Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พัฒนาการของทวีป ออสเตรเลีย

พัฒนาการของทวีป ออสเตรเลีย

Published by student9197, 2021-07-14 04:30:31

Description: พัฒนาการของทวีป ออสเตรเลีย

Search

Read the Text Version

พฒั นาการของทวปี ออสเตรเลีย

ออสเตรเลยี เป็นทวีปเกือบสดุ ทา้ ยท่ีชาวยโุ รปเดินทางมาพบ ก่อนหนา้ นีช้ าวยโุ รป ไม่ทราบวา่ ยงั มีดินแดนทางตอนใต้ เพยี งแตค่ าดวา่ นา่ จะมี ในสมยั กรกี โบราณ นกั ภมู ิศาสตรช์ ่ือ ปโตเลมี ไดเ้ ขียนแผนท่ีโลก โดยแสดงใหเ้ หน็ วา่ ทางตอนใตข้ องทวปี แฟ รกิ ามีดนิ แดนเช่ือมตอ่ กบั ทางตอนใตข้ องทวีปเอเชียซง่ึ ปิดลอ้ มมหาสมทุ รอนิ เดยี ไว้ และตงั้ ช่ือดินแดนสว่ นนนั้ วา่ “แทรร์ า อินคอกนิตา\" Terra Incognita แปลวา่ ดินแดนท่ียงั ไมร่ ูจ้ กั ตอ่ มาในสมยั กลาง นกั ภมู ิศาสตรก์ ็ยงั เช่ือวา่ ดินแดนทาง ใตน้ ีม้ ีอยู่ จึงปรากฏแผนท่ีหลายฉบบั ท่เี ขยี นขนึ้ ในสมยั กลาง ท่ีแสดงท่ีตงั้ ของแผ่นดนิ ขนาดใหญ่ทางตอนใตข้ องมหาสมทุ รอนิ เดยี แบบเดียวกบั ปโตเลมี แตเ่ รยี กดินแดนนี้ วา่ แทรร์ า ออสตราลสิ Terra Australis แปลวา่ ดนิ แดนทางใต้ ซง่ึ ช่ือนี้ กลายเป็นช่ือของทวปี และประเทศออสเตรเลีย ในปัจจบุ นั

การคน้ พบออสเตรเลยี ของชาวยโุ รปไดร้ บั การบนั ทกึ ไวค้ รงั้ แรกในเดอื นมีนาคม ค.ศ.1606 เม่ือชาว นกั สารวจชาวฮอลนั ดา ช่ือ วลิ เลม แจนสซนู Willem Janszoon ค.ศ.1571-1638 ทาแผน ท่ชี ายฝ่ังของแหลมเคปยอรก์ และคาบสมทุ รเพนินซลู า Cape York and Peninsula ของรฐั ควนี สแลนด์ จากการคน้ พบครงั้ นนั้ ทาใหเ้ รม่ิ มีการทาแผนท่ีชายฝ่ังตอนเหนือของประเทศ ออสเตรเลีย ตอ่ มา ในปี ค.ศ. 1642 นกั เดินเรอื ชาวฮอลนั ดา ช่ือ อเบล แทสมนั ไดเ้ ดินเรอื จาก มหาสมทุ รอินเดยี ออ้ มไปทางใตข้ องออสเตรลีย จนพบเกาะ ซง่ึ เขาเรยี กช่ือวา่ เกาะแวนดีเมน Van Diemen's Land ตอ่ มาเปลย่ี นช่ือเป็นเกาะแทสมาเนียเพ่ือเป็นเกียรตแิ ก่ อเบล แทสมนั และเรยี กดินแดนท่ีคน้ พบนีว้ า่ “นิวฮอลแลนด”์ New Holland แตข่ ณะนนั้ ยงั ไมม่ ีความตงั้ ใจ ท่จี ะประกาศยดึ ครองดินแดนดงั กลา่ ว ตอ่ มาในปีเดียวกนั นกั สารวจชาวสเปน ช่ือ หลยุ ส์ วาเอซ เดอ ทอเรส Luis Vaez de Torres ไดเ้ ดินเรอื ผ่านชอ่ งแคบระหวา่ งออสเตรเลยี และปาปัว นิวกินี จงึ เรยี กบรเิ วณนีว้ า่ “ชอ่ งแคบทอเรส”

จากนนั้ ในปี ค.ศ.1688 วิลเลยี ม แดมเปียร์ William Dampier เป็นนกั เดนิ เรอื ชาวองั กฤษ คนแรกท่ีเขา้ ไปตงั้ ถ่ินฐาน บนชายฝ่ังทะเลดา้ นตะวนั ตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย โดยเขยี นช่ือไว้ บนสงั กะสตี อกตดิ ไวบ้ นตน้ ไม ้เ้ พราะพบคนพืน้ เมืองแสดงอาการเป็นศตั รูและสภาพภมู ิอากาศ แหง้ แลง้ จงึ ไมส่ นใจ ตอ่ มาในปี ค.ศ.1770 กปั ตนั เจมส์ คกุ James Cook ชาวองั กฤษ ได้ ลอ่ งเรอื มาสารวจและไดจ้ ดั ทาแผนที่ทางดา้ นชายฝ่ังตะวนั ออกของทวีปออสเตรเลีย เห็นสภาพ ภมู ิอากาศคลา้ ยแควน้ เวลสข์ องสหราชอาณาจกั รจงึ ไดต้ งั้ ช่ือดนิ แดนแถบนนั้ วา่ “นิวเซาท์ เวลส”์ New South Wales พรอ้ มกนั นนั้ ไดป้ ระกาศใหเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของสหราชอาณาจกั ร แลว้ ยดึ ครองออสเตรเลยี เป็นอาณานิคม

• สาเหตทุ ่ีรฐั บาลองั กฤษตดั สนิ ใจสง่ นกั โทษมาตงั้ ถ่ินฐานท่ี ออสเตรเลยี เน่ืองจาก องั กฤษไดส้ ญู เสยี อาณานิคมในทวีป อเมรกิ าเหนือ และตอ้ งการระบายนกั โทษท่ีแออดั อยใู่ นคกุ ของ ประเทศองั กฤษ โดยกปั ตนั อารเ์ ธอรฟ์ ิ ลลปิ Arthur Philip เป็นผคู้ วบคมุ นกั โทษกลมุ่ แรกไดเ้ ดนิ ทางมาถงึ อา่ วซิดนีย์ เม่ือ วนั ท่ี 18 มกราคม ค.ศ. 1788 และไดย้ า้ ยมาตงั้ ถ่ินฐานถาวร บรเิ วณ อา่ ว พอรต์ แจคสนั แลว้ ตงั้ ช่ือวา่ ซดิ นีย์ โคฟ ในวนั ท่ี 26 มกราคม 1788 (ถือเป็นวนั ชาติออสเตรเลีย) นบั เป็นจดุ เร่มิ ตน้ ของการตงั้ ถ่ินฐานในทวีปออสเตรเลียของชาวองั กฤษ

ผตู้ งั้ ถ่ินฐานในยคุ แรกสว่ นใหญ่จะเป็นนกั โทษและครอบครวั ของทหารแลว้ อีกสว่ นหน่งึ คือ ผูท้ ่ีตงั้ ใจยา้ ยมาตงั้ ถ่ิน ฐานใหมซ่ ง่ึ รวมถึงชนชาติอ่ืน ๆ อาทิ อติ าเลยี น กรกี และชาวยโุ รปชาติอ่ืน ๆ ตลอดจนชาวเอเชีย อาทิ จีน มาเลเซยี อนิ โดนีเซยี เป็นตน้ โดยเรม่ิ ตงั้ ถ่ินฐานครงั้ แรกบรเิ วณอ่าวโบตานีเมืองซดิ นีย์ ในปัจจบุ นั ตอ่ มามกี ารคน้ พบทองคา ในปี ค.ศ. 1800 จดั วา่ เป็นยคุ \"ต่นื ทอง\" Gold rush สง่ ผลใหผ้ ทู้ ่ีมิใช่นกั โทษ อพยพเขา้ มาตงั้ ถ่ินฐานในทวปี ออสเตรเลียมากขนึ้ เรอ่ื ย ๆ โดยกลมุ่ คนท่ีมามีทงั้ ชาวองั กฤษ ไอรแ์ ลนด์ เยอรมนั จีน นอกจากนี้ ยงั มชี าวแอฟรกิ นั อพยพเขา้ มาและมีการนา อฐู เขา้ มาดว้ ย เพ่ือออกสารวจในพืน้ ท่ีภายในทวีป ปรากฏวา่ ชว่ งระยะเวลา เพยี ง 10 ปี ระหวา่ ง ค.ศ. 1853-1863 ประชากรในอาณานคิ ม วิตอเรยี เพ่มิ ขนึ้ จาก 77,000 คน เป็น 540,000คน ผลของการต่ืนทอง เป็นเหตใุ หม้ ีผคู้ นอพยพเขา้ ไปในออสเตรเลียเพ่มิ มากขนึ้ โดยเฉพาะชาวจีน ไดเ้ ดนิ ทางเขา้ ไปแสวงโชคหางานทา ชาวอาณานคิ มท่ีเป็นชาวผิวขาวเรม่ิ วติ กกงั วลและตงั้ ขอ้ รงั เกียจชาวจีนท่ีเขา้ มาแยง่ อาชีพ รฐั บาลของออสเตรเลีย จงึ ไดใ้ ช้ นโยบายออสเตรเลยี ขาว White australian policy เพ่อื จากดั คนท่ีไม่ใช่ผวิ ขาวเขา้ เมือง โดยพาะชาวจีน

การต้งั ถ่ินฐานบนเกาะแทสเมเนีย หรือ ชื่อที่เรียกในขณะน้นั คือ แวนไดเมนส์แลนด์ Van Diemen's Land ซ่ึงต่อมาในปี ค.ศ. 1825 แยกออกมาเป็นอีกรัฐหน่ึง ชื่อ รัฐแทสเมเนีย ตามชื่อ นกั เดินเรือ อเบลแจนซูน ทสั มนั Abel Janszoon Tasman นบั ต้งั แต่ตน้ ทศวรรษ 1850 อุตสาหกรรมขนสัตว์ การขดุ ทอง การขาดแคลนแรงงาน แผน่ ดินอนั กวา้ งใหญ่ สาหรับการเพาะปลูก การทาเหมืองแร่ และการคา้ ขาย ไดท้ าใหอ้ อสเตรเลียเป็นดินแดนแห่งโอกาส และเป็น แรงกระตุน้ ใหค้ นจากพ้ืนที่ต่าง ๆ ทว่ั โลกหลงั่ ไหลมาต้งั ถ่ินฐานในดินแดนออสเตรเลียเพ่ิมจานวนมากข้ึน ในปี ค.ศ.1829 สหราชอาณาจกั รไดป้ ระกาศยดึ ครองดินแดนทางฝ่ังตะวนั ตกของทวปี ออสเตรเลีย และไดแ้ ยก ดินแดนทางดา้ นตะวนั ตกออกจาก นิวเซาทเ์ วลส์ มาเป็นอีกหลายมลรัฐ ไดแ้ ก่ รัฐออสเตรเลียใต้ ในปี ค.ศ.1836 รัฐน้ีเรียกวา่ เป็น พ้ืนที่เสรี Free Province คือ เป็นรัฐท่ีไม่ไดเ้ ก่ียวขอ้ งกบั การรองรับนกั โทษ Penal Colony รัฐวคิ ตอเรีย ในปี ค.ศ.1851 และรัฐควนี ส์แลนด์ ในปี ค.ศ.1859 ในส่วนของเขตการปกครอง เทอร์ริ ทอรีเหนือNorthern Territory ก่อต้งั เมื่อปี ค.ศ.1911 โดยเป็นส่วนท่ีตดั ออกมาจากรัฐออสเตรเลียใต้ ในปี ค.ศ.1848 นบั เป็นปี แห่งการยตุ ิการขนส่งนกั โทษมายงั ทวปี ออสเตรเลีย เน่ืองจากมีการรณรงคย์ กเลิก มาตรการดงั กล่าวโดยกลุม่ ผตู้ ้งั ถ่ินฐาน ประเทศออสเตรเลียจึงไม่ใช่ดินแดนอาณานิคมของนกั โทษอีกต่อไป ก่อนที่ชนชาติยโุ รปจะยา้ ยถิ่นฐานมาที่ทวปี ออสเตรเลีย บนทวปี น้ีมีชนพ้นื เมืองอาศยั อยู่ ซ่ึงจานวนประชากรใน ขณะน้นั คาดวา่ ประมาณ 315,000 คน แตว่ ถิ ีชีวติ ของชนพ้ืนเมืองเหล่าน้ีถูกเปลี่ยนไปเม่ือองั กฤษเขา้ มายดึ ครอง และประกาศเป็นพ้นื ที่อาณานิคม ซ่ึงต่อมาทาใหช้ นพ้ืนเมืองมีจานวนลดนอ้ ยลง โดยในช่วงปี ค.ศ.1930 จานวน ประชากรลดลงมาอยทู่ ี่ร้อยละ 20 ของจานวนประชากรเริ่มแรก

สรุปนบั ต้งั แต่ปี ค.ศ.1788 มีชายหญิงประมาณ 160,000 คน ที่อพยพไป ออสเตรเลียในฐานะเสมือนนกั โทษ อยา่ งไรกต็ าม ในช่วงเวลาน้ีชนพ้ืนเมือง ของออสเตรเลียไดเ้ ผชิญความยากลาบาก จากการรุกรานของผอู้ พยพท่ีอา้ ง สิทธิในฐานะเจา้ อาณานิคม มีการขบั ไล่ออกจากพ้ืนที่ และการเขา้ ยดึ ทรัพย์ ใน ขณะเดียวกนั ชนพ้นื เมืองตอ้ งอยอู่ ยา่ งลาบาก เจบ็ ไขไ้ ดป้ ่ วยและการเสียชีวติ ตลอดจนวถิ ีชีวติ ด้งั เดิมและธรรมเนียมปฏิบตั ิถูกทาลาย

•ใน ค.ศ. 1914 ออสเตรเลียไดเ้ ขา้ รว่ มในสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 ซง่ึ ก่อใหเ้ กิด ความเสียหายตอ่ ประเทศออสเตรเลยี เป็นอย่างมาก ผชู้ ายออสเตรเลีย เกือบ 3 ลา้ นคน และอาสาสมคั รเกือบ 400,000 คนตอ้ งเขา้ รว่ มรบใน สงคราม ผลจากสงครามทาใหม้ ผี เู้ สยี ชีวิตประมาณ 60,000 คนและไดร้ บั บาดเจบ็ หลายหมน่ื คน ในชว่ งสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 กองกาลงั ของออสเตรเลียมสี ว่ นสนบั สนนุ ครงั้ สาคญั ในการเขา้ รว่ มเป็นพนั ธมิตรกบั ยโุ รป เอเชียและภาคพืน้ แปซฟิ ิก ได้ เขา้ สรู้ บในสงครามและไดร้ บั ชยั ชนะอยา่ งน่าภาคภมู ิใจ อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาระหวา่ งสงครามโลก เป็นเวลาทีป่ ระเทศไร้ เสถียรภาพ เศรษฐกิจตกต่า และสถาบนั ทางการเงนิ ของออสเตรเลียหลาย แหง่ ลม้

• ภายหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ีสอง หรอื หลงั จากปี ค.ศ.1945 ออสเตรเลียไดเ้ ขา้ สชู่ ว่ งเวลาแหง่ ความ เจรญิ รุง่ เรอื ง กลบั มาเฟ่ื องฟอู ีกครงั้ และเกิดความตอ้ งการแรงงานอยา่ งมาก ผหู้ ญิงจานวนมากเขา้ ไปทางาน ในโรงงาน ขณะท่ีผชู้ ายท่ีกลบั จากการออกรบในสงครามสามารถเขา้ มาทางานตอ่ ได้ ภายหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ออสเตรเลยี มีนโยบายท่ีไมแ่ บง่ แยกหรอื เลือกปฏบิ ตั ใิ นระดบั สากลและท่ีน่ีจงึ เป็นบา้ นสาหรบั ประชาชนท่ีมาจากกวา่ 200 ประเทศ

• ในช่วงทศวรรษ 1950 เศรษฐกิจออสเตรเลยี พฒั นาขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ เกิดโครงการก่อสรา้ งขนาดใหญ่ ระดบั ชาติ เช่น Snowy Mountains Scheme ซง่ึ เป็นแผนกาลงั ไฟฟา้ พลงั นา้ ตงั้ อย่ใู นภเู ขา บรเิ วณภาคตะวนั ออกเฉียงใตข้ องออสเตรเลยี รวมถงึ ชานเมืองออสเตรเลยี กเ็ รม่ิ มีความเจรญิ แผ่ไปถงึ ทาให้ อตั ราผเู้ ป็นเจา้ ของบา้ นเพ่มิ มากขนึ้ จากรอ้ ยละ 40 ในปี ค.ศ.1947 เป็นรอ้ ยละ 70 ในทศวรรษ 1960

• การพฒั นาอ่นื ๆ รวมถงึ การรกั ษาความปลอดภยั ทางสงั คมของรฐั บาลและการเรม่ิ เผยแพร่ สญั ญาณโทรทศั น์ และในปี ค.ศ.1956 เมืองเมลเบริ น์ ไดเ้ ป็นเจา้ ภาพจดั กีฬาโอลมิ ปิก ทาให้ ออสเตรเลียไดส้ อ่ งแสงประกายไปในระดบั นานาชาตชิ ่วงทศวรรษ 1960 เป็นช่วงเวลาแหง่ การ เปล่ยี นแปลงของออสเตรเลีย โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1967 ชาวออสเตรเลียไดล้ งประชามตริ ะดบั ชาติ โดยมีคะแนนเสยี งอยา่ งทว่ มทน้ ใหร้ ฐั บาลแหง่ ชาตมิ ีอานาจผา่ นกฎหมายท่ีทาในนามของชน พืน้ เมืองออสเตรเลยี เพ่ือพฒั นาเง่ือนไขความเป็นอยขู่ องชาวอะบอรจิ ินและชาวเกาะทอเรส สเตรท ซง่ึ ในปัจจบุ นั จานวนชนพืน้ เมืองมีอยมู่ ากกวา่ รอ้ ยละ 2 ของประชากรทงั้ ประเทศ นอกจากนี้ รฐั บาลออสเตรเลยี ไดด้ าเนินบทบาทท่ีสาคญั โดยการพยายามสรา้ งความสมานฉนั ท์ ระหวา่ งกลมุ่ ชนพืน้ เมอื งและท่ีมิใชช่ นพืน้ เมอื ง การดาเนินการท่ีสาคญั คือ การออกมากลา่ วขอโทษ อยา่ งเป็นทางการของรฐั บาลเม่ือวนั ท่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ. 2008 ในกรณีท่ีมีการแยกเดก็ ชาว พนื้ เมืองออกจากครอบครวั ดงั้ เดมิ เพ่ือตอ้ งการลบลา้ งวฒั นธรรม ประเทศออสเตรเลยี ในปัจจบุ นั นบั เป็นประเทศท่ีมีความม่นั คงทงั้ ทางดา้ นเศรษฐกิจ การเมอื ง สงั คม การศกึ ษาและวฒั นธรรมท่ีจะเจรญิ ตอ่ ไป •


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook