Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการจัดตั้งและพัฒนากลุ่มอาชีพ

แนวทางการจัดตั้งและพัฒนากลุ่มอาชีพ

Description: แนวทางการจัดตั้งและพัฒนากลุ่มอาชีพ

Search

Read the Text Version

แนวทาง การจดั ตงั้ และพฒั นากลมุ่ อาชีพ สำ� นักเสรมิ สร้างความเขม้ แข็งชุมชน กรมการพฒั นาชุมชน กล่มุ งานสง่ เสริมสมั มาชีพชุมชน

๑ คานา กรมการพฒั นาชุมชน ได๎สํงเสรมิ “การพัฒนาอาชีพครัวเรือน” เพ่ือให๎ ครัวเรือนมีอาชีพท่ีสร๎างรายได๎ให๎ตนเอง ทาให๎เศรษฐกิจฐานรากมีความมั่นคง ชุมชนมีความเข๎มแข็ง ประชาชนใช๎ชีวิตอยูํในชุมชนอยํางมีความสุข โดยได๎ ดาเนินโครงการสร๎างสัมมาชีพชุมชนตามหลักปรัชญาของเศ รษฐกิจพอเพียง ด๎วยการให๎ชาวบ๎านสอนชาวบ๎านในสิ่งท่ีเขาอยากทา เริ่มด๎วยการพัฒนาทักษะ การถํายทอดองค๑ความรู๎ให๎กับปราชญ๑ชุมชนด๎านอาชีพ เพ่ือให๎ไปสร๎างทีม วิทยากรสัมมาชีพชุมชนระดับหมํูบ๎าน และจัดฝึกอบรมอาชีพให๎กับครัวเรือน เปูาหมาย จนสามารถนาไปประกอบอาชีพได๎จริง พร๎อมท้ังสนับสนุนให๎ ผู๎ท่ีประกอบอาชีพเดียวกันหรือประเภทอาชีพเดียวกันรวมกันเป็นกลุํมอาชีพ เพ่ือชํวยเหลือซึ่งกันและกันในการประกอบอาชีพ โดยกรมฯ ได๎จัดทาเอกสาร แนวทางการสร๎างสัมมาชีพชุมชน และเอกสารสัมมาชีพชุมชน สร๎างวิถีชีวิต ท่ียัง่ ยืน สนับสนุนการดาเนนิ งานแลว๎ นนั้ เพื่อเป็นการเสริมสร๎างความรู๎ความเข๎าใจ ในการขับเคล่ือนการสร๎าง สัมมา ชีพชุม ชนแ กํผู๎มีสํ วนเก่ียวข๎ องใน ทุกภ าคสํว นอยํ างตํอเน่ือง กรมการพัฒนาชุมชน จึงได๎จัดทาเอกสาร “แนวทางการจัดต้ังและพัฒนา กลุ่มอาชีพ” ขึ้น เพื่อเป็นเคร่ืองมือในการสนับสนุนการจัดต้ังและพัฒนา กลํุมอาชีพให๎มีความเข๎มแข็ง สามารถเข๎าถึงแหลํงทุน และนากลุํมอาชีพ เข๎าสํูระบบการลงทะเบยี นผ๎ผู ลิต ผูป๎ ระกอบการ OTOP ตอํ ไป กรมการพฒั นาชมุ ชน กรกฎาคม 2560

สารบัญ หนา๎ กลมํุ ๐1 กลํมุ อาชพี ๐8 ขั้นตอนและวธิ กี ารจดั ตงั้ กลมุํ อาชีพ 10 การบริหารกลุมํ อาชีพ 15 การพฒั นากลุํมอาชพี 22 การนากลุมํ อาชพี เขา๎ สํู OTOP 26 มาตรฐานของกลมุํ อาชพี 31 ปัจจัยความสาเรจ็ ของกลมุํ อาชพี 35 ภาคผนวก ตวั อยําง ระเบยี บกลุํมอาชพี 38 แบบฟอร๑มเอกสารการจดทะเบยี นจดั ตัง้ กลุํมอาชพี - คาขอจดทะเบียนจดั ต้งั กลุํมอาชพี 44 - หนังสือสาคญั แสดงการจดทะเบยี นจัดตง้ั กลมุํ อาชพี 47 - รายชอื่ คณะกรรมการกลํุม 48 - รายช่ือสมาชิกกลุมํ 49 ตัวอยํางกลมํุ อาชพี 50 ความเชือ่ มโยงกรมการพฒั นาชมุ ชนกับการขบั เคลอ่ื น เศรษฐกจิ ฐานราก 5๗



๑ กลุ่ม ความหมายกลุม่ เครก (Krech) และคณะ อ้างใน หนังสือชุดวิชาการวิจัยชุมชน สานักมาตรฐานการศึกษา สานักงานสภาสถาบันราชภัฏกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความหมายของกลุ่มว่า “กลุ่ม” หมายถึง การที่มีคนตั้งแต่ ๒ คน ขนึ้ ไป มาพบกันในสถานการณ์ตอ่ ไปนี้ ๑. มีอุดมคติในการรวมกลุ่มร่วมกัน คือ มีความเช่ือ คุณค่า และบรรทัดฐานซึ่งจะนาไปสูก่ ารกระทารว่ มกนั ๒. มีสัมพันธภาพในกลุ่มอย่างอิสระ และการแสดงพฤติกรรม ของสมาชกิ แต่ละคนมอี ทิ ธิพลต่อกัน บรอดเบก (Brocdbeck) อธิบายว่า กลุ่ม คือ การรวมตัวกัน ของปัจเจกบุคคลท่ีมีความเก่ียวข้องซ่ึงกันและกัน ความเก่ียวข้องน้ัน มีลักษณะที่แน่นอน กล่าวคือ สามารถสังเกตเห็นได้ และชนิดของ ค ว า ม เก่ี ย ว ข้ อ ง น้ั น จ ะ ขึ้ น อยู่ กั บ ห รื อ ชี้ ให้ ท ร า บ ถึ ง ช นิ ด ข อ ง ก ลุ่ ม ว่ า จะเป็นครอบครัว ผู้ฟงั สหภาพแรงงาน หรอื ฝูงชน อาร์เธอร์ เอฟ เบนท์ลยี ์ (Arther F. Bentley) ผ้รู ิเร่ิม แนวคดิ เรื่องกลมุ่ ทางการเมอื งไดใ้ หค้ วามหมายไวว้ า่ “กลมุ่ ” คอื มวลมนุษย์ ท่มี ารวมกนั เพราะมีกจิ กรรมทม่ี ีจุดมงุ่ หมายรว่ มกนั และปัจเจกชนแต่ละคน จะใชก้ ลุ่มเพ่ือใหไ้ ด้มาซ่งึ ผลประโยชน์ทางการเมอื ง สงั คม และเศรษฐกิจ กลมุ่ ทุกกลมุ่ จะมผี ลประโยชนจ์ งึ จะเปน็ ของคูก่ นั ประเวศ วะสี กล่าวว่า “กลุ่ม หรือ องค์กรชุมชน” ถือเป็น กลไกที่สาคัญยิ่งในการพัฒนาชุมชนให้เกิดความยั่งยืน เพราะองค์กร ดังกล่าวคือรูปแบบของการรวมตัวกันทางสังคมท่ีจะต้องถ่วงดุล กับอานาจรัฐ และอานาจเงิน เป็นการรวมตัวกันของชาวบ้านตั้งแต่ ๒ คน ข้ึนไป ซ่ึงมีชื่อเรียกกันหลายอย่าง เช่น องค์กรชุมชน องค์กรประชาชน องค์กรชาวบ้าน หรือกลุ่มสนใจ เปน็ ตน้

2 ดังนั้น กลุํม หรือ องค๑กรชุมชน เป็นองค๑กรท่ีเกิดจาก การรวมกลมํุ ของชาวบา๎ นในชุมชนนั้นๆ เพื่อรํวมกันแก๎ไขปัญหาของชุมชน รปู แบบของการรวมกลํุมของชาวบ๎านมีหลายรูปแบบ บางองค๑กรเกิดจาก การจัดตั้งอยํางเป็นทางการโดยรัฐ หรือ ไมํเป็นทางการโดยองค๑กร พัฒนาเอกชน ดงั น้ี ๑. องค๑กรชาวบ๎านที่ทางราชการจัดตั้ง เชํน คณะกรรมการ หมูํบ๎าน กองทุนหมํูบ๎าน กลุํมเกษตรกร สหกรณ๑การเกษตร เป็นต๎น โดยองค๑กรเหลํานี้จะมีเจ๎าหน๎าที่ของรัฐ กฎหมาย กฎระเบียบ ทางราชการกากบั ดูแลและใหก๎ ารสนับสนนุ 2. องค๑กรชาวบ๎านแบบไมํเป็นทางการ มักมีชื่อเรียกเป็นกลุํม ท่ีชาวบ๎านรวมตัวกันทากิจกรรมพัฒนาตํางๆ เชํน กลํุมสตรี กลุํมทอผ๎า กลุํมผู๎ใช๎น้า กลุํมอาชีพ กลุํมออมทรัพย๑ฯ เป็นต๎น กลุํมเหลําน้ีมักมี กฎระเบียบไมํมากนัก และไมํขึ้นตํอทางราชการ หรือเอกชนท่ีเข๎าไป จัดต้ัง แตํจะข้ึนอยูํกับความสมัครใจ และการกาหนดกฎเกณฑ๑ ข้ึนมาเองจึงคํอนข๎างอิสระ และมักจัดรูปแบบโครงสร๎างองค๑กร ตามเนอื้ หาของงานหรือกิจกรรมทีด่ าเนนิ 3. องค๑กรชาวบ๎านท่ีรวมตัวกันเป็นเครือขําย อาจเป็นองค๑กร ท่ีชาวบ๎านจัดตั้งข้ึนเอง หรือมีองค๑กรพัฒนาเอกชน ราชการ เข๎าไป สนับสนุนการรวมกิจกรรมท่ีคลา๎ ยๆ กัน เปน็ กลมุํ ก๎อน หรือ รวมปัญหา หลายๆ ปัญหาเข๎าด๎วยกัน เชํน ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหา เกีย่ วกับผลผลิตทางการเกษตร เป็นต๎น 4. องคก๑ รทช่ี าวบ๎านจดั ตงั้ ข้ึนมาเอง โดยไมํมีการจัดโครงสร๎าง องคก๑ รอยํางชัดเจน แตํจะมกี ารยอมรับผูน๎ าคนใดคนหนึ่งเข๎ามาเป็นหวั หน๎า และยอมรบั ฟงั คาสง่ั ตํางๆ เชํน การรวมตัวเพื่อดูแลรักษาต๎นน้าลาธาร ค๎มุ ครองทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ๎ ม เปน็ ตน๎

3 สรุปได้ว่า “กลุ่ม ”หมายถึง การรวมตัวกันของบุคคลตั้งแตํ สองคน ขึ้นไป โดยมวี ตั ถปุ ระสงคท๑ ี่แนํชดั และมปี ฏสิ มั พันธร๑ ะหวํางกนั ตลอดจนมีบรรทัดฐาน ความสามัคคี การแสดงพฤติกรรมและ โครงสรา๎ งกลุํมที่ชัดเจน การรวมกนั เปน็ กลุํมต๎องประกอบดว๎ ย 1. มีสมาชิกตัง้ แตํสองคนข้นึ ไป 2. มีจดุ ประสงค๑ของการรวมกนั ท่แี นํนอน 3. มปี ฏสิ ัมพันธร๑ ะหวาํ งสมาชิก 4. มีบรรทัดฐาน (Norms) ที่กลํุมกาหนดขึ้นมาเพ่ือให๎ สมาชกิ ถือปฏบิ ัติ 5. มคี วามสามัคคี ความผกู พนั และการรวมตัว 6. มกี ารแสดงพฤตกิ รรมตามบทบาทหน๎าทสี่ มาชิก 7. มีโครงสร๎างของกลุํม ซ่ึงแสดงให๎เห็นถึงเส๎นทางการ ตดิ ตํอและการปฏบิ ตั ริ ะหวํางสมาชิก ลักษณะกลุม่ ทพี่ ึง่ ตนเองได้ 1. กลํุมมผี ๎ูนาทดี่ ี 2. สมาชิกมคี วามเตม็ ใจทางานเพ่ือให๎กลมํุ บรรลเุ ปาู หมาย 3. มีวัตถุประสงค๑และเปูาหมายที่ทาได๎จริง มีความ สอดคล๎องกับความสามารถของผ๎ูนาและสมาชิก รวมท้ังต๎องมีความ รํวมมือกนั ภายในกลมํุ เป็นอยํางดี 4. สมาชกิ มีความสนใจในกิจกรรมกลุํมอยํางแท๎จริง 5. กลํมุ มีการตดั สินใจที่เปน็ อสิ ระด๎วยตนเอง 6. ผู๎นา และสมาชิกมีสวํ นรํวมในการวางแผน และควบคุม การทางานซง่ึ กันและกนั

4 โดยในทางปฏิบัติ “กลุ่ม” จะเป็นการรวมตัวกันมากกวํา 10 คน โดยกลุํมท่ีประสบความสาเร็จ มีองค๑ประกอบหลักในการ พิจารณาซึ่งเป็นแนวทางในการดาเนินงาน หรือมีการสํงเสริม/ สนับสนุน โดยใช๎หลัก 5 ก (กลุํมสมาชิก คณะกรรมการ กติกา กิจกรรม และ กองทนุ )

5 ขัน้ ตอนการจัดตงั้ และพัฒนากลุ่ม ขน้ั ตอนการจัดตัง้ และพัฒนากลํุมให๎เข๎มแข็ง ประกอบด๎วย บนั ได 5 ข้ันตอน ดังนี้ 1. สารวจสถานการณแ์ ละความตอ้ งการของชมุ ชน เป็นการหาข๎อมูล เพื่อทาให๎ได๎ร๎ูสถานการณ๑ ท่ีแท๎จริงและ ความต๎องการท่ีแท๎จรงิ ของชุมชน โดยการ 1.1 รวํ มกบั ภาคีการพฒั นาสารวจชมุ ชน 1.2 นาขอ๎ มูลชมุ ชนมาวเิ คราะห๑ 1.3 จดั เวทเี พ่ือการแลกเปลย่ี นเรยี นร๎รู วํ มกนั 1.4 จัดทาประชาพิจารณช๑ มุ ชน 2. วิเคราะหป์ ญั หาชุมชนและผลประโยชนข์ องชมุ ชน เพ่ือให๎ร๎ูความต๎องการ ปัญหาของชุมชน ร๎ูกิจกรรมที่จะ ดาเนนิ การ

6 3. แสวงหาผู้นา/จดั ตง้ั กล่มุ 3.1 แสวงหาผู๎นาที่มีความสามารถและเข๎าใจการดาเนิน กิจกรรม 3.2 จัดต้ังกลํุมที่เกิดจากการเรียนร๎ูและความต๎องการ ของสมาชกิ 4. สนบั สนุนและพฒั นากลุ่ม 4.1 ผู้นา พัฒนาตนเอง เป็นการสร๎างผู๎นาด๎วยการพัฒนา ทกั ษะการบรหิ ารจดั การ 4.2 สมาชิก เพ่ิมพูนความรู๎ สร๎างความเป็นเจ๎าของ มวี ตั ถุประสงค๑และเปูาหมายรํวมกัน 4.3 กิจกรรม มีระบบข๎อมูล แผนดาเนินงานของกลํุม และมีการดาเนนิ กิจกรรมอยํางตอํ เนื่อง 4.4 บูรณาการกลุ่ม มีการขยายผล ตํอยอด สร๎างเครือขําย และจัดต้ังเป็นนิติบคุ คล เม่ือผลการดาเนนิ งานของกลํมุ มีความเข๎มแข็ง พึง่ ตนเองได๎ 4.5 ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและธรรมาภิบาล ในการบริหารงาน และการพัฒนากลุํม 5. ติดตามและประเมนิ ผล 5.1 โดยกลํุมประชุมสมาชิก คณะกรรมการตรวจสอบ ถอดบทเรยี น เพอื่ สรา๎ งกระบวนการเรยี นร๎ู และมกี ารประชาสัมพนั ธ๑ 5.2 โดยเจ๎าหน๎าที่ ประเมินผลทางการ/ไมํเป็นทางการ อยํางตํอเนอื่ งและนาข๎อมูลมาพฒั นากลํุม 5.3 ภาคกี ารพัฒนา - ตรวจบญั ชโี ดยกรมตรวจบญั ชสี หกรณ๑ - มีการวิจัยและพัฒนา โดยกรมการพัฒนาชุมชน และหนวํ ยงานท่เี กีย่ วขอ๎ ง

7 สิ่งบ่งช้ีความเขม้ แข็งของกล่มุ 1. สมาชิกมีจิตสานึกในการรับผิดชอบตํอกลุํม และเข๎ามามี สวํ นรํวมในกจิ กรรมอยาํ งตอํ เนอ่ื ง 2. มแี ผนการดาเนินงาน 3. มีเครือขาํ ยในการทางาน 4. คณะกรรมการมีภาวะผน๎ู าสูง มธี รรมาภิบาล ในการบริหาร จัดการกลํมุ 5. กลุํมมีกิจกรรมตํอยอด/ขยายกิจกรรมอยูํตลอดเวลา และ เป็นประโยชน๑ตํอสมาชิกกลมุํ 6. มผี ลผลติ ของกลํมุ ท่เี ป็นรปู ธรรม 7. มหี ลกั ฐาน/เอกสารสมบูรณ๑

8 กลุม่ อาชีพ ความหมายกลมุ่ อาชีพ อาชีพ ความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให๎ความหมายไว๎วาํ คอื การเลี้ยงชวี ิต การทามาหากนิ อาชีพท่ีเป็น สัมมาชีพ หมายถึง อาชีพท่ีไมํเบียดเบียนตนเอง ไมํเบียดเบียนผู๎อื่น ไมํเบียดเบียนส่ิงแวดล๎อม และมีรายได๎มากกวํา รายจําย เป็นความพยายามท่ีจะปรับจากการทามาหากินเป็นทามา ค๎าขาย โดยไมํได๎เอากาไรสูงสุดเป็นตัวต้ัง หรือเป็นเปูาหมายสุดท๎าย และตอ๎ งคานึงถึงความเปน็ ทางสังคม กลาํ วคือ ความสุขของตนเองและ คนทางาน รวมถงึ ประโยชนข๑ องผู๎บริโภค และผ๎ูรบั บริการเปน็ หลัก กล่มุ อาชีพ หมายถงึ การรวมตวั ของชาวบา๎ นทป่ี ระกอบอาชีพ เดียวกัน ดาเนินกิจกรรมด๎านอาชีพ กิจกรรมผลิต และจาหนํายอยําง ตอํ เนอ่ื ง โดยมีคณะกรรมการดาเนินงานของกลุํม มรี ะเบียบข๎อบังคับ กลุ่มอาชีพ ตามแนวทางการสร้างสัมมาชีพชุมชน หมายถึง กลุํมอาชีพที่จัดต้ังข้ึนใหมํจากการรวมตัวของผู๎แทนครัวเรือนใน หมํูบ๎านเปูาหมาย ตั้งแตํ 5 ครัวเรือนขึ้นไป ซ่ึงผํานการสํงเสริมการ สร๎างสัมมาชีพชุมชนในระดับหมํูบ๎าน เรียกวํา ครัวเรือนสัมมาชีพ ชมุ ชนทม่ี กี ารประกอบอาชีพเดียวกนั หรอื ประเภทอาชพี เดียวกัน

9

10 วัตถุประสงค์ในการจดั ต้งั กลุ่มอาชีพ 1. เพื่อสํงเสริมให๎ครัวเรือนสัมมาชีพชุมชนมีการรวมกลุํม ชํวยเหลือซึ่งกันและกัน มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ และ กอํ ให๎เกิดรายได๎อยํางตอํ เน่อื ง 2. เพื่อพัฒนาทักษะ ความร๎ูความสามารถ ในด๎านการผลิต การตลาด และการจัดการอยํางมีประสิทธิภาพ เพ่ือก๎าวไปสํูการเป็น ผป๎ู ระกอบการชมุ ชน 3. เพ่ือเป็นศูนย๑กลางในการแลกเปลี่ยนเรียนร๎ูด๎านสัมมาชีพ ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ขน้ั ตอนและวธิ กี ารจดั ต้ังกลมุ่ อาชีพ 1. ประชาสัมพันธ๑เชิญชวน ครัวเรือนสัมมาชีพชุมชน ที่ประกอบอาชีพเดียวกัน หรือประเภทอาชีพเดียวกันเข๎ารํวมเป็น สมาชิกกลุมํ อาชีพ 2. ประชุมหรือจัดเวทีสร๎างความร๎ูความเข๎าใจ โดยอธิบาย วัตถุประสงค๑ หลักการ และวิธีการดาเนินงานของกลํุมอาชีพ ความสาคัญของกลํุมที่มีตํอสมาชิกกลํุมและชุมชนรวมถึงกิจกรรม ที่สมาชิกจะรํวมกันทาตามความต๎องการและเหมาะสมกับศักยภาพ สภาพทอ๎ งถน่ิ

11 3. ดาเนินการจัดต้ังกลุ่มอาชีพ โดยสมาชิกร่วมกันกาหนด องค์ประกอบพืน้ ฐานของกลุ่ม ดงั น้ี - ตง้ั ชอ่ื กลมุ่ ตามความเหน็ ชอบของสมาชกิ โดยขนึ้ ตน้ ด้วยคาว่า “กลุ่มอาชีพ..........” และอาจใหม้ ีคาขวญั ประจากลุ่ม - กาหนดวัตถุประสงค์ของกลุ่ม เพ่ือบอกจุดหมาย ทช่ี ดั เจนในการดาเนินงานของกล่มุ - กาหนดที่ต้ังกลุ่ม เพื่อเป็นสถานท่ี จุดศูนย์รวมสาหรับ ดาเนินกิจกรรมของกล่มุ - เลือกคณะกรรมการ ประกอบด้วยตาแหน่ง หลัก คือ ประธาน รองประธาน เลขานุการ เหรัญญิกและ ประชาสัมพันธ์ โดยสมาชิกในกลุ่มเลือกกันเอง เพื่อเป็น ตัวแทนของกลุ่มในการบริหารงาน การติดต่อประสาน การดาเนินงานตา่ งๆ กับหน่วยงาน และผู้เกีย่ วข้อง - จัดทากติกาของกลุ่มเพ่ือใช้เป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ระหวา่ งสมาชิกกลมุ่ และกรรมการ - จดั ทาแผนปฏบิ ตั ิการของกลุ่ม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ ดาเนินกจิ กรรมรว่ มกนั 4. รวบรวมข้อมูลกลุ่ม คณะกรรมการกลุ่มอาชีพดาเนินการ จัดทา และรวบรวมข้อมูลการจัดตั้งกลุ่มอาชีพ ประกอบด้วย บันทึก การประชุมฯ ข้อบงั คับกลมุ่ รายช่อื คณะกรรมการกลุ่ม รายช่ือสมาชิก กลุ่ม แผนงาน/กจิ กรรมกล่มุ และอนื่ ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ ง

12 5. ย่ืนจดทะเบียนกลุ่มอาชีพ คณะกรรมการกลุ่มอาชีพ นาข้อมูลกลุ่มยื่นเสนอขอจัดต้ังกลุ่มอาชีพ กับสานักงานพัฒนาชุมชน อาเภอ โดยสานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอตรวจสอบความครบถ้วน ถูกต้องของข้อมูลและเอกสารประกอบ แล้วออกหนังสือแสดงการ จดทะเบียนจัดต้ังกลุ่มอาชีพพร้อมรายงานการจัดต้ังกลุ่มอาชีพไปยัง จงั หวดั เพือ่ รายงานกรมการพฒั นาชุมชน 6. กลุ่มอาชพี ดาเนินกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการ ที่ได้ร่วมกัน จัดทาข้นึ 7. สานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอ/ทีมสนับสนุนฯ/ทีมวิทยากร สมั มาชีพชมุ ชน ตดิ ตามสนบั สนุนอยา่ งต่อเนื่อง 8. ประสานหน่วยงานภาคีการพัฒนา เพ่ือสนับสนุน การพัฒนา กลุ่มอาชีพในด้านต่างๆ เช่น การเข้าถึงปัจจัยการผลิต องค์ความรู้ การตลาด การประชาสมั พันธ์ การบรหิ ารจดั การ

13 คุณสมบตั ิของกลุม่ อาชพี ทขี่ อจดทะเบยี นจดั ต้ังกลมุ่ อาชพี 1. เป็นประชาชนที่มีภูมิลาเนาในหมูํบ๎าน ตาบล อาเภอ ทตี่ ั้งกลุมํ และมีสญั ชาตไิ ทย 2. มีจานวนสมาชิกตั้งแตํ 5 คน ขึ้นไป ท่ีประกอบอาชีพ เดียวกนั หรือประเภทอาชีพเดยี วกัน และมคี วามสมคั รใจในการเขา๎ รวํ ม เป็นสมาชกิ กลมํุ 3. มีการบริหารงานโดยคณะกรรมการที่มาจากการเลือกตั้ง ของสมาชิก 4. มีข๎อบังคับ กติกา หรือ ระเบียบของกลํุมที่ชัดเจนและ สมาชิกรับทราบ 5. มีการดาเนินกิจกรรมที่สํงเสริมการประกอบอาชีพของ สมาชิกโดยรวมมิใชํเพื่อประโยชนต๑ อํ บคุ คลใดเปน็ การเฉพาะ 6. มีวัตถุประสงค๑ของการจดั ตงั้ กลํมุ ทช่ี ัดเจน 7. มีสถานท่ตี ั้งกลุํมที่เหมาะสม

14 เอกสารในการขอจดทะเบียนจดั ต้งั กลุ่มอาชพี 1. รายชอ่ื สมาชิกกลุ่ม 2. รายช่อื คณะกรรมการกลุม่ 3. กตกิ า ระเบียบ หรือ ขอ้ บังคับของกลุ่ม 4. แผนการดาเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมการประกอบอาชีพของ สมาชกิ 5. บันทึกรายงานการประชุมจัดต้งั กลมุ่ 6. หลักฐานประธานกลุ่ม (สาเนาบัตรประชาชนและสาเนา ทะเบียนบา้ น) 7. ภาพถ่ายท่ีเกี่ยวข้องกับการดาเนินกิจการ เช่น สถานท่ี ประกอบกิจการการประชุมกลุ่ม ผลิตภณั ฑ์ของกลุ่ม เปน็ ตน้

1155 การบรหิ ารกลุ่มอาชีพ การดาเนินกิจกรรมของกลุ่มอาชีพให้ประสบความสาเร็จตาม วัตถุประสงค์ร่วมกันของสมาชิก รวมถึงทาให้กลุ่มมีความเข้มแข็ง สามารถดาเนินการได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพโดยใชห้ ลกั 5 ก ดังนี้ ก ที่ 1 : กลุ่ม/สมาชิก - กลุ่มเป็นการรวมตัวกันของคนท่ีมีความสมัครใจพร้อมท่ีจะ ใหค้ วามร่วมมือในการดาเนินกิจกรรมของกลุ่มที่มีอาชีพเดียวกัน หรือ ประเภทอาชีพเดียวกัน อย่างนอ้ ย 5 คน ขนึ้ ไป - ท่ีต้ังของกลุ่ม ควรเลือกสถานท่ีที่เป็นท่ีสาธารณะ หรือ สถานที่ที่มีความพร้อมสามารถเป็นศูนย์กลางการดาเนินงานของกลุ่ม สมาชิกสามารถเดินทางไปมาสะดวก และควรมีการขอใช้สถานที่ ใหถ้ กู ตอ้ ง - สมาชิก เป็นผู้ท่ีมีคุณสมบัติตามท่ีกลุ่มกาหนด เช่น มีภมู ิลาเนา หรือถนิ่ อาศัยเดียวกับสถานที่ต้ังกลุ่ม มีความรู้ความเข้าใจ และเห็นชอบในหลักการของกลุ่ม รวมถึงพร้อมท่ีจะปฏิบัติตามระเบียบ ข้อตกลงของกลมุ่ และสมัครเป็นสมาชกิ กลุม่ ดว้ ยความสมคั รใจ - บทบาทหน้าท่ีของสมาชิกคือ เข้าร่วมการประชุมและแสดง ข้อคิดเห็น ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดาเนินงานของกลุ่ม นาความรู้ท่ีได้รับไปพัฒนาอาชีพ ร่วมกาหนดและปฏิบัติตามระเบียบ ของกลุ่ม

16 ก ท่ี 2 : กรรมการ กรรมการ คือ กลมุ่ คนซึ่งได้รบั มอบหมายและเป็นตัวแทนจาก สมาชิกให้บริหารกลุ่มน้ันๆ ซ่ึงกลุ่มจะม่ันคงและบรรลุผลเพียงใด ข้ึ น อ ยู่ กั บ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ที่ ต้ อ ง ป ฏิ บั ติ ห น้ า ท่ี อ ย่ า ง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ การแต่งตั้งคณะกรรมการ ควรมีจานวนเป็นเลขค่ี เพื่อให้สัดส่วนของ การออกเสียงมีความเป็นเอกฉันท์ จานวนอยู่ระหว่าง 5 – 21 คน มวี าระการดารงตาแหนง่ อยู่ระหวา่ ง 1 – 4 ปี บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการคือ ดาเนินการร่างระเบียบ หรือข้อบังคับกลุ่ม โดยความเห็นชอบของสมาชิกกลุ่ม จัดให้สมาชิก มาประชุมแสดงความคิดเห็นและวางแผนการดาเนินกิจกรรมกลุ่ม ร่วมกัน จัดให้มีบริการแก่สมาชิกในด้านต่างๆ และประสานงานกับ หน่วยงานทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ตาแหนง่ ของกรรมการ ประกอบด้วย -ตำแหน่งหลกั คอื ประธาน รองประธาน เลขานุการ เหรญั ญิก ปฏคิ ม และประชาสมั พันธ์ โดยบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการแต่ละตาแหนง่ มีดงั นี้ 1. ประธาน - เป็นประธานในที่ประชุมกาหนดเรื่องท่ีจะเข้า ประชุม กาหนดแผนการประชุม เพ่ือให้ได้ มติ นโยบาย แผนงาน วิธีการ ขั้นตอนของการ ปฏบิ ัตงิ าน - จัดทาแผนการดาเนินงานของกลุ่มร่วมกับ คณะกรรมการ โดยความเหน็ ชอบของสมาชิก

17 - ประชาสมั พนั ธข๑ าํ วสารไปสูํสมาชิก - ติดตํอประสานงานกับหนํวยงานหรือบุคคล ทเี่ กย่ี วขอ๎ ง - ปฏิบัติตามมตทิ ปี่ ระชุม 2. รองประธาน - ติดตํอประสานงาน และรํวมกับประธานในการ ปฏบิ ตั ิงานตาํ งๆ - ปฏิบัติหน๎าที่อื่นใดตามที่ประธาน หรือท่ีประชุม กลํุมมอบหมาย 3. เลขานุการ - รวบรวมเร่ืองตํางๆ ให๎ประธานกรรมการเพ่ือ พจิ ารณา หรอื สง่ั การให๎นาเข๎าที่ประชุม - จัดทารายงานการประชุมและจดบันทึกตํางๆ ใน การดาเนินงานของคณะกรรมการ - ตดิ ตํอประสานงานกับคณะกรรมการและสมาชิก - ปฏบิ ตั ิตามท่ปี ระธาน หรือทป่ี ระชมุ กลมํุ มอบหมาย 4. เหรญั ญกิ - จัดทาทะเบียนตํางๆ หลักฐานการรับ-จํายเงิน ของกลุมํ - ดาเนินการตดิ ตามและควบคุมเกย่ี วกบั การเงนิ และ บัญชขี องกลํุม - รับผดิ ชอบเก็บรักษาเงินของกลมํุ - ปฏบิ ตั ิงานอ่ืนๆ ตามที่ประชุมกลมํุ มอบหมาย

18 5. ปฏิคม - ดาเนินการที่เกี่ยวข้องกับการต้อนรับ การประสานงาน การอานวยความสะดวก การสร้างความเป็นมิตร อบอุ่นใจ การให้ความสะดวกสบาย การให้ข้อมูล ข่าวสาร การปฏิบัติตามคาร้องขอ และการให้ ความชว่ ยเหลือตามสมควร - ปฏบิ ตั งิ านอืน่ ๆ ตามทีป่ ระชุมกลุ่มมอบหมาย 6. ประชาสัมพันธ์ - ติดต่อประสานงาน และเผยแพร่ข่าวสารหรือ แจ้งเร่ืองราวต่างๆ ซ่ึงที่ประชุมได้ลงมติไว้แล้ว ใหค้ ณะกรรมการกลุ่มอาชีพ สมาชิกหรือผู้เก่ียวข้อง ได้รบั ทราบ - เสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างคณะกรรมการ หรือสมาชิกด้วยกัน กับหน่วยงานภาครัฐ หรือ ภาคเอกชนท่เี ก่ียวข้อง - ปฏิบตั ิงานอน่ื ๆ ตามทป่ี ระชุมกล่มุ มอบหมาย - ตำแหน่งอ่ืนๆ เช่น การตลาด บัญชี ออกแบบ ฝ่ายศิลป์ ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายรับออเดอร์ ฝ่ายแปรรูป ฝ่ายตรวจนับ ฝา่ ยตรวจสอบคณุ ภาพ เปน็ ต้น - ทีป่ รึกษำ อาจแต่งตงั้ จากผู้ทีม่ คี วามรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะ ด้านต่างๆ ท่ีจาเป็นสาหรับกลุ่มอาชีพนั้นๆ เช่น ด้านการเกษตร ด้านเคหกิจเกษตร ด้านส่งเสรมิ อาชีพ เปน็ ตน้

19 ก ท่ี 3 : กฎ กตกิ า ระเบียบข้อบงั คับกลุ่ม กฎ กติกา ระเบียบขอ้ บังคับกลุ่ม ควรทาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ระหว่างสมาชิกและคณะกรรมการ วิธีการอาจเป็นการร่วมกันร่างขึ้นมาเอง หรืออาศัยกฎหมายอ่ืนมา รองรับ การกาหนดสาระสาคัญในระเบียบอาจกาหนดเป็นหมวดหมู่ ดังนี้ หมวดที่ 1 ข้อความท่ัวไป ประกอบด้วย ช่ือกลุ่ม ท่ีต้ังกลุ่ม วนั ทีร่ ะเบียบนใี้ ชบ้ ังคบั หมวดท่ี 2 วัตถุประสงค์ของการจัดตง้ั กลุ่มอาชีพ หมวดท่ี 3 สมาชกิ กลุ่ม ประกอบด้วย คุณสมบัติของสมาชิก การสมัครเข้าเป็นสมาชิก บทบาทหน้าท่ีของสมาชิก การพ้นจาก สมาชิก หมวดที่ 4 เงินทุนของกลุ่ม ที่มาเงินทุนของกลุ่ม การใช้จ่าย เงนิ ทุนของกลมุ่ หมวดที่ 5 การดาเนินงานของกลุ่ม ประกอบด้วย กิจกรรม ของกลุ่ม วิธีการดาเนินกิจกรรม การจัดสรรประโยชน์หรือกาไร ของกลมุ่ หมวดท่ี 6 คณะกรรมการบริหารกลุ่ม ประกอบด้วย คุณสมบัติของคณะกรรมการ จานวนคณะกรรมการ โครงสร้างของ คณะกรรมการ บทบาทหน้าท่ีของคณะกรรมการ วิธีการคัดเลือก วาระในการดารงตาแหน่ง การพ้นจากตาแหน่ง การประชุมของ คณะกรรมการและสมาชิก หมวดท่ี 7 การแก้ไขหรือเพิ่มเติมระเบียบ กาหนดวิธีการ แกไ้ ขหรือเพ่มิ เติมระเบยี บ

20 หมวดที่ 8 บทเฉพาะกาล ใครเป็นผ๎ูลงนามในระเบียบ วันท่ี ระเบยี บมีผลบงั คบั ใช๎ ก ท่ี 4 : กองทุน กองทุนของกลุํมอาชีพอาจเป็นเงินหรือเคร่ืองมือ ท่ีทาให๎ กิจกรรมของกลุํมดาเนินการได๎และบรรลุตามวัตถุประสงค๑ของกลุํม ทม่ี าของทนุ ไดแ๎ กํ 1. ทุนจากการระดมหน๎ุ ของสมาชิกควรกาหนดจานวนห๎ุนของ สมาชกิ ให๎ชดั เจนเพื่อใชเ๎ ปน็ ทนุ ตั้งต๎นในการดาเนนิ งานของกลมํุ 2. ทนุ จากภาครฐั / เอกชน เชํน ภาครัฐสนับสนุนงบประมาณ เงนิ บรจิ าค เงนิ สมทบจากเครือขาํ ย หรือกลมํุ ออมทรพั ยเ๑ พื่อการผลติ 3. ทุนจากการจัดกิจกรรม เชํน จาหนํายข๎าวเปลือก เส๎นฝูาย แลว๎ หกั รายได๎เขา๎ กลมุํ 4. ทุนจากการก๎ยู ืม แบํงเป็น แหล่งทุนภายในชุมชน เชํน เงินกู๎จากสหกรณ๑ฯ กองทุนหมบูํ ๎านฯ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กลํุมออมทรัพย๑ เพอ่ื การผลิต เครือญาติ แหล่งทุนภายนอกชุมชน เชํน สถาบันการเงินตํางๆ (ธกส. ออมสนิ SME ฯลฯ)

21 ก ท่ี 5 : กิจกรรม เป็นส่ิงที่สมาชิกกลํุมรํวมกันปฏิบัติ เพื่อสร๎างรายได๎ให๎กับ ครัวเรือนและชุมชน โดยมีการกาหนดเป็นแผนกิจกรรมตํางๆ เชํน การประชุมการวางแผนการผลิตและจาหนําย การสะสมทุนของกลุํม การพัฒนาความร๎ูความสามารถของสมาชิก การพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานผลิตภัณฑ๑ การจัดสวัสดิการ การติดตามประเมินผลการ ดาเนินงาน กิจกรรมของกลุํม ถอื เป็นหัวใจสาคัญที่ทาให๎กลุํมมีชีวิต บรรลุ วัตถุประสงค๑ของกลํุม ดังนั้น คณะกรรมการจึงจาเป็นต๎องสํงเสริม ใหก๎ ลํุมมแี ผนและดาเนนิ กจิ กรรมตามแผนอยาํ งตอํ เนอ่ื ง และสม่าเสมอ โดยกจิ กรรมของกลมุํ ตอ๎ งสงํ เสรมิ การมสี ํวนรวํ ม กํอใหเ๎ กดิ ความรวํ มมอื และพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให๎มั่นคง ชุมชนพ่ึงตนเองได๎ตามวิถี เศรษฐกิจพอเพียง

22 การพฒั นากลมุ่ อาชพี กลุ่มอาชีพที่สามารถดาเนินงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการดาเนินกิจกรรมกลุ่มอาชีพได้อย่าง ยั่งยืนนั้น กลุ่มอาชีพจาเป็นต้องมีการพัฒนาด้านต่างๆ อย่างต่อเน่ือง ดงั น้ี การบริหารจัดการ - การมสี ่วนร่วมในการดาเนนิ งานกล่มุ - การมกี จิ กรรมกลมุ่ อยา่ งต่อเน่อื ง - การแบง่ ปนั ผลประโยชนข์ องกล่มุ ที่เหมาะสม เปน็ ธรรม และ สมาชิกมี ความพงึ พอใจ - การมกี จิ กรรมที่ส่งเสรมิ และพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ - การมกี ฎระเบียบ กติกาท่ีเปน็ ทย่ี อมรับของทกุ คน - มีการกากับ ติดตาม และตรวจสอบการดาเนินงาน - มกี จิ กรรมสรา้ งแรงจงู ใจ เชน่ การให้รางวลั การยกย่อง ชมเชย การพฒั นาดา้ นการผลติ - ปริมาณผลผลิต ผลงานไดต้ ามเปา้ หมาย - คุณภาพผลผลิต ผลงานไดต้ ามเปา้ หมาย - ความหลากหลายของผลผลิต - การพัฒนาตอ่ ยอดของผลผลิต

23 การเพมิ่ มลู ค่าผลติ ภณั ฑ์ - การคดั วตั ถดุ บิ ทมี่ คี ณุ ภาพ คานงึ ถึงความปลอดภัยและ ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อม เชน่ การใช้วัตถดุ บิ จากธรรมชาติ - การใช้ภูมิปัญญา/ วัฒนธรรม เป็นฐานในการพัฒนา ผลิตภณั ฑ์ เชน่ การหมักโคลนผ้า - การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และรูปแบบผลิตภัณฑ์ท่ีสอดคล้อง กับความตอ้ งการของตลาด - มีการนาเทคโนโลยี/ องคค์ วามรใู้ หม่ มาใช้ในการดาเนินงาน - การขอเคร่ืองหมายรบั รองคณุ ภาพ เชน่ มผช. อย. ฮาลาล เป็นตน้

24 การส่งเสริมช่องทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์เป็น การเปิดโอกาสในการสร๎างการรับร๎ู และการจาหนํายผลิตภัณฑ๑ของ กลมุํ อาชีพ ดังน้ี - ณ ทท่ี าการกลุมํ - ตลาดในชุมชน - ร๎านโอทอป - รา๎ นคา๎ ในโรงแรม/ ทพ่ี กั / แหลํงทอํ งเทยี่ ว - ร๎านจาหนํายของฝาก/ จดุ พกั รถนกั ทอํ งเทยี่ ว - งานแสดงสินคา๎ ของหนวํ ยงานราชการเชนํ ที่วําการอาเภอ ศาลากลางจงั หวัด ศูนย๑สํงเสรมิ อตุ สาหกรรม ฯลฯ - งานแสดงสนิ คา๎ ของภาคเอกชน - การประชาสัมพันธ๑ทางส่ือส่ิงพิมพ๑โปสเตอร๑ แผํนพับ แผํนปลวิ - สื่อออนไลน๑ เชํน เว็บไซต๑ ไลน๑ เฟซบค๏ุ กระดานสินคา๎

2525 กากราจรัดจดัสสรรผรผลลกากไารไร - - กากราจรดัจสดั รสรสรวสสัวดัสกิดากิ รารเชเน่ชนํ กากราจรดัจฌดั ฌาปาปนนกจิกจิ คา่คราํ กั ษา พรยกั าษบาพลยทาุนบกาาลรทศึกนุ ษการจศัดกึ ทษาาปจรัดะกทนัาปชวรี ะติ กคนั า่ ชอีวาติ หารและ เคคราํ ื่อองาดหืม่ ารซแอ้ื ลแะลเะคซร่อื มงดวม่ืัสดซุ อ้ื แุปลกะรซณํอ์ มวัสดุ อปุ กรณ๑ - - พพัฒฒั นนาสาาสธาาธราณรณปประรโะยโชยนชน์ เ๑ชเน่ชํนพพัฒัฒนนาแาหแหล่งลทํงท่องํอเงทเท่ียวีย่ ว - - สง่สเงํ สเรสมิริมแลแะลพะพัฒฒั นนาคาณคณะกะรกรมรมกากราแรลแะลสะมสมาชาิกชิกเชเ่ชนํนศศึกึกษษาา ดดูงาูงนาน, ใ,หให้กูย้๎กมืูย๎ เมื งเินงนิ, ค, ่าคตําอตบอแบทแนทคนณคณะกะรกรรมรกมากรา,รค, ่าคตําอตบอบแทแทนน คคนนจาจหาหนนา่ ยาํ สยินสนิคา้ค,๎าส, มสามชากิชยกิ ืมยเืมงเนิ งนิเปเป็น็นททนุ ุนหหมุนมุนเวเยีวนียน - - กากราจรัดจสัดรสรเรปเป็น็นททนุ ุนขอขงอกงลกมุ่ลํมุ - - กากราปรปนั นัผลผแลกแ่สกมํสมาชากิชกิ

26 การนากลุ่มอาชีพเขา้ สู่ OTOP กลมุ่ อาชีพตามแนวทางสัมมาชีพชุมชน ในปี 2560 จะมีการ จดั ตั้งขึน้ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๒,๓๖๐ กลมุ่ หากกลุ่มอาชีพมีการบริหารจัดการ ท่ีดี และดาเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ ให้มีความพร้อมต่อการ ลงทะเบียนแ ละ คัดสรรห น่ึงตาบล หน่ึงผลิตภัณฑ์ได้ จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาของกลุ่มอาชีพท่ีจะก้าว ต่อไปอีกระดบั หน่งึ แนวคดิ OTOP จากแนวคิด “หน่ึงตำบล หน่ึงผลิตภัณฑ์” (One Tambon One Product : OTOP) ทีเ่ น้นกระบวนการสร้างรายได้จากผลติ ภณั ฑ์ ในแต่ละหมู่บ้าน ชุมชน หรือตาบล เพ่ือสนับสนุนและส่งเสริมให้ แต่ละชุมชน ได้นาทรัพยากรภูมิปัญญาในท้องถิ่นมาพัฒนาเป็น ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพท่ีมีจุดเด่นและมูลค่าเพ่ิมเป็นท่ีต้องการ ของตลาด สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมและวิถีชีวติ ของทอ้ งถิ่น โดยยึดหลักการ พึ่งตนเองของชุมชน และรัฐพร้อมท่ีจะช่วยเหลือในด้านความรู้สมัยใหม่ และการบริหารจัดการ เช่ือมโยงสินค้าชุมชนสู่ตลาดท้ังในประเทศ และต่างประเทศ

27 ประเภทผลติ ภณั ฑ์ OTOP ผลิตภัณฑ์ที่กลุ่มอาชีพสามารถนาเข้าสู่ระบบลงทะเบียนและ คดั สรรฯ แบง่ เปน็ 5 กลุ่มประเภท ดงั ต่อไปน้ี 1. ประเภทอาหาร หมายถึง ผลผลิตทางการเกษตรและ อาหารแปรรูป ซึ่งได้รับมาตรฐาน อย., GAP, GMP, HACCP, Qmark, มผช., มอก., มาตรฐานเกษตรอินทรีย์, ฮาลาล และมีบรรจุภัณฑ์เพ่ือ การจาหน่ายทวั่ ไป แบง่ เป็น 3 กล่มุ ดงั น้ี 1.1 ผลิตผลทางการเกษตรท่ีใช้บริโภคสด เช่น พืชผัก ผลไม้ เชน่ มะม่วง สับปะรด ส้มเขยี วหวาน มงั คดุ ส้มโอ กล้วย เปน็ ต้น กรณี พันธุ์ไม้ เช่น ก่ิงพันธ์ุมะม่วง กิ่งพันธ์ุมะปราง ไม้ประดับ ฯลฯ ไมถ่ อื ว่าเปน็ ผลติ ภณั ฑท์ ลี่ งทะเบียนได้ 1.2 ผลติ ผลทางการเกษตรที่เป็นวตั ถดุ ิบและผ่านกระบวนการ แปรรูปเบ้ืองต้น เช่น น้าผ้ึง ข้าวสาร ข้าวกล้อง ข้าวฮาง เป็นต้น เน้ือสัตว์แปรรูป เช่น เนื้อโคขุน เน้ือนกกระจอกเทศแช่แข็ง หมูแดด เดียว หมูยอ แหนม ไส้อั่ว ไส้กรอก ปลาอบรมควัน หอยจ๊อ เป็นต้น อาหารประมงแปรรูป เช่น ไส้กรอกปลา ปลาช่อนแดดเดียว ปลาสลิด แดดเดียว ส้มปลาตัว น้าบูดู กะปิ กุ้งแห้ง น้าปลา ปลาร้า เป็นต้น กรณีสัตว์ท่ีมีชีวิต เช่น ไก่ชน ปลากัด ไม่ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ ท่ลี งทะเบียนได้ เพราะไมผ่ ่านกระบวนการแปรรปู เบ้ืองตน้ 1.3 อาหารแปรรูปก่ึงสาเร็จรูป/สาเร็จรูป เช่น ขนมเค้ก เฉาก๊วย ขนมโมจิ เต้าส้อ กระยาสารท กล้วยฉาบ กล้วยอบ มะขามปรุงรส ทุเรียนทอด กะละแม กะหร่ีปั๊บ ขนมทองม้วน ข้าวเกรียบ ข้าวแต๋น น้าพริกเผาและน้าพริกต่างๆ แจ่วบอง น้าจ้ิมสุก้ี น้าปลาหวาน ผักกาดดอง พริกไทย แคบหมู ไข่เค็ม กุนเชียง หมูทุบ หมูแผ่น เป็นตน้

28 2. ประเภทเครื่องดื่ม หมายถึง ผลิตภัณฑ์ประเภทเคร่ืองด่ืม ท่ีมีแอลกอฮอล์ ได้แก่ สุราแช่ สุรากล่ัน สาโท อุ ไวน์ เหล้าขาว 35-40 ดีกรี เปน็ ตน้ และเคร่ืองดื่มทไี่ ม่มแี อลกอฮอล์ ได้แกผ่ ลิตภัณฑ์ เครื่องด่ืมประเภทพร้อมดื่ม ผลิตภัณฑ์ประเภทชงละลาย และ ผลิตภัณฑ์ประเภทชง เช่น น้าผลไม้ น้าสมุนไพร เคร่ืองดื่มรังนก กาแฟคั่ว กาแฟปรงุ สา้ เรจ็ ขิงผงสา้ เร็จรูป มะตูม ผงชาใบหมอ่ น ชาจีน ชาสมุนไพร ชาชกั นา้ เฉากว๊ ย น้าเตา้ หู้ นมสด นมขา้ วกลอ้ ง เปน็ ตน้ 3. ประเภทผ้า เครื่องแต่งกาย หมายถึง ผ้าทอและผ้าถัก จากเส้นใยธรรมชาติหรอื เส้นใยสังเคราะห์ รวมท้ังเส้ือผ้า/เคร่ืองนุ่งห่ม และเครื่องแต่งกายที่ใช้ประดับตกแต่งประกอบการแต่งกายทั้งเพ่ือ ประโยชนใ์ นการใช้สอยและเพื่อความสวยงาม 3.1 ผา้ หมายถงึ ผลติ ภัณฑ์ผ้าผืนที่ท้าจากเส้นใย เส้นด้าย น้ามาทอถักเป็นผืนมีลวดลายเกิดจากโครงสร้างการทอหรือตกแต่ง ส้าเร็จบนผืนผ้า ท้าด้วยมือ หรือเคร่ืองจักร รวมถึงผลิตภัณฑ์เส้ือผ้า และเคร่ืองนุ่งห่มซ่ึงเป็นเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ สิ่งทอ และผลิตภัณฑ์ท่ีท้าจากผ้าเป็นหลักและมีวัสดุอ่ืนๆ เป็นองค์ประกอบ ผสม เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า ผ้าคลุมไหล่ ผ้าบาติก ผ้าถุง ผ้าปักชาวเขา ผ้าคลุมผม หมวกกะปิเยาะ ผ้าพันคอ เส้ือผ้า สา้ เร็จรูปบรุ ษุ - สตรี เป็นต้น 3.2 เคร่ืองแต่งกาย หมายถึง ผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ประดับ ตกแต่งประกอบการแต่งกายที่ท้าจากวัสดุทุกประเภทเพื่อประโยชน์ ในการใช้สอย เช่น รองเท้า เข็มขัด กระเป๋าถือ เป็นต้น และเพื่อ ความสวยงาม เช่น สร้อย แหวน ต่างหู เข็มกลัด ก้าไล นาฬิกาข้อมือ เนคไท หมวกแฟช่ัน เป็นต้น

29 4. ประเภทของใช้/ของตกแต่ง/ของท่ีระลึก หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่มีไว้ใช้หรือตกแต่งประดับในบ้าน สถานที่ต่างๆ เช่น เคร่ืองใช้ในบ้าน เครื่องครัว เครื่องเรือน ท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือการ ใช้สอย หรือประดับตกแต่ง หรือให้เป็นของขวัญ เพื่อให้ผู้รับนาไป ใช้สอยในบ้าน ตกแต่งบ้าน รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ท่ีสะท้อนถึงวิถีชีวิต ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมท้องถ่ิน และสินค้าน้ันต้องไม่ผลิตโดยใช้ เคร่ืองจักรเป็นหลัก และใช้แรงคนเป็นส่วนเสริมหรือไม่ใช้แรงงานคน โดยประเภทของใช้/ของตกแต่ง/ของที่ระลึก แบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม ดังน้ี 4.1 ไม้ หมายถงึ ของใช้/ของตกแต่ง/ของที่ระลึก ที่มีวัสดุ ท่ีทาจากไม้เป็นหลัก เช่น ไม้แกะสลัก เฟอร์นิเจอร์ กล่องไม้ นาฬิกาไม้ ต้ังโต๊ะ โคมไฟกะลามะพร้าว ของเล่นเด็ก เคร่ืองดนตรี ตู้พระธรรม เรือจาลอง แจกนั ไม้ กรงนก ไม้แขวนเสอื้ เป็นต้น 4.2 จักสาน ถักสาน หมายถึง ของใช้/ของตกแต่ง/ ของที่ระลึก ท่ีมีวัสดุที่เป็นเส้นใยธรรมชาติ หรือวัสดุสังเคราะห์ใดๆ เช่น พลาสติกนามาจักสาน หรือถักสานถักทอเป็นรูปร่าง เช่น ตะกร้า กระจดู สาน เส่ือกก ท่รี องจานทาจากเสอ่ื กก ท่ใี สข่ องทาจากพลาสติกสาน กระจาด กระบุง กระด้ง กระติบข้าว เชือกมัด เปลยวน โคมไฟ ผักตบชวา ไมก้ วาด กระเช้าเถาวลั ย์ พรมเชด็ เทา้ ฝาชี หมวกสานไม้ไผ่ เปน็ ต้น 4.3 ดอกไม้ประดิษฐ์/วัสดุจากเส้นใยธรรมชาติ หมายถึง ดอกไม้ ต้นไม้ กล้วยไม้ผลไม้ที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ แต่ทาจาก วัสดุต่างๆ เพ่อื เลยี นแบบธรรมชาตหิ รอื และผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้/ ของตกแต่ง/ของที่ระลึก ที่มีวัสดุที่ทาจากกระดาษสาเป็นหลัก เช่น ถุงกระดาษ กลอ่ งกระดาษสา ต้นไมป้ ระดษิ ฐ์ ผลไม้ประดษิ ฐ์ เป็นตน้

30 4.4 โลหะ หมายถึง ผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้/ของ ตกแต่ง/ของท่ีระลึกท่ีทาจากโลหะต่างๆ เช่น เงิน ทองเหลือง ดีบุก สแตนเลส ทอง สงั กะสี เป็นต้น เป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ช้อนส้อม มีด ผลิตภัณฑ์ภาชนะท่ีใช้โลหะ ภาชนะท่ีทาจากสแตนเลสทุบ ทองเหลืองทุบ พิวเตอร์บรอนซ์ แกะสลักท่ีใช้ตกแต่งสถานท่ีต่างๆ เปน็ ตน้ 4.5 เซรามิค/เคร่ืองป้ันดินเผา หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่มี การนาวัสดุประเภทดินสินแร่ไปขึ้นรูปและนาไปเผาด้วยความร้อนสูง เพ่ือเป็นภาชนะ ของใช้ ของตกแต่ง ของท่ีระลึก เช่น เบญจรงค์ ถว้ ยชาม ภาชนะกระเบ้ืองเซรามิค โอง่ อา่ ง กระถางตา่ งๆ เป็นต้น 4.6 เคหะส่งิ ทอ หมายถึง ของใช/้ ของตกแต่ง/ของที่ระลึก ท่ีมีวัสดุทาจากผ้ามีการตัดเย็บ เช่น ชุดเคร่ืองนอน พรมเช็ดเท้า ผ้าปู โตะ๊ ถงุ มือถักสาหรบั ทาการเกษตร เป็นตน้ 4.7 อื่นๆ ของใช้/ของตกแต่ง/ของท่ีระลึก หรือ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ท่ีใช้วัสดุอ่ืนใดนอกเหนือ จาก ข้อ 4.1–4.6 เช่น ทาจากพลาสติก เรซิ่น แก้ว เทียน รูปวาด เปเปอร์มาเช่ กระจก ซีเมนต์ ต้นไม้มงคล ตุ๊กตาจากดินไทย ผลไม้เผาดูดกล่ิน พระพุทธรูป เป็นต้น 5. ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร หมายถึง ผลิตภัณฑ์จาก สมุนไพรหรือมีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ อาจใช้ประโยชน์ และอาจ ส่งผลต่อสุขภาพ ได้แก่ ยาจากสมุนไพร เคร่ืองสาอางสมุนไพร วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน เช่น น้ายาล้างจานสมุนไพร สมุนไพร ไล่ยุงหรือกาจัดแมลง และรวมถึงผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรท่ีใช้ ทางการเกษตร เช่น น้าหมักชีวภาพ น้าส้มควันไม้ เป็นต้น โดยประเภทสมุนไพรทไ่ี มใ่ ช่อาหาร แบ่งเป็น 3 กลมุ่

31 5.1 ยาจากสมนุ ไพร 5.2 เคร่ืองสาอางสมนุ ไพร 5.3 วตั ถอุ นั ตรายท่ใี ช๎ในบา๎ นเรอื น มาตรฐานของกลุ่มอาชพี มาตรฐานของกลุํมอาชีพ มีตัวบํงชี้ในการบริหารจัดการ ท่ีมีประสิทธิภาพ และความเข๎มแข็งของกลํุม/ องค๑กร เพ่ือเป็น เปูาหมายในการพัฒนากลํุม ตามระบบมาตรฐานการพัฒนาชุมชน แบํงเป็น 3 ด๎าน ซ่ึงแตํละด๎านมีองค๑ประกอบ 3 องค๑ประกอบ และมี ตัวบงํ ชแี้ ตกตาํ งกนั จานวน 27 ตัวบํงช้ี ดงั น้ี ดา้ นบริหารงาน ดา้ นบริหารคน - กองทนุ - กรรมการ - กฎระเบยี บ - สมาชิก - กิจกรรมของกลุม่ - คนในชุมชน ด้านบรหิ ารผลประโยชน์ - ผลประโยชนต์ ่อสมาชกิ - ผลประโยชน์ตอ่ กลมุ่ - ผลประโยชน์ต่อชุมชน

32 มาตรฐานกลมุ่ /องค์กร 3 x 3 1. ดา้ นบรหิ ารงาน มี 3 องค๑ประกอบ ดงั น้ี 1.1 กองทนุ มีตวั บงํ ช้ี ไดแ๎ กํ 1) สมาชกิ มสี ํวนรํวมไมนํ ๎อยกวํา 70 2) การบริหารเงินทุนจัดสรรได๎ชัดเจนอยํางมีระบบ โปรํงใส ตรวจสอบได๎ และยึดหลักธรรมาภิบาล 3) การควบคุมงานอยํางมรี ะบบ ๑.๒ กฎระเบยี บ มีตวั บงํ ชี้ ไดแ๎ กํ 1) ทมี่ า สมาชกิ มีสวํ นรํวม และเป็นลายลกั ษณ๑อักษร 2) องคป๑ ระกอบครอบคลุม ทันสมยั เป็นปัจจบุ ัน 3) มกี ารประกาศใช๎และนาไปปฏบิ ตั ิอยาํ งถูกตอ๎ ง 1.3 กิจกรรมของกลํุม มตี วั บํงชี้ ได๎แกํ 1) สอดคลอ๎ งกบั วตั ถุประสงคก๑ ลมุํ ไมผํ ดิ กฎหมาย และกฎระเบียบของกลํุม รวมทงั้ ศีลธรรมอันดี 2) กิจกรรมทาตํอเน่ือง/ ก๎าวหนา๎ / สาเรจ็ 3) มีแผนการจัดสวัสดิการเพอ่ื สมาชิก/ ชมุ ชน สามารถดาเนนิ การตามแผนไดอ๎ ยาํ งนอ๎ ย 3 เรอ่ื ง

33 2. ดา้ นบรหิ ารคน มี 3 องค๑ประกอบ ดงั น้ี 2.1 กรรมการ มีตัวบํงช้ี ไดแ๎ กํ 1) คณะกรรมการต๎องมาจากการเลือกต้งั ของสมาชิก และ/หรือแตํงต้ังตามระเบยี บฯ 2) การทางานตามบทบาทหนา๎ ท่ี (ทั้งคณะ) 3) มีแผนปฏบิ ัติการของคณะกรรมการชดั เจน 2.2 สมาชกิ มตี ัวบงํ ชี้ ไดแ๎ กํ 1) การมสี วํ นรํวมในกิจกรรมของกลํุม 2) ปฏบิ ตั ิตามกฎระเบียบกลมุํ 3) กลํมุ มีสมาชกิ เพิม่ ข้นึ 2.3 คนในชมุ ชน มตี ัวบํงช้ี ได๎แกํ 1) คนในชุมชนรู๎วํามกี ลมุํ และใหก๎ ารยอมรบั 2) คนในชุมชนสนับสนุนกลํุม (รํวมทากิจกรรม/ เข๎าเปน็ สมาชิกเพิ่ม) 3) มกี ารแลกเปล่ียน รับฟงั ข๎อคดิ เห็นคนในชมุ ชน และนามาปรับปรุงการทางาน 3. ด้านบรหิ ารผลประโยชน์ มี 3 องคป๑ ระกอบ 3.1 ผลประโยชนต๑ ํอสมาชกิ 1) สอดคลอ๎ งกับวัตถปุ ระสงค๑ และระเบยี บฯ 2) การจัดสรรทวั่ ถงึ / เปน็ ธรรม/ หลากหลายรูปแบบ 3) ถูกตอ๎ งตามระเบียบ (พัฒนาสมาชกิ / การเรียนร๎ู/ เพ่ิมศักยภาพ)

34 3.2 ประโยชนต๑ อํ กลมุํ 1) มกี ารดาเนนิ การของกลมํุ อยํางสมา่ เสมอ 2) มีการประกันความเส่ยี ง 3) พฒั นาขดี ความสามารถของกรรมการและสมาชิก 3.3 ผลประโยชน๑ตอํ ชมุ ชน มตี ัวบงํ ชี้ ได๎แกํ 1) กจิ กรรมดแู ลคนในชุมชน 2) กิจกรรมสาธารณประโยชน๑ (กจิ กรรมชมุ ชน/ โครงสร๎างสาธารณะ) 3) ดูแลทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ๎ ม

35 ปจั จยั ความสาเรจ็ ของกล่มุ อาชีพ การจัดตั้งและพัฒนากลํุมอาชีพให๎ประสบผลสาเร็จอยํางมี ประสิทธภิ าพ มีปัจจยั สาคญั ท่สี งํ ผลตํอความสาเรจ็ ของกลํุมอาชพี ดงั น้ี 1. ด้านผนู้ า - ความร๎ู ทักษะ ประสบการณ๑ ในการจดั การธรุ กิจ - การกระจายอานาจของผนู๎ า 2. ด้านสมาชิก - ความรทู๎ ักษะและประสบการณ๑ - จานวนสมาชกิ ท่เี ข๎ารวํ มกจิ กรรม - การสํงเสรมิ ความสัมพันธท๑ ่ีดขี องสมาชิก 3. ดา้ นวตั ถุประสงคข์ องกลุม่ - มีการกาหนดวัตถุประสงค๑รํวมกนั - ความร๎ูความเขา๎ ใจในวัตถุประสงคก๑ ลํมุ ของสมาชกิ - ความสาเรจ็ ตามวัตถปุ ระสงค๑ - วัตถปุ ระสงค๑สอดคลอ๎ งกับสมาชิกกลมํุ 4. ดา้ นบรหิ ารจดั การกล่มุ - การมสี วํ นรวํ มในการดาเนนิ งานกลุํม - การมีกิจกรรมกลมุํ อยํางตอํ เนอื่ ง - การแบํงปนั ผลประโยชน๑ของกลมํุ - การมกี จิ กรรมท่สี ํงเสรมิ และพัฒนากระบวนการเรยี นรู๎ - การมีกฎระเบียบกติกาทเ่ี ป็นทีย่ อมรับของทุกคน - จานวนสมาชกิ ที่พอใจในการได๎รับผลประโยชน๑

36 5. ดา้ นการสอ่ื สารภายในกลุ่ม - ความถขี่ องการสือ่ สาร/ การประชุมกลมํุ - รูปแบบการส่อื สารของกลมํุ 6. ด้านผลผลติ ผลงานของกลมุ่ - ปรมิ าณผลผลิต ผลงานได๎ตามเปาู หมาย - คุณภาพผลผลิต ผลงานได๎ตามเปูาหมาย - ความหลากหลายของผลผลิต - ตลาดรองรบั ผลผลิต - การพัฒนาตอํ ยอดของผลผลิต 7. ดา้ นเงินทุนในกล่มุ - จานวนเงนิ ทนุ หมนุ เวียนในกลุํม - จานวนการถือห๎ุนของสมาชกิ

ภาคผนวก

38 ตัวอยา่ ง ระเบียบกลุ่มอาชีพ..................................... หมวดที่ 1 ข้อความท่ัวไป ขอ้ 1 ชื่อระเบียบนเ้ี รียกว่า ระเบียบกลุม่ อาชพี ….....................… หมูท่ .่ี .......ตาบล......................อาเภอ...................... จังหวัด........................ ขอ้ 2 ที่ตัง้ กลมุ่ บา้ น....................หมู่ท.่ี .......ตาบล......................... อาเภอ.................. จงั หวัด....................... ข้อ 3 ระเบยี บน้ใี ห้ใช้บงั คับตั้งแต่วนั ท่ี ...........เดอื น .................... พ.ศ.................... หมวดท่ี 2 วัตถปุ ระสงค์ ข้อ 4 กลมุ่ อาชพี ..................หมทู่ ี.่ ........ตาบล.............................. อาเภอ............. จงั หวัด............... จัดตั้งขึน้ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อ 4.1 เพ่ือส่งเสริมให้ครัวเรือนสัมมาชีพชุมชนมีการรวมกลุ่ม ช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ และ ก่อใหเ้ กดิ รายได้อย่างตอ่ เนอื่ ง 4.2 เพ่ือพัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถ ในด้านการผลิต การตลาด และการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือก้าวไปสู่การ เป็นผู้ประกอบการชุมชน 4.3 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้าน สมั มาชพี ตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง หมวดที่ 3 สมาชกิ ภาพ ข้อ 5 คุณสมบัตขิ องสมาชิก 5.1 เป็นผู้มีภูมิลาเนาและถิ่นอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ตาบล ซง่ึ เป็นทีต่ ั้งกล่มุ อาชีพ

39 5.2 มีความรู้ความเข้าใจ เห็นชอบด้วยหลักการของกลุ่ม ประกอบอาชีพประเภทเดียวกัน และสนใจงานพัฒนาอาชีพของ กลุ่มอย่างจริงจัง 5.3 เป็นผู้พร้อมที่จะปฏิบัติตามระเบียบและข้อตกลง ของกล่มุ 5.4 เป็นผู้ท่ีคณะกรรมการบริหารกลุ่มฯ ได้มีมติเห็นชอบ ใหร้ ับเขา้ เป็นสมาชิกกล่มุ ขอ้ 6 การสมคั รเขา้ เปน็ สมาชกิ 6.1 ตอ้ งยื่นคาขอตามแบบใบสมคั รของกลมุ่ 6.2 ตอ้ งชาระค่าสมัคร/ คา่ ธรรมเนียม จานวน ..... บาท 6.3 ค่าสมัคร/ ค่าธรรมเนียม ผู้สมัครเป็นสมาชิกจะเรียก คนื ไม่ได้ ไมว่ ่าด้วยเหตใุ ด ขอ้ 7 หน้าที่ของสมาชกิ 7.1 เข้าใจบทบาทหน้าที่ของสมาชิกและคณะกรรมการ กฎ กติกา ระเบียบ ข้อบังคับของกลุ่ม ตลอดจนวัตถุประสงค์ใน การจัดตง้ั กลุม่ 7.2 การเข้ารว่ มประชมุ กล่มุ และร่วมแสดงความคิดเห็น 7.3 ร่วมรับรู้แผน/กิจกรรมของกลุ่ม รู้ปัญหา ร่วมแก้ปัญหา ร่วมรับผิดชอบ 7.4 กระตุ้นให้ผู้นากลุ่ม และเพื่อนสมาชิกปฏิบัติงานต่างๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อกล่มุ และสังคม 7.5 ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดาเนินกิจกรรมของ กล่มุ อย่างตอ่ เนื่อง หรือขยายกจิ กรรมให้กวา้ งข้นึ ขอ้ 8 การพ้นจากสมาชกิ 8.1 ตาย 8.2 ลาออกและได้รับอนุมัติให้ลาออกจากคณะกรรมการ บริหารกลุ่ม

40 8.3 ท่ีประชุมใหญ่สมาชิกมีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียง สองในสามของผู้เข้าประชมุ ขอ้ 9 การลาออกและให้ออกจากสมาชกิ 9.1 การลาออกให้ทาหนังสือยื่นต่อคณะกรรมการบริหาร กลุม่ 9.2 หากมีหนี้สิน ผู้ประสงค์จะลาออกต้องชาระหนี้ท่ีตน ยังผูกพันต่อกลุ่ม ขอ้ 10 การให้ออกจากสมาชกิ หากสมาชิกจงใจฝ่าฝืน ระเบียบข้อตกลง มติของกลุ่มหรือ แสดงตนเป็นปรปักษ์ หรือไม่ให้ความช่วยเหลือ ความร่วมมือ แกก่ ลุ่ม ไมว่ ่าด้วยประการใดๆ หมวดที่ 4 เงินทุนของกลมุ่ ขอ้ 11 การแสวงหาเงนิ ทุนของกล่มุ 11.1 รับเงินค่าหุ้น สมาชิกทุกคนต้องลงหุ้นอย่างน้อย หน่ึงหนุ้ และลงหุ้นได้มากท่ีสุดไม่เกิน ..... หุ้น หนึ่งหุ้นเท่ากับ ….. บาท ในกรณีท่ีมีสมาชิกจะขอเพ่ิมหรือลดจานวนหุ้นที่มีอยู่ในกลุ่ม ให้นาเข้าท่ีประชุมใหญ่สมาชิก โดยมติท่ีประชุมใหญ่ให้ถือ สองในสามของท่ีประชุมเป็นที่สุด และในกรณีที่สมาชิกที่มีหนี้สิน ต่อกลุ่มและหน้ีสินอันเกิดจากการค้าประกัน ซ่ึงมีมูลค่าเท่ากับหุ้น ท่ีตนถืออยู่ สมาชกิ จะถอนเงินค่าหนุ้ ไม่ได้ 11.2 เงินอุดหนุนจากส่วนราชการ องค์กรเอกชน และ ผมู้ จี ติ ศรทั ธา 11.3 เงินรายได้อื่นๆ เช่น การจัดกิจกรรมของกลุ่ม การกู้ยมื

41 หมวดที่ 5 การดาเนนิ งานของกลุ่ม ขอ้ 12 เพิ่มพูนทักษะแก่ สมาชิก มุ่งหวั งให้สมาชิกเกิ ด ความชานาญสูงสุด พร้อมท่จี ะประกอบการในกจิ กรรมน้ันๆ ขอ้ 13 ดาเนินกิจกรรมในอาชีพ ให้เกิดซ่ึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อ แสวงหาผลประโยชน์ให้เกิดแก่กลุ่ม สมาชิกกลุ่ม และชุมชน โดย กิจกรรมของกลุ่ม ประกอบด้วยการส่งเสริมการผลิต การจาหน่าย การเสริมสร้างความรู้ การออม การแสวงหาเงินทุน และการจัด ร้านค้าสวัสดกิ าร ฯลฯ ข้อ 14 การจัดสรรผลกาไร กลุ่มกาหนดการจดั สรรผลกาไร ดงั นี้ 14.1 ทนุ ดาเนนิ การ (ทนุ ของกลุ่ม) รอ้ ยละ................. 14.2 ปันผลแก่สมาชกิ ผถู้ ือหุ้น ร้อยละ................. 14.3 จดั สวัสดิการแกค่ ณะกรรมการและสมาชิก รอ้ ยละ................. 14.4 พฒั นาสาธารณประโยชน์ ร้อยละ................. หมวดที่ 6 คณะกรรมการบริหารกลมุ่ ขอ้ 15 คณะกรรมการประกอบด้วย 15.1 คณะกรรมการอานวยการ (ประธาน รองประธาน เลขานุการ ประชาสัมพันธ์ และเหรญั ญกิ ) 15.2 คณะกรรมการฝ่ายผลติ 15.3 คณะกรรมการฝ่ายควบคมุ คุณภาพ 15.4 คณะกรรมการฝ่ายตลาด 15.5 คณะกรรมการฝ่ายการเงิน ข้อ 16 ท่ีปรึกษา คณะกรรมการบริหารมีอานาจที่จะเชิญ บุคคลภายนอก ซ่ึงมีคุณวุฒิ ความรู้ความสามารถเฉพาะสาขา และมีความเหมาะสม เป็นท่ีปรึกษาของกลุ่ม เพ่ือแนะนาหรือให้ ความเหน็ ในการดาเนินงานทั่วไปของกลุ่ม

42 ข้อ 17 คณุ สมบตั ิของกรรมการ 17.1 เป็นสมาชกิ กลุ่ม 17.2 สมาชิกที่เคยถูกถอดออกจากตาแหน่งจากคณะ กรรมการบริหารไม่ว่าคณะใด จะไม่มีสิทธิ์รับเลือก เป็นกรรมการ อีกภายในกาหนด 12 เดอื น นับแต่วันถกู ถอดถอน ข้อ 18 กาหนดเวลาของกรรมการ กรรมการแต่ละคน มีอายุ การเปน็ กรรมการได้คราวละ.....ปี กรรมการที่ออกตามวาระมีสิทธิ์ ได้รับเลือกให้เข้ามาเป็นกรรมการไดอ้ ีก ขอ้ 19 การออกจากตาแหน่งกรรมการ 19.1 ตาย 19.2 ออกตามวาระ 19.3 ลาออกโดยทาหนงั สอื ยื่นต่อคณะกรรมการบริหาร และไดร้ บั อนมุ ตั ิแลว้ 19.4 ขาดจากสมาชกิ ภาพ 19.5 ขาดจากการประชมุ กรรมการสามคร้ังติดต่อกนั โดยไม่ชแ้ี จงเหตผุ ลท่สี มควรใหท้ ป่ี ระชุมทราบทปี่ ระชมุ ใหญม่ มี ติ ถอดถอนรายบุคคลหรือทั้งคณะ ข้อ 20 อานาจหน้าที่ของกรรมการ คณะกรรมการบริหาร มีหน้าท่ีรับผิดชอบในนโยบายของกลุ่มโดยตรงต่อสมาชิกและมี หน้าท่ดี แู ลใหก้ จิ กรรมของกลุ่มดาเนินไปตามระเบียบข้อบังคับของ กลุ่มและทาหน้าท่ีตัวแทนของกลุ่ม ให้คณะกรรมการบริหาร มีอานาจที่จะกาหนดระเบียบต่างๆ โดยความเห็นชอบและมติ ข อ ง ที่ ป ร ะ ชุ ม ใ ห ญ่ ส ม า ชิ ก ใ น ก า ร ป ร ะ ชุ ม ค รั้ ง แ ร ก ข อ ง คณะกรรมการบริหาร ให้กาหนดยี่สิบวันนับแต่วันได้รับเลือกต้ัง เพื่อกาหนดบทบาทหน้าที่ งบประมาณของกลุ่ม แผนการ ดาเนินงานและต้ังงบประมาณรายรับ -รายจ่ายของกลุ่ม การจัดสรรผลกาไร

43 ข้อ 21 การประชมุ คณะกรรมการ คณะกรรมการสามารถเรยี กประชมุ ไดต้ ามความจาเปน็ แต่ต้องมีการประชุมอย่างน้อยเดือนละคร้ัง ตามวัน เวลา และ สถานท่ีที่ผู้มีหน้าที่นัดการประชุมกาหนด และคณะกรรมการ กาหนดให้มีการประชุมสมาชิก อย่างน้อยปีละ 1 คร้ัง ตามมติท่ี ประชุมคณะกรรมการ หมวดท่ี 7 การแกไ้ ขหรอื เพม่ิ เตมิ ระเบยี บ ข้อ 22 ระเบียบนี้ สามารถปรับปรุงแก้ไขเพ่ิมเติมได้โดยมติ ทปี่ ระชุมคณะกรรมการ เกนิ ครึ่งหนึง่ ของจานวนคณะกรรมการ หมวดที่ 8 บทเฉพาะกาล ขอ้ 23 ใหป้ ระธานคณะกรรมการอานวยการเปน็ ผลู้ งนาม ในระเบียบและมีผลบงั คบั ใช้ในวันท่ปี ระธานลงนาม ประกาศ ณ วนั ที.่ ..........เดือน ........................ พ.ศ................ (ลงช่อื )..................................................... ( ................................................... ) ประธานกลมุ่ อาชีพ ..............................................

44 คาขอจดทะเบียนจัดตัง้ กลุ่มอาชีพ ตามแนวทางสัมมาชีพชุมชน เขยี นที่ ……..…………………..……. วันท่ี……….. เดอื น……………………. พ.ศ. ………… เรอ่ื ง ขอจดทะเบยี นจดั ตงั้ กลุม่ อาชพี เรียน นายอาเภอ ………………………….. ขา้ พเจ้า (นาย,นาง,นางสาว) ……………………...........…….………..….......... บา้ นเลขที่ …………… หมทู่ ี่ ……. ถนน .............................ตาบล ……………………… อาเภอ ……………………… จังหวัด …………….....……….… ขอจดทะเบียนจดั ตง้ั กลมุ่ อาชพี (ระบชุ อื่ กลมุ่ )............................................................................................. ที่ตง้ั เลขท่.ี ........ หมทู่ .ี่ .......ถนน........................ตาบล ......................................... อาเภอ....................................................จังหวดั ................................................... โทรศัพท์................................................ โทรสาร................................................. จานวนสมาชกิ ร่วมกอ่ ต้งั จานวน ........... คน รวมกลมุ่ เพื่อดาเนินกจิ กรรม ... (ระบุกิจกรรม/ผลผลิต/ผลิตภัณฑ)์ ...  การเกษตร คือ ........................................................................................................  การแปรรปู คอื ........................................................................................................  ทอ่ งเท่ียวโดยชมุ ชน คือ ......................................................................................................  อืน่ ๆ ระบุ ........................................................................................................

45 พร๎อมนีไ้ ดแ๎ นบหลกั ฐาน ดงั น้ี  บนั ทกึ การประชุมฯ จานวน 1 ชดุ  ขอ๎ บงั คับกลมุํ จานวน 1 ชุด  รายชือ่ คณะกรรมการกลมํุ จานวน 1 ชดุ  รายช่อื สมาชกิ กลมุํ จานวน 1 ชุด  แผนงาน/กจิ กรรมกลํุม จานวน 1 ชดุ  หลกั ฐานประธานกลมํุ (สาเนาบตั รประชาชนและสาเนาทะเบียนบา๎ น) จานวน 1 ชุด ลงชือ่ ………………..……………………. (…………………………….………………) ตาแหนงํ ....................................................... วนั ที่ ………………………………..….…… ส่วนเจา้ หนา้ ท่ี สว่ นที่ 1 รบั รองการยื่นคาขอจดทะเบยี นจัดตั้งกลมุํ อาชพี กลํมุ ...............................................................และตรวจสอบเอกสารถกู ต๎อง ลงชอ่ื ……..………..……………….……… (…………………..………………………..) ตาแหนงํ …...………………….……………….……… วนั ที่ ……………..……………….…… /สวํ นท่ี 2 ...

46 -2- สว่ นท่ี 2 ผลการอนุมตั ิการจดทะเบยี นจดั ต้ังกลุ่มอาชีพ  อนมุ ตั ิการจดทะเบยี น เม่ือวันที่................. เดือน ........................................... พ.ศ. ...................... หมายเลขทีจ่ ดทะเบียนกลมุํ เลขที.่ ..............................................................  ไมอํ นุมตั ิ เพราะ …………………………………………..…………………………….……………………………. ลงช่อื …………………..…………...… (……………………………………..) ตาแหนงํ …...……………….……… วนั ท่ี ……………………………….