ภมู ิปญั ญา ตรงกบั ศพั ท์ภาษาอังกฤษวา่ Wisdom หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะความเชือ่ และศักยภาพในการ แก้ปญั หาของมนษุ ย์ท่สี ืบทอดกนั มาจากอดีตถึงปัจจุบนั อย่างไม่ ขาดสายและเชื่อมโยงกันท้ังระบบทุกสาขา ภูมิปญั ญาไทย (Thai wisdom) หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะและเทคนิคการตัดสินใจผลิตผลงานของ บคุ คล อนั เกิดจากการสะสมองค์-ความรู้ทุกด้านท่ผี ่าน กระบวนการสืบทอดพัฒนาปรับปรงุ และเลือกสรรมาแล้วเปน็ อย่างดีสามารถแกไ้ ขปัญหา และพัฒนาวิถีชีวติ ของคนไทยได้ อย่างเหมาะสมกับยุคสมยั
ภูมิปัญญาท้องถิน่ (Local wisdom) หรือภมู ปิ ญั ญา ชาวบา้ น หมายถึง ทกุ สง่ิ ทกุ อย่างที่ชาวบ้านคิดขึน้ ได้เองและ นามาใชใ้ นการแก้ปญั หา เป็นเทคนิควิธีเป็นองค์ความรู้ของ ชาวบา้ น ท้ังทางกวา้ งและทางลึกท่ชี าวบา้ นคดิ เอง ทาเอง โดย อาศยั ศักยภาพที่มีอยู่แก้ปัญหาการดาเนินชวี ิตในท้องถิ่นได้ อย่างเหมาะสมกบั ยุคสมยั ความเหมือนกนั ของภมู ิปญั ญาไทย และภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ คือ เป็นองค์ความรู้ และเทคนิคที่ นามาใชใ้ นการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ ซึ่งได้สืบทอดและ เชื่อมโยงมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อดตี ถงึ ปัจจบุ นั
ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ หมายรวมถึงทุกสง่ิ ทกุ อย่างที่ ชาวบา้ นคดิ คน้ ขึ้น แล้วนามาปรบั ปรงุ แกไ้ ข พัฒนาแก้ปัญหา เป็นท้ังสติปัญญาและองค์ความรู้ท้ังหมดของชาวบ้าน ดังนั้น จึงมีความครอบคลุมเนื้อหาสาระ และแนวทางดาเนินชีวติ ในวง กวา้ ง ภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ ประกอบไปด้วยองค์ความรู้ในหลาย วิชา ดังที่ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (2541) ได้จาแนกไวร้ วม 10 สาขา คือ 1. สาขาเกษตรกรรม หมายถึง ความสามารถในการ ผสมผสานองคค์ วามรู้ทักษะ และเทคนิคด้านการเกษตรกบั เทคโนโลยี โดยการพัฒนาบนพื้นฐานคณุ คา่ ดั้งเดิม ซึง่ คน สามารถพง่ึ พาตนเองในสภาวการณ์ตา่ งๆ ได้ เชน่ การทา การเกษตรแบบผสมผสาน การแก้ปญั ญา การเกษตรเป็นต้น
2. สาขาอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม (ด้านการผลติ และ การบริโภค) หมายถึง การรู้จกั ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีสมยั ใหม่ ในการแปรรปู ผลผลิต เพือ่ ชะลอการนาเข้าตลาด เพื่อแก้ปญั หา ด้านการบริโภคอย่างปลอดภัย ประหยดั และเปน็ ธรรมอนั เปน็ กระบวนการให้ชุมชนทอ้ งถ่นิ สามารถพ่งึ ตนเองทางเศรษฐกจิ ได้ ตลอดทงั้ การผลิตและการจดั จาหน่ายผลผลิตทางหตั ถกรรม เชน่ การรวมกลุ่มของกลุ่มโรงงานยางพารา กลุ่มโรงสี กลมุ่ หัตถกรรม เปน็ ตน้ 3. สาขาการแพทย์ไทย หมายถึง ความสามารถในการ จัดการป้องกนั และรักษาสขุ ภาพของคนในชุมชน โดยเนน้ ให้ ชมุ ชนสามารถพึ่งพาตนเองทางด้านสุขภาพและอนามยั ได้
4. สาขาการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม หมายถึง ความสามารถเกี่ยวกับการจดั การ ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ทั้งอนุรกั ษ์ การพัฒนา และใช้ประโยชนจ์ ากคุณคา่ ของทรพั ยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยง่ั ยืน 5. สาขากองทุนและธุรกิจชุมชน หมายถึงความสามารถใน ด้านบริหารจัดการค้าการสะสมและบริการกองทนุ และธุรกจิ ใน ชมุ ชน ทง้ั ทีเ่ ป็นเงินตราและโภคทรัพย์เพื่อเสริมชวี ิตความ เปน็ อยู่ของสมาชิกในชุมชน 6. สาขาสวสั ดกิ าร หมายถึง ความสามารถในการจดั สวัสดิการในการประกันคณุ ภาพชวี ิตของคนให้เกดิ ความมั่นคง ทางเศรษฐกจิ สังคม และ วัฒนธรรม
7. สาขาศิลปกรรม หมายถึง ความสามารถในการผลิต ผลงานทางด้านศิลปะสาขาต่างๆ เช่น จิตกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม ทัศนศิลป์ คีตศลิ ป์ เป็นต้น 8. สาขาจัดการ หมายถึง ความสามารถในการบริหารการ จดั การดาเนนิ งานด้านตา่ งๆทั้งขององค์กรชมุ ชน องคก์ รทาง สงั คมอืน่ ๆ ในสงั คมไทย เชน่ การจดั การองค์กรของกลมุ่ แม่บ้านระบบผเู้ ฒา่ ผู้แก่ในชมุ ชน เป็นต้น กรณขี องการจัด การศกึ ษาเรียนรู้ นับได้ว่าเปน็ ภูมิปญั ญาสาขาการจัดการที่มี ความสาคญั เพราะการจดั การศึกษาเรียนรู้ดี หมายถงึ กระบวนการเรียนรู้ พฒั นาและถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาไทย ทีม่ ปี ระสิทธผิ ล 9. สาขาภาษาและวรรณกรรม หมายถึง ความสามารถผลิต ผลงานเกีย่ วกบั ด้านภาษา ทั้ง ภาษาถิ่น ภาษาโบราณ ภาษาไทย และการใช้ภาษา ตลอดทงั้ ด้านวรรณกรรมทกุ ประเภท
10. สาขาศาสนาและประเพณี หมายถึง ความสามารถ ประยุกต์และปรบั ใช้หลักธรรมคาสอนทางศาสนาเชื่อและ ประเพณีดงั้ เดิมท่มี ีคณุ ค่าให้เหมาะสมต่อการประพฤติปฏบิ ตั ใิ ห้ บงั เกดิ ผลดีต่อบุคคลและสิ่งแวดล้อม เช่น การถ่ายทอดหลกั ศาสนา การบวชปา่ การประยุกต์ ประเพณี บุญประทายข้าว เป็นต้น
ประเพณีตกั บาตรทางน้า เป็นประเพณีทีจ่ ัดขึน้ เป็นประจา้ ทุกปี ท่วี ดั ป่าวุฑฒาราม บา้ นใหม่ทานตะวัน และอีกสามชมุ ชนในต้าบล หนองกงุ แกว้ อา้ เภอศรีบญุ เรือง จังหวดั หนองบวั ลา้ ภู และ แห่งน้ถี อื เปน็ อตั ลกั ษณ์ของคนลุ่มภู และถอื ได้วา่ เปน็ หนง่ึ เดียวของภาคอสี าน ทค่ี ณะศิษยานศุ ิษยท์ ี่เคารพและศรทั ธาธรรมแด่หลวงปู่ทองสขุ ฯ พระผ้ปู ฏิบตั ิดีปฏิบัติชอบอกี 49 รปู
ถือไดว้ า่ เปน็ เทศกาลส้าคัญ จะมเี พยี งปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ส้าหรบั กิจกรรมสบื สานวฒั นธรรมทางสายน้า ด้วยการท้าบญุ ตัก บาตรทางนา้ โดยหลวงปทู่ องสุขฯจะนงั่ เรือโขนมังกรสกณุ ี ตามด้วย เรือเทพกนิ รา ออกรับบณิ ฑบาตจากสาธุชนรมิ สระน้าลา้ นห้า ซึ่งเปน็ หนองนา้ ขนาดใหญร่ ะยะทางร่วม 200 เมตร ก่อนที่จะมีพิธีทอดกฐิน ซึ่งเป็น จุลกฐนิ สามัคคี ท่มี ใี นจังหวัดหนองบัวลา้ ภู หนึง่ เดียว เชน่ กัน นางศรัณยา สวุ รรณพหรม ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวดั หนองบัวล้าภู กล่าววา่ ประเพณีการตกั บาตรทางนา้ ซึ่งเป็นอตั ลกั ษณ์ หนึ่งของจงั หวัดหนองบัวลา้ ภู ท่มี ุง่ ส่ง เสริมแหลง่ ทอ่ งเทีย่ วเชิง วฒั นธรรมและสิง่ ดีๆ ทางวัฒนธรรมของจังหวดั หนองบัวลา้ ภู
จลุ กฐิน \"กฐินแลน่ จลุ กฐิน บ่เคยเห็นจกั เทื่อ\" หลวงป่ทู องสุข ฐิตปญุ โญ วัดป่าวุฑฒาราม จั งหวัด หนองบวั ล้าภปู รารภขึ้นมาลอยๆ จงึ เปน็ ที่มาของปฐมจลุ กฐิน ปี 2560 ณ วัดปา่ วุฑฒาราม เปน็ ปีแรกที่หลวงปจู่ ดั กฐินในรปู แบบของจลุ กฐิน เพือ่ อนุรักษส์ บื สานประเพณี การทอดกฐินแบบนี้ไว้ จุลกฐิน คือ ค้า เรียกการทอดกฐินทีต่ ้องทา้ ด้วยความ รีบด่วน โดยต้องอ าศัยความสามั คคีของผศู้ รัทธาจ้านวน มาก เพื่อผลิตผ้ าไตรจีวรใหส้ า้ เร็ จด้วยมือภายในวนั เดยี ว กลา่ วคือ ตอ้ งเริม่ ต้ังแต่เกบ็ ฝ้าย ตัดเยบ็ ย้อม และถวายให้ พระสงฆ์กรานกฐินใหเ้ สร็จภายในเวลาเช้าวันหนึง่ จนถึงยา่้ ร่งุ ของอีกวนั หนึ่ง
ดังนนั้ โบราณจึงนับถือกนั วา่ การทา้ จลุ กฐินมี อานิสงสม์ าก เพราะตอ้ งใช้ความอตุ สาหพยา ยามมากกว่า กฐินแบบธรรมดา (มหากฐิน) ภายในระยะเวลาอันจ้ากัด โดยจุลกฐินนี้ปั จจบุ ันมักจัด เปน็ งานใหญ่ มีผู้ เขา้ ร่วมเป็น จา้ นวนมาก ประเพณกี ารทอดจลุ กฐินนี้เป็นประเพณที ี่พบ เฉพาะในประทศไท ยและลาว ไม่ ปรากฏ ประเพณกี าร ทอดกฐินชนิดนี้ในประเทศอื่นทีน่ บั ถือพทุ ธศาสนา ส้าหรับ ประเทศไทยมหี ลกั ฐานวา่ มกี ารทอดจลุ กฐินมาแล้วต้งั แต่ สมัยอยธุ ยา ดังปรากฏในหนงั สอื คา้ ใหก้ ารชาวกรุง เก่า หน้า 268 วา่ \"ถึงวนั ขึน้ ๑๕ คา้่ เดอื น ๑๒ โปรดให้ทา้ จุลกฐิน\" ปัจจบุ นั ประ เพณกี ารท้าจลุ กฐินนิยมทา้ กัน เฉพาะ ชุมชนทางภาคเหนือและอีสาน โดยอีสานจะเรียกกฐินชนิด นี้ว่า \"กฐินแล่น\"
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: