หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ E-bookเรือ่ ง ขนมประจาชาติ
คานา หนงั สอื อิเลก็ ทรอนิกสเ์ ล่มนีจ้ าทาขึน้ เพือ่ เผยเเพร่ความรูเ้ กยี่ วกบั ขนมประจาชาติ เพอ่ื ให้ผ้คู นไดร้ บั รถู้ งึ ขนมประจาชาติของเเต่ละประเทศเเละรับรู้ได้ถึงวิธีทาอย่างถกู ตอ้ ง ผจู้ ัดทาได้ทาประมวลเนอ้ื หาจากเเหล่งความรู้ตา่ งๆเเละนามาประกอบกับความรู้เพอื่ หวังจะเกิดประโยชน์สงู สดุ เเก่ผู้อ่านทง้ั นผี้ ู้จัดยินดรี บั ฟังขอ้ เสนอเพอ่ื นาไปปรับปรงุ เนอ้ื หาให้ครบถ้วนเเละสมบรู ์ยิ่งข้นึ ตอ่ ไป ณฎั ฐณิชา ศรีทอง ก
สารบญั หน้าเรอื่ ง ก ขคานา 1สารบัญ 5Macaron (มาการอง) 7turkish delight (เตอร์ 9กสี ดไี ลท)์ 12stroop waffle (สโตรปวาฟเฟิ ล) ขpanna cotta (พานาคอตตา้ )Moji (โมจ)ิ
Macaron (มาการอง) มาการอง (ฝรงั่ เศส: macaron, ออกเสียง: [makaˈʁɔ]̃ ) เป็นขนมหวานที่ ได้จากการผสมเมอแร็งกก์ บั ไข่ขาว, นา้ ตาลไอซิง่ , น้าตาลทรายขาว, ผงแอลมอนด์ หรอื แอลมอนดป์ ่น และสผี สมอาหาร มาการองรปู รา่ งเหมอื นแซนด์วิช เป็นขนม ปังสองชิ้นประกบกัน มีสอดไส้ตรงกลาง สว่ นไสม้ ักจะเป็นกานัช, บตั เตอร์ครีม (ครีมเนยทีใ่ ชแ้ ตง่ หน้าเคก้ ) หรอื แยม คาวา่ มาการอง แผลงมาจากคาในภาษา อิตาลีว่า macarone, maccarone หรือ maccherone, เมอแร็งกแ์ บบอิตาลี มาการอง มีลักษณะคลา้ ยคกุ กี้ ลกั ษณะเดน่ ของมาการงคือ ผิวดา้ นบนของขนมจะเรยี บ ขอบรอบ ๆ เป็นรอยหยกั (มักจะเรยี กวา่ \"ขา\" หรอื \"เทา้ \") และมฐี านเรยี บแบน ขนมจะนุ่มชุ่มเล็กนอ้ ยและละลายง่ายในปาก มาการองมีหลากหลายรสชาติตงั้ แตร่ สด้งั เดิม (ราสปเ์ บอรร์ ี, ช็อกโกแลต) ไปจนถึงรสใหม่ ๆ (ฟวั กรา, ชาเขยี ว) คนส่วนใหญม่ กั จะสบั สนระหว่างมาการองกับแมคารนู (macaroon)จึงมีการใชช้ ่ือภาษาฝรัง่ เศสมาแทนภาษาอังกฤษเพ่อื ใหด้ ตู ่างกนั แตก่ ย็ ิ่งทาใหส้ ะกดชื่อกนั ผิดมากข้ึน บางตาราอาหารแยกช่อื แมคารนู ไว้ใช้กบั มาการองทไี่ มใ่ ชแ่ บบของฝรงั่ เศสด้งั เดิม แตห่ ลาย ๆ คนมคี วามเหน็ วา่ ขนมท้ังสองอยา่ งนีม้ คี วามหมายเหมอื นกนั ซึ่งความจริงแลว้ คาวา่ แมคารูน เปน็ คาภาษาอังกฤษทแี่ ปลมาจากคาว่า มาการง ในภาษาฝรั่งเศส เพราะฉะนั้นชือ่ ท้ังสองช่ือนีม้ คี วามหมายเรยี กขนมแบบเดียวกันทัง้ น้ีการใช้แต่ละชอ่ื กอ็ าจขน้ึ อยู่กับการตีความของแต่ละบคุ คล เคยมศี าสตราจารย์ภาควิชาวฒั นธรรมอาหารทสี่ แตนฟอรด์ , แดน จูราฟสก้ี ชแ้ี จงวา่ 'มาการอง' (รวมถึง\"มาการองปารสี \", หรอื \"มาการองแฌร์แบ\") คอื ช่อื เรียกทถี่ กู ตอ้ ง 1
ประวัติของขนมมาการอง ถึงส่วนใหญจ่ ะพูดกนั ว่า มาการองเปน็ ขนมสัญชาติฝร่ังเศส ก็ยังมีขอ้ ถกเถยี งกนั มากมาย สารานุกรมอาหารการกินช่ือลารุสกัสทรอนอมิก (Larousse Gastronomique) ระบุวา่ มาการงนั้นมีมาตง้ั แต่ปี ค.ศ.791 ในคอนแวนตแ์ หง่ หนง่ึ ใกลก้ ับเมอื งกอรเ์ มอรี จังหวัดแอ็งเดรลัวร์ บา้ งก็สืบคน้ ประวตั ิศาสตร์ชาติฝร่ังเศสย้อนกลบั ไปเม่ือปี ค.ศ. 1533 สมยั ทกี่ าเตรีนาเด เมดีชี อภิเษกสมรสกบั พระเจา้ ออ็ งรที ่ี 2 แห่งฝรงั่ เศส นางได้นาเชฟทาขนมชาวอิตาลกี ลบั มาดว้ ย ในปี ค.ศ. 1792 ช่วงการปฏิวัติชาติฝรง่ั เศส มแี ม่ชีนิกายคาทอลิกสองท่านซง่ึ หลบภยั ไปอย่ทู เี่ มอื งนอ็ งซี ไดอ้ บขนมคกุ กมี้ าการงขายเพื่อจะนาเงินมาจ่ายค่าบา้ น ทาให้มาการงเปน็ ทร่ี ้จู ักโดยทวั่ มีคนต้งั ชื่อให้ท่านทั้งสองวา่\"ซิสเตอร์มาการอง\" ซง่ึ ในชว่ งแรกน้นั มาการองจะเปน็ ขนมเปล่า ๆ ไม่มรี สหรือไสอ้ ะไรท่พี ิเศษ[ จนกระทง่ั ในคริสตท์ ศวรรษ 1830 เริ่มมกี ารเสิร์ฟมาการงเป็นคู่ ๆ พรอ้ มกบั แยม เหล้า และเคร่ืองเทศตา่ ง ๆ แตม่ าการองในทุกวันน้ีประกอบไปด้วยเมอแร็งก์แอลมอนด์สองชิ้นประกบกันสอดไส้ตรงกลาง ไส้ทีว่ า่ น้ีอาจจะเป็นครีมเนยท่ใี ชแ้ ตง่ หน้าเค้ก (บัตเตอร์ครีม) แยม หรือกานชั ซงึ่ แต่เดิมเรียกวา่ \"แฌร์แบ\" หรือ \"มาการงปารสี \" มีการกล่าวอา้ งวา่ เมอื่ ต้นยุคศตวรรษที่20 เชฟปีแยร์ เดฟงแตนแหง่ รา้ นขนมฝรั่งเศสลาดูวเ์ ร (Ladure้ ) เป็นผคู้ ิดค้นสูตรนข้ี นึ้ มา แตน่ ักทาขนมอีกคนหนึ่งคือ โกลด แฌรแ์ บ กอ็ ้างว่าสตู รนีเ้ ปน็ผลงานของเขาเช่นกนั 2
สว่ นผสมของตวั ขนม1 อัลมอนด์ป่นผง 138 กรัม2 นา้ cตาลทรายปน่ ละเอยี ด 76 กรัม3 ไขข่ าว 115 กรัม ทีแ่ ยกทิ้งไว้สักสามวนั แลว้4 น้าตาลไอซิง่ 207 กรัม5 วานิลา 1 ช้อนชา6 ผงโกโก้ 25 กรัม วิธที าตวั ขนม1 นาอลั มอนดผ์ ง น้าตาลไอซิง่ ผงโกโก้ ปั่นรวมกนั ใหล้ ะเอยี ดอีกครงั้ ถา้ เคร่ืองบดดีๆใชเ้ วลาไมถ่ ึง 10 วินาที อย่าบดนานเพราะอัลมอนต์ จะกอ่ ใหเ้ กิดมีนา้ มันออกมา นามาร่อนอีกครง้ั ดว้ ยกระชอน ไม่ให้มเี ศษชิน้ ใหญห่ ลงเหลอื อยู่2 ตีไข่ขาวพอเป็นฟองหยาบๆด้วยความเร็วปานกลาง จากนนั้ ทยอยใส่น้าตาลทรายปน่ ละเอียดจน หมด ตจี นไดเ้ นอื้ ครีมตง้ั ยอดเกอื บแข็งและเปน็ เงา3 เอาส่วนของแหง้ จากข้อ 1 เทใส่ลงในเนื้อครมี ไข่ขาว ตะลอ่ มเร็วๆ พอเข้ากัน เมอ่ื ส่วนผสมเขา้ กัน ดีแล้ว คราวนใ้ี หก้ ลับเน้อื ขนมจากข้างล่างขน้ึ ข้างบนโดยใช้ทป่ี าดเคก้ คนเปน็ วงกลมชอ้ นจากก้น ขนึ้ มาดา้ นบน วนตามเขม็ นาฬิกาอย่างเบาๆ4 เทครมี ในข้อ 3 ใสถ่ ุงบีบ ใช้หัวบบี เบอร์ 12 บีบออกมาเปน็ ชิ้นกลมๆ เวลาบีบอย่าให้ปลาย ท่บี ีบหา่ งจากแผน่ รองอบมากนกั ( นบั 1 2 3 ในใจแลว้ ยกขน้ึ จะได้ชิน้ บบี ทเ่ี ทา่ ๆกัน ) บีบเปน็ ชิ้นกลมๆ ใหห้ า่ งๆกันพอควร จนเต็มแผ่นรองอบ จบั แผ่นรองเคาะเบาสกั สองสามคร้ังเพ่ือ ไลฟ่ องอากาศ5 พักใหผ้ ิวขนมแหง้ ประมาณ 30 นาที ลองเช็คดโู ดยแตะแลว้ ไม่เหนยี วติดมือ6 นาเข้าเตาอบ ( ไฟ บน- ล่าง มพี ัดลม ) ความร้อน 150 องศาเซลเซยี ส นาน 10 -13 นาที แล้วแตข่ นาดเตาอบ กรณที ีท่ าขนมสอี ่อน เมอ่ื อบไปได้ 7 นาที ใหเ้ อาถาดอบอกี ใบบังความรอ้ น ดา้ นบน จากนนั้ จึงอบตอ่ อีก 3 นาที แลว้ ให้เปิดเตาอบ 1 คร้งั เพอื่ ไลค่ วามชื้นออกหรอื จะใชว้ ิธีเอา ไม้พายขดั เพื่อแงม้ ประตูเตาอบไว้กไ็ ด้7 เม่อื อบเสร็จแลว้ นาออกมาวางบนตะแกรง รอซักพักคอ่ ยแกะออกจากแผ่นรองอบ ถ้าตวั เปลอื กสุก จะแกะออกได้งา่ ย วางรอใส่ไส้ตรงกลาง 3
สว่ นผสมของไส้1 นมจดื 4 ออนซ์2 ผงชอ็ คโกแลต 5 ออนซ์3 เนยสด 2 ผ ออนซ์4 น้าเชอื่ ม Corn Syrup 1 ช้อนโตะ๊ วิธีทาไสร้ ส Chocolate Ganache1 ตม้ นมในหมอ้ เคลือบพอเดือด ใส่ผงช็อคโกแลตลง ไปคอ่ ยๆคนใหล้ ะลาย เติมน้า Corn Syrup แล้ว ตามด้วยเนย จากนนั้ คนให้ละลายเข้ากนั ดี นาไปแช่ ให้เยน็ ประมาณ ฝ ชัว่ โมง ก่อนนามาใช้งาน2 ตักไส้ครมี นีใ้ สถ่ งุ บบี ใชห้ วั บบี ขนาดพอเหมาะ บีบใส่ ตรงกลางขนมแลว้ ประกบทง้ั สองชิน้ เข้าดว้ ยกันอยา่ ง เบาๆมือ ใหท้ ัง้ สองชิ้นติดกนั ปริมาณไสม้ ากน้อย แล้วแตช่ อบ 4
turkish delight (เตอร์กสี ดไี ลท์)• Turkish Delight มกี ารผสมผสานถวั่ ชนิดตา่ งๆ ลงไปเพอื่ เพิ่มรสชาติในขณะทตี่ วั แปง้ ก็มีการใส่สวนผสมอื่นๆอย่าง ส้ม,มะนาว,น้ากหุ ลาบ,มิ้นต์ และซินนามอนลงไป ซึ่งสองอย่างหลงั เปน็ รสชาตทิ ่ีชาวตรุ กีนิยมรบั ประทานกันมากทส่ี ุด และรสชาติทีโ่ ดดเด่นของ Turkish Delight คือรสหวานจัดท่สี ามารถนามาเป็นขนมเคยี งกบั กาแฟขมๆ และชาเข้มๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี• ส่วนผสมตวั แป้งของ Turkish Delight นัน้ จะมกี ารเตรยี มแปง้ ให้มคี วามนุ่มและเหนยี ว รวมถึงใสส่ ่วนผสมตา่ งๆลงไปเพื่อใหม้ ีรสชาติท่ีอรอ่ ยและแปลกใหม่ ไมว่ า่ จะเปน็ น้ากหุ ลาบ,เฮเซลนัท,วอลนัท,พิสทาชิโอ,น้าทับทมิ ,มิน้ ต,์ หญา้ ฝรน่ั และอน่ื ๆอีกมากมาย หรืออาจจะพดู ไดอ้ ย่างหนง่ึ วา่รสชาติของ Turkish Delight ขึ้นอยกู่ ับชนิดของส่วนผสมท่ีเพิ่มเตมิ เขา้ ไปในตวั แป้งน่ันเอง เมอื่ ทาแป้งเปน็ รปู สี่เหลีย่ มจตั รุ สั แลว้ ก็จะคลุกด้วยน้าตาลไอซิง่,ครีม หรอื มะพร้าวฝอย 5
ประวัติ• Turkish Delight มที ม่ี าอยา่ งยาวนาน ตง้ั แต่ ค.ศ. 1777 โดย Haci Bekir ท่ี ทาหน้าทเี่ ป็ นพนกั งานทาขนมในราช สานกั ออตโตมนั ของตุรกี โดย สันนษิ ฐานวา่ อาจจะมาจากการดดั แปลง มาจากการทาขนมโบราณชนิดหน่ึงที่ นยิ มรบั ประทานกนั ทว่ั ไปในแถบ ตะวนั ออกกลางมาตง้ั แตศ่ ตวรรษท่ี 14• นบั จาก ทาออกมาเป็ นครง้ั แรก ขนมชนิดนี้ก็ ไดร้ บั ความนยิ มกนั อยา่ งแพรห่ ลายใน ราชสานกั ของตุรกี ซง่ึ ในตอนแรกมชี อื่ เรยี กในภาษาอารบกิ วา่ rahat ul – hulkum จนกระทง่ั มนี กั เดนิ ทางชาว องั กฤษทเ่ี ดนิ ทางมายงั ตุรกใี นขณะน้นั ไดล้ องลม้ิ ชมิ รสขนมชนดิ นี้เป็ นครง้ั แรก และเกดิ ความชน่ื ชอบอยา่ งมากจนตง้ั ชอื่ 6
stroop waffle(สโตรป วาฟเฟลิ )สโตรปวาเฟิ ล (ดตั ช:์stroopwafel, แปลตรงตวั วา่ ขนมรงั ผงึ้ น้าเชอื่ ม) เป็ นขนมชนิดหน่ึงของเนเธอรแ์ ลนด์ ทาจากแผน่ แป้ งกลมบางประกบกนั ตรงกลางสอดไส้ น้าเชอ่ื มข้นหนืดเหมอื นน้าตาลเคย่ี ว ขนมชนดิ นี้เป็ นทน่ี ิยมในเนเธอรแ์ ลนด์ ไดร้ บั การคดิ ค้นขนึ้ครง้ั แรกทเ่ี มอื งเคาดา ตง้ั แตป่ ี2016 ยไู นเต็ดแอรไ์ ลน์ ไดเ้ สรฟิ สโตรปวาเฟิลเป็ นของวา่ งอาหารเช้าฟรสี าหรบั เทย่ี วบนิ ในประเทศ 7
ประวัติ• สโตรปวาฟเฟลิ ถูกคิดค้นขึน้ ครั้งแรกท่ีเมอื ง เคาดาในสมัยปลายตวรรษที่ 18 หรอื ตน้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี 19 คนอบขนมปงั ใชข้ อง เหลอื จากการทาเบเกอร่เี ช่นเศษขนมปัง ทา ให้หวานดว้ ยน้าเชอ่ื ม บา้ งกว็ า่ เคราร์ด กัมป์ เฮยเซินเปน็ ผคู้ ิดค้นในระหวา่ ง ค.ศ. 1810 ปี ทเี่ ขาเปิดรา้ นถึง ค.ศ. 1840 นบั ว่าเป็นสูตรที่ เก่าแก่ท่ีสดุ ของขนมรงั ผึง้ น้าเชอื่ ม มีประมาณ 100 คนท่ขี ายขนมรงั ผ้ึงน้าเชื่อมในศตวรรษที่ 19 ท่ีเมอื งเมอื งเคาดา และในศตวรรษที่ 20 เริ่มมโี รงงานผลตเกิดขึ้น ในปี1960 มี ท้งั หมด 17 โรงงานเฉพาะในเกาดาและ 4 แหง่ ยังดาเนินการอยู่จนถึงทุกวันนี้ 8
panna cotta(พานาคอตตา้ ) นาคอตต้า(อิตาล:ี panna cotta) เปน็ ของหวานอิตาลีชนิด หนึ่ง ทาจากครมี ผสมน้าตาล ทาใหข้ ้นดว้ ยเจลาติน แลว้ นาไปหลอ่ แม่พิมพ์ อาจแต่งกลิ่นและรสสว่ นผสมครมี ดว้ ยรัม, กาแฟ, วานิลลา หรือสารแตง่ กลิน่ รสอ่นื ๆ ก็ได้ ขนมชนิด นี้มหี น้าตาเหมือนแครมการาแมล (พุดดิงนา้ ตาลเค่ียว) แตม่ ี รสชาติคอ่ นไปทางนมมากกวา่ และมีเน้ือสัมผสั คลา้ ยวุ้น มากกวา่ คล้ายแครมการาแมล 9
ประวตั ิ – ชือ่ ขนม \"พานาคอตตา้ \" ไมไ่ ดร้ บั การกล่าวถึงในตาราอาหารอิตาลี กอ่ นคริสต์ทศวรรษ 1960 แต่มักได้รับการอา้ งว่าเป็นของหวาน ดัง้ เดิมจากแควน้ พดี มอนต์ ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เรื่อง เล่าเร่อื งหน่ึง (ซึ่งไมม่ ีการบันทกึ เปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร) กล่าวว่า ขนมชนิดน้ีไดร้ บั การคิดค้นโดยหญิงชาวฮังการีคนหน่งึ ในแถบลนั เก ทางภาคตะวันตกของแคว้นในตน้ คริสตท์ ศวรรษ 1990 พจนานกุ รมฉบบั หน่ึงทต่ี พี ิมพใ์ นปี ค.ศ. 1879 กลา่ วถึงอาหารชนิด หนง่ึ ซ่ึงมีชื่อว่า \"ลตั เตอินเกลเซ\" (latte inglese แปลวา่ 'นม องั กฤษ') ทาจากครมี ปรงุ กับเจลาตินแล้วเทใส่แมพ่ ิมพ์ แต่ แหลง่ ข้อมูลอนื่ กล่าวว่า \"ลตั เตอินเกลเซ\" ทาจากไขแ่ ดง ช่ืออาหาร ดงั กล่าวจงึ อาจครอบคลุมถงึ ของหวานชนิดใดก็ได้ทมี่ ลี ักษณะคลา้ ย คสั ตาร์ด• แควน้ พีดมอนตไ์ ด้บรรจุพานาคอตต้าลงในรายชอ่ื ผลิตภัณฑ์อาหารดั้งเดิมของแควน้ ในปี ค.ศ. 2001 โดยมีสว่ นผสมได้แก่ ครมี , นม, นา้ ตาล, วานิลลา, เจลาติน, รัม และไวน์มาร์ซาลา เทใส่ แมพ่ ิมพท์ ่ีมีน้าตาลเคยี่ วรองก้น[9] ผู้แต่งตาราบางคนถือว่า การแตง่ กลิ่น รสตามสตู รด้ังเดิมต้องใสบ่ ร่ันดีลูกท้อ และการจดั เสิร์ฟแบบด้ังเดิมจะตอ้ ง ไมม่ ีซอสหรือเครือ่ งตกแตง่ อน่ื ๆ• พานาคอตตา้ เริม่ เป็นทนี่ ิยมในสหรัฐอเมริกาในคริสต์ทศวรรษ 1990 10
วิธที าจากการเทน้าตาลลงไปผสมกบั ครมี แลว้ นาไปตง้ั ไฟออ่ นๆ ระหวา่ งนี้อาจแตง่ กลน่ิ รสโดยจมุ่ แช่เครอื่ งเทศหรอืเตมิ รมั , กาแฟ, วานลิ ลา หรอืผลไมป้ ่นั เขม้ ขน้ ลงไป ส่วนเจลาตนิ จะนาไปแช่น้าเย็นจนออ่ นนุ่ม จากน้นั เตมิ น้าละลายเจลาตนิ ลงไปในส่วนผสมครมีเทส่วนผสมใส่แมพ่ มิ พแ์ ลว้ รอให้คงตวั ทง้ั นี้ อาจเทน้าตาลเคย่ี วรองกน้ แมพ่ มิ พ์เพอื่ ให้ไดข้ นมทมี่ ลี กั ษณะคลา้ ยกบั แครมการาแมลก็ได้แมว้ า่ ชอื่ ขนมชนิดนี้จะแปลวา่\"ครมี ทปี่ รงุ จนสุก\" แตใ่ นความเป็ นจรงิ เราจะนาส่วนผสมไปตง้ั ไฟให้รอ้ นพอทจ่ี ะละลายเจลาตนิ และน้าตาลเทา่ น้นัไมไ่ ดต้ ม้ ให้เดอื ด 11
Moji (โมจิ)• โมจิ (ญ่ีปุ่น: 餅 mochi) เป็นอาหารชนิด หนึง่ ของญ่ปี นุ่ ท่ีทาจากข้าวเหนียว ตดั เปน็ ก้อน สามารถนามาไปประยุกต์ทาขนมได้ หลายชนิด เช่น ไดฟู ดงั โงะ เป็นตน้ 12
ประวัติ• เดิมชาวญีป่ ุ่นเชอื่ กนั ว่าโมจิเป็นขนมมงคลจะใช้ในการ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและประเพณีสาคญั ๆของญปี่ นุ่ เท่านัน้ จนถงึ ชว่ งปลายศตวรรษท่ี 18 “โมจิ”เริม่ เปน็ ทนี่ ิยม ของชาวญ่ีปนุ่ มากข้นึ เนอื่ งจากสามารถทารับประทานเองที่ บา้ นได้ เพราะวตั ถุดิบหาไดง้ า่ ยและวิธที ากไ็ มย่ ากอีกทงั้ ยังให้ พลงั งานสงู เนือ่ งจากประเทศญป่ี ุน่ เปน็ ประเทศทีม่ ีอากาศ ค่อนข้างหนาวเยน็ จงึ ทาใหค้ นญปี่ ุ่นนิยมรบั ประทาน”โมจิ” เพอื่ ให้พลังงานแก่รา่ งกายและนอกจากน้ียังสามารถนาไป ประยุกต์ทาเป็นขนมได้หลายรปู แบบเพ่ือใหถ้ กู ปากมากขึ้น โดยจะมีการนาไปรับประทานคกู่ บั ถ่ัวแดงบดแบบ หวาน สอดไส้ผลไม้ ชาเขียว งาดา ชอคโกแลตหรอื รสชาติต่างๆมากมายโดยจะมีชื่อเรียกอกี อย่างวา่ ”ไดฟกุ ”ุ ชงึ่ มี ความหมายวา่ ”โชคดี” และเป็นทน่ี ิยมอย่างแพรห่ ลายทง้ั ใน และต่างประเทศจนขนมชนิดนีเ้ ป็นขนมช่ือดังอันดับตน้ ๆของ ประเทศญปี่ ุน่ เลยก็ว่าได้• เรยี กไดว้ ่า”ไดฟกุ ”ุ หรอื ”โมจิ”เป็นอาหารวา่ งหรอื ขนมยอด นิยมและมปี ระโยชน์ตอ่ ร่างกายมากมาย อีกท้งั ยงั เป็นของ มงคลตามความเชอ่ื ของชาวญ่ปี ุ่น หากใครอยากลิม้ ลองรสชาติ อนั แสนอรอ่ ยของ”โมจิ”น้ัน ก็สามารถหาซอื้ ได้ตาม หา้ งสรรพสินค้าและร้านอาหารญีป่ นุ่ ท่ัวไปไดโ้ ดยไมต่ ้องไป หาซื้อไกลถงึ ประเทศญ่ปี ่นุ 13
วิธีทำ• ทาโมจินนั้ เริ่มจากการนาขา้ วเหนยี วไปน่ึงให้ สุกและนามาตาใหเ้ หนยี วกันดีกจ็ ะไดโ้ มจิสด• ในปจั จุบัน โมจิมีการนามาประยุกต์หลายรปู เเบ บมาก เช่นแป้งโมจินาไปย่างหรอื ทาใหส้ กุ กอ่ นราด ดว้ ยนา้ เชื่อม หรอื ทาขนมอ่นื ๆ เชน่ ถั่วแดงกวน มี ชื่อเรยี กต่างๆ เช่น• „ ไดฟกู ุ (Daifuku) เปน็ โมจิเหนยี วนามา ปัน้ และใส่ไส้ขนมหวานได้ทั้งครีม ถ่วั แดงกวนและ ใสอ่ ่ืน ๆ• „ ดังโกะ (Danko) แปง้ โมจิก้อนกลม นาไปย่างบนเตา ราดซอสโชยแุ บบเหนยี วหวาน• ขนมญี่ปุ่นเกือบทุกประเภทมีการใชโ้ มจิเป็น สว่ นผสมหลัก 14
Thank you for read
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: