Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านTaffic_med update 12072019

คู่มือฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านTaffic_med update 12072019

Published by สวปศ กรมควบคุมโรค, 2021-06-23 07:40:18

Description: คู่มือฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านTaffic_med update 12072019

Search

Read the Text Version

[47] 8. แพทยป์ ระจำบ้านชั้นปีท่ี 1 รว่ มกนั เตรียมสไลด์นำเสนอผลการศึกษาในการประชุมวิชาการประจำ สัปดาห์ประมาณ 2 เดือนหลงั กลบั จากการออกฝึกภาคสนาม 9. แพทยป์ ระจำบ้านต้องทำสไลด์และปรึกษาอาจารยล์ ่วงหน้าอย่างนอ้ ย 1 เดอื น เพอ่ื ทราบประเด็นที่ ต้องศกึ ษาเพ่ิมเติมและปรบั ปรงุ สไลด์นำเสนอใหม้ ีคณุ ภาพกอ่ นการนำเสนอจริง 10. แพทย์ประจำบ้านเตรียมเอกสารประกอบการนำเสนอให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน ประกอบด้วย สไลด์ทจ่ี ะนำเสนอและ abstract ภาษาอังกฤษความยาวไม่เกนิ 300 คำ 11. แพทย์ประจำบ้านนำเสนอเปน็ ภาษาไทยเปน็ เวลาประมาณ 45 นาที และผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมซักถาม แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ร่วมกันใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยให้แพทย์ประจำบ้านนำเสนอผล การศึกษาภายใน 1 เดือนหลังจากกลับจากการประเมินระบบเฝ้าระวัง ทั้งนี้ให้แพทย์ประจำบ้าน กำหนดวันที่จะนำเสนอในตาราง Monday Meeting ที่ห้องพักแพทย์ประจำบ้าน และแจ้งกลุ่ม ฝึกอบรมฯ ลว่ งหนา้ อยา่ งน้อย 2 สปั ดาห์ 12. แพทย์ประจำบ้านส่งสำเนาสไลด์นำเสนอ 1 ชุด พร้อมอิเลคทรอนิกส์ไฟล์ ให้กลุ่มประกันคุณภาพ การศกึ ษาฯ 13. แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 1 ร่วมกันเขียนรายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์ภายใน 3 เดือนหลัง กลับจากออกฝึกภาคสนาม โดยต้องเขียน Abstract เป็นภาษาอังกฤษดว้ ย ทัง้ นใ้ี หป้ รึกษาอาจารย์ ที่ปรึกษาล่วงหนา้ 1 เดือน เพ่ือทราบประเดน็ ที่ต้องศกึ ษาเพิ่มเตมิ และปรับปรงุ ชนิ้ งานให้มีคณุ ภาพ 14. แพทย์ประจำบ้านส่งสำเนารายงานฉบับสมบูรณ์ 1 ชุด พร้อมอิเล็กทรอนิกส์ไฟล์ ให้กลุ่มประกัน คุณภาพการศึกษาฯ 15. ศกึ ษาตวั อย่างการเขียน abstract ในภาคผนวก หมายเหตุ 1. แพทย์ประจำบ้านจะต้องออกภาคสนามในพ้ืนที่จริงเพื่อศึกษาระบบเฝา้ ระวังอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วง เวลา 2 ปีท่รี ับการฝกึ อบรม ทงั้ นี้ทางโครงการฯ จะจดั ใหม้ ชี ว่ งเวลาทีเ่ หมาะสมในการดำเนินกิจกรรม 2. แพทย์ประจำบ้านชั้นปีท่ี 1 ร่วมกันรับผิดชอบขณะออกพ้ืนที่ นำเสนอผลงานให้กับพ้ืนท่ี ท้ังนี้อาจจะ มีมากกว่า 1 คนทถ่ี ูกมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบการนำเสนอน้ี (หมายเหตุงานช้ินนี้นบั เปน็ ชนิ้ งานของงานเฝา้ ระวังท่ีเป็น Minimum requirement ของโครงการอบรมฯด้วย ความรับผิดชอบร่วมกันของแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 1 สำหรับการทำรายงานและนำเสนอผลงานในประชุม วิชาการประจำสปั ดาห์ Monday meeting โดยมี supervisor ท่ีออกพน้ื ท่เี ปน็ ทป่ี รกึ ษาชน้ิ งาน) การประเมนิ ผล 1. การมีส่วนรว่ มในการวางแผนเตรียมงานกอ่ นลงพ้นื ท่ี และเข้าร่วมกจิ กรรมไม่นอ้ ยกว่า 90% 2. ความต้ังใจในการทำงานและการเรียนรู้ขณะลงพน้ื ท่ี 3. การนำเสนอผลการศึกษาในพ้นื ท่ีและเมอ่ื กลับมาสถาบันฯ 4. รายงานฉบบั สมบูรณ์ (กำหนดส่งภายในเดอื นมนี าคม พ.ศ. 2563)

[48] การเขียนบทความวชิ าการ (Scientific Article Writing) วตั ถปุ ระสงค์ 1. แพทย์ประจำบ้านมีความเข้าใจหลักการเขียนบทความทางวิชาการ เรียนรู้มารยาทและจริยธรรม ของการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ 2. แพทย์ประจำบ้านสามารถพัฒนาทักษะการเขียนบทความวิชาการที่เป็นภาษาไทยหรือ ภาษาอังกฤษทม่ี ีคุณภาพและได้มาตรฐาน 3. แพทย์ประจำบ้านไดม้ ีโอกาสนำเสนอผลงานทางวิชาการในเวทรี ะดบั ประเทศและนานาชาติ กจิ กรรม/การดำเนนิ งาน 1. แพทยป์ ระจำบ้านศกึ ษาวธิ ีการเขียนบทความวชิ าการด้วยตนเอง 2. ฟงั บรรยายเรอ่ื งจริยธรรมการวจิ ัย การเขียนบทความวิชาการ 3. แพทย์ประจำบ้านฝึกทักษะการเขียนบทความวชิ าการจากการสอบสวนโรคและงานวิจยั ของตนเอง ภายใตก้ ารดแู ลของอาจารย์ Project and program advisor 4. แพทยป์ ระจำบา้ นส่งบทคัดย่อเผยแพร่ในวารสารวชิ าการ 5. รายละเอียดของกจิ กรรมมดี งั นี้ 5.1 การเขียนบทคดั ยอ่ - แพทย์ประจำบ้านจะได้ฝึกเขียนบทคัดย่อทุกครั้งที่ต้องนำเสนอผลงานในรูปแบบภาพน่ิง (Slide presentation) ในการประชุมวิชาการประจำสัปดาห์ (Monday meeting) ภายใต้การดแู ลของอาจารย์ Project and program advisor - โครงการฯอาจจัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Abstract writing workshop) เพื่อฝึก เขียนบทคัดยอ่ ใหด้ ีขึน้ 5.2 การเขยี นบทความทางวชิ าการแบบ Ready to submit manuscript - แพทย์ประจำบ้านจะได้ฝึกทักษะการเขียนบทความวิชาการจากการออกสวบสวนโรค 1 ฉบับ และงานวจิ ยั ของตนเอง 1 เรื่อง ภายใต้การดูแลของอาจารย์ Project and program advisor - โครงการฯ อาจจัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Scientific Manuscript Writing Workshop) เพ่อื ฝกึ เขียนบทความวิชาการใหด้ ีขึ้น - แพทย์ประจำบ้านต้องส่ง Manuscript ฉบับสมบูรณ์ พร้อมทั้งส่ง electronic file ประกอบด้วย Manuscript และ Raw data ใหก้ บั สถาบันฯ • บทความวชิ าการจากการออกสอบสวนโรค 1 ฉบับ • บทความวชิ าการจากงานวจิ ัยของตนเอง 1 เรือ่ ง - แพทย์ประจำบา้ นต้องสง่ Abstract อย่างน้อย 1 เรอ่ื ง ไปเขา้ รว่ มคดั เลือกเพือ่ เผยแพร่ใน การประชมุ วิชาการนานาชาติ และ Manuscript อยา่ งนอ้ ย 1 เรอ่ื งตีพิมพ์ในวารสารวชิ าการ - แพทยป์ ระจำบา้ นทุกรายต้องมีประสบการณ์เผยแพรผ่ ลงานวชิ าการนานาชาติ (อยา่ งนอ้ ย 1 คร้งั ) และตอ้ งมีผลงานตีพมิ พใ์ นวารสารวชิ าการท่เี ป็นทีย่ อมรบั (อยา่ งน้อย 1 เร่อื ง) 5.3 มารยาทของการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ

[49] - การส่งผลงานเพื่อเผยแพร่ในรูปแบบการนำเสนอด้วยภาพนิ่ง โปสเตอร์ หรือบทความ (Manuscript) เป็นต้น จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องหลักๆกับงานชิ้นนั้นทุกระดับทราบ ตั้งแต่ในพื้นที่ (Local health authorities) จนถึงส่วนกลางเพื่อป้องกันการนำเสนอ ซ้ำซ้อนหรอื ความไมเ่ ขา้ ใจกัน - การลงชื่อผู้นิพนธ์ (Author list) ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับนักวิชาการบางคน เน่ืองจากสามารถบันทึกเป็นผลงานสว่ นบุคคลได้ ควรพจิ ารณาอยา่ งรอบคอบท้ังการใส่ใน Acknowledgement - นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆที่สำคัญ เช่น การรักษาความลับของผู้ให้ข้อมูล เป็นต้น โดย รายละเอียดเพมิ่ เติมจะไดเ้ รยี นร้ใู นระหว่างฝกึ การประเมินผล 1. มีบทความวิชาการที่เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษสำหรับส่งเพ่ือรบั การประเมินผลการเรียนการสอน a) ชนั้ ปีท่ี 1 ใหส้ ่งบทความวชิ าการจากการสอบสวนโรค b) ชน้ั ปีที่ 2 ให้สง่ บทความวิชาการจากการวจิ ยั c) ทั้งน้ีแพทย์ประจำบ้านตอ้ งเขียน Abstract เป็นภาษาอังกฤษส่งด้วยเสมอ จำกัดความยาวไม่ เกิน 300 คำ 2. มีบทความวิชาการที่เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานคนละ 1 เรื่อง สำหรบั ส่งไปตพี มิ พเ์ ผยแพร่ในวารสารระดบั ประเทศหรือนานาชาติ 3. มี Abstract อยา่ งนอ้ ย 1 เรอื่ ง ทไ่ี ด้รบั การคดั เลอื กใหไ้ ปเผยแพรใ่ นการประชมุ วิชาการนานาชาติ หมายเหตุ การเผยแพร่ผลการทำงานในรูปแบบต่างๆ เช่น บทคัดย่อ รายงาน หรือการนำเสนอผลงานวิชาการ เป็นต้น ควรระบุชื่อหรือหน่วยงานของผู้ร่วมทำงานและผู้ให้การสนับสนุนให้ชัดเจนเหมาะสม รวมทั้งชื่อ โครงการฝกึ อบรมแพทย์ประจำบา้ นและช่ืออาจารย์ที่ปรึกษา โดยให้พิจารณาจากความเหมาะสมเป็นหลักและ ตอ้ งแจ้งใหผ้ เู้ กย่ี วข้องกบั งานช้ินน้ันทกุ ระดบั ทราบ การฝึกปฏิบัติงานในศนู ย์ปฏบิ ตั กิ ารภาวะฉุกเฉิน ของกรมควบคุมโรค (Emergency Operation Center Training: EOC) วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้แพทย์ประจำบ้าน มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็น แผนแม่บทในการจดั การภาวะฉุกเฉินของประเทศ การจดั การภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสขุ

[50] (Public Health Emergency Management: PHEM) และระบบบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System: ICS) 2. เพื่อให้แพทย์ประจำบ้าน มีความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานในศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center: EOC) และสามารถอธิบายถึงแนวทางการพัฒนาศักยภาพ EOC ได้ กิจกรรม/การดำเนินงาน 1. เข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ระบบบัญชาการ เหตุการณแ์ ละศูนยป์ ฏิบัตกิ ารภาวะฉกุ เฉินทางสาธารณสขุ กรมควบคมุ โรค 2. เรียนรู้แนวทางการพัฒนาศักยภาพ EOC ทั้งด้านการพัฒนาฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ การพัฒนาสิ่ง อำนวยความสะดวก และระบบการปฏิบัติงานใน EOC เพื่อเตรียมพร้อมและฝึกปฏิบัติงาน EOC ของกรมควบคุมโรค 3. เรียนรู้เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ PHEM และ EOC เช่น พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 กฎ อนามัยระหวา่ งประเทศ (International Health Regulation: IHR) วาระความมน่ั คงดา้ นสุขภาพ โลก (Global Health Security Agenda: GHSA) กระบวนการวางแผนและการตัดสินใจในการ ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน (Planning and decision making processing emergency response) การเตรียมความพร้อมและตอบโตภ้ ัยพบิ ตั ิ (Disaster preparedness and response) 4. ฝึกปฏิบัติงานท่ศี ูนยบ์ ญั ชาการภาวะฉกุ เฉินทางสาธารณสขุ (Situation Awareness Team: SAT) 2 ครั้ง โดยแต่ละครั้งให้แพทย์ประจำบ้านเตรียมสไลด์นำเสนอผลปฏิบัติงานของสัปดาห์นั้นๆใน กิจกรรม Monday Meeting สปั ดาหถ์ ัดไป 5. ฝึกสอบสวนโรคที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขในพื้นที่ (Joint Investigation Team: JIT) 4 ครั้ง โดยเป็นทีมMember 2 ครั้ง Co-principle Investigator 1 ครั้ง และ Principle Investigator 1 ครั้งตามลำดับ แต่ละครั้งให้กลับมานำเสนอผลการสอบสวนเบื้องต้นในกิจกรรม Monday Meeting สัปดาหถ์ ัดไป สำหรบั Principle Investigator ใหน้ ำเสนอผลการสอบสวนโรคทสี่ มบูรณ์ภายหลังการ ออกสอบสวนโรค ภายใน 2 เดอื นโดยตอ้ งทำสไลดแ์ ละปรึกษาอาจารยล์ ว่ งหน้าอย่างน้อย 1 เดือน 6. ศึกษาตวั อย่างการเตรียมสไลดน์ ำเสนอในอิเลกทรอนิกไฟล์ท่ีให้ไว้ การประเมนิ ผล 1. เข้าอบรมได้ครบตามหลักสูตรการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ระบบบัญชาการเหตุการณ์ และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉกุ เฉนิ ทางสาธารณสขุ กรมควบคมุ โรค และต้องสอบผ่าน 2. ปฏิบัตงิ านใน EOC กรมควบคมุ โรค (JIT และ SAT) ตามกำหนดเวลา 3. การนำเสนอผลการปฏิบัติงานในสปั ดาห์ท่ีผา่ นมาใน Monday Meeting ( ท้ัง JIT และ SAT) 4. การนำเสนอผลการสอบสวนโรคเป็นภาษาอังกฤษ ภายใน 2 เดือน หลงั ออกสอบสวนเสรจ็ 5. รายงานการสอบสวนโรคฉบับสมบูรณ์พร้อม Abstract ภาษาอังกฤษ และ Manuscript ที่ได้รับ การตีพมิ พ์ (กำหนดส่งกอ่ นสอบปลายภาคการฝึกอบรม)

[51] การฝกึ ปฏิบัติงานในคลินกิ เวชศาสตร์ฉกุ เฉนิ และอุบัติเหตุ วัตถุประสงค์ 1. เพ่อื ใหแ้ พทยป์ ระจำบ้านฝกึ ทักษะการให้คำแนะนำ การตรวจรกั ษาแก่ผู้ท่ีใชร้ ะบบการจราจร นำองค์ความรทู้ ี่ได้จากการอบรมไปฝึกใช้งานจริง 2. เพ่อื ใหแ้ พทย์ประจำบ้านส่ังสมประสบการณ์ ทราบปญั หาต่างๆของผ้ทู ี่ใช้ระบบการจราจรท้ังระยะ ก่อนออกเดนิ ทาง ระหวา่ งเดนิ ทาง และหลงั เดนิ ทาง กิจกรรม/การดำเนินงาน 1. แพทย์ประจำบ้านเข้ารับการอบรมปูพื้นฐานด้านเวชศาสตร์การจราจร และการฟังบรรยายพิเศษ กับทางสถาบันตามกำหนด 2. แพทย์ประจำบา้ นทบทวนเน้ือหาวชิ าการและศึกษาเพ่ิมเติมด้วยตนเองก่อนปฏิบตั ิงานที่คลินกิ ทุกครั้ง 3. แพทย์ประจำบ้านฝึกปฏิบัติงานที่คลินิกเวชศาสตร์ฉุกเฉินและอุบัติเหตุ โดยฝึกปฏิบัติที่สถาบัน บำราศนราดรู โรงพยาบาลวชริ ะภเู ก็ต โรงพยาบาลขอนแก่น/อื่นๆตามความเหมาะสม 4. ขณะฝึกปฏิบัติงานที่สถาบันบำราศนราดูร ให้แพทย์ประจำบ้านนำเสนอ list ผู้ป่วยที่ตนเองได้ให้ คำแนะนำ/ตรวจรักษาทั้งหมดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในกิจกรรม Monday Meeting และคัดเลือก ผู้ป่วยที่น่าสนใจประจำสัปดาห์มาจำนวน 1 ราย ถ่ายทอดรายละเอียด ประเด็นต่างๆที่สำคัญให้ท่ี ประชมุ ทราบ (นำเสนอ 15 นาที ให้ผูเ้ ข้าประชมุ ซกั ถาม 10 นาที) 5. กำหนดให้แพทย์ประจำบ้านต้องเข้าร่วมกิจกรรม Monday Meeting ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. ทั้งนี้ก่อนและหลังการร่วมกิจกรรม Monday Meeting แพทย์ประจำบ้านยังคงต้องไป ปฏิบตั ิงานทคี่ ลนิ ิกด้วย 6. สามารถดูตารางเวรได้ที่ปฏิทินการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน ประจำปีการฝึกอบรม 2561 ใน หนา้ ท้ายสุด 7. ศกึ ษารูปแบบการนำเสนอไดใ้ นอเิ ล็กทรอนิกส์ไฟล์ที่ใหไ้ ว้ การประเมินผล 1. ฝึกปฏบิ ัติงานในคลนิ กิ ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาทงั้ หมด และความตรงตอ่ เวลา 2. แบบประเมินของอาจารย์และพยาบาลประจำคลินกิ 3. คุณภาพการนำเสนอในกจิ กรรม Monday Meeting

[52] การศึกษาดงู านและฝึกปฏบิ ัติงาน ณ ศูนยค์ วามปลอดภัยทางถนน วัตถุประสงค์ 1. เพือ่ ให้แพทยป์ ระจำบ้านมคี วามเข้าใจในลักษณะงานป้องกัน ควบคมุ โรค ณ ศูนย์ความปลอดภัย ทางถนนมากย่งิ ขน้ึ 2. เพ่ือใหแ้ พทย์ประจำบ้านมโี อกาสในการเพ่ิมพูนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และทราบปญั หาต่างๆ ในการป้องกัน ควบคมุ โรค ณ ศูนยค์ วามปลอดภัยทางถนน กิจกรรม/การดำเนินงาน 1. แพทย์ประจำบ้านเข้ารับการอบรมปูพื้นฐานด้านเวชศาสตร์การจราจร และการฟังบรรยายพิเศษ กบั ทางสถาบนั ฯ ตามระยะเวลาที่กำหนด 2. แพทย์ประจำบ้านทบทวนเนื้อหาวิชาการและศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเองก่อนฝึกปฏิบัติงานท่ี ศูนย์ ความปลอดภัยทางถนนระหวา่ งประเทศทุกครัง้ 3. แพทย์ประจำบา้ นฝึกปฏบิ ัติงานทดี่ ่านท่าอากาศยาน ทา่ เรือ ดา่ นอรัญประเทศตามที่สถาบันฯกำหนด 4. ขณะฝึกปฏบิ ัติงานทีด่ ่านท่าอากาศยานและท่าเรือ ให้แพทย์ประจำบา้ นนำเสนอส่ิงท่ีได้เรียนรู้จาก การฝึกปฏิบัติงานในแต่ละสัปดาห์ ในกิจกรรม Monday Meeting และเลือกประเด็นที่น่าสนใจ ประจำสัปดาห์มา 1 ประเด็น ถ่ายทอดรายละเอียด ให้ที่ประชุมทราบ (นำเสนอ 15 นาที ให้ผู้เข้า ประชมุ ซักถาม 10 นาที) 5. การไปฝึกปฏิบัติงานที่ด่านอรัญประเทศให้แพทย์ประจำบ้านจัดทำรายงานร่วมกันส่งสถาบันฯ ภายใน 1 เดือน หลังจากกลับมา ในการจัดทำรายงานให้ปรึกษาอาจารย์ผู้ดูแลโครงการเพ่ือ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งเปน็ ระยะ ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ 6. ศึกษารูปแบบรายงานได้ในภาคผนวก การประเมินผล 1. ฝึกปฏิบตั ิงานท่ีศูนย์ความปลอดภัยทางถนนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาทั้งหมด และความตรงต่อเวลา 2. แบบประเมินของอาจารย์แวละเจา้ หนา้ ท่ีประจำศูนย์ความปลอดภัยทางถนน 3. คุณภาพการนำเสนอในกจิ กรรม Monday Meeting และรายงานท่ีสง่ การฝึกปฏิบตั ิงานในหอผู้ปว่ ยและห้องฉกุ เฉิน วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้แพทย์ประจำบ้านสั่งสมประสบการณ์ ทราบปัญหาต่างๆทางการแพทย์ของผู้ที่ใช้ระบบ การจราจร การประเมนิ การส่อื สารให้ประสบความสำเรจ็

[53] 2. เพือ่ ให้แพทย์ประจำบ้านฝึกทักษะการให้คำแนะนำ การตรวจ ดแู ลรกั ษา โรคทอ่ี าจพบในผู้ท่ีใช้ระบบ การจราจร โรคท่ีสัมพันธ์กับการจราจร รวมถงึ โรคทผี่ ู้ทใี่ ช้ระบบการจราจรเป็นอยู่เดิมท่ีอาจต้องมีการ เตรยี มตวั เปน็ พเิ ศษ 3. เพอื่ ใหแ้ พทย์ประจำบ้านฝกึ ทักษะการตรวจดูแลรักษาผปู้ ่วยภาวะฉกุ เฉินทางการแพทย์และการ สาธารณสขุ ตลอดจนเรยี นรกู้ ารบริหารจัดการในภาวะฉุกเฉิน กิจกรรม/การดำเนนิ งาน 1. แพทยป์ ระจำบ้านเขา้ รบั การอบรมปพู ้นื ฐานด้านเวชศาสตร์การจราจร และการฟงั บรรยายพิเศษ กับทางสถาบันตามกำหนด 2. แพทยป์ ระจำบา้ นทบทวนเนือ้ หาวชิ าการและศึกษาเพม่ิ เติมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ 3. แพทย์ประจำบ้านฝึกปฏิบัติงานที่หอผู้ป่วยและห้องฉุกเฉินที่สถาบันบำราศนราดูร (แผนกอายุรกรรม กุมารเวชกรรม ศัลยกรรม ออร์โธปิดิกซ์ ห้องฉุกเฉิน) และฝึกปฏิบัติงานนอกสถานที่ เช่น สำนักงาน สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดภูเก็ต ศูนย์ป้องกันอุบัติภัยทางถนนจังหวัดขอนแก่นและ จังหวัดภเู กต็ เป็นต้น 4. ขณะท่ฝี ึกปฏิบัติงานที่สถาบันบำราศนราดูรให้แพทยป์ ระจำบ้านหมุนเวียนรบั consult คลนิ ิกเวช ศาสตรฉ์ ุกเฉนิ และอบุ ัติเหตุ ตามความเหมาะสม จะแจ้งให้ทราบอีกครงั้ 5. ขณะฝกึ ปฏบิ ัตงิ านที่สถาบันบำราศนราดูรให้ แพทยป์ ระจำบ้านนำเสนอ list ผู้ป่วยในทีต่ นเองดูแล ในสัปดาห์นั้นๆ และคัดเลือกประเด็นผู้ป่วยที่น่าสนใจประจำสัปดาห์มา 1 เรื่อง นำเสนอใน Monday Meeting (นำเสนอ 15 นาที ให้ผเู้ ขา้ ประชุมซกั ถาม 10 นาท)ี 6. กำหนดให้แพทย์ประจำบ้านต้องเข้าร่วมกิจกรรม Monday Meeting ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. ทั้งนี้ก่อน-หลังการร่วมกิจกรรม Monday Meeting แพทย์ประจำบ้านยังคงต้องไปปฏิบัติงานที่แผนก ของตน และแพทย์ประจำบ้านที่ดีควรต้องดูแลผปู้ ว่ ยให้ครบถ้วนก่อนเขา้ รว่ ม Monday Meeting 7. สามารถดูตารางปฏบิ ัติงานได้ที่ปฏิทินการฝกึ อบรมแพทย์ประจำบ้าน ประจำปีการฝึกอบรม 2562 ตามเอกสารแนบ 8. ศกึ ษารูปแบบการนำเสนอไดใ้ นอเิ ล็กทรอนิกส์ไฟลท์ ่ีใหไ้ ว้ การประเมินผล 1. ฝกึ ปฏบิ ัติงานไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาทัง้ หมด 2. แบบประเมินของอาจารย์และพยาบาลประจำแผนก 3. คณุ ภาพการนำเสนอในกิจกรรม Monday Meeting

[54] การเปน็ วทิ ยากรผชู้ ่วยหรือวิทยากรหลัก (Instructor or Teaching Assistant) วัตถปุ ระสงค์ 1. แพทยป์ ระจำบา้ นไดท้ บทวนเนื้อหาวชิ าการ คน้ ควา้ ความรู้เพิม่ เติม ฝึกการถ่ายทอดความรู้แกผ่ ู้อน่ื รวมถงึ เขา้ รว่ มในข้ันตอนตา่ งๆของการเปน็ วทิ ยากรต้ังแต่การเตรียมการสอน จดั ทำเอกสาร ดำเนนิ การ และประเมินผลการสอน 2. แพทยป์ ระจำบา้ นฝกึ ทักษะในการคน้ คว้าหาความรู้ด้วยตัวเองสำหรับเตรยี มการสอน กิจกรรม/การดำเนินงาน 1. แพทยป์ ระจำบา้ นชัน้ ปที ี่ 1 จะไดร้ ับมอบหมายเป็นวิทยากรผู้ช่วยสอนการสอนอย่างน้อย 1 ครั้ง 2. แพทยป์ ระจำบ้านชน้ั ปีที่ 1, 2, 3 จะได้รับมอบหมายให้เป็นวทิ ยากรหลกั อย่างปลี ะคร้ัง 3. แพทย์ประจำบ้านจัดเตรียมวตั ถปุ ระสงค์ เนอื้ หา แนวการสอน เอกสารประกอบการสอน และ วธิ กี ารประเมนิ ผล แล้วปรึกษา staff ผู้ดูแลหลกั สตู รหรืออาจารยท์ ่ีปรึกษาก่อนเปน็ วทิ ยากร ล่วงหน้าอยา่ งน้อย 2 สัปดาห์ 4. แพทย์ประจำบ้านสง่ เอกสารท่ใี ชใ้ นการสอน (อิเล็กทรอนิกสไ์ ฟล์และสำเนาเอกสารที่ใช้ในการ สอน) ใหก้ ับกลมุ่ ประกันคุณภาพการศึกษาฯ หลังสอนเสรจ็ ภายใน 1 สัปดาห์ การประเมนิ ผล Staff ทีด่ แู ลในหลกั สูตรทีแ่ พทยป์ ระจำบ้านไปรว่ มสอน อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาและหน่วยงานทจ่ี ัดอบรมจะ เป็นผูป้ ระเมนิ การศึกษาและฝกึ ปฏิบตั ิงานปัญหาทางการแพทย์และสาธารณสุข 1 ณ ศูนย์ป้องกนั อุบัติภยั ทางถนนจงั หวดั ขอนแกน่ และจงั หวัดภเู ก็ต วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือใหแ้ พทย์ประจำบ้านส่ังสมประสบการณ์ ทราบปญั หาต่างๆทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขที่ สำคัญในกลมุ่ ผู้ที่ใชร้ ะบบการจราจร 2. เพื่อให้แพทย์ประจำบ้านมโี อกาสแลกเปลยี่ นเรยี นรู้และสรา้ งเครอื ขา่ ยในการทำงานในอนาคต 3. เพื่อให้แพทยป์ ระจำบ้านเรียนรูจ้ ากอาจารยผ์ ้เู ชี่ยวชาญ ตลอดจนเทคโนโลยีการตรวจรกั ษาโรค สำคญั ท่ีสามารถพบไดใ้ นผู้ท่ีใช้ระบบการจราจร กจิ กรรม/การดำเนนิ งาน 1. แพทยป์ ระจำบ้านฝึกอบรมที่ศูนยป์ อ้ งกนั อุบัติภัยทางถนน เป็นเวลา 4 สปั ดาห์ 2. เพอ่ื เรียนรเู้ รื่องปัญหาทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทส่ี ำคัญในผทู้ ใี่ ชร้ ะบบการจราจรโดยเฉพาะ อย่างยิ่งการบาดเจบ็ จากการจราจร

[55] 3. ขณะรับการอบรมไม่ต้องกลับมารว่ มประชุมวชิ าการประจำสัปดาห์ท่ีสถาบันเวชศาสตรป์ ้องกันศึกษา 4. ให้แพทย์ประจำบา้ นนำเสนอประสบการณ์การเรียนรู้รายบุคคล ภายหลังกลับจากการฝึก ปฏบิ ตั ิงานในสปั ดาห์ถดั ไป 5. แพทย์ประจำบ้านเขยี นรายงานผลการศกึ ษาสรปุ ประสบการณแ์ ละการเรยี นรูท้ ี่ไดร้ ับส่งสถาบันฯ ตามหวั ขอ้ ขา้ งลา่ ง - ขอ้ มลู ทั่วไป (รอบทีฝ่ ึกและช่วงเวลาท่ีฝกึ /ชอื่ ผูไ้ ปฝึกอบรม) - กจิ กรรมทที่ ำในชว่ ง 1 เดอื นรวมถงึ งานที่ได้รบั มอบหมาย - ผลงาน เช่น การนำเสนอเพอื่ ใหข้ อ้ คดิ เห็น - ปญั หา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ - ภาคผนวก ได้แก่ ตารางสอน ฯลฯ การประเมินผล 1. จากแบบประเมนิ ของอาจารย์ผูด้ แู ลในศนู ยป์ ้องกันอบุ ตั ภิ ัยทางถนน/สำนกั งานสาธารณสุขจังหวดั ขอนแก่นและจังหวดั ภเู กต็ 2. จากสาระและคุณภาพของการศกึ ษาและรายงานผลการศกึ ษา 3. ความรับผิดชอบและความตรงต่อเวลา การศกึ ษาและฝึกปฏบิ ตั งิ านปัญหาทางการแพทย์และสาธารณสขุ 2 ณ สำนักงานสาธารณสุขจงั หวดั ขอนแก่นและจงั หวดั ภเู กต็ วตั ถปุ ระสงค์ 1. แพทยป์ ระจำบ้านสามารถนำองค์ความรมู้ าประยกุ ต์ใช้ในการดูแลผู้ที่ใชร้ ะบบการจราจรไดอ้ ย่างมี ประสิทธภิ าพมากขนึ้ 2. แพทย์ประจำบา้ นนำความรมู้ าประยุกต์ใชใ้ นการแก้ปญั หาทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สำคัญ ในกลุม่ ผู้ทใี่ ช้ระบบการจราจร 3. แพทยป์ ระจำบ้านได้แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ กบั ผเู้ ชี่ยวชาญและสรา้ งเครือข่ายด้านเวชศาสตร์ การจราจร กิจกรรม/การดำเนินงาน 1. เขา้ รับการฝึกอบรมเปน็ เวลา 4 สัปดาห์ เพื่อเรยี นรู้การป้องกันการบาดเจ็บ การสอบสวน เฝ้าระวงั การปอ้ งกันการบาดเจบ็ จากการจราจร 2. ขณะรบั การอบรมไมต่ ้องกลบั มารว่ มประชมุ วิชาการประจำสปั ดาห์ที่สถาบันเวชศาสตร์ป้องกัน ศึกษา 3. ใหแ้ พทย์ประจำบา้ นนำเสนอประสบการณ์การเรยี นรู้รายบุคคล ภายหลงั กลับจากการฝกึ ปฏิบัตงิ านในสปั ดาหถ์ ัดไป

[56] 4. แพทย์ประจำบ้านเขยี นรายงานผลการศึกษาสรปุ ประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ได้รับส่งสถาบนั ฯ ตามหวั ขอ้ ข้างลา่ ง - ข้อมูลทั่วไป (รอบทีฝ่ ึกและช่วงเวลาทฝี่ กึ /ชอื่ ผไู้ ปฝึกอบรม) - กจิ กรรมที่ทำในช่วง 1 เดอื นรวมถงึ งานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย - ผลงาน เช่น การนำเสนอเพอ่ื ใหข้ ้อคดิ เหน็ - ปัญหา อปุ สรรค และข้อเสนอแนะ - ภาคผนวก ได้แก่ ตารางสอน ฯลฯ การประเมนิ ผล 1. จากแบบประเมินของอาจารย์ผ้ดู ูแลเรอื่ งการเฝ้าระวัง การควบคมุ โรคติดเชื้อในโรงพยาบาลและ โรคประจำถิ่นในเขตภาคใต้ 2. จากสาระและคุณภาพของการศึกษาและรายงานผลการศึกษา 3. ความรบั ผิดชอบและความตรงต่อเวลา การอบรมด้านเวชศาสตรก์ ารบนิ (Aviation Medicine) วตั ถุประสงค์ 1. แพทย์ประจำบ้านมีความรู้ความเข้าใจในด้านเวชศาสตร์การบินทเ่ี ก่ยี วข้องกับเวชศาสตร์การจราจร 2. แพทย์ประจำบ้านสามารถนำองค์ความรู้มาประยกุ ต์ใช้ในการดูแลผทู้ ี่ใชร้ ะบบการจราจรไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธภิ าพมากข้นึ กิจกรรม/การดำเนนิ งาน 1. แพทย์ประจำบ้านชนั้ ปีที่ 2 รบั การอบรมโดยฟังบรรยายและศกึ ษาดงู าน ท่สี ถาบันเวชศาสตรก์ ารบิน ติดต่อกนั เป็นเวลา 4 สปั ดาห์ (สถาบันฯอาจปรับกจิ กรรมตามความเหมาะสม) ประกอบดว้ ยหัวข้อ - Altitude and human physiology in the altitude - “Fit to Fly” assessment - Medical equipment and facility in the aircraft - Common in-flight problems and how to manage - In-flight emergency and management - Transferring patient by air - Aviophobia (Fear of flying) - High altitude illnesses including acute mountain sickness, high altitude pulmonary edema, high altitude cerebral edema

[57] 2. ศึกษารายละเอียดของเนื้อหาวชิ าลว่ งหน้า/เพิม่ เตมิ จากหนังสอื ตำราหรอื เอกสารทแ่ี จกให้ และ คน้ ควา้ จากห้องสมุดหรือแหล่งอ้างองิ อื่นๆ 3. ในกรณที ่ีมีคำถามเกีย่ วกับบทเรียน แพทยป์ ระจำบ้านสามารถสอบถามวิทยากรในช้นั เรียนหรือ นอกชั้นเรียนหรือปรึกษาอาจารยป์ ระจำโครงการฯ 4. ใหแ้ พทย์ประจำบา้ นจดั ทำรายงานรายบุคคลส่งสถาบนั ฯภายใน 1 เดอื น หลงั จากกลับมา ในการ จดั ทำรายงานให้ปรึกษาอาจารย์ผู้ดูแลโครงการเพื่อตรวจสอบความถูกต้องเป็นระยะ ล่วงหนา้ อยา่ งน้อย 2 สัปดาห์ 5. ศกึ ษารูปแบบรายงานไดใ้ นภาคผนวก การประเมินผล 1. เวลาเขา้ รบั การอบรมต้องไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาทั้งหมด ความตรงต่อเวลา 2. ความพร้อมในการเรียน การมีสว่ นรว่ ม แสดงความคิดเห็น ในระหว่างอบรมประเมนิ โดยอาจารย์ ผู้เชย่ี วชาญของสถาบนั เวชศาสตร์การบิน 3. ความสมบูรณ์ของรายงานท่ีจัดทำ หมายเหตุ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของหลักสูตรนี้มิได้คาดหวังให้แพทย์ประจำบ้านทุกคนรู้และเข้าใจใน รายละเอียดทั้งหมดแพทย์ประจำบ้านจึงไม่ควรเป็นกังวลมากเกินไปหากตามความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดไม่ทัน การเตรียมตวั โดยการอ่านมาก่อนเข้าห้องเรียนจะชว่ ยได้มาก หลังจากการบรรยายพยายามสรุปให้ได้ว่าอะไรท่ี เข้าใจแล้ว ส่วนที่ยังไม่เข้าใจให้ติดตามศึกษาเพิ่มเติมต่อไปในภายหลัง เพราะการเรียนที่ดีต้องเป็นการเรียน จากตวั อย่างที่เกดิ ข้ึนจริงหรอื เกิดจากการท่ีเขา้ ไปเกยี่ วข้องดว้ ยโดยตรง การศกึ ษาดูงานโรคท่ีเกย่ี วข้องกบั เวชศาสตร์การจราจร ณ สำนักโรคไมต่ ิดตอ่ วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือใหแ้ พทยป์ ระจำบ้านมคี วามรแู้ ละทักษะในตดิ ตามและประเมินผลการดำเนินงานสอบสวน เฝ้า ระวังปอ้ งกนั ควบคุมการบาดเจ็บจากจราจร 2. มคี วามเข้าใจเรอ่ื งการส่งเสรมิ สนบั สนุน ถา่ ยทอด และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ในการเฝา้ ระวงั ปอ้ งกันควบคุมการเกิดอุบัตเิ หตทุ างจราจรและการบาดเจ็บจากการจราจร ตลอดจนสามารถ พฒั นาศักยภาพให้กบั ภาคเี ครือข่ายและประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 3. แพทย์ประจำบา้ นมีความรูค้ วามเข้าใจในด้านเวชศาสตร์การจราจรระดบั สูง กิจกรรม/การดำเนนิ งาน 1. แพทย์ประจำบ้านช้นั ปที ่ี 2 ศึกษาดงู านสำนักโรคไม่ติดต่อ ตดิ ต่อกันเป็นเวลา 4 สปั ดาห์ (สถาบันฯ อาจปรับกิจกรรมตามความเหมาะสม)

[58] กรณแี พทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 3 ผา่ นการศึกษาระดบั ปริญญาโทหลักสูตรปริญญาโทสาขาสาธารณสุข วิศวกรรม การประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ หรือในสาขาที่เกี่ยวข้อง หรือเทียบเท่า เรียบร้อยแล้ว สถาบันฯจะ ปรับเปลยี่ นสถานท่ีศึกษาดูงานตามความเหมาะสม 2. แพทยป์ ระจำบ้านศกึ ษารายละเอยี ดของเน้ือหาวิชาลว่ งหนา้ /เพ่ิมเตมิ จากหนงั สอื ตำราหรือเอกสารท่ี แจกให้ และคน้ คว้าจากห้องสมดุ หรือแหล่งอ้างองิ อน่ื ๆ 3. ในกรณีที่มีคำถามเกี่ยวกับบทเรียน แพทย์ประจำบ้านควรสอบถามอาจารย์เป็นวันๆ เพื่อไม่ให้ค่ัง คา้ ง และมคี วามเข้าใจอย่างลกึ ซ้ึง 4. ให้แพทย์ประจำบ้านนำเสนอความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาดูงานโดยเตรียม slide presentation และนำเสนอสถาบันฯภายใน 1 เดือน หลงั จากกลับมา ทง้ั นคี้ วรให้อาจารยท์ ี่ปรึกษาตรวจสอบความ ถูกตอ้ งเป็นระยะ ล่วงหนา้ อย่างนอ้ ย 2 สัปดาห์ 5. ใหส้ ง่ slide presentation และ พมิ พส์ ำเนาจำนวน 1 ชดุ ใหก้ บั กล่มุ ฝึกอบรมฯ พรอ้ มท้ังส่งเอกสาร ที่เกยี่ วขอ้ ง/ท่ีได้รับขณะที่ศกึ ษาปริญญาโทให้กลุ่มฝึกอบรมฯด้วย 6. ให้แพทย์ประจำบ้านกำหนดวันนำเสนอด้วยตนเอง โดยต้องแจ้งกลุ่มฝึกอบรมฯ ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และแพทย์ประจำบ้านควรประสานอาจารย์ที่สอนปริญญาโทหรือผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหา น้ันๆ ให้เข้ารว่ มดว้ ยเพอ่ื ทบทวนองคค์ วามรตู้ ลอดจนความถูกตอ้ งของเน้อื หาที่ตนเองนำเสนอ การประเมนิ ผล 1. ความพร้อมในการเรียน การมีส่วนร่วม การแสดงความคิดเห็น ความตรงต่อเวลาในระหว่างศกึ ษาดู งานประเมนิ โดยอาจารย์ 2. การนำเสนอ slide presentation ประเมินโดยอาจารย์ทีเ่ ข้ารว่ มกิจกรรม วิชาเลือกเสรี วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อให้แพทยป์ ระจำบ้านมโี อกาสไดเ้ รียนรู้ เพ่ิมพนู ประสบการณใ์ นประเด็นท่ีตนเองสนใจ 2. เพ่อื ให้แพทย์ประจำบ้านมโี อกาสสร้างเครือข่ายทางวชิ าการหรือท่ีเกี่ยวข้องกบั เวชศาสตร์การจราจร กิจกรรม/การดำเนินงาน 1. สถาบันฯ เปิดโอกาสให้แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 2, 3 เลือกอบรม/ศึกษาดูงานกับหน่วยงานที่ ตนเองมีความสนใจภายในประเทศ เป็นเวลาประมาณ 8 สัปดาห์ (ทั้งนี้อาจปรับเปลี่ยนตามความ เหมาะสม เพอ่ื ไม่ให้กระทบกับรายวิชาอนื่ ) 2. แพทย์ประจำบ้านต้องปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาหรืออาจารย์สถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศึกษาเพื่อ พิจารณาความเหมาะสมของหัวข้อและหนว่ ยงานที่ตนสนใจ 3. แพทย์ประจำบ้านต้องแจ้งสถาบันฯทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน สถาบันฯจะช่วยติดต่อ ประสานงานอย่างเป็นทางการให้ ทั้งนี้การที่จะได้ไปอบรม/ศึกษาดูงานดังกล่าวอาจเป็นไปตามท่ี แพทย์ประจำบ้านมีความประสงค์หรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับหน่วยงานดังกล่าวตอบรับด้วยและขึ้นอยู่ กับความพอเพยี งของงบประมาณ 4. กรณีที่หน่วยงานปลายทางคิดคา่ ลงทะเบียน และแพทย์ประจำบา้ นประสงค์เบิกค่าใชจ้ ่ายดังกล่าว ทางสถาบันฯขอสงวนสิทธ์ิพิจารณาความคมุ้ คา่ ประกอบด้วย

[59] 5. แพทย์ประจำบ้านควรศึกษารายละเอียดของเนื้อหาวิชาล่วงหน้า/เพิ่มเติมจากหนังสือตำราหรือ เอกสารทีแ่ จกให้ และคน้ ควา้ จากห้องสมุดหรือแหลง่ อ้างอิงอ่ืนๆ 6. ให้แพทย์ประจำบ้านจัดทำรายงานส่งสถาบันฯภายใน 1 เดือน หลังจากกลับมา ในการจัดทำรายงาน ให้ปรึกษาอาจารยผ์ ู้ดูแลโครงการเพ่ือตรวจสอบความถูกต้องเป็นระยะ ลว่ งหนา้ อยา่ งน้อย 2 สปั ดาห์ 7. ให้แพทย์ประจำบ้านนำเสนอความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาดูงานโดยเตรียม slide presentation และนำเสนอสถาบันฯภายใน 1 เดือน หลังจากกลับมา ทั้งนี้ควรให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบ ความถูกต้องเป็นระยะ ล่วงหน้าอยา่ งน้อย 2 สัปดาห์ 8. ให้ส่ง slide presentation และ พิมพ์สำเนาจำนวน 1 ชุด ให้กับกลุ่มประกันคุณภาพการศึกษาฯ พรอ้ มทั้งส่งเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง/ที่ได้รับจากหน่วยงานนั้นให้กลมุ่ ประกันคุณภาพการศึกษาฯ ด้วย 9. ให้แพทย์ประจำบ้านกำหนดวันนำเสนอด้วยตนเอง โดยต้องแจ้งกลุ่มอบรมฯล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และแพทย์ประจำบ้านควรประสานอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหานั้นๆ ให้เข้าร่วม ดว้ ยเพอ่ื ทบทวนองค์ความร้ตู ลอดจนความถูกต้องของเนื้อหาที่ตนเองนำเสนอ 10. รายงานประกอบไปด้วย - ขอ้ มูลท่ัวไป (รอบทฝ่ี กึ และช่วงเวลาทฝ่ี ึก/ช่ือผ้ไู ปฝึกอบรม) - กิจกรรมทีท่ ำในช่วง 1 เดือนรวมถงึ งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย - ขอ้ สงั เกต ปญั หา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ - สิ่งท่ีไดจ้ ากการศึกษาดงู าน - ภาคผนวก เช่น ตารางสอน, slide presentation, เอกสารที่เกี่ยวข้อง/ที่ได้รับจาก หน่วยงานนนั้ เป็นต้น การประเมนิ ผล 1. ความพร้อมในการเรียน การมีสว่ นร่วม แสดงความคิดเห็น ความตรงต่อเวลา ในระหว่างอบรม ประเมนิ โดยอาจารย์ผู้เชย่ี วชาญของหน่วยงานทไี่ ปอบรม/ศึกษาดงู าน 2. ความสมบรู ณ์ของรายงานทจ่ี ัดทำ หมายเหตุ แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 2, 3 หาช่วงเวลาที่ตนเองสามารถไปอบรม/ศึกษาดูงานดังกล่าวด้วยตนเอง โดยตอ้ งไมต่ ดิ กิจกรรมท่สี ถาบันฯกำหนดให้เขา้ รว่ ม

[60] การสัมมนา/ประชุมวชิ าการระดับนานาชาติ (International scientific meeting) วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ใหแ้ พทย์ประจำบ้านมีโอกาสเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางวิชาการ และสร้างเครือข่าย กับผูเ้ ชย่ี วชาญในสาขาวชิ าตา่ งๆ ทัง้ ในระดบั ชาติและสากล 2. เพือ่ ให้แพทย์ประจำบ้านฝกึ ทกั ษะการสรปุ งานท่ีได้ทำระหวา่ งฝกึ อบรมในรูปแบบที่สามารถส่ือสาร กบั ผู้ท่ีเกีย่ วขอ้ งในเวทีวชิ าการ และสาธารณะได้ 3. เพื่อให้แพทย์ประจำบ้านมีประสบการณ์นำเสนอผลงานวิชาการในเวทีวิชาการระดับนานาชาติ (ภาษาอังกฤษ) กจิ กรรม/การดำเนนิ งาน 1. โครงการฝึกอบรมจะแจ้งการประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติที่น่าสนใจให้แพทย์ประจำ บ้านไดร้ บั ทราบ 2. แพทย์ประจำบ้านต้องปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อจัดทำบทคัดย่อ แล้วส่งให้กับกลุ่มประกัน คุณภาพการศึกษาฯ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องตามเกณฑ์กำหนด จากนั้นผู้อำนวยการหลักสูตร พจิ ารณาและอนุมตั ิใหส้ ามารถส่งบทความไปคดั เลือกได้ 3. โครงการจะเป็นผู้สง่ บทคัดย่อ ให้กบั ผ้จู ดั การประชุม แตใ่ นบางกรณแี พทย์ประจำบ้านจะต้องเป็นผู้ ส่งบทคัดย่อทีไ่ ด้รับการอนุมัตแิ ลว้ เข้าไปเอง ข้นึ กับขอ้ กำหนดของผู้จดั การประชุม 4. หากบทคัดย่อได้รับการคัดเลือก แพทย์ประจำบ้านที่จะไปนำเสนอต้องขออนุมัติไปราชการ ทั้งใน กรณที ี่ขออนมุ ตั ไิ ปราชการอยา่ งเดียวหรอื ขอรบั การสนบั สนุนค่าใชจ้ ่ายด้วย 5. ใหแ้ พทย์ประจำบ้านปรึกษากับอาจารยป์ ระจำชิน้ งานเพื่อเตรยี มการนำเสนอเป็น Slide, Poster และบทพูด 6. ซักซ้อมการนำเสนอในสถานการณ์สมมุติ (Rehearsal presentation) ก่อนการนำเสนอจริงอย่าง น้อย 1 คร้ัง 7. เมื่อกลับมาแล้วให้ส่งไฟล์ ให้กับทางกลุ่มฝึกอบรมฯ เพื่อเก็บบันทึกไว้และสรุปเป็นรายงานนำส่ง ให้กบั ผู้ให้ทนุ สนบั สนุน a. กรณี Oral Presentation ใหส้ ง่ slide, abstract และบทพูดทแ่ี ก้ไขสดุ ท้ายของผลงาน b. กรณี Poster Presentation ให้ส่ง Poster ที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ไฟล์ และท่ีพิมพ์สำเนาแล้ว, abstract ทีแ่ กไ้ ขสุดท้ายของผลงาน 8. กรณีที่มีแพทย์ประจำบ้านไปนำเสนอหลายคน ทางโครงการฯจะพยายามหาทุนเพื่อให้มีอาจารย์ หรอื ทีป่ รกึ ษาไปช่วยในการเตรียมการนำเสนอ และการตอบคำถาม

[61] หลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณาอนุมัตใิ หน้ ำเสนอผลงานในทป่ี ระชุมนานาชาติ สำหรบั การนำเสนองานในที่ประชุมนานาชาติ หากตอ้ งการรับการสนบั สนุน แพทย์ประจำบา้ นจะต้อง ส่งบทคัดย่อให้อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ (Program advisor) ช่วยพิจารณาและหาทุนสนับสนุนล่วงหน้า อย่างน้อย 3 เดอื น 1. เปน็ งานทีท่ ำในระหว่างการฝึกอบรมฯ 2. ได้รบั การตอบรับจากผ้จู ดั การประชมุ ให้นำเสนอแบบปากเปล่า หรอื โปสเตอร์ การประเมนิ ผล ได้นำเสนอผลการทำงานในทีป่ ระชุมวชิ าการระดบั นานาชาติ อย่างนอ้ ย 1 เร่ือง หมายเหตุ 1. การเผยแพร่ผลการทำงานในรูปแบบต่างๆ เช่น บทคัดย่อ รายงาน หรือการนำเสนอผลงาน วิชาการเป็นต้น ควรระบุชื่อหรือหน่วยงานของผู้ร่วมทำงานและผู้ให้การสนับสนุนให้ชัดเจน เหมาะสม รวมทั้งช่ือโครงการฯและชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา ตามความเหมาะสมและต้องแจ้งให้ ผู้เกีย่ วข้องกบั งานช้ินนน้ั ทุกระดบั ทราบ 2. บทคัดย่อที่ไม่ได้ส่งให้โครงการอนุมัติก่อนการไปนำเสนอ ผู้นำเสนอจะต้องขอลาราชการไปเอง ยกเวน้ มจี ดหมายเชญิ เปน็ ทางการตามระเบยี บราชการปกติ 3. โครงการฯสงวนสิทู ธิท์ ่ีจะเปล่ียนแปลงเงื่อนไขต่างๆตามสถานการณ์ท่ีเหมาะสม โดยไม่ต้องแจ้งให้ ทราบล่วงหน้าตามมตเิ อกฉนั ทข์ องท่ีประชมุ อาจารย์ 4. การประชุมทโี่ ครงการฯจะให้ความสนับสนุน ต้องเป็นการประชุมวิชาการท่ีสำคัญและมีชื่อเสียง ที่ เป็นท่ียอมรบั ของคณะกรรมการสถาบันฯ 5. ในกรณที ม่ี ีบทคัดยอ่ ได้รบั เลือกมากกวา่ จำนวนทุนที่มี การจัดสรรทุนจะพิจารณาจาก - เป็นผทู้ ี่ยงั ไม่เคยไปนำเสนอในเวทนี านาชาติ - บทคัดยอ่ ทเ่ี ป็นการนำเสนอแบบปากเปล่า - บทคัดย่อทไ่ี ดค้ ะแนนจากคณะกรรมการพจิ ารณาสงู กวา่ การฝกึ อบรมในต่างประเทศ (International Fellowship) วตั ถปุ ระสงค์ 1. แพทย์ประจำบ้านได้แลกเปลี่ยนความเห็นทางวิชาการและสร้างเครือข่ายวิชาการกับผู้เชี่ยวชาญ ในตา่ งประเทศ 2. แพทย์ประจำบ้านได้รับประสบการณ์ตรงและเข้าใจวัฒนธรรมการทำงานด้านเวชศาสตร์ การจราจรในระดบั สากลและในประเทศที่พฒั นาแล้ว (Developed countries)

[62] 3. พัฒนาร่างบทความสำหรับตีพิมพ์ (Manuscript) ก่อนการเดินทาง เพื่อนำไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญใน ต่างประเทศและพัฒนาใหม้ คี วามลึกในดา้ นวชิ าการมากขน้ึ และมีความเรียบร้อยสำหรบั การส่งไปตพี มิ พ์ กิจกรรม/การดำเนินงาน เกณฑ์การใหท้ นุ ไปฝึกอบรมในต่างประเทศ การให้ทุนไปฝึกอบรมในต่างประเทศแก่แพทย์ประจำบ้านเช่น US CDC นั้น ต้องผ่านเกณฑ์ พจิ ารณาคัดเลือกความเหมาะสม ดังน้ี 1. คะแนนภาษาองั กฤษ เชน่ DIFA TES level: B1, IELTS level: 4.5, TOEIC: 550, TOEFL: 50 2. ผลสอบประเมินแต่ละภาคเรียน ต้องสอบผา่ นทุกภาคเรยี น 3. เจตคติ ทศั นคติ ความรับผดิ ชอบ จรยิ ธรรม 4. Manuscript 1 เรื่อง (Outbreak investigation หรือ research หรือ Surveillance Evaluation) ทางโครงการจะพยายามสนับสนนุ ให้มีการฝกึ อบรมในตา่ งประเทศ เช่น US CDC ท่จี ะเปน็ ประโยชน์ ตอ่ แพทย์ประจำบ้านเป็นเวลาประมาณ 1 เดอื น ทงั้ น้ีแพทย์ประจำบา้ นตอ้ งผา่ นเกณฑข์ า้ งตน้ กอ่ น การท่ีผเู้ ช่ยี วชาญในหน่วยงานต่างประเทศจะรับดูแลแพทยป์ ระจำบ้านจะข้ึนกับประเภทและคุณภาพ ของชิ้นงานทจี่ ดั ทำโดยแพทยป์ ระจำบา้ นเป็นหลกั 1. แพทย์ประจำบ้านจะต้องจัดเตรียมเรื่องที่จะนำไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญ ตา่ งประเทศ ควรใช้ผลงานวจิ ัยเป็นเรือ่ งหลักรว่ มกบั งานการสอบสวนโรคทเ่ี คยทำมา 2. ทางโครงการจะประสานงานกับทางประเทศที่จะส่งไปฝึกอบรมเพื่อติดต่อขอผู้เช่ียวชาญพี่เลี้ยง (Mentor) ทีจ่ ะรว่ มดูแลและให้คำแนะนำแพทย์ประจำบ้านในชว่ งศกึ ษาดงู าน 3. เมื่อทราบชื่อ (Mentor) จากต่างประเทศแล้ว แพทย์ประจำบ้านควรจะได้เริ่มติดต่อแลกเปลี่ยน ขอ้ มูลทาง E-mail เป็นระยะๆเพื่อสร้างความคุน้ เคยและปูทางสำหรับการดูงาน 4. ก่อนทำเรื่องเดินทาง แพทย์ประจำบ้านจะต้องส่ง Manuscript ของเรื่องที่จะนำไปปรึกษากับ ผู้เช่ยี วชาญในตา่ งประเทศให้โครงการฯ อย่างน้อย 2 เดอื นกอ่ นการเดนิ ทาง 5. ระยะเวลาการดูงานประมาณ 1 เดอื นของแพทยป์ ระจำบ้านแตล่ ะคน อาจเกิดข้ึนพร้อมกันหรือไม่ พร้อมกันก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม แต่มักจะเป็นช่วงเดือนท้ายๆ ของการฝึกอบรมในปีที่ 2,3 อาจรวมไปกับการไปประชมุ วชิ าการในประเทศนนั้ ๆ เปน็ ต้น 6. ภายหลังการฝึกอบรมในต่างประเทศ แพทย์ประจำบ้านจะต้องจัดทำรายงานการอบรมฯ เพื่อส่ง ให้กรมควบคุมโรคภายใน 1 เดอื น โดยรายงานประกอบด้วย 6.1.1. กิจกรรมที่เกิดขน้ึ 6.1.2. ช่ือ ด้านความเชี่ยวชาญ และข้อมูลการติดต่อ (Contact information) ของพี่เลี้ยง (Mentor) และผเู้ ชย่ี วชาญคนอ่นื ๆ ในเครอื ข่ายที่พบ 6.1.3. ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้ 6.1.4. ความตัง้ ใจทจี่ ะดำเนนิ การตอ่ ในเร่ืองทเ่ี ก่ียวข้อง

[63] 6.1.5. ขอ้ สงั เกตข้อคดิ เห็น หรอื ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ 6.1.6. ภาคผนวกให้ใส่เอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น งานที่เตรียมตีพิมพ์หรือการดัดแปลงเป็น แบบเรียนสำหรบั ร่นุ ตอ่ ๆไป 6.1.7. ใหส้ ่งรายงานฉบบั สมบูรณ์ และอิเล็กทรอนกิ ส์ไฟล์ (write CD) ให้กับกรมควบคมุ โรคและ 6.1.8. กลุ่มฝกึ อบรมฯ ทีล่ ะหน่งึ ชดุ การประเมินผล 1. จากคุณภาพรายงานกจิ กรรมและประสบการณ์ 2. จากความเหน็ ของผเู้ ชี่ยวชาญพีเ่ ลยี้ งชาวต่างประเทศ 3. ผลงานสุดทา้ ยที่กลับมาจากการแลกเปล่ยี น หมายเหตุ โครงการฯสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขต่างๆ ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม โดยไม่ต้องแจ้งให้ ทราบลว่ งหน้าตามมตเิ อกฉนั ทข์ องที่ประชุมอาจารย์ การทำวิจัย แพทย์ประจำบา้ นต้องทำงานวจิ ยั ได้แก่ งานวจิ ัยแบบ Retrospective/ prospective/ cross sectional/ systematic review/meta-analysis 1 เร่ือง ในระหวา่ งฝึกอบรมทสี่ ถาบันฯ 2 ปี โดยเปน็ ผูว้ ิจยั หลัก และวทิ ยานิพนธ์หรือสารนพิ นธ์ในระดับปริญญาโท 1 เร่ือง ทง้ั น้ีต้องไดร้ ับการตีพิมพ์ลงในวารสารทาง การแพทยใ์ นฐานข้อมลู ของศนู ย์ดชั นกี ารอ้างอิงวารสารไทย Thai-Journal Citation Index Center - TCI หรือ ตีพิมพ์ในวารสารวชิ าการนานาชาติ ทผ่ี า่ น Peer review ก่อนสอบวดั ความรเู้ พื่อวุฒบิ ัตรแสดงความรู้ความ ชำนาญในการประกอบวชิ าชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตรป์ ้องกัน แขนงเวชศาสตร์การจราจร กรณที ่ตี ้องการเสนอ เพื่อเทียบวฒุ ิบัตรปริญญาเอกตอ้ งตีพิมพห์ รือนำเสนอผลงานในการประชุมวชิ าการ ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน การอุดมศกึ ษาแห่งชาติ การประเมนิ ผลความรู้ ความสามารถของแพทยป์ ระจำบา้ น แพทย์ประจำบ้านจะได้รับการประเมินผลเป็นรายบุคคลทุก 6 เดือน (เดือนพฤศจิกายนและ พฤษภาคม) โดยประเมินจากผลการสอบแต่ละภาคเรียน รายงานการประเมินผลการศึกษา (Portfolio) แบบ ติดตามงานส่งพร้อมผลงาน และแบบบันทึกประสบการณ์ (log book) นอกเหนือจากการประเมินผลงานแต่ละชิ้นทั้งในขณะที่อยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษา ในการ นำเสนอผลงานวชิ าการแบบเตม็ และในการเขียนผลงานในรปู แบบรายงานฉบบั สมบรู ณห์ รือบทความวิชาการ โดยคณะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วที่ประชุมอาจารย์จะได้ประเมินพัฒนาการของแพทย์ประจำบ้านแต่ละคนใน ภาพรวมตามหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้ 1. ความรู้ทจ่ี ำเป็น 2. เจตคติและทัศนคติตอ่ การเรยี นรูแ้ ละการทำงาน 3. ทักษะและกิจกรรมทางการแพทยแ์ ละการสาธารณสุขทคี่ วรต้องมตี ามพัฒนาการในแตล่ ะระยะ

[64] ในเดือนพฤศจิกายนและพฤษภาคมของทุกปีจะมีการสอบประเมินความเข้าใจและความสามารถในการนำความรู้ ด้านเวชศาสตร์การจราจรไปประยุกต์ใช้โดยวิธีการตอบคำถามข้อเขียน การฝึกปฏิบัติและการประเมินโดย สัมภาษณ์ปากเปล่า แพทย์ประจำบ้านที่ผ่านการประเมินในภาพรวมครั้งสุดท้ายจะมีสิทธิได้รับประกาศนียบัตร เมือ่ สง่ งานซึ่งรบั รองโดยอาจารย์ท่ปี รึกษาเรียบร้อยแล้วครบตามกำหนดท่ีดำเนินการระหว่างการฝึกอบรม แพทย์ประจำบ้านจะได้รับการแจ้งผลการประเมินในแต่ละรอบ หากไม่ผ่านเกณฑ์จะมีการจัดสอบแก้ตัว/ทำ ชิน้ งานเพ่ิมเตมิ / ฝึกปฏิบัตเิ พิ่มเตมิ ตามความเหมาะสม การประเมินระหวา่ งการฝกึ อบรม สถาบันฝึกอบรมจะต้องจัดให้มีการประเมินแพทย์ประจำบ้านระหว่างการฝึกอบรม (Formative evaluation) พร้อมทั้งแจ้งผลให้แพทย์ประจำบ้านทราบอย่างสม่ำเสมอและจัดให้มีการสอบแก้ตัวท่ีเหมาะสม ครอบคลุมท้ังด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ และกจิ กรรมทางการแพทย์ ในมติ ิตา่ งๆ ดังน้ี มิตทิ ี่ 1 การประเมนิ กจิ กรรมสมรรถนะ (Entrust able Professional Activity : EPA) ตามแต่ละแขนง มติ ทิ ี่ 2 การรายงานผลการสอบจดั โดยสถาบันเฉพาะแขนง (ผ่าน/ไม่ผ่าน) มิตทิ ี่ 3 การรายงานประสบการณ์เรียนร้จู ากการดำเนนิ งานดา้ นเวชศาสตรก์ ารจราจรใน ระดับบุคคล ครอบครวั ชมุ ชน และประชาชน : portfolio มิติที่ 4 การรายงานความก้าวหน้างานวจิ ัย มิตทิ ่ี 5 การร่วมกิจกรรมประชุมวิชาการทางเวชศาสตร์การจราจร มติ ทิ ่ี 6 การประเมินสมรรถนะด้าน professionalism และ interpersonal and communication skills โดยอาจารย์และผรู้ ่วมงาน การบนั ทกึ ข้อมูลการประเมินแพทยป์ ระจำบา้ นทำโดย สถาบันฝึกอบรมฯ ทำการบันทึกข้อมูลการประเมินแพทย์ประจำบ้านในมิติที่ 1-6 ทั้งรายบุคคลและราย สถาบัน เพอ่ื รายงานผลมายังคณะกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ ตามท่กี ำหนด ผลการประเมนิ นำไปใช้ในกรณี ต่อไปนี้ 1. เพ่ือเลื่อนระดับชั้นปี 2. เพ่ือใช้พิจารณาคุณสมบัตผิ ู้เขา้ สอบเพ่อื วุฒบิ ตั รฯ การประเมนิ ระหว่างการฝกึ อบรมโดยสม่ำเสมอ และแจง้ ผลให้แพทย์ประจำบ้านรบั ทราบจะชว่ ยใหเ้ กิดการพัฒนาสมรรถนะหลักดา้ นตา่ งๆ ของแพทย์ ประจำบ้านได้สมบูรณ์ข้นึ การประเมินเพอื่ เลอ่ื นช้ันปี 1. ปฏิบัติงานไดไ้ ม่ต่ำกวา่ รอ้ ยละ 80 ของระยะเวลาท่กี ำหนด 2. ผ่านการประเมินตามมิชติต่างๆ ที่กำหนดในหลักสูตร โดยได้คะแนนไม่ตำ่ กว่าร้อยละ 50 ของแต่ ละมติ ิ ยกเว้นการสอบตามมติ ิท่ี 2 ให้ใช้เกณฑต์ ามแต่ละสถาบันกำหนด 3. ผา่ นเกณฑ์การประเมิน EPA 4. ปฏบิ ัตงิ านได้สอดคล้องตามข้อกำหนดของสถาบนั ฝึกอบรมไม่ก่อให้เกิดความเส่ือมเสียแก่สถาบนั ฝึกอบรม

[65] แนวทางการดำเนนิ งาน กรณไี มผ่ า่ นการประเมนิ เพอ่ื เลื่อนชนั้ ปี 1. ต้องปฏิบัติงานเพิ่มเติมในส่วนที่สถาบันกำหนด แล้วทำการประเมินซ้ำ ถ้าผ่านการประเมินจึง สามารถเลือ่ นชนั้ ปีได้ 2. ถ้าไมผ่ ่านการประเมนิ เพื่อเล่ือนชนั้ ปซี ้ำตามข้อที่ 1 หรือไมผ่ า่ นการประเมนิ เพอ่ื รับการเสนอช่ือเข้า สอบวุฒิบัตร ต้องปฏบิ ตั ิงานในระยะชน้ั ปีเดิมอีก 1 ปี 3. หลงั จากปฏบิ ตั งิ านซำ้ ในชน้ั ปเี ดิมอีก 1 ปี แล้วยงั ไมผ่ ่านการประเมินเพ่ือเลอื่ นชั้นปี ให้ยตุ กิ ารฝึกอบรม 4. ทั้งนี้ใหส้ ถาบันสง่ ผลการประเมนิ แพทย์ประจำบา้ น ภายในวนั ท่ี 31 กรกฎาคมของทกุ ปี เพื่อเสนอ ทป่ี ระชมุ คณะอนกุ รรมการฝกึ อบรมและสอบฯราชวทิ ยาลัยฯและแพทยสภาตามลำดับ การวดั และประเมินผลเพอ่ื วุฒบิ ตั รแสดงความรคู้ วามชำนาญฯ การสอบเพือ่ วุฒบิ ัตรฯ (1) คณุ สมบัติผู้มสี ทิ ธเ์ิ ข้าสอบ - ผา่ นการฝึกอบรมครบตามหลักสูตร ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของระยะเวลาการฝกึ อบรม - ผ่านการประเมินความรู้ ทักษะ และเจตคติ ตลอดการฝึกอบรม 3 ปี - สง่ วิทยานิพนธ์ /สารนิพนธ์ ทีใ่ ช้ประกอบการสำเรจ็ หลักสตู รปรญิ ญาโทและมกี ารเผยแพร่ ผลงานหรือไดร้ บั การตอบรบั ให้เผยแพร่ในวารสารวชิ าการแลว้ - Project evaluation เกยี่ วกบั เวชศาสตรก์ ารจราจร 1 เรื่อง - การสอบสวนอุบัติเหตุจราจร หรือผลกระทบจากการจราจร 3 เรอื่ ง - ผา่ นการอบรม มาตรฐานระยะสน้ั ACLS ATLS และ PLS - สถาบันฝึกอบรมเหน็ สมควรและเสนอชอ่ื ให้เขา้ สอบ (2) เอกสารประกอบ - เอกสารรับรองประสบการณ์ภาคปฏบิ ัตจิ ากสถาบันฝึกอบรมตามท่ีกำหนด - รายงานวิจัยฉบบั สมบูรณ์และใบรบั รองจากคณะกรรมการจรยิ ธรรมการวจิ ัยในมนษุ ย์ - รายงานการเผยแพร่งานวิจัยตามเกณฑท์ ี่ อฝส.กำหนด (3) วธิ ีการประเมนิ เพ่ือวฒุ ิบัตรประกอบดว้ ย 3.1 ข้อสอบกลางของสมาคมเวชศาสตรป์ อ้ งกันแห่งประเทศไทย เปน็ ข้อสอบปรนัย (300 คะแนน) เนือ้ หาประกอบด้วย - ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์การแพทย์พ้นื ฐาน และความรพู้ ้ืนฐานด้านเวชศาสตร์ป้องกัน 200 คะแนน - ความรูเ้ ฉพาะแขนงเวชศาสตร์การจราจร 100 คะแนน 3.2 ข้อสอบเฉพาะแต่ละแขนง (700 คะแนน) ประกอบดว้ ย - การสอบปรนัย (Multiple choice question : MCQ) ในแขนงของตนเอง (200 คะแนน) - การสอบอัตนัย (MEQ, essay, short answer question) (200 คะแนน)

[66] - การสอบรูปแบบอื่นๆ (300 คะแนน) โดยสถาบันสามารถเลือกรปู แบบและกำหนดสัดสว่ นการ สอบได้เอง โดยต้องมีการสอบอยา่ งน้อย 2/3 รูปแบบคือ • การสอบ OSCE (Objective Structured Clinical Examination) • การสอบ Long case/Long Scenario ทดสอบทกั ษะการแกป้ ัญหาในแขนงทเี่ กยี่ วข้อง • การสอบปากเปล่า (Oral Examination) 3.3 ผ่านการประเมนิ ผลงานวิจยั ผ่าน/ไมผ่ า่ น 3.4 ผ่านการประเมินผลปฏิบัติงานจากสถาบันฝกึ อบรม เช่น แฟ้มสะสมผลงาน (portfolio), EPA เกณฑ์การพจิ ารณาตัดสินผลการประเมิน ใชเ้ กณฑ์ร้อยละ 60 หรือโดยอยู่ในดลุ ยพนิ ิจของ คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ แตล่ ะแขนง การวดั และประเมนิ ผลเพือ่ อนมุ ตั บิ ัตรฯ ผูส้ มคั รสอบตอ้ ง 1) เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมและได้ทำงานสาขาเวชศาสตร์การจราจรไม่น้อย กว่า 5 ปี โดยตอ้ งทำงานในสถานทผ่ี า่ นการรับรองจากคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบ 2) ผา่ นการอบรม มาตรฐานระยะสน้ั ACLS ATLS และ PLS 3) ต้องมีการปฏิบัติงาน และมี Log book แสดงว่ามีการปฏิบัติงานในแขนงเวชศาสตร์การจราจรจริง โดยต้องมีการลงลายมือชื่อรับรองผลงานจากแพทย์ที่ได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตร สาขาเวช ศาสตรก์ ารจราจร และผสู้ มัครตอ้ งมีประสบการณ์ดังต่อไปนี้ - ต้องมกี ารให้คำปรึกษา หรอื เปน็ พยานทางกฏหมาย ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับผลกระทบดา้ นสขุ ภาพที่เกดิ จากการจราจรทั้งทางตรงและทางอ้อมให้กับหนว่ ยงาน สถาบนั หรอื บคุ ลล อยา่ งน้อย 1 ราย - ตอ้ งมผี ลงานการทำ Project evaluation เกี่ยวกับเวชศาสตรก์ ารจราจร 1 เรอื่ ง - ต้องมีผลงานการสอบสวนอุบตั เิ หตุจราจร หรือการประเมนิ ผลกระทบจากการจราจร 3 เรอื่ ง 4) ต้องมีผลงานวิจัย ในแขนงเวชศาสตร์การจราจร อย่างน้อย 1 เรื่อง ซึ่งผู้สมัครสอบต้องเป็นชื่อ 1 และมีสัดส่วนการเป็นเจ้าของผลงานไม่น้อยกว่า 40% และผลงานวิจัยนั้นต้องได้รับการตีพิมพ์ใน วารสารทางการแพทย์ ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย Thai-Journal Citation Index Center – TCL หรอื ตีพิมพใ์ นวารสารวิชาการนานาชาตทิ ผี่ า่ น Peer review 5) ต้องผ่านการฝึกอบบรมระยะสั้น อย่างน้อย 2 เดือน ในหลักสูตรที่ผ่านการรับรองจาก คณะอนกุ รรมการฝึกอบรมและสอบ สาขาเวชศาสตร์ปอ้ งกนั แขนงเวชศาสตรก์ ารจราจร เกณฑก์ ารตดั สนิ - มคี ุณสมบตั ิและผลงานครบถ้วนตามเกณฑ์ - สง่ ผลงานวิจยั ตามเวลาทก่ี ำหนด และผลงานตอ้ งมีคณุ ภาพผา่ นการพิจารณาของ คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบ

[67] - ผ่านการประเมิน EPA เช่นเดียวกบั ผู้สอบเพอื่ วฒุ บิ ัตรฯ - การสอบจะใชข้ ้อสอบและเกณฑก์ ารตัดสินเชน่ เดียวกบั การสอบเพ่ือวฒุ บิ ัตรฯ การประชมุ วชิ าการและภาษาทีใ่ ช้ การเรียนการสอนและการประชุมวิชาการใช้ภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารเป็นหลัก แต่อนุโลมให้ สามารถใชภ้ าษาไทยในการอภปิ รายแลกเปลย่ี นเรียนรู้ สำหรบั เอกสารนำเสนอตา่ งๆ เช่น Slide PowerPoint, Abstract, Manuscript รวมถงึ การสอบประเมินผลขอ้ เขียน (MEQ และ MCQ) ใหใ้ ชภ้ าษาองั กฤษเท่าน้นั การจัดลำดับความสำคัญของการเรียนจากการปฏบิ ัตงิ านจรงิ หลักสูตรการฝึกอบรมนี้เป็นการเรียนแบบผู้ใหญ่ โดยแพทย์ประจำบ้านจะได้รับมอบหมายให้ทำงาน เป็นชิ้นงาน และมีการกำหนดอาจารย์ที่ปรึกษาหรือพี่เลี้ยง ดังนั้น แพทย์ประจำบ้านจึงมีหน้าที่ขวนขวายหา หนังสอื อ่านและเข้ารายงานที่ปรึกษาเปน็ ระยะ โดยเฉพาะอย่างย่งิ เมอ่ื มปี ัญหาในการทำงาน การฝึกอบรมในรปู แบบนีจ้ ะเหมือนสถานการณ์การทำงานจริง กล่าวคือแพทย์ประจำบ้านต้องทำงาน หลายอย่างในเวลาเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดในการทำงานมากเกินไป แพทย์ประจำบ้านจะต้อง จดั ลำดบั ความสำคญั ของชิ้นงาน โดยสรปุ การเรยี นรูจ้ ะเกดิ ขึน้ ได้มาก ถา้ ผูเ้ รียนมีความใฝร่ ูแ้ ละทำงานหนกั โดย ฝกึ ฝนความเปน็ มืออาชีพ เช่น ไมเ่ กย่ี งงาน เห็นประโยชน์สว่ นรวมเปน็ ทต่ี งั้ มจี รยิ ธรรม ตรงต่อเวลา และปฏบิ ัติ ตามกฎระเบียบขอ้ ตกลงของสถาบันฯ เปน็ ต้น สถานทที่ ใี่ ชใ้ นการเรียนการสอนและการปฏบิ ตั งิ านของแพทย์ประจำบ้าน - หอ้ งเรยี น/ห้องประชุม/ห้องอา่ นหนงั สือสำหรับแพทยป์ ระจำบ้าน ณ สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกนั ศึกษา - สำนักโรคไมต่ ดิ ตอ่ กรมควบคุมโรค - สำนกั งานสาธารณสขุ จังหวดั ภเู ก็ต, ขอนแก่น - แผนกผู้ป่วยนอก/ใน หอ้ งฉุกเฉิน ณ โรงพยาบาบำราศนราดูร โรงพยาบาลชริ ะภเู กต็ โรงพยาบาลขอนแกน่ ระบบสนบั สนนุ การเรยี นรู้ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยสนับสนุนให้แพทย์ประจำบ้านได้ใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูล และ ได้รบั ส่ิงสนับสนุนอนื่ ๆท่ีมใี นระหวา่ งการฝกึ อบรมดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ห้องสมุดตา่ งๆ ในกระทรวงสาธารณสุข เช่น สถาบนั บำราศนราดรู FETP กรมควบคุมโรค 2. กรมอนามยั กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ Thailand – US collaboration (TUC) สำนกั งานคณะกรรมการ อาหารและยา องคก์ ารอนามัยโลก โรงพยาบาลวชิระภเู ก็ต โรงพยาบาลขอนแกน่ เปน็ ตน้ 3. การสืบค้นงานวิชาการ โดย internet ของศูนย์สารสนเทศ และการติดต่อเครือข่ายต่างๆ โดยใช้ e-mail และapplicationทเ่ี กย่ี วขอ้ งต่างๆ 4. ตำราเรียนท่ีใช้ไดแ้ ก่ - Traffic Safety by Leonard Evans - Trauma Surgery Volume 1: Trauma Management, Trauma Critical Care, Orthopedic Trauma and Neuro-Trauma by Di Saberio, S., Tugnoli, G., Catena

[68] - Trauma Surgery Volume 2: Thoracic and Abdominal Trauma by Di Saverio, S., Tugnoli, G., Catena - Acute Care Surgery Second Edition by L.D. Britt MD (Author), Andrew B. Peitzman MD FACS (Author) - The Trauma Manual: Trauma and Acute Care Surgery (Lippincott Manual Series) Fourth Edition by Andrew B. Peitzman MD FACS (Author) - Tintinalli's Emergency Medicine: A Comprehensive Study Guide, 8 th edition 8 th Edition by Judith E. Tintinalli (Author), J. Stephan Stapczynski (Author), - Emergency General Surgery, An Issue of Surgical Clinics by Ronald F. Martin; Paul J. Schenarts - Oxford Handbook of Clinical Rehabilitation by Anthony Ward (author) Raddom's - Rehabilitation Care: A Clinical Handbook by David X. Cifu (author) - Traffic Management: Planning, Operations, and Control by John E. Tyworth (Author) - Transportation Systems Engineering: Theory and Methods (Applied Optimization) 1st Edition by Ennio Cascetta (Author) - Principles of Epidemiology in Public Health Practice Third Edition: An Introduction to Applied Epidemiology and Biostatistics by CDC - Epidemiology by (author) Leon Gordis - Wilderness Medicine: Beyond First Aid, Edition 6 by William W. Forgey, M.D. - Control of communicable disease manual: an official report of the American Public - Health Association by David L. Heymann - พื้นฐานระบาดวิทยา Basic of Epidemiology โดย คำนวณ อึ้งชูศักดิ์, ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ, วทิ ยา สวสั ดิวุฒิ - A Dictionary of Epidemiology by Miquel S. Porta, Oxford University Press, 2014 5. โตะ๊ ทำงานประจำตัวและอุปกรณ์สำนกั งาน 6. Laptop และ accessories (เฉพาะกรณีท่จี ำเป็น) 7. หอพกั สำหรบั แพทย์ประจำบา้ น 8. หอ้ งเรยี นสำหรบั แพทย์ประจำบา้ น หมายเหตุ 1. หากเครือ่ ง Laptop มกี ารชำรุดเสียหายจากการใช้งานปกติ สถาบนั ฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใชจ้ า่ ย ในการบำรงุ รักษา 2. กรณีท่ี Laptop สญู หาย ผทู้ ที่ ำหายต้องซ้ือหามาทดแทน

[69] 3. ในกรณีที่แพทย์ประจำบ้านได้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมระหว่างการฝึกอบรม แล้วเกิดปัญหาจากการใช้ อปุ กรณ์เสรมิ แพทย์ประจำบา้ นต้องเป็นผรู้ ับผิดชอบคา่ ใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง สิง่ ท่ตี ้องส่งให้สถาบนั เวชศาสตรป์ ้องกนั ศึกษา เมือ่ สิ้นสดุ การฝกึ อบรมชน้ั ปที ่ี 2 1. Laptop และ accessories ที่ได้รับการสนับสนุนระหว่างการศึกษา ในสภาพที่ผ่านการใช้งาน อยา่ งสมเหตุสมผล หมายเหตุ: ในกรณีที่แพทย์ประจำบ้านได้ตดิ ตั้งอุปกรณ์เสรมิ เมื่อสิ้นสดุ การฝึกอบรมสามารถถอด อปุ กรณน์ ำกลบั ไปได้ 2. ข้อมลู /เอกสารท่ไี ด้จากการศึกษาระหว่างการฝึกอบรมในรปู แบบ electronic ดงั นี้ - รายงานเบ้ืองตน้ เชน่ executive summary - รายงานฉบับเต็ม หรือ manuscript - งานท่ีไดร้ ับการตีพมิ พ์ เชน่ WESR วารสารกรมควบคุมโรค - Presentation files ทงั้ หมด (Abstract, PowerPoint และ Poster presentation) - ข้อมูลดิบ (raw data) ทั้งที่เป็นข้อมูลรายบุคคล ข้อมูลทางด้านห้องปฏิบัติการ และอื่นๆ พรอ้ ม codebook และแบบสอบถาม/แบบเก็บข้อมลู ที่เกย่ี วขอ้ ง 3. หนังสอื เรยี นทสี่ ถาบนั ฯใหย้ ืมเรียน หมายเหตุ: การศึกษาใดๆที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากสถาบันเวช ศาสตรฯ์ ให้ถือวา่ ความเปน็ เจ้าของข้อมลู และผลงานการศกึ ษาช้นิ น้ันเป็นไปตามเง่ือนไขที่ตกลงกัน ไว้กอ่ นท่จี ะเรม่ิ ทำการศึกษา ระเบียบวนิ ัยของแพทย์ประจำบา้ น 1. แพทย์ประจำบ้านจะปฏิบตั ิงานเสมือนเปน็ ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ดังนน้ั จึงต้องปฏิบัตติ าม ระเบยี บของข้าราชการพลเรือนในทกุ เร่ือง เช่น การเซนต์ชอ่ื มาทำงาน (เซนตช์ อ่ื ที่สถาบันเวชศาสตร์ ป้องกนั ศึกษาทุกวนั ในขณะท่ฝี กึ อบรมในหน่วยงานต่างๆ ของกรมควบคุมโรค ก่อนเวลา 08.30 น.) 2. หากมีความจำเป็นต้องไปราชการที่หน่วยงานอื่น ให้โทรแจ้งและทำบันทึกขออนุมัติไปราชการกับ ผู้อำนวยการหลักสูตรเวชศาสตร์การจราจรลว่ งหน้า 3. ผฝู้ กึ อบรมต้องปฏิบัตงิ านทีไ่ ด้รบั มอบหมายจากผู้บงั คับบัญชา ฯลฯ 4. การลาต่างๆ ทางสถาบันฯอนุญาตให้แพทย์ประจำบ้าน ลาป่วย ลากิจและลาพักผ่อน รวมกันไม่ เกิน 20 วัน/ปี ทั้งนี้การลากจิ และการลาพักผ่อนตอ้ งส่งใบลาล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วัน และต้องไม่ กระทบกับกำหนดการฝกึ อบรม 5. กรณปี ว่ ยหนักสามารถลาติดต่อกันได้ไม่เกิน 120 วนั ตามระเบียบราชการ ทั้งน้ีตอ้ งแจ้งผู้บังคับบัญชา (ผู้อำนวยการสถาบันและผู้อำนวยการหลักสูตรเวชศาสตร์การจราจร) พร้อมส่งใบรับรองแพทย์และ หนงั สอื ขอลาปว่ ยเป็นกรณีพิเศษ อย่างไรก็ตามต้องเรยี นชดเชยดังนนั้ อาจมีผลใหจ้ บชา้ 1 ปี

[70] 6. การมาสายทางสถาบันฯอนุญาตให้มาสายได้ไม่เกิน 10 ครั้งใน 6 เดือน (20 ครั้ง/ปี) ทั้งนี้เพื่อให้ การฝกึ อบรมมีประสทิ ธิภาพ และสร้างวินยั ในการเป็นแพทย์ทีด่ ี 7. การเบกิ จ่ายจากงบประมาณหรือแหล่งต่างๆ เช่น การยมื เงินทดรองราชการ ถา้ มีแผนงานล่วงหน้า ให้ทำเรื่องยมื เงินก่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ยกเว้นกรณีเรง่ ด่วน (สอบสวนโรค) เมื่อกลับมาแลว้ ให้ ทำฎีกาส่งภายใน 5 วัน พร้อมแนบหลักฐานการจ่ายให้ครบ เช่น กากตั๋วเครื่องบินพร้อมใบเสร็จ ใบเสร็จและ folio คา่ เชา่ โรงแรม/หอพกั (ยกเว้นกรณีเบิกท่พี กั เหมาจา่ ย) 8. แพทย์ประจำบ้านทเ่ี ป็นขา้ ราชการจะได้รับการประเมินผลการปฏบิ ัติงานราชการจากสถาบันเวชศาสตร์ ปอ้ งกันศึกษา ทุก 6 เดอื น ดว้ ยแบบ PMS ซ่งึ ผลประเมินจะถกู ใช้ในการพิจารณาเลอ่ื นข้นั เงินเดอื น การสอบวุฒิบัตรเพื่อแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตรก์ ารจราจร แพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมครบตามหลักสูตรไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของระยะเวลาการฝึกอบรม จะมี สทิ ธสิ์ อบขอรบั วุฒบิ ตั รเพ่อื แสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตรป์ อ้ งกนั แขนงเวชศาสตร์การจราจรจากแพทยสภาได้ ในกรณีท่ีค้างส่งงาน(รวมถงึ วิทยานิพนธ/์ สารนิพนธ์) หรือผลการ ประเมินความรู้ เจตคติ ทัศนคติและทักษะ ไม่ผ่านการประเมนิ ในแต่ละชั้นปี สถาบันฯจะไม่รบั รองคณุ สมบัติ ในการยืน่ ขอสอบวุฒบิ ัตรดงั กลา่ ว การศกึ ษาในสถาบนั อืน่ ในขณะรับการฝึกอบรมตามหลักสูตรนี้แพทย์ประจำบ้านชั้นปีท่ี 1 และ 2 จะไม่ได้รับอนุญาตให้ศึกษาใน สถาบันอ่นื นอกเหนือจากท่ีสถาบนั ฯกำหนด ทงั้ นห้ี ากแพทยป์ ระจำบ้านมีสถานะเป็นนิสิต นกั ศึกษา แพทย์ประจำ บ้าน หรือแพทย์ประจำบ้านในสถาบันอื่น มีความประสงค์เข้ารับการอบรมตามหลักสูตรนี้ ให้อยู่ในดุลพินิจและ การพิจารณาจากคณะอาจารย์ของหลักสูตรฝึกอบรมนี้ แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 3 จะต้องศึกษาต่อปริญญาโท หลกั สูตรปริญญาโทสาขาสาธารณสุข วศิ วกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ หรอื ในสาขาที่เกี่ยวข้อง หรือเทยี บเท่า ไม่นอ้ ยกวา่ 10 เดอื น หลักการ Admit ผปู้ ่วย 1. ผู้ป่วยทุกรายต้องมีอาจารย์เป็นเจ้าของไข้ ซึ่งอาจเป็นอาจารย์ที่ออกตรวจผู้ป่วยนอก, อาจารย์ attending staff ที่มีหนา้ ท่ดี ูแลผูป้ ่วย อาจารยท์ ่อี ยู่เวรประจำวนั นั้นๆ 2. การ Admit ผปู้ ่วยฉกุ เฉนิ นอกเวลาราชการ ผปู้ ่วยต้องนอนที่หอผู้ปว่ ยสามัญ ในกรณที ต่ี ้องการ Admit ผปู้ ่วยเขา้ หอผปู้ ว่ ยพเิ ศษในวันหยุดราชการหรือนอกเวลา ใหป้ ฏบิ ตั ิตามขอ้ กำหนดของสถาบันฯ 3. กรณที ีผ่ ้ปู ่วยมีเจ้าของไขอ้ ยู่แล้ว แตม่ ีปญั หานอกเวลาราชการ แพทยป์ ระจำบ้านทอ่ี ยู่เวรต้องรายงานให้ อาจารยเ์ จ้าของไขท้ ราบ หากอาจารย์เจา้ ของไขไ้ ม่อยู่ หรือ ไมส่ ามารถติดตอ่ ได้ ให้ปรกึ ษาอาจารย์เวรวนั นัน้ โดยอาจารย์เวรช่วยดูแลชวั่ คราวจนพน้ ภาวะวกิ ฤติ แตผ่ ู้ปว่ ยยังมีอาจารยท์ ่านเดมิ เป็นเจ้าของไข้

[71] ตัวอยา่ ง 1. Admit ผู้ป่วย คิดว่าไม่มีปัญหา อาจารย์ A อยู่เวรวันศุกร์ สามารถรายงานอาจารย์A ในเช้าวันเสาร์ ได้และอาจารย์ A เป็นเจ้าของไข้ ต่อมาวันอาทิตย์ผู้ป่วยเกิดมีปัญหา อาจารย์ B อยู่เวร ให้ Resident 2 รายงานอาจารย์ A การตัดสินในกระบวนการรักษาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอาจารย์ A ในกรณเี รง่ ดว่ นสามารถขอคำปรกึ ษาจากอาจารย์ B ได้ ในกรณีน้อี าจารย์ A ยังเป็นเจ้าของไข้อยู่ 2. Admit ผู้ปว่ ยวัน พุธ อาจารย์ A อยเู่ วร ไมไ่ ด้รายงานอาจารย์ในเวลาเวร เชา้ วันรุง่ ขึน้ อาจารย์ B ซ่ึง Attending มา round ward พบวา่ ผปู้ ่วยมปี ญั หา เจ้าของไข้คือ อาจารย์ A แต่อาจารย์ B สามารถ ใหค้ ำแนะนำไดเ้ พ่ือประโยชนผ์ ปู้ ว่ ย กอ่ นอาจารย์ A จะรบั ทราบผปู้ ่วยรายน้ีและดูแลต่อไป แนวทางการวิเคราะห์วจิ ารณ์งานวิจัย ช่ือเร่อื ง Title 1. สะท้อนเร่ืองที่วจิ ัยหรือไม่ 2. กระชบั หรือไม่ 3. มกี ารระบตุ วั แปรที่สำคญั หรือไม่ 4. มีการระบุประชากรทีศ่ ึกษาหรือไม่ 5. มกี ารระบสุ ถานท่ีศึกษาหรือไม่6. สะท้อนแนวทางวธิ ีการศึกษาและวเิ คราะหห์ รือไม่ บทคดั ยอ่ Abstract 1. มีการกลา่ วถึงความเปน็ มาและความสำคัญของปญั หา วัตถปุ ระสงค์ ระเบียบวธิ ี ผลการวจิ ัย และให้ ขอ้ เสนอแนะหรือไม่ 2. มีจำนวนคำและความยาวที่เหมาะสมหรือไม่ 3. กระชับและชัดเจนหรอื ไม่ 4. สะทอ้ นเรอ่ื งท่ศี ึกษาหรือไม่ ปัญหาการวิจัย Research Problem 1. ปญั หาการวจิ ยั มีเขียนไว้อยา่ งชดั เจนหรอื ไม่ มกี ารกลา่ วถึงในส่วนเริม่ ต้นของรายงานวิจยั หรอื ไม่ มี การเขียนแบบขอ้ คำถาม หรือเป็นประโยคบอกเล่า 2. มีขอ้ สนบั สนนุ ความเป็นมาความสำคัญหรือความรุน่ แรงของปัญหาหรือไม่ 3. มกี ารกล่าวถึงงานวิจัยอ่ืนทีเ่ กย่ี วข้องหรอื ไม่ และมกี ารช้ีใหเ้ ห็นไม่วา่ งานวจิ ัยนี้ เหมอื นหรอื ต่างจาก เร่อื งอนื่ อย่างไร หรืองานงานวิจัยนี้จะเตมิ ช่องว่างของความรู้ได้อย่างไร 4. มกี ารระบุตวั แปรหรือความสัมพันธร์ ะหวา่ งตวั แปรทีจ่ ะศกึ ษาหรือไม่ 5. มกี ารระบุธรรมชาตขิ องประชากรที่ศึกษาหรือไม่ 6. มีการมองปัญหาภายใต้บริบทของกรอบแนวคดิ ทฤษฏีทเี่ หมาะสมหรือไม่ 7. ผลทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ จากการศกึ ษาปญั หาน้ีมคี วามสำคัญอยา่ งไรต่อการปฏิบัติการพยาบาล การ สรา้ งองค์ความรหู้ รอื ประเดน็ อ่ืน

[72] วัตถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั Purpose, Objective, Aim 1. มีความเหมาะสมกบั เรื่องที่วจิ ยั หรอื ไม่ 2. เขยี นชัดเจนหรือไมว่ ่าผูว้ ิจยั มแี ผนจะทำอะไร จะเกบ็ ข้อมูลจากใคร ท่ีไหน การศกึ ษาเอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง Review of literature 1. เป็นการศึกษาอย่างขว้างขวางลึกซง้ึ เก่ยี วข้องและครอบคลุมตัวแปรต่างๆ ที่วิจัยหรือไม่ 2. นำเสนอต่อจากบทนำและปญั หาการวิจัยหรอื ไม่ 3. ให้ความรเู้ กีย่ วกบั ความรู้ที่มอี ยู่ ชอ่ งว่างของความรู้ และบทบาทของงานวิจัยเรอื่ งนี้ในการขยายหรือ ทดสอบความรู้หรือไม่ 4. มกี ารใชข้ ้อมลู ท้ังเชงิ ทฤษฏแี ละงานวจิ ัยหรอื ไม่ 5. แหล่งอา้ งองิ ส่วนใหญ่เป็นปฐมภมู ิ หรือ ทตุ ิยภมู ิ มคี วามเปน็ ปจั จุบันหรือไม่ 6. แหล่งอ้างอิงสำคญั หรือขอ้ มลู สำคัญ มีการกล่าวไว้ถึงครบถ้วนหรอื ไม่ 7. การเขียนเรยี งเปน็ ลำดบั ต่อเนอ่ื งหรือไม่ น่าอ่าน นา่ ตดิ ตามหรอื ไม่ 8. การเขยี นเรียบเรียงใหม่โดยใช้ภาษาตนเอง หรือเป็นการคัดลองคำพดู มาจากแหล่งปฐมภูมิโดยตรง 9. สะท้อนอคติของผูว้ จิ ยั หรือไม่ 10. มีการเขยี นเชิงวิพากษ์ เปรยี บเทยี บหรือไม่ 11. มกี ารสรปุ สถานภาพองค์ความร้ใู นหวั ขอ้ นั้น State of the art หรอื ไม่ คำจำกัดความ Definition 1. มกี ารใหค้ วามหมายตวั แปรสำคัญๆในเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารทีส่ อดคล้องกบั ความหมายเชิงทฤษฏหี รอื ไม่ 2. มีการใหค้ วามหมายตัวแปรสำคญั ครบถว้ นหรอื ไม่ กรอบแนวคดิ ทฤษฏี 1. มกี ารระบกุ รอบแนวคิดทฤษฏอี ยา่ งชัดเจนหรือไม่ 2. แนวคิด ทฤษฏี สอดคล้องเหมาะสมกับเรอ่ื งที่ศึกษาหรือไม่ 3. ใหค้ วามหมายของตัวแปรสำคญั อย่างชัดเจนหรือไม่ 4. สมมตุ ิฐานได้มาจากกรอบแนวคดิ ทฤษฏหี รอื ไม่ 5. มีการระบุข้อความแสดงความสมั พันธร์ ะหวา่ งตัวแปรหรอื ไม่ 6. การใชแ้ นวคดิ ทฤษฏี มีความสม่ำเสมอตลอดงานวจิ ยั หรอื ไม่ 7. ทฤษฏที ี่ใชม้ าจากศาสตร์ทางการพยาบาลหรอื สาขาวชิ าใด หรือเปน็ แนวคิดทเี่ กิดจากการผสมผสาน งานวจิ ัยและทฤษฏตี า่ งๆ เครือ่ งมอื การวิจยั 1. มีการระบเุ คร่ืองมอื แหลง่ ทมี่ า วตั ถุประสงค์ ลกั ษณะ จุดแขง็ จดุ อ่อน ของเครือ่ งมือครบถ้วน หรือไม่ มีการให้เหตผุ ลเรื่องการเลือกเครอ่ื งมอื หรอื ไม่ 2. เครื่องมือท่ใี ชเ้ หมาะสมกับตวั แปรทศ่ี ึกษา ประชากรหรือไม่ 3. มีวิธกี ารใช้เคร่ืองมือกบั ตวั อย่างทุกคนเหมือนกนั หรอื ไม่

[73] 4. ได้รายงานความตรงของเครอ่ื งมือหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ 5. ไดร้ ายงานค่าความเชื่อมนั่ ของเครือ่ งมอื หรือไม่ว่าทำอย่างไร ค่าเทา่ ไร ยอมรบั ไดห้ รือไม่ 6. ถา้ ผูว้ จิ ยั สรา้ งเคร่อื งมอื เอง มกี ารอธบิ ายทีม่ า/แนวคิดของการสร้างเครื่องมอื ว่าอยา่ งไร ขน้ั ตอนเป็นอย่างไร คา่ ความตรงและค่าความเชอื่ มั่นเทา่ ไร ยอมรบั ได้หรอื ไม่ 7. เคร่ืองมือแต่ละชนิดมีการควบคุมคุณภาพ วิธีการใช้ที่เหมาะสมหรือไม่ แบบสังเกต ใครสังเกตมคี มู่ ือ ไหม มีการฝกึ หรือไม่ การสังเกตมีผลต่อการวิจยั ไหม แบบสัมภาษณ์ ใครสัมภาษณ์ ข้อความที่ใช้ ภาษา ระยะเวลา เหมาะสมหรือไม่ แบบสอบถาม เน้ือหาครอบคลุมหรือไม่ มีความชัดเจนหรือไม่ เป็นคำถาม ปลายปิด หรือปลายเปิด เคร่ืองมือวัด ทำไมจึงใชเ้ คร่ืองมือน้ัน มีวิธีควบคมุ ความถกู ต้องแม่นตรง และความ ไวของเคร่ืองมืออยา่ งไร วธิ กี ารรวบรวมข้อมูล Data collection procedure 1. ขอ้ มลู มกี ารรวบรวมอย่างไร มีก่วี ธิ ี 2. วธิ ีรวบรวมข้อมูลมคี วามเหมาะสมกับการวจิ ยั หรอื ไม่ 3. มขี ัน้ ตอนการรวบรวมขอ้ มูลทช่ี ดั เจนสำหรบั ตวั อย่างทุกคนหรือไม่ 4. ใครรวบรวมขอ้ มลู ผู้รวบรวมข้อมลู มีความเหมาะสมหรือไม่ ไดร้ ับการฝึกอบรมอยา่ งไร 5. ขอ้ มูลรวบรวมในสถานการณเ์ ชน่ ไร มคี วามกดดนั ไหม มคี นอืน่ อยใู่ นขณะเกบ็ ขอ้ มูลไหม ผ้ใู ห้ข้อมลู มีความเสีย่ งหรือไม่ การวเิ คราะหข์ อ้ มูล Data analysis 1. เลอื กใชส้ ถิตทิ ี่เหมาะสมหรือไม่กบั ระดับข้อมลู ประชากร 2. วเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือตอบวัตถปุ ระสงค์ หรอื ทดสอบสมมุตฐิ านครบถ้วนหรอื ไม่ 3. มีการนำเสนอข้อมูลชัดเจนหรอื ไม่ นำเสนอรปู แบบตา่ งๆหรือไม่ 4. ในการทดสอบสมมุติฐานมกี ารกำหนดระดับความนยั สำคญั หรือไม่ 5. ถ้าใชก้ ราฟ ตาราง มกี ารนำเสนอทเี่ หมาะสม หรอื ไม่ ให้ขอ้ มลู เสริม เพ่ือลดการบรรยายหรือไม่ มชี ่ือ ตาราง หัวตารางทถี่ ูกตอ้ งหรอื ไม่ ซ้ำซ้อนกับเน้ือหา การบรรยายในรายงานหรอื ไม่ การอภิปรายผลและการสรุปผล Discussion and Conclusion 1. มกี ารอภปิ รายผลโดยแสดงเหตุผลของผลการวจิ ยั วา่ ทำไมจึงเกดิ เช่นนนั้ หรือไม่ 2. มกี ารนำผลการวิจัยอ่นื แนวคดิ ทฤษฏีที่อา้ งไว้มาใช้ประกอบการอภิปรายผลหรอื ไม่ อยา่ งไร 3. สะท้อนให้เหน็ ว่าผลการวิจยั เป็นไปตามท่ีคาดหวงั หรือไม่ เพราะเหตุใด 4. มกี าสรปุ ผลการวิจัยที่ชดั เจน ตอบคำถามการวิจัย หรอื นำเสนอผลการทดสอบสมมุติฐานหรือไม่ 5. มีการระบจุ ดุ ออ่ น หรือข้อจำกดั Limitation ของการวิจัยคร้ังน้หี รอื ไม่ ว่าอย่างไร ประโยชน์ของ การวิจยั ว่าอยา่ งไร เหมาะสมชดั เจนหรือไม่ ข้อบ่งช้ี ข้อเสนอแนะ Implication, Recommendation 1. มีการเสนอข้อบง่ ช้ีในการนำผลการวจิ ยั ไปใช้คลนิ ิกหรืออื่นๆหรือไม่ 2. ใหข้ ้อเสนอแนะในการทำวิจัยคร้ังต่อไปวา่ อย่างไร สอดคล้องกับงานวจิ ยั หรือไม่

[74] เอกสารอ้างองิ /บรรณานุกรม Reference, Bibliography 1. เอกสารอา้ งอิงหรือบรรณานกุ รมครอบคลมุ เอกสารทอ่ี ้างองิ ในส่วนเนื้อหาหรอื ไม่ 2. เขยี นตามรปู แบบท่ีกำหนดของแบบอ้างอิงน้ันๆหรอื ไม่ อื่นๆ 1. เขียนกระชบั ชัดเจน เป็นระบบหรอื ไม่ เขียนถกู ต้องตามหลกั ภาษา รปู ประโยควรรคตอนหรอื ไม่ 2. เขยี นเชงิ วิชาการหรอื ไม่ 3. ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทเี่ ป็นท่ียอมรบั หรือไม่ 4. ผ้วู ิจยั เปน็ ผมู้ ีความรู้ ประสบการณใ์ นเร่ืองทวี่ จิ ยั หรอื ไม่ แหลง่ ที่มา: ศราวุธ จ้อนอยเู่ กษม. (2555). แนวทางการวิเคราะหว์ ิจารยง์ านวจิ ยั . สบื คน้ เมือ่ 30 เมษายน 2560, จาก https://www.gotoknow.org/posts/15259#0. เกณฑ์การประเมินผลแพทย์ประจำบา้ นในการเลอื่ นชน้ั ปี การประเมินระหว่างการฝึกอบรม สถาบันฝกอบรมจัดใหมีการประเมินความรูความสามารถของผูเขารับฝกอบรมปีละ 2 ครั้ง เพื่อ ตดิ ตามความก้าวหนา้ ในการเรยี นและพิจารณาเลื่อนชั้นเรยี น การประเมนิ แบงออกเปน 3 ลักษณะ 1. การประเมินความรู้ โดยจัดสอบในเดอื นพฤศจกิ ายน และเดือนพฤษภาคม โดยแบง่ ออกเป็น MEQ 10 ข้อ MCQ 100 ข้อ OSCE 4 ฐาน Long Case 1 ราย 2. การประเมินทกั ษะ ประเมนิ สองส่วน คอื - อาจารย์ผู้ดูแลขณะฝึกปฏิบัติงานแต่ละแผนกจะเป็นผู้ประเมินโดยดูตามความสามารถในการ ปฏิบตั งิ านแตล่ ะแผนก ตลอดจน feedback จากผู้รว่ มงาน เช่น พยาบาล นกั วชิ าการ และผปู้ ่วย - การสอบปฏิบัติ ปลายภาคเรียน 3. การประเมนิ เจตคติ - การนำเสนองาน/ส่งงานตามกำหนด การเข้าร่วมกิจกรรม ความกระตือรือร้นและความพร้อม ในการเรยี น - Feedback จากอาจารย์ ผูร้ ่วมงาน ตลอดจนผู้ป่วย เกณฑก์ ารประเมินความรแู้ พทย์ประจำบา้ น • กำหนดใหแ้ พทยป์ ระจำบ้านชั้นปีท่ี 1 ต้องสอบไดม้ ากกว่าร้อยละ 60 ในแต่ละประเภทของข้อสอบ • กำหนดใหแ้ พทยป์ ระจำบา้ นชั้นปที ี่ 2 ต้องสอบได้มากกว่ารอ้ ยละ 70 ในแตล่ ะประเภทของขอ้ สอบ • หากสอบไม่ผ่านให้สอบซ่อมในข้อสอบส่วนนั้น หรือทำรายงาน/ชิ้นงาน/ปฏิบัติงานเพิ่มเติมตาม มตคิ ณะกรรมการสถาบันฯกำหนด ซ่งึ คณะกรรมการฯจะพจิ ารณาจากองค์ความรู้หรือทักษะจำเป็นท่ี แพทยป์ ระจำบา้ นรายนนั้ ยงั ตอ้ งการการพัฒนา

[75] • ในการสอบซ่อมเกณฑ์การสอบผ่านอยู่ระหว่างร้อยละ 60 – 80 ขึ้นอยู่กับชนิดและลักษณะของ ข้อสอบ ซง่ึ จะถูกกำหนดกอ่ นการสอบ เชน่ - ถ้าแพทย์ประจำบ้านทำข้อสอบร่วมกนั +ขอ้ สอบชดุ เดิม+เปิดหนงั สอื ได้ เกณฑ์ผ่านอยทู่ ่ีรอ้ ยละ 80 - ถา้ แพทยป์ ระจำบา้ นสอบเดีย่ ว+ขอ้ สอบมีการปรบั โจทย์ใหม่ เกณฑผ์ ่านจะอย่ทู ีร่ อ้ ยละ 60 • หากสอบซ่อม 2 ครั้ง ไมผ่ ่านในแต่ละภาคเรยี น ถือว่า “สอบตก” ซ่ึงจะต้องเรียนซำ้ ชั้นปี กรณที แ่ี พทย์ประจำบา้ นซำ้ ช้นั แลว้ ยงั สอบตกอกี ให้ยุติการอบรม และส่งกลบั ต้นสงั กัด • แพทย์ประจำบ้านต้องผ่านการประเมินทัศนคติ เจตคติ คุณธรรม และจริยธรรมด้วย จึงถือว่าผ่าน เกณฑ์การประเมินโดยสมบูรณ์ • ทั้งนี้ผลการประเมินแต่ละภาคเรียนผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการสถาบันฯ ซึ่งคำนึงถึง ผลประโยชน์ของผู้เรียนทงั้ ในขณะฝึกอบรมและอนาคตเสมอ เกณฑก์ ารคดั เลอื กสถานทีฝ่ ึกปฏบิ ตั ิงานแพทย์ประจำบา้ น สถาบนั ฯ เปิดโอกาสให้แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 2, 3 เลือกอบรม/ศึกษาดูงานกับหน่วยงานท่ีตนเองมี ความสนใจภายในประเทศ เปน็ เวลาประมาณ 8 สัปดาห์ โดยมีเกณฑก์ ารคัดเลอื กสถานทฝ่ี ึกปฏิบตั ิงาน ดงั น้ี 1. ดา้ นสถานทฝี่ กึ ปฏบิ ตั ิงาน 1.1. สถานท่สี ำหรบั การฝกึ ปฏิบัตงิ าน ต้องมจี ำนวนผู้ปว่ ยเพียงพอและชนดิ ของผู้ป่วยหลากหลาย สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาหลกั สูตรสาขาเวชศาสตรป์ ้องกัน แขนงเวชศาสตร์การจราจร 1.2. สภาพแวดล้อมสำหรับการฝึกปฏิบัติงาน มีความเหมาะสมและการเข้าถึงสิ่งอำนวย ความสะดวกทางคลินิกและการเรยี นภาคปฏบิ ัตทิ ่ีเพยี งพอสำหรบั สนับสนุนการเรยี นรู้ 2. ด้านทรพั ยากรทางการศึกษา สถานท่ีฝกึ ปฏิบัติงาน ต้องมีความพรอ้ มดา้ นทรัพยากรทางการศึกษา สง่ิ อำนวยความสะดวก ดา้ นกายภาพ เช่น ห้องเรียน ห้องสมุด ศูนยบ์ ัญชาการภาวะฉุกเฉิน สือ่ อิเล็กทรอนิคสำหรับ การเรยี นรู้ หอพักแพทย์ สนามกีฬาหรือศนู ยน์ ันทนาการ ฯลฯ 3. อาจารย์พเ่ี ลี้ยง/อาจารยผ์ ้ฝู กึ ปฏบิ ตั ิ อาจารยพ์ ี่เลีย้ ง/อาจารยผ์ ้ฝู กึ ปฏบิ ตั ิ ต้องแพทย์ซ่งึ ไดร้ บั วฒุ ิบตั ร หรอื หนงั สืออนมุ ตั เิ พอ่ื แสดง ความรู้ความชำนายในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตรป์ ้องกนั แขนงเวช ศาสตร์การจราจร หรือแขนงอน่ื ที่เกีย่ วข้อง มาอยา่ งนอ้ ย 1 ปี ภายหลงั ไดร้ บั วฒุ บิ ตั รหรือ หนังสืออนมุ ัติบัตรฯ รายชอ่ื หนังสอื ทค่ี วรอา่ น 1. Trauma Surgery Volume 1: Trauma Management, Trauma Critical Care, Orthopaedic Trauma and Neuro-Trauma by Di Saverio, S., Tugnoli, G., Catena

[76] 2. Trauma Surgery Volume 2: Thoracic and Abdominal Trauma by Di Saverio, S., Tugnoli, G., Catena 3. Acute Care Surgery Second Edition by L.D. Britt MD (Author), Andrew B. Peitzman MD FACS (Author) 4. The Trauma Manual: Trauma and Acute Care Surgery (Lippincott Manual Series) Fourth Edition by Andrew B. Peitzman MD FACS (Author) 5. Tintinalli's Emergency Medicine: A Comprehensive Study Guide, 8th edition 8th Edition by Judith E. Tintinalli (Author), J. Stephan Stapczynski (Author), 6. Emergency General Surgery, An Issue of Surgical Clinics by Ronald F. Martin; Paul J. Schenarts 7. Oxford Handbook of Clinical Rehabilitation by Anthony Ward (author) 8. Braddom’s Rehabilitation Care: A Clinical Handbook 1st Edition by David X. Cifu (author) 9. Traffic Management: Planning, Operations, and Control by John E. Tyworth (Author) 10. Transportation Systems Analysis: Models and Applications (Springer Optimization and Its Applications) 2nd Edition by Ennio Cascetta (Author) 11. Principles of Epidemiology in Public Health Practice Third Edition: An Introduction to Applied Epidemiology and Biostatistics by CDC 12. Epidemiology by (author) Leon Gordis ตำราเรียนทแ่ี จกใหแ้ พทยป์ ระจำบ้าน No. ชือ่ หนงั สือ ชื่อผูแ้ ต่ง จำนวน (เล่ม) William W. Forgey, MD 1 1 Wilderness medicine CDC 1 2 Principles of Epidemiology in Public Health Practice Third Edition: An Introduction to Applied Epidemiology and Biostatistics รายช่ือโปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ่คี วรรู้ ลำดับ ชอ่ื โปรแกรม ลกั ษณะ Website ค้นหาข้อมลู Microsoft office โปรแกรมพน้ื ฐานสำหรบั เอกสาร https://office.microsoft.com 1 (Word, excel, ตารางคำนวณ การนำเสนอและ /th-th/default.aspx PowerPoint, Access) ฐานข้อมลู 2 Adobe acrobat โปรแกรมสำหรบั อ่านและจดั การ http://www.adobe.com/ เอกสารนามสกุล .pdf 3 Epi data entry โปรแกรมสำหรับสร้างและกรอก http://www.epidata.dk/ ข้อมลู แบบสอบถาม 4 Epi-info โปรแกรมสำหรบั สรา้ งแบบสอบถาม https://www.cdc.gov/Epi- กรอกขอ้ มลู วิเคราะห์ขอ้ มลู และทำ info แผนท่ี

[77] 5R โปรแกรมOpen sourceสำหรับ https://www.r-project.org/ 6 STATA วเิ คราะหข์ ้อมลู ทางสถิติ http://www.stata.com/ 7 Endnote http://endnote.com/ 8 Stat Transfer โปรแกรมสำหรับวเิ คราะห์ข้อมลู ทาง http://www.stattransfer.com สถิติ โปรแกรมสำหรับการจัดการข้อมลู และวิเคราะห์ขอ้ มูล โปรแกรมสำหรบั เปล่ยี นชนิดขอ้ มลู รายชือ่ เว็บไซต์ทีค่ วรทราบ ลำดับ ชือ่ เวบ็ ไซต์ URL 1 กระทรวงสาธารณสขุ https://www.moph.go.th/ 2 สถาบนั เวชศาสตรป์ อ้ งกนั ศึกษา http://ipm.ddc.moph.go.th/ http://www.facebook.com/DDCIPM 3 สำนกั ระบาดวทิ ยา http://www.boe.moph.go.th/ 4 FETP-Thailand http://www.interfetpthailand.net/index.php?s=fetp 5 OSIR (Outbreak and http://www.osirjournal.net/index.php/osir surveillance investigation http://www.who.int/en/ report) https://www.cdc.gov/ 6 WHO https://www.cdc.gov/mmwr/index.html 7 US CDC http://www.tephinet.org/ MMWR http://pubnet.moph.go.th/journals/ 8 TEPHINET 9 ศนู ย์เอกสารองค์การอนามัยโลก https://www.promedmail.org/ สำนักวชิ าการสาธารณสุข http://www.mbdsnet.org/ 10 ProMed-mail 11 Mekong Basin disease https://www.google.com surveillance https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed 12 Google search engine http://cuml.md.chula.ac.th/index.shtml 13 PubMed https://practice.sph.umich.edu/micphp/index.php 14 Thai index medicus 15 The Michigan center for https://nciph.sph.unc.edu/tws/index.php health preparedness 16 North Carolina center for http://www.healthmap.org/en/ public health preparedness Training website 17 Healthmap/Global disease alert map

ลำดับ ชอ่ื เว็บไซต์ [78] 18 International Narcotics URL Control Board http://www.incb.org/ 19 Polio Global Eradication http://polioeradication.org/polio-today/polio- Initiative now/this-week/

[79 ชอ่ื – สกลุ ตำแหน่ง นายแพทย์อำนวย กาจนี ะ รายชื่อคณ ประธานมลู นธิ เิ วชศาสตร์ปอ้ งกนั ศึกษา นายแพทย์พรเทพ ศิรวิ นารงั สรรค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันควบคุมโรค นายกสมาคมเว ปอ้ งกันแห่งประเทศไทย นายแพทย์วทิ ยา ชาติบญั ชาชัย ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นการปอ้ งกนั อุบัติเหตุ ผูอ้ ำนวยการศูนย รว่ มมอื ระหวา่ งองคก์ ารอนามัยโลกดา้ นวกิ ฤตบิ ำบดั แล นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อบุ ัตเิ หตุ นายแพทย์สวุ รรณชัย วฒั นาย่ิงเจรญิ ชยั ปลดั กระทรวงสาธารณสุข อธิบดกี รมควบคุมโรค นายแพทยโ์ อภาส การยก์ วินพงศ์ อธิบดกี รมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ นายแพทย์วชิ ัย สติมัย นายแพทย์ทรงคุณวฒุ ิ นายแพทย์ศุภมิตร ชุณหส์ ุทธวิ ัฒน์ ท่ปี รกึ ษากรมควบคุมโรค

9] หนว่ ยงาน เบอรโ์ ทรศัพท์/อีเมล์ ณาจารย์ มูลนธิ ิเวชศาสตร์ปอ้ งกันศึกษาไทย 081 933 4090 [email protected] วชศาสตร์ สมาคมเวชศาสตรป์ ้องกันแห่งประเทศไทย 081 840 8517 [email protected] ย์ความ ศนู ย์ความร่วมมือระหวา่ งองค์การอนามยั โลก 081 871 6132 ละ ดา้ นวกิ ฤติบำบัดและอบุ ตั ิเหตุ [email protected] กระทรวงสาธารณสขุ 089 931 5555 กรมควบคุมโรค 081 879 5587 [email protected] กรมควบคุมโรค 081 842 1851 กรมควบคุมโรค 084 655 6363 กรมควบคุมโรค 081 927 3585 [email protected]

ชอื่ – สกลุ [80 นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถยี ร ตำแหนง่ นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ ประธานอนุกรรมการจัดทำแผนการบูรณาการ กรณีกูช้ ฉุกเฉนิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี พล.อ.ต.นายแพทย์เฉลิมพร บุญสริ ิ ประธานวิทยาลยั แพทย์ฉกุ เฉินแหง่ ประเทศไทย แพทยห์ ญิงทพิ า ชาคร หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตรฉ์ ุกเฉนิ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล นายแพทยร์ งุ่ เรอื ง กจิ ผาติ ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง นายแพทย์เอนก มงุ่ อ้อมกลาง หวั หน้ากล่มุ งานอาชวี เวชกรรมโรงพยาบาลเทพรตั น์นครร นายแพทย์อภชิ าต วชริ พันธ์ ผูอ้ ำนวยการสถาบันบำราศนราดูร

0] เบอร์โทรศพั ท์/อีเมล์ 088 5481 669 หนว่ ยงาน ชพี สภานิติบญั ญัตแิ หง่ ชาติ (สนช.) โรงพยาบาลราชวิถี 089 823 3762 วิทยาลยั แพทยฉ์ ุกเฉินแหง่ ประเทศไทย [email protected] มหาวิทยาลยั มหิดล 081 625 8242 กรมควบคุมโรค [email protected] 024 199 216 [email protected] 081 989 1978 [email protected] ราชสมี า โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสมี า 086 425 4246 สถาบนั บำราศนราดูร [email protected] 02 590 3480

[81 ช่ือ – สกลุ ตำแหน่ง นายแพทยส์ ทุ ัศน์ โชตนะพนั ธ์ ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศกึ ษาและรอง ผอู้ ำนวยการสถาบันบำราศนราดูร แพทย์หญิงศศธิ ร ตง้ั สวัสดิ์ ผอู้ ำนวยการสำนักงานปอ้ งกันควบคมุ โรคท่ี 7 ขอนแกน่ นายแพทย์พงศ์ธร ชาตพิ ิทักษ์ รองผูอ้ ำนวยการสำนกั งานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดม่ื แอลกอฮ แพทยห์ ญิงปรยิ านชุ โพธิข์ อม แพทย์รงั สีวทิ ยา นายแพทย์ชลิตพล งามเบญจวงศ์ แพทย์ห้องตรวจผ้ปู ่วยนอกและหอ้ งฉุกเฉนิ นายแพทยจ์ ิรพงษ์ ฬียาพรรณ แพทย์ศลั ยกรรมกระดูก นายแพทยย์ ุทธศักดิ์ พรี กลุ ศัลยแพทย์ นายแพทยต์ ันภัย จิระมานะพนั ธ์ ศลั ยแพทย์ นายแพทย์ทปั ปณ สัมปทณรกั ษ์ รองผูอ้ ำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายแพทยเ์ ลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล ประสาทศัลยศาสตร์ นายแพทย์ชชู าติ นิจวฒั นา ศลั ยศาสตรอ์ อรโ์ ธปดิ กิ ส์ แพทย์หญิงวทิ ิตา แจง้ เอย่ี ม หวั หน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคม

1] หนว่ ยงาน เบอร์โทรศพั ท์/อเี มล์ สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกนั ศกึ ษาและสถาบนั 086 300 6645 บำราศนราดรู suthat_97@yahoo. com น กรมควบคุมโรค 081 717 1486 ฮอล์ กรมควบคุมโรค 025 9030 15 สถาบันบำราศนราดูร 029 51117 07 สถาบันบำราศนราดรู 029 51117 07 สถาบันบำราศนราดูร 029 51117 07 สถาบันบำราศนราดูร 029 51117 07 สถาบันบำราศนราดูร 029 51117 07 โรงพยาบาลวชิระภเู ก็ต 076 3612 34 [email protected] โรงพยาบาลวชริ ะภูเกต็ โรงพยาบาลวชิระภูเกต็ 076 3612 34 โรงพยาบาลวชริ ะภูเกต็ 076 3612 34 076 3612 34

ชื่อ – สกลุ [82 แพทย์หญิงจนั จริ า แตศ่ ักดาธรรม ตำแหน่ง นางสาวเตอื นใจ นชุ เทยี น แพทย์เวชศาสตรฉ์ ุกเฉิน นางสาวเสาวนยี ์ จลุ วงค์ นางสาวจันจริ า ชินศรี รายช่อื เจา้ หน้าท่ผี ปู้ นางมณรี ตั น์ ทศรฐ นกั วชิ าการสาธารณสุขชำนาญการ นางพนารตั น์ เรอื งฉาย นกั วชิ าการสาธารณสุขปฏิบัติการ นางสาวภัทรสุดา สุขโฉม นักวชิ าการสาธารณสุขปฏิบัติการ นางสาวจริยา ดำรงศกั ด์ิ เจา้ พนกั งานพสั ดุชำนาญงาน นายธัชริทธ์ิ ใจผูก พนกั งานธุรการ 3 นางสาวแสนสุข เจรญิ กลุ นกั วิชาการสาธารณสขุ นางสาวสิรีพร กำมะหยี นักวิชาการสาธารณสขุ นางสาวภสั ราภรณ์ นาสา นักวชิ าการสาธารณสขุ นางสาววนดิ า สงั ยาหยา ผูป้ ระสานงานเครือขา่ ยระหวา่ งประเทศ นางสาวพัชรี เดชใด นักวชิ าการคอมพวิ เตอร์ นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน นักวิชาการสาธารณสุข นกั จดั การงานทั่วไป

2] เบอรโ์ ทรศพั ท์/อีเมล์ 076 3612 34 หน่วยงาน โรงพยาบาลวชิระภูเกต็ 083-927-7477 ประสานงานหลักสตู ร 08 4773 6679 สถาบันเวชศาสตรป์ อ้ งกันศึกษา 08 1734 6545 สถาบนั เวชศาสตร์ป้องกันศึกษา 08 6994 4470 สถาบันเวชศาสตรป์ อ้ งกนั ศึกษา 08 6382 0586 สถาบนั เวชศาสตรป์ อ้ งกันศกึ ษา 06 3416 5178 สถาบนั เวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา 09 4243 4466 สถาบนั เวชศาสตร์ปอ้ งกันศกึ ษา 089-200-8872 สถาบนั เวชศาสตร์ป้องกันศกึ ษา 08 9691 3069 สถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศึกษา 09 7006 0326 สถาบนั เวชศาสตร์ปอ้ งกันศึกษา 06 2597 2228 สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกันศึกษา 02 5903 726 สถาบันเวชศาสตรป์ อ้ งกันศึกษา 08 6333 1595 สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกนั ศึกษา สถาบนั เวชศาสตร์ป้องกันศกึ ษา

ช่ือ – สกลุ [83 นางสาวธญั ญรัศม์ ธนะสนั ต์ ตำแหนง่ นางสาวพรรณวรท ภเู วียง ผู้ประสานงานโครงการพัฒนางานวิชาการ ด้านเวชศาสตรป์ อ้ งกนั นางสาวพนิดา ทองหนูนุย้ ผู้ชว่ ยผู้จัดการงานอบรมพฒั นาศกั ยภาพบุคลากรด้านเ นางสาวประภาพร ชูเวช ศาสตรป์ อ้ งกัน นายฮาซัน ไรใหญ่ เจา้ หนา้ ทธี่ ุรการประสานงานโครงการ นายณัฐพร โสมเสมสุวรรณ ผู้ประสานงานโครงการฯ นางอารยา พทุ ธศาสน์ ผู้ประสานงานโครงการฯ นางพนารัตน์ เรอื งฉาย เจ้าหนา้ ทเ่ี ทคโนโลยีสารสนเทศ เจา้ พนกั งานการเงิน พนกั งานธุรการ 3

3] เบอรโ์ ทรศพั ท์/อเี มล์ 062-597-2228 หนว่ ยงาน สถาบันเวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา 096 946 5451 เวช สถาบนั เวชศาสตร์ปอ้ งกันศึกษา 09 4070 8786 08 7543 8445 สถาบันเวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา 06 1684 7279 สถาบนั เวชศาสตรป์ อ้ งกันศึกษา 08 3238 2785 สถาบนั เวชศาสตร์ปอ้ งกนั ศึกษา 08 6616 9139 สถาบันเวชศาสตร์ป้องกนั ศกึ ษา 08 6382 0586 สถาบันเวชศาสตรป์ อ้ งกนั ศกึ ษา สถาบันเวชศาสตรป์ อ้ งกันศึกษา

[84] บรรณาธิการ นายสทุ ัศน์ โชตนะพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบนั เวชศาสตรป์ ้องกันศกึ ษา รายนามผู้จดั ทำ นักวิชาการสาธารณสุขปฏบิ ตั ิการ นกั วิชาการสาธารณสขุ ปฏิบตั ิการ นางสาวเสาวนยี ์ จลุ วงค์ นกั วิชาการสาธารณสขุ นางสาวจันจิรา ชินศรี นกั วิชาการสาธารณสขุ นางสาวจรยิ า ดำรงศกั ด์ิ นักวชิ าการสาธารณสขุ นางสาวภทั รสุดา สุขโฉม ผปู้ ระสานงานและพัฒนาเครือขา่ ยตา่ งประเทศฯ นายธชั ริทธิ์ ใจผูก นกั วิชาการคอมพวิ เตอร์ นางสาวแสนสขุ เจรญิ กลุ ผู้ชว่ ยผ้จู ัดการงานอบรมพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากรด้านเวชศาสตร์ปอ้ งกนั นางสาวสริ ีพร กำมะหย่ี ผปู้ ระสานงานโครงการพฒั นางานวิชาการดา้ นเวชศาสตรป์ ้องกัน นางสาวพรรณวรท ภูเวยี ง ผู้ประสานงานโครงการฯ นางสาวธัญญรศั ม์ ธนะสันต์ ผูป้ ระสานงานโครงการฯ นางสาวประภาพร ชูเวช นายฮาซนั ไรใหญ่ สถาบันเวชศาสตรป์ อ้ งกนั ศกึ ษา กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ อาคาร 1 ชัน้ 2 สถาบันบำราศนราดรู ถนนตวิ านนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จงั หวดั นนทบรุ ี 11000 โทรศัพท:์ 02 590 3726-7 โทรสาร: 02 591 5729

[85]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook