คำนำ รปู แบบการบริหารโรงเรยี นเป็นกลยุทธ์สาคัญทีผ่ บู้ ริหารโรงเรียนจะต้องเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสมกบั บรบิ ทของโรงเรยี นแต่ละแหง่ เนอ่ื งจากไมม่ ีการบรหิ ารรูปแบบใดท่เี ปน็ วิธีที่ดีที่สุดสาหรบั การบริหาร โรงเรียน ดังนัน้ จงึ ได้ศกึ ษารูปแบบการบรหิ ารโรงเรียนที่ประสบผลสาเรจ็ ในการพฒั นาโรงเรยี นสกู่ าร เปน็ โรงเรยี นท่มี ีคุณภาพและนามาประยุกต์ใช้ในการบรหิ ารโรงเรยี นบา้ นบอ่ ดนิ โดยการพฒั นาคุณภาพ สถานศกึ ษา โรงเรยี นบา้ นบ่อดินน้นั ได้ยดึ หลักการบริหารแบบการมีส่วนร่วมของ ภาคีเครือข่ายทม่ี สี ว่ น เกีย่ วขอ้ ง ยึดหลกั ธรรมาภิบาล เน้นการพัฒนาคณุ ภาพสถานศกึ ษาแบบมุ่งผลสมั ฤทธ์ิ พฒั นาคณุ ภาพของ ครแู ละบุคลากรสคู่ วามเปน็ มอื อาชีพ ส่งเสรมิ ให้มที ศั นคติในการทางานแบบมงุ่ ผลสมั ฤทธ์แิ ละ ความสาเร็จของผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั คิดค้นพฒั นานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา ซึ่งรูปแบบการ บรหิ ารโรงเรียนดงั กลา่ วน้ีเรียกว่า 4T Development Model ซึ่งถอื เปน็ นวตั กรรมในการบริหาร และ การจดั การศกึ ษางาน ทงั้ 4 ฝา่ ยของโรงเรยี นบา้ นบ่อดนิ ไดแ้ ก่ งานบริหารวิชาการ งานบรหิ ารบคุ คล งานบรหิ ารการเงนิ งบประมาณ และงานบรหิ ารทว่ั ไป และใช้เป็นเคร่ืองมือในการดาเนนิ งานตามแผนงาน โครงการและกิจกรรมท่รี ะบุไวใ้ นแผนปฏิบัติการประจาปขี องโรงเรียน อีกด้วย
คำนำ รูปแบบการบริหารโรงเรียนเป็นกลยุทธส์ าคญั ทผี่ ูบ้ ริหารโรงเรยี นจะต้องเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั บริบทของโรงเรยี นแต่ละแห่ง เน่ืองจากไมม่ ีการบริหารรปู แบบใดทีเ่ ป็นวธิ ีทีด่ ีท่สี ดุ สาหรบั การบริหาร โรงเรยี น ดังนน้ั ข้าพเจา้ จึงได้ศึกษารูปแบบการบรหิ ารโรงเรยี นที่ประสบผลสาเรจ็ ในการพฒั นาโรงเรียนสู่ การ เปน็ โรงเรยี นที่มคี ุณภาพและนามาประยกุ ตใ์ ช้ในการบรหิ ารโรงเรยี นบ้านบอ่ ดิน โดยการพฒั นา คุณภาพสถานศึกษา โรงเรยี นบา้ นบ่อดินนั้นไดย้ ดึ หลักการบริหารแบบการมีสว่ นรว่ มของ ภาคเี ครือข่ายท่ี มีส่วนเก่ยี วขอ้ ง ยดึ หลกั ธรรมภบิ าล เน้นการพัฒนาคณุ ภาพสถานศึกษาแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ พัฒนา คุณภาพของครูและบคุ ลากรสคู่ วามเปน็ มืออาชีพ ส่งเสรมิ ใหม้ ที ัศนคตใิ นการทางานแบบมุ่งผลสมั ฤทธิ์ และความสาเรจ็ ของผู้เรยี นเป็นสาคญั คดิ คน้ พฒั นานวตั กรรมและเทคโนโลยที างการศกึ ษา ซึ่งรปู แบบ การบริหารโรงเรยี นดงั กล่าวน้ีเรียกว่า 4T Development Model ซึ่งถือเปน็ นวตั กรรมในการบริหาร และการจัดการศกึ ษางาน ทงั้ 4 ฝา่ ยของโรงเรียนบา้ นบ่อดิน ได้แก่ งานบรหิ ารวิชาการ งานบริหาร บุคคล งานบรหิ ารการเงนิ งบประมาณ และงานบรหิ ารทวั่ ไป และใช้เปน็ เครื่องมอื ในการดาเนนิ งานตาม แผนงาน โครงการและกิจกรรมทร่ี ะบไุ วใ้ นแผนปฏบิ ัติการประจาปขี องโรงเรียน อกี ดว้ ย
สำรบญั หน้ำ เรื่อง 1 คำนำ 1 สำรบญั 3 นวัตกรรมผบู้ รหิ ำรโรงเรียนบ้ำนบ่อดิน 4 5 - ความหมายของการบริหาร 5 ภำพรวมนวตั กรรมด้ำนกำรบรหิ ำรโรงเรียนบ้ำนบ่อดนิ 7 ผังควำมคิด 4T Development Model 9 กำรนำนวตั กรรมกำรบริหำร 4T Development Model ส่กู ำรปฏิบตั ิ 10 11 - T1 (Team Work) 13 ภาพประกอบการบรหิ ารแบบ T1 (Team Work) 15 15 - T2 (Teacher) 16 ภาพประกอบการบริหารแบบ T2 (Teacher) - T3 (Technology) ภาพประกอบการบรหิ ารแบบ T3 (Technology) - T4 (Trying) ภาพประกอบการบรหิ ารแบบ T4 (Trying) สรปุ ผลกำรดำเนนิ กำรใช้รปู แบบกำรบรหิ ำร Development Model ภำคผนวก คณะผจู้ ดั ทำ
นวตั กรรมผูบ้ ริหำรโรงเรยี นบ้ำนบอ่ ดนิ ในปจั จุบันนี้องคก์ ารหรือหน่วยงานตา่ ง ๆ ตอ้ งพ่งึ การบรหิ ารอยู่มากมายในบรรดากจิ กรรมของ มนุษย์ ไมม่ ีสิง่ ใดสาคัญไปกวา่ การบริหาร เพราะงานด้านการบรหิ าร จะเป็นงานท่ีสาคญั ตอ่ การ อานวยการ ใหม้ นุษยท์ างานได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และประสิทธผิ ลมากกว่าแต่กอ่ น เราจะพบว่า องคก์ ารเกิดขึ้น และมีอยใู่ นสังคมมนุษยท์ ุกหนทุกแห่ง เพือ่ เปน็ เครอื่ งมอื สาหรบั การดาเนนิ กิจกรรม ตา่ งๆ ตลอดจนความพยายามของกลุ่มคน ทมี่ ีความรู้ความสามารถ ความชานาญ รวมทัง้ ประสบการณ์ใน วชิ าชพี นนั้ ๆ แล้วรวมตวั กนั ขนึ้ เพ่อื ให้บรรลุ วัตถุประสงคข์ อง องค์การหรอื หน่วยงาน ซ่ึงบุคคลคนเดยี ว ไม่สามารถทาได้สาเรจ็ ไดโ้ ดยลาพงั และองคก์ ารจะมปี ระสทิ ธิภาพ และประสิทธผิ ลมากน้อยเพียงใดจะ ประสบผลสาเร็จ หรือไมย่ อ่ มข้ึนอยกู่ ับความสามารถของผู้ท่ีทาหนา้ ทีใ่ นการบริหารในองคก์ าร จงึ อาจ กล่าวได้วา่ การบริหารเปน็ สิ่งควรคแู่ ละเกีย่ วขอ้ งกบั องคก์ ารเสมอ ควำมหมำยของกำรบริหำร คาว่า “การบรหิ าร” หรอื “การจัดการ” โดยทั่วไปเป็นคาท่มี ีความหมายเหมอื นกัน และใช้แทน กนั ไดเ้ สมอ คาภาษาองั กฤษท่มี ักใชเ้ รยี กในความหมายของ การบรหิ าร มี 2 คา คือ Management และ Administration ส่วนมากคาว่า Management มักจะใช้ในทางธรุ กจิ ซง่ึ หมายถึง การนาเอานโยบายไป ปฏบิ ัติ โดยมีการกาหนดแบบงาน วธิ กี ารทางาน และการใชป้ ัจจัย หรอื ทรัพยากรตา่ ง ๆ ซงึ่ เรยี กว่า การ จดั การ ส่วนคาวา่ Administration มกั เนน้ การบรหิ าร เกย่ี วกบั นโยบาย มกั นิยมใชใ้ นทางราชการ เชน่ Public Administration สาหรบั คานยิ ามของคาว่า “การบริหาร” มคี านิยามอยหู่ ลายคานิยามแตท่ ีน่ ยิ ม กันแพรห่ ลายกนั อย่ใู นปัจจบุ นั มี 2 นิยาม คอื 1. การบริหาร คอื ศิลปะของการทางานให้สาเร็จโดยอาศัยบุคคลอน่ื ในความหมายนชี้ ้ีให้เห็นวา่ ผ้บู รหิ ารประสบความสาเรจ็ ในเปา้ หมายของพวกเขา โดยการเตรยี มการให้กับบคุ คลอน่ื ปฏบิ ัติงานอะไร ก็ได้ทม่ี คี วามจาเปน็ ผูบ้ รหิ ารมไิ ด้ปฏบิ ตั ิงานดังกลา่ วด้วยตัวของพวกเขาเอง 2. การบริหาร คือ กระบวนการของการวางแผน การจัดองคก์ าร การสั่งการ และการควบคุมกาลงั ความพยายามของสมาชกิ ขององคก์ าร และใช้ทรพั ยากรอน่ื ๆ เพ่อื ความสาเร็จในเปา้ หมายขององค์การ ท่กี าหนดไว้ ในความหมายนีช้ ้ใี หเ้ หน็ ว่า ผบู้ ริหารใช้ทรัพยากรทัง้ หมดขององค์การ ซ่ึงมีเงนิ ทนุ อปุ กรณ์ ข่าวสาร และคน เพือ่ ความสาเร็จในเป้าหมายขององค์การ คนเปน็ ทรพั ยากรทม่ี คี วามสาคัญท่สี ดุ ของ องค์การ
2 จากคานิยามของการบริหารดังกล่าวแลว้ จะเห็นว่าการบรหิ ารจะกนิ ความครอบคลุมประเด็นท่ี เป็นสาระสาคัญ ได้ดังนี้ 1. จะตอ้ งมวี ตั ถปุ ระสงค์ ( Objective ) คอื เปา้ หมายในการดาเนนิ งานท่ผี บู้ ริหารต้องดาเนนิ การ ใหป้ ระสบความสาเร็จ 2. จะต้องมีประสิทธิภาพ ( Effectiveness ) คือ ความสาเรจ็ ของผลงานตามที่คาดหมายไว้ 3. จะต้องมที รัพยากร ( Resource ) คอื ปัจจยั ตา่ ง ๆ ของการบรหิ าร ทผ่ี ู้บริหารเกย่ี วขอ้ งดว้ ย โดยตรง ซึ่งแตเ่ ดมิ โดยทั่วไป ประกอบด้วย คน (Man) เงนิ (Money) วัสดุ (Material) และการจดั การ (Management) หรือท่ีเรียกโดยยอ่ ว่า ๔ M’s แตใ่ นปจั จบุ นั สภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ ทางสังคมและ เทคโนโลยเี ปลีย่ นแปลงไป ทรพั ยากรดังกล่าวจึงจาเปน็ ตอ้ งเปลย่ี นแปลงไปดว้ ย กล่าวคือ ทรพั ยากรที่ เป็นส่วนประกอบในการบรหิ าร ประกอบดว้ ย ทรัพยากรคน (Human Resource) ทรัพยากรทีเ่ ป็นวัสดุ และอปุ กรณ์ (Physical Resource) และทรพั ยากรทางด้านเงินทุน (Financial Resource) และ ทรพั ยากรทางดา้ นขา่ วสารขอ้ มูล (Information Resource) 4. มกี ารประสมประสานกัน ( Integration and Coordination ) คอื กระบวนการในการ ดาเนินงานดว้ ยประการทงั้ ปวง ท่ีทาใหก้ จิ กรรมต่าง ๆ สอดคลอ้ งตอ่ เน่อื งกนั จากการท่ขี า้ พเจา้ ดารงตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นบ่อดิน เปน็ ระยะเวลากว่า 6 ปีเศษ ได้ทาการศึกษา เก็บรวบรวมข้อมลู วิเคราะห์บรบิ ท ด้านต่าง ๆ ของโรงเรยี นบา้ นบ่อดินโดยละเอียด เพื่อให้ไดข้ ้อมูลพ้นื ฐานและขอ้ มลู ทีส่ ะทอ้ นความเปน็ จรงิ ของโรงเรยี นบ้านบอ่ ดินในเชิงลกึ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง อกี ทง้ั ได้ศกึ ษานโยบายดา้ นการจัดการศึกษาของหน่วยงานตน้ สังกดั ซง่ึ ถือเปน็ ตวั กาหนดทศิ ทางในการ พัฒนาคณุ ภาพของผู้เรยี นซง่ึ เปน็ หวั ใจของการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา ขา้ พเจ้าพบว่า ปัจจยั ด้านการบรหิ าร และการจดั การทจี่ ะส่งเสริม สนบั สนนุ ให้โรงเรียนบ้านบอ่ ดนิ สามารถจัดการศึกษา ได้อยา่ งมคี ณุ ภาพน้ัน ควรยดึ หลกั การในการพฒั นา 4 ดา้ น ซงึ่ ไดแ้ ก่ 1. ดา้ นการมีสว่ นรว่ มของผูม้ ีสว่ นเกีย่ วขอ้ งหรอื การทางานเปน็ ทมี ( Teamwork ) 2. การพัฒนาดา้ นเทคโนโลยีและนวตั กรรมทางการศึกษา ( Technology ) 3. พัฒนาทรพั ยากรบุคคลภายในองค์กรหรือครู ( Teacher ) 4. พัฒนาหรอื เสรมิ สรา้ งการวิธีการทางานอย่างมงุ่ ม่ัน ต้ังใจและมคี วามพยายาม ( Trying ) กล่าวคือขา้ พเจ้า มงุ่ เน้นใหค้ วามสาคญั ตอ่ การพฒั นา 4 ดา้ น โดยในขั้นตอนของการดาเนินงาน พัฒนาในแต่ละด้านน้นั จะถูกกากบั ไวด้ ้วยวงจร คุณภาพอีกช้นั หนงึ่ จึงไดจ้ ดั ทาเปน็ รูปแบบการบริหาร จดั การของตนเองเพ่ือใช้เปน็ แนวทางในการดาเนนิ การบริหาร การจัดการและพฒั นาโรงเรียนบ้านบ่อดิน อยา่ งมีทิศทาง ซึง่ เรียกหลักการบรหิ ารดงั กลา่ วน้วี า่ “4T Development Model”
3 ภำพรวมนวัตกรรมดำ้ นกำรบรหิ ำรโรงเรียนบำ้ นบอ่ ดิน สำนักงำนเขตพ้นื ที่กำรศกึ ษำประถมศึกษำบุรรี ัมย์เขต 2 1. ชอ่ื นวัตกรรม 4T Development Model 2. วตั ถปุ ระสงค์ - คุณภำพของผเู้ รยี นโรงเรียนบำ้ นบ่อดนิ ทกุ คน เปน็ ไปตำมมำตรฐำนกำรศกึ ษำ และ จุดมงุ่ หมำยของกำรจัดกำรศึกษำ ผูเ้ รียนเป็นคนดี คนเกง่ และมีควำมสขุ เหมำะสมตำมชว่ งวยั 3. วธิ ดี ำเนนิ กำร - ใช้รูปแบบนวตั กรรมกำรบริหำรตำมแนวทำง 4T Development Model โดย มงุ่ เนน้ ให้ควำมสำคญั ในกำรพฒั นำ 4 ดำ้ น ซงึ่ ไดแ้ ก่ (1) T1 = Team Work หมำยถงึ กำรรว่ มกันทำงำนโดยสอดประสำน ควำม ร่วมมอื ในกำรพฒั นำคุณภำพของผู้เรียนจำกทุกภำคสว่ นไปในทศิ ทำงและมจี ุดมงุ่ หมำยทชี่ ดั เจน อยำ่ งเดยี วกัน (2) T2 = Teacher หมำยถึง พัฒนำครูและบคุ ลำกรภำยในโรงเรียนทุกคนให้มี ลกั ษณะของกำรทำงำนแบบมอื ชพี มีเป้ำหมำยอยู่ทีค่ ณุ ภำพของผเู้ รียนทกุ คนเหมอื นๆ กนั (3) T3 = Technology หมำยถงึ พฒั นำ นวตั กรรม ส่ือ และเทคโนโลยที ำง กำรศึกษำใหท้ นั สมยั เออื้ ต่อกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนของครู และกำรศึกษำหำควำมร้ขู องผูเ้ รียน (4) T4 = Trying หมำยถงึ พฒั นำ ควำมมงุ่ มน่ั ต้ังใจ ควำมพยำยำมในกำร ทำงำนให้บรรลุยงั เปำ้ หมำยอยำ่ งเดยี วกัน ซง่ึ เปน็ เป้ำหมำยขององคก์ รคอื คุณภำพของผู้เรียนเปน็ สำคญั 4. นวตั กรรมชื่อ กระบนกำรบรหิ ำรแบบ 4T Development Model 5. ผลทค่ี ำดวำ่ จะไดร้ บั ผเู้ รยี นเปน็ คนดี เปน็ คนเกง่ และมีควำมสขุ ครูมสี ื่อ นวตั กรรมและเทคโนโลยีในกำร จัดกำรเรียนรูใ้ หก้ บั ผู้เรียนทที่ นั สมัย มอี ุดมคตใิ นกำรทำงำนอยำ่ งม่งุ มน่ั แข็งขนั ตั้งใจและมคี วำม พยำยำมในกำรจัดกำรศกึ ษำใหก้ บั ผูเ้ รียนอยำ่ งเตม็ กำลังควำมสำมำรถ ทุกภำคส่วนทอี่ ยู่เกี่ยวข้องกับ โรงเรียนมสี ่วนร่วม สนับสนนุ ส่งเสริมและช่วยเหลือกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรยี นบำ้ นบอ่ ดนิ ให้ บรรลุตำมวตั ถุประสงค์ *** ทง้ั น้ี ทกุ กิจกรรมในกำรดำเนนิ กำร ตำมรูปแบบกำรบรหิ ำรแบบ 4T Development Model จะอยภู่ ำยใตก้ ำรควบคมุ ติดตำมและตรวจสอบด้วยวงจรคณุ ภำพ ( PDCA ) อีกชนั้ หน่ึง
4 ผังความคิด 4T Development Model
5 กำรนำนวตั กรรมกำรบรหิ ำร 4T Development Model ส่กู ำรปฏิบตั ิ (1) T1 = Team Work หมำยถงึ กำรร่วมกันทำงำนโดยสอดประสำน ควำมร่วมมอื ในกำรพัฒนำ คุณภำพของผเู้ รยี นจำกทกุ ภำคส่วนไปในทศิ ทำงและมจี ดุ มุ่งหมำยท่ชี ดั เจนอยำ่ งเดยี วกัน ควำมสำคัญของกำรทำงำนเปน็ ทีม \"การทางานใหส้ าเรจ็ ขนึ้ อยกู่ ับความสามารถสองอย่างเปน็ สาคัญ คอื สามารถในการใชว้ ิชา ความรอู้ ยา่ งหนง่ึ สามารถในการประสานสมั พันธก์ บั ผู้อื่นอีกอย่างหนึง่ ท้งั สองประการน้ีตอ้ งดาเนินคกู่ ัน ไป และจาเป็นตอ้ งกระทาด้วยความสจุ รติ กาย สุจริตใจ ดว้ ยความคดิ ความเห็นที่เป็นอสิ ระ ปราศจาก อคติ และด้วยความถกู ต้อง ตามเหตตุ ามผลด้วย จงึ จะชว่ ยใหง้ านบรรลจุ ดุ หมายและประโยชนท์ ่พี ึง ประสงค์โดยครบถ้วน\" --- พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รัชกาลที่ 9 --- การทางานเป็นทมี ถือวา่ เป็นหัวใจหนึ่งในการทางานรว่ มกัน องคก์ รไหน บรษิ ทั ไหน หน่วยงาน ไหน ท่สี ามารถสรา้ งทีม พฒั นาทมี ใหท้ างานร่วมกันได้ องค์กรนนั้ บรษิ ทั นน้ั หนว่ ยงานน้นั จะ เจรญิ กา้ วหน้าไปได้อย่างรวดเรว็ หากถามวา่ ทาไม ตอ้ งทางานเปน็ ทมี แน่นอนการทางานบางอยา่ ง อาจจะทาคนเดียวได้ แตก่ ารทางานบางอย่างต้องอาศยั การทางานร่วมกันจึงจะประสบความสาเร็จ เนือ่ งจากทุกคนมีความสามารถแตค่ วามสามารถของทุกคนมจี ากัด การนาความสามารถของทกุ คนมา รวมกนั จึงเกิดผลงานมากข้ึน อีกทง้ั งานบางอยา่ งตอ้ งการความคดิ ท่ีริเริ่มสรา้ งสรรค์จงึ ตอ้ งการคนมา ทางาน ด้วยการคดิ รว่ มกัน งานจึงออกมาสาเร็จ การทางานเป็นทมี คือ การทบ่ี ุคคลตั้งแต่ 2 คนขึน้ ไป มาทางานร่วมกนั เพ่ือวัตถุประสงคอ์ ยา่ ง เดยี วกนั การทางานเปน็ ทมี ทดี่ ีนนั้ คือ ทีมตอ้ งทางานร่วมกัน โดยทกุ คนในทมี จะตอ้ งท่มุ เทความคิด ทุ่ม แรงกาย เพ่ืองาน เพ่ือความสาเร็จของงาน โดยไม่ถือว่าเปน็ ผลงานของคนคนเดียวแตผ่ ลงานทง้ั หมดเป็น ของทมี ทมี ท่ีดีควรสรา้ งบรรยากาศในการทางานใหม้ คี วามไวใ้ จกัน เช่อื ใจกัน มีความผกู พนั กนั จน กอ่ ให้เกดิ ความรัก ความสามคั คี กันในทีม เม่ือทีมมปี ระสทิ ธิภาพในการทางานประโยชนท์ ่ีไดร้ บั ก็คือ การทางานจะมีพลังอยา่ งมากมายมหาศาล ผลงานทเี่ กิดขน้ึ จะมีมากมาย ช่วยลดตน้ ทนุ ในการทางาน ผลงานมคี ุณภาพมากขนึ้ อกี ทง้ั ยังสามารถสร้างสิ่งใหม่ๆหรอื นวัตกรรมใหมๆ่ การทางานเป็นทมี ทด่ี มี ักมีองค์ประกอบของทมี ดังนี้ 1. มีวตั ถุประสงคใ์ นการทางานร่วมกนั 2. มรี ะบบบริหารหรือการจดั การทีมทด่ี ี 3. มสี มาชิกท่มี ีคณุ ภาพมีความสามารถในการทางานมคี วามรบั ผิดชอบในหนา้ ท่ี 4. มีผูน้ าทมี ท่มี ีประสทิ ธภิ าพมีภาวะผนู้ าทีด่ ี แนวทางในการลดปญั หาในการทางานเป็นทมี คอื สร้างบรรยากาศทีด่ ใี นทีท่ างาน มีการส่อื สาร กันอยา่ งชัดเจนไม่ปิดบังกนั มอบหมายงานกต็ ้องมีความชัดเจนแน่นอนไม่เปลยี่ นไปมา ยอมรับในความ
6 แตกต่างของสมาชกิ ในทีม เนอ่ื งจากคนเราเกดิ มาก็มคี วามแตกตา่ งกนั ไมว่ ่าจะเป็นเรอื่ ง เพศ วยั ศาสนา การศกึ ษา ส่ิงแวดลอ้ ม ความสามารถ ประสบการณ์ ฯลฯ นอกจากนยี้ ังมรี ายละเอียดในการทางานเป็น ทีมใหป้ ระสบความสาเรจ็ เชน่ การประชมุ ของทมี งาน ทีมงานท่ีดตี อ้ งมีการประชมุ กันสม่าเสมอ เพือ่ ให้ สมาชกิ ไดป้ รกึ ษาหารอื ในการทางานร่วมกนั แกไ้ ขปัญหาร่วมกนั ระดมความคิดรว่ มกนั ในการทางาน ภาวะความเป็นผนู้ าของหวั หนา้ ทมี เพราะผู้นามสี ่วนสาคญั เป็นอย่างมากทจี่ ะทาให้ทมี ประสบ ความสาเรจ็ ผู้นามหี นา้ ท่ใี นการบอกวัตถุประสงค์ทจี่ ะต้องทางานร่วมกันใหช้ ัดเจน ผนู้ าจะต้องมีหนา้ ท่ี ในการชี้นา สอนงาน สงั่ งาน อานวยการ พรอ้ มท้งั ติดตามควบคมุ การทางานของทมี เพ่ือใหเ้ กิดมี ประสิทธิภาพ ซง่ึ ทักษะของผู้นาทมี ที่ดี คือ ตอ้ งมีความสามารถทางด้านการสื่อสาร ตอ้ งมคี วามสามารถ ในด้านบรหิ ารหรอื การจดั การ (วางแผน จดั องค์กร จัดคนเขา้ ทางาน ส่งั การหรอื อานวยการ และการ ควบคุม) ต้องมคี วามสามารถในดา้ นการเจรจาต่อรองและแก้ปญั หา ตา่ งๆ ได้อยา่ งดเี ย่ยี ม สรปุ การทางานเปน็ ทมี มีความสาคญั มากในการทางานขององคก์ ร ของหน่วยงาน หากองค์กร หน่วยงาน ไหนทมี่ ที ีมงานที่เขม้ แข็ง ยอ่ มกอ่ ให้เกิดความได้เปรยี บในการแขง่ ขนั กับองคก์ รหรอื หนว่ ยงาน อืน่ โรงเรยี นบ้านบอ่ ดิน ไดพ้ ฒั นาระบบและกระบวนการและอาศัยหลกั การของการทางานเป็นทีม มาใช้เพือ่ พัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของโรงเรียน พัฒนาคณุ ภาพของบคุ ลากร และคณุ ภาพของผเู้ รียนมา โดยตลอด โดยทมี ในการพัฒนาโรงเรยี นนน้ั โรงเรยี นได้ใหค้ วามสาคัญกับกลมุ่ บุคคลหรอื หนว่ ยงาน หรือองคก์ รตา่ ง ๆ และถอื เอาวา่ กลมุ่ ดงั กล่าวนีเ้ ปน็ ทมี ทีม่ สี ่วนร่วม สว่ นสนับสนุน ส่วนส่งเสริมในการ พัฒนาโรงเรียนบ้านบ่อดินใหม้ คี วามเจรญิ ก้าวหนา้ มาโดยตลอดซึ่งประกอบดว้ ย 1. ทมี ของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรภายในของโรงเรยี นบ้านบ่อดินทกุ คน 2. ทมี ของพ่อ แม่ และผูป้ กครองนักเรยี น 3. ทมี ของคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พนื้ ฐานโรงเรยี นบา้ นบ่อดิน 4. ทีมของศษิ ย์เกา่ และศิษย์ปัจจบุ นั 5. ทมี ของหนว่ ยงานและองคก์ รภายนอก สถาบนั ที่มสี ว่ นสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ให้ความร่วมมือ และพัฒนาโรงเรยี น เช่นโรงเรยี นในสังกัดกลุ่มโรงเรียนประโคนชยั 7 ทกุ โรง วัดบา้ นบอ่ ดิน โรงเรียน ไพศาลพิทยาคม รวมท้ังองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ เป็นต้น ทกุ ทมี ที่กล่าวมาข้างตน้ โรงเรียนบ้านบอ่ ดินได้ให้ความสาคัญ พรอ้ มทั้งใหแ้ ละขอความรว่ มมอื ในการทางานเพอื่ พฒั นาองค์กรของทมี ไปพร้อม ๆ กนั โดยอาศัยวธิ กี าร ทางมนษุ ยสัมพนั ธ์ การ ช่วยเหลือเก้ือกลู กนั ความเสยี สละ ความเอาใจใส่ตอ่ กนั การให้ความรว่ มมือกนั ในทกุ มิติ ทัง้ ทเี่ ปน็ อย่างทางการและไม่เปน็ ทางการ ทงั้ น้เี พอื่ คาดหวงั ว่าทมี งานทเี่ ข้มแข็ง จากหลากหลายหน่วยงาน หลากหลายทมี จะเปน็ พลังสง่ เสริมใหเ้ กดิ การพัฒนาโรงเรียนบ้านบอ่ ดิน ให้มีความเจรญิ กา้ วหนา้ ไดอ้ ย่าง ม่ันคง ม่งั คัง่ และยังยนื สืบตอ่ ไป
7
8
9 (2) T2 = Teacher หมำยถงึ พฒั นำครูและบคุ ลำกรภำยในโรงเรยี นทกุ คนให้มีลกั ษณะของกำร ทำงำนแบบมอื ชีพ มเี ปำ้ หมำยอยู่ทคี่ ุณภำพของผ้เู รียนทุกคนเหมอื นๆ กัน การพัฒนาบคุ ลากรเปน็ หนา้ ที่ท่สี าคญั และจาเป็นอย่างย่ิงทีอ่ งคก์ ารทุกองคก์ ารต้องกระทาอยา่ ง สม่าเสมอ เนอื่ งจากการพฒั นาบุคลากรเปน็ กระบวนการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมและสร้างเสริมศกั ยภาพ ของบุคคลใหเ้ ป็นผู้ทีม่ คี วามรคู้ วามสามารถ ทกั ษะ และประสบการณ์ เพอื่ ใหส้ ามารถปฏิบัติหนา้ ทจ่ี น บรรลุเปา้ หมายขององคก์ ารอยา่ งมีประสิทธภิ าพและเกดิ ประโยชน์สูงสดุ ต่อองค์การ ซง่ึ สอดคล้อง กบั แนวคดิ ของสมพร จนั ดาหาร ทกี่ ล่าวไว้วา่ การพัฒนาบคุ ลากรเปน็ การดาเนนิ การส่งเสรมิ บุคลากรให้ เพมิ่ พนู ความรู้ ความสามารถ ความชานาญในการทางาน มกี ารเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรม ทศั นคติ และ วิธีการปฏิบตั ิงานใหเ้ ป็นไปตามแนวทางที่ต้องการ เพื่อพัฒนาการปฏิบัตงิ านใหส้ าเรจ็ ตามเป้าหมายและ ได้ผลผลติ สูงขนึ้ อนั เปน็ ประโยชน์ตอ่ ความกา้ วหนา้ ของตนเองและองคก์ าร โรงเรียนบา้ นบ่อดนิ ไดเ้ ลง็ เห็นความสาคญั ตอ่ การพฒั นาคุณภาพของข้าราชการครูและ บุคลากรภายในโรงเรยี นมาโดยตลอด เพราะถอื วา่ ครูผู้สอนเปน็ ผูท้ ่ีอยใู่ กล้ชิดกบั ผ้เู รยี นมากที่สุด และ โดยหนา้ ทห่ี ลกั ของครูผสู้ อนแลว้ จาเป็นอยา่ งมากที่ผ้สู อนจะต้องมีทกั ษะ มีความรู้ มฝี มี ือ และมคี วาม ชานาญในกระบวนการและขน้ั ตอนในการจดั ประสบการณ์ หรือจัดการเรยี นรใู้ ห้เกดิ แกผ่ เู้ รียนได้อยา่ ง เหมาะสมและมปี ระสทิ ธภิ าพสอดคลอ้ งกบั มาตรฐาน และตัวชวี ัดของหลกั สูตร ซึ่งเปน็ บทสรปุ ที่สาคญั ของการจดั การศกึ ษาใหก้ ับผเู้ รียน โดยทว่ั ไปแล้ว วธิ กี ารพัฒนาบุคลากรในสถานศกึ ษานั้นมีวิธกี ารพอสรุปไดด้ ังต่อไปนี้ คือ การ ฝึกอบรมภายในสถานศกึ ษา การสง่ บคุ ลากรภายในสถานศึกษาไปศกึ ษาอบรมหรือดูงาน การพัฒนา บุคลากรโดยกระบวนการปฏิบัติงาน และการพัฒนาบคุ ลากรโดยกระบวนการบรหิ าร นอกเหนอื จากท่ี กล่าวมาแลว้ กระบวนการสรา้ งเสรมิ ขวัญและกาลงั ใจทดี่ ใี นการทางาน การสร้างแรงจูงใจต่อการพัฒนา งานของตนเอง พัฒนาองค์กรทต่ี นสงั กดั อยู่ ก็ถือเป็นความจาเปน็ ท่ีตอ้ งพัฒนาควบคกู่ ันไปพร้อมกนั ดว้ ย ท้งั น้ีเพราะการขบั เคลอ่ื นองคก์ รไปสอู่ งคก์ รทีม่ ีคณุ ภาพน้นั จาเป็นต้องอาศัยการขับเคล่ือนของบคุ คลที่ อย่ภู ายในองค์กรไปพรอ้ ม ๆ กนั ดังนั้นสิง่ ท่คี วรเสรมิ สร้างใหบ้ คุ คลภายในองค์กรตระหนกั และยดึ ถือเป็น หลักการสาคญั ของการทางาน ก็คอื จุดหมายขององคก์ รทเี่ ป็นจุดม่งุ หมายอันสงู สูดและแท้จริงของ องคก์ ร ทท่ี กุ คนตอ้ งพยายามใหค้ วามรว่ มมือกนั อย่างสรา้ งสรรค์ ในการดาเนินการให้บรรลุซึง่ จดุ มงุ่ หมายอย่างเดียวกนั และแมห้ ากเปรียบจดุ มงุ่ หมายทว่ี า่ มาน้นั กบั องค์กรที่เรยี กวา่ โรงเรียน จดุ มงุ่ หมายสงู สุดขององคก์ รคงหนไี ม่พ้นนน้ั กค็ ือ คณุ ภาพของผเู้ รยี นนั้นเอง จากเหตุผลและความสาคัญด้านการพฒั นาคุณภาพของข้าราชการครแู ละบคุ ลกร โรงเรียนบ้าน บอ่ ดนิ จงึ ไดด้ าเนินการพฒั นาบุคลกรอยา่ งหลากหลายรูปแบบและวธิ ีการ ทง้ั น้ี โดยมคี วามคาดหวงั วา่ บุ คลกรเมื่อไดร้ บั การสง่ เสรมิ และพฒั นาแลว้ จะเปน็ บคุ คลทมี่ คี ณุ ภาพ มีประสิทธภิ าพในการทางานทด่ี ีขึน้ มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีจดุ ม่งุ หมายในการพฒั นางานของตนเอง พฒั นาผู้เรียน และพฒั นาองค์กรไปใน ทศิ ทางเดยี วกนั และมีลกั ษณะของการทางานการศกึ ษาได้อยา่ งมอื อาชีพตอ่ ไป
10
11 (3) T3 = Technology หมำยถงึ พฒั นำ นวัตกรรม ส่ือ และเทคโนโลยที ำงกำรศึกษำให้ทนั สมัย เอื้อต่อกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนของครู และกำรศกึ ษำหำควำมรูข้ องผเู้ รียน แนวโน้มของเทคโนโลยีกำรส่ือสำรในยคุ เทคโนโลยีสำรสนเทศ ในปจั จบุ ันความก้าวหน้าทางด้านการสอ่ื สาร โดยเฉพาะเทคโนโลยสี ารสนเทศ ซ่ึงเป็นปัจจัย สาคญั ทาใหโ้ ลก \"ไรพ้ รมแดน\" คนในโลกมกี ารติดต่อสื่อสารกนั อย่างรวดเร็ว และมวี ถิ ีชวี ติ เปลี่ยนไปตาม \"กระแสโลกาภวิ ัตน์\" ความเจริญทางเทคโนโลยีสารสนเทศแพร่หลายมากข้ึน ทาให้มีผลต่อการพฒั นา สภาพเศรษฐกิจ การเมอื ง สังคม วฒั นธรรมของประเทศตา่ งๆ ในโลกดว้ ยในดา้ นการศกึ ษา ความ เจริญกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีผลให้เกิดการพฒั นาการดา้ นการศึกษา ดงั น้ี 1 วงการศึกษาจะนาเครอื่ งมือ วสั ดุ อุปกรณ์ อิเลก็ ทรอนิกสต์ า่ งๆ มาใชใ้ นวงการศกึ ษามากขน้ึ เพราะสอ่ื เคร่อื งมอื เหลา่ นไี้ ดร้ ับการพัฒนาให้มขี นาดที่เหมาะสม มรี าคาถกู แต่ประสทิ ธภิ าพสูงข้นึ 2 สอ่ื ต่างๆจะมีการใช้ประสมประสานกันในลกั ษณะสอ่ื ประสม 3 คอมพวิ เตอรจ์ ะเข้าไปมีบทบาทในสื่อทกุ ชนิด 4 เครือข่ายคอมพวิ เตอรจ์ ะเขา้ มามีบทบาทตอ่ การศึกษา 5 เทคโนโลยีการศึกษาจะเขา้ มามีบทบาทอยา่ งย่งิ ในการจัดการศึกษา ท้ังในการจดั การศกึ ษา ในระบบโรงเรยี น นอกระบบการศกึ ษาสาหรบั ผดู้ อ้ ยโอกาสทางการศึกษา และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย 6 บทบาทของครูจะเปลีย่ นไป เปน็ การจดั ประสบการณ์ใหแ้ ก่ผเู้ รียนด้วยการนาเสนอโดยใช้ อุปกรณท์ ีท่ นั สมยั บทบาทของครูจึงเปน็ เสมอื นท่ปี รกึ ษาทาหน้าทชี่ ว่ ยแก้ปัญหาการเรยี น การแนะนา เปน็ สว่ นตวั จะมมี ากขึ้น ครูจะตอ้ งมขี ้อมูลการสอนจากภายนอกมาก และจะมกี ารสอนผา่ นคอมพิวเตอร์ มากขน้ึ 7 มกี ารนานวตั กรรมใหมๆ่ มาใช้ในวงการศึกษา เชน่ นาระบบประชมุ ทางไกล เขา้ มาใช้ในการ บริหารการศึกษา ในดา้ นการสอนจะมกี ารนาระบบไฮเปอรเ์ ทก็ ซ์ ระบบอนิ เตอร์เน็ต การใช้ฐานข้อมูล 8 มีการเปลีย่ นแปลงในวธิ กี ารเรียน คือ ผู้เรียนจะไดเ้ รยี นเมอื่ มีความต้องการเรยี น เป็นการ เรียนรู้ดว้ ยตนเองมากขน้ึ เพราะมแี หลง่ การเรยี นรมู้ ากมาย และจะเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต 9 สภาพการเรยี นการสอนที่ครอู ธบิ ายอยูห่ นา้ ชนั้ เรียนจะหมดไป ครอู าจจะเป็นเพยี งผูก้ ลา่ วนา บทเรียนหรอื แนะนา แหลง่ ที่ใหก้ ารศกึ ษาเบื้องตน้ เทา่ นน้ั หลังจากน้นั จะเปน็ ทปี่ รึกษาของนักเรยี น สรุปวา่ การศกึ ษาในอนาคตจะเปล่ียนแปลงดงั นี้ - จัดการศึกษาในระบบน้อยลง - คา่ ใช้จา่ ยจะต้องถกู ลง - สอนเรอ่ื งที่ไมเ่ ปน็ ประโยชน์นอ้ ยลง - สอนเปน็ รายบคุ คลมากขนึ้ - สอนในเรอื่ งทเ่ี หน็ จรงิ เห็นจงั มากขน้ึ - สอนเรอ่ื งเก่ยี วกบั มนุษยธรรมมากข้นึ - บทเรยี นสนุกสนานมากข้ึน - เปน็ การเรียนรตู้ ลอดชพี
12 จากท่ีกล่าวมาขา้ งต้นถงึ พัฒนาการของเทคโนโลยีการศึกษา และ แนวโนม้ ของเทคโนโลยกี าร ส่ือสารในยุคเทคโนโลยสี ารสนเทศ ในทศวรรษท่ี 21 จะเหน็ ไดว้ ่าวิวฒั นาการของการใช้เทคโนโลยที าง การศกึ ษากา้ วหน้าอย่างต่อเนื่อง และเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว รปู แบบการเรียนรู้เปล่ยี นไป บทบาท ของผู้สอนก็เปล่ยี นแปลงไปตามความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี ดงั นัน้ การพัฒนาเทคโนโลยที างการศกึ ษา ในสถานศกึ ษาจึงถือเป็นเรื่องสาคญั และจาเปน็ อย่างย่งิ ทโี่ รงเรยี นบา้ นบ่อดนิ เล็งเห็นและมงุ่ มัน่ ทจี่ ะ นาเอาเทคโนโลยที างการศกึ ษาทกุ รูปแบบเทา่ ท่ีพงึ จะทาได้มาใชเ้ ปน็ เครื่องมอื เปน็ วธิ กี าร เปน็ แนวทาง เปน็ สอื่ ในการจดั การเรยี นรู้ให้เกิดกับผูเ้ รียนไดอ้ ย่างเหมาะสม มีประสทิ ธิภาพ ทันสมัย และเพียงพอซง่ึ พอจะสรุป ประเด็นในการพฒั นาเทคโนโลยีทางการศึกษาเพื่อพฒั นาคุณภาพของผ้เู รียนอย่างยง่ั ยนื ของ โรงเรียนบา้ นบ่อดินได้ ดงั ตอ่ น้ี 1. ปรบั ปรุงห้องเรียนและรูปแบบการจดั การเรยี นการสอนทางไกลผา่ นดาวเทียม ( New DLTV ) ใหเ้ หมาะสมกบั การรับร้แู ละการเรยี นรู้ของผู้เรยี นในแต่ละช่วงวัย 2. ปรบั ปรุง ซอ่ มแซม ห้องเรียนคอมพวิ เตอร์ตามโครงการ USO ให้สามารถใชเ้ ป็นห้องเรียน ห้องค้นคว้าหาความรู้สาหรบั นกั เรียน และให้บรกิ ารแกช่ ุมชน อีกทัง้ ไดเ้ ชิญวทิ ยากรภายนอกมาสอนวิชา คอมพิวเตอรเ์ บ้อื งตน้ ใหแ้ กน่ กั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 - 6 สปั ดาห์ละ 1 - 2 ชั่วโมง เป็นประจาทุก สัปดาห์ 3. ปรับปรุงหอ้ ง คอมพวิ เตอร์ แบบ CC1 ทีไ่ ดร้ บั จดั สรรจากหนว่ ยงานตน้ สังกดั ใหเ้ ป็นห้อง สาหรบั ใชใ้ นการฝกึ อบรมภายในและเปน็ หอ้ งทางานด้านเอกสาร งานธรุ การ งานสารสนเทศ งานพัฒนา เวบ็ ไซด์ของโรงเรียน ให้เกดิ ประโยชน์อย่างสงู สุด 4. ส่งเสรมิ ใหค้ รูใช้สอ่ื การสอน จาพวก CAI ส่อื มัลตมิ ีเดียในรูปแบบตา่ ง ๆ ผ่านทาง อนิ เตอรเ์ นตในการจดั การเรียนรู้ใหก้ ับผเู้ รียนเพ่อื กระตนุ้ และสรา้ งความสนใจในการเรียนรขู้ องผูเ้ รยี น อยา่ งสมา่ เสมอ และฝกึ ให้ผเู้ รียนรูจ้ ักใช้ การคน้ ควา้ หาความรผู้ ่านเครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต ภายในโรงเรียน ดว้ ยตนเองอย่างถกู ต้องและเหมาสม 5. ใชบ้ ริการฟรขี อง Google เพื่อพฒั นากระบวนการทางานภายในองค์กร พัฒนา กระบวนการจดั การเรยี นการสอน การวดั และประเมินผลของครู และเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นได้เข้าถึง วธิ ีการดังกล่าวอย่างเหมาะสม อกี ทง้ั ใชเ้ พ่อื การประชาสัมพันธก์ จิ กรรมของโรงเรยี น การตดิ ตอ่ สอื่ สาร และอนื่ ๆ อีกมากมาย ผา่ นทาง Google sites , Google Form , Google Mail , Google+ เป็นตน้ 6. ใช้ Application ที่เป็นประโยชน์ในการติดตอ่ สอ่ื สาร ภายในองค์กร กบั ผู้ปกครองนกั เรียน หรอื ทมี งานตา่ ง ๆ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและเข้าถึงกลุ่มเปา้ หมายได้อยา่ งชัดเจนและท่วั ถงึ 7. พฒั นาปรับปรงุ เวบ็ ไซดข์ องโรงเรยี นบ้านบ่อดนิ เพ่ือใช้เปน็ ช่องทางในการประชาสมั พันธ์ กจิ กรรมของของโรงเรยี น การติดตอ่ สอ่ื สารระหวา่ งผปู้ กครองนักเรยี น คณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน หรอื หนว่ ยงานอื่น ผา่ นทาง gg.gg/bordinschool และ www.banbordin.com อีกด้วย
13
14
15 (4) T4 = Trying หมำยถึง พัฒนำ ควำมม่งุ มัน่ ตง้ั ใจ ควำมพยำยำมในกำรทำงำนให้บรรลุยัง เป้ำหมำยอย่ำงเดียวกัน ซ่งึ เปน็ เปำ้ หมำยขององค์กรคือคุณภำพของผูเ้ รียนเปน็ สำคญั ควำมพยำยำม “ความพยายามอยูท่ ไ่ี หน ความสาเร็จย่อมอยทู่ ่นี ่นั ”เปน็ คาคมแรกๆทีเ่ คยได้ยินในชวี ติ โดย ผู้ใหญร่ อบตัวทพ่ี ยายามส่ังสอนใหเ้ ดก็ ทุกคนมีความขยนั หมั่นเพียร ตง้ั ใจเรียนหนงั สือและเปน็ ดัง่ คามั่น สญั ญาทส่ี ร้างความเชอ่ื มนั่ ใหแ้ กเ่ ดก็ ๆทกุ คนวา่ ถา้ เรามคี วามพยายาม ชวี ติ นี้จะต้องประสบความสาเรจ็ อย่างแน่นอน ท่ีผ่านมาประโยคน้ีมีการใช้อยา่ งแพร่หลายและยาวนาน เพราะมนั ได้พิสูจน์ตัวเองผ่านการ บอกเลา่ ของบคุ คลผู้มีช่ือเสียงและประสบความสาเร็จจนมหี นา้ มีตาในสงั คม แนน่ อนว่าทุกคนมเี รอ่ื งราว ชีวติ ท่ีแตกตา่ งกนั แต่ส่ิงหนึ่งทที่ กุ คนมีเหมือนกัน นั่นกค็ อื ความพยายามบางคนพยายามมาก บางคนมี ความพยายาม การสรา้ งแรงจูงใจในการทางานสร้างใหท้ ุกคนมุง่ มนั่ ตงั้ ใจ และมคี วามพยายามในการ ทางานนน้ั เป็นเรอ่ื งท่ีทาได้ยาก และตอ้ งใช้ศลิ ปะอยา่ งมากในการทาเร่อื งดงั กล่าว โรงเรียนบา้ นบอ่ ดนิ เข้าใจถงึ แนวคดิ ดังกลา่ ว แต่ก็ต้องมีความพยายามทีจ่ ะสร้างเสรมิ ให้ครแู ละบุคลากรภายในโรงเรยี นมุ่ง มั้น ตงั้ ใจและมีความพยายาม ในการทางานทุกอยา่ งท่โี รงเรียนมอบหมาย โดยหลกั สาคัญของการสรา้ ง แรงจูงใจน้นั คอื พยายามช้ีใหเ้ หน็ ผลทีเ่ กดิ จากความพยายามของการพัฒนาคณุ ภาพของผ้เู รียน การ พฒั นางานตามกรอบวิชาชีพของตน และความก้าวหนา้ ที่อันอาจเกิดขึน้ ตามมาหากผลท่ีเกดิ จากความ พยายามนน้ั สมั ฤทธ์ิผล ลว้ นเปน็ สิ่งทีค่ นควรตอ้ งกระทาใหส้ มกบั ท่ไี ดช้ อ่ื ว่าเปน็ ครู หรอื เปน็ ผู้สอน หรอื เป็นผ้ทู ่มี ีโอกาสจดั การศึกษาใหก้ ับบุคคลอน่ื เปน็ ผ้ทู มี่ โี อกาสทจี่ ะสามารถทาดีอยทู่ ุกวว้ี นั แล้ว “ความพยายามอยู่ทไ่ี หน ความพยายามก็อย่ทู ี่น่นั ” \" งานสง่ิ ใด แมย้ าก ลาบากนัก อุปสรรค หนักหนา ท่ีกดี ขวาง แสงปลายฝัน ราไร ไม่เหน็ ทาง จะก้าวยา่ ง ไปถึงฝัน ได้อย่างไร มสี ่ิงหนึง่ ทสี่ าคญั อยา่ งทส่ี ดุ ใหเ้ รารุด ขา้ มผา่ น ไปจนได้ คอื พยายาม จงท่องจา ให้ข้ึนใจ ถงึ ฝงั่ ฝนั สาเรจ็ ได้ เพราะพยายาม \"
16 สรปุ ผลกำรดำเนนิ กำรใชร้ ูปแบบกำรบริหำร 4T Development Model ภายหลงั จากท่ีโรงเรียนบ้านบอ่ ดนิ ได้นารูปแบบการบริหาร 4T Development Model มา ทดลองใชเ้ พื่อการบริหารจัดการศึกษาแลว้ นัน้ ส่งผลให้เกดิ การพฒั นาและเปลยี่ นแปลงต่อโรงเรียนบา้ น บ่อดิน ซงึ่ สามารถสรุปโดยสังเขปไดด้ งั ต่อไปนี้ 1. การพัฒนาด้าน T1 (Team Work) ส่งผลใหโ้ รงเรียนบา้ นบ่อดินมเี ครอื ขา่ ยความรว่ มมือที่ ชว่ ยส่งเสริม สนับสนุน ในการพัฒนาสถานศกึ ษาและคณุ ภาพของผู้เรียนอย่างหลากหลาย ตวั อย่างเช่น เครอื ขา่ ยคณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน เครอื ขา่ ยผปู้ กครองนักเรียน เครอื ขา่ ยศษิ ยเ์ ก่า เครอื ข่ายโรงเรียนใกลเ้ คยี ง เป็นตน้ ส่งผลใหโ้ รงเรยี นไดร้ บั ความรว่ มมอื ในการพัฒนาในมติ ิตา่ ง ๆ อยา่ ง หลากหลาย ตอ่ เน่อื งและสมา่ เสมอ เช่นการระดมทรพั ยากรเพ่ือการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาของ โรงเรียนบา้ นบอ่ ดนิ ในรูปแบบการจดั งานทอดผา้ ปา่ สามคั คี โดยมตทิ ่ีประชมุ ผปู้ กครอง ศษิ ย์เกา่ โรงเรยี นบา้ นบ่อดินและคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ได้ใหค้ วามเหน็ ชอบกาหนดใหม้ กี ารจดั งานผา้ ปา่ สามัคคีทกุ ๆ 2 ปี โดยมวี ัตถปุ ระสงค์หลกั เพ่อื ระดมทนุ ทรพั ยใ์ นการพัฒนาโรงเรยี นบ้านบอ่ ดิน ทาให้โรงเรยี นไดร้ ับการพัฒนาอยา่ งรวดเรว็ ตามมา เปน็ ต้น ในสว่ นของการพัฒนาทีมงานภายในองค์กร โรงเรยี นได้สง่ เสรมิ การทางานเป็นทมี มกี ารแบง่ ปนั จดั สรร หนา้ ท่แี ละความรบั ผดิ ชอบรว่ มกัน ใหโ้ อกาส และสิทธิในการแสดงความคิดเหน็ ตอ่ กิจกรรมที่โรงเรยี นจะตอ้ งดาเนินการร่วมกนั อยา่ งกวา้ งขวาง มีการ วิพากษ์วจิ ารณ์แสดงเหตผุ ลกนั ในทปี่ ระชุม และหาขอ้ ยุตทิ ดี่ ีทีส่ ดุ สาหรับกิจกรรมนั้น ๆ ร่วมกัน โดยทกุ คนเคารพในความคิดเห็นของทุกฝ่ายอยา่ งเทา่ เทยี มกัน เมือ่ ไดข้ อ้ ยุตริ ่วมกนั แลว้ ทุกคนทุกฝ่ายให้ความ ร่วมมอื และมคี วามสามัคคใี นการทางานรว่ มกนั ถือเป็นการทางานแบบมสี ว่ นรว่ ม และเป็นลักษณะของ การทางานเป็นทมี ท่ีมีคุณภาพมากยิง่ ข้ึนกวา่ เดมิ 2. การพฒั นาดา้ น T2 (Teacher) การพฒั นาบุคลากรสู่การทางานแบบมอื อาชพี เปน็ เร่ืองท่ี มีความสาคัญและจาเปน็ ต่อการพฒั นาคุณภาพของผู้เรยี นเป็นอย่างมาก ทงั้ นี้เพราะครูและบคุ ลกรทกุ คนภายในโรงเรียนล้วนเปน็ บุคคลทีม่ ีบทบาทสาคญั ในการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ตา่ ง ๆ อกี ท้ัง การปลกู ฝังคณุ ธรรม จรยิ ธรรมใหก้ บั ผเู้ รยี น เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นไดร้ บั การพัฒนาเป็นมนษุ ย์ที่สมบรู ณ์ ดว้ ยเหตุ ดังกลา่ วโรงเรยี นบา้ นบอ่ ดินจึงไดส้ ง่ เสรมิ และสนับสนนุ ให้บคุ ลากรทกุ คนได้รบั การพฒั นาตนเองอย่าง จริงจงั ในรปู แบบตา่ ง ๆ กนั เชน่ การส่งไปเขา้ รับการฝึกอบรม สมั มนา ศึกษาดูงานและการพัฒนาภายใน องค์กรเองดว้ ยรูปแบบ PLC หรอื กิจกรรมอยา่ งอ่ืน เป็นต้น ซงึ่ จากการพัฒนาครแู ละบคุ ลากรสู่การ ทางานอย่างมืออาชพี น้ัน สง่ิ ทไ่ี ดต้ ามมาคือครมู วี ิธีการจดั การเรยี นการสอนด้วยวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย มี การใชน้ วตั กรรมและเทคโนโลยที างการศกึ ษาเพือ่ การจดั การเรยี นการสอนมากยิง่ ขึ้น ส่งผลให้ผเู้ รยี นมี ความสนใจใสใ่ จตอ่ การเรยี นรดู้ ว้ ยวธิ ีการสอนของครทู ่หี ลากหลายวธิ มี ากขึ้น ผู้เรียนเรยี นรู้ได้อย่างมี ความสุข สนกุ สนานกับการรับรเู้ รียนรู้ ทาให้คุณภาพการเรียนดขี ้ึน คณุ ภาพการจดั การเรยี นการสอนดี ขน้ึ กว่าเดมิ เป็นอย่างมาก นอกจากน้ัน ครูและบุคลากรทกุ คนมเี ปา้ หมายและทิศทางในการทางานท่ี ชัดเจนมากยงิ่ ขน้ึ มขี วัญและกาลังใจที่ดตี ่อการประกอบวิชาชีพ มีอดุ มการณ์และความมุ่งมน่ั ในการ
17 ทางานมากข้นึ ส่งผลสะทอ้ นไปยงั คุณภาพของผ้เู รยี น และประสทิ ธิภาพของงานในความรับผดิ ชอบของ บคุ ลากรทกุ คนสงู ขน้ึ การดาเนนิ งานและกจิ กรรมตา่ ง ๆ ของโรงเรยี นบรรลตุ ามวัตถุประสงค์และ เป้าหมายของงาน อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ซงึ่ ทั้งนลี้ ้วนเกดิ มาจากกระบวนการพัฒนาคณุ ภาพของบคุ ลากร ของโรงเรียนบ้านบ่อดนิ อยา่ งจงิ จัง 3. การพัฒนา T3 (Technology) ในปัจจุบันเปน็ ทีย่ อมรับกนั แลว้ ว่าเทคโนโลยมี ีบทบาทที่ สาคญั และจาเปน็ ตอ่ การพฒั นาคุณภาพการศึกษาเปน็ อยา่ งมาก ทงั้ นเี้ พราะเทคโนโลยีทางการศกึ ษา และเทคโนโลยสี ารสนเทศเปน็ ท้งั สอื่ นวัตกรรมและช่องทางหรอื เครื่องมือในการเรียนรู้หรอื การแสวงหา ความรู้ของผเู้ รียนในยคุ ปัจจุบนั ประกอบกับวัสดุ อปุ กรณ์และเคร่ืองมืออานวยความสะดวกใน ชวี ติ ประจาวันท่ัวไปลว้ นแล้วแตเ่ ป็นเครื่องมอื ทางเทคโนโลยีแทบทง้ั ส้ิน ดังน้นั การเรียนร้กู ารใช้งานและ การปอ้ งกนั ภัยจากเทคโนโลยจี ึงเปน็ ส่งิ สาคญั ท่โี รงเรียนบา้ นบ่อดินมงุ่ ส่งเสริม สนบั สนุน พฒั นา เทคโนโลยที างการศกึ ษา และเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพอ่ื การจัดการเรยี นรู้และประสบการณ์ให้กับผูเ้ รยี น ทกุ ระดับชน้ั โดยจากการดาเนนิ การที่ผา่ นมาโรงเรยี นบา้ นบอ่ ดนิ ได้พัฒนาเทคโนโลยที างการศกึ ษาและ เทคโนโลยีสารสนเทศ อยา่ งหลากหลายอาทิ เชน่ การพัฒนาและขยายการจดั การเรียนการสอนทางไกล ผา่ นดาวเทยี ม ( NEW DLTV ) การจดั การเรียนการสอนด้วยสอ่ื คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน ( CAI ) การเรียน การสอนผ่านทางแอพพลเิ คชั่นหรอื เว็บไซดต์ ่าง ๆ เช่น Youtube DLIT การประยุกตใ์ ชบ้ รกิ าร google เพื่อการจดั การเรยี นการสอนและการวัดประเมนิ ผลผเู้ รยี น การจัดทาเว็บไซตเ์ พื่อประชาสัมพนั ธ์กิจกรรม ของโรงเรียน และใช้เปน็ ช่องทางในการติดต่อส่อื สารกับผู้ปกครองหรือบุคคลภายนอก การใหบ้ รกิ ารใน การสืบคน้ หาความรผู้ ่านเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนตแก่นกั เรยี นและชุมชน เปน็ ตน้ จากการพัฒนาดา้ น เทคโนโลยที างการศึกษาและเทคโนโลยสี ารสนเทศภายในสถานศึกษาทผ่ี ่านมา สง่ ผลให้สามารถเร่ง อัตราการเรยี นรูใ้ ห้เรว็ ขึ้น ลดภาระทางดา้ นการบริหารของครูและยังทาหน้าท่แี ทนครูในการถา่ ยทอด เร่อื งราวหรือข่าวสารประจาวนั ต่าง ๆ เทคโนโลยเี น้นการศกึ ษาไปสคู่ วามเปน็ สว่ นบคุ คลมากขน้ึ การ นาเอาเทคโนโลยีมาใชอ้ ยา่ งเหมาะสมนั้นเปน็ การขยายขอบเขตของการเรียนร้อู อกไปไดอ้ ย่างกว้างขวาง เทคโนโลยที าใหก้ ารสอนมพี ลังย่ิงข้ึน ระบบการสือ่ สารในปัจจุบนั ไดช้ ่วยเพม่ิ ความสามารถใหก้ ับคนเรา ดังนนั้ สือ่ การสอนในยุคใหมน่ ีจ้ งึ สามารถจาลองสถานการณ์จริง ช่วยรน่ ระยะทางและเหตกุ ารณ์ท่ีอยู่คน ละซกี โลกมาสู่นกั เรยี นไดเ้ ทคโนโลยที าให้การเรียนเป็นไปอย่างฉบั พลนั ย่งิ ข้นึ เทคโนโลยกี ารสอน เปรียบเสมือนสะพานทเี่ ชือ่ มโยงระหวา่ งทอี่ ยู่ภายนอกโรงเรียนและโลกทอ่ี ย่ภู ายในโรงเรยี นเทคโนโลยี สามารถทาใหเ้ กิดความเสมอภาคของการศึกษามากข้ึน ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไดท้ กุ หนแหง่ เทคโนโลยพี ร้อมทีจ่ ะหยบิ ยนื่ ความรใู้ หแ้ ก่ทุกคนเสมอ ผ้เู รยี นมีโอกาสใช้ความสามารถของ ตนเองเรียนรไู้ ด้อยา่ งเตม็ ท่ี กล้าตัดสินใจเลือกเรียนตามช่องทางตามความเหมาะสมกบั ความสามารถของ ตนเอง กระบวนการเรยี นรงู้ ่ายขึน้ ผ้เู รยี นมีอสิ ระในการเรยี นมากขน้ึ สามารถเรยี นรู้ไดท้ ุกที่และทุกเวลา ประสิทธภิ าพในการสอนของครสู งู ขน้ึ ผ้สู อนสามารถจัดกจิ กรรมได้หลากหลาย กระบวนการสอนง่ายข้ึน ผสู้ อนสามารถแกป้ ญั หาความไมถ่ นดั ของตนเองได้ ผสู้ อนสามารถสอนผเู้ รียนไดเ้ นื้อหาท่กี วา้ งและลึก กวา่ เดมิ ง่ายต่อการวัดและประเมนิ ผล ที่สาคญั ผเู้ รยี นได้เรยี นรูอ้ ย่างมีความสขุ
18 4. การพฒั นา T4 (Trying) คอื การพฒั นาความมงุ่ ม่ัน ตั้งใจ ความพยายามในการทางานให้ บรรลเุ ป้าหมายอย่างเดียวกัน ซง่ึ เป็นเปา้ หมายขององคกรคือ คุณภาพของผู้เรียนเปน็ สาคัญ การพฒั นา ด้านนีถ้ ือเป็นงานยากในการดาเนนิ การเพราะเป็นเรื่องของการปลูกจิตสานกึ ในการทางานเป็นการ เสรมิ สรา้ งลักษณะนิสัยในการทางานอยา่ งมุ่งม่ัน ต้งั ใจ เราไดใ้ ชเ้ วลาในที่ประชมุ พบปะพดู คุยกันกับ ข้าราชการครูและบุคลากรทุกคน โดยชใ้ี หเ้ หน็ ถึงวัตถปุ ระสงค์ของการจัดการศกึ ษาใหก้ ับผ้เู รียนอย่างมี ทศิ ทางเดยี วกัน และขอใหท้ กุ คนร่วมแรง รว่ มใจ ในการพัฒนาคณุ ภาพของผูเ้ รียนรว่ มกนั จากการ ดาเนินการพฒั นาดังท่กี ลา่ วมาขา้ งตน้ ส่งผลให้ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรมีความกระตอื รือร้นและมี ความมงุ่ มัน่ ต้ังใจในการปฏิบัตงิ านตามทไี่ ด้รบั มอบหมายมากขึ้นกว่าเดิม ทาใหก้ ารดาเนินงานต่าง ๆ ของ โรงเรียนบา้ นบ่อดนิ สาเรจ็ ลุลว่ ง ไปดว้ ยดี บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตง้ั ไวไ้ ดอ้ ย่างราบร่นื เรียบร้อยทุกประการ ***************************************************
ภำคผนวก คณะผจู้ ัดทำ ผอู้ านวยการโรงเรียนบา้ นบ่อดิน ประธาน 1. นายณัฐพล มีเวที 2. นางสาวเพชรรตั น์ กุสะรมั ย์ ครโู รงเรยี นบ้านบ่อดิน กรรมการ 3. นางสาวประนอม ดวงศลิ เจ้าหนา้ ทธ่ี ุรการโรงเรยี นบ้านบอ่ ดนิ กรรมการและเลขานกุ าร
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: