Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมะพระธีรจิตโต เทป 91

ธรรมะพระธีรจิตโต เทป 91

Published by iamgolddeer, 2022-07-29 21:57:37

Description: ธรรมะพระธีรจิตโต เทป 91

Search

Read the Text Version

ธรรมะพระธรี จิตโต เทป 91 Natural Dharma Tape 91 เจรญิ ในธรรมญาตโิ ยม วนั นีเ้ ปน็ วันจนั ทร์ ท่ี 25 กรกฎาคม 2565 วันน้กี ็จะมาพูดธรรมะซ่ึง เป็นปัญญาสงู สุดในพุทธศาสนาใหเ้ ราไดฟ้ ังกนั เปน็ เรื่องของการเจรญิ สตปิ ัฏฐานตัวสูงสุด เรยี กว่า ธัมมานุปัสสนา สติปฏั ฐาน 4 เป็นเรอื่ งของการทจี่ ติ ไดต้ ื่นรเู้ หน็ ว่าทกุ สรรพสงิ่ เลยคือ ธรรมชาติ เปน็ การทีจ่ ติ ตื่นรเู้ ห็นและยอมรับในความจรงิ ขอ้ น้ี นีค่ อื ตวั ปญั ญาสูงสุดในพทุ ธ ศาสนา พวกเราแคต่ ง้ั ใจฟัง เข้าใจใหไ้ ดอ้ ยา่ งเดยี วเลย ใช้ Common Sense ในการฟงั อย่า ไปใชค้ วามคิดพิจารณา ตรึกตรองอะไรเด็ดขาดนะ ใช้ Common Sense ธรรมชาติ ธรรมดาท่ี พวกเรามีกันอยแู่ ล้ว อปุ มาเหมือนเด็กนน่ั แหละ ใช้ Common Sense ธรรมดาของเดก็ น่ี แหละ ฟังป๊ปุ แลว้ กค็ ิดแลว้ ก็เข้าใจเลย ฟงั ปปุ๊ แลว้ ก็ตอบมาเลย ฟงั แลว้ ตอบตวั เองมาในใจเลย ฟังแล้วตอบ ฟังแล้วตอบเลย ไม่ตอ้ งใชค้ วามคิด คิดตรึกตรองว่าถกู ว่าผดิ วา่ ดวี ่าชวั่ ว่ามี เหตุผล ห้ามใชเ้ หตผุ ลใดๆนะ ธรรมนเี้ ปน็ ธรรมที่อยเู่ หนือเหตเุ หนือผลวา่ งั้นเถอะ พวกเราใช้แค่ Common Sense พิจารณาตาม พวกเราจะเข้าใจเห็นวา่ ทกุ สรรพส่ิงมันเปน็ ธรรม มนั เปน็ ธรรมชาติ พระอรหันตผลเนย่ี ะ! หลังจากทีท่ า่ นบรรลธุ รรมเนย่ี ะ ทา่ นเห็นวา่ ทกุ สรรพส่งิ เลยทงั้ ผ้รู ู้ ทง้ั สิ่งถกู รู้ ทงั้ ภายนอกและภายใน มนั คือธรรมชาติ มันคอื ธรรมะนั่นเอง เหน็ อะไรกเ็ ป็น ธรรมะไปหมด คาวา่ เหน็ อะไรหมายความวา่ มันเห็นอยูภ่ ายใน มันตน่ื รู้อยภู่ ายใน นนั่ แหละ มนั เข้าใจหมดแลว้ ว่าทง้ั หมดคือธรรมะ ธรรมะก็คอื ธรรมชาติ นพ่ี ระอรหันตผลนที่ า่ นมาสรุปลง ตรงนแี้ หละ พวกเราเพียงแต่สรุป เข้าใจ ยอมรบั ความขอ้ นี้ พวกเราจะไม่เกิด ฟงั เทปอาจารย์ เทปน้ี เทปนจ้ี ะไมเ่ คยเหมอื นเทปอื่นทเ่ี คยบนั ทกึ มาเลย ไม่วา่ จะเป็นภาษาอีสาน ภาษากลาง ท้ังหมด 115 เทปก่อนหนา้ น้ี พวกเราฟังมาเน่ยี ะ ไอ้สิง่ นน้ั ทเ่ี คยพูดไปทั้งหมดนั่นคือการดจู ิต เขาเรยี กวา่ จิตตานุปัสสนา สติปฏั ฐาน 4 แต่วนั นีม้ ันไม่ใช่เรอ่ื งของการดูจิต มนั อยูเ่ หนอื การดู จติ คือวนั นีเ้ นี่ยะ พวกเราไมต่ ้องไปดูจติ นะ พวกเราแคฟ่ งั ใหเ้ ข้าใจอย่างเดียวเลย เขาเรยี กวา่ ธัมมานุปสั สนา สตปิ ัฏฐาน 4 เป็นการตื่นรู้และเข้าใจให้ได้ ฟังให้เขา้ ใจ พดู ง่ายๆคอื ฟงั ให้ เข้าใจ ใช้ Common Sense พจิ ารณาแล้วก็ตอบ ฟังแลว้ กต็ อบ ฟงั แลว้ กต็ อบ ตอบตัวเองแค่ นนั้ เอง เรากจ็ ะเห็นว่าทัง้ หมดทง้ั มวลเปน็ ธรรมชาติ ถ้าจิตของพวกเรามนั ยอมรับความรูน้ น้ี ะ มันจะไม่มีคนเลย ไมม่ ีเขาไมม่ เี รา ไม่มวี ตั ถุธาตุใดๆบนโลกใบนีเ้ ลย รัก โลภ โกรธ หลง ทกุ อย่างมันจะกลายเปน็ ธรรมชาติไปหมดเลย ดี ชัว่ บญุ บาป กุศล อกุศล ทกุ สิ่งทกุ อย่าง กลายเป็นธรรมชาติไปหมด คือมันไม่เหลืออะไรเลย มนั ไมเ่ หลืออะไร ไม่เหลอื คน ไมเ่ หลือสัตว์ ไม่เหลือจิต ไมเ่ หลอื สกั สิง่ สักอย่างเลย เนี่ยะ! ทกุ อยา่ งกลายเป็นธรรมไปหมดนั่นเอง ถ้าพวกเรา เขา้ ใจยอมรบั ได้ พวกเรากไ็ มเ่ กิด เพราะงนั้ เทปนฟ้ี งั หลายๆรอบนะ ถา้ ใครยงั ฟงั ไม่รเู้ ร่ืองก็ตอ้ ง ฟังให้หลายๆรอบนะ จริงๆแลว้ ฟังเทปนี้ รอบเดยี วพวกเราจะไม่เกิดเลย ง่ายๆแคน่ ้ี ทนี ี้จะเร่มิ

นะ เขา้ ใจพิจารณาตามใหไ้ ด้ เทปนก้ี ็จะเป็นเทปท่ี 91 ภาษากลางนะ ถา้ รวมกบั ภาษาอสี าน ดว้ ยก็กลายเปน็ เทปท่ี 106 เทป กบ็ นั ทึกเทปมามากละ วดิ ีโอคอลอีก 20 กวา่ เทปล่ะ เพราะงั้น น่ีเทปธรรมะก็จะเยอะมาก เทปวิดโี อคอลของชดุ วนั ท่ี 24 กรกฎาคม 2565 ไปฟงั นะ ไปฟงั หลายๆรอบ เราจะไมเ่ กดิ เราจะหมดสน้ิ สงสัยในพทุ ธศาสนา จิตเรามนั จะว่าง มันจะโล่ง มันจะ ใส เราจะรเู้ องวา่ จติ ดวงนไี้ มเ่ กิดแล้ว มันโลง่ มนั เบา มันไมม่ อี ะไรเหลือเลยวา่ ง้ัน มันกลายเป็น ธรรมชาติไปเลย นนั่ แหละ ฟังวิดีโอคอลชดุ วนั ท่ี 24 กรกฎาคม 2565 สว่ นเทปก็ฟังเทปนี้ ฟงั หลายๆรอบ ผู้ทีป่ ญั ญานอ้ ยนะ ส่วนผู้ที่มีปญั ญาแล้วเน่ยี ะ ฟงั รอบเดียวแค่นั้นแหละจะไมเ่ กดิ เลย จบเลย บรรลุธรรมเลย ก็จะเรม่ิ อยา่ งนี้ พวกเราใช้ Common Sense พจิ ารณา ฟังแลว้ ก็ ตอบตวั เองตามเลยนะ ธรรมชาตขิ องสตั วเ์ นยี่ ะ พวกสตั ว์กินเนอื้ เนี่ยะ อยา่ งสงิ โตนะ มนั ก็กัด หมู กดั กวาง กินเนือ้ สัตว์ นี่คอื ธรรมชาตถิ กู ม้ัย? มนั คอื ธรรมชาติ พวกสัตวก์ นิ พืช มันกท็ า หน้าทก่ี ินพืช แลว้ ก็ทาหนา้ ที่หนีสัตว์กินเนือ้ นี่มนั เป็นธรรมชาติม้ยั ? นี่มนั เปน็ ธรรมชาตินะ สตั ว์พวกสัตวห์ ลายประเภท พวกทข่ี ุดหลุมอยู่ ขดุ หลุมอยู่ไวบ้ งั แดด บงั ฝน บังศัตรู กนั ศัตรู ไว้ เป็นทีพ่ ัก ไว้สร้างเผ่าพันธุ์ ครอบครัวตัวเอง ส่ิงน้เี ปน็ ธรรมชาตมิ ั้ย? มนั เปน็ ธรรมชาตนิ ะ เขาไม่ เหน็ ต้องไปเจมิ เลย ก่อนจะเข้าไปอยูเ่ ขาไม่เหน็ ตอ้ งไปเจิม เขาไมเ่ หน็ ต้องไปนมิ นตส์ ง่ิ ศักดส์ิ ิทธิ์ เขา้ มาทาพิธอี ะไรเลย เพราะเขาเข้าใจว่าทง้ั หมดนม้ี ันเปน็ ธรรมชาตธิ รรมดา ท่พี กั ประโยชน์ ของท่พี ักคอื ไวบ้ ังแดด บงั ฝน กันศตั รู ไว้เกบ็ ของ ไว้ขยายเผ่าพันธ์ุ เนีย่ ะ!ประโยชน์ของที่พักมี แคน่ ้ันแหละ มนั ไม่จาเป็นต้องไปทาพิธีกรรมอะไรเลย นีค่ อื สตั วเ์ ขาอยู่กบั ธรรมชาตนิ ะ ส่วนผู้ที่ ไปทาพิธีกรรม จะอยู่บ้านทีก็ต้องไปทาพิธกี รรม ตอ้ งไปเจมิ ตอ้ งไปอะไร นี่เขาเรยี กว่าพวกทฝ่ี ืน ธรรมชาติ ไมเ่ ข้าใจธรรมชาติ เม่อื ฝนื ธรรมชาตปิ ปุ๊ กเ็ ลยถกู ธรรมชาติเลน่ งาน กเ็ วยี นวา่ ยตาย เกดิ อา่ ทีน้พี ดู เรื่องธรรมชาตติ ่อนะ แดดมนั ออกเปน็ ธรรมชาตมิ ้ัย? ธรรมชาติมาก ฝนมันตก เป็นธรรมชาตมิ ั้ย? มันเปน็ ธรรมชาตธิ รรมดามาก ตน้ ไม้มนั มีอยเู่ ต็มโลกเลย ประโยชนข์ อง ตน้ ไมก้ ็คอื ผลิตออกซเิ จนนะ มันเป็นธรรมชาตินะ มนั ผลิตออกซเิ จนไว้ให้สตั ว์โลกทงั้ หลายมี อากาศบริสทุ ธิน์ ะ แล้วมันกช็ ว่ ยปอ้ งกันไมใ่ หน้ า้ ทว่ มดว้ ย มนั รักษาสมดุลของนา้ เพราะมันดูด ซบั น้าไว้ เลีย้ งตน้ มนั ดูดซับการไหลของน้าไดด้ ี เปน็ ตน้ นี่คอื ธรรมชาติของตน้ ไมน้ ะ สง่ิ เหลา่ น้ี มันเป็นธรรมชาติมาก โลกใบนี้มนั สรา้ งธรรมชาติสมดุลอยูแ่ ล้วนะ ทีนม้ี นุษยฉ์ ลาด มันชอบฝืน ธรรมชาตมิ นษุ ย์ มนั ก็เลยไดร้ ับกฎแหง่ ธรรมชาติเล่นงาน ธรรมชาติก็เลยเล่นงานเอา น่กี ต็ ดั ตน้ ไม้ บกุ รกุ ปลูกบ้านเรือนอยู่ ปลกู ไวห้ าอย่หู ากนิ หาเงินหาทอง ทาลายทกุ อยา่ งท่ีขวางหนา้ แลว้ ก็สรา่ งนั่น สร้างนี่ สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สรา้ งวัตถุธาตุ สร้างพระพุทธรูปองคใ์ หญ่ๆโตๆ สรา้ งศาลาการเปรยี ญใหญ่ๆโตๆ สรา้ งตึก สร้างแหลง่ ท่องเทย่ี ว สร้างส่งิ สาธารณปู โภค มากมาย สร้างเมืองว่างนั้ เถอะ! ตัดตน้ ไมม้ หาศาล สร้างเมืองขึ้นมา ปรากฏวา่ เมอ่ื ตน้ ไม้ไมม่ ที ีน้ี อากาศก็เรมิ่ ไมบ่ ริสุทธิ์ ถามว่าจริงๆมนั เป็นธรรมชาติมย้ั มันเป็นธรรมชาติของโลกมนษุ ยน์ ะ

มนั เปน็ ธรรมชาตขิ องมนษุ ยน์ ะ มันก็ทาแบบน้เี ป็นธรรมชาติแลว้ มนษุ ย์กไ็ ดร้ ับวิบากของมันนะ วบิ ากแหง่ การไปฝืนธรรมชาติ นีก่ ็รบั วิบากกรรมจากการฝืนธรรมชาตนิ ะ ทนี ้ีพอฝนมนั ตกลงมา นา้ กเ็ ลยท่วม มนั เปน็ ธรรมชาติมย้ั ? มันเปน็ ธรรมชาติมากเลยนะ ฝนตกลงมาไมม่ ีตน้ ไม้ดดู ซบั น้าก็ท่วม มันเป็นธรรมชาติ ธรรมดามาก แต่มองในแง่ของสตั วโ์ ลกเน่ียะ น่ีคอื วบิ ากของการฝืน ธรรมชาติ เมอ่ื ฝืนธรรมชาตกิ ็ถกู ธรรมชาติเลน่ งานกเ็ ลยมคี วามเดือดร้อนอนั เกิดจากการท่ี นา้ มนั ท่วม นก่ี เ็ ปน็ โรคเป็นภัยบ้าง ข้าวของเสียหาย ร้องห่มร้องไห้ มคี นตายบ้าง นี่คือวิบาก วิบากอันเกดิ จากมนุษย์ไปผดิ ธรรมชาติ ไปฝืนธรรมชาตนิ ะ ถามว่าสิ่งเหล่านี้เปน็ ธรรมชาติ ธรรมดาของโลกมยั้ ? มนั เป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมดาของโลกใบน้แี หละ มันเปน็ ธรรมชาติ เช่น ฝนตก น้าท่วม คนตาย เป็นโรค เปน็ ภัย เน่ียะเกดิ ความลาบาก ไปมาไม่สะดวก เปน็ ธรรมชาติ ของสัตวโ์ ลก มันเป็นทีอ่ ยขู่ องสัตวโ์ ลกที่ชอบฝนื ธรรมชาติ นี่เปน็ เรอ่ื งธรรมชาติ ธรรมดา ทีน้ี พวกเรากไ็ ปเจอพวกทเ่ี ขาตกปลานะ ตกปลาหาอยูห่ ากนิ เขาก็ตกปลากนั ส่งิ เหลา่ นีเ้ ปน็ ธรรมชาตมิ ากเลยนะ มนั เปน็ ธรรมชาติ ธรรมดาของสัตว์โลกทเี่ ขาไปหาปลากนั ปลานะพอมนั เห็นเหยอ่ื ทีต่ ดิ อย่ทู เ่ี บด็ มนั เห็นเหย่อื ปุป๊ มนั กง็ บั เลย ถามวา่ มันเป็นธรรมชาตมิ ย้ั มันเป็น ธรรมชาติมากของปลาทต่ี อ้ งงบั เหยื่อ มนั เป็นธรรมชาติ ธรรมดามาก มนษุ ยก์ ไ็ ด้อาหารเหล่านี้ มาเลีย้ งชีพตวั เอง ถามวา่ ส่ิงเหล่านเี้ ป็นธรรมชาตมิ ้ยั มันเป็นธรรมชาติของสตั วโ์ ลกนะ พอท่นี ้ี เขาไปเบียดเบยี นสัตวแ์ บบนป้ี ๊ปุ ปรากฏว่าดวงวิญญาณของสัตว์เหล่าน้ี เขาก็อาฆาตพยาบาท เนย่ี ะก็มเี หตใุ ห้อายุสน้ั บา้ ง มเี หตุใหเ้ ป็นโรคเป็นภัย ถามวา่ ท้งั หมดนี้มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ้ัย มัน เปน็ ธรรมชาติ ธรรมดาของสตั ว์โลก พออายสุ ้นั สุดท้ายกต็ ายเร็วนะ มันเปน็ เร่อื งธรรมชาติ ธรรมดาของสตั วโ์ ลก แตม่ นุษย์กลบั ไปคิดว่า กลบั ไปคดิ ตอ่ ว่ามนั เปน็ บาป เปน็ เวร เป็นกรรม เปน็ นัน่ เปน็ น่ี เพราะมกี รรมไง เพราะเราสรา้ งกรรมไง เราถงึ เปน็ น่นั เปน็ นี่ สรา้ งเวร สรา้ ง กรรม ไปสร้างเร่ืองข้ึนมาต่อ จรงิ ๆมนั เปน็ ธรรมชาติ ธรรมดาของธรรมชาตเิ ลย เมื่อไป เบียดเบยี นเขากเ็ ล่นงานคนื มันเปน็ เรอื่ งธรรมชาติ ธรรมดา อายสุ นั้ บ้าง เปน็ โรค เปน็ ภัย เปน็ นัน่ เปน็ นี่ เปน็ เรอ่ื งธรรมชาติ ธรรมดามากของโลกใบนข้ี องผ้ทู ย่ี ังหลงอยู่ หลงมาเกดิ นะ เป็น เรื่องธรรมชาตธิ รรมดา ทนี ีพ้ วกเราคดิ ตามนะ พวกเราคดิ ด้วย Common Sense ธรรมชาติ ธรรมดาเลย คดิ ตามงา่ ยๆ ไม่ตอ้ งไปใช้สมองอะไรเลย ไม่ต้องไปคิดเยอะนะ หา้ มไปคดิ เยอะ ธรรมะวันน้ี ห้ามคดิ เด็ดขาด ให้ฟงั ให้ใช้ Common Sense แล้วตอบแคน่ ้นั เอง คนหรือสตั ว์ เนี่ยะ! มันมีการตอ่ สกู้ ัน มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ย้ั ? เป็นธรรมชาตนิ ะ หมากดั กนั อย่างเน่ยี ะ หมามนั กดั กนั เป็นธรรมชาติมัย้ มนั เป็นธรรมชาตมิ ากเลยนะ สตั ว์ตวั อ่ืนเหมือนกนั กดั กัน ต่อสู้กนั เปน็ ธรรมชาติ มันธรรมชาตมิ ากๆเลย คนก็เหมือนกนั มนุษยเ์ ราเนีย่ ะ มนั ทะเลาะกัน มันเป็น ธรรมชาติมย้ั ? มนั เปน็ ธรรมชาติ ธรรมดามากเลย เปน็ เรือ่ งธรรมชาติมาก คนมันทะเลาะกัน คนตอ่ ยตกี ันเนีย่ ะ มนั เป็นธรรมชาตมิ ัย้ ? มันเป็นเรือ่ งของธรรมชาติ มนั เป็นธรรมชาติมากส่งิ

เหลา่ นี้ ผวั เมียทะเลาะกนั เปน็ ธรรมชาติม้ยั มันเปน็ ธรรมชาตมิ ากเลยนะ แมท่ ะเลาะกบั ลูก พ่อ ทะเลาะกับลกู เป็นเร่อื งธรรมชาตมิ ้ัย? เปน็ เรอื่ งธรรมชาติ ธรรมดามากเลย พ่อแม่รักลกู เปน็ ธรรมชาตมิ ั้ย? มนั เปน็ ธรรมชาติ ธรรมดามากเลย พอ่ แม่ออกไปหาเงนิ ปรากฎวา่ กไ็ ปทางานก็ มีปัญหากบั หวั หนา้ งาน ทะเลาะกัน เปน็ ธรรมชาตมิ ้ยั ? เป็นธรรมชาตมิ าก ปรากฏวา่ พอ ทะเลาะกับเจ้านาย เจา้ นายกเ็ ลยไล่ออก เปน็ ธรรมชาตมิ ยั้ ? เป็นธรรมชาตมิ ากเลยนะ พอไล่ ออกเขากไ็ ปหางานใหม่ กต็ กงานสกั พักหนึ่ง ชว่ งท่ีตกงานก็อยู่บา้ น ขาดรายได้ เป็นธรรมชาติ ม้ยั ? มันเป็นธรรมชาตินะ สงิ่ เหลา่ น้ีมนั เปน็ ธรรมชาตขิ องโลกทีม่ นั ต้องเป็นแบบนี้ เป็น ธรรมชาติ พอตกงานไดส้ กั พักหนงึ่ กป็ รากฏวา่ ได้งานใหม่ เขาก็ได้งานใหม่ไปทางาน ไปเจอ เพื่อนรว่ มงานท่ีดี คุยดว้ ยดีๆเขากม็ เี พอื่ นละทนี ้ี เรมิ่ มีเพื่อนละ่ เปน็ ธรรมชาติม้ยั สงิ่ เหลา่ น้ี มนั เป็นธรรมชาตนิ ะ พวกเราใช้ Common Sense ฟงั แล้วกต็ อบตามงา่ ยๆแค่น้ี เข้าใจให้ได้ว่า มันไมม่ อี ะไรไม่เป็นธรรมชาติ เลา่ ให้ฟังไปเรือ่ ยๆ พวกเราแค่เขา้ ใจตามแค่นนั้ เอง ยอมรบั ใหไ้ ด้ ว่าท้งั หมดนีเ้ ป็นธรรมชาติ พอไปทางานปบุ๊ พอทางานครบวาระเขากใ็ หเ้ งินเดือนมาใช้ เน่ยี ะ! ไดเ้ งนิ มากด็ ีใจเปน็ ธรรมชาตมิ ้ยั ? พอเงนิ เดือนออกปุ๊บ มันดีใจมากเลย นเ่ี ปน็ ธรรมชาติมั้ย? เปน็ ธรรมชาติมาก ปรากฏวา่ ผู้ชายส่วนใหญ่ บางทีผู้หญิงกม็ ี พอเงนิ เดือนออกก็ไปสงั สรรค์กบั เพ่ือนกนิ เหลา้ เมาสุรา เป็นธรรมชาติของสตั วโ์ ลกมยั้ ? มนั เปน็ ธรรมชาติ ธรรมดามากเลยนะ ส่งิ เหลา่ น้ี เป็นธรรมชาติของสัตว์โลก ทนี ีพ้ อเมา พอเมาปบุ๊ กเ็ ลยเมาแลว้ กท็ ะเลาะกันเอง เมาก็ เลยคยุ กนั ยงั ไงกไ็ มร่ กู้ เ็ ลยผิดใจกนั ทะเลาะกนั ตกี นั ในวงเหล้า เป็นเร่อื งธรรมชาตมิ ้ัย? เป็น เรือ่ งธรรมชาตมิ ากเลย ทีนบี้ างทีก็ตัง้ วงกนั แล้วกเ็ ฮฮา เฮฮาเสรจ็ ปบุ๊ กเ็ ดินทางกลับบา้ น ขณะท่ี ขับรถกลบั ก็เมาไง เพราะเมาก็เลยเกดิ อบุ ตั เิ หตุ โดนรถชนตาย สงิ่ เหล่าน้ีเปน็ ธรรมชาตมิ ั้ย? มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ากเลยนะ อบุ ัตเิ หตุมนั เปน็ เรอื่ งธรรมชาตมิ ยั้ ? มันเปน็ เรื่องธรรมชาตทิ ี่มันตอ้ ง เกิด มนั เป็นเรอ่ื งธรรมชาติ ธรรมดามาก ทนี พี้ อมาอยู่บ้านกับครอบครวั ก็หงุ หาอาหาร ทากับข้าวอยดู่ ้วยกันนะ สามภี รรยาอยูด่ ว้ ยกันมีลกู ด้วย มคี รอบครวั พ่อแมด่ ว้ ยก็ดี อยดู่ ว้ ยกัน อยดู่ ว้ ยกันกห็ ุงหาอาหาร กินดว้ ยกันนนั่ แหละ กนิ ดว้ ยกัน แบง่ ปนั กัน เปน็ เรอื่ งธรรมชาตมิ ัย้ ? เปน็ เรอื่ งธรรมชาติของสัตว์โลกเรานะ อยูด่ ว้ ยกนั กแ็ บ่งกนั กินอาหาร อยู่รว่ มกันนะ พออยกู่ นิ ด้วยกนั บางวนั ก็ทะเลาะกัน เป็นเรอ่ื งธรรมชาติมย้ั ? เปน็ เรื่องธรรมชาตมิ ากเลยนะ ทีนี้พอวนั หน่งึ พวกเรากเ็ หน็ คนขา้ งบา้ น เขาทะเลาะกัน ปรากฏวา่ ผูช้ ายกต็ ผี ูห้ ญงิ ใหญ่เลย ตอ่ ยผู้หญงิ ตี ผ้หู ญิง ผหู้ ญงิ สลบเลย พวกเราก็เหน็ นะ เห็นว่าเขาตีกนั เป็นเรอื่ งธรรมชาตมิ ย้ั เน่ยี ะ? มันเปน็ เร่อื งธรรมชาตมิ ากเลยนะเหน็ คนตกี ัน ตอ่ ยกนั ปรากฏว่าผ้หู ญงิ กส็ ลบ ปรากฏวา่ สักพกั หนึง่ ตารวจกม็ าบา้ นหลงั น้นั ผู้ชายโดนจบั ผ้หู ญิงก็เขา้ โรงพยาบาล มใี ครไมร่ ู้ไปฟ้อง ไปแจง้ ตารวจ นะ อาจจะเปน็ พอ่ แมเ่ ขานะ ไปแจง้ ตารวจจบั ผชู้ าย ผู้หญงิ กเ็ ขา้ โรงพยาบาลไป สิ่งเหล่านเี้ ปน็ ธรรมชาติม้ยั ? มันเป็นธรรมชาติ ธรรมดามากเลยนะของโลกใบน้ี เป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมดา

ของสตั ว์โลก เดก็ พอมันเกดิ มาเน่ยี ะ มนั รอ้ งหม่ ร้องไห้ มนั อยากกินนมไง เปน็ ธรรมชาตมิ ย้ั ? เปน็ เรอื่ งธรรมชาตินะ พอดีมันมีอยคู่ รอบครัวหนึ่ง เขาก็ฐานะดีนนั่ แหละ ครอบครวั น้ีเขาก็มลี กู มีลกู คนแรกเขากท็ ะนถุ นอมลกู อย่างดีเลย ครบกาหนดคลอดลกู เขากเ็ ลยผา่ คลอด พอผ่าลกู ออกมา การผา่ ลูกออกมาเปน็ ธรรมชาติ ธรรมดาม้ยั ? มันเปน็ ธรรมชาติมากเลยนะ คลอดลกู กม็ ี ผ่าออกบ้าง ไม่ผ่าออกบา้ ง คลอดตามธรรมชาตบิ ้าง เปน็ ตน้ ปรากฏว่าเขาคลอดลูกมาได้แคว่ นั เดยี ว ลูกเขาตาย เป็นเรอื่ งธรรมชาติมัย้ ? การตายเปน็ เรอ่ื งธรรมชาตมิ ั้ย? มนั เป็นเรื่อง ธรรมชาติมากเลยนะ มันเกดิ มาวนั เดียวตาย เกดิ มาบางคนก็ตายในทอ้ งเลย เป็นเร่ือง ธรรมชาติมั้ย? มนั เปน็ เร่อื งธรรมชาตมิ าก แตบ่ างทบี างคนคลอดลกู มาได้ 1-2 เดอื นค่อยตาย เปน็ เรื่องธรรมชาติมั้ย? เปน็ เร่ืองธรรมชาติ มนั ตายได้ตลอดเวลาแหละ มนั พรอ้ มทจ่ี ะตายได้ เสมอแหละ ทนี ีพ้ อพ่อแม่คลอดลกู ออกมา ไดล้ กู แลว้ ปรากฏว่าลกู เสยี ชวี ติ แลว้ ผา่ นไปวัน เดียวเอง ลกู เสียชวี ติ พอ่ แมเ่ สียใจมากเลย รอ้ งหม่ ร้องไห้ เสียใจ เศร้าใจมาก ไม่กินข้าวกิน ปลา เป็นเรอื่ งธรรมดามยั้ เนีย่ ะ เป็นเร่อื งธรรมชาติ ธรรมดามากเลยนะ เข้าใจม้ัยวา่ มนั เป็น ธรรมชาตสิ ิ่งเหล่าน้ี มันไม่ได้เกีย่ วกับเรอ่ื งอนื่ นะ อยา่ ! อยา่ !ใชค้ วามคิดไปคิดนะ ห้ามใชส้ มอง วันน้ฟี ังธรรมะวนั น้ี วันนเ้ี ปน็ เทปพเิ ศษ ใครตอ้ งการบรรลุธรรมน่ี ห้ามใช้ความคิด การพ้นจาก การเวียนว่ายตายเกิด เขาเรียกวา่ วมิ ุติเนยี่ ะ มันอยเู่ หนอื การปรงุ แต่งท้ังปวง ห้ามคิดเยอะ ใช้ Common Sense ฟังแล้วเขา้ ใจใหไ้ ดว้ า่ ทัง้ หมดคือธรรมชาติ หา้ มคิดเยอะ ถ้าคดิ เยอะ คิด มากเม่ือไหรล่ ะก็เวียนวา่ ยตายเกดิ เลย เรยี บร้อย ไมม่ ีทางบรรลธุ รรมได้ ฟังใหเ้ ข้าใจนะ ใชแ้ ค่ Common Sense ฟังใหเ้ ข้าใจแค่นนั้ เองแลว้ ยอมรับใหไ้ ด้แคน่ น้ั เอง การตายเป็นเร่ือง ธรรมชาตมิ าก ทนี พี้ อลกู เสยี เขากเ็ สยี ใจมาก การเสียใจเปน็ เร่อื งธรรมชาติมากทีม่ ันตอ้ งเสียใจ ทะนถุ นอมกวา่ จะไดล้ ูกมา พอคลอดลกู ออกมา ลูกมาเสยี ตอ่ หนา้ ต่อตา มันเสยี ใจมากเลย นี่มัน เปน็ เรื่องธรรมชาตมิ ากเลยนะ เป็นธรรมชาติ ธรรมดามาก ทนี ีป้ รากฏวา่ หลังจากท่ลี ูกเสีย เขา กเ็ อาลูกไปทาพิธีกรรม การทาพธิ กี รรมตา่ งๆเป็นเรือ่ งธรรมชาตขิ องสัตวโ์ ลกนะ เขาก็ทา พิธีกรรมอะไรของเขาไป เขาก็นาร่างทารกไปทาพธิ กี รรม ไปสวดอะไรของเขาไปตามประเพณี กี่วนั กวี่ ัน เสรจ็ เรียบรอ้ ยปบุ๊ กท็ าพธิ ีเผา เผาออกมาแลว้ สุดทา้ ยก็เป็นขี้เถ้า เนย่ี ะ!ช่วงนพี้ ่อแม่ก็ เสยี ใจรอ้ งหม่ ร้องไหท้ กุ วนั เป็นเรอ่ื งธรรมชาติมั้ย? เปน็ เรื่องธรรมชาตมิ ากเลย เนยี่ ะ!ปรากฏวา่ เผาเรียบรอ้ ยแลว้ กผ็ า่ นไป วันเวลากผ็ า่ นไป ครอบครัวกห็ าอยหู่ ากินไป การหาอยู่หากินเปน็ เรื่องธรรมชาติม้ยั ? เป็นเร่ืองธรรมชาตินะ เผอิญวนั หนงึ่ ครอบครวั นี้เข้าไปเจอรายการในทวี ี เขาทาอาหารแล้วเขาก็กนิ กนิ โชว์ในทีวนี ะ เขาทาอาหาร เสร็จปบุ๊ เขาก็กินโชว์ กินโชว์ในทีวี นั่นแหละ เขาก็ดทู ีวี ดYู outubeในโทรศัพท์กนั กด็ ูไป เห็นเขาทาอาหารไป เขากก็ นิ ไป กินโชว์ ในทวี ี ครอบครวั น้พี อเหน็ ป๊บุ กค็ ดิ ว่านา่ กินจัง นั่งดเู ขากินกน็ า้ ลายไหลนะ มันเหน็ เขากินนา่ อร่อยไง เขาทาอะไรบ้าง หมสู ามช้ันบา้ ง เอากงุ้ มาอบบ้าง อบวุน้ เสน้ บ้างอะไรพวกนี้นะ เขา

ทาอาหารมแี ต่ของแพงๆดๆี ทงั้ นัน้ เขาก็กนิ กนั บางทกี ็เอาปูอลาสก้ามาน่งึ แลว้ ก็กนิ ปตู ัวใหญๆ่ กัน ครอบครัวนี้พอเห็นปุ๊บ เขากน็ า้ ลายไหล การนา้ ลายไหลเปน็ ธรรมชาติม้ยั ? มันเป็นเรื่อง ธรรมชาติมากเลยนะ พอเห็นแลว้ น้าลายไหลก็เลยคยุ กัน ผัวกับเมยี ก็คยุ กัน พอ่ เด๋ียวเราไปซอ้ื หมดู ีกว่า ซือ้ หมมู าทากนิ เองท่บี า้ น มนั นา่ จะอร่อย ทาแบบเขา มนั นา่ จะอร่อยมากเลยนะ เขา ก็คยุ กนั เขาก็ไปหาซอ้ื หมเู พราะเขาอยากกนิ หมูไง อยากกนิ หมูทด่ี ูในทวี ี เขาตุน๋ หมนู มุ่ มาก ดี มาก เขามีวธิ ีการตนุ๋ แลว้ เขากก็ ินให้ดวู า่ อร่อยมาก ทาแบบนี้ แบบนี้ พอดแู ล้วกอ็ ยากกิน น้าลายไหล สิง่ เหล่าน้ีเป็นธรรมชาติมากเลยนะ ก็เลยชวนกนั จะไปซื้อหมกู นิ เนย่ี ะ!เขาก็อยาก กนิ หมไู ง เขากไ็ ปซือ้ หมมู ากิน ปรากฏว่าเขาไปตลาด ปรากฏว่าไอ้คนทเ่ี ขาขายหมู เขากไ็ ปฆ่า หมมู า เขากฆ็ า่ หมูมาหลายตัวเลยนะ เขาฆ่ามาเยอะเลย เขาฆา่ เปน็ ประจา เปน็ ธรรมชาติ มนั เป็นธรรมชาตนิ ะ การฆ่าหมู ฆา่ หมมู า เอาหมมู าขายในตลาด เปน็ เร่ืองธรรมชาตถิ ูกมยั้ ? พวก เราหา้ มไปคิดเยอะนะ ใช้ Common Sense ฟังแล้วยอมรบั มั้ยวา่ เป็นธรรมชาติ เพราะมีคน ไปซอื้ หมไู ง มนั ก็เลยมีคนมาฆ่าหมไู ปขาย เป็นธรรมชาตมิ ้ัย? เป็นธรรมชาติ ฟังตอ่ นะ พวกเรา ฟังไปใช้ Common Sense ว่าทง้ั หมดมันเป็นธรรมชาตินะ โลกใบนมี้ นั เปน็ แบบนี้ มันเปน็ ธรรมชาตขิ องโลกนะ ฟังไป ไม่ตอ้ งใช้ความคดิ อะไร ฟัง ใช้ Common Sense ฟังแล้วตอบว่า เออ...มันเปน็ ธรรมชาตขิ องโลกใบนี้ พวกเราก็ใช้ชวี ติ แบบนีก้ ันมาโดยตลอดนะ ปรากฏวา่ ไป ซ้ือหมู พ่อคา้ กฆ็ ่าหมมู าขาย มขี ายทุกสง่ิ ทุกอย่างของหมูนะ กอ่ นฆา่ หมกู ็รอ้ ง “จด้ี จด้ี ” กฆ็ า่ มันดว้ ยรปู แบบต่างๆ หมกู ็รอ้ ง เนย่ี ะ! กเ็ ปน็ ธรรมชาติ ธรรมดา ที่เขาทาหนา้ ทีข่ องเขาเปน็ ธรรมดา เปน็ ธรรมชาติของเขา เนยี่ ะ! เราก็ไปซอื้ หมูมา ซือ้ หมมู าก็เลยไปทากิน ครอบครัวผัว เมยี 2 คนน้ีเขาไมช่ อบกินผักนะ เขาชอบกนิ แตเ่ นอื้ สัตว์ เขาก็เอาหมมู าทากิน พอไดห้ มมู าปุ๊บ เขาเอามาตม้ ตนุ๋ กิน ตนุ๋ กนิ เขาไดก้ นิ ก็อรอ่ ยมากเลย น่มุ มาก อรอ่ ยมาก หมนู ีต้ นุ๋ ดมี าก ผวั เมยี เขาคยุ กัน อรอ่ ยมาก ถกู ใจมากๆเลย ส่วนน้ีเดด็ มาก สมกบั ท่เี ขาออกรายการ เออดี ดีมากเลย พอ่ เออแม่ ดมี ากเหมือนกนั แล้วก็คยุ กนั สงิ่ เหลา่ นี้เปน็ ธรรมชาติมั้ย? การกนิ หมตู ุ๋นเนี่ยะ! แลว้ มนั ก็คุยกันวา่ อร่อยมากอยา่ งน้นั อยา่ งน้ีเปน็ เรือ่ งธรรมชาตมิ ้ยั ? เป็นเรือ่ งธรรมชาตมิ ากเลยนะ ทนี พ้ี อเขากนิ ไปกินไปเสรจ็ เขาก็เรมิ่ รูส้ ึกวา่ ไม่สบาย ไปหาหมอ ปรากฏว่าเขาท้งั คเู่ ปน็ มะเร็งทง้ั คูเ่ ลย หมอก็เลยบอกวา่ มะเร็งมันจะโตได้กเ็ นือ่ งจากว่าเน้ือสัตวห์ รอื อาหารเก่ยี วกบั สตั ว์ ทง้ั หลายแหล่มนั เปน็ อาหารของมะเรง็ นน่ั เอง เขาก็เล่าใหพ้ วกนีฟ้ งั พวกเราต้องไปฉายแสงนะ ต้องไปคีโม ต้องใช้เงนิ ประมาณ 2 ล้าน พวกเราต้องฉายแสง ทาคีโมนะ พวกเราเป็นมะเร็งข้นั ลุกลามแลว้ พอได้ยนิ แบบนเี้ ขาก็ร้สู กึ น้อยเน้ือตา่ ใจเลย การเป็นมะเร็งเป็นเรือ่ งธรรมชาติม้ัย? มนั เปน็ เรอ่ื งธรรมชาติ ธรรมดาของคนที่กินเนือ้ สตั ว์ น่คี ือวบิ ากกรรม น้คี อื ผลแห่งการฝนื ธรรมชาติของสัตวโ์ ลก เมอ่ื ไปกนิ เนอ้ื สตั ว์ยอ่ มตอ้ งไปรบั วบิ ากกรรม มนั เป็นธรรมชาติ ธรรมดา มนั เป็นธรรมชาตินะ กรรมทั้งหลายแหลค่ ือการผดิ กฎธรรมชาติกเ็ ลยถกู ธรรมชาติลงโทษแค่

นนั้ เอง มันเปน็ ธรรมดา ธรรมชาตขิ องสัตวโ์ ลก มนั ห้ามไม่ไดห้ รอกสัตว์โลก บอกยังไงก็ เหมอื นเดมิ นนั่ แหละ เหมอื นกับเหล้านัน่ แหละ ถามว่าห้ามไดม้ ยั้ ? หา้ มไม่ไดห้ รอก ทาหนา้ ท่กี ิน เหมอื นเดมิ นัน่ แหละ สนิ้ เดอื นมาทกี ็เต็มรา้ นอาหารเลย กินเหล้าเหมือนเดิม ดูดบุหร่ีเหมือนเดมิ หา้ มไมไ่ ดม้ นุษย์ แลว้ สดุ ทา้ ยกเ็ ลยปว่ ยกนั เป็นธรรมชาติมยั้ ? มันเป็นธรรมชาตมิ าก เนีย่ ะมนั เป็นธรรมชาตขิ องไอ้กอ้ นน้ี มันทาหนา้ ท่ีเอาอะไรเข้ามาไม่เกิดประโยชน์ รา่ งกายนี้กผ็ พุ งั เรว็ มนั เปน็ ธรรมชาติมากเลยนะสงิ่ เหล่านี้ น่เี หมือนกนั กินเนอ้ื สตั วม์ ากๆสดุ ทา้ ยรา่ งกายก็เลยเปน็ โรคภยั ไข้เจบ็ สารพัดโรค มันจะเปน็ ทุกโรคเลยไมว่ า่ จะเป็นโรคความดนั ไขมนั อุดตันกด็ ี โรคมะเรง็ ก็ดี มันเปน็ แน่ๆไมต่ อ้ งหว่ ง แล้วมนั จะรวนไปหมดแหละ หาเงินมาได้ ครอบครัวน้หี า เงนิ มาเยอะนะ พอเปน็ มะเรง็ แค่นน้ั แหละ สง่ิ ท่ีเขาได้มาต้องมาจ่ายให้หมอหมดเลย หมอนรี่ วย กนั นา่ ดูเลย โรงพยาบาลผลติ มาเท่าไหร่กร็ วย โรงพยาบาลไหนเขากร็ วยกนั ท้ังสิน้ แหละ เพราะ เราหาเงินไปใหห้ มอให้พยาบาล เปน็ เรอื่ งธรรมชาติม้ัย? เป็นธรรมชาติมาก ปลาใหญ่กินปลา เลก็ เปน็ เร่ืองธรรมชาติมัย้ ? มันเป็นเรื่องธรรมชาติมาก คนมีปัญญาก็เบยี ดเบยี นผทู้ ไ่ี มม่ ปี ัญญา มากกวา่ นี่มันเปน็ เรือ่ งธรรมชาติ คนรวยเอาเปรียบคนจนเป็นเร่อื งธรรมชาติมัย้ ? เป็นเร่อื ง ธรรมชาติไงเพราะเขามีปัญญา เขาก็เบยี ดเบียนคนจนได้ คนจนเขาก็ถูกเบยี ดเบยี นแหละ เปน็ ธรรมชาตมิ ั้ย? เป็นธรรมชาตแิ หละเพราะคนจนส่วนมากไมม่ ปี ัญญา อาศยั ทาตามโลกไป เรียน หนังสือมาเพ่อื อะไร? เรยี นหนังสือมาจนจบปรญิ ญาตรเี พอื่ อะไร? เพื่อมาเปน็ ลกู จ้างใหเ้ ขา เปน็ ธรรมชาติม้ัยส่ิงเหล่านี้ เปน็ ธรรมชาติของโลกใบน้ีมากเลยนะ แทนท่ีจะสรา้ งธุรกิจ หาคนมา เป็นลูกนอ้ ง ไม!่ กลบั เรยี นหนงั สือแทบเปน็ แทบตาย หมดเงนิ ไม่ร้กู ่ีล้านเพื่อมาเป็นลกู น้องเขา เป็นธรรมชาตมิ ้ัย? เข้าสตู่ ลาดแรงงาน ธรรมชาตขิ องโลกใบนนี้ ะ เราเข้าใจไดม้ ย้ั วา่ ทงั้ หมดนี้ เปน็ ธรรมชาตินะ เปน็ กลไกธรรมชาติทป่ี ลาใหญ่กินปลาเล็ก เปน็ ธรรมชาติมาก ผู้ฉลาดยอ่ มอยู่ เหนือผ้ไู มฉ่ ลาด มันเปน็ ธรรมชาตมิ ากของโลกใบน้ี สิง่ เหลา่ นเ้ี ม่อื เรามองเหน็ เป็นธรรมชาตินะ อยา่ มองเปน็ ดี ชั่ว บุญ บาป ไม่เกย่ี วนะ คนละประเดน็ นะ อยา่ สร้างอะไรเป็นตัวเปน็ ตนขน้ึ มา หา้ มใชเ้ หตุผล ใช้ Common Sense ฟงั เขา้ ใจให้ได้ ยอมรบั มันใหไ้ ด้ มนั เป็นธรรมชาติ มนั เปน็ ทอ่ี ยู่ของสัตวท์ ่ยี งั หลงอยู่ หลงอยูใ่ นธรรมชาตนิ ี้ ฟงั ต่อไป ยอมรับธรรมชาติไดเ้ ม่ือไหร่ เราก็ ไมเ่ กดิ อา้ วฟงั ตอ่ นะ ทีนป้ี รากฏว่าเขากเ็ ปน็ มะเร็ง การเป็นมะเร็งเปน็ เร่อื งธรรมชาตมิ าก หมอ ก็เลยบอกว่าคณุ เป็นมะเรง็ ขั้นร้ายแรง ตอ้ งฉายแสง ต้องคีโม โห 108 ปัญหาเลยเนย่ี ะ! ผมเขา ก็เร่ิมรว่ ง เงินทีม่ กี ค็ ่อยๆหมด จากคนทม่ี ฐี านะร่ารวย เขาเร่มิ หมดเงินล่ะ เรม่ิ ไปทางานไมไ่ หว แล้ว รายไดก้ ็เริม่ ไมพ่ อจา่ ยละทีน้ี รักษา ฉดี ยา ฉายแสง ทาคโี ม ต้องเสยี เงนิ ตลอดว่าง้นั เถอะ ตบั กม็ ปี ัญหา ไตกม็ ีปัญหาตามไปหมดนะ เร่ิมผุพงั ไป สิ่งเหลา่ นีเ้ ปน็ เร่ืองธรรมชาติ ธรรมดาม้ัย? มนั เป็นเรอ่ื งธรรมชาติมากเลยนะ ไอก้ ้อนร่างกายเราเนีย่ ะ! มนั เปน็ ธรรมชาติม้ัย? มนั เปน็ ธรรมชาตินะ การเจ็บไขไ้ ดป้ ว่ ยเป็นธรรมชาติมยั้ ? เปน็ ธรรมชาติ การแก่ชราผพุ งั เนีย่ ะ! เป็น

ธรรมชาติมัย้ ? เปน็ เร่ืองธรรมชาติ การตายเป็นเรอ่ื งธรรมชาตมิ ้ัย? เปน็ เร่อื งธรรมชาติมาก ครอบครัวนก้ี ็เหมอื นกันนะ เขาฉายแสงเขาไปรักษามะเร็งมากห็ มดเงนิ ไปเยอะมาก เงินท่ีสะสม มากห็ มด เริ่มเป็นหนี้ ร่างกายกแ็ คป่ ระคองชีวติ ไปวันๆ หนสี้ นิ กเ็ รมิ่ มีละทนี ้ี จากเปน็ คนรวยมี ตังค์นะก็เร่ิมมีหน้สี ิน แตย่ งั กินอาหารเหมอื นเดมิ กนิ เหมือนเดิมนนั่ แหละ มนั ห้ามไม่ไดม้ นุษย์ มนั เป็นธรรมชาติม้ยั ? มันเป็นธรรมชาติของมนุษยท์ ่ีมีหน้สี ิน พอมหี นสี้ ิน เครียดมัย้ ? เครยี ด มากเลย ทกุ ข์มากเลย มนั เป็นธรรมชาตขิ องมนษุ ย์ท่ีต้องเครียด มนั ทกุ ข์ ทกุ ข์แลว้ กเ็ ครียด เครียดแล้วก็ทกุ ข์ มันเปน็ ธรรมชาติของมนษุ ยน์ ะ นี่คอื ธรรมชาติ เราเหน็ ให้ได้วา่ นค่ี ือธรรมชาติ นะ ทนี ี้ปรากฏวา่ เขาเสยี ชีวิตไปทงั้ คู่ การเสียชีวิตเปน็ เร่อื งธรรมชาติมยั้ ? การเสยี ชวี ิตเป็นเรือ่ ง ธรรมชาตมิ าก มันจะเสยี ชวี ิตเมอ่ื ไหรก่ ็ตามเถอะ มนั เปน็ ธรรมชาตทิ ีม่ นั ตอ้ งตาย ท่ีน้พี อ่ แม่ละที นี้ พอ่ แม่เขาก็ยงั อยูน่ ะ พอ่ แม่ของสองคนน้ี พ่อแมม่ ชี วี ติ อยู่แต่เหน็ ลูกตายกอ่ นก็เสยี ใจมาก เป็นธรรมชาตมิ ัย้ ทพ่ี อ่ แมเ่ สยี ใจ มันเปน็ ธรรมชาตนิ ะ สงิ่ เหลา่ น้ีเปน็ ธรรมชาตมิ าก ทีนีม้ นั มอี ยู่ ครอบครัวหน่งึ ครอบครัวนีเ้ ขาก็เป็นครอบครัวชาวบ้าน เขากไ็ ปหาอาหารตามปา่ เขาเปน็ ครอบครวั ยากจนนะ เขาก็ไปรับจา้ ง รับจ้างท่วั ไปนแี่ หละ ดายหญา้ ถางหญา้ บางทีไปหาอะไร กนิ เขาก็เขา้ ไปในปา่ เกบ็ ผกั เก็บเหด็ มาทาอาหารกิน เปน็ ธรรมชาติม้ยั คนจน คนจนเขากอ็ ยู่ แบบคนจน มนั กม็ อี ยู่ครอบครัวหนง่ึ เป็นครอบครัวรวย ครอบครวั รวยเนย่ี ะ อุ้ย! เวลาเขากิน อาหารแตล่ ะทนี ี้ เขาหมดเปน็ หมนื่ นะ หมดเปน็ พนั เลย กินอาหารแตล่ ะครั้งหมดเป็นพนั บาง มอ้ื หมดเป็นหม่นื อาหารเขาแต่ละอยา่ ง เขาไมเ่ คยทาอาหารกนิ เองนะ เขาใช้เงินซอื้ กบั ขา้ วกิน เขากไ็ ดก้ ินอะไรดๆี แพงๆ สิ่งเหลา่ น้ีเปน็ ธรรมชาตมิ ้ัย? มนั เป็นธรรมชาตินะ ครอบครวั นี้เขาก็มี ความสขุ มาก ปรากฏว่าลูกของเขา ลูกเขาก็เปน็ สาว ปรากฏวา่ ลูกสาวเขาฆ่าตัวตาย การฆา่ ตัวตายเป็นธรรมชาตมิ ั้ย? เปน็ เร่อื งธรรมชาติของโลกใบน้ี ปรากฏว่าพ่อแม่กม็ ารูท้ ีหลังว่าลกู สาวฆ่าตวั ตายกเ็ พราะวา่ แฟนทิ้ง เปน็ เดก็ วัยรุน่ นะ พอแฟนทิ้ง ลกู น้อยใจกเ็ ลยฆ่าตัวตาย เป็น เรือ่ งธรรมชาตมิ ั้ยสง่ิ เหล่าน้ี เป็นเร่อื งธรรมชาตมิ ากเลยนะ มนั กม็ อี ยู่ครอบครวั หนงึ่ ครอบครวั นกี้ ็เด็กนะ เด็กก็วัยกาลังซน กาลงั ว่ิงเล่นหนา้ บา้ นนะ วิง่ เล่นหน้าบ้านก็โดนหมากดั หมากดั เกือบตาย เด็กโดนเยบ็ ไปกวา่ 40 เข็ม เดก็ โดนหมากัด กวา่ จะมคี นมาเห็นก็เละแลว้ เดก็ เกอื บ ตายว่างั้นเหอะ เป็นเรอื่ งธรรมชาตมิ ้ัยเนย่ี ะ เป็นเรือ่ งธรรมชาตนิ ะ ปรากฏว่าคนทีไ่ ปเหน็ หมา กาลงั กัดลูกของเขา คนคนน้กี เ็ ลยไปฆา่ หมาตัวนตี้ าย เขาโกรธใหห้ มามากเลยก็เลยฆา่ หมาตวั น้ี โดยการวางยาเบ่ือ มนั เป็นธรรมชาติมัย้ อารมณ์แบบนี้ มันมอี ารมณ์โกรธแค้นใหก้ บั หมา มัน เปน็ ธรรมชาติของโลกมั้ย เมือ่ มีอาการแบบนี้ มนั เปน็ ธรรมชาตขิ องโลก พอเจ้าของหมามารทู้ ี หลังวา่ หมาตวั เองตายกโ็ มโหเหมือนกันแต่ไม่รวู้ า่ ใครฆา่ หมา มันเป็นธรรมชาตมิ ย้ั ? ทเี่ ขาโมโห เนยี่ ะ! เป็นเร่อื งธรรมชาติมากนะ ของโลกใบนี้ อารมณ์โมโหเน่ียะ! มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ้ัย? ทนี ้ี มนั มีครอบครัวยากจนครอบครัวหนึ่งเกบ็ เห็ด ไปหาอาหารในปา่ แหละ ใช้ชีวติ อย่กู ับธรรมชาติ

เลยก็เลยไปหาของในป่า เขาก็เจอเห็ด ไปเจอเหด็ โคนบา้ ง ไปเจอเห็ดปลวกบ้าง เขาดใี จมาก ดี ใจยง่ิ กว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลท่ี 1 เขาเจอเหด็ โคน เห็ดปลวกเยอะมาก เกบ็ จนได้เตม็ ตะกร้า เขา ดใี จมาก การดใี จมากเป็นธรรมชาติม้ัย? มนั เป็นธรรมชาตมิ ากเลยนะ การเก็บเหด็ เป็นเรื่อง ธรรมชาติมาก เมือ่ มอี ารมณ์ มีอารมณเ์ ป็นเร่ืองธรรมชาติ เขากด็ ีใจมาก ดใี จมาก เขาเดินกลับ บา้ น สามีภรรยายมิ้ คยุ กนั กลบั บ้านมีความสขุ มาก อันน้ีคือธรรมชาติมยั้ ? มนั คือธรรมชาตินะ! แลว้ ก็เลยมาทาแกงเห็ดกนั ขณะที่ทาแกงเห็ด กล่ินก็มากระทบทจี่ มกู เปน็ ธรรมชาติมยั้ ? กลิน่ หอมของแกงเป็นธรรมชาตมิ ัย้ ? มนั เปน็ เร่อื งธรรมชาตินะ กล่นิ หอมเปน็ ธรรมชาติ พอมีกล่ินมา กระทบกเ็ ลยตกั แกงขึน้ มาชมิ ชมิ ปุ๊บกม็ รี สชาติ เนย่ี ะ! มนั เป็นธรรมชาติมยั้ ? มนั เป็นธรรมชาติ มาก เขากเ็ ลยเหยาะนา้ ปลาเพิม่ เขา้ ไป ใส่น้าปลาร้าเพ่มิ เขา้ ไป แลว้ เขาก็ชมิ ใหม่ พอชิมใหม่ เขาก็ย้ิมเลยทน่ี ้ี เป็นธรรมชาติมย้ั เนย่ี ะ เปน็ ธรรมชาติ พวกเราก็เรยี กว่าอร่อยนน่ั เอง ชิมทีแรก มันก็รู้สกึ ไม่อรอ่ ย ความไม่อร่อยเป็นธรรมชาติมาก เป็นอาการธรรมชาติ พอรสชาตถิ กู ใจ มนั ก็ สมอยาก มนั ก็อร่อย ความอรอ่ ยมันเป็นธรรมชาติ พออร่อยปบุ๊ มนั กห็ ื้ม...อรอ่ ยมาก น้าลายก็ ไหล หิวขา้ วแลว้ หิวข้าว ทุกอย่างก็พร้อมหมดขา้ วเหนียว แกงเห็ดเรยี บร้อยก็วาง วางปุ๊บก็ เรยี กสามี มาๆ มากินข้าวไดแ้ ล้ว ตักแกงเห็ดใสถ่ ว้ ย ใสแ่ กงเหด็ ใสผ่ ักดว้ ยนะ เอาข้าวใส่จาน แลว้ กต็ ักกนิ แกงเหด็ แกงเหด็ มนั กร็ ้อนไง ตักมาซด พอตกั มาซดเข้าไป ปรากฏว่ามันร้อน ไอ้ อาการทีเ่ รียกว่ารอ้ นเน่ียะ มันเป็นธรรมชาตมิ ยั้ ? มนั เป็นอาการธรรมชาตนิ ะ อรอ่ ยมาก อรอ่ ย มาก พอผหู้ ญิงไดย้ ินวา่ อรอ่ ยมาก สามีพดู ว่าอรอ่ ย ผู้หญิงก็ยมิ้ เลย น่เี ปน็ ธรรมชาติ อาการ ธรรมชาติ คุยกนั อรอ่ ยมากเลยอยา่ งนั้น อย่างนี้ สิง่ เหลา่ นีเ้ ปน็ ธรรมชาติ ธรรมดามากเลย ครอบครวั นี้มคี วามสขุ มากที่กินแกงเหด็ อยูก่ ับธรรมชาติ กนิ ธรรมชาติ พอกนิ เสร็จกล็ า้ งถว้ ย ล้างชาม การลา้ งถว้ ยลา้ งชามเปน็ ธรรมชาติมัย้ มันเป็นธรรมชาติมากเลยนะ มนั กม็ เี หด็ ที่เหลือ ดว้ ยกเ็ ลยแบง่ ปนั ใหญ้ าตคิ นอน่ื เขาก็ยม้ิ ดีใจกัน ขอบใจ ขอบใจ เขากเ็ อาผลไม้มาแลกเปลี่ยน บ้าง เอาโน่น เอานั่น เอาน่ีมาแลกเปลย่ี นกนั บ้าง เขากแ็ บ่งปันกนั เขามีความสุขมากเลยนะ เอามาแลกเปล่ยี นกนั สบายๆ นี่เป็นธรรมชาตมิ ้ยั ? มนั เปน็ ธรรมชาติ ทนี แี้ ฟนกบ็ อกวา่ เราซือ้ มอเตอร์ไซต์ใหม่ดมี ั้ย? เน่ียะ! ตงั คย์ ังพอมีอยู่ เราซื้อมอเตอรไ์ ซต์มาใช้มย้ั โอเครไปซ้อื กนั เขาก็ ไปซ้อมอเตอรไ์ ซตม์ าใช้ มอเตอรไ์ ซต์กม็ หี น้าท่ีพาไปนน่ั พาไปนี่ มันก็พาไปทกุ ทน่ี ะเปน็ ธรรมชาติ มันเปน็ ธรรมชาตมิ ากเลยนะ เขาได้มอเตอร์ไซตม์ าใช้แตเ่ ขาไม่ขบั เขาบอกวา่ ขบั ไม่ได้ ขับไม่ได้ ต้องไปเจิมกอ่ น ถา้ ไม่เจิมเน่ยี ะ! มันขบั ไม่ไดต้ ้องไปเจิมก่อน เรม่ิ เป็นอะไรทไี่ ม่ เป็นธรรมชาตลิ ะ! รถนม่ี นั มไี วใ้ ห้ขับ มนั เตมิ น้ามนั พอสตารท์ ปุ๊บมันกข็ ับได้เลย มนั ไมต่ ้องรอ อะไรทั้งสิน้ นะ มนั ไม่เกย่ี วกบั อะไรนะ มนั ขบั ได้ มันไม่เก่ียวกบั อะไร แต่มนุษย์กลับไมเ่ ขา้ ใจ ธรรมชาติ มันกลบั อะไรกไ็ มร่ ู้ มันกลบั ไปสรา้ งรูปแบบอะไรบางอยา่ งขนึ้ มา ไม่ไดม้ นั ต้องเจิม กอ่ น ไปสรา้ งรปู แบบวา่ ตอ้ งไปเจิมกอ่ น ทนี ีพ้ อได้รถ พอไดอ้ ะไรปุบ๊ ใช้งานไประยะหนง่ึ พอถึง

สิน้ ปีละทีน้ี สิน้ ปีเดี๋ยวทาบุญบ้านดีกวา่ ทาบญุ บา้ น บ้านน่ีมนั หน้าที่ของบา้ นกค็ อื ก็คือมนั กนั แดดกนั ฝน ถูกม้ัย? มันเป็นธรรมชาติมากเลยนะ บ้านน่ีเป็นทอ่ี ยู่อาศยั สรา้ งทอ่ี ยู่อาศัยไวก้ ัน อะไร กันลม กันแดด กนั ฝน กนั ขโมย เอาไวเ้ กบ็ ของใช้ เพอ่ื ไว้เปน็ ท่ีพกั อาศัย สร้างครอบครัว กนั นคี่ ือธรรมชาตขิ องบ้าน ประโยชน์ของมันมีตรงน้ี แตม่ นุษยส์ ร้างเร่ืองข้นึ มาว่าเข้าไปอยู่ ไมไ่ ด้ ตอ้ งมีพระมาเจมิ ก่อน จะตอ้ งมพี ระมาสวดมงคลใหก้ ่อน ไม่งั้นอยไู่ มไ่ ด้ ตอ้ งมนี ัน่ ต้องมีนี่ นคี่ ือมนุษยไ์ ปสรา้ งเร่ืองข้ึนมา ไปสรา้ งวงจร เขาเรียกวา่ วงจรอบุ าทว์ เปน็ วงจรแหง่ การยดึ ม่นั ถอื ม่นั เปน็ วงจรแหง่ ความเช่ืองมงาย เป็นวงจรให้ตวั เองเวยี นว่ายตายเกิด มนุษย์ชอบฝนื ไม่ เขา้ ใจธรรมชาติ คือกลบั ไปปรงุ แต่งสร้างอะไรบางอยา่ งข้ึนมาเพอื่ มาหลอกตวั เองน่ันแหละ ไมไ่ ดห้ ลอกใคร หลอกตวั มนั เองนัน่ แหละ นี่คอื การท่มี นษุ ยไ์ มเ่ ข้าใจธรรมชาตนิ ะ อ้าวพดู ใหฟ้ งั ตอ่ ฝรั่งเวลาเขาสร้างบา้ น 2,000 ปีทแ่ี ล้ว ฝรั่งเขาเคยเจิมบา้ นกอ่ นเข้าบา้ นมั้ย? ตอ้ งใหใ้ ครทา พิธกี อ่ นเขา้ บ้านม้ยั ? เขาสร้างบา้ นเสรจ็ แล้วเขาก็เข้าไปอย่เู ลย เขาไมไ่ ปหาอะไรหรอก เขาไป อยไู่ ดเ้ ลย สบายๆเลย ใชช้ วี ติ ของเขาอยไู่ ดส้ บายๆวา่ งนั้ เหอะ น่ีคอื ธรรมชาติของบา้ น ธรรมชาตขิ องบา้ นกม็ ีไว้อย่อู าศัย มนั จบแคน่ ั้น ง่ายๆ ธรรมชาตขิ องรถกม็ ีไว้ใช้เตมิ น้ามันแล้ว ไปนั่นไปนี่ นค่ี ือธรรมชาติของรถ ประโยชน์ของรถมนั มแี คน่ น้ั นีค่ อื ธรรมชาติของรถ ทีน้ี ธรรมชาตขิ องมนุษยม์ นั กเ็ ร่มิ เดินถูกมั้ย ธรรมชาติของมนุษยต์ ้องเดิน มันกเ็ ดนิ ไปน่นั เดนิ ไปนี่ เดินไปทางานบ้าง เกบ็ อาหารมาอยู่มากิน นี่เปน็ ธรรมชาติของมนษุ ย์นะ แล้วกท็ างาน ขุดดนิ ปลูกต้นไม้ นี่กธ็ รรมชาติของมนษุ ย์ คือมนั ได้ออกกาลงั กายอยู่ตลอดเวลา ทานน่ั ทาน่ี ปลูกน่ัน ปลกู นี่ ปลกู ขา้ ว ปลูกอะไรอยตู่ ลอดเวลา เก็บผกั เกบ็ นูน่ เกบ็ นม่ี าทาอาหารมากิน นี่คอื ธรรมชาตขิ องมนุษย์ น่ีคือธรรมชาตินะ ปลูกพืชเลี้ยงสตั ว์เพือ่ มาอยูม่ ากนิ พอได้อยไู่ ด้กินแล้วก็ นอนในบ้าน สงิ่ เหลา่ นเี้ ป็นธรรมชาตมิ ากเลยนะ เนย่ี ะ! พอได้หาอยู่หากินก็ได้เคลอื่ นไหวอยู่ ตลอดเวลา นคี่ ือการออกกาลงั กายอยตู่ ลอดเวลาเลยนะ ทีน้คี นในเมอื งไม่ใช่ คนในเมืองน่ีเขาก็ นัง่ อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทาอะไร นง่ั อยเู่ ฉยๆ น่งั หายใจอยเู่ ฉยๆแล้วก็กดน่ัน กดน่ี จมิ้ จ้ิม จิ้ม จ้ิม ไม่ไดใ้ ชแ้ รงอะไรเลย แล้วกก็ นิ กนิ แล้วก็นอนแลว้ กน็ ั่งมีแค่น้ี คนรวยนะมีแค่น้ี ปรากฏว่า รา่ งกายก็ออ่ นแอ เพราะว่ามันไม่ได้รับการเคล่อื นไหว แทบจะไม่ได้เดนิ เลยแตล่ ะวนั แทบไมไ่ ด้ เดนิ เลย มแี ตน่ ง่ั น่ังรถบ้าง แทบไมเ่ ดนิ เลย ชวี ิตเขา สขุ ภาพกอ็ ่อนแอ เป็นโรคเปน็ ภัย เปน็ โรค นน่ั โรคนี่เปน็ สารพดั โรค นคี่ ือพวกคนมีตังคก์ ัน มีตงั ค์เพ่อื เอาเงินไปรกั ษาตัวเอง หาเงนิ แทบ ตายเพ่อื ไปรกั ษาตวั เอง แลว้ เวลา เวลาเปน็ โรคอว้ นเปน็ ไงกม็ าออกกาลงั กาย ออกกาลังกาย เปน็ ไงกเ็ สยี ตงั ค์ ทีนี้เป็นธรรมชาตขิ องสัตว์โลก พวกเราเข้าใจม้ยั นค่ี ือธรรมชาติ ออกกาลงั กาย ก็เตน้ แอโรบกิ อยู่กบั ตวั เอง เต้นยดื เส้น ยืดสาย อะไรทาโยคะบา้ ง เขาก็เปิดดทู ีวไี ปด้วย ออก กาลังกายตามทีวไี ปดว้ ย เปน็ ต้น เนีย่ ะ! ตอ้ งเขา้ คอรส์ ออกกาลังกายต้องเสยี ตังคด์ ้วยนะบางที เข้าฟิตเนสออกกาลังกาย ตอ้ งงดน่ัน งดน่ี ออกกาลังกายเพ่อื ให้ตวั เองไดก้ ลบั มาฟิตเฟริ ม์ ว่างั้น

หุน่ ดี แต่สาหรับชาวบ้านเขาไม่ตอ้ งไปเสียตังคไ์ ปกบั เรอ่ื งแบบน้นี ะ พวกเขาออกกาลงั กายใน ตวั เขาตลอดเลย พวกเขาไม่ต้องไปExercise พวกเขาไปทางานก็เป็นการออกกาลงั กายอย่ใู น ตัวอยู่แล้ว สิง่ เหล่านเี้ ปน็ ธรรมชาติมัย้ ? มนั เป็นธรรมชาติ ธรรมดามาก คนรวยก็มธี รรมชาติ ของเขา คนจนกม็ ธี รรมชาตขิ องเขา เนี่ยะ! คยรวยกบั คนจนเขามีความสขุ มั้ย? เขาก็มคี วามสุข ในแบบของเขาถกู มัย้ ? คนจนเขากม็ ีความทกุ ข์ คนรวยเขากม็ ีความทุกขใ์ นแบบของเขา นค่ี ือ ธรรมชาตถิ ูกมย้ั ? มนั เป็นธรรมชาติม้ยั ? มันเปน็ ธรรมชาติของพวกเรานั่นแหละ มนั มคี วามสุข ความทุกข์เป็นธรรมชาติ อยู่ในรปู แบบของคนรวย คนจน มันเปน็ ธรรมชาตเิ ดยี วกนั นะ มันเปน็ ธรรมชาติมาก มันมีสุขมที ุกข์นเ่ี ป็นธรรมชาติ ธรรมดา มันเปน็ มาตง้ั แต่เดก็ แล้ว เมื่อชาตกิ ่อน เม่ือสมัย 2,000 ปีก่อนมนั กเ็ ป็นแบบน้แี หละ ทกุ วนั นี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ เม่ือล้านปมี นั กเ็ ป็น แบบนี้ ทุกวันนม้ี ันก็เปน็ แบบน้ี ภพชาตไิ หนมนั ก็เปน็ แบบน้ี คือมอี ารมณ์สขุ อารมณ์ทกุ ข์ อารมณเ์ ฉยๆ มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ากเลย ลมื บา้ ง เผลอบา้ ง มนั เปน็ ธรรมชาติม้ัย เมอ่ื 2,000 ปี ที่แล้วมนั เปน็ อยา่ งน้มี ั้ย มนั ก็เปน็ แบบนีแ้ หละ ตอนเด็กมันกเ็ ป็นแบบนี้ โตมาทกุ วนั นเ้ี ป็นอย่าง นม้ี ั้ย มนั ก็เป็นอยา่ งน้ี มนั เป็นอยา่ งนมี้ าไมร่ ู้วา่ เปน็ กลี่ ้านชาตแิ ลว้ มนั เปน็ ธรรมชาติ เม่อื 1,000 ปีที่แล้วมนั กเ็ ปน็ แบบนแี้ หละ มลี มื บา้ ง มหี ลงบา้ ง มีเผลอบ้าง มีจาได้บา้ ง เปน็ ธรรมชาติม้ัย? เป็นธรรมชาตินะ ทีน้มี นั กค็ ดิ นน่ั คดิ น่ี มนั กค็ ิดในด้านบวกบา้ ง มนั กค็ ดิ ในด้านลบบา้ ง คดิ เร่ือง เดิมๆของมันบ้าง เมอ่ื 2,000 ปีท่ีแล้วเป็นยงั ไง 1,000 ปีท่ีแลว้ เปน็ ยงั ไง ตอนเด็กเป็นยงั ไง ตอนนี้เปน็ ยงั ไง มันเป็นเหมือนเดมิ มันก็คดิ เรื่องนนั้ บ้าง มันก็คดิ เรื่องน้บี า้ ง มนั กค็ ิดเร่ืองเดิมๆ ของมนั บ้าง มนั ชอบคดิ เร่อื งไหนมันก็คิดแต่เร่อื งนน้ั แหละ บางทมี ันก็คิดเรอ่ื งเพลง มนั กค็ ิดร้อง เพลงของมันอย่อู ย่างนัน้ แหละ เนยี่ ะ! สิ่งเหลา่ น้ีเปน็ ธรรมชาติม้ยั มันเป็นธรรมชาตมิ ากเลยนะ บางคนก็เน่ียะ กม็ คี รอบครวั หนง่ึ ครอบครัวนี้มีแตผ่ ู้หญิงนะ แม่เลีย้ งเดย่ี ว ลูกกเ็ ป็นผหู้ ญงิ ดว้ ย เปน็ ผ้หู ญงิ 2 คนเลย แม่ก็เปน็ ผู้หญิง ลกู สาว 2 คนก็เปน็ ผูห้ ญงิ เวลาลกู ๆเขาอยู่ด้วยกันเนยี่ ะ ลกู ๆก็จะนินทา นินทาเพือ่ น นินทาให้กันและกนั ฟงั ไอน้ ั่นเป็นอย่างนัน้ ไอ้นเ่ี ปน็ อย่างน้ี น่เี ขาก็ คิดนะ ปากก็พดู ให้พีใ่ ห้นอ้ งเขาฟงั คุยด้วยกนั นะพี่กับน้อง ไอ้นัน่ เปน็ อย่างนน้ั ไอ้นเ่ี ป็นอย่างนี้ วันนี้ทะเลาะกบั เขามา วนั นนั้ ดีอยา่ งน้นั วนั นั้นไมด่ อี ยา่ งนี้ เขาก็นนิ ทาไอน้ ั่นไม่ดี อีนั่นไม่ดี เขา ก็นินทากนั น่ีมนั เปน็ เรอื่ งธรรมชาติม้ัย? เปน็ เรื่องธรรมชาตินะ เปน็ เรอ่ื งธรรมชาตขิ องพวกเรา ทช่ี อบคิดแบบนี้ เวลาเราไปทางานเนีย่ ะ ผ้หู ญงิ ก็ชอบนินทาเวลาเราไปทางานเน่ียะ! มนั ก็จะมี นนิ ทาเวลาเจอเพือ่ นรักนะ เดนิ ไปด้วยกนั กน็ ินทาคนนน้ั บา้ ง นนิ ทาคนน้ีบ้าง ผู้ชายกเ็ หมือนกัน นะ รวมตวั กนั กพ็ ดู ถงึ คนนน้ั บ้างคนน้ีบ้าง พดู เรื่องนนั้ บ้าง พดู เร่อื งนีบ้ ้าง สิ่งเหลา่ น้เี ปน็ เรื่อง ธรรมชาตมิ ยั้ ? มนั เป็นธรรมชาตินะของสตั ว์โลก ทเี่ ขาตอ้ งคดิ คิดแล้วก็พดู อ้าปากพูด คาพดู เนยี่ ะ ตอนนอ้ี าจารยก์ าลังพดู เน่ยี ะ มนั เป็นธรรมชาติมย้ั ? อาจารยก์ ค็ ิด ความคดิ เป็นธรรมชาติ ม้ยั ? มันเปน็ ธรรมชาติ ทอ่ี า้ ปากพดู เน่ียะ มันเปน็ ธรรมชาติ นก่ี เ็ ปน็ ธรรมชาตนิ ะ ก็พดู ไปคิดไป

พวกเราได้ยนิ เสียงเน่ยี ะ พวกเราเปน็ ธรรมชาติมัย้ ? การได้ยินเสียงเป็นเรือ่ งธรรมชาติมาก การ ท่ีเราไดล้ มิ้ รสชาตอิ าหารต่างๆ มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ้ยั มันเป็นธรรมชาติมาก การที่เราไดร้ ับรู้ สมั ผสั เยน็ รอ้ น สิง่ เหลา่ น้เี ป็นธรรมชาตมิ ั้ย? สงิ่ เหลา่ นี้เป็นธรรมชาติมาก การที่เราเหน็ นั่นเห็นน่ี เป็นธรรมชาติมยั้ ? เปน็ ธรรมชาติมาก จติ ของพวกเราเนย่ี ะมันเปน็ ธรรมชาติรู้ จิตมนั เป็น ธรรมชาตริ ู้ มันรู้ของมันอยู่ตลอดเลย มนั ก็รู้สกึ ตวั รู้ทางตา หู จมูก ล้นิ กาย นะ รู้สึกตลอด มนั รู้ตลอดนะ รถู้ งึ เสยี ง ตอนนพ้ี วกเราก็รูถ้ งึ เสียงอยู่เน่ยี ะ นค่ี อื ธรรมชาตินะ ถกู นะ พวกเราใช้ Common Sense ฟงั แลว้ ก็ตอบเลย ฟงั แลว้ ก็ตอบเลย ผู้รกู้ ็เปน็ ธรรมชาติ ผ้ปู รุงแตง่ กเ็ ป็น ธรรมชาติ คอื มันปรงุ แตง่ เปน็ ความคิด ปรงุ แต่งเป็นการนกึ เปน็ มโนภาพ มนั กป็ รุงแตง่ เปน็ อารมณ์ มนั คดิ เปน็ ฝ่ายบวกบา้ ง มันคดิ เปน็ ฝา่ ยลบบา้ ง เป็นธรรมชาตมิ ย้ั ? 2,000 ปที ีแ่ ล้วมันก็ แบบนี้ ชาตกิ อ่ นๆเราก็เป็นแบบน้ี ตอนเด็กเราก็เปน็ แบบน้ี โตมาทกุ วันนเ้ี ราก็เป็นแบบน้ี มนั ก็ คิดฝ่ายบวกบา้ ง คิดฝา่ ยลบบ้าง คดิ เรอ่ื งนั้นบ้าง คดิ เรอ่ื งน้บี า้ ง มนั เปน็ ธรรมชาติมัย้ ? มันเปน็ ธรรมชาตินะ มันกน็ ึกเร่ืองนั้นบา้ ง นกึ เรื่องนีบ้ ้าง นกึ เรื่องบวกบา้ ง นกึ เรือ่ งลบบา้ ง นึกเร่ืองโป้ง บา้ ง นกึ เร่อื งกอ้ ยบ้าง มนั นึกเรือ่ งท่ัวไปบ้าง มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ้ัย มนั เป็นธรรมชาตมิ ากเลยนะ มนั ห้ามไมไ่ ดท้ มี่ นั ต้องนกึ มันเป็นธรรมชาตนิ ึก มนั เปน็ ธรรมชาตคิ ดิ ทนี ี้มนั กม็ ีอารมณ์ การมี อารมณก์ ม็ ีอารมณฝ์ า่ ยบวกบา้ ง อารมณฝ์ า่ ยลบบา้ ง จะเรียกวา่ สมอยาก ไมส่ มอยากกไ็ ด้ มันมี อารมณเ์ ฉยๆบา้ ง มันมีอารมณไ์ ปทางโป้งบา้ ง มนั มอี ารมณ์ไปทางก้อยบ้าง สง่ิ เหล่านม้ี ันเป็น ธรรมชาติมยั้ เม่อื 2,000 ปีทีแ่ ล้ว มันเปน็ ธรรมชาตทิ มี่ ีมาตง้ั แตไ่ หนแตไ่ รแล้ว เกิดชาตไิ หนก็ เป็นแบบนนี้ ะ 2,000 ปีทแ่ี ล้วก็เปน็ แบบนี้ 1,000 ปีทแ่ี ลว้ กเ็ ปน็ แบบน้ี ตอนเด็กเรากเ็ ปน็ แบบน้ี โตมาทกุ วันนมี้ ันกเ็ ป็นแบบน้ี ไมเ่ ก่ยี วกบั เดก็ ผู้หญงิ ผ้ชู าย คนชรา คนพิการนะ มนั เปน็ แบบนี้ กันทกุ คนนะ มันไม่ได้เกยี่ วกบั ร่างกาย มันเกี่ยวกับจิต พูดอย่างนล้ี ะกนั มันเป็นธรรมชาติทีม่ นั ปรงุ แบบน้ี มันเป็นธรรมชาติ พอเราไปเจอคนเขาตกปลา พอเราไปเหน็ คนเขาตกปลาเราก็คดิ ในใจ เขาตกอะไรกันนะ เนี่ยะ! การคดิ แบบนี้มันเปน็ ธรรมชาติมัย้ ? ทีนี้เรากเ็ ดนิ ไปหรือเราก็ขับ รถไปกด็ นี ะ เราก็เจอบ้านหลังหนึ่ง เขาจดั งานฉลองอะไรซักอย่าง เขาก็เปดิ เพลงเสยี งดงั เลย พอเปิดเสยี งเพลงป๊บุ เรากข็ ่จี ักรยานผ่านไป เดินผา่ นไปกด็ ี พอเราไดย้ ินเสยี งเพลงแคน่ ัน้ แหละ พวกเราก็เฮ้ย! มันกค็ ิดในใจข้ึนมาเลยนะ เฮย้ เพลงนไี้ ม่ไดฟ้ งั นานแล้ว เฮ้ยดจี ังเลย สนกุ มาก เราก็ฮัมเพลง ตามเพลงน้ันนะ มนั ไมไ่ ดฟ้ ังนานนะพอได้ฟงั อกี ทีมนั กช็ อบ มนั ก็รอ้ งฮมั ไปกับ เสยี งเพลงน้นั เลย มันรอ้ งฮมั ไปดว้ ยนะ มันเปน็ ธรรมชาตมิ ากเลยนะ พอไดย้ นิ เสียงเพลงมันก็ รอ้ งในใจตาม มันมีอยคู่ นหนึ่งฮมั เพลงอยแู่ ละบน่ ในใจว่าเพลงหา่ อะไรวะ! มันเปิดเพลงห่า อะไร? โคตรโบราณเลย เพลงอะไรก็ไม่รู้เร่ืองเลย สิ่งเหลา่ นเี้ ป็นธรรมชาตหิ รือเปล่า? มนั เปน็ เร่อื งธรรมชาตนิ ะ พอเดนิ หรือขจี่ กั รยานไปก็ไปเจอรา้ นขายส้ม พอเหน็ ร้านขายส้มกโ็ อ้ย! ส้ม ผิวสวย มนั เนยี นมาก มนั ใสมาก มนั เหน็ รา้ นขายส้มแลว้ ก็จอดเลย มนั อยากกินสม้ นะ การ

อยากกนิ ส้มเป็นเรื่องธรรมชาติมั้ย? เป็นเร่อื งธรรมชาตมิ ากเลยนะ มนั อยากกนิ ส้ม มนั ก็เลย บอกพ่อคา้ พอ่ คา้ เอาสม้ โลหนึง่ พอ่ คา้ ก็ยน่ื ส้มใหช้ มิ ชมิ ก่อน ลองชมิ ดกู ่อน อร่อยจริงๆ พอเรา ไดช้ มิ เท่าน้นั แหละ เราก็มอี าการอยา่ งหน่งึ ท่เี รียกว่าอร่อยมากนะในปากนะ พอชิมป๊บุ โอโ้ ห นมุ่ อรอ่ ย กลมกล่อมมาก พดู ในในใจว่า โอโ้ ห อรอ่ ยมาก มันสม้ พันธ์อุ ะไรวะเนี่ย? อรอ่ ยมาก นคี่ อื ธรรมชาตินะ พวกเราต้องคิดแบบนี้ มนั อรอ่ ยมากกเ็ ลยบอกว่า พอ่ ค้า ขอ 2 โลเลย เพราะว่าอร่อยมาก อรอ่ ยมาก เอาส้มมาจากไหนเนี่ยะ! เขาก็บอกว่ามาจากเมอื งจนี เออๆ อรอ่ ยมากเลย เนยี่ เราก็พูด พอ่ คา้ กช็ ง่ั สม้ สองโลแลว้ กย็ ่นื ให้เรา การจ่ายเงนิ จา่ ยทองเปน็ เรอ่ื ง ธรรมชาตถิ ูกม้ยั ? เป็นเรื่องธรรมชาติมากเลยนะ ทนี ข้ี ับรถไปอีก ไปเจอร้านขายข้าวเหนยี วหมู ป้ิง เขากท็ าหมปู ้ิงแบบแปลกๆ หมูปง้ิ เขาทาเปน็ รูปส่ีเหลี่ยม เขาก็ทาหมปู ้ิงแบบแปลกๆนะ ทรงแบบแปลกๆนะ เฮ้ย! พ่อค้าทาอะไรเนีย่ ? หมปู งิ้ เหรอเนีย่ ! ทาไมทาซะเออแปลกดี ทาไมทา แบบนี้ หอมมากเลย เออสูตรไหน มาจากไหนเน่ยี หอมมากเลยเนยี่ โอเคข่รี ถผ่านมากห็ อมมาก เลย การขรี่ ถผา่ นแลว้ เจอกล่นิ หอมหมปู ิ้งน่ี สิ่งเหลา่ นเ้ี ป็นเร่ืองธรรมชาติม้ัย? มันเป็นธรรมชาติ มากเลย มันหอมมาก ซ้อื กนิ ดีกว่าม้ยั เน่ีย มันหอมมากเลย ทาไมหมปู ง้ิ รา้ นน้ีมนั หอมจังเลย มัน กเ็ ลยซือ้ ข้าวเหนียวถงุ หนง่ึ ก็เลยซอ้ื หมปู ้ิงขา้ วเหนยี วหอ่ หนึง่ 30 บาท เราก็ข่ีจกั รยานเดนิ ทาง ตอ่ ไป เราก็กนิ ขา้ วเหนียวหมปู งิ้ ไปดว้ ย เรากก็ ินไป ขี่จักรยานไป เพลนิ มากเลย มันเพลนิ นะ เพลินสบายใจมาก ความสบายใจเน่ยี !เป็นธรรมชาติม้ยั ? มนั เป็นธรรมชาตินะ เรากเ็ พลินไป ขี่ จกั รยานต่อไป ขีไ่ ปจนไปถึงรา้ นขายสบู่ มันเปน็ ร้านขายของชา เราก็จอดแวะหน้าร้าน เราก็ เขา้ ไปซือ้ สบู่ ยาสีฟัน พอเขา้ ไปซื้อสบู่ ยาสีฟัน เสร็จปบุ๊ ! ควกั ตังค์จา่ ยปรากฏว่า ตงั คไ์ มม่ ีเลยที นี้ ควกั ไปปุ๊บน้ี ตงั คห์ ายไปไหนเนยี่ ! ตกใจมาก ความตกใจเป็นเรอ่ื งธรรมชาติ เป็นเร่ือง ธรรมชาติ เพราะปกตจิ ่ายตลอด ตังค์กม็ ใี นกระเปา๋ นะ พอไปถึงร้านขายของชาเท่านั้นแหละ ควกั ตงั ค์อีกที เอา้ ! ตังค์ไมม่ ีละทนี ี้ ตกใจละทนี ี้ มนั ตกใจ ความตกใจมนั เปน็ ธรรมชาติม้ยั ? มนั เปน็ ธรรมชาติมากเลยนะ พวกเราฟงั นะมนั มีแต่ธรรมชาตเิ ท่านนั้ มนั ไมม่ ีเร่อื งอะไรเลยนะ มนั มี แตธ่ รรมชาติ ทนี ้ปี รากฏว่าตกใจ ตกใจปุ๊บก็ฝากของไว้ แม่ค้าฝากของหน่อยไปหากระเปา๋ ตังค์ ก่อน! กเ็ ลยว่งิ ออกมาหากระเปา๋ ตงั ค์ ปรากฏวา่ ถบี จักรยานย้อนกลับเลย ถีบจกั รยานย้อนกลับ มาหากระเปา๋ ตงั ค์นะ เขาหากระเป๋าตงั ค์ เขาหาไม่เจอ พอเขาหากระเปา๋ ตังค์ไมเ่ จอ เขาตกใจ อยา่ งแรงเลย นกึ วา่ โอโ้ ห! ตกใจมาก กระเปา๋ ตังค์อะไรอยู่ในน้นั หมดเลย บัตรเครดิต บัตรอะไร กอ็ ยใู่ นนนั้ หมดเลย ตกใจมาก เฮย้ ! ตงั ค์มนั หายไปไหน เขากน็ กึ นะว่ามันน่าจะตกตรงไหน? การทมี่ นั ตกใจ มนั นึกหาอะไรเนย่ี ! สงิ่ เหล่านี้มันเป็นธรรมชาตมิ ั้ย? มันเปน็ ธรรมชาตมิ ากเลยนะ เขากน็ กึ หา หาไมเ่ จอ เขากร็ บี กลับบ้านเลย เขารบี กลับบา้ น เขากลบั ถงึ บ้านปุ๊บเขากโ็ ทรศพั ท์ ไปอายดั บตั รท่ีอยู่ในน้นั มนั อายดั บตั ร มันมีทัง้ หมด 3 บัตรมันก็โทรไปอายดั บตั ร เนี่ยะการโทร ไปอายัดบัตรมันเปน็ ธรรมชาตขิ องมนุษย์นะ ตังค์หาย บตั รเครดิต บัตรสาคัญต่างๆกแ็ จ้งอายดั

ไวไ้ มใ่ ห้ไปใช้ ส่ิงเหลา่ นเี้ ป็นเรอ่ื งธรรมชาตมิ ั้ย? มนั มแี ตธ่ รรมชาตวิ ่าง้นั เหอะ! มนั ไมม่ เี รอื่ งอะไร หรอก ทีนี้พอมีครอบครัวหน่งึ ครอบครัวนี้เขามีอาชพี ขายไก่ มีอาชีพฆ่าไก่ด้วย เขาขายทัง้ ลูกไก่และไกย่ ่าง เขาก็ฆา่ ไก่ ฆา่ ไกแ่ ลว้ กย็ ่างไก่ขาย เขาก็ทาไกย่ ่างขาย การฆ่าไก่แลว้ กท็ าไก่ ย่างเปน็ เรื่องธรรมชาติม้ยั มันเป็นเรอื่ งธรรมชาตขิ องสตั ว์โลกนะ ทีเ่ ขาทาหน้าที่ของเขา บาง คนกร็ บั เอาไก่เฉยๆ ร้านนีก้ ร็ บั เอาไก่ ไกท่ เ่ี ขาฆา่ เรยี บรอ้ ยแล้วมาย่างขาย ส่งิ เหลา่ น้ีเป็น ธรรมชาติมั้ย สง่ิ เหล่าน้ีเปน็ ธรรมชาตนิ ะ บางเจ้าเขาก็ฆา่ เองหมดเลยนะแลว้ ก็ขายไก่ย่าง บาง เจ้าก็รบั ไก่มาขายนะ นี่เป็นธรรมชาติมย้ั ทนี่ ี้ขายแล้วกม็ ีคนมาซอื้ ไก่ยา่ ง คนมาซ้ือไก่ยา่ งนเ่ี ปน็ ธรรมชาตมิ ้ยั ? มันเปน็ ธรรมชาตธิ รรมดานะท่ีเขากินไก่ คนเหลา่ นเี้ ขาชอบกินไก่ย่างกนั เขาเอา ไก่ย่างไปกนิ กับข้าวเหนยี วสม้ ตา การกนิ ขา้ วเหนียวไกย่ า่ งส้มตาเปน็ เร่ืองปกตมิ ั้ย มันเปน็ เร่ือง ธรรมชาตมิ ากเลยนะ แตพ่ อเขามากนิ ขา้ วเหนียวไกย่ ่างเสรจ็ ปุ๊บเขาก็บอกวา่ เขากค็ ุยกนั นะ บอกวา่ นง่ั กนิ ข้าวเหนยี วไกย่ ่างอยู่นะท่ีบ้าน เขากค็ ุยกนั สองคนนเี้ ปน็ คนปฏบิ ัติธรรมนะ เขา คยุ กนั วา่ “ไอพ้ วกนมี้ ันฆา่ ไก่ มนั ฆ่าสัตว์ พวกนร้ี มู้ ย้ั การฆา่ สตั ว์ มนั บาปนะ มนั ทาใหพ้ วกเรา อายุสัน้ นะ มันฆ่าสตั ว์ ตัดชวี ติ คนท่ฆี ่าสตั ว์ ชีวติ มนั จะอายสุ ้ัน” นเ่ี ขาคยุ กนั นะว่าเปน็ บาปเปน็ กรรม การคุยกันเรอื่ งแบบน้เี ปน็ เรือ่ งธรรมชาตใิ นประเทศไทยมย้ั ผ้ปู ฏบิ ตั ิธรรมสว่ นมากก็คยุ กนั เรื่องแบบน้ี เรื่องเปน็ บาป เป็นกรรม เปน็ เรอ่ื งธรรมชาติ เปน็ เรือ่ งธรรมชาติมากเลย คนที่ ปฏิบัติธรรมแต่คนในศาสนาอื่น พวกศาสนาอืน่ พวกคนฝร่งั นะ พวกคนฝร่ังเขามานง่ั กินไก่ เขาไมม่ าคุยกันเร่ืองเหล่านห้ี รอกนะ เขาไมม่ าคุยเร่ืองเป็นบาป เป็นกรรม เปน็ อะไร เขาไม่มา คยุ หรอกนะ บอกให้ เขาก็มหี นา้ ท่กี นิ ไก่ กนิ ให้อรอ่ ย กินเสรจ็ ปุ๊ปกร็ ีบไปทางาน รีบไปทาภารกิจ ของเขาตอ่ เขาไมม่ าคุยเร่ืองเหล่าน้ีหรอกนะ นค่ี อื ธรรมชาตขิ องคนไทยนะชอบคยุ เรื่องแบบน้ี มนั เช่ือวา่ ทกุ อย่างเปน็ จริงเปน็ จงั เป็นตน้ รมู้ ย้ั ว่าพอเขากนิ ไก่เสร็จ เขากินไก่เผอิญว่าเขาเป็น โรคมะเรง็ ดว้ ย เพราะมะเรง็ มันเตบิ โตไดเ้ พราะเกิดจากกินเน้อื สัตว์ว่างน้ั เหอะ การกินเนื้อสัตว์ กนิ อาหารพวกไข่ ลว้ นเปน็ อาหารของมะเรง็ ทั้งส้นิ คนกินก็อายุสน้ั คนขายกอ็ ายุส้ัน คนขายก็ กินไก่เหมอื นกนั กนิ แต่เนอื้ สตั วไ์ มค่ ่อยกนิ ผกั ว่าง้นั เถอะ น้เี ปน็ เรอ่ื งธรรมชาติ ธรรมดานะ มนั จะอายุส้ัน อายยุ ืน สุดทา้ ยมันเปน็ ธรรมชาติทงั้ หมดแหละ สุดท้ายมันกต็ ้องแก่ ตอ้ งเจ็บไขไ้ ด้ ป่วย ต้องตายเป็นธรรมชาตินะ มนั กม็ บี างหม่บู ้าน บางคน หมูบ่ า้ นนี้ ชมุ ชนน้เี ขาก็กนิ แตผ่ ัก เขาไมก่ ินเนอื้ สตั วเ์ ลย ชมุ ชนนเ้ี ขาก็กินแต่ผัก เป็นธรรมชาตขิ องชุมชนนี้ มนั เป็นธรรมชาตนิ ะ ชุมชนนเี้ ขาสอนกนั ใหก้ ินแต่ผกั กินแต่ผักมากๆ เขาสอนกนั ถา้ ไม่จาเป็นเขาไมก่ ินเลย พวก มนั ๆจากเน้ือสตั ว์ เขาไมก่ นิ เลย เน้นกนิ แตผ่ ัก พชื ผัก คนในชุมชนนม้ี ันแปลกมากเลย เขาไม่ เจ็บไขไ้ ด้ป่วย เขาไมเ่ คยมีโรคมะเร็งนะ ชมุ ชนน้ี เขาไม่มีโรคมะเรง็ โรคความดัน โรคอว้ น โรค คอเรสเตอรอล เขาไม่มีเลย ชุมชนน้ี สขุ ภาพเขาแข็งแรงมากเลย ชมุ ชนน้ี หลักเขากเ็ นน้ ปลูก ผักกินเอง ชุมชนนี้เขาเป็นธรรมชาติสบื ทอดกันมา แตช่ ุมชนนีส้ ว่ นมาก คนส่วนใหญเ่ ขาก็ถอื วา่

เปน็ ชนกลมุ่ น้อยนะทเ่ี ขามีพฤตกิ รรมแบบน้นี ะ แตเ่ ขาไมไ่ ดเ้ จ็บไขไ้ ด้ป่วย ไปหาหมอนะ ไมต่ อ้ ง อะไรนะ เขาอยกู่ ับธรรมชาตินะ ชมุ ชนนี้ เขาใช้ชีวติ กบั ธรรมชาติ เรียบง่าย สบายๆ แต่ชุมชน ทดี่ ิ้นรน หาเงินหาทอง เขากด็ ิ้นรนหาเงินหาทองนะ มนั เป็นธรรมชาตมิ ัย้ การทะเลาะเบาะแวง้ เวลาเราไปทางาน มันเป็นธรรมชาตนิ ะ มีคนรกั มคี นชัง มันเปน็ เรือ่ งธรรมชาติมั้ย? เน่ยี ะ! บาง คนกม็ ีเพอื่ นรกั อยู่ 5 คนนะ เพ่ือนรักกันเลย 5 คนแล้วกม็ ีคนชงั เขาดว้ ยเหมือนกนั อยู่ 2 คน ชัง ชัง ชงั คนน้ี มนั มคี นรักแลว้ ก็ตอ้ งมคี นชงั มันเป็นธรรมชาตมิ ้ัย มันเป็นธรรมชาติ ธรรมดามาก เลย สง่ิ เหล่าน้ีเปน็ ธรรมชาติ พวกเราเข้าใจม้ยั ว่า การใชช้ ีวิตบนโลกใบน้ี มนั ตอ้ งทางานหาเงิน มนั ต้องดนิ้ รนนะ อย่ใู นสังคมเมอื ง มนั ตอ้ งดิน้ รนน่าดเู ลย หาเงนิ หาทอง ดิน้ รน เงินไมพ่ อใชก้ ็ อดอยาก พอหาเงินได้นอ้ ยกเ็ ครียดล่ะ น้ีเปน็ ธรรมชาติม้ยั อย่างคนบางคนทางานบัญชอี ย่างนี้ เครยี ดมากเลย มนั ไปทางานแตล่ ะวัน เครียด เครยี ด กลับบ้านมาทไี รก็เครียดทกุ ที มันเป็น ธรรมชาตมิ ัย้ เนยี่ ! มันเป็นธรรมชาตขิ องพนักงานบญั ชี คดิ มากใช้สมองมากน่ันเอง แต่บางคนนี่ บางคนไปทางานน่ี เปน็ ผบู้ รหิ ารไปทางานวุ่นวายมากเลยแต่เขาไมเ่ ครียดกบั มนั เลย เขาสนุก กบั มัน นีค่ นนเี้ ปน็ คนทพี่ ิเศษมาก เขาสนกุ กับงานทีเ่ ขาทามาก สนกุ มาก มันส์มาก งานจะมายงุ่ แคไ่ หนกต็ าม เขาก็สนกุ กบั มนั ความสนุกสนานกบั การทางานเนย่ี ะ! เปน็ เรื่องธรรมชาติม้ัย เป็นเร่ืองธรรมชาติของคนบางคน บางคนก็ไม่สนุกเลย ทางานมามากๆก็เครียด เครียด เครยี ด นีก่ ็เปน็ เรื่องธรรมชาตขิ องคนนะ ทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาตขิ องอารมณ์ มนั มสี นกุ มันมเี ครียด มัน มีพอใจไม่พอใจ มนั เป็นธรรมชาตขิ องอารมณ์ บางคนน่เี ข้าใจได้ กเ็ ห็นว่าทกุ อยา่ งเปน็ ธรรมชาติ พอไปทางานก็ต้องมีคนรัก เปน็ ธรรมชาติ มันมีคนชัง มนั เปน็ ธรรมชาติ ไปทางาน แลว้ มันเครียด มันเปน็ ธรรมชาติโว้ย! พอเขาเหน็ ว่าเขาเปน็ ธรรมชาติ เขาก็แลว้ ไปเลย เขาเหน็ ว่ามันเป็นธรรมชาติ พอเขาเลิกงานปบุ๊ เขาก็สบาย เห็นมนั ไป เหน็ ว่ามันเปน็ ธรรมชาติ อารมณ์มนั เปน็ ธรรมชาติ คนรกั มนั กเ็ ปน็ เรือ่ งธรรมชาติ คนชงั มันก็เป็นเรอื่ งธรรมชาติ คนนินทากนั มนั ก็เป็นเร่อื งธรรมชาติ ทางานวนุ่ วายมนั กเ็ ปน็ เรอ่ื งธรรมชาติ เพราะเขาเห็นว่า ทกุ อย่างมนั เป็นธรรมชาตเิ ทา่ นน้ั แหละ เขาสบายมากเลย จิตเขามันโล่ง มนั เบา พอเขาเลกิ งานปุบ๊ เร่ืองราวในจติ เขาไมม่ เี ลย เขาโลง่ เขาเบา เขาสบายมาก พอเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็ หงุ หาอาหารกนิ เขาก็ดูทวี ี เขาก็กินขา้ วอยา่ งเอร็ดอรอ่ ย นก่ี ็อรอ่ ย นน่ั ก็อรอ่ ย เขากก็ นิ ของเขา อรอ่ ยของเขา ธรรมชาติของเขา เขากก็ นิ อยขู่ องเขา นเี่ ป็นธรรมชาตมิ ้ัย? น่คี อื ธรรมชาติของผู้ ท่ีเหน็ ว่าทกุ อยา่ งเป็นธรรมชาติ พวกเราเข้าใจเรื่องพวกน้ีใหไ้ ด้นะ แค่เราเข้าใจว่านี่คือ ธรรมชาติ ธรรมดา มนั เปน็ ธรรมชาตมิ าก การเดนิ นี่ การเดินเป็นเรอื่ งธรรมชาติมั้ย? มนั เปน็ เรอ่ื งธรรมชาติมากเลยนะ แตผ่ ปู้ ฏิบตั ธิ รรมน่ี ไปฝึกเดิน ฝึกเดนิ แบบทา่ น้ัน ทา่ น้ี พวกเราก็ เรียกวา่ ฝกึ สมถะ เจรญิ สมถะ ฝกึ จิตใหม้ ันตื่นรู้ ฝึกสติ เราก็ใหค้ ่าว่าฝึกน่นั ฝึกน่ีนะ การเดินเปน็ เรอ่ื งธรรมชาติมากๆ นะ เดินช้า เดินเรว็ กเ็ ปน็ เรอื่ งธรรมชาติของขา ขามันก็ทาหน้าท่ีของมัน

นะ เขาเรียกวา่ การเดินนะ ซึ่งธรรมชาติมากแตพ่ อผปู้ ฏิบัตธิ รรมนะซิ พอมาอยวู่ ดั อยู่สถานที่ ปฏบิ ัตธิ รรม กเ็ ดิน ฝึกเดนิ แบบช้าๆ คอ่ ยๆกา้ ว ค่อยๆยก คอ่ ยๆย่าง ค่อยๆแตะ ค่อยๆเหยียบ คอ่ ยๆยก ค่อยๆย่าง คอ่ ยๆเหยยี บ น่คี อื ผู้ปฏบิ ัตธิ รรม พยายามฝกึ ฝกึ ให้เหน็ ว่า ท้ังหมดมัน เป็นธรรมชาติ สุดทา้ ยมันจะมาจบว่าเปน็ ธรรมชาตินะ การปฏบิ ัตธิ รรมเพอ่ื จะมาเหน็ วา่ ทุกสิ่ง เป็นธรรมชาติ แต่ผู้ปฏิบัติธรรมกลบั ไปฝกึ เพ่อื ใหเ้ ห็นวา่ มนั เป็นธรรมชาติ การเดินมันเปน็ ธรรมชาตขิ องมนั อย่แู ล้ว แตก่ ลบั ไปฝึกเดนิ ชา้ ๆ เพ่ือจะไดเ้ ห็นวา่ มันเป็นธรรมชาติ มนั เปน็ ธรรมชาตขิ องมันอยแู่ ลว้ นพี่ วกเราฟัง พวกเราใชแ้ ค่ Common Sense นะ ไม่ต้องไปใช้ เหตุผลนะ ห้ามใช้เหตผุ ลนะ ฟังแลว้ ฟงั แบบใช้ Common Sense เขา้ ใจตามแค่น้นั เอง ไม่ ตอ้ งไปใช้หลักอะไร ห้ามไปใชห้ ลักอะไร ห้ามใช้เหตุผลใดๆนะจะบอกให้ ธรรมะเป็นเร่อื งอยู่ เหนือเหตเุ หนอื ผล อยู่เหนอื สุข เหนือทกุ ข์ เหนือบญุ เหนอื บาป เหนอื กุศล เหนืออกศุ ล เหนือ การปรงุ แต่งทัง้ ปวง นค่ี อื ธรรมะ น่ีคอื วิมุติหลดุ พ้น คือให้เหน็ ใหไ้ ดว้ า่ ทัง้ หมดมนั เป็นธรรมชาติ นคี่ ือเปา้ หมายของพทุ ธศาสนา พระพทุ ธเจ้าสอนพวกเรา สอนพวกเราบอกว่า ขันธ์ 5 มนั เป็น ธรรมชาติ คอื พระพุทธเจ้าสอนว่า ขันธ์ 5 เป็นอนตั ตา สภาวะปรงุ แต่งท้ังหลายมันเป็นอนตั ตา อาจารย์พูดลงที่คาว่าธรรมชาตเิ พราะคาว่าอนตั ตากค็ อื ความทมี่ นั เป็นธรรมชาติของเขาอยู่ อยา่ งนนั้ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ มนั เป็นธรรมชาติ ถา้ พวกเราเขา้ ใจว่าทุกอยา่ งเป็นธรรมชาตจิ ะ มาจบลงทีค่ าวา่ อนตั ตาเลย อนตั ตาแปลไดห้ ลายอยา่ งมากเลยนะ แปลโดยภาษาว่าไม่มีตวั ไมม่ ี ตน แต่พอพวกเราฟัง พวกเราเขา้ ใจไมไ่ ด้หรอก ไมม่ ที างและอธบิ ายยากมากใหม้ นษุ ย์เข้าใจ เนีย่ ะคาว่าไม่มตี ัวไมม่ ตี น เหนอื่ ย... เพราะงั้นอาจารย์ไม่ขอแปลอยา่ งนี้ มันแปลว่าเป็นสงิ่ ถกู รู้ ทง้ั หมดท้งั มวลเปน็ ส่งิ ถกู รกู้ ็ได้ นีก่ ็จบเหมอื นกัน หรือจะแปลว่าทุกสง่ิ ทกุ อยา่ ง เป็นธรรมชาติท่ี ไมม่ ใี ครเปน็ เจ้าของ น่ีก็ได้เหมือนกนั หรอื จะแปลวา่ ทุกสิง่ ทุกอยา่ งเป็นเพียงอาการ นี่กไ็ ด้ เหมอื นกัน หรือจะแปลว่าทุกส่งิ ทกุ อย่างมนั วา่ ง นก่ี แ็ ปลได้เหมอื นกัน คือมันแปลไดห้ ลายแง่ หลายมุมมากแล้วแต่เทคนิคการสอนแต่วันน้อี าจารย์จะขอสอนพวกเราให้เหน็ วา่ ทกุ สรรพสิ่ง เลย ขันธ์ 5 ด้วย มนั เปน็ ธรรมชาติ ถ้าพวกเราเข้าใจไดว้ ่าทงั้ หมด ทง้ั มวลมนั เป็นธรรมชาติ มนั เป็นอันเดยี วกนั ท้ังผ้รู ้กู ็เป็นธรรมชาติ ส่งิ ถูกรกู้ เ็ ปน็ ธรรมชาติ อาการปรงุ แตง่ ทั้งหลายทง้ั ปวง มนั เปน็ ธรรมชาติ ถ้าเราเพยี งแต่เขา้ ใจว่าทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งเป็นธรรมชาติ เราจะเห็น บอกไวเ้ ลย ยอมรับให้ได้ ยอมรบั ใหไ้ ดว้ า่ ทงั้ หมดท้ังมวลเป็นธรรมชาติ ถา้ พวกเราเขา้ ใจยอมรบั ไดอ้ ยา่ งนี้ นะ ความเป็นเรามนั หายไปเลยบอกให้ มนั ไม่มมี นษุ ย์เลย มนั ไมม่ ีสตั ว์ บุคคล ตัวตน เราเขา ไม่ มเี รา ไม่มขี องของเรา ไม่มีโลก ไม่มจี ักรวาล ไมม่ ีอะไรเหลืออยู่เลย มนั จะเป็นอย่างน้นั มันจะ วา่ ง มนั จะโล่งไปหมดเลย มนั ไมม่ ีเรอ่ื งอะไรเลยน่คี อื การปฏบิ ัติธรรม นค่ี อื การปฏิบตั วิ ่าทุกส่งิ ทกุ อยา่ งเป็นธรรมชาติ ถา้ จิตยอมรับไดอ้ ยา่ งน้จี ิตก็จะไม่เกดิ เพราะมันไม่มีคนเลย ไมม่ ีเราเลย เมอื่ ความเปน็ เราถกู ดบั ไปแลว้ จิตดวงน้ีก็บรสิ ทุ ธดิ์ ังเดิม จิตมันจะเบา มนั จะโล่ง มนั จะว่าง มัน

จะสะอาด มนั จะอศั จรรย์เลย พวกเราจะเรียกว่าจิตมนั ยมิ้ ก็ได้ พวกเราจะเห็นวา่ จิตมันยม้ิ มัน เบกิ บาน มนั อศั จรรย์มาก มนั โล่ง มนั เบา มนั อธบิ ายไม่ได้ มันไม่เกดิ พวกเราจะร้ไู ดเ้ องว่าทาไม มันโล่ง มนั เบา มันสบายอย่างน้ี มันเหมอื นกบั วา่ ไมม่ ีเรอ่ื งอะไรเกิดขึน้ มา บนโลกใบนีเ้ ลย มัน หายไปหมดเลย มันโลง่ ไปหมดเลย น่ีคอื จิตไมเ่ กดิ แล้ว เป็นจติ ท่มี ันไมย่ ึดถืออะไรเลย เราไม่ สาคัญในอะไรอีกแลว้ มันพ้นไปจากเหตุผลท้ังปวง พ้นไปจากการปรุงแตง่ ทัง้ ปวง เพราะมนั สรปุ เขา้ ใจจนจติ ยอมรบั ว่า ทั้งหมดคอื ธรรมชาตนิ นั่ เอง นีค่ ือเราปฏบิ ัติธรรมเพ่อื มาเห็นว่า ท้ังหมดคือธรรมชาติ มนั มาจบตรงนีน้ ะ จริงๆแล้วท้ังหมดเปน็ ธรรมชาติอย่แู ล้ว เพียงแตพ่ วก เรายอมรับใหไ้ ด้ว่าทกุ อยา่ งทกุ อาการมนั เปน็ ธรรมชาติ พวกเราทกุ คนอยูก่ บั ธรรมชาตติ ลอดแต่ พวกเรากลับไม่ยอมรับธรรมชาติ น่คี อื ความโงเ่ ขลาแคน่ ั้นเอง จะเรยี กว่าอวชิ ชา ซง่ึ อวชิ ชา ไม่ไดม้ ีอยจู่ รงิ นะ อาจารย์เรียกว่าความโง่ของจติ กพ็ อแล้ว ทีนี้พอมาศกึ ษาปฏิบตั ธิ รรมกฝ็ กึ กัน เดนิ ชา้ ๆ เพอ่ื มนั จะได้เห็นวา่ มนั เป็นธรรมชาติ ท้ังๆทมี่ นั เป็นธรรมชาติอยแู่ ลว้ การเดนิ เน่ียะมัน เป็นธรรมชาตอิ ยู่แลว้ พวกเราเดนิ กันเปน็ ธรรมชาติ พวกเราก็รู้สกึ ตัวกันตลอดดว้ ยนะ ขณะท่ี เราเดินเรารูส้ ึกตัวมย้ั มันรสู้ กึ ตัวอยู่ตลอดนัน่ แหละ มันกาลังรู้สึกอย่างนน้ั อย่างน้นั นั่นแหละ คือธรรมชาติ มนั เปน็ ธรรมชาติทม่ี นั ร้ขู องมันอยู่ตลอดเวลา จติ น่มี ันเป็นธรรมชาติรู้ มันรขู้ อง มันอยตู่ ลอดเวลา รู้ผา่ นทางร่างกายเน่ียะ รู้ผา่ นทางตาหูจมกู ลิน้ กายน่นั เอง มันรู้อารมณ์ รู้ ความคิดด้วย มันร้ขู องมนั อยตู่ ลอดเลย นี่คือธรรมชาตมิ าก มนั เป็นธรรมชาตขิ องมันอยแู่ ลว้ นะ มันไม่ต้องไปทาอะไรเพยี งแตเ่ ข้าใจให้ได้ว่านี่คอื การทางานของธรรมชาตขิ องจติ ทีน่ ้ีลมหายใจ เรา เปน็ มนุษยน์ ่ีมนั ต้องหายใจเขา้ หายใจออก ถูกมย้ั ? มันเป็นธรรมชาติมย้ั ? การหายใจเข้า หายใจออก มันเปน็ ธรรมชาตนิ ะ มนั ไม่ตอ้ งไปบงั คบั หรอก ไมต่ อ้ งไปหามันหรอก ไม่ต้องไปดู มนั หรอก มันหายใจของมันเป็นธรรมชาติของมันอยแู่ ล้ว มนั ไมต่ อ้ งไปฝึก โอ้ย! 2,000 ปที ่แี ลว้ มันกห็ ายใจแบบนแ้ี หละ 1,000 ปที แี่ ลว้ มันก็หายใจแบบนแ้ี หละ ตอนเปน็ เด็กมันกห็ ายใจแบบ น้ี ทกุ วนั นมี้ นั ก็หายใจแบบนี้แหละ เนีย่ ะ! มันเปน็ ธรรมชาติเพราะมันยังทางานอยู่ มนั ยังไมต่ าย มนั ตายเมอื่ ไหร่กห็ ยดุ ทางานก็แคน่ ัน้ เอง มนั ทาหน้าทีข่ องมนั มันบรสิ ทุ ธ์ิมากๆมนั เป็น ธรรมชาติ ทม่ี ันทาหนา้ ทข่ี องมัน มนั เปน็ ธรรมชาตทิ บี่ ริสุทธมิ์ ากเลย ลมหายใจมนั เปน็ ธรรมชาติ ขอเพียงแต่เราเข้าใจวา่ มนั เปน็ ธรรมชาตินน่ี ่า มนั ไมต่ อ้ งทาอะไรนี่หวา่ จบแล้ว! ทีนี้ ผูป้ ฏบิ ัตธิ รรมกม็ าฝึกดลู มหายใจ ซึ่งการปฏิบัตธิ รรมมหี ลายแบบนะ บางคนก็มารูล้ มหายใจ รู้ เพ่ือจะฝึก ฝึกเพอ่ื สดุ ทา้ ยจะได้เขา้ ใจวา่ ท้งั หมดมันเปน็ ธรรมชาติ ลมหายใจมนั เป็นธรรมชาติ อยูแ่ ลว้ ไม่ตอ้ งไปฝกึ ไม่ตอ้ งไปดมู นั มันหายใจอย่อู ย่างน้ี เป็นธรรมชาตขิ องมนั เราแคร่ ูส้ กึ ตวั ขนึ้ มาวา่ มนั กาลงั หายใจอยู่ จบแล้ว มันยังไม่ตาย ใกล้จบแลว้ มันเป็นธรรมชาตอิ ยอู่ ย่างนี้ พวกเราเข้าใจมย้ั ? มันไมต่ ้องไปเพ่ง ไปจ้องดมู ันหรอก มันเป็นธรรมชาติ พอผปู้ ฏบิ ัติธรรม อยากบรรลุธรรมกม็ าเพง่ ลมหายใจ พอเพง่ แลว้ กร็ ู้สกึ อึดอดั แนน่ หนา้ อก ดซู ไิ ปบังคบั ธรรมชาติ

ไปฝนื ธรรมชาติ ไปเพง่ ธรรมชาติ ไปเพง่ ไม่ได้ หา้ มเพง่ หา้ มจอ้ ง ห้ามทาอะไรทง้ั ส้นิ ฟังให้ เขา้ ใจ ฟงั ให้เข้าใจว่าท้ังหมดคอื ธรรมชาติ พวกเราฟังและเขา้ ใจ ยอมรับให้ไดท้ ้ังหมดเป็น ธรรมชาติ จบแล้ว ไม่เกิด มนั ง่ายๆแคน่ ้ี ทนี ีก้ ารกลนื นา้ ลายของพวกเราเน่ียะ! เปน็ ธรรมชาติ ม้ยั ? มันเป็นธรรมชาติมากนะ การไอเนย่ี ะ! เปน็ ธรรมชาติมั้ย? เปน็ ธรรมชาตมิ าก นเี่ ป็นเร่ือง ธรรมชาติ ธรรมดา การมีน้ามกู ไหลเนีย่ ะเปน็ ธรรมชาตมิ ย้ั ? มนั เป็นเรอ่ื งธรรมชาตนิ ะ ถา้ มนั มี เหตุใหม้ ีนา้ มกู ไหล เชน่ หวดั อย่างน้ีนะ มันกน็ า้ มกู ไหลหรือบางทีเรากนิ อะไรท่ีมันเผด็ ๆร้อนๆ มนั กน็ า้ มกู ไหลเป็นธรรมชาติ มันเป็นธรรมชาติมากเลย ทนี ้ีพอผูป้ ฏบิ ัตมิ าปฏิบตั ธิ รรม กลบั ไป เพง่ ไปเพง่ ดอู าการต่างๆ มันจะตอ้ งไมโ่ กรธใคร ไปเพ่งฝึกวา่ มันจะตอ้ งไมโ่ กรธ รักษาให้มันไม่ โกรธ ใหม้ นั นง่ิ ๆอยเู่ ฉยๆน่ังตัวตรงแล้วกบ็ งั คับใหม้ ันนิง่ อยเู่ ฉยๆไมใ่ ห้มันคดิ อะไรเลย ความคดิ มนั เปน็ ธรรมชาติมยั้ ? พวกเราเข้าใจม้ัยว่าความคดิ เป็นธรรมชาติ แลว้ ไปฝกึ ไมใ่ ห้มนั คดิ อะไร พวกเราเข้าใจคาว่าธรรมชาติม้ยั ? พวกเราไปฝกึ ไม่ให้มนั คดิ เพื่ออะไร? เพ่อื เหน็ วา่ มนั เป็น ธรรมชาติ ทงั้ ๆทมี่ นั ก็เปน็ ธรรมชาติอยแู่ ล้ว อารมณ์น่ีมนั เปน็ ธรรมชาตมิ ย้ั ? อารมณฝ์ า่ ยบวก ฝา่ ยลบ อารมณด์ ใี จน่ีเป็นธรรมชาติม้ยั ? อารมณฝ์ ่ายโกรธนี่เป็นธรรมชาติมย้ั ? 2,000 ปีทแ่ี ลว้ อารมณเ์ หล่านีม้ มี ยั้ ? มนั เป็นธรรมชาติที่มนั มมี า มนั เปน็ ความจรงิ พวกเราเข้าใจมยั้ ? มันเปน็ ธรรมชาติ ท้ังหมดมนั เปน็ ธรรมชาติมาแต่ไหนไหนแลว้ นะ มันเป็นธรรมชาตมิ าโดยตลอด มันมี อารมณฝ์ ่ายบวก ฝา่ ยลบบา้ ง มนั ปรงุ แตง่ ฝา่ ยลบบา้ ง มันนกึ บา้ ง สง่ิ เหลา่ น้ีคอื ธรรมชาติ ถูกม้ัย? มาน่งั แล้วมากาหนด มาเพ่ง มาจอ้ ง จ้องดูมนั ไมใ่ หม้ ันคิด ด้วยการคิดคาพดู ใหม่ขึ้นมา ท้งั ๆทค่ี วามคดิ มันคิดแบบธรรมชาติ มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ากเลยมันคดิ เนย่ี ะ! มนั เปน็ ธรรมชาติ แต่ไม่ยอมคิดแต่กลบั มาเพง่ กบั คาพดู บางคา มาเพ่งกับความคิดตวั ใหม่ สร้างความคดิ ใหมข่ ้นึ มาแลว้ กเ็ พ่งกบั มัน ใหม้ นั คิดกับคานคี้ าเดยี ว เพ่ืออะไร เพอ่ื ใหเ้ ห็นว่า ความคิดเปน็ ธรรมชาติ มาเพ่งดูอารมณ์ เพ่งดูอะไร เพ่อื ใหเ้ ห็นว่าอารมณเ์ ปน็ ธรรมชาติ มาฝกึ ให้มนั นงิ่ ๆ ไมใ่ ห้มี อารมณโ์ กรธ ไมใ่ หม้ ีอารมณบ์ วก อารมณ์ลบ ให้มอี ารมณ์เฉยๆ เพ่งมนั เพ่งอารมณ์เฉยๆ พวก เราเข้าใจม้ัยว่าอารมณเ์ นี่ยะ! ไม่ว่าจะเปน็ อารมณบ์ วก อารมณ์ลบหรอื อารมณเ์ ฉยๆ มันเป็น ธรรมชาติ เข้าใจมัย้ ? อารมณโ์ กรธเปน็ ธรรมชาติ อารมณห์ ัวเราะเป็นธรรมชาตมิ ย้ั ? อารมณ์ดี ใจเป็นธรรมชาติมั้ย? อารมณ์สขุ อารมณท์ กุ ขเ์ ปน็ ธรรมชาติถกู ม้ัย? อารมณ์วนุ่ วายเปน็ ธรรมชาตมิ ัย้ ? พวกเราเข้าใจมย้ั ว่าทั้งหมดนีเ่ ป็นธรรมชาติ ปฏบิ ตั ธิ รรมเพือ่ ให้เห็นวา่ ท้งั หมดนี้ เปน็ ธรรมชาติ มนั ไมม่ เี รา มนั ไมม่ ใี ครเป็นเจา้ ของ มนั ไมม่ ีเรื่องอะไรเลย มนั ไม่มหี รอกอารมณ์ โกรธ อารมณด์ ใี จ เสยี ใจ อารมณบ์ วก อารมณ์ลบ มันไมม่ ีอารมณ์หรอก มนั มแี ตธ่ รรมชาตพิ วก เราเข้าใจมย้ั ? มนั ไมม่ ีใครไปคิดนั่นคดิ นี่ คดิ ช่วั คิดน่นั คดิ น่ี คิดวุ่นวาย คิดสงบ มันไม่มใี ครเป็น เจ้าของความคดิ มันไม่มีเรอ่ื งความคิดหรอก มันมแี ต่ธรรมชาติ มันมแี ตธ่ รรมชาติอยา่ งหนึง่ พวกเราเข้าใจมัย้ เน่ีย! คนปฏบิ ตั ธิ รรมมาฝกึ มาเพ่ง สุดท้ายกบ็ รรลธุ รรมไมไ่ ด้ เพราะโง่เขลา

เพราะขาดปัญญา ไม่เข้าใจธรรมชาติ ชอบบดิ เบือนธรรมชาติ ผลสดุ ท้ายกร็ บั ผลแหง่ การฝืน ธรรมชาติ ผลก็คอื เวียนวา่ ยตายเกดิ ในธรรมชาติเสีย กว็ ่นุ วาย ปฏิบตั ใิ ห้ตายกไ็ ม่บรรลุธรรม แหละ เพราะอะไร เพราะไม่เข้าใจธรรมชาติ คาว่าบรรลธุ รรมกค็ ือบรรลุธรรมชาติ คาวา่ แจง้ ใน ธรรมเนี่ยะก็คือแจ้งในธรรมชาติ เห็นวา่ ทงั้ หมดท้ังมวลเปน็ ธรรมชาติ เข้าใจแคน่ ้แี หละพวกเรา ไมเ่ กดิ ทนี บี้ างคนกพ็ ยายามเพง่ มนั เพง่ มัน เพ่งใหม้ นั ว่าง เพ่งไม่ใหม้ นั คดิ มนั นกึ เพง่ ให้มัน วา่ งๆอยู่ เพง่ ให้มนั ไม่คดิ ไมน่ กึ คนทีไ่ ปทาแบบนี้นะ จิตมนั ก็จะบ้อื ซึมเศรา้ ไมร่ บั รู้อะไร จติ แบบน้ี ใครพูดอะไรกเ็ ฉย ไม่รับรอู้ ะไร ใครมอี ารมณ์อะไร ปรุงแตง่ อะไรกเ็ ฉย ใครจะมาคยุ ดว้ ย ใครจะมาหยอกอะไร มันก็เฉย ฟงั ธรรมะ ฟงั อะไรมนั ก็เฉย มันบือ้ เบื่อ เซง็ อยู่อย่างนั้น น่ีคอื ผู้ ทไี่ ปเพง่ จติ เพ่งแลว้ พยายามไม่ใหจ้ ติ มันคดิ มันนกึ มันให้คา่ กบั สง่ิ ใดๆ มนั จะต้องไมใ่ ห้ค่ากบั สิง่ ใดๆ เพ่ือมนั จะไดไ้ มป่ รงุ แตง่ ดซู พิ วกเราเข้าใจมั้ยวา่ ความคดิ เนย่ี ะ! มันเปน็ ธรรมชาติ เข้า ใจมย้ั ว่าการปรงุ แต่งเปน็ ธรรมชาติ เข้าใจมั้ยว่าอารมณเ์ ปน็ ธรรมชาติ พูดมาตั้งนาน อธบิ ายมา ตงั้ นาน มนั เป็นธรรมชาตมิ าโดยตลอด แต่พอมาพดู เรอ่ื งตรงนี้ พยายามไม่ให้มันเป็นธรรมชาติ เพ่อื ? เพ่ือให้เหน็ ว่ามนั เป็นธรรมชาติ มนั เปน็ ธรรมชาติอยู่แล้ว ไมต่ อ้ งไปฝึกใหม้ นั เป็น ธรรมชาตเิ พราะมันเปน็ ธรรมชาติอย่แู ล้ว พวกเราเพยี งแต่ยอมรบั ความจรงิ ว่าท้งั หมดนม้ี นั เป็น ธรรมชาติ พระอรหันตผลเน่ียะ! ทา่ นไมไ่ ปเพง่ ไปจอ้ ง ไปดู ไปเอาอะไรจากธรรมชาติเลยนะ บอกให้นะ พระอรหนั ตผลเนีย่ ะ! ทา่ นไมม่ กี ิจอะไรตอ้ งทาแล้วนะพระอรหนั ตผล ทา่ นจบกจิ แลว้ เพราะอะไร เพราะมนั มีแตธ่ รรมชาติ ภายนอกก็ธรรมชาติ ภายในก็ธรรมชาติ ผู้รู้กธ็ รรมชาติ จิตสังขารซงึ่ เป็นความคิดนกึ อารมณเ์ นี่ยะ! มนั กเ็ ปน็ ธรรมชาติ เขา้ ใจม้ัย? จิตปรุงแต่งมันเป็น ธรรมชาติ จิตรูก้ ็เป็นธรรมชาติ เขา้ ใจม้ยั ? เรียกว่า “ธรรมชาติร”ู้ กบั “จิตสงั ขาร” ธรรมชาตริ ู้ มันเป็นธรรมชาติ จิตสังขารกเ็ ปน็ ธรรมชาติปรงุ แต่ง มนั ก็เปน็ ธรรมชาติอีกแล้ว แลว้ จะเพง่ ไมใ่ ห้เป็นธรรมชาติเพอ่ื ? จะไปฝกึ ใหม้ ันเปน็ ธรรมชาติ จะไปมองให้มนั เป็นธรรมชาติเพ่อื ? เพียงแต่พวกเราเข้าใจและยอมรบั ว่ามันเป็นธรรมชาติ มนั จะไมเ่ กิด พระพุทธเจ้าแสดงธรรม แบบนี้แหละใหญ้ าตโิ ยมฟัง ใครฟงั เข้าใจปุ๊บกบ็ รรลอุ รหันตผลเลย สมัยพทุ ธกาลเขาไม่ตอ้ งไป ไต่เตา้ สกิทา อนาคาเลยนะบางองค์ ใครฟังพระพุทธเจ้าเข้าใจปุบ๊ ! บรรลพุ ระอรหันตผลเลย จบเลย ไมต่ อ้ งไปไตเ่ ตา้ ตาแหน่ง ไม่ต้องไปฝกึ เพราะการไต่เตา้ สกิทา อนาคาเน่ียะ! เปน็ การ ฝกึ ฝนความเขา้ ใจ เข้าใจไปเรื่อยๆ เขา้ ใจไปเรอื่ ยๆ น่คี ือการฝกึ ฝนไลล่ าดบั ตั้งแตห่ ยาบๆ แต่ แกน่ ของมัน ประเดน็ ของการปฏิบัติธรรม ประเด็นหลกั ของพุทธศาสนาเนีย่ ะ! คือทกุ อยา่ งเปน็ ธรรมชาติ มันไมม่ ีเราเลย รา่ งกายนมี้ ันเป็นธรรมชาตเิ ขา้ ใจมั้ย? มนั เปน็ ธรรมชาตทิ ีม่ ันต้องแก่ ตอ้ งเจ็บ ตอ้ งตายถกู ม้ัย? มนั เปน็ ธรรมชาติ จิตเรามนั ก็เปน็ ธรรมชาติ ถูกมัย้ ? มันเป็นธรรมชาติ รู้ แล้วมนั ก็เป็นธรรมชาตปิ รุงแต่ง เขา้ ใจม้ัย? ธรรมชาติปรุงแต่งกป็ รุงแต่งเปน็ ความคดิ นึกและ กอ็ ารมณ์ เนี่ยะ! มนั เปน็ ธรรมชาติถกู ม้ยั ? ขณะที่สามีภรรยาคู่หนึง่ นะ สามีภรรยาคู่หน่งึ อยู่

ดว้ ยกันมา 5 ปแี ล้ว สามกี เ็ ลยชวนภรรยาว่า คือก่อนทจี่ ะชวน เขาคดิ ในใจก่อนนะ ว่าจะพา ภรรยาไปเทีย่ วตา่ งประเทศ เพราะอยดู่ ้วยกันมา 5 ปีแล้ว ก็เก็บเงินได้ระดับหนึ่งแล้ว ผชู้ ายก็ คดิ ในใจนะก็เลยคิดว่าพาภรรยาไปเทยี่ วฝรั่งเศสดีกว่า เขาก็คดิ นะ ความคดิ นี่เปน็ ธรรมชาติ มย้ั ? การคิดแบบน้เี ป็นธรรมชาติมยั้ ? มนั เปน็ ธรรมชาตขิ องมนษุ ยน์ ะ มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ากเลย พระอรหันตผลทา่ นก็คดิ ทา่ นคดิ เป็นธรรมชาตขิ องอรหนั ตผล พระอรหนั ต์นีท่ า่ นคิดเปน็ ธรรมชาตขิ องขนั ธ์ ขันธ์ 5 เนีย่ ะ! มนั เป็นธรรมชาตนิ ะ มนั ตอ้ งคิดตอ้ งนึกตอ้ งมอี ารมณ์ มันทา หนา้ ท่ขี องมันอยา่ งสมบูรณ์มากเลย พระอรหนั ต์เน่ียะ! ทา่ นไม่มาอาศัยขนั ธ์ 5 แลว้ ทา่ น ยอมรับในขนั ธ์ 5 ว่าทง้ั หมดนเี้ ปน็ ธรรมชาติ มันไมม่ ใี ครเปน็ เจ้าของธรรมชาติ ทา่ นไมท่ าอะไร เลย ท่านแค่ปลอ่ ยธรรมชาติทาหนา้ ที่ของเขาเพราะท่านรแู้ ลว้ ว่าทั้งหมดนี้มนั เป็นธรรมชาติ มันไปบังคับธรรมชาตไิ มไ่ ด้ ท่านไมฝ่ ืนธรรมชาติ ทา่ นไม่เบียดเบียนธรรมชาติเลย ทา่ นอย่กู ับ ธรรมชาติ ท่านเข้าใจธรรมชาติ จิตเปน็ ธรรมชาตริ ู้ จิตสังขารก็เป็นธรรมชาตปิ รงุ แตง่ เน่ยี ะไอ้ ก้อนร่างกายนกี้ เ็ ป็นธรรมชาติ ทุกอย่างภายนอกทั้งหมดทงั้ มวล อนั หน่งึ อันเดียวกนั คอื มันเปน็ ธรรมชาตหิ มดเลย มนั ไมไ่ ดไ้ ปแบง่ เปน็ ซกั สิ่งซักอยา่ งหรอก เพยี งแตเ่ รายอมรบั และเข้าใจวา่ ท้งั หมดน้คี อื ธรรมชาติ เราไมเ่ กิด เน่ียะ! พระอรหันต์ท่านเข้าใจแคน่ ีแ้ หละวา่ มันเป็นธรรมชาติ ท่านกเ็ ลยไมไ่ ดส้ ขุ ได้ทุกขไ์ ปด้วย คือความสุขความทกุ ขเ์ ปน็ ธรรมชาตปิ รงุ แต่ง นึกออกมั้ย? ทา่ นไมไ่ ปสขุ ไปทกุ ข์ ไปสาคญั ไปเพ่ง ไปจอ้ ง ทา่ นไม่ทาอะไรเลย เพราะท่านเหน็ ว่ามนั เปน็ ธรรมชาติ ทา่ นเห็นมนั เนืองๆแหละ ทา่ นเหน็ มนั เรอื่ ยๆแหละ รขู้ ณะหน่งึ ขณะหน่งึ รวู้ า่ มันเปน็ ธรรมชาติ มองทีไรกเ็ ห็นมนั เป็นธรรมชาติเหมอื นเดมิ จรงิ ๆพวกเรามธี รรมชาตแิ บบน้ีตง้ั แต่ สมยั กาลไหนๆแลว้ ชาติไหน ชาตไิ หนเราก็เป็นแบบน้ี 2,000 ปีท่ีแล้ว มนุษยก์ ็เปน็ แบบน้ี มี ความคดิ นึก ความเข้าใจแบบน้ี อารมณฝ์ ่ายบวก อารมณ์ฝ่ายลบ คิดฝา่ ยบวก คดิ ฝา่ ยลบ คิด แง่นัน้ คิดแง่น้ี นึกแงน่ นั้ นกึ แง่นี้ 2,000 ปที ี่แล้วกเ็ ป็นอย่างน้ี มนั เปน็ ธรรมชาตไิ งท่ีมนั ตอ้ งคดิ ต้องนกึ ต้องใชช้ วี ิต ต้องหาอยู่ หากิน เปน็ ธรรมชาตมิ ้ยั ? การหาอยู่ หากิน มนั เปน็ ธรรมชาติ มากเลยนะ เนย่ี ะ! การคดิ นึก การคานวณ เปน็ ธรรมชาติมย้ั ? มนั เป็นธรรมชาตมิ ากเลยนะ ครอบครัวน้ี สามีก็คิดในใจวา่ จะพาไปเที่ยวฝร่งั เศสกเ็ ลยเดนิ ไปคุยกบั แฟน มนั เป็นธรรมชาติ มั้ย? มันเป็นธรรมชาติมากเลยนะ มนั ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของนะ นี่พวกเราเพียงเข้าใจว่าท้งั หมด คือธรรมชาติมนั ไม่มคี นเกิดข้นึ มาบนโลกใบนี้ มนั ไมม่ ีเราเลย มนั จะไม่มีคนสตั ว์ สิ่งของ ตัวตน เรา-เขา คืออนตั ตานน่ั แหละ มนั จะไมม่ อี ะไรเหลอื เลย มนั จะวา่ งไปหมดเลย มันจะกลายเป็น ธรรมชาติไปหมด น่คี ือการปล่อยวาง นีค่ อื การไมเ่ กิดแล้ว เพราะมนั ไมม่ ที ี่เกดิ ทุกอย่างมนั เป็น ธรรมชาตไิ ปหมดเลย มนั ไม่ยึดม่นั ถือมั่นแลว้ มันไมเ่ กิดนีแ่ หละเรยี กวา่ อวชิ ชามนั ดับไปแล้ว มันขาดไปแลว้ เพราะอะไร มันขาดสะบั้นไปเพราะปัญญา ฟังให้เข้าใจจนจิตเรามนั ยอมรบั เมือ่ จติ ของเรามันเข้าใจแลว้ ยอมรบั กฎของธรรมชาติ กฎของธรรมชาติขาดสะบ้นั ไปเลย อวิชชา

คอื ความที่มนั โง่ เม่อื มนั เข้าใจ มันกห็ มดสงสัย ความไม่เข้าใจหรอื อวิชชาก็หมดไปแล้ว นี่แหละ คือปญั ญา เน่ยี ะ! เพียงแต่เรายอมรับไดม้ ้ัยวา่ ทั้งหมดเป็นธรรมชาติ แคน่ ้ันแหละ สบายแลว้ เราไมเ่ กิด มนั จะโล่งไปหมดเลย มนั จะเบาไปหมดเลย ผปู้ ฏบิ ัตธิ รรมทเ่ี พง่ จติ จอ้ งจิต จ้องเพื่อ อะไร จอ้ งจติ ว่ามันเป็นธรรมชาติ มันเป็นธรรมชาตอิ ยู่แล้ว ผรู้ ู้มันก็เป็นธรรมชาติ สิง่ ถูกรู้ไอ้ ความคิด นึก อารมณเ์ นี่ยะ! สิง่ ถูกรเู้ นี่ยะ! มันก็เปน็ ธรรมชาติ สิ่งถกู รทู้ งั้ หลายทงั้ หมดเป็น ธรรมชาติ ผู้รแู้ ละสง่ิ ถกู รู้ทั้งภายนอก ภายใน มนั เปน็ ธรรมชาติ เข้าใจให้ได้ว่าทัง้ หมดเป็น ธรรมชาติ จบแล้ว พวกเราทกุ คนเนีย่ ะ! มีมรรคผลนิพพานเรียบร้อยแตเ่ พียงพวกเรายงั โง่อยู่ ยงั ยดึ อยวู่ ่า ทาไมจติ เราถงึ ไปโกรธวะ! ความโกรธเป็นธรรมชาตถิ ูกมยั้ ? พวกเราฟงั หลายรอบ แลว้ เนีย่ ะ! ถูกมย้ั ? ความโกรธมันเป็นธรรมชาติ เนย่ี ะ! ไปทางาน มนั กเ็ ลยโมโห มนั ทะเลาะกนั ไง มันทะเลาะกันก็เลยโมโห พอสามีไปบอก ไปเทยี่ วฝรั่งเศสม้ัย? พอแฟนไดย้ นิ ว่าจะพาไป เท่ยี วฝร่งั เศสก็เลยถามกลบั ว่า “เอาเงนิ มาจากไหน?” “ตังค์มันพอไดอ้ ยู่ ไปเทีย่ วฝร่งั เศสกัน เถอะ!” “จะไดไ้ ปผ่อนคลาย เราอยดู่ ้วยกันมา 5 ปีแล้ว ไปเท่ยี วกันนะ” พอผหู้ ญิงไดฟ้ งั เทา่ นี้ แหละว่าจะใชต้ ังคไ์ ปเที่ยว ผู้หญงิ ก็เลยโกรธเลย โกรธใหแ้ ฟน “ตังคท์ ่ีจะเกบ็ ไว้ใช้กลับจะเอา ตังคไ์ ปเท่ยี ว! มันไม่ใช่เรอ่ื งหามางา่ ยๆ” เขากเ็ ลยโกรธให้แฟน ด่าแฟนเลย! “จะไปเท่ยี วหรือไง มงึ รวยนักหนาหรือไง รมู้ ยั้ ว่ากว่าจะเก็บเงนิ ไดม้ ันยากลาบากขนาดไหน จะใช้แป๊ปเดียวหมดนี่ นะ ปว่ ยขึ้นมาแลว้ จะเอาที่ไหนไปรกั ษา เกิดลกู ปว่ ยขน้ึ มาจะเอาอะไรไปดูแลรักษา” เขาโกรธ ใหแ้ ฟนไง เขาโกรธ การท่แี ฟนบน่ ให้สามเี ปน็ ธรรมชาติมยั้ ? เปน็ เร่ืองธรรมชาตนิ ะ เขาก็เลย โกรธ เป็นเรอื่ งธรรมชาติมย้ั ? เป็นเร่ืองธรรมชาตนิ ะ พวกเราเข้าใจมย้ั เรือ่ งเหล่าน้ีเป็นเรอื่ ง “ธรรมชาติ” เราหา้ มไปปรุงแต่ง ไปสรา้ งเรอื่ งใดๆนอกจากเร่อื งธรรมชาติข้ึนมาเดด็ ขาดนะ ไม่ งั้นเปน็ เร่ืองเลยนะ ภพชาติเกดิ ขน้ึ มาทันทเี ลย อวิชชาครอบงาทนั ทเี ลยบอกให้ พวกเราจะถูก ธรรมชาตเิ ลน่ งาน ถกู วิบากกรรมลากไปเวยี นว่ายตายเกิด ซง่ึ ธรรมชาติเหลา่ นมี้ นั จะลากสัตวท์ ่ี โงเ่ ขลาให้ไปถูกจองจาในกรงขังแห่งธรรมชาติ เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในกรงขงั ธรรมชาตไิ ม่จบไม่ สิน้ เลย พวกเราตอ้ งปรารถนา พวกเราต้องอธษิ ฐานบอกตัวเองว่า ขอพระพุทธเจ้าเป็นพยาน นับแตว่ นิ าทีน้เี ป็นตน้ ไป ขา้ พเจ้าจะหมั่นฟังธรรมะนี้ ข้าพเจ้าจะตื่นรู้ ทาความเข้าใจธรรมชาติ ของจิต จะเห็นใหไ้ ดว้ ่าทงั้ หมดเป็นธรรมชาติ ขา้ พเจา้ จะไม่ขอเกิดอกี ชาตนิ ้ีจะเป็นชาตสิ ดุ ทา้ ย เนยี่ ะ!พวกเราจะตอ้ งอธิษฐานแบบนที้ ุกวนั จนกวา่ เราจะเหน็ วา่ ทั้งหมดเป็นธรรมชาตนิ หี่ วา่ ไม่ เกดิ จบละ่ ! เนย่ี ะ!การอธิษฐานแบบนี้จะทาให้เรากาลงั ใจเต็ม มันทาให้เราเด็ดเด่ียว มนั่ ใจวา่ เราจะไมข่ อเกดิ เราไดม้ าเกดิ ในชาตนิ ี้ เราจะทาให้ชาตินแ้ี หละเป็นชาติสุดท้ายของเรา คน เหลา่ นั้นโงม่ าเกิดในภาชนะตา่ งๆนี้ แตพ่ วกเราโชคดีมากเลยนะท่ไี ด้เกดิ มาในภาชนะมนษุ ย์ ถ้า ได้ภาชนะไมใ่ ช่มนษุ ยน์ ีเ่ ปน็ เร่ืองเลยนะ เราจะเวยี นวา่ ยตายเกิดอีกมากมายมหาศาลแต่พวกเรา โชคดมี ากๆเลยท่ไี ดภ้ าชนะ เป็นมนษุ ยแ์ ละโชคดมี ากที่ไดเ้ จอพทุ ธศาสนา มาเจอคาสอนที่เป็น

ยอดแหง่ ปญั ญา มาเจอคาสอนซง่ึ เปน็ แก่นของพทุ ธศาสนา นเ่ี ราโคตรโชคดีแล้ว บารมีของเรา มนั เตม็ บริบรู ณแ์ ลว้ เพราะฉะน้นั แล้วพวกเราต้องอธษิ ฐาน ไม่ขอเกดิ อีก เพราะการเกดิ ในครั้งน้ี โชคดมี ากแล้วที่ไดเ้ กิดมาเปน็ มนุษย์ เราจะตอ้ งบรรลธุ รรม เราจะตอ้ งเหน็ ให้ไดว้ ่าท้ังหมดทงั้ มวลคือธรรมชาติ ถา้ เราเห็นวา่ ทงั้ หมดคือธรรมชาติปบุ๊ ! จิตดวงนก้ี ไ็ มเ่ กดิ เลย มนั จะเกดิ ไดย้ งั ไง เพราะความเป็นเราไม่มเี ราเหลอื อยเู่ ลย ไอธ้ รรมชาตขิ องก้อนน้ีกเ็ ปน็ ธรรมชาติ ก้อนน้ีไม่ใช่เรา นะ กอ้ นนี้คอื ธรรมชาติ จิตเรา ไอจ้ ติ เรากเ็ ป็นธรรมชาตอิ ีกละ! ไมใ่ ช่เราเลย! ก็เป็นธรรมชาติ! ไอก้ อ้ นน้กี ็เป็นธรรมชาติ! มีแตธ่ รรมชาตทิ งั้ นัน้ เลย ผู้ร้กู เ็ ป็นธรรมชาติ ผปู้ รุงแต่งกเ็ ป็น ธรรมชาติ ไอ้ความคดิ นกึ อารมณ์เป็นธรรมชาติ เข้าใจมั้ย? ผ้ปู ฏบิ ัติธรรมทโ่ี งเ่ ขลาไปฝกึ ไม่ให้ มันโกรธ ไม่ใหม้ นั มีอารมณ์ น่คี ือความโงเ่ ขลาของผ้ปู ฏบิ ัตธิ รรม ไม่เขา้ ใจวา่ พระพุทธเจา้ สอน เรอ่ื งอะไร เพียงแตเ่ ราเห็นว่า “ขนั ธ์5” เขาเปน็ ธรรมชาติ ไม่มีเรา ไมม่ ขี องของเรา พระพุทะ เจา้ กพ็ ูดบอ่ ย ขนั ธ์5 ไมใ่ ช่เรา ไม่ใชข่ องของเรา ท้ังหมดเขาเปน็ ธรรมชาติ พวกเราเพียงแต่ เขา้ ใจให้ได้วา่ ทุกอยา่ งล้วนเป็นธรรมชาติหมดเลย จบ! เราจะไมท่ กุ ขก์ บั เร่อื งอะไร เราจะสบาย มาก เราจะเบกิ บานมาก เราจะใช้ชีวติ อยา่ งสบายเลย เพราะมันเปน็ ธรรมชาติ เราจะใชช้ ีวติ ของเราเปน็ ธรรมชาตมิ าก เราไปทางานก็ต้องมกี ระทบกระทัง่ ไปทางานหาเงนิ กต็ อ้ งมี กระทบกระทั่ง ตอ่ สู้ ด้ินรน มนั กต็ ้องมีอารมณช์ อบ ไม่ชอบ พอใจ ไมพ่ อใจ โกรธ ดีใจ เสยี ใจ หงดุ หงดิ สงิ่ เหลา่ นเ้ี ปน็ ธรรมชาติมาก เนย่ี ะ! ไปกระทบกระทั่งกนั ตอ่ สู้ ด้นิ รนกันเพ่ืออะไร เพ่ือ ใหผ้ ล เพอ่ื ให้งานตรงใจเขา เน่ยี ะ! นีเ่ ปน็ ธรรมชาติมั้ย? เนี่ยะ! มนั กม็ ีอารมณ์ ทะเลาะเบาะแว้ง กันมันก็คิดเปน็ ภาษาปรุงแต่งข้ึนมา มอี ารมณโ์ กรธข้ึนมา สง่ิ เหลา่ น้ีเป็นธรรมชาตมิ ้ยั ? น่ีก็ทา หน้าท่ไี ป คิดตอ่ เดินทางกลับบ้านกค็ ดิ ตอ่ “วันหยดุ นี้จะไปเท่ียวที่ไหนดหี นอ...” เน่ยี ะ! มนั คิด ความคดิ เปน็ ธรรมชาติ ความคดิ ทจ่ี ะไปเท่ียวน่เี ป็นธรรมชาตมิ ัย้ ? มนั เปน็ ธรรมชาตมิ ากเลยนะ ที่คิดจะไปเที่ยว มันเปน็ เรื่องธรรมชาติ ธรรมดาของโลกใบนข้ี องสงั ขารทมี่ นั คดิ มันจะคิดอะไร มันจะคิดดา้ นบวกก็ดี คดิ ดา้ นลบ คดิ ดา้ นกลางๆ มนั จะมอี ารมณฝ์ ่ายบวก ฝ่ายลบ ฝ่ายตรง กลาง มันจะมีโปง้ หรอื ก้อย มนั จะเป็นฝา่ ยไหน ทง้ั หมดนค้ี ือธรรมชาติ จงอยา่ เห็นวา่ มันเปน็ อะไรเลย จงเห็นว่ามนั เปน็ ธรรมชาติ ไมม่ ีใครเป็นเจ้าของ ความคดิ มนั เปน็ ธรรมชาติ มนั เป็น ธรรมชาติ อย่าไปเห็นวา่ เปน็ ความคดิ อยา่ เหน็ วา่ เราเปน็ เจ้าของความคิด มนั ไมม่ ีใครเปน็ เจ้าของความคดิ มนั มแี ตธ่ รรมชาติ เขาคดิ วา่ พรุ่งนไ้ี ปเที่ยว ความคดิ ไปเทยี่ วเป็นเรื่อง ธรรมชาติมย้ั ? มันเป็นธรรมชาตมิ ากเลยนะ เขาคิดปบุ๊ เขาก็เตรียมข้าวของ จัดประเป๋า จัด อะไรป๊บุ ! เนยี่ ะ! เขาก็เหนื่อย เหงือ่ ออก เขาหงดุ หงดิ นะ เขาเหนอื่ ยนะ เกบ็ ของ เก็บน่ันเก็บนี่ เขาก็เหน่ือย เขาก็เหง่อื ออก เขาก็หงุดหงดิ เน่ียะ! ความเหนอ่ื ย เหนอ่ื ยแลว้ เหงือ่ ออกมนั เปน็ ธรรมชาตมิ ยั้ ? มันเปน็ ธรรมชาตินะ ถา้ เขามีอารมณ์หงดุ หงิด หงุดหงดิ นเี่ ปน็ เร่อื งธรรมชาติมัย้ ? มันเปน็ เรอ่ื งธรรมชาตมิ ากเลยนะ เขาหงุดหงิด เขากเ็ ลยไปอาบนา้ เขาอาบน้า เขากเ็ ลยสบาย

ตัว โล่ง อารมณ์ก็เลยดี เนีย่ ะ! การอาบน้าเปน็ เร่ืองธรรมชาติมย้ั ? มนั เย็นอารมณด์ ี อารมณด์ ี เปน็ เรอื่ งธรรมชาติมย้ั ? อารมณม์ นั มีฝ่ายบวกฝ่ายลบ มนั เป็นธรรมชาตทิ ม่ี ันทาหนา้ ท่ีของเขา มนั ไมม่ ใี ครเป็นเจ้าของอาการเหล่านี้เลยนะ มันไมม่ ใี ครไปไดเ้ สยี อะไรกับอาการเหล่านี้ ถ้าพวก เรายังไปยึดถอื ว่าตอ้ งเพ่งตอ้ งจอ้ ง ต้องไปดู ตอ้ งไปบงั คับอะไรให้มนั ไมเ่ ป็นธรรมชาติเมือ่ ไหร่ เราเตรยี มรบั กฎแหง่ ธรรมชาติไดเ้ ลย เราจะถูกจองจาในโลกแห่งธรรมชาติน้ี ออกจากโลกแห่ง ธรรมชาตินไ้ี ม่ได้เลย เพราะเราเหน็ วา่ มนั มตี ัวมตี นเปน็ จริงเปน็ จังไง มนั ไมม่ อี ะไรที่เป็นเรอื่ งเป็น จรงิ เปน็ จัง ทกุ อยา่ งมนั เปน็ ธรรมชาติ พวกเราเพียงแตเ่ ขา้ ใจ ยอมรับวา่ ทั้งหมดเป็นธรรมชาติ จิตมนั จะวางหมดเลย จติ มนั จะเหน็ ว่ามันไม่มีเร่ืองอะไรเลย มนั ไม่มีเราเลย ไอก้ อ้ นนีก้ ็เปน็ ธรรมชาติ มันก็เปน็ ธรรมชาติ การปรงุ แตง่ เป็นธรรมชาติ ท้งั หมดท้ังมวลเปน็ ธรรมชาติ อาการ ทั้งหลายเป็นธรรมชาติ เนี่ยะ! พวกเราทาหน้าท่ไี ปทางาน หาเงนิ เสรจ็ ปุ๊บ! วนั หยดุ ก็พกั ผ่อน นอนอย่บู ้าน จะไปเท่ียวริมทะเลก็ดหี รอื จะไปเทย่ี วพักผอ่ นบ้านญาตกิ ด็ ี น่ีส่งิ เหลา่ นีเ้ ป็นเร่ือง ธรรมชาติ ธรรมดาเลยนะ มันไม่ได้สร้างสุข สรา้ งทุกข์ให้กับใครเลยนะ องค์คลุ มี ารน่ฆี า่ คนมา 999 คนนะ องค์คุลมี ารจะฆา่ แม่ องค์คลุ มี ารจะฆ่าพระพุทธเจ้าด้วย พอพระพทุ ธเจ้ามาเทศก์ สอนใหฟ้ งั เทศก์สอนใหฟ้ งั ว่าขนั ธ์ทงั้ 5 นแี่ หละ เปน็ ธรรมชาติ ทุกสิง่ ทกุ อย่างเปน็ ธรรมชาติ พอเขา้ ใจไดว้ ่าท้ังหมดเปน็ ธรรมชาตแิ ค่นัน้ แหละ ท่านบรรลอุ รหนั ตผล คาว่า “อรหนั ตผล” จิตมันพ้นออกจากการไปยดึ มัน่ ถือม่นั มันเปน็ ธรรมชาตนิ น่ั เอง มันไมเ่ ขา้ ไปยึดถือว่ามีเรา เปน็ ของของเรา มีถกู มีผดิ มดี ีมีช่ัว มีบญุ มบี าป มกี ศุ ลมีอกุศล จิตมนั พ้นออกจากเรือ่ งเหล่านี้เพราะ เรอ่ื งเหลา่ นีม้ นั เป็นธรรมชาติปรงุ แตง่ ท่านเหน็ ว่าทง้ั หมดนเี้ ปน็ ธรรมชาติ จิตมนั ก็เลยบรสิ ุทธ์ิ ดงั เดิม เนยี่ ะ! จิตของทา่ นก็เลยบรรลพุ ระอรหนั ตผล พอทา่ นไปบิณฑบาต พอทา่ นบรรลธุ รรม ทา่ นกเ็ ลยไปบิณฑบาต ปรากฏว่ามีแตค่ นเกลยี ดชังทา่ นเพราะท่านฆ่าคนมามาก เขากไ็ ม่ใส่ บาตรใหท้ า่ น ทา่ นก็ไม่ไดก้ นิ ข้าว ส่งิ เหล่านเี้ ปน็ เรอื่ งธรรมชาตมิ ัย้ ? ก็ไปทาเขา เขากไ็ ม่ใส่บาตร ไมเ่ อาขา้ วใหก้ ิน เป็นเรอื่ งธรรมชาติมย้ั ? มันเป็นเรื่องธรรมชาติมากเลยนะ ท่านก็ไม่ไดก้ ินข้าว ท่านกไ็ มก่ นิ ข้าว ท่านกน็ อน พกั ผ่อน ท่านกก็ นิ น้า ท่านกน็ อน เปน็ เรื่องธรรมชาติมั้ย? การกนิ นา้ แล้วก็นอนเปน็ เรอ่ื งธรรมชาตมิ ั้ย? พอหลงั จากน้นั ท่านก็บิณฑบาตใหม่ ทา่ นกไ็ ดข้ ้าวมาน้อย หน่งึ แลว้ กม็ าเจอลกู หลานคนที่เขาฆา่ คนทถี่ ูกฆ่า เขาก็เลยเอาหนิ เขวี้ยงใส่หัว เอาไมต้ ี เอาไม้ ทุบ เปน็ เร่ืองธรรมชาติม้ัย? มันเป็นเรือ่ งธรรมชาตมิ ากนะ ไปทาเขาไวไ้ ง เขากต็ ี เขาก็ฆ่า เขาก็ ทบุ เอา เป็นเรือ่ งธรรมชาตนิ ะ ทา่ นกเ็ จบ็ ปวดมาก เจ็บปวดเป็นเรื่องธรรมชาตมิ ย้ั ? มันเปน็ เรื่อง ธรรมชาตทิ า่ นกก็ ลบั มากก็ นิ ข้าวนิดๆหนอ่ ยๆทพี่ อหาได้ กนิ นิดหนอ่ ยแล้วกด็ ืม่ น้า ดื่มน้าแล้วก็ นอนพักผ่อน เพราะรา่ งกายกเ็ จ็บปวด ระบมไปทง้ั ตวั แลว้ กไ็ ปพักผ่อนเป็นเรอื่ งธรรมชาติมย้ั เนี่ยะ! เป็นเรอื่ งธรรมชาตินะ พอต่นื ข้ึนมามีแรงปุ๊บ ทา่ นก็บณิ ฑบาตหาข้าวมาฉนั ท์ ได้ข้าวมา หน่อยนงึ กโ็ ดนคนด่า คนเขวยี้ งหนิ ใส่ คนตี เปน็ เร่ืองธรรมชาตมิ ้ยั ? เนี่ยะ! เป็นเรื่องธรรมชาติ

มาก ท่านเห็นวา่ ทั้งหมดนเี้ ปน็ ธรรมชาติ ธรรมดา ท่านเป็นธรรมชาติมาก มนี อ้ ยท่านกก็ ินนอ้ ย ไม่มีทา่ นกไ็ ม่กนิ มันเปน็ เรอื่ งธรรมชาติ ร่างกายน้มี นั อย่ไู ด้ก็อยู่ เป็นเร่ืองธรรมชาติ มนั อยูไ่ มไ่ ด้ ก็พงั ไป ตายไป เป็นธรรมชาติ ทา่ นเหน็ วา่ ท้ังหมดคอื ธรรมชาติ ทา่ นไม่เห็นวา่ มเี ราเลย มันไมม่ ี เรา ไม่มเี ขา ไม่มีอะไรเลย มีแต่ธรรมชาติกาลงั ปรงุ แต่งอะไรบางอย่างอยู่ มีอาการอะไร บางอยา่ ง เนีย่ ะ! กท็ าหนา้ ท่ีไป แคน่ ้นั เอง พวกเราก็เขา้ ใจอย่างนี้แหละ จติ เราจะไม่เกิดอีก ตอ่ ไป มนั ไม่มีเราเหลอื อย่เู ลย มนั มแี ต่ธรรมชาตซิ ง่ึ เปน็ อันหน่ึงอันเดียวกันกบั พระพุทธเจา้ กบั พระอรหันต์ท้ังหลายพวกเรามีธรรมชาตนิ ัน้ เรียบร้อยแลว้ เพียงแตพ่ วกเรายอมรบั ในธรรมชาติ ทั้งหลายเหลา่ นี้ มันแคน่ เ้ี ลยมนั งา่ ยๆอยา่ งน้ีเลย แต่ถ้าเรายังพยายามอยากฝกึ อกี มนั กย็ ังมเี รา เป็นผู้พยายามจะเพ่งจะจ้องอะไรอกี ละ! เพ่งเพื่ออะไร? จอ้ งเพ่ืออะไร? เพอ่ื เหน็ ว่ามันเป็น ธรรมชาติ มนั เปน็ ธรรมชาติอยู่แลว้ จะไปเพ่ง ไปจ้องเพอื่ อะไร? พวกเราเพียงแตเ่ ข้าใจแค่นี้ ทนี ้ี อ่าจะพดู ใหฟ้ งั การทางานของธรรมชาตินะ ทนี ้ีการติดบหุ ร่ี บุหรี่เปน็ เรื่องไมด่ ี พวกเราก็รู้กัน น่นั แหละแต่ก็มคี นตดิ บหุ รี่กันเยอะเลย เปน็ เรื่องธรรมชาติถูกมั้ย? บุหร่ีเป็นสิ่งทไ่ี ม่ดีเลย ไมม่ ี ประโยชน์ พวกเราก็บอกวา่ มันเปน็ เร่อื งธรรมชาติ มันเปน็ เร่ืองที่ถกู ต้องเลยท่บี หุ รีเ่ ป็นเรือ่ งไม่ดี เป็นเร่ืองมีแต่โทษ ไม่เกดิ ประโยชน์วา่ งนั้ เถอะ! แต่มนษุ ยโ์ ลกกย็ ังดดู บุหรีก่ ัน เตม็ โลกดว้ ย มนั เป็นเรื่องธรรมชาติของธรรมชาติทค่ี นดูดบุหร่ี กนิ เหล้าเป็นเรื่องธรรมชาติ ทนี พ้ี วกเรากไ็ ปเจอ หลวงปแู่ หวน ทา่ นดูดบหุ ร่ี เจอพระอรหนั ตผลองค์อ่ืนๆกด็ ี ดดู บุหรี่ พอท่านเห็นพระอรหันต์ดูด บุหรี่ พวกเราก็จะบอกวา่ “พระองคน์ ้ยี ังไมห่ มดความอยากเลย ไม่ใชพ่ ระอรหันตแ์ น่เลย” ยัง อยากดดู บุหรอี่ ย่เู ลย ยงั ไมใ่ ชพ่ ระอรหนั ต์แนเ่ ลย ทัง้ ๆทบี่ หุ รไี่ มใ่ ชข่ องดีแลว้ ดูดทาไม? แสดงว่า ทา่ นตอ้ งอยากดูดบหุ ร่แี นเ่ ลย ตดิ บุหรีแ่ น่เลยเนย่ี ะ! แสดงวา่ ยังไมใ่ ช่พระอรหันตห์ รอกทา่ นตดิ บหุ ร่ี ไม่ใช่พระอรหันต์! หลวงปแู่ หวนนี่ท่านเป็นพระอรหนั ต์ ทา่ นเปน็ พระที่พ้นแลว้ จากการ เวียนว่ายตายเกิดแตผ่ ู้ปฏบิ ัติธรรมท่ีโง่เขลา ไปเหน็ วา่ การดูดบหุ รี่เป็นตัวบ่งบอกวา่ เปน็ พระ อรหันต์ไมไ่ ด!้ พวกเราเข้าใจธรรมชาติของขันธ์ 5 มั้ย? ขนั ธ์ 5 เนย่ี ะ! มันทาหน้าที่ของขนั ธ์ พวกเราเข้าใจม้ัย? มนั ไมม่ ีใครเปน็ เจ้าของขันธ์ 5 พวกเราเข้าใจมัย้ ? รปู รูปมนั เปน็ ธรรมชาติ ม้ยั รปู คือ รา่ งกาย เนี่ยะ! เป็นธรรมชาติม้ัย? มันเปน็ ธรรมชาติ เวทนา คอื ความสขุ ความทุกข์ เฉยๆ เนยี่ ะ! อาการสุข อาการทุกข์ อาการเฉยๆเน่ียะ! มันเปน็ ธรรมชาตมิ ้ัย? มนั เป็นธรรมชาติ นะ สัญญาคือความจาได้หมายรู้ บางทกี จ็ าได้ บางทีกล็ มื บางทีกห็ ลงนะ บางทีกจ็ าไดแ้ มน่ เลย จาเรื่องโน้น เร่ืองน้ี มันกจ็ าภาษาอังกฤษได้ จาภาษาไทยได้ จาบัตร จาหมายเลขได้ บางทกี ็ลมื บ้าง หลงบา้ ง สง่ิ เหล่าน้ีเป็นธรรมชาตมิ ย้ั ? เปน็ ธรรมชาตนิ ะของสญั ญา สงั ขารก็มหี นา้ ทีป่ รงุ แตง่ มันกด็ งึ ความจาไดข้ องมันมา มนั ก็ดงึ มาปรุง ปรุงมาเปน็ คาพดู ปรงุ มาเป็นความคดิ ปรุง มาเปน็ ความคดิ คาพูด เนีย่ ะ! แลว้ ก็ปรุงมาเป็นอารมณ์ดว้ ย ไอ้ส่ิงเหลา่ นเี้ นย่ี ะ! มันเปน็ ธรรมชาตมิ ยั้ ? เปน็ ธรรมชาตนิ ะ ส่วนวญิ ญาณ วญิ ญาณก็ทาหนา้ ท่ผี ู้รู้ ผดู้ ู มนั กร็ ู้ ร้ทู างตา รู้

ทางหู ทางจมกู ทางล้ิน ทางกาย มนั รู้ มนั รทู้ างใจด้วย มันร้วู ่ากาลังคดิ กาลังนกึ กาลงั มี อารมณ์เนย่ี ะ! มนั ก็รู้ มันก็ทาหน้าทร่ี ู้ เป็นผูร้ ู้ เป็นผดู้ ู มนั เปน็ ธรรมชาติมัย้ ? ผู้รู้ ผดู้ ู เปน็ ธรรมชาตินะ ขันธ์ 5 เป็นธรรมชาติ การดูดบหุ ร่มี ันเปน็ ธรรมชาตขิ องผ้ทู ี่ดดู จนติด ก็ดดู มานาน แล้ว ดูดมากอ่ นจะปฏิบตั ธิ รรมจนท่านปฏบิ ัตธิ รรมจนบรรลธุ รรมท่านกด็ ูดเหมอื นเดมิ น่ันแหละ จิตมนั ติดเข้าใจมั้ย? ขนั ธ์ 5 มันตดิ ขันธ์ 5 มันติดดดู บหุ ร่ี เขา้ ใจม้ยั ? มนั เปน็ ธรรมชาติของขนั ธ์ 5 ทมี่ นั ตดิ ตัวท่านเอง จติ ของท่านเองมนั ไม่ได้ไปตดิ อะไรกับซกั สิ่งซกั อย่างหรอก มนั ไมไ่ ด้เป็น อะไรเลย มนั บริสุทธ์มิ ากๆ มนั ไมม่ เี ร่ืองเหล่านหี้ รอก เมอ่ื มีบหุ ร่ีให้ท่านไดด้ ดู มคี นมาถวายทา่ น ให้ท่านได้ดูด ท่านกด็ ดู บหุ ร่ี ท่านไม่ไดส้ ขุ ไม่ไดท้ กุ ข์กบั เรื่องเหลา่ นเ้ี ปน็ เรอ่ื งธรรมชาติ ธรรมดา ทา่ นเหน็ วา่ เป็นเรื่องธรรมชาติ ดูดบหุ รี่เป็นเรือ่ งธรรมชาติ เวลาท่านไม่ไดด้ ดู เวลาไม่มีใครเอา บหุ รม่ี าถวาย ท่านก็ไมไ่ ดเ้ ดือดร้อนกับมนั มนั กเ็ ปน็ ธรรมชาติอีกล่ะ! ทา่ นไมไ่ ดด้ ูดบุหร่ี ท่านกร็ ู้ อยา่ งนัน้ มนั ไมไ่ ดเ้ ป็นอะไรเลย มันเป็นธรรมชาติมากเลยจติ พอทา่ นไดด้ ดู มันกเ็ ปน็ อยา่ งนัน้ มันเป็นธรรมชาตมิ าก เหมอื นกบั เราอยาก เหมอื นกับเราชอบกินทเุ รียน ความชอบกินทเุ รยี นน่ี มันเปน็ ธรรมชาตินะ พระอรหนั ตผลมีอุปนสิ ยั ยงั ไงกแ็ ลว้ แต่เขาเรยี กวา่ วาสนา อย่างพระโมค คัลลานะนท่ี า่ นก็เคยเปน็ ลิงมา 500 ชาติ ทา่ นกม็ อี ุปนิสัยท่ชี อบกระโดด วาสนาท่านเป็นแบบ นั้น ท่านเจออะไรขวางปุ๊บ ท่านกก็ ระโดดข้ามปป๊ั เลย น่เี ป็นวาสนาของท่าน เปน็ แบบน้นั อุปนิสยั ทา่ นเป็นแบบนน้ั นัน่ เองนะ จรงิ ๆพระอรหันตผลนีท่ ่านใชค้ าว่าวาสนา วาสนาของพระ อรหันตผลเป็นแบบไหนกแ็ ล้วแต่ เปน็ วาสนา แต่สาหรับปุถชุ น เขาเรียกวา่ “อุปนสิ ยั ” เขา เรยี กว่า “สนั ดาน” นั่นนะ ถ้าพดู แบบตรงๆบา้ นๆ เขาเรยี กว่า “สันดาน” เปน็ แบบ ถ้าเป็น แบบภาษากลางๆเขาเรียกวา่ เป็น “อุปนิสยั ” ของแต่ละคน เป็นความชอบของแต่ละคนน่นั เอง ซง่ึ สงิ่ เหล่าน้เี ป็นเร่อื งธรรมชาตขิ องขันธ์ พวกเราเขา้ ใจม้ยั ? กอ่ นบรรลธุ รรมชอบกนิ ทเุ รยี น บรรลธุ รรมแล้วกช็ อบกินทเุ รยี นเหมอื นเดิม มที ุเรียนใหฉ้ นั ทท์ า่ นก็ชอบฉนั ทท์ เุ รยี นกเ็ พราะทา่ น ชอบ เนย่ี ะ! ท่านไมไ่ ด้สุขได้ทกุ ข์ไปกับอะไรกับมนั เพราะมนั เปน็ ธรรมชาตทิ ่ีขนั ธ์มันชอบ ธรรมชาตมิ นั ชอบของเขา เนีย่ ะ! ทนี ้พี อไม่มที ุเรยี นมาถวาย ทา่ นกไ็ มไ่ ด้เดือดร้อนอะไร เพราะว่าท่านไม่ไดไ้ ปอะไรกบั มนั เขา้ ใจมั้ย? ธรรมชาตมิ ันก็รอู้ ยา่ งน้นั เมื่อทา่ นไดฉ้ ันทท์ เุ รยี น ท่านกร็ ู้อยา่ งนน้ั เขา้ ใจมัย้ ? มันเป็นธรรมชาตหิ มดเลย ไอ้ความรูส้ ึกชอบ ไมช่ อบทเี่ ป็นอุปนิสยั เหลา่ น้ี มนั เป็นธรรมชาตขิ องขนั ธ์ พวกเราอย่าคดิ ว่าสงิ่ เหล่านีม้ ันเป็นจริง มันเปน็ กเิ ลสนะ มนั ถกู มนั ผดิ มันดีมันชัว่ มันไม่ใช่เรอื่ งแบบนัน้ มนั พ้นไปจากสมมติ ผู้ท่บี รรลธุ รรมเขาเรียกว่า “วิมุต”ิ วมิ ตุ ิคือมนั พ้นไปจากสมมุติ มนั อยู่เหนือเหตเุ หนือผล เหนอื การให้คา่ แลว้ เขา้ ใจม้ยั ? ผู้ ท่ียงั ไปเพง่ ไปจ้อง ไปพยายามดอู าการน้ัน อาการน้ี ฝึกน้ัน ฝกึ นอี้ ยู่ บคุ คเหลา่ นี้ยังคงต้องเวยี น วา่ ยตายเกิดอยู่ เพราะเป็นผทู้ ยี่ ังฝืนธรรมชาติ เบียดเบียนธรรมชาตอิ ยู่ ไม่ยอมเขา้ ใจธรรมชาติ ไม่ยอมรบั ธรรมชาติ พระพุทธเจา้ สอนใหร้ ู้ตามความเปน็ จริงของธรรมชาติ ใหร้ ูเ้ ข้าใจ

ธรรมชาติ ยอมรบั ธรรมชาตินน่ั เอง แตผ่ ปู้ ฏบิ ตั ิธรรมกลับฝกึ ตวั เองไม่ใหย้ อมรบั ธรรมชาติ ไปฝนื ธรรมชาติ มันก็เลย กลายเป็นภพ เปน็ ชาติ ถูกธรรมชาตลิ งโทษ เป็นวบิ ากกรรมเวร เวยี นว่ายตายเกิดไม่จบไมส่ น้ิ ผู้มปี ญั ญาท่านเข้าใจ ท่านใชป้ ัญญา ปัญญาคือความเขา้ ใจ จติ มนั เหน็ ความจริงแล้วมนั เขา้ ใจ มนั ยอมรบั มนั ยอมรับ มันกห็ มดส้ินสงสัย เพราะงั้นฟังให้ เขา้ ใจ พระพุทธเจ้าพูดให้เขา้ ใจ ใครเข้าใจได้ก็บรรลธุ รรม อาจารย์พดู มาท้ังหมดเนี่ยะ! นี่คอื “ยอดแหง่ ธรรม” เขาเรียกว่า “ธัมมานปุ สั สนา สตปิ ัฏฐาน 4” เขาเรยี กว่าการเข้าใจให้ไดว้ ่า ท้ังหมดทง้ั มวลคอื ธรรมชาติ เขา้ ใจใหไ้ ด้ เปดิ ฟงั เทปน้บี ่อยๆนะ ฟังแล้วไมต่ อ้ งใชส้ มองมากเลย ใช้สัญชาตญาณ Common Sense ของพวกเราเน่ยี ะ! ฟงั แล้วก็ยอมรับตามไปแบบ Common Sense ไม่ตอ้ งใชส้ มองไปคิดเลยวา่ งั้นเถอะ ไม่ตอ้ งใช้เหตใุ ช้ผลดว้ ย ฟงั แล้วใช้ Common Sense ว่าเป็นธรรมชาติ ทีพ่ ูดมาเปน็ ธรรมชาติ แคน่ ั้นแหละ ถ้าเราเขา้ ใจวา่ ท้งั หมดเป็นธรรมชาตปิ ุบ๊ ! จบเลย จติ มันจะวา่ ง มนั จะโล่ง มันจะเบา มนั จะอศั จรรย์มากกว่า ใคร อุปมาเหมอื นกบั ว่ามันจะรู้เองขึน้ มาวา่ จิตดวงนีไ้ มท่ กุ ขอ์ ีกแล้ว ไม่โงไ่ ปทุกข์กับเร่ืองใดๆ อีกแล้ว จิตดวงนีไ้ ม่เกิดแล้ว มันจะรขู้ ้นึ มาเลย มันไมต่ ้องทาอะไรเลย มนั เขา้ ใจแล้ว หมดสงสยั ในพระพุทธศาสนา มนั จะเปน็ อย่างนเ้ี ลย พวกเราเพียงแต่ยอมรับให้ได้วา่ ผูร้ ู้หรือจติ เนยี่ ะ! มัน ก็เปน็ ธรรมชาติ ผปู้ รุงแตง่ หรือทเี่ รยี กวา่ “จิตสังขาร” มันก็เปน็ ธรรมชาติ มนั ปรุงแตง่ คือมันคิด คิดในแง่บวก มันคิดในแง่ลบ มันเป็นธรรมชาติ เขา้ ใจมยั้ ? มันเปน็ ธรรมชาตทิ ม่ี ันทาหน้าทขี่ อง มันอยา่ งนั้น มันนึกโนน่ นกึ นี่ นึกบวก นกึ ลบ มันเป็นธรรมชาติ มนั มอี ารมณบ์ วก อารมณ์ลบ มันเป็นธรรมชาติ มนั เป็นมาต้งั นานแล้ว ตอนเด็กกเ็ ปน็ 1,000 ปที ี่แลว้ ก็เป็น ทกุ วนั นม้ี นั กเ็ ป็น ต่อไปมันก็จะเปน็ เพราะมนั เปน็ ธรรมชาติของขันธ์ 5 ไปทางานมันกม็ กี ระทบกระทงั่ กนั เปน็ ธรรมชาติ เหมอื นเราโยนหนิ ลงนา้ มันกต็ อ้ งมกี ารกระทบ มนั มกี ารกระทบ การกระเพ่อื มมยั้ ? เวลาเราโยนหินลงน้าทันกม็ กี ารกระเพอื่ มเป็นธรรมชาตขิ องน้าอะนะ เม่ือหินกระทบกับน้าปบุ๊ มันเกิดคลนื่ มันเปน็ ธรรมชาติมย้ั ? การเกิดคลนื่ ของน้าเปน็ ธรรมชาตนิ ะ พอคล่นื เกดิ เสรจ็ ป๊บุ มันกส็ ลายหายไป พอมันมีการกระทบกับหนิ ใหม่ หนิ มนั ตกลงไปในนา้ ปุ๊บมนั กระทบกัน มันก็ เกดิ คลื่นข้ึนมาใหม่ สิ่งท้งั หมดเน่ียะ! เป็นธรรมชาติม้ัย? เปน็ ธรรมชาติ จิตกเ็ หมอื นกับนา้ น้า เปน็ ธรรมชาติ จิตสงั ขารก็เหมือนอุปมาเหมอื นกบั คลื่น คล่นื มนั เป็นธรรมชาติของน้า จติ สงั ขาร ก็เป็นธรรมชาตขิ องจิต ท้งั จิตและจติ สังขารนัน่ คือธรรมชาติ พดู ง่ายๆส้นั ๆกระชับๆก็คือ “ผูร้ ู้ เปน็ ธรรมชาติ” “ผูป้ รงุ แต่ง คอื ความคิด นกึ อารมณ์ เขาก็เป็นธรรมชาติ” “เพยี งแต่เรา ยอมรับว่าทัง้ หมดทงั้ มวลเป็นธรรมชาติ” “ไมม่ ีเราเลย ไม่มเี ขา ไมม่ ดี ี ไม่มชี วั่ ไม่มเี รือ่ งอะไร เกดิ ขึน้ มาทีเ่ ป็นตวั เป็นตนซกั สิ่งซักอย่าง” พวกเราเพยี งแตเ่ ข้าใจว่าท้ังหมดนี้เปน็ ธรรมชาติ เราจะไมท่ ุกข์ เราจะพ้นจากสุขจากทุกข์ จากบญุ จากบาป จากดีจากชัว่ จากกุศลจากอกุศล จากการปรุงแต่งใหค้ ่าทั้งปวง เขาเรยี กว่าพ้นจากสมมุติ จติ ของพวกเราจะพ้นจากสมมุติเปน็

“วิมุต”ิ เปน็ ผทู้ ไ่ี ม่เกดิ อีกตอ่ ไป นี่คือ “ยอดแห่งพุทธศาสนา” นีค่ ือ “ยอดแหง่ ธรรม” น่ีคือ “ธมั มานปุ ัสสนา สตปิ ฏั ฐาน 4” การเจริญสติปัฏฐานขนั้ สงู สุดสอนเรอื่ งธรรมเท่านนั้ ไม่ ตอ้ งไปเดนิ หลกั อนื่ เลย ฟงั เข้าใจใหไ้ ด้ พวกเราจะพน้ จากการเวียนว่ายตายเกดิ ในชาตนิ ลี้ ้าน เปอร์เซน็ ต์ วันนี้ เดีย๋ วน้ดี ว้ ย ใครก็ตามท่ีฟงั เทปน้ี จะเปน็ ผู้บรรลุอรหนั ตผลโดยฉบั พลัน วันนี้ ตอนนี้ เด๋ียวนี้ด้วย ฟังหลายๆรอบนะ กว็ นั นกี้ ็ 1 ชว่ั โมง 50 นาทแี ลว้ กข็ อยุติไว้เพยี งเทา่ น้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook