สารสม้ เกลอื แกง กำมะถนั จนุ สี 4. การกล่ันแบบธรรมดา เปน็ วธิ ีการแยกสารทรี่ ะเหยง่ายซ่ึงปนอยู่กบั สารทรี่ ะเหยยาก การกล่ันธรรมดาน้ีจะ ใช้แยกสาร ออกเปน็ สารบริสทุ ธ์ิเพยี งครงั้ เดยี วไดส้ ารทม่ี ีจดุ เดือดตา่ งกัน ต้ังแต่ 80 องศาเซลเซยี สขึ้นไป เช่น หินปนู กบั นำ้ นำ้ เกลือ 5. การกลั่นแยกลำดบั ส่วน (fractional distillation) เป็นการแยกสารละลายที่เปน็ ของเหลว ออกจากสารละลาย โดย กระบวนการคล้ายกบั การกล่นั แบบธรรมดา แต่การกล่นั แบบกลัน่ ลำดับส่วนเหมาะสำหรบั ใชก้ ลั่นของเหลวทเ่ี ป็นองคป์ ระกอบ ของ สารละลายท่ีจุดเดือดต่างกนั น้อย ๆ เชน่ นำ้ มนั ดบิ 6. การสกัดโดยการกลัน่ ด้วยไอน้ำ (steam distillation) นิยมใช้สกัดน้ำมันหอมระเหยออกจากส่วนต่าง ๆของพืช สารที่ ตอ้ งการแยกต้องไม่ละลายน้ำ ระเหยงา่ ย มจี ดุ เดอื ดต่ำ เช่นผวิ มะกรดู ใบยูคาลปิ ตสั 7.การสกดั ดว้ ยตัวทำละลาย (solvent extraction) เป็นการแยกสารทีต่ อ้ งการออกจากสว่ นต่าง ๆ ของพืช เช่น ถั่วเหลือง ปาล์ม ถัง่ ลิสง เปน็ ต้น 8. การแยกสารโดยวธิ ีโครมาโทกราฟี (chromatography) นิยมใช้แยกสารท่ีมีปรมิ าณนอ้ ย สารทล่ี ะลายได้ดีจะถูกดูดซับ นอ้ ยและเคลื่อนทีไ่ ปได้ไกล เชน่ สารท่มี ีสีผสมอยู่
ตารางขน้ั ตอนการแยกสารบางวธิ กี าร วธิ กี ารแยก ลกั ษณะสาร วิธกี าร 1. การใช้มอื หยิบออก ของผสมที่มีขนาดใหญม่ ีความ ใช้มือ หรือท่ีคีบ หยิบหรือคบี สารท้ัง 2 ชนดิ ออกจากกนั แตกต่างกันอย่างเหน็ ได้ชัด 2. การใช้กรวยแยก ของเหลวท่ีไมร่ วมเป็นเนอื้ เดียวกัน นำของเหลวใสใ่ นกรวยแยก แลว้ ไขของเหลวทอี่ ยู่ในชนั้ ลา่ ง และแยกเป็น 2 ชนั้ อย่างชดั เจน ซง่ึ มคี วามหนาแนน่ มากกว่าช้ันบนออกสู่ภาชนะจนหมด ตัวอยา่ งเชน่ นำ้ กับนำ้ มัน แล้วจึงคอ่ ย ๆ ไขของเหลวทีท่ ี่เหลอื ใส่ภาชนะใหม่ 3. การระเหิด เนอื้ ผสมท่ีเปน็ ของแข็งออกจากกัน ให้ความร้อนของแข็งชนิดหนึ่งจะกลายเป็นไอแยกออกมา โดยของแขง็ ชนดิ หนง่ึ มีสมบตั ิ ดักไอของของแข็งชนิดนั้น ด้วยภาชนะที่เย็นจะได้ของแข็ง 4. การกรอง ระเหดิ ได้ นั้นแยกออกมา สารระหว่างของแขง็ กับของเหลว เทสารผา่ นกระดาษกรอง อนภุ าคของแข็งทีล่ อดผ่านรู 5. การตกตะกอน กระดาษกรองไม่ได้จะอยู่บนกระดาษกรอง ส่วนนำ้ และสาร 6. การใชอ้ ำนาจ ของผสมเนื้อผสมท่ีเปน็ ของแขง็ ท่ีละลายนำ้ ได้จะผ่านกระดาษกรองลงส่ภู าชนะ แม่เหล็ก แขวนลอยอยู่ในของเหลว นำของผสมน้ันวางทิง้ ไว้ใหส้ ารแขวนลอยค่อย ๆ ตกตะกอน สารเนอื้ ผสมซึ่งองคป์ ระกอบหนึง่ มี นอนกน้ สมบตั ิในการถูกแม่เหล็กดดู ได้ ใชแ้ มเ่ หลก็ ถไู ปมาบนของผสมทง้ั สอง แมเ่ หล็กจะดดู ผง เหล็กแยกออกมา 7. การระเหยแหง้ ตวั ถูกละลายเป็นของแข็งและตัวทำ นำสารเนอื้ ผสมมาให้ความรอ้ น เพ่ือระเหยตวั ละลาย ละลายเป็นของเหลว ความรเู้ พิม่ เติม
Search
Read the Text Version
- 1 - 2
Pages: