48 สถิตทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมลู 1. สถติ ิทใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์หาคุณภาพของเครือ่ งมอื 1.1 การหาค่าความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม และเนื้อหาวิชา (IOC) โดยวธิ ขี อง สมนึก ภทั ทิยธนี (2544 : 221) IOC = R N เมอื่ IOC แทน ดชั นีคา่ ความสอดคลอ้ งระหว่างจุดประสงค์กบั เน้ือหา หรือระหว่างขอ้ สอบกบั จดุ ประสงค์ R แทน ผลรวมความคิดเห็นของผ้มู ปี ระสบการณ์ทง้ั หมด N แทน จานวนผูม้ ปี ระสบการณ์ 1.2 การหาค่าอานาจจาแนกของแบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้สูตร B (Discrimination Index) (บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2545 : 90) B = U L เมือ่ B n1 n2 U L แทน คา่ อานาจจาแนก n1 แทน จานวนผรู้ อบร้หู รือสอบผ่านเกณฑ์ท่ตี อบถกู n2 แทน จานวนผไู้ ม่รอบรู้หรือสอบไม่ผา่ นเกณฑ์ทต่ี อบถกู แทน จานวนผู้รอบรหู้ รือสอบผา่ นเกณฑ์ แทน จานวนผูไ้ มร่ อบรหู้ รอื สอบไม่ผ่านเกณฑ์ 1.3 การหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้สูตรของ (Lovett) (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 96) rcc = 1 k xi xi 2 k 1xi C2 เม่อื rcc แทน ความเชื่อม่นั ของแบบทดสอบ k แทน จานวนข้อสอบ xi แทน คะแนนของนักเรียนแต่ละคน C แทน คะแนนเกณฑ์หรอื จดุ ตดั ของแบบทดสอบ 1.4 การหาดัชนีประสิทธิผล โดยใชว้ ธิ ีการของกูดแมน เฟรทเชอร์ และชไนเดอร์ ในการหาคา่ ดชั นีประสทิ ธิผล (The Effectiveness Index) (สังคม ภมู พิ นั ธ.์ ม.ป.ป. : 84 ; อ้างองิ
49 มาจาก Good Fretcher and Schneider. 1980 : 30-34) ดัชนีประสิทธิผล = ผลรวมของคะแนนทดสอบหลงั เรียน – ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรียน (จานวนนกั เรียน) คะแนนเตม็ – ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรียน 1.5 การหาประสิทธิภาพของส่ือ E1/E2 ใช้ในการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ โดยใชส้ ตู รของเผชญิ กจิ ระการ (2544 : 44-51) สตู ร E1 = X N X 100 A เมื่อ E1 แทน ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ X แทน คะแนนรวมของสอ่ื A แทน คะแนนเตม็ ของสือ่ ทกุ ชิ้นรวมกัน N แทน จานวนผ้เู รียน สตู ร E2 = F N X 100 B เมอ่ื E2 แทน ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ F แทน คะแนนรวมของผลลพั ธ์หลงั เรยี น B แทน คะแนนเต็มของการสอบหลงั เรียน N แทน จานวนผเู้ รยี น 2. สถิติพน้ื ฐาน ไดแ้ ก่ 2.1 รอ้ ยละ (Percentage) (บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2545 : 104) P= f X 100 N เมอื่ P แทน รอ้ ยละ f แทน ความถีท่ ่ตี อ้ งการแปลงใหเ้ ป็นร้อยละ N แทน จานวนความถ่ีทั้งหมด 2.2 คา่ เฉล่ยี (Arithmetic Mean) ของคะแนน (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 105)
50 X= X N เมอ่ื X แทน ค่าเฉลย่ี X แทน ผลรวมของคะแนนทงั้ หมดในกลมุ่ N แทน จานวนคะแนนในกลมุ่ 2.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 106) โดยใช้สูตร S.D. = N X2 X2 NN 1 เมื่อ S.D. แทน สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน X แทน คะแนนแตล่ ะคน N แทน จานวนคะแนนในกลุม่ แทน ผลรวม 3. สถิติทดสอบสมมุติฐาน ของคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังเรียน โดยใช้สูตร t-test (Dependent Samples) (บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2545 : 112) t= D n D2 D2 n 1 เมอ่ื t แทน ค่าสถติ ทิ ีใ่ ช้เปรียบเทียบกบั ค่าวิกฤตเิ พือ่ ทราบความมนี ัยสาคัญ D แทน คา่ ผลตา่ งระหว่างคู่คะแนน n แทน จานวนกลุม่ เปา้ หมาย D แทน ผลตา่ งระหวา่ งคะแนนคู่ D2 แทน ผลตา่ งระหวา่ งคะแนนคยู่ กกาลงั สอง D แทน ผลรวมของผลต่างของคะแนนระหว่างกอ่ นและหลงั เรียน D2 แทน ผลรวมของผลตา่ งของคะแนนก่อน และหลงั เรยี น (D2) แทน ของผลต่างของคะแนนก่อนและหลงั เรียน ทงั้ หมดยกกาลังสอง
51 บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล การวิเคราะห์ขอ้ มลู การศึกษาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนโดยใช้แบบฝกึ ทกั ษะคณติ ศาสตร์เรื่อง การ บวกและการลบจานวนทผ่ี ลลัพธแ์ ละตวั ต้งั ไมเ่ กิน 100 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษา ปีที่ 1 ผู้ศกึ ษานาเสนอตามลาดบั ดังนี้ 1. สัญลกั ษณท์ ่ใี ช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู 2. ลาดับข้นั ตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 3. ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล สัญลักษณท์ ่ีใชใ้ นการเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ผู้ศกึ ษาคน้ ควา้ ได้กาหนดความหมายของสัญลักษณท์ ่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู ดงั นี้ N แทน จานวนนักเรยี นในกลุ่มตวั อยา่ ง X แทน คะแนนเฉลี่ย S.D. แทน คา่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน D แทน ผลรวมของผลตา่ งของคะแนนกอ่ นและหลังเรยี น D2 แทน ผลรวมของผลต่างของคะแนนก่อนและหลงั เรียนแตล่ ะตวั ยกกาลังสอง t แทน คา่ วกิ ฤตใน T-Distribution E.I. แทน ประสทิ ธผิ ลของแบบฝึกทักษะ df แทน ช้ันแหง่ ความเปน็ อสิ ระ (Degree of freedom) ลาดบั ข้นั ตอนในการเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษาค้นคว้า ไดว้ เิ คราะห์ข้อมลู ตามลาดับขั้นตอนดงั น้ี ตอนท่ี 1 วิเคราะห์หาประสิทธภิ าพของแบบฝึกทกั ษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบ จานวนทผี่ ลลพั ธแ์ ละตัวต้งั ไม่เกนิ 100 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 ตอนท่ี 2 วเิ คราะหค์ า่ ดัชนีประสิทธภิ าพของแบบฝึกทักษะเรือ่ ง การบวกและการลบจานวน ทผ่ี ลลัพธ์และตวั ตั้งไมเ่ กิน 100 ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 ตอนที่ 3 เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของนกั เรยี นระหว่างก่อนเรยี นและหลงั เรยี น เรอ่ื ง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลพั ธ์และตัวต้งั ไม่เกิน 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู
52 ตอนที่ 1 วิเคราะหห์ าประสิทธภิ าพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เร่อื ง การบวกและการลบ จานวนทผ่ี ลลพั ธแ์ ละตัวต้ังไม่เกิน 100 ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ทม่ี ีประสทิ ธภิ าพตามเกณฑ์ 75/75 ปรากฏดงั ตาราง 2-4 ตาราง 2 แสดงคา่ คะแนนเฉล่ยี คา่ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน จากการทาแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ เรอื่ ง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลพั ธแ์ ละตัวตั้งไม่เกิน 100 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 (N= 20) แบบฝึกที่ ผลการทาแบบฝกึ ทักษะ 1 คะแนนเต็ม คะแนนรวม X S.D. ร้อยละ 2 3 10 177 8.85 0.75 88.50 4 10 5 10 178 8.90 0.64 89.00 6 10 7 20 174 8.70 0.66 87.00 8 20 9 10 176 8.80 0.62 88.00 10 10 11 10 353 17.65 0.99 88.25 12 10 13 15 358 17.90 1.12 89.50 14 15 10 178 8.90 0.64 89.00 15 173 8.65 0.59 86.50 175 8.75 0.79 87.50 180 9.00 0.65 90.00 278 13.90 0.55 92.67 281 14.05 0.69 93.67 176 8.80 0.62 88.00 278 13.90 0.72 92.67 ตาราง 2 (ต่อ)
53 แบบฝึกที่ ผลการทาแบบฝกึ ทักษะ คะแนนเต็ม คะแนนรวม X S.D. รอ้ ยละ 15 15 276 13.80 0.70 92.00 16 10 178 8.90 0.64 89.00 17 10 175 8.75 0.55 87.50 18 10 177 8.85 0.59 88.50 19 15 282 14.10 0.72 94.00 20 15 274 13.70 0.73 91.33 21 10 176 8.80 0.62 88.00 22 15 277 13.85 0.75 92.33 23 15 277 13.85 0.59 92.33 24 10 177 8.85 0.59 88.50 25 10 174 8.70 0.66 87.00 26 10 174 8.70 0.57 87.00 รวม 320 5752 287.60 17.74 2336.84 เฉล่ีย 12.31 221.23 11.06 0.68 89.88 ผลการทาแบบฝึกทักษะเร่ือง การบวกและการลบจานวนที่ผลลัพธ์และตัวตง้ั ไมเ่ กนิ 100 (E1) = 89.88 จากตาราง 2 พบวา่ เมื่อนักเรียนได้เรียนจากแผนการจัดการเรยี นรแู้ ละแบบฝกึ ทักษะ คณติ ศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลพั ธแ์ ละตัวต้งั ไม่เกิน 100 สิ้นสุดลง จากคะแนนเตม็ 320 คะแนน ได้คะแนนระหวา่ งเรียนจากการทาแบบฝกึ ทักษะ ได้คะแนนเฉล่ีย 287.60 คดิ เป็นร้อย ละ 89.88 (E1 เทา่ กบั 89.88) ตาราง 3 แสดงค่าเฉลีย่ คา่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน จากการทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น
54 กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น เรื่อง การบวกและการลบจานวนที่ผลลพั ธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 คะแนนที่ไดจ้ ากคะแนนเต็ม คะแนนทดสอบก่อนเรยี น คะแนนทดสอบหลังเรียน 30 คะแนน จานวนนักเรียน คะแนนรวม จานวนนักเรยี น คะแนนรวม 29 28 -- 1 29 27 -- 4 112 26 -- 3 81 25 -- 3 78 24 -- 7 175 23 -- 2 48 22 -- -- 21 -- -- 20 -- -- 19 2 40 -- 18 2 38 -- 17 1 18 -- 16 4 68 -- 15 5 80 -- 14 -- -- 13 3 42 -- รวม 3 39 -- X 20 325 20 523 S.D. 16.25 26.15 ร้อยละ 2.24 1.50 54.17 87.17 จากตาราง 3 พบว่า ผลการทดสอบก่อนเรยี นไดค้ ่าเฉล่ยี 16.25 จากคะแนนเตม็ 30 คะแนน คดิ เป็นรอ้ ยละ 54.17 ผลการทดสอบหลังเรียนไดค้ ่าเฉลย่ี 26.15 จากคะแนนเตม็ 30 คะแนน คดิ เป็นรอ้ ยละ 87.17 (E2 เทา่ กับ 87.17) ตาราง 4 แสดงประสทิ ธภิ าพของแบบฝึกทักษะเรื่อง การบวกและการลบจานวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้ง
55 ไมเ่ กิน 100 ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 ตามเกณฑ์ 80/80 รายการประเมนิ N คะแนนเตม็ X S.D. รอ้ ยละ คะแนนเฉลีย่ จากการทาแบบฝึกทกั ษะ (E1) 20 320 287.60 7.68 89.88 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนภายหลังเรยี น (E2) 20 30 26.15 1.50 87.17 จากตาราง 4 พบวา่ นกั เรยี น 20 คน ไดค้ ะแนนเฉล่ยี จากการทาแบบฝกึ ทกั ษะ (E1) คิดเป็น รอ้ ยละ 89.88 และได้คะแนนเฉลยี่ จากการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นภายหลังเรยี น (E2) คดิ เป็น ร้อยละ 87.17 แสดงว่า แบบฝึกทักษะเรื่อง การบวกและการลบจานวนท่ีมีผลลพั ธแ์ ละตวั ตั้งไมเ่ กนิ 100 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 ท่ีผศู้ ึกษาค้นคว้าได้พัฒนาข้ึน มีประสิทธภิ าพเท่ากับ 89.88/87.17 ซึง่ สูงกวา่ เกณฑ์ 75/75 ที่ต้ังไว้ ตอนที่ 2 วเิ คราะหค์ ่าดชั นีประสทิ ธภิ าพของแบบฝึกทักษะเร่อื ง การบวกและการลบจานวน ทผ่ี ลลพั ธ์และตัวต้ังไมเ่ กนิ 100 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ปรากฏดังตาราง 5 ตาราง 5 แสดงค่าเฉลี่ย คา่ เฉลยี่ ร้อยละ คา่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากการทดสอบกอ่ นเรยี น และหลงั เรยี น และค่าดชั นีประสิทธผิ ลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เร่ือง การบวก และการลบจานวนท่ีผลลพั ธ์และตวั ตง้ั ไมเ่ กิน 100 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 (N = 20)
56 คะแนน คะแนนทดสอบก่อนเรยี น คะแนนทดสอบหลงั เรียน คะแนนรวม (คะแนนเตม็ 30 คะแนน) (คะแนนเตม็ 30 คะแนน) คะแนนเฉลยี่ 325 523 S.D. รอ้ ยละ 16.25 26.15 E.I. 2.24 1.50 54.17 87.17 0.7200 จากตาราง 5 ผศู้ ึกษาค้นคว้าไดท้ าการทดลองเพ่ือหาคา่ ดัชนปี ระสทิ ธิผล ของแบบฝึกทักษะ เรอ่ื ง การบวกและการลบจานวนที่ผลลพั ธแ์ ละตวั ต้ังไมเ่ กิน 100 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 กับนักเรียน กลมุ่ เป้าหมาย จานวน 20 คน โดยนาคะแนนการทดสอบกอ่ น และหลังเรียน มาทาการวเิ คราะห์ตามวิธี ของกูดแมน, เฟรทเชอรแ์ ละชไนเดอร์ ซง่ึ หาได้จากสูตรดังนี้ ดชั นีประสทิ ธผิ ล = ผลรวมของคะแนนทดสอบหลงั เรียน— ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรียน (จานวนนกั เรียน คะแนนเตม็ ) — ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรียน ดัชนปี ระสทิ ธิผล = 523- 325 198 = 0.7200 (20 ) ( 30 ) — 325 275= คา่ ดัชนปี ระสิทธผิ ลของแบบฝึกทกั ษะ เรื่อง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลัพธแ์ ละตัวตั้งไม่ เกนิ 100 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 มีคา่ เท่ากบั 0.7200 ซงึ่ แสดงว่า แบบฝึกทักษะชว่ ยทาให้นักเรยี น มีความรู้กา้ วหน้าในการเรียนเพมิ่ ข้นึ 0.7200 คิดเปน็ ร้อยละ 72.00 ตอนท่ี 3 เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของนักเรียนระหวา่ งก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง การบวกและการลบจานวนที่ผลลัพธแ์ ละตวั ต้ังไม่เกิน 100 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 ปรากฏผล ดงั ตาราง 6-7 ตาราง 6 ผลคะแนนการทดสอบก่อนและหลังเรยี น ของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง การบวก และการลบจานวนที่ผลลพั ธ์และตวั ต้งั ไมเ่ กิน 100 คนท่ี คะแนนการทดสอบ ผลต่าง ผลต่าง
57 ก่อนเรยี น หลังเรียน ยกกาลงั สอง (D2) (30 คะแนน) (30 คะแนน) (D) 1 13 25 12 144 2 16 25 9 81 3 14 26 12 144 4 13 27 14 196 5 13 26 13 169 6 16 25 9 81 7 14 27 13 169 8 17 28 11 121 9 17 25 8 64 10 16 25 9 81 11 16 28 12 144 12 18 29 11 121 13 19 25 6 36 14 17 28 11 121 15 20 24 6 36 16 14 27 13 169 17 19 25 6 36 18 16 28 12 144 19 17 24 7 49 20 20 26 6 36 ตาราง 6 (ตอ่ ) คะแนนการทดสอบ ผลตา่ ง ผลตา่ ง คนที่ ยกกาลังสอง ก่อนเรยี น หลงั เรียน
58 (30 คะแนน) (30 คะแนน) (D) (D2) 2142 รวม 325 523 200 X 16.25 26.15 S.D. 2.24 1.50 ร้อยละ 54.17 87.17 จากตาราง 6 พบวา่ จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน คะแนนเฉลย่ี ของนักเรยี น จากการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น ก่อนเรยี น กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ เร่อื ง การบวกและการลบจานวนที่ผลลัพธแ์ ละตัวตัง้ ไมเ่ กิน 100 ไดค้ ะแนนเฉล่ยี โดยรวมเทา่ กบั 16.25 สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน 2.24 คดิ เปน็ ร้อยละ 54.17 และคะแนนเฉลยี่ หลังเรียน ได้คะแนนเฉล่ยี เทา่ กับ 26.15 ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน 1.50 คดิ เป็นร้อยละ 87.17 ตาราง 7 เปรียบเทยี บผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรยี นระหว่างก่อนเรยี นและหลงั เรียน เร่ือง การบวกและการลบจานวนที่มผี ลลพั ธแ์ ละตัวต้ังไมเ่ กิน 100 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 ทดสอบ N X S.D. D D2 t กอ่ นเรยี น 20 16.25 2.24 200 2142 16.359** หลังเรยี น 20 26.15 1.50 ** คา่ t มนี ยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01 (df19 , .01= 2.539) จากตาราง 7 พบว่า ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนักเรียนภายหลงั เรยี นเร่ือง การบวกและการลบ จานวนทผี่ ลลพั ธแ์ ละตัวตง้ั ไม่เกนิ 100 ของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
59 บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ การศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวกและการลบ จานวนทม่ี ีผลลัพธแ์ ละตัวตงั้ ไม่เกนิ 100 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 สรุปผลการศึกษาตามลาดับดังนี้ 1. วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ัย 2. สมมุตฐิ านของการศึกษา 3. ขอบเขตของการศกึ ษา 4. เครื่องมือทีใ่ ช้ในการวิจัย 5. การดาเนินการวจิ ยั 6. การวิเคราะหข์ ้อมูล 7. สรุปผลการวจิ ัย 8. อภิปรายผล 9. ข้อเสนอแนะ วัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั 1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 ระหว่าง กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น เรือ่ ง การบวกและการลบจานวนท่ผี ลลัพธแ์ ละตวั ต้งั ไมเ่ กนิ 100 สมมุตฐิ านของการศึกษา 1. หลังจากได้รับการพัฒนาแบบฝึกทักษะการบวกและการลบ จานวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 มีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนหลงั เรยี นดีข้ึน ขอบเขตของการวิจัย 1. ประชากร ประชากร ที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ ๓๓ จังหวดั ลพบรุ ี ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 จานวน 20 คน 2. กลมุ่ ตวั อย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศกึ ษา 2563 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๓ จังหวัดลพบุรี จานวน 20 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือก สุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
60 เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการวิจัย เครอ่ื งมอื ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษาคน้ ควา้ ครง้ั นีม้ ี 3 ชนิด คือ 1. แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เร่ือง การบวกและการลบจานวน ทผ่ี ลลัพธ์และตวั ต้ังไม่เกิน 100 ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 จานวน 20 แผนการจัดการเรียนรู้ 2. แบบฝกึ ทกั ษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจานวนที่มีผลลัพธ์และตัวต้ังไม่เกิน 100 ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 1 จานวน 26 ชดุ ดงั นี้ 2.1 แบบฝึกทักษะการคิดคานวณ จานวน 10 ชุด 2.2 แบบฝกึ ทักษะการแก้โจทย์ปญั หา จานวน 16 ชุด 3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลัพธ์ และ ตัวตั้งไม่เกิน 100 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จานวน 30 ขอ้ การดาเนินการวจิ ัย 1. ทดสอบกอ่ นเรยี นด้วยแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน จานวน 30 ขอ้ 2. ดาเนินการทดลอง จัดกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง การบวกและการลบจานวนทมี่ ีผลลัพธ์และตวั ตั้งไม่เกิน 100 ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ทาแบบฝึกทักษะ และบนั ทึกคะแนนเป็นรายบคุ คล 3. ทดสอบหลังเรียน โดยใชแ้ บบทดสอบฉบบั เดียวกับการทดสอบกอ่ นเรยี น การวเิ คราะห์ขอ้ มูล 1. วิเคราะหห์ าประสทิ ธภิ าพของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น 2. หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลัพธ์และ ตัวตั้งไม่เกิน 100 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์ 75/75 โดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน และค่าร้อยละ 3. หาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ี ผลลัพธ์และตัวต้ังไม่เกิน 100 โดยใช้สถิติ ค่าเฉล่ีย ของการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน มา คานวณหาคา่ ดชั นีประสทิ ธิผล 4. เปรียบเทียบคะแนนเฉลย่ี ก่อนเรยี นและหลังเรียน โดยใช้ t-test (Dependent Samples) สรุปผลการวิจัย การศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบ จานวนท่ีมีผลลพั ธแ์ ละตวั ต้ังไมเ่ กิน 100 ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1 พบวา่ 1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 มีประสทิ ธิภาพ 89.88/87.17 ซึง่ สูงกว่าเกณฑท์ ี่ตงั้ ไว้
61 2. คา่ ดชั นีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะเรื่อง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลัพธ์และตัวต้ัง ไม่ เกิน 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.7200 ซึ่งหมายความว่า นักเรียนมีความก้าวหน้า ทางการเรียนเพิม่ ข้ึนรอ้ ยละ 72.00 3. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนภายหลังเรียนจากแบบฝึกทักษะเรื่อง การบวกและการลบจานวน ที่ ผลลพั ธ์และตวั ตงั้ ไม่เกิน 100 ของนักเรยี นสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01 อภปิ รายผล การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวกและการลบ จานวนท่มี ผี ลลัพธแ์ ละตวั ตัง้ ไม่เกิน 100 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 อภปิ รายผลดงั นี้ 1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ีมีผลลัพธ์และตัวต้ังไม่เกิน 20 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 มีประสิทธิภาพ 89.88/87.17 สูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ท่ีต้ังไว้ ซ่ึงเป็นไป ตามสมมุติฐานที่ต้ังไว้ ข้อค้นพบน้ีสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ สถิต พนมศักดิ์ (2550 : 58-59) ได้ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะการคิดเลขเร็ว และการแก้โจทย์ปัญหา การบวกและการลบ การคูณ การหาร ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า แบบฝึกทักษะ การคิดเลขเร็วและการแก้โจทย์ปัญหาการบวก และการลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 85.58/81.88 สอดคล้องกับ ผลงานวิจัยของ จีราภรณ์ อินทร์โท่โล่ (2551 : บทคัดย่อ) ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ ปัญหา เร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ีมีผลลัพธ์และตัวต้ังไม่เกิน 100 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ผลการวิจยั พบว่า แบบฝึกทกั ษะการแกโ้ จทย์ปญั หา การบวกและการลบ จานวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้ง ไม่ เกิน 100 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 มีประสิทธิภาพ 92.15/84.40 สอดคล้องกับงานวิจัยของ ชูชาติ เรืองวงษ์ (2551 : 64-66) ได้ทาการศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาการบวก และการลบ การคูณ การหาร ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ปีการศึกษา 2550 ของโรงเรียนปัญจคาม ประชาสรรค์ สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2 จานวน 47 คน พบว่า แบบฝึกทักษะ การแก้โจทย์ปัญหาการบวกและการลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 88.36/77.40 ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ สมรัก ฤทธิกูล (2551 : 65-67) ได้ทาการศึกษาพัฒนา แบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 ปีการศึกษา 2550 ของนักเรียนโรงเรียน บ้านขี้เหล็ก สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 จานวน 20 คน พบว่า แบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ 87.97/84.13 และ สอดคล้องกบั งานวิจยั ของ อภริ ักษ์ จงวงศ์ (2549 : บทคัดย่อ) ได้พัฒนากระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ โดยใช้แบบฝึกทกั ษะ กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรอื่ ง เศษส่วน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 พบวา่ แบบฝกึ ทกั ษะพฒั นากระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง เศษสว่ น ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ทผ่ี ูศ้ กึ ษาคน้ คว้าสร้างข้ึนมีประสิทธิภาพ 84.30/77.83 ซึ่งสูงกวา่ เกณฑท์ ่ีต้ังไว้ 75/75 ทเ่ี ป็นเช่นนี้อาจสืบเนื่องมาจากเหตุผลดงั ตอ่ ไปน้ี 1.1 แบบฝึกทักษะที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ได้ดาเนินการตามข้ันตอนการสร้างแบบฝึกที่ดี มีลักษณะที่ปลุกเร้าความสนใจให้เด็กอยากทา มีความหมายในการฝึกฝน ใช้ภาษาที่เหมาะกับวัย และง่ายท่ีจะเข้าใจ สามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง สอดคล้องกับวิมลรัตน์ สุนทรโรจน์ (2544 :2) ที่กล่าววา่ ลกั ษณะของแบบฝึกทีด่ ีควรเหมาะสมกบั ระดบั วัย หรอื ความสามารถของนักเรียน มีคาชี้แจงสั้น
62 ๆ ท่ีช่วยให้นักเรียนเข้าใจวิธีการทาได้ง่าย มีรูปภาพ น่าสนใจ ใช้สานวนภาษาท่ีเข้าใจได้ง่าย ฝึกให้คิดได้เร็วและสนุกสนาน สามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง และสร้างตามหลักการสร้างแบบฝึกที่ดี คือสร้างขึ้นให้สอดคล้องกับกฎการเรียนรู้ของธอร์นไดค์ (Thorndike) และสร้างขึ้นตามหลักจิตวิทยา การศึกษาท่ีคานึงถึงกฎแห่งผลการฝึกหัด การเสริมแรง และมีสิ่งจูงใจจากการได้ทราบผลการทาแบบฝึก ทนั ที 1.2 แบบฝึกทักษะที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ผ่านการทดลองใช้เครื่องมือแบบฝึกทักษะ จากผล การศึกษาค้นคว้าครั้งน้ี ทาให้ทราบว่า แบบฝึกทักษะที่ผู้วิจัยค้นคว้าสร้างข้ึนเน้นไปท่ีการฝึกทักษะท่ีให้ นักเรียน ได้ฝึกปฏิบัติจริง ซ่ึงสอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ของจอห์น ดิวอ้ี (John Dewey) ที่ กล่าวถึง การจัดการเรียนการสอนจะต้องเน้นเด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ (Child Center) การเรียนรู้ โดยการกระทา (Learning by Doing) เม่ือนักเรียนทาแบบฝึกทักษะไม่ผ่านในเรื่องใดก็ทาการสอนซ่อม เสริมเด็กเปน็ รายบุคคล ทาให้สามารถแก้ไขจุดบกพร่องของนักเรียนได้ทันท่วงที การจัดกลุ่มให้นั่งคละกัน ระหว่างเด็กเกง่ กับเด็กอ่อน ทาใหเ้ ดก็ มีความมั่นใจในการเรียน เด็กเก่งสามารถช่วยเหลือเด็กอ่อนได้ และ จากการจัดกิจกรรมให้นกั เรียนได้แลกเปล่ยี นเรยี นรซู้ ึ่งกนั และกนั ทาใหเ้ รยี นรูอ้ ยา่ งมคี วามสขุ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบจานวน ที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จึงถือได้ว่าเป็นแบบฝึกทักษะ ท่ีมีประสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 75/75 และบรรลุตามความมุ่งหมายของการศกึ ษาค้นควา้ ครัง้ น้ี 2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลัพธ์ และตัวต้ังไม่เกิน 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.7200 ซ่ึงหมายความว่า นักเรียนมี ความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 72.00 ทั้งน้ีอาจเน่ืองมาจากนักเรียนได้เรียนรู้จากแบบฝึก ทักษะคณิตศาสตร์ และแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีได้ผ่านกระบวนการสร้างและหาคุณภาพอย่างเป็นระบบ ผู้เรียนได้รับการฝึกปฏิบัติอย่างสม่าเสมอและต่อเนื่อง และได้รับการปรับปรุงแก้ไขเม่ือมีข้อบกพร่อง ทุกคร้ัง จึงทาให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 72.00 ซึ่งสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ สมรกั ฤทธิกลู (2551 : 65-67) ได้ทาการศึกษาพัฒนาแบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 ปีการศึกษา 2550 ของนักเรียนโรงเรียนบ้านข้ีเหล็ก สานักงาน เขตพ้ืนที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 จานวน 20 คน พบว่า แบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 มีประสิทธิภาพ 87.97/84.13 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.6782 และ สอดคลอ้ งกับผลงานวจิ ัยของ สมบรู ณ์ พรมทา้ ว (2547 : บทคดั ยอ่ ) ท่ีพบวา่ ดัชนีประสทิ ธิผลของ แบบ ฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.52 ซง่ึ แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียน ร้อยละ 52 ผลงานวิจัยของ สถิต พนมศักดิ์ (2550 : 58-59) ทีพ่ บว่า ดชั นีประสิทธผิ ลของแบบฝึกทกั ษะการคดิ เลขเร็วและการแก้โจทย์ปัญหา การ บวกและการลบ การคูณ การหาร ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.6309 ซ่ึงหมายความว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียน ร้อยละ 63.09 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ บุญสม โปสันเทียะ (2551 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ การแก้โจทย์ปัญหา การบวกและการลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนสระพระขมาดไพร อาเภอพระทองคา สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา นครราชสีมา เขต 5 จานวน 31 คน ผลการวิจัยพบว่า แผนการจัดการเรียนรู้และแบบฝึกทักษะ
63 การแก้โจทย์ปัญหา การบวกและการลบ การคูณ การหาร ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 90.10/76.03 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ทีต่ ้ังไว้ มีค่าดัชนปี ระสทิ ธิผล เทา่ กบั 0.5847 ท่ีเป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะผู้วิจัยได้สร้าง แบบฝึกทักษะ ตามกระบวนการสร้างท่ีดี และผ่าน กระบวนการสร้างและหาคุณภาพอย่างเป็นระบบ ผู้เรียนได้เรียนรู้และได้รับการฝึกปฏิบัติจริง อย่าง สม่าเสมอและตอ่ เนอื่ ง จงึ ทาให้มีความรเู้ พมิ่ ข้นึ ร้อยละ 72.00 3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภายหลังเรียนเร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่ เกิน 100 ของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซ่ึงเป็นไปตามสมมุติฐาน ท่ีตงั้ ไว้ ผลการศึกษาครั้งนี้ สอดคล้องกับงานวิจัยของ จีราภรณ์ อินทร์โท่โล่ (2551 : บทคัดย่อ) ศึกษา การพัฒนาแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง การบวกและการลบ จานวนท่ีมีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่ เกิน 100 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ผลการวจิ ยั พบวา่ แบบฝึกทักษะการแก้โจทยป์ ัญหา การบวก และการ ลบ จานวนท่ีมีผลลพั ธ์และตัวต้ังไม่เกิน 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ 92.15/84.40 สูง กว่าเกณฑ์ที่ต้ังไว้ และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนภายหลังเรียนจากแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ ปญั หาการบวกและการลบ จานวนท่มี ผี ลลัพธ์และตัวตั้งไมเ่ กิน 100 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทาง สถิติที่ระดับ .01 สอดคลอ้ งกับผลงานวิจัยของสุพินดา ศรีคะเณย์ (2549 : บทคัดย่อ ) ทาการพัฒนาแบบ ฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาการคูณ สาหรับนักเรียน ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 พบวา่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นกลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เรื่องโจทย์ปัญหาการ คูณสูงกว่าก่อนใช้แบบฝึกเสริมทักษะอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งนอ้ี าจสืบเนอ่ื งมาจากแบบฝึกทกั ษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ีมีผลลัพธ์ และ ตัวตั้งไม่เกิน 100 และแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นมีคุณภาพ และแบบฝึกทักษะท่ีสร้างข้ึนมี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7200 ซ่ึงหมายถึงผู้เรียนมี ความก้าวหน้าทางการเรียนสูงข้ึนถึงร้อยละ 72.00 และกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ผู้ ศึกษาได้ดาเนินการตามขั้นตอนการจัดกิจกรรมการสอนคณิตศาสตร์ ของสถาบันส่งเสริมการสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จากเหตุผลดังกล่าว ส่งผลให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนภายหลังเรียน จากแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจานวนที่ผลลัพธ์และตัวต้ังไม่เกิน 100 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 ของนักเรยี นสูงกวา่ ก่อนเรยี นอยา่ งมีนยั สาคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .01 ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลัพธ์ และตัวต้งั ไมเ่ กนิ 100 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 ไปใช้ 1.1 ครูผู้สอน ควรเตรียมสื่อวัสดุอุปกรณ์และศึกษาแนวการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ตามข้ันตอนการสอนของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในคู่มือครู สาระการเรียนรพู้ ื้นฐานคณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ให้พร้อมก่อนการทาการสอน 1.2 ครูผู้สอน ควรนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบจานวนท่ีผลลัพธ์ และตัวตั้งไม่เกนิ 100 ที่ผศู้ กึ ษาสรา้ งขึน้ ไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน จะช่วยให้การเรียนการสอน มีคณุ ภาพ และช่วยส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนไดศ้ ึกษาหาความรู้และฝึกปฏิบตั ดิ ้วยตนเอง
64 2. ขอ้ เสนอแนะสาหรับการวิจยั ครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการสร้างแบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจานวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้ง ไมเ่ กนิ 100 ในรปู แบบตา่ ง ๆ ที่หลากหลาย 2.2 ควรมีการวิจัยเพ่ือเปรียบเทียบผลการเรียนการสอน โดยใช้แบบฝึกทักษะกับการสอน โดยวธิ อี ืน่ ๆ 2.3 ควรสอนสอดแทรกเรอ่ื งคณุ ธรรม จริยธรรมใหก้ ับนักเรียนด้วย
65 บรรณานุกรม กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธกิ าร. การจัดสาระการเรยี นรูก้ ลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์องค์การรบั สง่ สินค้าและพสั ดุภัณฑ์ (ร.ส.พ), 2546 กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ. คู่มอื ครูคณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 หลกั สูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 (ฉบับปรบั ปรุง) พิมพ์ครงั้ ที่ 3 พ.ศ. 2536 องคก์ ารค้าของคุรุสภาพ จัดพิมพ์ กรงุ เทพฯ ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบนั . คมู่ ือครสู าระการเรยี นรู้พ้ืนฐานคณิตศาสตร์ กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 2, กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2547. สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบัน. ค่มู ือครสู าระการเรียนรู้พนื้ ฐานคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ครุ ุสภาลาดพรา้ ว, 2546. วันทนีย์ พทิ ักษาวรากร แผนการสอนกลุ่มทักษะวชิ าคณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรยี นชลนายกสงเคราะห์ อาเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก วันทนีย์ พิทักษาวรากร แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะวชิ าคณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรยี นชลนายกสงเคราะห์ อาเภอเมืองนครนายก จังหวดั นครนายก (อัดสาเนา), 2546. บล เสียงเสนาะ แผนการสอนกลมุ่ ทกั ษะวชิ าคณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3 (อดั สาเนา), 2545. วัชรพงศ์ โกมทุ ธรรมวบิ ลู ย์และคณะ แผนการสอนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 คณิตศาสตร์ ตามหลกั สตู รประถมศึกษา พุทธศักราช 2541 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2533) พิมพ์ท่บี รษิ ัท วสิ ทิ ธ์พิ ัฒนา กรงุ เทพฯ วรี ะพล บอดีรัฐ เงินทองของมีค่า ระดับชนั้ ประถมศกึ ษา ช่วงช้นั ท่ี 1 (ป. 1 – 3) กรุงเทพมหานคร : บริษทั อมรินทร์ พรน้ิ ตงิ้ แอนดพ์ ับลชิ ชิ่ง จากัด , 2547 เอกรนิ ทร์ ส่ีมหาศาล และคณะ แม่บทมาตรฐานคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ตามหลกั สตู ร การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2544 พิมพค์ รั้งที่ 2 พมิ พ์ทบ่ี รษิ ัทไทยรม่ เกล้า จากัด กรุงเทพฯ สมศกั ด์ิ อรุณี และคณะ สือ่ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ ป. 3 กรุงเทพมหานคร โรงพิมพว์ ัฒนาพานชิ , 2547. กรมวชิ าการ. กระทรวงศกึ ษาธิการ.(2544). หลักสูตรการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์องค์การรบั สง่ สนิ ค้าและพัสดภุ ณั ฑ์ (ร.ส.พ.). กระทรวงศึกษาธกิ าร.(2551). หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. ________. (2551). ตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ ตาม หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551.กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุม สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย.
66 ทวศี กั ดิ์ ไชยมาโย. (2537). คมู่ อื ปฏบิ ัติการการจัดทาแผนการสอนเพื่อพัฒนาเป็นผลงานวิชาการ. นครพนม : สานักงานการประถมศึกษาจงั หวดั นครพนม. ทวิ ัตถ์ มณโี ชติ. (2549). การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามหลักสตู รการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: เก รท เอด็ ดเู คช่นั . ทิศนา แขมมณี. (2543). “การคดิ และการสอนคดิ ”. ใน พมิ พพ์ นั ธ์ เตชะคปุ ต์, ลัดดา ภู่เกียรติ ,สุวฒั นา สวุ รรณเขตนิยม. ประมวลบทความ นวัตกรรมเพื่อการเรียนร้สู าหรบั ครยู คุ ปฏริ ูปการศึกษา. กรุงเทพฯ : คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. บุญชม ศรสี ะอาด. (2546). การวิจยั เบอื้ งตน้ . พิมพ์ครงั้ ที่ 7. กรงุ เทพฯ : สุวีรยิ าสาสน์ , บูรชยั ศริ มิ หาสาคร. (2546). เทคนคิ การจัดการเรยี นการสอนเพ่ือเสริมสร้างคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ พชิ ติ ฤทธจิ์ รูญ. (2550). หลักการวัดและประเมินผลการศึกษา. พมิ พ์คร้งั ท่ี 4. กรงุ เทพฯ :เฮา้ ส์ออฟเคอร์ มสิ ท.์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. (2540). เอกสารการสอนชดุ วิชาสื่อการสอนระดับประถมศกึ ษาหน่วยท่ี 8 - 15. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. ยุพนิ พพิ ธิ กลุ . (2539).การเรียนการสอนคณิตศาสตร์. กรงุ เทพฯ : บพธิ การพมิ พ์. ________. (2545).การเรยี นการสอนคณติ ศาสตร์ยคุ ปฏริ ปู การศึกษา. กรุงเทพฯ : บพิธการพิมพ์. รุง่ อรณุ ลยี ะวณชิ ย.์ (2555). ค่มู ือครูคณิตศาสตร์ การสอนคณติ ศาสตร์ดว้ ยเกม. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542.กรุงเทพฯ : นานมบี คุ๊ ส์ พบั ลเิ คช่ัน. วรณัน ขนุ ศรี. (2546). “การจดั การเรยี นการสอนคณติ ศาสตร์” วารสารวชิ าการ. 6(3) มีนาคม. วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2542). แผนการสอนทเ่ี น้นผู้เรียนเปน็ ศนู ยก์ ลาง. พมิ พ์ครงั้ ที่ 2. กรงุ เทพฯ : แอล ที เพรส. สมนึก ภัททยิ ธน.ี (2549). การวัดผลการศกึ ษา. พิมพค์ รงั้ ที่ 5. กาฬสนิ ธ์ุ : ประสานการพมิ พ์. สมศกั ดภิ์ วู่ ภิ าดาวรรธน์. (2544). การยึดผเู้ รยี นเปน็ ศูนยก์ ลางและการประเมนิ ตามสภาพจริง. พมิ พ์ครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ : ดวงกมลสมัย. สถาบนั ทดสอบทางการศึกษาแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน). (ออนไลน)์ . ผลการทดสอบระดบั ชาตขิ ้นั พน้ื ฐาน (O-NET) ในกลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของนักเรียนชว่ งชนั้ ท่ี 1. เขา้ ถึงได้จาก http://www.niets.or.th/ เมื่อ 28 พฤษภาคม 2559. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). (ออนไลน)์ .แนวโน้มการจดั การศึกษา คณติ ศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตร์ระดับนานาชาติ พ.ศ.2554 หรือ TIMSS 2011. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.ipst.ac.th/web/index.php เม่ือ 29 มกราคม 2559. สานักงานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาต.ิ (2547). ทฤษฎกี ารเรียนรเู้ พ่ือพัฒนากระบวนการคิด. พมิ พ์ครัง้ ที่2. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานชิ . สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา. (2547). รายงานการประเมินคุณภาพภายนอก สถานศึกษา ระดบั การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน. กรุงเทพฯ : สานกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน).
67 สุนันทา สนุ ทรประเสริฐ. (2535). “วจิ ยั ในชั้นเรยี นอยา่ งง่าย ๆ แบบวิจัยหน้าเดยี ว” ใน วารสารวทิ ยบรกิ าร มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์.
Search