Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กล้ามเนื้อและประสาท

กล้ามเนื้อและประสาท

Published by sutitalatan3, 2019-08-24 07:39:44

Description: มาศึกษาดูว่าในกล้ามเนื้อและประสาทของเรามีอะไรบ้าง

Search

Read the Text Version

ระบบกลา้ มเนอ้ื เป็นระบบทที่ าหนา้ ทเี่กย่ี วกบั การเคลอื่ นไหวของร่างกาย โดยจะอาศยั คุณสมบตั กิ ารหดตวั ของใยกลา้ มเนอ้ื ทาใหก้ ระดูกและขอ้ ต่อเกดิ การเคลอื่ นไหว และมคี วามสมั พนั ธ์ซง่ึ กนั และกนั นอกจากการ เคลอื่ นไหว ของกระดูกและขอ้ ต่อแลว้ ยงั มกี ารเคลอ่ื นไหวของอวยั วะ ภายในร่างกาย เช่น การเต้นของหวั ใจ การบบี ตวั ของ เสน้ โลหติ การบบี ตวั ของกระเพาะอาหาร ลาไส้ และการทางานของปอด เป็นต้น การเคลอื่ นไหวต่างๆ เหลา่ น้ี เกดิ จากการ ทางานของ กลา้ มเนอ้ื ทงั้ สน้ิ กลา้ มเนอ้ื เป็นส่วนประกอบใหญ่ของร่างกายมนุษย์ และเป็นส่วนสาคญั ทส่ี ุด ทาหนา้ ทใ่ีนขณะ ทมี่ กี ารเคลอ่ื นไหว ของร่างกาย หรอื เพยี งบางส่วน เช่น การหายใจ การเต้นของหวั ใจ การเคลอื่ น ไหว ของระบบทาง เดนิ อาหาร เป็นต้น กลา้ มเนอ้ื ในร่างกายทง้ั หมดมี น้าหนกั ประมาณ 2/5 ของน้าหนกั ตวั ส่วนใหญ่อยู่บนรอบแขนและขา ซงึ่ ยดึ ตดิ กนั อยูโ่ ดยอาศยั ขอ้ ต่อ (Joints) และเอน็ (Tendon) ทาให้ ร่างกายประกอบเป็นรูปร่างและทรวดทรงขน้ึ มาอย่าง เหมาะสม

ชนดิ ของกลา้ มเนอ้ื 1. กลา้ มเนอ้ื เรยี บ (Smooth Muscle) เป็นกลา้ มเนอ้ื ทท่ี างาน นอกอานาจจติ ใจ พบทอ่ี วยั วะภายในของร่างกายเช่น หลอดอาหาร หลอดเลอื ด เป็นต้น เซลลม์ รี ูปร่างคลา้ ยกระสวย แต่ละเซลล์ มนี วิ เคลยี สอนั เดยี วอยู่ตรง กลางเซลล์ เซลลไ์ มม่ ลี าย ตามขวาง ตรงรอยต่อของเยอื่ หุม้ เซลลบ์ างส่วนจะมี บรเิวณถา่ ยทอดคลน่ื ประสาทเรยี กว่า อนิ เตอร์คอนเนกตงิ บรดิ จ์ (interconnecting bridge) เพอื่ ถา่ ยทอดคลนื่ ประสาทไปยงั เซลลข์ า้ งเคยี ง การทางานของกลา้ มเนอ้ื ชนดิ นอ้ี ยูน่ อกอานาจจติ ใจ การหดตวั เกดิ ได้เองโดยมี เซลลเ์ รม่ิ ต้นการทางาน (pace maker cell point) และการหดตวั ถูกควบคุม โดยระบบประสาทอตั โนมตั ิ ดงั นนั้ กลา้ มเนอ้ื ชนดิ นป้ี ลายประสาทจงึ ไมไ่ ด้ไปเลย้ี งทุก เซลล์ ยกเว้นกลา้ มเนอ้ื เรยี บในบางสว่ นของร่างกายมี ีีปลายประสาทไปเลย้ี งทุก เซลล์ เช่น กลา้ มเนอ้ื ในลูกตา กลา้ มเนอ้ื ชนดิ นเ้ีรยี กว่า กลา้ มเนอ้ื เรยี บหลายหนว่ ย (multiunit smooth muscle) ส่วนกลา้ มเนอ้ื เรยี บ ชนดิ แรกทก่ี ลา่ วถงึ ใน ตอนต้นเรยี กว่า กลา้ มเนอ้ื หนว่ ยเดยี ว (single unit smooth muscle)

2. กลา้ มเนอ้ื ลาย (Skeletal Muscle) เป็นกลา้ มเนอ้ื ทท่ี างานอยูภ่ ายใต้อานาจจติ ใจ เป็นกลา้ มเนอ้ื ทเ่ีกาะอยูก่ บั กระดูก และมบี ทบาทสาคญั ต่อการเคลอื่ นไหวของร่างกาย กลา้ มเนอ้ื ลายประกอบด้วยเซลลล์ กั ษณะเป็นเสน้ ยาวจงึ เรยี กว่า ใยกลา้ มเนอ้ื (muscle fiber) ความยาวของใยกลา้ มเนอ้ื จะเท่ากบั มดั กลา้ มเนอ้ื ทใ่ียกลา้ มเนอ้ื นน้ั เป็น องค์ประกอบอยู่ ใยกลา้ มเนอ้ื มลี ายตามขวาง และมเียอื่ หุม้ เซลล์ เรยี กว่า ซาร์โค เลมมา (sarcolemma) ซง่ึ มเีนอ้ื เยอื่ ประสานหุม้ อกี ชน้ั หนงึ่ เรยี กว่า เอนโดไมเซยี ม (endomysium) ใยของกลา้ มเนอ้ื ลายมนี วิ เคลยี สหลายอนั อยู่ด้านขา้ งของเซลล์ เรยี ง ตวั กนั เป็นระยะตลอดแนวความยาวของเซลล์ แต่ละเซลลม์ ปี ลายประสาทมาเลย้ี ง เพอื่ กระตุ้นให้เกดิ การหดตวั ใยกลา้ มเนอ้ื ลายประกอบด้วยเสน้ ใยขนาดเลก็ เรยี กว่า ไมโอไฟบ รลิ (myofibril) แต่ละไมโอไฟบรลิ ประกอบด้วยฟิลาเมนท์ (filament) ซง่ึ มี 2 ชนดิ คอื ชนดิ หนา (thick filament) และชนดิ บาง (thin filament) ใยกลา้ มเนอ้ื หลายใย รวมกนั เป็นมดั กลา้ มเนอ้ื และมเีนอ้ื เยอื่ ประสานหุม้ เรยี กว่า เพอรไิ มเซยี ม (perimysium) มดั ของกลา้ มเนอ้ื ขนาดเลก็ นร้ี วมกนั เป็นมดั ใหญ่และ มเีนอ้ื เยอ่ื ประสานเรยี กว่า อพี ไิมเซยี ม (epimysium)หุม้ อยู่ การทางานของกลา้ มเนอ้ื ชนดิ นอ้ี ยู่ในอานาจจติ ใจจงึ เรยี กว่า กลา้ มเนอ้ื โวลนั ทารี (voluntary muscle)

3. กลา้ มเนอ้ื หวั ใจ (Cardiac Muscle) เป็นกลา้ มเนอ้ื ทที่ างานนอก อานาจจติ ใจ พบทหี่ วั ใจเพยี งแหง่ เดยี ว กลา้ มเนอ้ื หวั ใจมเีซลลเ์ ป็นเสน้ ใยยาว มลี ายตามขวาง เซลลเ์ รยี งตวั หลาย ทศิ ทาง และเซลลม์ แี ขนงเชอ่ื มเซลลอ์ น่ื เรยี กว่า อนิ เตอร์คาเลทเตท ดสิ ค์ (intercalated disc) มนี วิ เคลยี สอยู่ตรงกลางเซลลเ์ ป็นรูปไข่ เซลลบ์ าง กลุม่ เปลยี่ นแปลงหนา้ ทไี่ปเป็นเซลลน์ าคลนื่ ประสาท (special conducting system) ซงึ่ ได้แก่ เอ-วี บนั เดลิ (A-V bundle) และเสน้ ใยเพอร์คนิ เจ (perkinje fiber) การทางานของกลา้ มเนอ้ื หวั ใจอยู่นอกอานาจจติ ใจ และ ทางานได้เอง

คุณสมบตั ิของกลา้ มเน้ อื · มีความร้สู กึ ต่อส่งิ เร้า (Irritability) คือ สามารถรับ Stimuli และตอบสนอง ต่อ Stimuli โดยการหดตวั ของ กล้ามเน้ือ เช่น กระแสประสาทท่กี ล้ามเน้ือเวลาท่จี บั โดน ความร้อนหรือ กระแสไฟฟ้ า เรามกั มกี ารหนีหรือหลบเล่ียง · มคี วามสามารถท่จี ะหดตวั ได้ (Contractelity) คอื กล้ามเน้ือสามารถเปล่ียน รปู ร่างให้ส้นั หนา และแขง็ ได้ · มีความสามารถท่จี ะหย่อนตวั หรือยืดตวั ได้ (Extensibility) กล้ามเน้ือสามารถ ท่จี ะเปล่ียน รปู ร่างให้ยาวข้นึ กว่าความยาวปกติของมนั ได้ เม่อื ถูกดงึ เช่น กระเพาะอาหาร กระเพาะ ปัสสาวะ มดลูก เป็นต้น · มคี วามยดื หยุ่นคล้ายยาง (Elasticity) คือ มีคุณสมบตั ิท่เี ตรียมพร้อมท่จี ะ กลับคืนส่สู ภาพ เดิมได้ ภายหลังการ ถูกยืดออกแล้ว ซ่ึงคุณสมบตั นิ ้ีทาให้ เกดิ Muscle Tone ข้นึ · มีความสามารถท่จี ะดารงคงท่อี ยู่ได้ (Tonus) โดยกล้ามเน้ือมีการหดตัว บ้าง เลก็ น้อย เพ่ือเตรียมพร้อมท่จี ะ ทางานอยู่เสมอ

การหดตวั ของกลา้ มเน้ อื การหดตวั ของกล้ามเน้ือจะเกดิ ข้นึ ได้เม่ือมีการ กระตุ้น กลไก การหดตัวของกล้ามเน้ือลาย กล้ามเน้ือ เรียบ และกล้ามเน้ือหัวใจจะคล้าย กนั ในมนุษย์การ ทางานของกล้ามเน้ือจะเกดิ ข้ึนได้เม่ือ มกี าร กระตุ้น ของ ระบบประสาท หรือกระต้นุ โดยความร้อนหรือ สารเคมี หรือ อย่างใดอย่างหน่ึงก็ แล้วแต่ กล้ามเน้ือจะ หดตัวได้ต้องอาศยั การเปล่ียนแปลงศักย์ไฟฟ้ าขณะ เซลล์ทางาน ( Action potential) ซ่ึงเกดิ ข้ึน ท่บี ริเวณ เย่อื แผ่นของ เส้นใยของกล้ามเน้ือ รวมท้งั ต้องอาศัยพลังงานอย่างมาก

กลา้ มเน้ อื ตะคริว การเป็นตะคริว เกดิ จากมีการเกรง็ ช่ัวคราวของมดั กล้ามเน้ือท้งั หมด ขณะท่มี ีการหดตัวทาให้กล้าม เน้ือมดั น้ันมีลักษณะแขง็ เป็นลูกและ เจบ็ ปวด มาก อาการเกรง็ ของตะคริว กล้ามเน้ือเกดิ ข้ึน นอกเหนืออานาจจิตใจ และ เกดิ ข้นึ เป็นระยะเวลาไม่นาน กจ็ ะหายไปเอง แต่กลับ เป็นซา้ ข้นึ มา ท่เี ดิมได้ อกี ในบางคร้ังกล้ามเน้ืออาจเป็นตะคริว พร้อมกนั หลายๆ มดั ได้ สาเหตทุ ่ี พบ บ่อย ได้แก่ · กล้ามเน้ือขาดการฟิ ตซ้อมหรือฟิ ตซ้อมไม่เพียงพอ · สภาวะแวดล้อมของอากาศ · ร่างกายขาดเกลือแร่บางชนิด โดยเฉพาะอย่างย่งิ แคลเซียม · การใช้ผ้ายึดหรือสนับผ้ายืดพันหรือรัดลงไปบนกล้ามเน้ือค่อนข้างแน่น ขณะท่มี ีการออกกาลังกาย ทาให้กล้ามเน้ือทางานหรือ ขยายตวั ได้ไม่เตม็ ท่ี

การปฐมพยาบาล · หยุดพักการออกกาลังกายทนั ที ถ้ามเี คร่ืองพันธนาการ เช่น สนับเข่า หรือผ้ายืดรัด อยู่ให้ปลดออก · ให้ผู้ป่ วยนอนราบ งอตะโพก 90 องศา งอเข่า 90 องศา · ค่อยๆ ดันปลายเท้าเพ่ือให้ข้อเท้ากระดกข้นึ ทาช้าๆ ขณะท่ขี ้อ เท้ากระดกข้นึ น้ัน กล้ามเน้ือน่องจะค่อยๆ คลายตวั ออกหรือยืดออก · ประกบด้วยกระเป๋ านา้ ร้อน หรือถูนวดเบาๆ ด้วยนา้ ร้อนๆ เพ่ือ กระต้นุ การไหลเวียน ให้ไปยงั บริเวณ น้ัน

กลา้ มเน้ อื ในส่วนต่างๆของร่างกาย กล้ามเน้ือในร่างกายท้งั หมดมีอยู่ประมาณ 792 มัด เป็นกล้ามเน้ือชนิดท่อี ยู่ใน อานาจจติ ใจ 696 มัด ท่ี เหลืออกี 96 มัด เป็นกล้ามเน้ือท่เี ราบังคบั ได้ไม่เตม็ สมบูรณ์ ซ่ึง ได้แก่กล้ามเน้ือ ท่ที าหน้าท่ใี นการ หายใจ (Respiration) จาม (Sneezing) ไอ (Coughing) เป็นต้น เพ่ือ สะดวกในการจดจาและทาให้เกดิ ความเข้าใจ จงึ ต้องมกี ารต้งั ช่ือกล้ามเน้ือข้นึ ซ่ึงมหี ลายวิธี คือ · โดยลักษณะการทางานของกล้ามเน้ือ (By Action) เช่น กล้ามเน้ือด้านในของ ต้นขา Adductor Muscle ทาหน้า ท่ใี นการหุบ ขา และกล้ามเน้ือปลายแขน ด้านหลัง Flexor carpiradialis ซ่ึงทา หน้าท่ใี นการงอปลายแขน · โดยตาแหน่งท่ตี ้งั (By location) เช่น กล้ามเน้ือปลายแขนด้านหน้า ติดกบั กระดูก Tiibia,Tibialis antorioi และกล้ามเน้ือของทรวงอก ด้านหน้า Pectoralis major

1. กล้ามเน้ือของศรีษะ (The Muscles of head) กล้ามเน้ือของ ศรีษะแบ่งออกเป็น 2 พวก ซ่ึงแบ่งตามหน้าท่ี คือ 1.1 กล้ามเน้ือแสดงสหี น้า (Muscles of facial expression) เป็นกล้ามเน้ือท่อี ยู่ติดกบั ผวิ หนังมาก จึงมหี น้าท่ที า ให้ ผวิ หนัง เคล่ือนไหว และเปล่ียนลักษณะของสหี น้าประกอบด้วย · Orbicularis Oculi ทาหน้าท่ี หลับตา · Orbicularis Oris หุบปาก,เม้มริมฝีปาก · Frontal Muscle ยกั ค้วิ ,หน้าผากย่น 2. กล้ามเน้ือคอ (Muscles of the Neck) ประกอบด้วย Sternocleido mastoid ถ้า 2 มัดทางานจะก้มศรีษะลงถ้ามดั เดยี ว ทางานจะเอยี งศรีษะ ไปข้างท่หี ดตัว · Platysma ทาหน้าท่ี ดึงฝีปากล่างและมุมปากลง

3. กล้ามเน้ือของลาตัว (TheMuscles of the Trunk) แบ่งออกเป็นพวกๆ คอื 3.1 กล้ามเน้ือของหลัง (Muscles of back) มีอยู่หลายมัด อยู่ท่เี บ้ืองหลังของ ลาตวั ต้งั แต่หลังคอ หลังอก ไปจนถงึ บ้นั เอว ท่ชี ้ันต้นื มีกล้ามเน้ือมัดใหญ่ ๆ อยู่ 2 มดั และช้ัน ลึกท่สี ดุ อกี 1 มัด · Trapezius ทาหน้าท่ี ร้ังสะบกั มาข้างหลัง,ยกไหล่ข้นึ ข้างบน,ร้ังศรีษะไปข้างหลัง · Latissimus dorsi ทาหน้าท่ี ดงึ แขนลงมาข้างล่างไปข้างหลังและเข้าข้างใน · Sacrospinalis (Elector spinae) ทาหน้าท่ี ดงึ กระดูกสนั หลังให้ต้งั ตรง 3.2 กล้ามเน้ือของทรวงอกด้านหน้า (Muscles of the chest) · Pectoralis major หุบ,งอและหมุนต้นแขนเข้าข้างในมาข้างหน้า · Pectoralis minor ดึงไหล่ลง,หมุนสะบักลงข้างล่าง · erratus anterior ยดึ สะบักให้อยู่กบั ท่,ี ดึงสะบกั ไปข้างหน้าและข้างๆ 3.3 กล้ามเน้ือท่ชี ่วยในการหายใจ (TheMuscles of respiration) · Diaphragm ทาให้ช่องอกขยายโตข้นึ และช่วยดันปอดให้ลมออกมา · External Intercostal ยกซ่ีโครงข้ึนทาให้ช่องอกขยาย ใหญ่ข้ึน · Internal Intercostal ทาให้ช่องอกเลก็ ลง 3.4 กล้ามเน้ือของท้อง (The Muscles of abdomen) แบ่งเป็น 2 พวก

4. กล้ามเน้ือของอ้งุ เชิงกราน (Muscles of pelvis) Levator ani และ Coccygeus ทาหน้าท่ี ขงึ อยู่ใน Pelvic cavity คล้ายเป็น Pelvic diaphagm รองรับ อวัยวะท่อี ยู่ภายในอ้งุ เชิงกรานไว้ 5. กล้ามเน้ือของแขน (Muscles of the upper extremities) 5.1 กล้ามเน้ือไหล่ (Muscles of the shoulder) · Deltoid ทาหน้าท่ี กางต้นแขนข้ึนมาเป็นมุมฉาก · Supraspinatus , Infraspinatus , Teres minor ทาหน้าท่ี พยุง ไหล่ หุบแขน และหมุนต้นแขนไปข้างๆ · Teres major ทาหน้าท่ี หุบแขนและหมุนต้นแขนเข้าข้างใน · Subscapularis ทาหน้าท่ี หมุนต้นแขนเข้าข้างใน และพยุงหัวไหล่ 5.2 กล้ามเน้ือต้นแขน (Muscles of the arm) · Biceps brachii คล้ายกระสวยปลายบนมี 2 หัว ทาหน้าท่ี งอข้อศอกและหงายมือ · Triceps brachii มดั ใหญ่อยู่หลังต้นแขน ปลายบนมี 3 หัว ทาหน้าท่ี เหยียด ปลายแขน หัวยาวเหยียดและหุบแขน · Brachialis คลุมส่วนหน้าของข้อศอก ทาหน้าท่ี งอปลายแขน · Coracobrachialis ทาหน้าท่ี งอและหุบแขน ช่วยให้หัวของ

5.3.1 กล้ามเน้ือปลายแขนด้านหน้า (Volar group) · Pronator Teres ทาหน้าท่ี คว่ามอื และงอแขนท่อนล่าง · Pronator guadatus ทาหน้าท่ี คว่าแขนท่อนบน · Flexor carpi Ulnaris ทาหน้าท่ี คว่าแขนท่อนล่าง งอและหุบมือ · Flexor digitorum Profundus ทาหน้าท่ี งอมอื และงอปลายน้ิว 5.3.2 กล้ามเน้ือปลายแขนด้านหลัง (Dorsal group) · Brachioradialis ทาหน้าท่ี งอปลายแขนและหงายมือ · Extensor carpi Radialis brevis ทาหน้าท่ี เหยียดแขนท่อนล่าง เหยียดและกางข้อมือ · Extensor carpi Ulnaris ทาหน้าท่ี เหยียดและกางข้อมือ · Extensor digitorum ทาหน้าท่ี เหยยี ดน้ิวมอื และข้อมือ 5.4 กล้ามเน้ือของมอื (Muscles of the hand) กล้ามเน้ือของมอื เป็นกล้ามเน้ือ ส้นั ๆ ท่ที าหน้าท่ี ในการเคล่ือนไหวน้ิวหัวแม่มอื และน้ิวอ่นื ๆ นอกจากน้ียังมีกล้ามเน้ือมัดเลก็ ๆ ท่นี ้ิวมืออกี จานวนมาก ซ่ึงช่วยในการเคล่ือนไหวน้ิวมอื อกี ด้วย

6. กล้ามเน้ือขา (Muscle of lower extremities) จาแนกออกเป็น 6.1 กล้ามเน้ือบริเวณสะโพก ทาหน้าท่ี เคล่ือนไหวขาท่อนบน ได้แก่ · Gluteus maximus ทาหน้าท่ี เหยียดและกางต้นขา · Gluteus medius ทาหน้าท่ี กางต้นขา · Gluteus minimus ทาหน้าท่ี หมุนต้นขาเข้าข้างใน 6.2 กล้ามเน้ือของต้นขา (The Muscles of the thigh) 6.2.1 กล้ามเน้ือต้นขาด้านหน้า ประกอบด้วยกล้ามเน้ือมดั ใหญ่ๆ ท่ี เรียกว่า Quadriceps femoris มีหน้าท่เี หยดี ปลายขามี 4 มัด คือ Rectus femoris , Vastus lateralis or Vastus externus , Vastus medialis or Vastus internus , Vastus Intermedius ทาหน้าท่ี เหยยี ดปลายขาและงอต้นขา 6.2.2 กล้ามเน้ือต้นขาด้านหลัง ประกอบด้วยกล้ามเน้ือกลุ่ม Hamstring muscles เป็นพวก งอปลายขาข้นึ มา มี 3 มดั คือ · Biceps femoris ทาหน้าท่งี อปลายขาเหยียดต้นขา · Semitendinosus , Semimembranosus ทาหน้าท่ี งอปลายขา หมุนปลายขาเข้าข้างใน

6.3 กล้ามเน้ือของปลายขา (The Muscles of the legs) 6.3.1 กล้ามเน้ือของปลายขาด้านหน้า · Tibialis anterior ทาหน้าท่ี งอหลังเท้า เหยยี ดน้ิวเท้า หมุนฝาเท้า เข้าข้างใน · Extensor digitorum longus ทาหน้าท่ี งอเท้า เหยยี ดน้ิวเท้า หันเท้าออกข้างนอก · Peroneus longus ทาหน้าท่ี เหยียดเท้า กางและหมุนเท้าออกข้างนอก · Peroneus brevis ทาหน้าท่ี เหยยี ดเท้า หมุนเท้าออกข้างนอก 6.3.2 กล้ามเน้ือของปลายขาด้านหลัง · Gastrocnemius มี 2 หัว ทาหน้าท่ี เหยียดข้อเท้างอปลายขา · Soleus ทาหน้าท่ี เหยยี ดข้อเท้า กล้ามเน้ือท้งั 2 มดั รวมกนั เป็น Tendon ท่หี นาและแขง็ แรงท่สี ดุ ในร่างกาย แล้วไปเกาะท่กี ระ ดูกสนั เท้า ตรงท่เี รียกว่า เอน็ ร้อยหวาย 6.4 กล้ามเน้ือของเท้า (The Muscles of the foot) เป็นกล้ามเน้ือมดั เลก็ ส้นั ๆ เหมอื นกบั ท่มี ืออยู่หลังเท้า และฝ่ าเท้า หน้าท่สี าคัญ คอื ช่วยยดึ เท้าให้เป็นอ้งุ เท้า (Arch) อยู่ได้

 ระบบประสาท

1.สมอง (Brain) เป็นส่วนทใ่ีหญท่ ส่ี ุดของระบบประสาทส่วนกลาง ควบคุมการทางานของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายหนกั ประมาณ 1.4 กโิลกรมั ทาหนา้ ทรี่ กั ษาสมดุลยภาพและการทรงตวั ของร่างกาย 2.ไขสนั หลงั (Spinal Cord) เป็นส่วนสาคญั ของระบบประสาทรอบนอก เป็นทางผา่ นของกระแสความรู้สกึ ไปยงั สมอง 3.เซลลป์ ระสาท (Neuron) นาคาสงั่ จากสมองและไขสนั หลงั ไปยงั สว่ นต่าง ๆ 4.เสน้ ประสาทสมอง (Cranial nerve) รบั กระแสความรู้สกึ เขา้ สู่สมอง และนาคาสงั่ จากสมองเขา้ ไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 5.เสน้ ประสาทไขสนั หลงั (Spinal nerve) รบั กระแสความรู้สกึ เขา้ สู่ไขสนั หลงั และนาคาสง่ั จากไขสนั หลงั เขา้ ไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ระบบประสาทแบ่งออกเป็น 2 ส่วนตามโครงสร้าง คอื ระบบประสาท ส่วนกลาง ได้แก่ สมอง และ ไขสนั หลงั และระบบประสาทรอบนอก เสน้ ประสาทสมอง และเสน้ ประสาทไขสนั หลงั

การทางานของระบบประสาท 1.ระบบประสาทโซมาตกิ (Somatic nervous system) เป็นการ ทางานภายใต้อานาจของจติ ใจ ได้แก่ การทางานของสมองและไขสนั หลงั ระบบโซมาตกิ จะควบคุมการทางานของกลา้ มเนอ้ื ลาย 2.ระบบประสาทอตั โนมตั ิ (Autonomic nervous system) เป็น ระบบควบคุมการทางานของอวยั วะภายในร่างกาย โดยการควบคุม การทางานของกลา้ มเนอ้ื เรยี บ เช่นกลา้ มเนอ้ื หวั ใจและต่อมต่างๆ เซลลป์ ระสาท ประกอบด้วยส่วนสาคญั 2 ส่วน คอื 1.ตวั เซลล์ (Cell body) ประกอบด้วยนวิ เคลยี สอยูต่ รงกลางเซลล์ และไซโทพลาสซมึ ซง่ึ ภายในมี Neuro fibril เป็นเสน้ ใยเลก็ ๆ ประสานกนั เป็นร่างแห

2.ใยประสาท (Nerve fiber) เป็นส่วนทย่ี นื่ ออกมาจากตวั เซลลแ์ บง่ เป็น 2 พวก คอื 2.1 เดนไดรต์ (Dendrite) ทาหนา้ ทน่ี ากระแสประสาทเขา้ สู่ตวั เซลล์ 2.2 แอกซอน (Axon) ทาหนา้ ทน่ี ากระแสประสาทออกจากตวั เซลล์ เซลลป์ ระสาทใชเ้ กณฑ์ในการแบ่ง 2 เกณฑ์ คอื 1. จานวนแขนงทแ่ี ยกออกจากตวั เซลล์ - เซลลป์ ระสาทขว้ั เดยี ว - เซลลป์ ระสาทสองขว้ั - เซลลป์ ระสาทหลายขว้ั 2. หนา้ ทก่ี ารทางานของเซลลป์ ระสาท - เซลลป์ ระสาทรบั ความรู้สกึ - เซลลป์ ระสาทสงั่ การ - เซลลป์ ระสาทประสานงาน

สมอง (Brain) สมองส่วนหนา้ (Forebrain) สมองส่วนกลาง (Midbrain) สมองส่วนทา้ ย (Hindbrain) ระบบประสาท และ อวยั วะรบั สมั ผสั ( Nervous System ) ระบบประสาท คอื ระบบการตอบสนองต่อสง่ิ เร้าของสตั ว์ทาใหส้ ตั ว์ สามารถตอบสนองต่อสงิ่ ต่างๆ รอบตวั อย่างรวดเรว็ ช่วยรวบรวมขอ้ มูล เพอื่ ใหส้ ามารถตอบสนองได้ ระบบประสาท มหี นา้ ทใ่ีนการออกคาสง่ั การทางานของกลา้ มเนอ้ื ควบคุม การทางานของอวยั วะต่างๆ ในร่างกาย และประมวลขอ้ มูลทรี่ บั มาจาก ประสาทสมั ผสั ต่างๆ และสร้างคาสงั่ ต่าง ๆ (action) ใหอ้ วยั วะต่างๆ ทางาน ระบบประสาทของสตั ว์ทมี่ สี มองจะมคี วามคดิ และอารมณ์ ระบบ ประสาทจงึ เป็นส่วนของร่างกายทที่ าใหส้ ตั ว์มกี ารเคลอ่ื นไหว

ระบบประสาท แบ่งออกเป็น 2 ระบบ 1.ระบบประสาทส่วนกลาง ( Central Nervous System หรอื CNS ) : ประกอบด้วย สมอง และ ไขสนั หลงั 2.ระบบประสาทรอบนอก ( Peripheral Nervous System หรอื PNS) : เสน้ ประสาทสมอง 12 คู่ และ เสน้ ประสาทไขสนั หลงั 31 คู่

ส่วนประกอบของระบบประสาท ส่วนประกอบ หนา้ ท่ี สมอง -ควบคุมการทางานของส่วนต่างๆในร่างกาย -รกั ษาดุลยภาพและการทรงตวั ของร่างกาย -เกย่ี วกบั พฤตกิ รรมทเี่กดิ จากการเรยี นรู้ เช่น ความจา การ ตดั สนิ ใจ ไขสนั หลงั -เป็นศูนย์กลางการปฏบิ ตั งิ านทเ่ีกดิ ขน้ึ ทนั ทที นั ใด -เป็นทางผา่ นของกระแสความรู้สกึ ไปยงั สมอง เซลลป์ ระสาท -นากระแสความรู้สกึ เขา้ สู่สมอง และนาคาสง่ั จากสมองไป ยงั ส่วนต่างๆของร่างกาย เสน้ ประสาทสมอง -รบั กระแสความรู้สกึ เขา้ สู่สมอง และนาคาสงั่ จาก สมองไปยงั ส่วนต่างๆของร่างกาย เสน้ ประสาทไขสนั หลงั -รบั กระแสความรู้สกึ เขา้ สู่ไขสนั หลงั และนาคาสง่ั จากไขสนั หลงั ไปยงั สว่ นต่างๆของร่างกาย

เซลลป์ ระสาท ( Neuron ) 1. ตวั เซลล์ ( Cell body ) : ลกั ษณะคลา้ ยกบั เซลลท์ วั่ ไป ภายในมี นวิ เคลยี ส มหี นา้ ทเ่ีกย่ี วกบั การเจรญิ เตบิ โต และเมแทบอรซิ มึ ของเซลล์ ประสาท แหลง่ สร้างพลงั งาน สงั เคราะห์โปรตนี ทเี่ป็นสารสอ่ื ประสาท และ ยงั มี Neuro fibrill เป็นเสน้ ฝอยมหี นา้ ทชี่ ่วยกระจายกระแสประสาทและ พยุงเซลล์ ประสานกนั เป็นร่างแห 2. ใยประสาท ( Nerve fiber ) : เป็นส่วนทยี่ นื่ ออกมาจากตวั เซลล์ แบ่งเป็น 2 ชนดิ คอื -เดนไดรต์ ( Dendrite ) : นากระแสประสาทเขา้ สู่ตวั เซลล์ -แอกซอน ( Axon ) : นากระแสประสาทออกจากตวั เซลล์ โดยมี เยอ้ื ไมอลี นิ ทส่ี ร้างจากเซลล์ชวาน ห่อหุม้ รอบแอกซอน * เยอ่ื ไมอลี นิ เป็นสารประเภทไขมนั มคี วามเป็นฉนวนไฟฟ้ า ทาให้ กระแสประสาทในแอกซอนเคลอ่ื นทอ่ี ย่างรวดเรว็

ชนดิ ของเซลลป์ ระสาท แบ่งตามหนา้ ทกี่ ารทางาน 1. เซลลป์ ระสาทรบั ความรู้สกึ ( Sensony Neuron ) : รบั ความรู้สกึ จากสว่ น ต่างๆเขา้ สู่สมองและไขสนั หลงั *พบในปมประสาท 2. เซลลป์ ระสาทสงั่ การ ( Motor Neuron ) : นากระแสประสาทออกจากสมอง และไขสนั หลงั ไปยงั กลา้ มเนอ้ื และส่วนต่างๆของร่างกาย 3. เซลลป์ ระสาทประสานงาน ( Association Neuron ) : เป็นตวั เชอื่ มระหว่าง เซลลร์ บั ความรู้สกึ และเซลลส์ งั่ การ * พบในระบบประสาทส่วนกลางเท่านน้ั ชนดิ ของเซลลป์ ระสาท แบ่งตามลกั ษณะ 1. เซลลป์ ระสาทขวั้ เดยี ว ( Unipolar neuron) : เป็นเซลลป์ ระสาททมี่ ใียประสาท ยนื่ ออกจากตวั เซลลเ์ พยี งกงิ่ เดยี ว แลว้ แยกออกเป็น 2 กง่ิ 2. เซลลป์ ระสาทหลายขว้ั ( Multipolar neuron) : เป็นเซลลป์ ระสาทมแี ขนง แยกออกมาเป็น 2 แขนง โดยแขนงหนงึ่ เป็นแอกซอน และอกี แขนงหนง่ึ เป็นเดนไดรต์ ความยาวของแขนงทงั้ สองนใ้ีกลเ้ คยี งกนั 3. เซลลป์ ระสาทประสานงาน(Association neuron) : เป็นเซลลป์ ระสาททมี่ เีสน้ ใยออกจากตวั เซลลห์ ลายกงิ่ โดยมแี อกซอนเพยี ง 1 กง่ิ นอกนน้ั เป็นเดรนไดรต์ ทง้ั หมด

สมอง เป็นส่วนทใี่หญ่ทส่ี ุดของระบบประสาทส่วนกลาง ศูนยส์ งั่ การของร่างกายทงั้ หมด สมองของคนหนกั ประมาณ 1.4 กโิลกรมั โดยสมองแบ่งได้เป็น 3 ส่วนดงั น้ี ตาแหนง่ สมอง สว่ นของสมอง หนา้ ที่  ซรี บี รมั ( Cerebrum) *มขี นาดโตทสี่ ุด -เกย่ี วกบั ความจา ความฉลาด ความคดิ เชาว์ปญั ญา อารมณ์ -ประมวลผลสุดทา้ ยของความรู้สกึ ทุกชนดิ ส่วนหนา้ ทาลามสั (Thalamas) -สถานทถี่ า่ ยทอดกระแสประสาทเขา้ สู่สมองและไขสนั หลงั ก่อนเขา้ สู่ซรี บี รมั *ยกเว้นการดมกลน่ิ ทไี่มผ่ า่ นทาลามสั ฮโพทาลามสั (Hypothalamas) -ศูนยค์ วบคุมความหวิ อม่ิ กระหายน้า การหลง่ั ฮอโมน ควบคุมอุณหภูมริ ่างกาย ควบคุม การนอนหลบั

ออฟเฟกตอรี บลั บ์ ( Offactory bulb) -การดมกลน่ิ *สุนขั มสี ่วนนโ้ีตมาก จงึ มคี วามสามารถในการดมกลนิ่ ได้ดี ส่วนกลาง ออปตกิ โลบ ( optic lobe ) -การเคลอื่ นไหวของนยั นต์ า ทาให้ลูกนยั น์ตากลอกไปมาได้ และควบคุมการปิดเปิด ของมา่ นตาในเวลาทมี่ แี สงสว่างเขา้ มามากหรอื นอ้ ย ซรี เี บลลมั ( Cerebellum) -ควบคุมการเคลอื่ นไหวของอวยั วะต่างๆ -ควบคุมการทรงตวั -การประสานงานของกลา้ มเนอ้ื ส่วนทา้ ย

พอนส์ ( Pons ) -ควบคุมการเคล่ือนไหวบนใบหน้า -แสดงสหี น้า  –การหล่ังนา้ ลาย -การเค้ยี ว เมดุลลา ออบลองกาตา ( Medulla Oblongata) -ควบคุมการหายใจ -การเต้นของหัวใจ -การย่อยอาหาร . เส้นประสาทสมอง เส้นประสาทสมองส่วนมากออกมาจาก สมองด้านข้าง สตั ว์เล้ียงลูกด้วยนา้ นม นก และสตั ว์เล้ือยคลาน มี 12 คู่ ปลา สตั ว์คร่ึงบอกคร่ึงนา้ มี 10 คู่ เส้นประสาทสมองบางเส้นทาหน้าท่รี ับความร้สู กึ บางเส้นเป็นเส้นประสาทคาส่งั บางเส้นกเ็ ป็น เส้นประสารทผสม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook