Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานกลุ่มทรัพยากร

งานกลุ่มทรัพยากร

Published by poomtai06, 2022-01-25 12:17:05

Description: งานกลุ่มทรัพยากร

Search

Read the Text Version

ทรัพยากรดิน มีสาเหตุทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและเกิดจากการใช้ที่ดิน ที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ตัวอย่างของปัญหา เช่น การชะล้างพังทลายของดิน ดินขาดอินทรีย์ และปัญหา ที่เกิดจากสภาพธรรมชาติของดินร่วมกับการกระทำ ของมนุษย์ เช่น ดินเค็ม ดินเปรี้ยว ดินอินทรีย์ (พรุ) ดินทรายจัด และดินตื้น พื้นที่ดินที่มีปัญหาต่อการใช้ ประโยชน์ทางด้านเกษตรกรรมของประเทศไทย ผลกระทบ ด้านกายภาพ ความเสื่อมโทรมของดินเกิดจากการจัดการที่ดินไม่เหมาะ สมขาดการป้องกันที่ไม่ถูกต้อง ทำให้มีการชะล้างพังทลายของหน้าดินที่ เป็นส่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์หมดไป หน้าดินที่ถูกชะล้างจะตกลงไป เป็นตะกอนตามแหล่งน้ำต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ ความเสื่อมโทรมของดินส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิต ทางการเกษตร และกระทบต่อเกษตรกร 34 ล้านคน (ร้อยละ 60 ของ ประชากรทั้งประเทศ) ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศจะได้รับ ผลผลิตต่ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้ต่ำ ด้านสังคม การที่เกษตรกรมีรายได้ต่ำ มีทางเลือกในการหารายได้น้อย การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ขยายพื้นที่ทำกินเพื่อให้มีรายได้เพียงพอหรืออพยพ เข้าเมืองทิ้งถิ่นฐาน มาหางานทำในเมือง การแก้ไขปัญหา การปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการไถลของดินและให้ดินยึดเกาะ ไม่ ชะล้างง่าย การปลูกพืชยืนต้นที่มีรากแก้วแข็งแรงริมฝั่ งแม่น้ำ การสร้างกำแพงคอนกรีตกั้นคลื่นที่กระทบ เพื่อลดการกัดเซาะของ น้ำ การปลูกป่าทดแทน การเพิ่มแร่ธาตุให้ดิน โดยใส่ปุ๋ยคอก เศษวัชพืช แกลบ การไถพรวน ดินบ่อยๆ ปลูกพืชคลุมดิน การใช้จุลินทรีย์และไส้เดือน

นโยบายป่าไม้แห่งชาติปี พ.ศ.2528 และแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11ได้กำหนดให้มีพื้นที่ป่าไม้ไม่น้อย กว่าร้อยละ 40ของพื้นที่ประเทศ หรือคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 129ล้านไร่ ซึ่งต่ากว่าที่เคยมีการกำหนดไว้ในปีพ.ศ. 2504 ถึง ประมาณร้อยละ 10แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ประเทศไทย) เป็น หน่วยงาน ราชการส่วนกลาง ประเภท กระทรวง ของไทย มีหน้าที่ เกี่ยวกับการสงวน อนุรักษ์ และฟื้ นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม การจัดการการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และราชการอื่น ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมาคมดินโลก : (WSA) สมาคมดินโลกได้จัดตั้งขึ้น โดยความเห็น ชอบของกรรมการสมาคมฯ และนายทะเบียนสมาคม กรุงเทพมหานคร ได้รับจดทะเบียนสมาคมดินโลก ทะเบียนเลขที่ จ.5754/2561 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 วันที่12 ม.ค. 2565 มื่อเวลา 9.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็น ประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งเน้นให้ประชาชนใช้ ประโยชน์จากที่ดินให้สูงสุด ซึ่งต้องอาศัยการร่วมมือบูรณาการ กันของทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเร่งให้เกิดการดำเนินการ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ตลอดจนเรื่องของการแก้ไขหรือปลดล็อก กฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย นาย รพิภัทร เพ็ชรขวัญ เลขที่19 ม.5/11

มลพิษทางน้ำ 1. สาเหตุของปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรน้ำ 2. ผลกระทบที่เกิดจากความเสื่อมโทรมของทรัพยากร สาเหตุที่ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ เกิดจากน้ำทิ้งและสิ่งปฏิกูลจากแหล่งชุมชน เช่น น้ำที่ใช้ซักฟอกทำความสะอาด ซึ่งส่วนใหญ่มีสารอินทรีย์ปะปนมากับน้ำทิ้งเหล่านั้นจนทำให้เกิดมลพิษทางน้ำ น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมหากโรงงานมีการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงใน แหล่งน้ำทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่ายเพราะมีปริมาณมากและสารปนเปื้ อนมีอัตราสูง น้ำเสียที่เกิดจากธรรมชาติอาจเกิดจากการเน่ าเสียเมื่ อน้ำอยู่ในสภาพนิ่ งไม่มีการ ไหลเวียนถ่ายเท เกิดจากพื้นที่ทำการเกษตร เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำยาปราบศัตรู พืชกันมากขึ้น จึงทำให้มีสารตกค้างอยู่ตามต้นพืชและพื้นผิวดิน เมื่อฝนตกและ พัดพาเอาสารพิษที่ตกค้างลงสู่แม่น้ำลำคลองก็ทำให้เกิดมลพิษทางน้ำขึ้นได้ 3. แนวทางแก้ไขปัญหา ผลกระทบที่เกิดจากมลพิษทางน้ำ กระทบต่อวงจรชีวิตของสัตว์น้ำ เช่นน้ำเสียที่เกิดจากสารพิษอาจทำให้ปลา และสิ่งมีชีวิตตายทันที ส่วนน้ำเสียที่เกิดจากออกซิเจนในน้ำลดต่ำลง อาจ ทำลายพืชและสัตว์น้ำเล็กๆที่เป็นอาหารของปลา ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ หรือแหล่งอาหารของสัตว์น้ำลดลง เป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อโรค เช่น อหิวาตกโรค บิด และท้องเสีย มีผลกระทบต่อการเพาะปลูก เพราะน้ำเสียที่มีความเป็นกรดและด่างไม่ เหมาะสำหรับทำการเกษตร มีผลต่อกระทบต่อทัศนียภาพ เพราะความสวยงามของแหล่งน้ำสามารถใช้ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือจัดกิจกรรมทางน้ำเพื่อความบันเทิงได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ เช่น มีกลิ่นเหม็นจากน้ำเน่าเสีย วิธีป้องกันปัญหามลพิษทางน้ำ 4. กฎหมาย/นโยบาย/มาตรการที่เกี่ยวข้อง ปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนในการเรียนรู้และเห็นคุณค่าของการ อนุรักษ์น้ำ สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาคุณภาพ ของแหล่งน้ำ รณรงค์ให้หน่วยงาน องค์กรต่างๆมีการบำบัดและขจัดสารพิษก่อนที่จะ ปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ รณรงค์ให้ช่วยกันลดปริมาณการใช้น้ำ และลดปริมาณขยะในครัวเรือน ช่วยกันป้องกันน้ำเน่าเสีย ไม่ทิ้งขยะและสิ่งปฏิกูลหรือสารพิษลงใน แหล่งน้ำ หรือท่อระบายน้ำ 5. องค์กร/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บทบาทและภารกิจโดยทั่วไปของกรมควบคุมมลพิษ เป็นไป ตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เป็นหลัก อันได้แก่ การประกาศพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ การกำหนด มาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด การกำหนดประเภท ของแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องควบคุมการปล่อยอากาศเสีย น้ำทิ้งหรือขยะมูลฝอย ฝรั่งเศสและกฏหมายสิ่งแวดล้อม 2010 การจัดตั้ง คณะกรรมการควบคุมมลพิษ เพื่อจัดทำ 6. ยกตัวอย่างข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับปัญหาทรัพยากรนั้นๆ นโยบายและแผนงาน ประสานงานในการลดปัญหา มลพิษและเสนอมาตรการในการป้องกันมลพิษ ข่าว สำรวจทิ้งน้ำเสียแสนแสบ ปลัด กทม.ให้ 21 เขตริมคลอง, สำรวจบ้านเป็นรายหลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ÖWAV องค์กรด้านจัดการน้ำและขยะที่เป็นกลาง เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบ ของออสเตรีย หน้าการพัฒนาคลองเปรมประชากรและคลองแสนแสบ ที่ศาลาว่าการ กทม.2 โดยที่ประชุมได้ รายงานความคืบหน้าการฟื้ นฟูและพัฒนาพื้นที่ริมคลองเปรมประชากร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุป นายอดิเทพ ยอดแก้ว ภาพรวมการติดตั้งเครื่องหมายแสดงความสูงของระดับน้ำถึงท้องสะพานบริเวณใต้สะพานทุก ม.5/11 เลขที่ 7 แห่งในคลองเปรมประชากร ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 1 แห่ง ที่สะพานถนนเทศบาลสงเคราะห์ (บริเวณวัดเสมียนนารี) ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการนอกจากนี้ สำนักการระบายน้ำได้ประสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดระเบียบชุมชนสวนผัก เขตจตุจักร ขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจและ หาแนวทางแก้ไขการทิ้งน้ำเสียลงคลอง สำหรับที่ดำเนินการสร้างบ้านเสร็จแล้ว สำนักการระบาย น้ำได้ประสานสำนักพัฒนาสังคมเข้าดำเนินการพัฒนาด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาอาชีพ จัดทำ ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์สุขภาพชุมชน เป็นต้น ทั้งนี้ สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขตได้สำรวจ จุดทิ้งน้ำเสียที่ไม่เข้าระบบบริเวณคลองเปรมประชากรช่วงวัดเทวสุนทรถึงวัดเสมียนนารี พบว่า เนื่องจากมีบ้านรุกล้ำริมคลองนอกเขื่อนคลองจำนวน 18 จุด และบ้านเรือนที่ลักลอบเจาะเขื่อนลง คลอง 39 จุด ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหา

การขาดแคลน้ำ 1. สาเหตุของปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยารของการขาดแคลนน้ำ วิกฤตการณ์การขาดแคลนน้ำจากสาเหตุต่างๆ เช่น ความต้องการน้ำใช้ในกิจกรรมต่างๆ เช่น ความต้องการน้ำใช้ในกิจกรรมต่างๆ มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ความสมดุลของทรัพยากรน้ำระหว่างฤดู แล้งและฤดูฝนไม่สมดุล รวมถึงการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ ที่ขาดแผนการใช้ที่รัดกุมและเหมาะสม รวมทั้งขาดองค์กรระดับชาติที่จะเข้ามาบริหารจัดการแหล่งน้ำ ตลอดจนแหล่งน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันมี สภาพเสื่อมโทรม เน่าเสีย คุณภาพไม่เหมาะสมไม่สามารถนำมาใช้ได้ จากปัญหาที่กล่าวมานี้ เกิดจาก สาเหตุหลายประการ เช่น 1.สภาพแหล่งต้นน้ำลำธารถูกทำลาย การบุกรุกทำลายแหล่งน้ำ ส่งผลให้ พื้นที่ต้นน้ำลำธารอันเป็น แหล่งกำเนิดน้ำ ไม่สามารถดูดซับหรือชะลอน้ำไว้ในดิน เมื่อเกิดฝนตกหนักจึงทำให้มีน้ำไหลบ่าลงมา ท่วมพื้นที่ตอนล่างอย่างรวดเร็วและรุนแรง 2. สภาพน้ำท่า เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกชุก ในทุกๆ ภาคของประเทศมี ปริมาณน้อยกว่าเกณฑ์ เฉลี่ย โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ ปริมาณน้ำท่ามีปริมาณลดลงไปด้วย 3.การใช้น้ำและความต้องการน้ำเพิ่มขึ้นในทุกลุ่มน้ำ กิจกรรมต่างๆ ทั้งทาง อุตสาหกรรม เกษตรกรรม อุปโภคและบริโภค การท่องเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาด้านสังคมและวัฒนธรรมล้วนเป็น กิจกรรมที่ก่อให้เกิดความต้องการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้น 4. การบุกรุกทำลายพื้นที่ชุ่มน้ำต่างๆ การขยายตัวของบ้านจัดสรรโรงงาน อุตสาหกรรม การ พัฒนาการคมนาคมขนส่ง โดยขาดการวางแผนก่อให้เกิดการบุกรุกทำลายพื้นที่ชุ่มน้ำหรืออาจทำให้มี การปนเปื้ อนของสารพิษลงสู่แหล่งน้ำ 2. ผลกระทบที่เกิดจากความเสื่อมโทรมของทรัพยากรของการขาดแคลนน้ำ เกิดภัยแล้ง เกิดการกัดเซาะ กัดกร่อนภูมิทัศน์ พื้นดินแห้งแล้งและเกิดการพังทลายของผิวดิน เกิด ฝุ่นละออง พายุฝุ่น เพราะพื้นดินแห้งแล้งขาดน้ำ ประชาชนเกิดความอดอยากเนื่องจากการขาดน้ำใน การอุปโภคบริโภค เกิดความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยของสัตว์ ที่ได้รับผลกระทบทั้งบนบกและในน้ำ

3. แนวทางแก้ไขปัญหา 1. รัฐบาลต้องเข้มงวดกับการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ แม้ภาครัฐจะมีกฎหมายและมาตรการ หลายด้าน เพื่อใช้ควบคุม และแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอนุรักษ์แหล่งน้ำ สร้างเขื่อนกัก เก็บน้ำ ปลูกป่า ออกกฎหมายสิ่งแวดล้อมควบคุมการทิ้งน้ำเสียโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ 2.ส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรม ที่ไม่ก่อเกิดมลพิษ โดยลดการใช้สารก๊าซโครโรฟลูโอโรคาร์บอน (CFCs) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ที่ก่อเกิดปัญหาภาวะเรือนกระจก 3.ออกมาตรการคุมเข้มติดตั้งระบบจัดการน้ำเสียตามโรงงานอุตสาหกรรม แม้รัฐจะออกกฎหมาย ติดตั้งระบบจัดการน้ำเสียตามโรงงานอุตสาหกรรมแล้วก็ตาม น้ำเสียเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ก็ ยังมีให้เห็น รัฐควรมีการตรวจตราเข้มงวด และบทลงโทษรุนแรง ต่อโรงงานอุตสาหกรรมที่ละเลย ระบบบำบัดน้ำเสีย 4.เข้มงวดกวดขันการทิ้งของเสียลงแหล่งน้ำ เช่น จัดสถานที่ทิ้งของเสียไกลจากแหล่งน้ำ ควรมี มาตรการเข้มงวดฝังขยะลงใต้ดิน เพราะอาจมีสารเคมีไหลปนเปื้ อนแหล่งน้ำใต้ดินได้ โดยกำหนดบท ลงโทษรุนแรงกับผู้ฝ่าฝืนอย่างเด็ดขาด 5.ส่งเสริมการเกษตรแบบธรรมชาติ เช่น ลดใช้สารเคมี (Chemical Free) ให้ความรู้เกษตรกร เรื่อง ระดับความปลอดภัยใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ยาฆ่าแมลง เนื่องจากน้ำเสียจากการเกษตร จะมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม และสารพิษต่าง ๆ ปริมาณสูง แล้วหันมาใช้ปุ๋ยธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยชีวภาพ แทน ลดใช้สารเคมีให้น้อยลง 6.ส่งเสริมและให้ความรู้เกษตรกรเรื่องการใช้น้ำมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ให้ เหมาะกับสภาพท้องถิ่น และสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดอัตราเสี่ยงภาวะขาดแคลนน้ำ 7.ทำผังเมืองเป็นระบบ พื้นที่ย่านธุรกิจ ที่อยู่อาศัย และพื้นที่สีเขียว เพื่อปลูกต้นไม้ รัฐควรกำหนดทุก พื้นที่ ทั้งแหล่งธุรกิจ-แหล่งที่พักอาศัย ต้องปลูกต้นไม้ โดยกำหนดสัดส่วนตามพื้นที่ครอบครองแน่ชัด ว่าพื้นที่อยู่อาศัยนั้นๆ ต้องปลูกต้นไม้สัดส่วนตามที่กำหนดหากไม่ปฏิบัติตาม จะมีบทลงโทษ 8.รณรงค์สร้างความร่วมมือจากประชาชนจริงจัง ต้องรณรงค์จริงจังและต่อเนื่อง เรื่องต่อไปนี้ เช่น ไม่ทิ้งขยะ หรือของเสีย ลงแหล่งน้ำ ช่วยกันประหยัดน้ำ ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร

4. กฎหมาย/นโยบาย/มาตรการที่เกี่ยวข้องของไทยและต่างประเทศ กฎหมาย/นโยบาย/มาตรการที่เกี่ยวข้องไทย 1.พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ กำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่ง แวดล้อม เสนอนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กำกับการจัดการและบริหารเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม จัดทำแผนปฏิบัติการ เรียกว่า แผนจัดการ คุณภาพสิ่งแวดล้อมการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การควบคุมมลพิษ 2.พ.ร.บ. น้ำบาดาล พ.ศ. ๒๕๒๐ กำหนดเขตพื้นที่น้ำบาดาล จัดหาน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค หรือเพื่อ เกษตรกรรมในส่วนที่เกี่ยวกับการเจาะน้ำบาดาลและการใช้น้ำบาดาล กำหนดเขตวิกฤตการณ์น้ำ บาดาลการจดทะเบียนช่างเจาะน้ำบาดาล จัดตั้งกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล 3.พ.ร.บ. รักษาคลองประปา พ.ศ. ๒๕๒๖ กำหนดบริเวณใดเป็นคลองประปา คลองรับน้ำ คลองขังน้ำ กฎหมาย/นโยบาย/มาตรการที่เกี่ยวข้องของต่างประเทศ การบริหารจัดการน้ำเสียและสิ่งแวดล้อมของต่างประเทศ : สหรัฐอเมริกา การจัดการน้ำเสียในสหรัฐอเมริกามีความหลากหลายทั้งวิธีการและเทคโนโลยี โดยวิธีการที่นำมาใช้มี ทั้งในรูปแบบของการบำบัดรวมศูนย์และการบำบัดแบบไม่รวมศูนย์ การจัดการน้ำเสียแบบรวมศูนย์ยังคงเป็นที่ต้องการสำหรับชุมชนและพื้นที่อุทยาน เช่น ระบบบำบัดน้ำ เสียแบบตะกอนเร่งขนาดใหญ่ (Activated Sludge treatment) ส่วนการจัดการน้ำเสียแบบไม่รวม ศูนย์เป็นอีกทางเลือกในการบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ที่มีการกระจายตัวของชุมชนแบบกระจุก จะใช้ระบบ บำบัดน้ำเสียแบบรวมกลุ่มอาคาร (Cluster) หรือในพื้นที่ที่ชุมชนมีความหนาแน่นน้อยจะใช้ระบบบำบัด น้ำเสียแบบติดกับที่ (On-site treatment) หรือในพื้นที่ที่มีความสกปรกของน้ำเสียไม่สูงมากนัก จะใช้ ระบบบำบัดแบบง่ายๆ เช่น การใช้ถังกรองทราย โดยมีกฎหมายและการจัดตั้งองค์กรต่างๆ มาดูแล เช่น การบังคับใช้กฎหมาย Clean Water Act ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ของสหรัฐอเมริกา โดยดำเนินการศึกษาวิจัยเทคนิค การประเมินและวิเคราะห์คุณภาพของน้ำ การ พัฒนาคุณภาพน้ำ การขออนุญาตปล่อยทิ้งน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำ ตัวอย่างการจัดการสิ่งแวดล้อม ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน เช่น มีการนำน้ำเสียที่ผ่านการ บำบัดแล้วไปใช้ประโยชน์ การจัดการขยะใช้หลักการลด/คัดแยกขยะและนำไปใช้ประโยชน์ การจัดการ สถานประกอบการใช้หลักการโรงแรมสีเขียว 5. องค์กร/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและต่างประเทศ ในประเทศไทยมีกรมทรัพยากรน้ำเป็นหน่วยงานภาครัฐสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม ส่วนในต่างประเทศมีองกรณ์ทรัพยากรมน้ำนานาชาติ

6. ยกตัวอย่างข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับปัญหาทรัพยากรการขาดแคลนน้ำ ข่าวต่างประเทศซิมบับเวเผชิญสภาวะภัยแล้ง ช้างป่าขาดแคลนน้ำ-อาหาร ล้มตายแล้ว 200 ตัว ช้างป่าในอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของซิมบับเวล้มอย่างน้อยกว่า 200 นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่าน มา หลังจากประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำจากสภาวะแห้งแล้งเนื่องจากฝนไม่ตกทินาช ฟาราโว โฆษกของอุทยานแห่งชาติซิมบับเวและเจ้าหน้าที่จัดการสัตว์ป่า กล่าวว่า นอกจากช้างป่าแล้วยังมี ยีราฟ ควายป่าและละมั่งแอฟริกา รวมไปถึงนกบางชนิดต่างก็เริ่มได้รับผลกระทบจากการขาดแคลน น้ำเช่นกัน ซึ่งหากมีฝนตกลงมาจะช่วยให้สถานการณ์ของสัตว์ป่าดีขึ้น ผลกระทบของสภาวะแห้งแล้ง ในเขตอุทยานแห่งชาติฯ นั้นส่งผลให้สัตว์ป่าจำนวนมากต้องเข้าไปหาอาหารและน้ำดื่มจากหมู่บ้านของ ประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่กสิกรรมเกษตรของประชาชนเป็นจำนวนมาก ทางอุทยานฯ กล่าวว่า ในปีนี้มีประชาชนเสียชีวิตแล้วถึง 33 คน จากการปะทะกับสัตว์ป่าที่เข้ามาหากิน ในหมู่บ้าน สำหรับแผนการรับมือนั้น ทางอุทยานฯกล่าวว่าตอนนี้มีแผนที่จะอพยพช้างจำนวน 600 ตัว สิงโต 2 ฝูง ฝูงหมาป่า ควายป่า 50 ตัว ยีราฟ 40 ตัวและ ละมั่งแอฟริกาอีก 2,000 ตัวไปยังอุทยานฯ อื่นๆ ทางตอนเหนือของประเทศซิมบับเว ทางด้านผู้เชี่ยวชาญการอนุรักษ์สัตว์ออกมาเตือนมา ให้ระวัง ช้างป่าอาจจะมีการล้มตายและอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำเพิ่มขึ้น หากในปีนี้ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอ ซิมบับเวมีประชากรช้างป่ากว่า 85,000 ตัว ทั้งนี้อยู่ในการดูแลของทางอุทยานแห่งชาติ เพียง 55,000 ตัวเท่านั้น

มลพิษทางอากาศ ส่วนใหญ่เกิดจากควันของยานพาหนะและจาก โรงงานอุตสาหกรรม ควันดังกล่าวมีผลต่อสุขภาพ ของมนุษย์โดยตรง ควันจากโรงงานอุตสาหกรรม บางแห่งที่มี ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์หรือ ไนโตรเจนออกไซด์ เป็นองค์ประกอบ เมื่อรวมกับ ละอองน้ำในอากาศจะกลายเป็ นสารละลายกรด ซัลฟิวริกหรือกรดไนตริกตริก กลายเป็นฝนกรด ตกลงมาอันเป็ นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและยังทำให้ สิ่งก่อสร้างเกิดการสึกกร่อนได้ สถานที่กำลังประสบปัญหากับมลพิษทางอากาศเหล่านี้ จะมีผลก ระทบต่อสุขภาพของมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยจะมีผลต่อระบบ ทางเดินหายใจ อาจทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคทรวงอก เยื่อบุตา อักเสบ และเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ตลอดจนเสียชีวิตได้ สาเหตุของมลพิษทางอากาศ สาเหตุของปั ญหาความเสื่ อมโทรมของทรัพยากร 1. ยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์ รถยนต์เป็นแหล่งก่อปัญหาอากาศเสียมาก ที่สุด สารที่ออกจาก รถยนต์ที่สําคัญได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน ออกไซด์ของไนโตรเจน และของกํามะถัน สารพวก ไฮโดรคาร์บอนนั้น ประมาณ 55 % ออกมาจากทอไอเสีย 25 % ออกมา จากห้องเพลา ข้อเหวี่ยง และอีก 20 % เกิดจากการระเหยในคาร์บูเรเตอร์ และถังเชื้อเพลิง ออกไซด์ของไนโตรเจนคือ ไนตริกออกไซด์ (NO) ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) และไน ตรัสออกไซด์ (N2O) เกือบทั้งหมด ออกมาจากท่อไอเสีย เป็นพิษต่อมนุษย์โดยตรง นอกจากนี้สารตะกั่วใน น้ำมันเบนซินชนิดซุปเปอร์ยังเพิ่มปริมาณตะกั่วในอากาศอีกด้วย 2. ควันไฟ และก๊าซพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม - จากโรงงานผลิตสารเคมี ได้แก่ โรงกลั่นน้ำมัน โรงผลิต ไฟฟ้ า โรงงานทําเบียร์ โรงงาน สุรา โรงงานน้ำตาล โรงงานกระดาษ โรงงานถลุงแร่ โรงงานย้อมผ้า โรงงา นทําแก้ว โรงงานผลิตหลอดไฟ โรงงานผลิตปุ๋ย และ โรงงานผลิตกรด - พลังงานที่เกิดจากสารเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ทําให้เพิ่มสาร ต่าง ๆ ในอากาศ อาทิ สารไฮโดรคาร์บอนต่าง ๆ ออกไซด์ของไนโตรเจน และ กํา มะถันในบรรยากาศ

3. แหล่งกําเนิดฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้แก่ บริเวณที่กําลังก่อสร้าง โรงงานทําปูนซีเมนต์ โรงงาน โม่หิน โรงงานทอผ้า โรงงานผลิตโซดาไฟ เหมืองแร่ เตาเผาถ่าน โรงค้าถ่าน เมรุเผาศพ 4. แหล่งหมักหมมของสิ่งปฏิกูล ได้แก่ เศษอาหาร และขยะมูลฝอย 5. ควันไฟจากการเผาป่า เผาไร่นา และจากบุหรี่ 6. การทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ก่อให้เกิดละอองกัมมันตรังสี 7. การตรวจและรักษาทางรังสีวิทยา การใช้เรดิโอไอโซโทป ที่ขาดมาตรการที่ถูกต้องใน การ ป้ องกันสภาวะอากาศเสีย 8. อากาศเสียที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ไฟป่า กัมมันตรังสีที่เกิดตามธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น ความเป็นพิษเนื่องจากสาเหตุข้อนี้ ค่อนข้าง น้ อยมาก เนื่องจากต้นกําเนิดอยู่ไกล จึงเข้าสู่สภาวะแวดล้อมของมนุษย์และสัตว์ ได้น้ อย ผลกระทบของมลพิษทางอากาศ 1. ทําลายสุขภาพ อากาศเสียทําให้เกิดโรค แพ้อากาศ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรค เกี่ยว กับการไหลเวียนของโลหิต ผลที่เกิดในระยะยาวอาจทําให้ถึงตายได้ 2.ทําลายสิ่งก่อสร้างและเครื่องใช้โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างที่ทําด้วยโลหะทําให้เกิดการสึกกร่อน ทําให้หนังสือและศิลปกรรมต่าง ๆ เสียหาย 3. ทําให้ทัศนวิสัยเลวลง และมีผลทําให้อุณหภูมิอากาศลดต่ำาลงกว่าปกติได้ ทัศนวิสัยเลว ลง ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทั้งในอากาศ ท้องถนน และท้องน้ำ แนวทางแก้ไขมลพิษ ทางอากาศ 1) พยายามใช้เครื่องยนต์ที่ไม่ค่อยมีมลพิษ แกไข กระบวนการผลิต และลดมลพิษจากยาน พาหนะ 2) ใช้รถขนส่งมวลชน รถเมล์รถไฟฟ้ ารถไฟไตดินให้มากขึ้น 3) ใช้รถยนต์ให้น้ อยลง หากเดินไดหรือติดรถเพื่อนๆได ก็ควรจะไปด้วยกัน 4) ช่วยกันสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีการเกษตร โดย นำวัสดุที่เหลือใช้มาใช้เป็นพลังงาน 5) จัดการระเบียบการเผาหญ้าหรือขยะมูลฝอย เพื่อ ลดการเผาไหมในที่โล่ง 6) ประชาชนควรช่วยรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้คน เข้าใจในอันตรายที่เกิดขึ้นจากภาวะ มลพิษในอากาศ

กฎหมาย/นโยบาย/มาตรการที่เกี่ยวข้อง มาตรการควบคุมมลภาวะทางอากาศภายในประเทศ มาตรการควบคุมมลภาวะทางอากาศภายในประเทศ 1.1 กฎหมายที่ว่าด้วยแหล่งมลพิษที่เกิดจากอตุสาหกรรม 1) พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฏหมายเกี่ยวกับสิ่ง แวดล้อม - กฎบัตรการตรวจสอบภายใน ว่าด้วยวัตถุประสงค์ อำนาจหน้ าที่ ความรับผิดชอบ ประจำ ปีงบประมาณ 2560 - ประกาศกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง บัญชีรายชื่อผู้ทดสอบกลิ่นของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560) - กฎบัตรการตรวจสอบภายใน นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมควบคุมมลพิษ ดังนี้ - รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 - พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 - พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 - พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 - พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 - พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น พ.ศ. 2542 - กฎหมายอื่นๆ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 การจัดการสิ่งแวดล้อมในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 นั้น แตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านๆ มา โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการ ป้ องกันและปราบปราม การกระทำอันเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและก่อให้เกิด มลพิษไว้ชัดเจนในมาตราต่างๆ มาตรา 57 บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยราชการหน่วยงาน ของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ก่อนการอนุญาตหรือการดำเนินโครงการหรือ กิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วน ได้เสียสำคัญอื่นใดที่เกี่ยวกับตนหรือชุมชนท้องถิ่น และมีสิทธิแสดงความคิดเห็นของตนต่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว

การวางแผนพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การวางผังเมือง การกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และการออกกฎที่อาจมีผลกระ ทบต่อส่วนได้เสียสำคัญของประชาชน ให้รัฐจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของ ประชาชนอย่างทั่วถึงก่อนดำเนินการ มาตรา 66 บุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชน ชุมชนท้องถิ่น หรือชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ย่อมมีสิทธิ อนุรักษ์หรือฟื้ นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นและของ ชาติและมีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน มาตรา 67 สิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการอนุรักษ์ บำรุงรักษาและการ ได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และในการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่ง แวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของตน ย่อมได้รับความคุ้มครองตามความเหมาะสม การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทาง ด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้ ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน รวมทั้ง ได้ให้องค์การอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และ ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือ ด้านสุขภาพ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการดังกล่าว สิทธิของชุมชนที่จะฟ้ องหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการ ส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคล เพื่อให้ปฏิบัติหน้ าที่ตาม บทบัญญัตินี้ ย่อมได้รับความคุ้มครอง มาตรา 73 บุคคลมีหน้ าที่รับราชการทหาร ช่วยเหลือในการป้ องกันและบรรเทาภัยพิบัติ สาธารณะ เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรม พิทักษ์ ปกป้ อง และสืบสาน ศิลปวัฒนธรรมของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ

พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ตามความในมาตราของพระราชบัญญัตินี้ กรมควบคุมมลพิษมีอำนาจหน้ าที่ในการ กำหนดเกณฑ์และมาตรฐานในการควบคุมการดำเนินกิจการของโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะมาตรฐานและวิธีการควบคุมการกำจัดของเสียมลพิษหรือสารปนเปื้ อนซึ่ง เกิดจากกิจการของโรงงานที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้พระราชบัญญัติโรงงานกระทรวงอุตสาหกรรมสามารถประกาศกฎกระทรวง เกี่ยวกับการกำจัดของเสียสิ่งปฏิกูลและขยะมูลฝอย ห้ามการปล่อยทิ้งน้ำเสียและ อากาศเสียจากโรงงานอุตสากรรม แนวทางการมีระบบบำบัดของเสีย ตลอดจนกำหนด ระดับเสียงไม่ให้เกินมาตรฐานของ EPA (US Environmetal Protection Agency) พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ตามความในพระราชบัญญัตินี้ กรมควบคุมมลพิษเกี่ยวข้องในส่วนการกำจัดของเสีย ทั้งการควบคุมผู้ประกอบการขนส่ง / ผู้รับจ้างกำจัดขยะมูลฝอยและของเสีย และการ กำหนดเกณฑ์ควบคุม เหตุเดือดร้อนรำคาญของส่วนรวมที่เกิดจากกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สารอันตราย ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ขี้เถ้าพิษ ที่มีผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่ง แวดล้อม กรมควบคุมมลพิษควบคุมดูแลกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตลาด การ เก็บรักษา การเก็บขนและสถานที่กำจัดมูลฝอย การปล่อยน้ำทิ้งและอากาศเสีย พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัตินี้ได้กำหนดเกณฑ์ควบคุมวัตถุอันตราย โดยการนำเข้า ผลิต ขนส่ง ใช้ งาน การกำจัดและส่งออก ไม่ให้มีผลกระทบและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ พืช สมบัติ หรือสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรมได้แบ่งสารอันตรายออกเป็น 4 ประเภท เพื่อให้ สามารถควบคุมได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตราย เพื่อ ประสานงานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ ในด้านข้อมูลวัตถุอันตรายและสร้างเกณฑ์และวิธี การจดทะเบียนวัตถุอันตราย พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ภายใต้พระราชบัญญัติฉบับนี้ กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการด้านขยะมูลฝอย ความ สะอาดของบ้านเมืองโดยทั่วไป สถานที่สาธารณะใดถูกปนเปื้ อนก็จะทำให้เกิดมลพิษ เช่น ขยะ กลิ่น เหตุเดือดร้อนรำคาญ และทัศนอุจาด (มลพิษภาวะทางสายตา)

องค์กร/หน่ วยงานที่เกี่ยวข้อง แบ่งส่วนราชการกรมควบคุมมลพิษ ดังต่อไปนี้ -กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง -กองจัดการกากของเสียและสารอันตรา -สำนักงานเลขานุการกรม -ศูนย์ปฏิบัติการวิเคราะห์มลพิษและ -กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สิ่งแวดล้อม -กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร -กองกฎหมาย -กองจัดการคุณภาพน้ำ -กองตรวจมลพิษ -ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -กลุ่มตรวจสอบภายใน ข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับปั ญหา พบมลพิษไนโตรเจนไดออกไซด์ เพิ่มขึ้นในครึ่งปี 2560

การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ 1.สาเหตุของปั ญหาการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงระยะยาวของรูปแบบ สภาพอากาศในพื้นที่หนึ่ง ซึ่งคงอยู่เป็นเวลานับทศวรรษหรือยาวนานกว่านั้น โดยอาจมีสาเหตุหลายประการ สำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเกิดจาก ภาวะโลกร้อน (Global Warming) จาก การเพิ่มความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas หรือ GHG) ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะโลกร้อน น้ำทะเลอุ่นขึ้น: ภาวะโลกร้อนส่งผลให้มหาสมุทรดูดซับความร้อนส่วนเกินเกือบ 90% จากอากาศโดยรอบ ทำให้ น้ำทะเลอุ่นขึ้น แม้ว่าความร้อนส่วนใหญ่จะถูกดูดซับในพื้นผิว แต่เนื่องจากอัตราการให้ความร้อนเพิ่มขึ้น ความ ร้อนจึงเข้าถึงน้ำทะเลในระดับลึกได้ นอกจากนี้มหาสมุทรที่อุ่นขึ้นอาจนำไปสู่การเกิดพายุที่รุนแรงขึ้น และการเพิ่ม ขึ้นของระดับน้ำทะเล ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของแนวปะการัง การเจริญเติบโตของพืชทะเล และกระทบ ต่อการอยู่รอดของสัตว์ทะเล การเปลี่ยนแปลงของหิมะ น้ำแข็ง และพื้นน้ำแข็ง: การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิส่งผลโดยตรงต่อหิมะ น้ำแข็งในแม่น้ำ และทะเลสาบ น้ำแข็งในทะเล ธารน้ำแข็ง แผ่นน้ำแข็ง และน้ำแข็งบนพื้นโลก อุณหภูมิพื้นผิวที่สูงขึ้นทำให้มวลน้ำ แข็งลดลง ในการวัดมวลน้ำแข็งโดยดาวเทียมมของ NASA แสดงให้เห็นว่ามวลน้ำแข็งแอนตาร์กติกาและ กรีนแลนด์กำลังลดลงในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ธารน้ำแข็งกำลังถอยห่างออกไปเกือบทุกแห่งทั่วโลก รวมทั้ง เทือกเขาแอลป์ เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาแอนดีส เทือกเขาร็อกกี้ อะแลสกา และแอฟริกา ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น: การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลมีสาเหตุหลักมาจากการละลายของแผ่นน้ำแข็งและธารน้ำแข็ง และการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุ่นขึ้น การสังเกตของดาวเทียมระบุว่าความสูงของทะเลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและ จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราที่เร็วขึ้น การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลมีผลกระทบในทางลบต่อประชากรที่อาศัย อยู่ในพื้นที่ชายฝั่ งทะเล และส่งผลต่อการเกิดอุทกภัยและการเพิ่มขึ้นของพายุ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบสภาพอากาศและเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านความถี่ ความรุนแรง ขอบเขตพื้นที่ ระยะเวลา และ ระยะเวลาของสภาพอากาศและสภาพอากาศสุดขั้ว สภาพอากาศสุดขั้วและสภาพอากาศเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ สภาพอากาศหรือตัวแปรสภาพอากาศอยู่เหนือกว่าหรือต่ำกว่าค่าเกณฑ์ปกติของตัวแปร การเปลี่ยนแปลงของรูป แบบสภาพอากาศบางส่วน ได้แก่ จำนวนวันและคืนที่อากาศอบอุ่นเพิ่มขึ้น จำนวนวันและคืนที่หนาวเย็นลดลง ความถี่และความรุนแรงของอุณหภูมิที่ร้อนจัดในแต่ละวันเพิ่มขึ้น เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วบางอย่าง ได้แก่ น้ำท่วม ภัยแล้ง พายุเฮอริเคน และคลื่นความร้อนที่รุนแรง ที่จะไม่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั้นกำลังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ขึ้น ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญที่สุดคือ คาร์บอนไดออกไซด์ ส่วน ก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ก็มี มีเทน ไนตรัสออกไซด์ ก๊าซ ฟลูออรีน ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน และเปอร์ฟลูออโรคาร์บอน ซึ่งผลกระทบของก๊าซเหล่านี้ต่อการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของก๊าซและศักยภาพในการทำให้โลกร้อน ก๊าซที่มี GWP สูงกว่าจะดูดซับ ความร้อนได้มากกว่า และทำให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นสูงกว่าก๊าซชนิดอื่น ๆ และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โลกร้อนขึ้น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ที่ดิน: การเผาป่าเพื่อการเพาะปลูก การขยายพื้นที่อุตสาหกรรม และกิจกรรมอื่นๆ ของมนุษย์ได้เพิ่มความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจก ส่วนแบ่งของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ที่ดินในการปล่อย มลพิษทั้งหมด คิดเป็นปริมาณ 5-10% ของการปล่อยทั้งหมด การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล: การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิ ล เช่น ถ่านหินและน้ำมัน ได้เพิ่มความเข้มข้นของ คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ การมีส่วนร่วมของเชื้อเพลิงฟอสซิลในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีมากที่สุดถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยทั้งหมด

2.ผลกระทบที่เกิดจากความเสื่ อมโทรมการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ - ผลกระทบที่รุนแรงกว่าจะตกอยู่กับประเทศยาก จน ได้แก่ ประเทศที่กำลังพัฒนาของทวีปแอฟริกา เอเชีย และ มหาสมุทรแปซิฟิค ที่มีความสามารถน้อยที่สุดในการป้องกันตนเองจากระดับทะเลที่สูงขึ้น การแพร่กระจายของเชื้อ โรค และ ผลผลิตภาคเกษตรที่ต่ำลง - ระบบทางธรรมชาติ ซึ่งได้แก่ ธารน้ำแข็ง ปะการัง ป่าชายเลน ระบบนิเวศของทวีปอาร์กติก ระบบนิเวศของเทือก เขาสูง ป่าสนแถบหนาว ป่าเขตร้อน เขตลุ่มน้ำในทุ่งหญ้า และ เขตทุ่งหญ้าในท้องถิ่น จะถูกคุกคามอย่างรุนแรง สัตว์สายพันธุ์ต่างๆ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น และเกิดความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพ - ผลกระทบรุนแรงในระดับภูมิภาค ตัวอย่างเช่น ในยุโรป จะเกิดน้ำท่วมจากแม่น้ำเพิ่มขึ้นในพื้นที่ส่วนมากของทวีป และตามพื้นที่ชายฝั่ งจะเสี่ยงต่อน้ำท่วม การกัดเซาะ และ การสูญเสียพื้นที่ในทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมาก 3. แนวทางแก้ไขปั ญหา ภาวะโลกร้อนนั้น เกิดจากก๊าซเรือนกระจกที่มากเกินไปในชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น นำมาซึ่ง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น การแก้ปัญหาดังกล่าวเราจึงต้องช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และยังต้องเตรียมตัวรับมือกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก อันจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเราด้วย ประชาคมโลกเองก็ได้ตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สถานการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราต้องเผชิญความเสี่ยงจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดบ่อยขึ้นและจะ ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นประเทศต่าง ๆ จึงได้ร่วมกันก่อตั้งกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ United Nations Framework Convention on Climate Change หรือ UNFCCC เพื่อเป็นเวทีสำหรับการกำหนดกฎกติกาในการแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และกำหนดแนวทางรับมือต่อปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ United Nations Framework Convention on Climate Change หรือ UNFCCC กำหนดเป้าหมายร่วมกัน “เพื่อรักษาระดับความเข้มข้น ของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศไม่ให้เกินระดับที่จะเป็นภัยภัยคุกคามต่อสิ่งมีชีวิตและความมั่นคงทางอาหาร โดยทุกประเทศต้องร่วมรับผิดชอบต่อปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกันตามขีดความสามารถที่แต่ละ ประเทศจะทำได้” กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้จัดให้มีการการประชุมสมัชชารัฐภาคีฯ หรือเรียกว่า Conference Of the Parties (COP) เป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามข้อกำหนดของ UNFCCC ที่ผ่านมานั้นไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นได้ ในปี พ.ศ. 2558 จึงได้มีการ รับรองความตกลงปารีส (Paris Agreement) ภายใต้ความตกลงปารีสนั้นได้กำหนดกฎกติกาการดำเนินงานด้าน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เข้มข้นขึ้น โดยบังคับให้ทุกประเทศจัดส่งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกและ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นรูปธรรม หรือที่เรียกว่า “เป้าหมายการดำเนินงานด้านการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ประเทศกำหนด” หรือ Nationally Determined Contribution หรือ NDC ทุก ๆ 5 ปี

4. กฎหมาย/นโยบาย/มาตรการที่เกี่ยวข้อง (ของไทยและต่างประเทศ) กฎหมายสิ่งแว ดล้อมภายในประเทศ ในการบริหารจัดการภายในประเทศ ประเทศไทยได้ออกกฎหมายหลายฉบับเพื่ออนุรักษ์ คุ้มครอง บํารุงรักษา ฟื้ นฟู บริหารจัดการ และใช้หรือจัดให้มีการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลาก หลายทางชีวภาพ โดยมีกฎหมายที่สำคัญ ได้แก่ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ซึ่งได้แต่งตั้งคณะกรรมการสิ่ง แวดล้อมแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน คลิก 1.พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 2.พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 3.พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 4.พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 กฎหมายสิ่งแวดล้อมต่างประเทศ - พิธีสารมอนทรีออลเพื่อการลดและเลิกการใช้สารทำลายชั้นโอโซน (The Montreal Protocol on Substances that Deplete the Ozone Layer) : เพื่อควบคุม ยับยั้ง และรณรงค์ให้ลดการผลิตและการใช้ สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน รวมถึงการรักษาชั้นบรรยากาศโอโซนที่เริ่มจะสูญสลายไปเนื่องจากสารเคมีต่าง ๆ ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 ความตกลงว่าด้วยกิจกรรมของรัฐ บนดวงจันทร์และเทหะในท้องฟ้าอื่น ค.ศ. 1979 (Agreement Governing the Activities of States on the Moon and Other Celestial Bodies) มีหลักการสำคัญคือดวงจันทร์ และเทหะในท้องฟ้าอื่น ๆ ในระบบ สุริยะถือเป็นมรดกร่วมของมนุษยชาติ (Common Heritage of Mankind) - อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก (Convention Concerning the Protection of the World Cultural and Natural Heritage) : เพื่อจัดทำแผนแม่บทในการจัดการมรดก ทางวัฒนธรรม การแสวงหาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สำคัญ รวมทั้งมีการกำหนดมาตรการที่ เหมาะสมเพื่อรับผิดชอบ ดูแล คุ้มครองวัฒนธรรมและธรรมชาติ และละเว้นการดำเนินการใดโดยเจตนาที่จะทำลาย มรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ซึ่งประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2530

5. องค์กร/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ของไทยและต่างประเทศ - โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme: UNEP) - องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization: WMO) - คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) · - อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) - สัตยาบันในระหว่างการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (United Nations Conference on Environment and Development: UNCED) - พันธกรณีภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) 6. ยกตัวอย่างข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับปั ญหาทรัพยากรนั้นๆ แนวโน้มนี้ยังเกิดขึ้นแพร่หลายมากขึ้นใน พื้นที่ต่าง ๆ ของโลก ส่งผลให้เกิดความท้าทายอย่างไม่เคยมีมาก่อนต่อ มนุษยชาติทั้งในด้านสุขภาพ และการใช้ชีวิตของเรา ผลการศึกษาครั้งนี้พบว่า จำนวนวันทั้งหมดที่มีอุณหภูมิเกิน 50 องศาเซลเซียส ได้เพิ่มขึ้นทุก 10 ปี ระหว่างปี 1980 - 2009 โดยมีวันที่อากาศร้อนรุนแรงเช่นนี้ปีละประมาณ 14 วัน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาเป็น 26 วัน ระหว่างปี 2010 - 2019 ยูเอ็นชี้มนุษย์แทบไม่มีหวังแก้ปัญหาภูมิอากาศโลก จากไฟป่าในไซบีเรียสู่น้ำท่วมที่นิวยอร์ก ย้อนดูเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วในปีนี้ ทะเลทรายอิหร่านล้มแชมป์หุบเขามรณะในสหรัฐฯ ขึ้นแท่นสถานที่ร้อนสุดบนพื้นโลก อุณหภูมิแบบสุดขั้วทั้งร้อนจัด-หนาวจัด เป็นสาเหตุให้ผู้คนทั่วโลกล้มตายปีละ 5 ล้านคน ในช่วงเดียวกันนี้ วันที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ 45 องศาเซลเซียสขึ้นไปก็เกิดเพิ่มขึ้นอีกโดยเฉลี่ยปีละ 2 สัปดาห์ ดร.ฟรีเดอริก ออตโต รองผู้อำนวยการสถาบันการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพแวดล้อมแห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ระบุว่า \"จำนวนที่เพิ่มสูงขึ้น พูดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า เป็นผลมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล\" ในขณะที่ทั่วโลกมีอากาศอุ่นขึ้น อุณหภูมิสุดขั้วก็มีแนวโน้มจะเกิดบ่อยขึ้น สภาพอากาศร้อนรุนแรงอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์และธรรมชาติ รวมทั้งสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับอาคาร สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ถนนหนทาง และระบบไฟฟ้า

สาเหตุของปั ญหาความเสื่อมโทรมของ ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า พื้นที่ป่าไม้มีสภาพเสื่อมโทรมและมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก เนื่องมา จากสาเหตุสำคัญหลายประการ ได้แก่ การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การเผาป่า การบุกรุก ทำลายป่า เพื่อต้องการที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยและ ทำการเกษตร การทำไร่เลื่อนลอยของชาวเขาในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร และการใช้ที่ดิน เพื่อดำเนินโครงการของรัฐบาล เช่น การจัด นิคมสร้างตนเอง การชลประทาน การไฟฟ้าพลังน้ำ การก่อสร้าง ทาง กิจการรักษาความมั่นคงของชาติ เป็นต้น การที่พื้นที่ป่าไม้ทั่ว ประเทศลดลงอย่างมากได้ส่งผลกระทบต่อการควบคุมระบบนิเวศ โดยส่วนรวมอย่างแจ้งชัด เช่น กรณีเกิดวาตภัยและอุทกภัยครั้งร้าย แรงในพื้นที่ภาคใต้ปั ญหาความแห้งแล้งในภาคต่างๆของประเทศ และปั ญหาน้ำท่วมในฤดูฝนอย่างรุนแรงซึ่งปั ญหาภัยธรรมชาติดัง กล่าวได้มีแนวโน้มของการเกิดถี่ขึ้นอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อ ผลิตผลทางการเกษตรชีวิตและทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังเกิดผลกระ ทบสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ เช่น การสูญเสียหน้าดิน ทำให้สูญเสียความ อุดมสมบูรณ์ของดิน ปั ญหาการตกตะกอน ปั ญหาการตื้นเขินของ แหล่งน้ำ และปั ญหาสภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวน เป็นต้น

ผลกระทบต่อการสูญเสียทรัพยากรป่าไม้และ สัตว์ป่าไม้ ปั ญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะออก กฎหมายเพื่อคุ้มครองพื้นที่ป่าแต่ก็ยังถูกลักลอบตัดโค่นอยู่ประจำ และเมื่อ ทรัพยากรป่าไม้ถูกทำลายลงมากเท่าใดผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ ของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมก็จะทวีความรุนแรงตามมาด้วยดังจะเห็น ได้จากการขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง และเกิด อุทกภัยในฤดูฝนในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ ระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา การทำลายป่าไม้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชากรและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ พอ สรุปได้ ดังนี้ -ความเสื่อมโทรมของพื้นที่ต้นน้ำลำธารและพื้นที่อนุรักษ์อื่นๆ -ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศป่าไม้ -สภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง -ทำลายแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ -เพิ่มความรุนแรงของภัยธรรมชาติ -ขาดแคลนไม้และของป่าใช้สอย

แนวทางแก้ไขปั ญหาทรัพยากรป่ าไม้ 1.การกำหนดนโยบายป่าไม้แห่งชาติ นโยบายป่าไม้แห่งชาติ คือ การกำหนดให้มี พื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศอย่างน้อยในอัตราร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ เป็นการ กำหนดแนวทางการจัดการและ การพัฒนาป่าไม้ในระยะยาว 2.การปลูกป่าเป็นการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ป่าไม้อย่างหนึ่ง เมื่อป่าไม้ใน พื้นที่ถูกตัดฟันลงไม่ว่ากรณีใดก็ตามนโยบายการรักษาป่าไม้จะกำหนดให้มีการ ปลูกป่าขึ้นทดแทนและส่งเสริมให้มีการ ปลูกสร้างสวนป่าทุกรูปแบบ 3.การป้องกันไฟไหม้ป่าไฟไหม้ป่าถือว่าเป็นอันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับป่าไม้ การฟื้ นฟูกระทำได้ยากมากไฟไหม้ป่าเกิดจากการกระทำของมนุษย์จากความ ประมาทเลินเล่อทำให้ต้นไม้บางส่วนอาจตายบางส่วนอาจชะงักการเจริญเติบโต และบางแห่งอาจตายหมด 4.การป้องกันการบุกรุกทำลายป่า การบุกรุกการทำลายป่าไม้ในปั จจุบัน จะเพิ่ม ความรุนแรงมากขึ้น การป้องกันทำได้โดย การทำหลักเขตป้ายหรือเครื่องหมาย ให้ชัดเจนเพื่อบอกให้รู้ว่า เป็นเขตป่าประเภทใด การแก้ปั ญหานี้สำคัญที่สุด แนวทางแก้ไขปั ญหาทรัพยากรสัตว์ป่ า 1.การอนุรักษ์พื้นที่ สัตว์ป่าที่ลดจำนวนลงในปั จจุบัน เนื่องจากถิ่นที่อยู่อาศัย และแหล่งอาหารถูกทำลายลงอย่างมาก การจัดหาแหล่งที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย สำหรับสัตว์ป่า จึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมาก วิธีการอนุรักษ์พื้นที่หรือ ถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่าทำได้โดประกาศเป็น พื้นที่อนุรักษ์ ดังต่อไปนี้ 1.1 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นพื้นที่ที่กำหนดขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย ของสัตว์ป่า ปั จจุบันมีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั่วประเทศ 34 แห่งเนื้อที่ 17,251,575 ไร่ และกำลังจะประกาศเพิ่มเติมอีก 5 แห่ง เนื้อที่ 1,425,087 ไร่

1.2 เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เป็นสถานที่ที่ทางราชการได้กำหนดขึ้นเป็นที่อยู่อาศัย ที่ปลอดภัยของสัตว์ป่า บางชนิด 1.3 อุทยานสัตว์ป่า เป็นสถานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวในลักษณะ ซาฟารี ซึ่งจะอำนวยประโยชน์ทางด้านการศึกษา การวิจัย และขยายพันธุ์ สัตว์ป่าตลอดจนเป็นแหล่งที่อยู่ที่ปลอดภัยของสัตว์ป่าชั่วคราวก่อนนำไป ปล่อยในที่ที่ เหมาะสมต่อไป 2.การอนุรักษ์สัตว์ป่าทางวิชาการ การค้นคว้าวิจัยทางวิชาการ นับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญในการจัดการและอนุรักษ์ สัตว์ป่า 2.1 การตั้งสถานีวิจัยสัตว์ป่า 2.2 จัดตั้งศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า 2.3 การจัดตั้งศูนย์การศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า 3. การป้องกันและปราบปราม ทำได้โดย 3.1 การออกกฎหมายห้ามล่าสัตว์ป่า 3.2 ควบคุมการค้าสัตว์ป่า 3.3 การประชาสัมพันธ์ เป็นการส่งเสริมเผยแพร่ด้านความรู้เพื่อให้ประชาชน ตระหนักถึงคุณค่าของสัตว์ป่า

กฎหมาย/นโยบาย/มาตรการที่เกี่ยวข้อง ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า นโยบายป่าไม้แห่งชาติ(ของประเทศไทย) 1.ให้มีการกำหนดแนวทางการ จัดการและการพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ ใน ระยะยาวอันจะ ทำให้ประเทศได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าทาง สังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคงและ สิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยเน้นให้มีการประสาน กันระหว่างทรัพยากรป่า ไม้และทรัพยากรธรรมชาติอื่น 2.ส่งเสริมบทบาท และหน้าที่ของส่วนราชการต่างๆ และภาคเอกชนให้มี ส่วนรับผิดชอบในการจัดการและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ ร่วมกัน กฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องสนธิสัญญาซึ่งมี วัตถุประสงค์หลักเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญ พันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora - CITES) : เพื่อควบคุมการค้าสัตว์ป่า พืชป่า กำหนดมาตรการในการบังคับใช้ตามอนุสัญญา โดยมิให้มีการค้าสัตว์ป่า พืชป่า รวมทั้งมีการควบคุม ตรวจสอบการค้าสัตว์ป่า พืชป่า และมีการ ขนส่งที่ปลอดภัย ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2526

องค์กร/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ ทรัพยากรป่า ไม้และสัตว์ป่า กรมป่าไม้ เป็นหน่วยงานระดับกรม ในสังกัด กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหน้าที่ในการอนุรักษ์ รักษา และ จัดการทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ ซึ่งมีทั้งหมด 77 ล้านไร่ โดยในอดีต สังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์(ของประเทศไทย) สหรัฐอเมริกาป่า ( USFS ) เป็นหน่วยงานของที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐที่ ดูแลประเทศ 154 แห่งชาติป่าและ 20 ทุ่งหญ้าแห่งชาติ กรมป่าไม้จัดการ ที่ดิน 193 ล้านเอเคอร์ (780,000 กม. 2 ) หน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงาน อธิบดี ระบบป่าไม้แห่งชาติ ป่าไม้ของรัฐและเอกชน การดำเนินธุรกิจ และ การวิจัยและพัฒนา หน่วยงานที่จัดการประมาณ 25% ของที่ดินของรัฐบาล กลางและเป็นหน่วยงานการจัดการที่ดินแห่งชาติเท่านั้นที่สำคัญไม่ได้เป็น ส่วนหนึ่งของกรมมหาดไทยสหรัฐ ซึ่งจัดการบริการอุทยานแห่งชาติที่ปลา สหรัฐอเมริกาและบริการสัตว์ป่าและสำนักจัดการที่ดิน กรมป่าไม้ US Forest Service US

ข่าวเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า บราซิลส่งทหารกว่า 4 หมื่นนายไปช่วยรับมือเหตุไฟป่าแอมะซอนแล้ว ขณะที่ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ถูกกล่าวหาเพิ่มอีกว่า ไม่ลงโทษ คนตัดไม้ผิดกฎหมาย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทหารบราซิลกว่า 44,000 นาย ถูกส่งไปป่าแอมะซอน เพื่อเข้าร่วมในปฏิบัติการดับไฟป่า ครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ส.ค. 2562 ขณะที่ผลการวิเคราะห์ใหม่ ทำให้ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ถูก กล่าวหาว่าละเลยไม่ยอมลงโทษคนตัดไม้ผิดกฎหมาย ปฏิบัติการแรก ของกองทัพในการดับไฟป่าแอมะซอนคือ ส่งทหารไปเมืองปอร์โต เบลโญ่ เมืองเอกของรัฐรอนโดเนีย แล้วใช้เครื่องบิน C-130 เฮอร์คิวลีส เทน้ำ มากกว่า 12,000 ลิตรเพื่อดับไฟ ขณะเดียวกัน ผลการวิเคราะห์ใหม่ของสำนักข่าว บีบีซี บราซิล ชี้ว่า จำนวนการลงโทษผู้ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างผิดกฎหมายในบราซิลลดลง เหลือต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี โดยระหว่างวันที่ 1 ม.ค. ถึง 23 ส.ค. ปีนี้ รัฐบาลของนายโบลโซนารู ลงโทษปรับผู้กระทำผิดทั้งสิ้น 6,895 ครั้ง ลด ลงจากปีก่อน 29.4%

ความหลากหลายทางชีวภาพ สาเหตุของปัญหาความเสื่ อมโทรม ความหลากหลายทางชีวภาพ 1.การใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไป จนธรรมชาติไม่สามารถสร้างขึ้นทดแทนทัน 2.การบุกรุกและทำลายป่า ซึ่งเป็นการทำลายที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและพืชหลากหลายชนิด ส่งผลให้ ประชากรของสิ่งมีชีวิตลดลง ระบบนิเวศเสียสมดุล 3.การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช นอกจากจะทำลายสิ่งมีชีวิตโดยตรงแล้ว สารเคมีเหล่านี้ยังตกค้างสะสมอยู่ ในพืช ดิน และน้ำ ทำลายสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมและอาจทำให้กลายพันธุ์ 4.การสร้างมลพิษจากบ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม เช่น การปล่อยน้ำเสียลงในแหล่งน้ำ การปล่อย ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 5.การทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่มุ่งเน้ นการค้าและอุตสาหกรรม ส่งผลให้พืชสายพันธุ์ดั้งเดิมในท้องถิ่นลดลง สภาพแวดล้อมถูกทำลายเพื่อให้ได้ผลผลิตจำนวนมาก เช่น การเผาหลังเก็บเกี่ยว 6.การนำเข้าสิ่งมีชีวิตต่างถิ่น เช่น การขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วของต้นไมยราบยักษ์หรือหอยเชอรี่ที่ทำลาย ข้าวในนา ทำให้พันธุ์พืชและพันธ์สัตว์ท้องถิ่นค่อยๆสูญหาย 7.การเกิดภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่า ภูเขาไฟระเบิด 8.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เช่น การเกิดภาวะโลกร้อน ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เกิดการอพยพย้าย ถิ่นของสัตว์บางชนิด ผลกระทบที่เกิดจากความเสื่ อมโทรม ของความหลากหลายทางชีวภาพ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจะทำให้ผลผลิตของระบบนิเวศลดลง ทำให้ระบบนิเวศไม่ มั่นคงและมีความสามารถในการรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ ลดลง ไม่ว่าจะเป็นภัยจากพายุ น้ำ ท่วม ภาวะแห้งแล้ง รวมทั้งภัยคุกคามที่เป็นผลจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น มลพิษต่าง ๆ และการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัจจุบัน แม้การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ปัจจุบัน กิจกรรม ของมนุษย์ได้ทำให้เกิดการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตอย่างน่าใจหาย ที่สำคัญก็คือ สิ่งที่เราสูญเสียไปนั้นไม่ สามารถจะสร้างใหม่หรือเรียกย้อนคืนกลับมาได้

แนวทางแก้ไขปัญหา 1.ปลูกฝั งให้คนไม่แพร่พันธุ์สิ่งมีชีวิตต่างถิ่นสู่ระบบนิเวศตามธรรมชาติ 1.กำจัดสิ่งมีชีวิตพันธุ์ต่างถิ่นด้วยวิธีการที่ทำให้เกิดประโยชน์ 2.เพาะพันธุ์สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นที่ใกล้จะสูญพันธุ์คืนสู่ธรรมชาติ 3.ฟื้ นฟูผืนป่าที่ถูกทำลายโดยฝีมือมนุษย์และเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติ กฎหมาย/นโยบาย/มาตรการที่เกี่ยวข้องในประเทศและต่างประเทศ -นโยบาย มาตรการ และแผนการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนพ.ศ. 2551 – 2555 -มาตรา 6 ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ได้กำหนดให้ภาคีจัดทำนโยบายและกลยุทธ์ ระดับชาติ เพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน -พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 -อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นความตกลงระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม ที่ ต้องการให้มี ความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ และ เอกชน ระหว่างประชาชน ชาวโลก ในการรักษาความ หลากหลายทางชีวภาพ และการใช้ประโยชน์ระบบนิเวศ ชนิด พันธุ์ และ พันธุกรรมอย่างยั่งยืน

องค์กร/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศและต่างประเทศ ในประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) องค์การพิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือไอยูซีเอ็น(IUCN) ยกตัวอย่างข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับปัญหาความหลากหลายทางชีวภาพ อังกฤษน่าจับตามอง ในรอบศตวรรษที่ผ่านมาสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพไปกว่าครึ่ง เพราะ การผุดขึ้นของการทำปศุสัตว์ ฟาร์มการเกษตรและการนำเข้าของสัตว์ต่างถิ่น รวมไปถึงการขยาย เมืองและเขตชุมชน ตั้งแต่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาสิ่งนี้เป็นผลการศึกษาที่น่าตกตะลึงที่ถูกค้น พบโดยนักวิทยาศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในกรุงลอนดอน ที่เปิดเผยว่า สหราช อาณาจักรคือหนึ่ งในประเทศที่ทั่วโลกให้คะแนนที่ย่ำแย่ในการรักษาอาณาเขตของระบบนิเวศในการ รักษา การปกป้ องสัตว์และพันธุ์พืช สิ่งนี้เป็ นผลการศึกษาที่น่าตกตะลึงที่ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ธรรมชาติในกรุงลอนดอน ที่เปิดเผยว่า สหราชอาณาจักรคือหนึ่งในประเทศที่ทั่วโลกให้คะแนนที่ ย่ำแย่ในการรักษาอาณาเขตของระบบนิเวศในการรักษา การปกป้ องสัตว์และพันธุ์พืช

ทรัพยากรแร่และพลังงาน 1.สาเหตุของปัญหาความเสื่ อมโทรมของทรัพยากร ตอบ -ปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณที่ทำเหมืองแร่แล้วทำให้สภาพดินไม่อุดมสมบูรณ์ สกปรก พื้นที่ ขรุขระมีหลุมบ่อมากมายจึงถูกปล่อยทิ้งใช้ประโยชน์ ไม่เต็มที่ -ปัญหาการใช้แร่ธาตุบางประเภทเป็นจำนวนมาก เช่น แร่เหล็กถูกนำมาใช้มากและแพร่ หลายที่สุด ถ่านหิน น้ำมันปิโตรเลียม ดีบุก เป็นต้น -ปัญหาการใช้แร่ไม่คุ้มค่า ได้แก่ พวกแร่ที่ใช้แล้วยังเหลืออยู่ ยังสามารถนำกลับไปใช้อีก เช่น เหล็ก ส่วนแร่ที่นำไปใช้แล้วหมดไป เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ เราจึง ต้องใช้อย่างคุ้มค่า และประหยัด 2.ผลกระทบที่เกิดจากความเสื่ อมโทรมของทรัพยากร ตอบ การนำทรัพยากรแร่มาใช้งานของประเทศไทย ในอดีตมุ่งเน้ นในเรื่องการเร่งพัฒนาให้ มีการนำขึ้นมาใช้ ประโยชน์ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของชาติและ เพิ่มรายได้ให้แก่รัฐ โดยให้ความ สำคัญต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและหลักการอนุรักษ์ไม่ มากนั ก จนกระทั่งปัญหาในด้านต่าง ๆ เกิดขึ้น มากมาย จึงได้เริ่มให้ความสำคัญในการ พัฒนาการใช้ทรัพยากรแร่อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนคำนึ งถึงปัญหา ด้านสิ่งแวดล้อม มากขึ้น ซึ่งปัญหาหลัก ๆ มีดังนี้ ปัญหาในด้านการอนุรักษ์ การผลิตแร่เพื่อมุ่งเน้ นในด้านเศรษฐกิจมากเกินไป เช่น ดีบุก สังกะสี พลวง ถ่านหิน และ ปิโตรเลียม จนทำให้ประเทศขาดแคลนแร่บางชนิ ดลดลงอย่างรวดเร็ว จากที่เคยส่งเป็น สินค้าออกกลับต้อง นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งขัดต่อหลักการใช้ทรัพยากรธรรมชาติแบบ ยั่งยืน ปัญหาด้านผลกระทบต่อสิ่ งแวดล้อม ความเป็นพิษของแร่ แร่ที่นำมาใช้งานบางชนิ ดจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพราะ ความเป็นพิษของตัวแร่เอง เช่น ตะกั่ว สังกะสี แมงกานี ส โครเมียมหรือสารหนู ที่เกิดร่วมกัน กับสายแร่ดีบุก แร่ต่าง ๆ เหล่านี้ หากปนเปื้ อนอยู่ในแหล่งน้ำก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ คุณภาพน้ำ และหากตกค้างอยู่ใน ดิน อาจจะเข้าสู่วัฏจักรอาหารโดยพีช ซึ่งจะก่อให้เกิดความ เสี ยหายต่อสุขอนามัยของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงได้

3.แนวทางแก้ไขปัญหา ตอบ -การใช้แร่ธาตุอย่างประหยัดในการทำเหมืองแร่บางอย่างนั้ นบางทีทรัพยากรแร่ธาตุที่ได้ มาอาจมีหลายชนิ ด ดังนั้ นจึงควรจะพยายามใช้ให้คุ้มค่าทุกชนิ ด อย่างประหยัด และลด การสูญเปล่า -การสำรวจแหล่งแร่ควรมีการเร่งรัดการสำรวจทรัพยากรแร่ธาตุให้ครอบคลุมทั่ว ประเทศเพื่อประโยชน์ ในการวางแผนการใช้ประโยชน์ อย่างคุ้มค่า -การใช้แร่ชนิ ดอื่นทดแทน พยายามหาแร่ธาตุอื่น ๆ มาใช้ทดแทนแร่ที่ใช้กันมาก อาทิการ ใช้อลูมิเนี ยมแทนเหล็ก -นำแร่ที่ใช้แล้วกลับมาใช้อีก เพื่อการใช้ประโยชน์ อย่างเต็มที่ควรมีการนำแร่ที่ใช้แล้วก ลับมาใช้อีก อาทิ ภาชนะเครื่องใช้ที่เป็นอลูมิเนี ยมบางอย่างที่หมดสภาพการใช้ แล้ว สามารถนำกลับมาหลอมใช้ใหม่ได้อีก 4.กฎหมาย/นโยบาย/มาตรการที่เกี่ยวข้อง (ของไทยและต่างประเทศ) ตอบ กฎหมายด้านพลังงาน (ประเทศไทย) พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ได้ผ่านการพิจารณาจาก สภานิ ติบัญญัติแห่งชาติและได้มีพระบรมราชโองการฯให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2535 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2535 และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานพ.ศ. 2535 เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ พลังงานที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันซึ่งก็คือ “พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์ พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550” โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 4 ธันวาคม 2550 และมีผลใช้บังคับวันที่ 1 มิถุนายน 2551 แต่ก็ไม่ได้มีการยกเลิกเนื้ อความในพระ ราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ .2535 ทั้งฉบับ สรุปการแก้ไขในครั้ง นี้ มีมาตราแก้ไขจำนวน 14 มาตรา บัญญัติเพิ่มจำนวน 8 มาตรา และยกเลิก จำนวน 8 มาตราเพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน กฏหมาย แร่ธาตุ (ประเทศต่างประเทศ) กฎหมายว่าด้วยแร่ธาตุกำหนดหลักการระเบียบการและมาตรการเกี่ยวกับการคุ้มครอง การปกปักรักษา การใช้แร่ธาตุและทรัพยากรแร่ธาตุ การตรวจสอบการดำเนิ นงานด้าน แร่ธาตุเพื่อให้การค้นหาการสำรวจ การขุดค้นและการแปรรูปแร่ธาตุให้มีประสิทธิภาพ สูง โดยเชื่อมโยงกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การดำเนิ นการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ สร้างเงื่อนไขให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เปลี่ยนเป็น อุตสาหกรรมที่มีความทันสมัย พัฒนาเขตแร่ธาตุแบบยั่งยืน ตลอดจนทำให้คุณภาพชีวิต ของประชาชนดีขึ้น

5.องค์กร/หน่ วยงานที่เกี่ยวข้อง (ของไทยและต่างประเทศ) ตอบ ประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตระหนั กถึงความสำคัญของ การบริหารจัดการ ทรัพยากรแร่ของประเทศอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการที่เอื้อต่อการพัฒนาทียั่งยืน ตาม นโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2554 พร้อมทั้งเป้าหมายที่กำหนด ไปไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่่ 11 (พ.ศ. 2555 –2559) ทัองน่ อไปด้มอบหมาย ให้กรมทรัพยากรธรณี จัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรแร่ (พ.ศ. 2555 - 2559) ขึ้น มาเพื่อเป็นกรอบทิศทางในการดำเนิ นการ ประเทศต่างประเทศ AMMin หรือ ASEAN Ministerial Meeting on Minerals เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีด้าน ทรัพยากรแร่ โดยทำหน้ าที่ประสานความร่วมมือด้านแร่ธาตุร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกใน ภูมิภาคอาเซียนในการสนั บสนุนและส่งเสริมการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมแร่ธาตุของอาเซียนทั้งทาง ด้านวิชาการ การสำรวจ การผลิต และการตลาด เพื่อให้ได้แร่ธาตุที่มีคุณภาพ ไม่กระทบต่อสิ่ง แวดล้อม ส่งเสริมให้เกิดการค้าและการลงทุนเพื่อให้มีแร่ธาตุใช้ประโยชน์ อย่างยั่งยืนในภูมิภาค กำหนดให้มีการประชุมฯ ทุกๆ 3 ปี และให้จัดต่อเนื่ องจากการประชุม ASOMM ไปในคราวเดียวกัน ปัจจุบัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมปฏิบัติหน้ าที่เป็นผู้แทนประเทศไทย

6.ยกตัวอย่างข่าว ผู้นำอุตฯ เหมืองแร่ชูศักยภาพการทำเหมืองที่ยังไม่ถูกเปิดเผยในแอฟริกาและเอเชีย ก่อน เปิดฉากการประชุมฟอรั่มแร่ธาตุแห่งอนาคต ขณะที่ประเทศซาอุดีอาระเบียเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฟอรั่มแร่ธาตุแห่ง อนาคต (Future Minerals Forum หรือ FMF) ซึ่งเป็นหนึ่ งในงานอีเวนต์ใหม่ที่สำคัญที่สุด งานหนึ่ งของโลก บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเหมืองแร่ที่ทรงอิทธิพลระดับโลกได้ แสดงความตื่นเต้นยินดีที่จะได้มีโอกาสร่วมอภิปรายในเวทีนี้ โรเบิร์ต ฟรีดแลนด์ ผู้ก่อตั้งและประธานร่วมจากบริษัท Ivanhoe Mines ของแคนาดา กล่าวว่า \"อุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นเสาหลักสำคัญของการเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่ อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น และภูมิภาคที่มีการทำเหมืองแห่งใหม่ ๆ ก็มีบทบาทสำคัญในการ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจได้ถึงเสถียรภาพและความหลาก หลายของอุปทานแร่และโลหะ\" การประชุมฟอรั่มครั้งนั้ นมีกระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรธรณีของ ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพร่วมกับรัฐบาลของนานาประเทศที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้วยวิสัย ทัศน์ อันยิ่งใหญ่ในการกำหนดอนาคตอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และนำฝ่ายกำหนด นโยบายทั่วโลกมาพบกับนั กลงทุน, นั กการเงิน และผู้นำวงการธุรกิจจากทั้งห่วงโซ่ คุณค่าของอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งมั่นที่จะเปิดเวทีให้ ทั่วโลกได้พูดคุยกันถึงเป้าหมายในการทำเหมืองแร่โดยรวมของตะวันออกกลาง, แอฟริกา และเอเชีย

สมาชิกกลุ่ม ม.5/11 1.นายนราวิชญ์ ชัยประดิษฐ์ เลขที 1 2.นายพบตะวัน สุวลักษณ์ เลขที่ 4 3.นายภูมิพัฒน์ แก้วอัมพร เลขที่ 5 4.นายภูมิรพี สามาแห เลขที่ 6 5.นายอดิเทพ ยอดแก้ว เลขที่ 7 6.นายภูมิไท หนูคล้าย เลขที่ 8 7.นายรพิภัทร เพ็ชรขวัญ เลขที่ 19 8.นายศุภณัฐ วงษ์เลี้ยง เลขที่ 22


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook