แกงเขยี วหวาน และแลว้ ก็ไดม้ าถึงกบั อีกหน่ึงเมนูนะครับ วนั น้ีแอดมินขอเสนออาหารพ้นื บา้ น (ภาคกลาง) ที่ใกล้ ตวั เราเป็นอยา่ งดี นนั่ ก็คือแกงเขียวหวานนน่ั เอง ตอ้ งขอบอกก่อนเลยเลยวา่ ต้งั แต่จาความได้ ป้าของแอดมินก็ ทาใหร้ ับประทานต้งั แตย่ งั เด็กๆ ดว้ ยรสชาติท่ีเขม้ ขน้ หอมมนั จึงทาใหแ้ อดมินติดใจเรื่อยมาจนมาถึงใน ปัจจุบนั เวลาแอดมินไดม้ ีโอกาสกลบั บา้ นกจ็ ะร้องขอให้ป้าทาแกงเขียวหวานให้กนิ ทุกคร้ังหลงั จากพูดเกริ่น ไปแลว้ คงทาใหห้ ลายคนเกิดอาการทอ้ งร้องข้ึนมา อิอิ ก่อนที่เราจะมารู้วธิ ีการทาแกงเขียวหวานเอาเป็นวา่ เรา มารู้จกั กบั ประวตั ิของแกงเขียวหวานกนั ก่อนดีกวา่ ประวตั ิแกงเขียวหวาน มีความเป็นไปเป็ นมาอยา่ งไรไม่เป็นท่ีทราบแน่ชดั แต่จดั วา่ เป็ นแกงไทย โบราณที่มีชื่อเสียงไปไกลทวั่ โลก เป็นท่ีรู้จกั กนั ดีสาหรับชาวต่างชาติในนาม Thai Green Curry ตามสีของ น้าแกงนนั่ เอง ยอ้ นๆ หลงั ไป ไทยเรายงั ไมไ่ ดเ้ อากะทิมาทากบั ขา้ วกนั มากนกั น้าพริกแกงเผด็ ที่ถูกตาข้ึนมากเ็ พ่อื ทา แกงป่ ากนั เป็นเสียส่วนใหญ่ เป็นน้าพริกแกงท่ีเนน้ ตาจากพริกแหง้ สีแดงๆ จนไดพ้ ริกแกงละเอียดๆ สีแดงๆ เวลาจะรับประทานก็เอาไปตม้ ในน้าเดือด พอน้าเดือดไดท้ ่ีก็เอาส่วนผสมอ่ืนๆใส่ลงไป หรือใคจะนามาผดั กบั น้ามนั ร้อนๆในกระทะกไ็ ด้ สุดแลว้ แต่คนชอบรับประทาน เมื่อเวลาผา่ นไปคนไทยเร่ิมนากะทิมาทากบั ขา้ ว โดยวธิ ีการทากแ็ สนจะเรียบง่ายคือนาหวั กะทิมาเคี่ยว ร้อนๆจนแตกมนั โดยน้ามนั ที่แตกออกมาถือไดว้ า่ เป็ นภูมิปัญญาไทยเพราะวา่ จะช่วยทาใหแ้ กงตา่ งๆน้นั หอม ข้ึนนอกจากน้นั ยงั ช่วยชูรสชาติใหก้ ลมกล่อมอีกดว้ ย ตอ่ มาก็เร่ิมเขา้ สู่ยคุ ประวตั ิ แกงเขียวหวาน เม่ือแมค่ รัวไทยช่างสร้างสรรคห์ นั ไปใชพ้ ริกข้ีหนูสดๆ สี เขียวๆมาใชโ้ ขลกทาพริกแกงแทนพริกแหง้ จึงกลายมาเป็นนพ้ ริกแกงเขียวหวานในท่ีสุด มีสีเขียวนวลสวย
เม่ือนาไปใชท้ าแกงกะทิผดั น้าพริกแกงเขียวหวานดว้ ยกะทิแตกมนั จนหอมฉุย ทาใหค้ นไทยเราต้งั ชื่อใหแ้ กง กะทิถว้ ยอร่อยน้ีวา่ แกงเขียวหวานท่ีปัจจุบนั ไดร้ ับความนิยมไปทุกสารทิศ เอาเป็นวา่ เราก็ไดท้ าความรู้จกั กบั “ประวตั ิแกงเขียวหวาน” กนั เสียที อยา่ งนอ้ ยกช็ ่วยๆ ลบความเขา้ ใจ ผดิ ท่ีคิดวา่ แกงเขียวหวานคือแกงกะทิสีเขียวมีรสชาติหวาน แต่จริงๆ แลว้ แกงเขียวหวานเป็ นแกงกะทิมี รสชาตเิ ค็มนาตัดหวานนิดๆ ส่วนชื่อแกงเขียวหวานน้นั จริงๆ แลว้ ไดม้ าจากสีของน้าแกงเขียวๆ หวานๆ นวลๆ นนั่ เอง วธิ ีทา – น้าุุ ซุปไก่ 1/2 ถว้ ยตวง – น้าตาลมะพร้าว 2 ชอ้ นโตะ๊ (หรือน้าตาลทรายธรรมดา) – น้าปลา 3 ชอ้ นโตะ๊ – พริกช้ีฟ้าแดง 2 เมด็ (หนั่ เฉียง) – ใบมะกรูด 4 ใบ – น้าพริกแกงเขียวหวาน 1/4 ถว้ ยตวง – เน้ือไก่ 350 กรัม (หนั่ เป็นชิ้นเลก็ พอดีคา) – กะทิ 1 1/4 ถว้ ยตวง – ใบโหระพา 1/4 ถว้ ยตวง – มะเขือเปราะ 2 ลูก (หน่ั เป็ นชิ้นเล็กๆ) ข้นั ตอนการทา 1.ต้งั กะทิ 1/2 ถว้ ยตวง (กระทิส่วนที่เหลือไวค้ ่อยใชใ้ นข้นั ตอนต่อไป) บนกระทะจนร้อน (ใชไ้ ฟปาน กลาง) คนจนกระทิเดือดประมาณ 3 – 5 นาที จากน้นั ใส่เครื่องแกงเขียวหวานลงไปผดั กบั กระทิสกั พกั จนน้า กระทิงวดลง จึงเทส่วนผสมท้งั หมดลงในหมอ้ ใหญ่ 2.นาหมอ้ ใบใหญ่ต้งั ไฟปานกลาง ใส่เน้ือไก่และคนประมาณ 2 นาที จากน้นั ใส่น้าปลา, น้าตาล คน ต่อไปอีก 1 นาที ใส่มะเขือเปราะท่ีหน่ั ไวแ้ ลว้ ใส่น้ากระทิที่เหลือและใส่น้าซุปไก่ ตม้ ตอ่ ไปสกั พกั จนเน้ือไก่ เร่ิมสุก และมะเขือเปราะนิ่ม 3.ใส่ใบมะกรูดและใบโหระพา รอจนเดือด จากน้นั จึงปิ ดไฟ ตกั ใส่ถว้ ยเสิรฟพร้อมกบั ขา้ วสวยร้อนๆ และพริกน้าปลา หมายเหตุ : แกงเขียวหวานนอกจากจะนิยมรับประทานกบั ขา้ วสวยแลว้ ยงั นิยมทานกบั ขนมจีนอีกดว้ ย . . .
เอาเป็นวา่ เราก็ทาความรู้จกั กบั แกงเขียวหวานพอหอมปากหอมคอแลว้ วนั น้ีแอดมินขอลาไปดว้ ย การยกตัวอย่างเกร็ดความรู้เร่ืองสมุนไพรไทยที่มีอยใู่ นแกงเขียวหวานนะครับ สาหรับเมนูหนา้ จะเป็นอะไร ก็ขอใหท้ ุกคนติดตามกนั ต่อไปนะครับ
คุณค่าของสมุนไพรไทย มะเขือพวง : เป็นยาระงบั ปวด หา้ มเลือด ขบั ปัสสาวะ รักษาโรคหลอดลม และไขขอ้ อกั เสบ ใบมะกรูด : ช่วยป้องกนั และรักษาโรคมะเร็ง ใบโหระพา : แกจ้ ุกเสียด ทอ้ งอืด แน่นทอ้ ง ช่วยเจริญอาหาร พริกชี้ฟ้าเขียว , แดง : ช่วยเจริญอาหาร ขบั ลม เป็นยาระบาย ช่วยขบั เสมหะ แกห้ วดั หัวหอม : ช่วยบรรเทาอาการหวดั หายใจไม่ออก กระเทยี ม : ช่วยลดระดบั โคเลสเตอรอลในเลือด โรคมะเร็ง การอกั เสบ รักษาโรคผิวหนงั จากเช้ือรา ทม่ี า: https://eatingculturebypongsathorn.wordpress.com/2015/02/17
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: