กรงุ สโุ ขทยั
พระราชประวตั ิ • พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เป็ น รชั กาลที่ 5 แห่งราชวงศจ์ กรี กรงุ รตั นโกสินทร์ พระองคเ์ ป็ นราชโอรสองคท์ ี่ 9 ในพระบาทสมเด็จ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รชั กาลที่ 4 และเป็ นองคท์ ี่ 1 ในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชนิ ี ประสตู เิ ม่ือ วนั ท่ี 20 กนั ยายน พ.ศ.2396 ตรงกบั วนั องั คาร เดอื น 10 แรม 3 คา่ ปี ฉลู เถลิงถวลั ยราชสมบตั เิ มอื่ วนั ท่ี 23 ตลุ าคม พ.ศ. 2453 ขณะมีพระชนมายไุ ด้ 57 พรรษา รวมเวลาครองราชย์ 42 ปี
ดา้ นการไปรษณยี โ์ ทรเลข • ดา้ นการไปรษณยี โ์ ทรเลข พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเหน็ การสอ่ื สารเป็นเรอ่ื งสาคญั และจาเป็นอยา่ งมากต่อไปในอนาคต พระองคโ์ ปรด เกลา้ ฯ ใหก้ ระทรวงกลาโหมดาเนินการกอ่ สรา้ งวางสายโทรเลขสาหรบั สายโทร เลขสายแรกของประเทศเรม่ิ กอ่ สรา้ งในปี พ.ศ.๒๔๑๘ จากกรุงเทพฯ - สมทุ รปราการ ระยะทาง ๔๕ กโิ ลเมตร และไดว้ างสายใตน้ ้าตอ่ ยาวออกไป จนถงึ ประภาคารทป่ี ากแมน่ ้าเจา้ พระยาสาหรบั บอกขา่ วเรอื เขา้ - ออก ตอ่ มา ไดว้ างสายโทรเลขขน้ึ อกี สายหน่ึงจากกรงุ เทพฯ - บางปะอนิ และขยายไป ทวั่ ถงึ ในเวลาตอ่ มา สาหรบั กจิ การไปรษณีย์ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั ตงั้ การไปรษณียข์ น้ึ เป็นครงั้ แรกในวนั ท่ี ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๒๔ มที ท่ี าการเรยี กวา่ ไปรษณยี อ์ าคาร ตงั้ อยรู่ มิ แมน่ ้า เจา้ พระยา และเปิดดาเนินการอยา่ งเป็นทางการครงั้ แรกในวนั ท่ี ๔ สงิ หาคม พ.ศ.๒๔๒๖ หลงั จากนนั้ จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหก้ รมโทรเลขรวมเขา้ กบั กรม ไปรษณยี ช์ ่อื วา่ กรมไปรษณียโ์ ทรเลข
ดา้ นการพยาบาลและสาธารณสขุ • ดา้ นการพยาบาลและสาธารณสขุ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั มี พระราชดารทิ จ่ี ะสรา้ งโรงพยาบาลเพอ่ื รกั ษาประชาชนดว้ ยวธิ กี ารแพทยแ์ ผนใหม่ เน่ืองจากการรกั ษาแบบเดมิ นนั้ ลา้ สมยั ไมส่ ามารถช่วยคนไดอ้ ยา่ งทนั ท่วงทที าใหม้ ี ผเู้ สยี ชวี ติ มากมายเมอ่ื เกดิ โรคระบาด พระองคจ์ งึ ทรงจดั สรา้ งโรงพยาบาลขน้ึ บรเิ วณรมิ คลองบางกอกน้อย อนั เป็นทต่ี งั้ ของพระราชวงั บวรสถานพมิ ขุ หรอื วงั หลงั โดยไดพ้ ระราชทานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระองคจ์ านวน ๑๖,๐๐๐ บาท เป็นทนุ เรม่ิ แรกในการสรา้ งโรงพยาบาล ใหใ้ ชช้ อ่ื วา่ โรงพยาบาลวงั หลงั เปิดทาการรกั ษา แกป่ ระชาชนทวั่ ไปเป็นครงั้ แรกเมอ่ื วนั ท่ี ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๑ ต่อมาพระองค์ ไรดะลพ้ กึ รถะรงึ าสชมทเดาจ็นพนราะมนโารงงเพจยา้ ลาบกู ายลาแเธหอง่ เนจ้ีใา้ หฟม้าว่ศา่ริ โริ รางชพกยกาุธบภาณัลศฑริ ์ริพารชะรเพาชอ่ื โเอปร็นสกทา่ีร ประสตู ใิ นสมเดจ็ พระนางเจา้ เสาวภาผอ่ งศรี พระบรมราชนิ ีนาถ ทส่ี น้ิ พระชนมายุ เพยี ง ๑ ปี ๗ เดอื น ทงั้ ยงั ไดพ้ ระราชทานพระเมรุ พรอ้ มกบั เครอ่ื งใช้ เช่น เตยี ง เกา้ อ้ี ตโู้ ต๊ะ ฯลฯ ในงานพระศพใหก้ บั โรงพยาบาลเพอ่ื ใชป้ ระโยชน์ รวมทงั้ พระราชทานทรพั ยส์ ว่ นพระองคข์ องสมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟ้าศริ ริ าช กกธุ ภณั ฑ์ จานวน ๕๖,๐๐๐ บาท ใหก้ บั โรงพยาบาลเป็นทนุ ในการใชจ้ า่ ย
ดา้ นการขนสง่ และสอ่ื สาร • ดา้ นการขนสง่ และสอ่ื สาร ในปี พ.ศ. ๒๔๓๑ พระบาทสมเดจ็ พระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงโปรดเกลา้ ฯ ใหค้ ณะเสนาบดแี ละกรมโยธาธิ การสารวจเสน้ ทาง เพอ่ื วางรากฐานการสรา้ งทางรถไฟจากกรงุ เทพฯ - เชยี งใหม่ มกี ารวางแผนใหท้ างรถไฟสายน้ีตดั เขา้ เมอื งใหญ่ๆ ใน บรเิ วณภาคกลางของประเทศแลว้ แยกเป็นชมุ สายตดั เขา้ สจู่ งั หวดั ใหญ่ ทางแถบภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เน่ืองจากเป็นหวั ลาโพงเมอื งทเ่ี ป็น ศนู ยก์ ลางธรุ กจิ การคา้ การสารวจเสน้ ทางในการวางเสน้ ทางรถไฟน้ี เสรจ็ สน้ิ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๓๔ และในวนั ท่ี ๙ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๓๔ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สดจ็ พระราชดาเนินขดุ ดนิ ก่อพระฤกษ์ เพอ่ื สรา้ งทางรถไฟครงั้ แรกทเ่ี กดิ ขน้ึ ในประเทศไทย โดยโปรดเกลา้ ฯ ใหท้ างรถไฟสายน้ีเป็นรถไฟหลวงแหง่ แรกของไทย
ดา้ นการกฎหมาย • ดา้ นการกฎหมาย กฎหมายในขณะนนั้ มคี วามลา้ สมยั อยา่ งมาก เน่ืองจากใชม้ าตงั้ แต่สมยั รชั กาลท่ี ๑ และยงั ไมเ่ คยมกี ารชาระขน้ึ ใหมใ่ หเ้ หมาะสมกบั ยคุ สมยั ทาใหต้ ่างชาตใิ ชเ้ ป็น ขอ้ อา้ งในการเอาเปรยี บไทยเรอ่ื งการทาสนธสิ ญั ญาเกย่ี วกบั การขน้ึ ศาลตดั สนิ คดที ไ่ี มใ่ ห้ ชาวต่างชาตขิ น้ึ ศาลไทย โดยตงั้ ศาลกงสลุ พจิ ารณาคดคี นในบงั คบั ต่างชาตเิ อง แมว้ า่ จะมคี ดี ความกบั ชาวไทยกต็ าม ดงั นนั้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ทรงโปรดเกลา้ ฯ สรา้ งประมวลกฎหมายอาญาขน้ึ ใหมเ่ พอ่ื ใหท้ นั สมยั ทดั เทยี มกบั อารยประเทศ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๐ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั ตงั้ โรงเรยี นกฎหมาย แหง่ แรกของประเทศไทย เพอ่ื เป็นสถานทส่ี าคญั ทผ่ี ลติ นกั กฎหมายทม่ี คี วามรคู้ วามสามารถใน การพฒั นาประเทศ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๕๑ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรด เกลา้ ฯใหต้ รากฎหมายลกั ษณะอาญา ร.ศ.๑๒๗ อนั เป็นลกั ษณะกฎหมายอาญาฉบบั แรกทน่ี า ขน้ึ มาใช้ อกี ทงั้ ยงั โปรดเกลา้ ฯ ใหม้ กี ารตงั้ กรรมการขน้ึ มาชุดหน่ึง พจิ ารณาทากฎหมาย ประมวลอาญาแผน่ ดนิ และการพาณชิ ย์ ประมวลกฎหมายวา่ ดว้ ยพจิ ารณาความแพง่ และพระ ธรรมนูญแหง่ ศาลยตุ ธิ รรม แต่ยงั ไมท่ นั สาเรจ็ ดกี ส็ น้ิ รชั กาลเสยี ก่อน เมอ่ื สรา้ งประมวล กฎหมายขน้ึ มาใชแ้ ลว้ บทลงโทษแบบจารตี ดงั้ เดมิ จงึ ถูกยกเลกิ ไปโดยสน้ิ เชงิ ในรชั กาลของ พระองคเ์ อง เพราะมกี ฎหมายใหมเ่ ป็นบทลงโทษ ทเ่ี ป็นหลกั การพจิ ารณาทด่ี แี ละทนั สมยั กว่าเดมิ ดว้ ย
ดา้ นการศกึ ษา • ดา้ นการศกึ ษา พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสนพระทยั ในการศกึ ษา รปู แบบใหมโ่ ดยโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ กี ารตงั้ โรงเรยี นขน้ึ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนไดร้ บั การศกึ ษาทวั่ กนั เพราะการศกึ ษาสมยั นัน้ สว่ นใหญ่ยงั ศกึ ษาอยใู่ นวดั เมอ่ื มกี ารสรา้ งโรงเรยี นและ การศกึ ษาเจรญิ กา้ วหน้าขน้ึ เทา่ กบั เป็นการบ่งบอกถงึ ความเจรญิ ทางดา้ นวฒั นธรรม อยา่ งหน่ึง จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งโรงเรยี นหลวงแหง่ แรกเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๔๔ และ โปรด เกลา้ ฯ ใหม้ กี ารสอบไลส่ ามญั ศกึ ษาขน้ึ อกี ดว้ ย เพอ่ื เป็นการทดสอบความรทู้ ไ่ี ดศ้ กึ ษาเล่า เรยี นมา นอกจากน้ีพระองคย์ งั ทรงโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั สรา้ งโรงเรยี นหลวงขน้ึ อกี หลาย แหง่ กระจดั กระจายไปตามวดั ต่าง ๆ ทงั้ ในสว่ นกลางและสว่ นภมู ภิ าค โรงเรยี นหลวง แหง่ แรกทส่ี รา้ งขน้ึ ในวดั คอื โรงเรยี นวดั มหรรณพาราม โรงเรยี นหลวงทต่ี งั้ ขน้ึ มาน้ี เพอ่ื ใหบ้ ุตรหลานของประชาชนทวั่ ไปไดม้ โี อกาสศกึ ษาหาความรกู้ นั การศกึ ษาขยายตวั เจรญิ ขน้ึ ตามลาดบั ดว้ ยความสนใจของประชาชนทต่ี อ้ งการมคี วามรมู้ ากขน้ึ จงึ โปรด เกลา้ ฯ ใหโ้ อนโรงเรยี นเหลา่ น้ีอยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร มกี าร พมิ พต์ าราพระราชทาน เพอ่ื เป็นตาราในการเรยี นการสอนดว้ ย
1.ทรงมคี วามรใู้ ฝ่ ศึกษา: ดงั จะเห็นว่าสมยั ยงั ทรงพระเยาว์ พยายามเอาแบบอยา่ งที่ ดจี ากผทู้ พี่ ระองคป์ ระทบั ใจ การนาไปปฏิบตั :ิ 1) การใฝ่ หาความรู้ 2) การเอาแบบที่ดอี ยา่ งของบคุ คลท่ีเรา ประทบั ใจ
2.ทรงมคึ วามอ่อนนอ้ มถ่อมตนเป็ นเลิศ: พระองคท์ รงไมถ่ ือตวั เคารพบคุ คลที่อาวโุ ส กว่าพระองค์ การนาไปปฏิบตั :ิ 1) การเคารพผอู้ าวโุ ส 2) มกี ริ ิยามารยาทท่ีอ่อนนอ้ ม ถ่อมตน มี กาลเทศะ
3.ทรงมหี ิริโอตตปั ปะเป็ นเลิศ: พระองค์ ทรงมคี วามละอายตอ่ การกระทาชวั่ ทาผดิ การนาไปปฏิบตั :ิ 1) ละอายตอ่ การกระทาชวั่
4.ทรงมคี วามคดิ ริเร่ิม: พระองคท์ รงนพิ นธ์ หนงั สอื คมู่ อื ศึกษาพระพทุ ธศาสนาอย่าง งา่ ย การนาไปปฏิบตั :ิ 1) เวลาการทางานใดควรมคี วามคิดเป็ น ของตนเอง เร่ิมทาสงิ่ ใหม่ ไมค่ วรไปก็อป งานของผอู้ ื่น
5.ทรงมวี ิสยั ทศั นก์ วา้ งไกล: เนอ่ื งจากทรง เป็ นผใู้ ฝ่ รใู้ ฝ่ ศึกษา พระองคจ์ งึ ทรงมี ความคดิ ทแี่ ยบคาย อยา่ งครบวงจรคอื คิด ถกู วิธี คิดมรี ะเบียบ คดิ เป็ นเหตเุ ป็ นผล และ คดิ กอ่ ใหเ้ กดิ กศุ ล คอื สรา้ งสรรคไ์ ปในทาง ท่ีดี การนาไปปฏิบตั :ิ 1) เวลาจะคิดสิง่ ใดควรคิดใหร้ อบคอบ ไตรต่ รองใหด้ ี
สมาชกิ ในกลุ่ม 1. นางสาววรรณภรณ์ ทพิ วรรณ เลขท่ี 5 2. นางสาวอารีย์ วาจาจริง เลขท่ี 7 3. นางสาวชลธชิ า จันทร์ร่ืนเริง เลขท่ี 10 4. นางสาวญาดา เอมสวัสด์ิ เลขท่ี 11 5. นางสาวธญั ญลักษณ์ งามสมคุณ เลขท่ี 33
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: