๒หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ดนตรพี น้ื บา้ นของไทย จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายเหตผุ ลทีค่ นต่างวฒั นธรรมสร้างสรรค์งานดนตรีแตกต่างกัน ได้ ๒. วิเคราะห์สถานะทางสงั คมของนักดนตรใี นวัฒนธรรมตา่ งๆ ได้ ๓. เปรียบเทยี บลกั ษณะเด่นของดนตรีในวฒั นธรรมต่างๆ ได้
ความสาคัญและลกั ษณะของดนตรีพื้นบ้าน ความสาคัญ ดนตรีพ้นื บ้าน คือ ดนตรีและเพลงท่ีปรากฏอยใู่ นทอ้ งถ่นิ ของแต่ละภูมิภาค ท่ีแสดงออกถึงภูมิปญั ญา เฉพาะของท้องถิน่ นัน้ ๆ และยดึ ถือปฏิบตั ิสบื ทอดตอ่ กันมาจนเป็นทยี่ อมรบั ร่วมกันในกลุ่มสังคมและ วฒั นธรรมนัน้ ลักษณะ เป็นดนตรีทเี่ กดิ จากความ มคี วามเรียบง่าย ไม่ซับซอ้ น เป็นสมบตั ิของชมุ ชน ไม่มกี ารจดบนั ทึก แตจ่ ะ รูปแบบของเคร่ืองดนตรี คดิ สรา้ งสรรคข์ องชาวบ้าน ทงั้ ดา้ นทานองเพลง จังหวะ คนในชมุ ชนสามารถเขา้ มา สืบทอดกนั ทางมขุ ปาฐะ และวงดนตรี มบี ทบาท ภาษา เนื้อร้อง และวธิ ีการ (การสบื ทอดระหวา่ งครกู บั ในการบรรเลงเด่ียวเฉพาะ ม่งุ สอื่ สารเรื่องราว บรรเลง โดยใชฉ้ นั ทลกั ษณท์ ่ี มีสว่ นร่วมได้ ศษิ ย์โดยตรง เน้นการจดจา ศิลปิน หรอื บรรเลงเป็นวง จากธรรมชาตแิ ละ ไมซ่ ับซอ้ น ไมเ่ ครง่ ครดั เรือ่ ง ทั้งเพ่อื ความบนั เทงิ และการปฏบิ ตั ิตาม) มกี ารขับรอ้ งร่วมดว้ ยหรอื ไม่ สง่ิ แวดลอ้ มใกล้ตัว หรอื เพ่อื รว่ มกจิ กรรม กไ็ ด้ รูปแบบการขับร้องคน มีการปรับปรงุ ใหม้ ีความ สมั ผัสนอก สมั ผสั ใน เดยี ว หรือหลายคน มวี ง สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ ทานองและเนือ้ ร้อง ท่เี ป็นพธิ ีกรรม ดนตรี หรอื เครอ่ื งดนตรี ของคนในชมุ ชน ไมค่ งที่สามารถปรับเปลยี่ น ตามความเชอ่ื บรรเลงประกอบด้วย ได้ตามความตอ้ งการ หรือไม่กไ็ ด้ ของศลิ ปิน
ปัจจัยทม่ี อี ิทธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรคด์ นตรีพืน้ บา้ น ปจั จยั ด้านสนุ ทรียภาวะ ปัจจยั ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในตวั ผ้รู งั สรรค์ เป็นความงดงามในสภาวะของศิลปะดนตรพี ้นื บ้าน สามารถแบง่ ออกเป็น ๒ เป้าหมาย คือ การสร้างสรรค์เพื่อเป้าหมายเฉพาะ การสร้างสรรค์เพ่ือความงดงาม ทมี่ ่งุ กระทาการสิ่งใดสิ่งหนึ่งของบคุ คล ในสุนทรียภาวะของผู้รังสรรค์ ชุมชนท่ีมคี วามเช่อื ความศรัทธาทาง ผลงานทีเ่ กิดข้นึ ภายในของผรู้ ังสรรค์ ศาสนา หรอื ค่านยิ มการสรา้ งเคร่ืองดนตรี เชน่ การสร้างเครื่องดนตรีทม่ี ี รูปทรง หรือโครงสรา้ งที่งดงาม เพือ่ ใชบ้ รรเลงในพธิ กี รรม เช่น กลองมโหระทึกทใ่ี ชต้ ใี นพธิ ีเรยี กฝน เมอื่ จินตนาการถึงสงิ่ ตา่ งๆ เพลงแหน่ างแมวเพ่อื ขอฝน เปน็ ตน้ กร็ งั สรรคแ์ นวทานองเพลงท่ีมี ความไพเราะหรอื เรยี งรอ้ ยคาร้องที่ มีความหมายลกึ ซ้งึ เปน็ ต้น
ปจั จัยดา้ นวิถีมนษุ ยสงั คม ปัจจัยทมี่ ีส่วนสาคญั ท่ีส่งผลให้ผรู้ ังสรรคไ์ ด้สรา้ งงานดนตรขี ้นึ มา เพอ่ื ตอบสนองความต้องการในกจิ กรรมดา้ นต่างๆ สภาพสง่ิ แวดลอ้ ม การประกอบอาชีพ เชน่ ป่าเขาลาเนาไพร สตั ว์ชนดิ ต่างๆ เช่น การทาไร่ การทานา การทาสวน การประมง เป็นต้น เป็นตน้ บรรดาสิ่งท่ีอยใู่ นสภาพแวดล้อมน้ี คือ ทรพั ยากรสาคัญ มสี ่วนในการสรา้ งสรรค์ดนตรี หรอื เพลงพน้ื บ้าน ในการประดิษฐ์เครอ่ื งดนตรี ดังจะพบว่าเครอ่ื งดนตรีพืน้ บ้านเกือบ เช่น การทานา เพลงเกย่ี วขา้ ว เพลงพานฟาง เพลงสงฟาง ทั้งหมดใช้วัตถดุ บิ ทมี่ อี ยู่ในสง่ิ แวดลอ้ มน้ันๆ มาประดษิ ฐ์ เพลงเตน้ กา (เพลงก้ม หรอื เพลงกา) เป็นต้น ประเพณีและเทศกาลในรอบปี ภมู ิหลังทางประวัติศาสตร์ เป็นกจิ กรรมทางสงั คมท่ีผคู้ นในชมุ ชน หรอื ผู้คนจากทอ้ งถน่ิ อื่นเขา้ เปน็ เรอื่ งราวท่ีมกี ารถา่ ยทอดในเพลงพน้ื บา้ นทุกภูมภิ าค ไปรว่ มกจิ กรรม ศลิ ปินผรู้ งั สรรค์งานดนตรไี ด้ใชโ้ อกาสเหลา่ น้ีใน โดยเฉพาะการบนั ทึกเรื่องราวเหล่านนั้ ในเพลงร้อง เช่น แหลเ่ พลงราวง หมอลา ขับซอ เพลงบอกบทในหนังตะลุง เปน็ ตน้ การสร้างสรรค์ดนตรพี ื้นบา้ นขึ้น เชน่ ในฤดนู า้ หลาก มีเพลงเรอื เปน็ ต้น
ลกั ษณะของวงดนตรพี ้นื บ้านในภาคต่างๆ ของประเทศไทย วงดนตรพี ื้นบ้านภาคเหนือ มพี ้นื ทค่ี รอบคลุม ๙ จังหวดั โดยจะเรียกดินแดนแถบน้ีว่า “ลา้ นนา” โดยมีจังหวัดเชยี งใหม่เป็นศนู ยก์ ลางของภาค เครื่องดนตรแี ละวงดนตรี ลกั ษณะเด่นของดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือคอื • มีการนาเครอ่ื งดนตรีประเภทดีด สี ตี และเปา่ มาผสมวงกัน • สาเนยี งและทานองเพลงมีความพลวิ้ ไหว ออ่ นหวาน นุ่มนวล • ผสมผสานวัฒนธรรมชนเผา่ แวะวัฒนธรรมในคมุ้ และวงั จนกลายเปน็ ดนตรีพื้นบา้ นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถ่นิ • วงดนตรพี ้ืนบ้านมอี ยหู่ ลายวงเช่น วงสะลือ ซอซึ้ง วงสะลอื ซึงขลยุ่ วงกลองสะบดั ชัย เป็นตน้ • เครือ่ งดนตรีมีอยหู่ ลายชนดิ เช่น พิณ สะลือ ซึง กลองปเู จ่ กลองสะบัดชัย ตะโลด้ โปด๊ เป็นต้น
องค์ประกอบของดนตรีและบทเพลง • จะประกอบไปดว้ ยเคร่ืองดนตรี วงดนตรี ทานองเพลงท่ีปรากฏลีลาไพเราะ มีการประสานเสยี งระหวา่ งดนตรีและผู้ ขับรอ้ ง มีสีสนั และมคี วามแตกตา่ งกนั ไปตามแตล่ ะกล่มุ วัฒนธรรมดนตรี • บทเพลงที่รู้จกั กนั ทวั่ ไป เช่นเพลงล่องนา่ น เพลงสาวไหม เพลงแมห่ มา๊ ยค้อม เพลงตีนตมุ้ เพลงซอพม่า เปน็ ตน้ สาเนยี ง ภาษา และเนอื้ ร้อง • มสี าเนียงที่ไพเราะ ออ่ นหวาน นุ่มนวล โปร่งสบาย และเนบิ ชา้ • มกี ารบรรเลงดนตรที ่มี ีจงั หวะตนื่ เต้น คกึ คกั เชน่ การบรรเลง วงกลองแอว ประกอบการฟอ้ นเล็บ มีจงั หวะและทานองท่ีนมุ่ นวล การบรรเลงวงกลองสะบดั ชยั ให้ความรสู้ กึ ต่นื เตน้ เรา้ ใจ เปน็ ตน้ การละเล่นกลองปเู จ่ เปน็ มรดกทาง วัฒนธรรมด้านดนตรขี องชาวล้านนา
วงดนตรีพื้นบา้ นภาคกลาง • เปน็ พ้นื ทต่ี ัง้ ถ่นิ ฐานของผู้คนมากมายหลายกลุ่มชาติพันธ์ุ มภี าษาและวฒั นธรรมทแี่ ตกตา่ งกนั อย่างชัดเจน เชน่ กลุ่มไทยพ้ืนที่ กลุ่มลาว เขมร มอญ จนี กลุม่ ชาตพิ นั ธกุ์ ะเหรยี่ ง ไทยทรงดา เป็นต้น เครื่องดนตรีและวงดนตรี ลกั ษณะเด่นของดนตรพี ืน้ บ้านภาคกลาง คอื • มีการสมวงบรรเลงในงานและกจิ กรรมตา่ งๆ ท้ังงานมงคลและงานอวมงคล • มีการผสมผสานวัฒนธรรมทางดนตรรี าษฎรแ์ ละหลวง • เครอ่ื งดนตรพี นื้ บา้ นจะประกอบไปด้วยเครื่องดนตรที ่ีอยูใ่ นวงดนตรไี ทยแบบแผนและ เครือ่ งดนตรที ีบ่ รรเลงอย่ใู นวงดนตรีพ้ืนบา้ น • วงดนตรพี น้ื บ้านมีอยู่หลายวง เชน่ วงกลองยาว วงป่พี าทย์ วงมโหรี วงเครอื่ งสาย เป็นตน้ • เครอ่ื งดนตรมี ีอยู่หลายชนดิ เช่น ป่ี ขลยุ่ ระนาด ตะโพน กลองทดั กลองยาว องั กะลงุ เป็นตน้
องค์ประกอบของดนตรแี ละบทเพลง • จะประกอบไปดว้ ยเครอื่ งดนตรี วงดนตรี ทานองเพลงที่ปรากฏ ลลี า ทานอง และจังหวะ มีความสัมพนั ธก์ บั ดนตรีแบบแผน การใช้คามสี ัมผัสคลอ้ งกัน จังหวะและทานองมคี วามสนกุ สนาน มกี ารประสานเสียงระหวา่ งดนตรกี บั การขบั รอ้ งทกี่ ลมกลนื • บทเพลงท่รี ู้จกั กันทั่วไป เชน่ เพลงเร่ือ เพลงเกยี่ วข้าว เพลงฉอ่ ย เพลงพานฟาง เพลงราโทน เพลงอีแซว เปน็ ต้น สาเนยี งภาษา และเนอ้ื ร้อง • มสี าเนียงถิ่นท่ีบง่ บอกถงึ วฒั นธรรมในด้านภาษา เชน่ สาเนียงเหนอ่ เปน็ ตน้ • บทเพลงมีความหลากหลายขนึ้ อย่กู บั โอกาสท่ใี ช้ เชน่ การเกี้ยวพาราสี การโตต้ อบชงิ ไหวพรบิ เปน็ ตน้ • เพลงพื้นบ้านนิยมใชเ้ นอ้ื ร้องทผี่ กู ดว้ ยกลอนสดประเภทกลอนหัวเดียว คอื กลอนไล และกลอนลา
วงดนตรพี ้นื บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนอื • พื้นที่สว่ นใหญ่เป็นท่ีราบสูง มเี ทอื กเขาสูงสลบั ซับซอ้ น มดี ินแดนตอ่ กับสาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาวและ ราชอาณาจักรกัมพูชา จงึ ทาใหพ้ น้ื ท่ีแถบนม้ี ีความหลากหลายทางวัฒนธรรม คอื วัฒนธรรมอีสานเหนือ วฒั นธรรมอสี านกลาง วัฒนธรรมอีสานใต้ และวัฒนธรรมอีสานแถบเมอื งโคราช เครอ่ื งดนตรแี ละวงดนตรี ลกั ษณะเดน่ ของดนตรพี ้นื บา้ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ คือ • การผสมวงดนตรีพน้ื บา้ นจะมีลกั ษณะแตกต่างกันออกไปตามพ้นื ที่ • ชือ่ วงดนตรจี ะแตกต่างกันไปตามความนยิ มของท้องถิ่น • วงดนตรพี ้นื บ้านมอี ยหู่ ลายวงเชน่ วงกันตรมึ วงแคณพณิ โหวด วงโปงลาง วงตุ้มโมง เป็นตน้ • เครอ่ื งดนตรีมอี ยู่หลายชนดิ เช่น แคน โหวด กลองหาง กลองกันตรมึ หมากกบ๊ั แกบ้ โปงลาง ไนซอง เป็นต้น
องค์ประกอบของดนตรีและบทเพลง • มลี กั ษณะเรียบง่าย มีจังหวะและทานองทีส่ นุกสนาน เรา้ ใจ มกี ารประสานเสียงระหว่างผู้ขับรอ้ งและการบรรเลงดนตรี • มที ้ังท่เี ป็นการแสดงฟอ้ นเซิ้ง เตน้ รา และที่ใช้ขบั ลา มีท้งั ทเ่ี ปน็ ดนตรี บทเพลง การแสดงดง้ั เดมิ และทีส่ รา้ งสรรคข์ น้ึ ใหม่ เช่น หมอลา เจรียง เปน็ ต้น • บทเพลงมีความผกู พันกับความเชอ่ื พิธีกรรม การประกอบอาชีพ อารมณ์ และความรสู้ กึ • บทเพลงท่ีรูจ้ ักกันทัว่ ไป เชน่ เพลงโคราช เพลงราโทน เพลงเซิ่งบงั้ ไฟ เป็นต้น สาเนียงภาษา และเน้ือรอ้ ง • สาเนยี งมลี ักษณะที่หลากหลาย มที านองเพลงส้นั ๆทีว่ นไปวนมา • ภาษาและสาเนยี งทอ้ งถน่ิ ถูกนามาผสมผสานกันอยา่ งสอดคล้องกบั เนื้อรอ้ ง • เพลงร้องจะบอกเล่าคณุ ค่าทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความคดิ ต่างๆ
วงดนตรพี ้ืนบา้ นภาคใต้ มพี ืน้ ที่ทอดยาวจากจงั หวดั ชมุ พรไปยงั ๕ จังหวดั ชายแดนดา้ นประเทศมาเลเซยี เครื่องดนตรีและวงดนตรี ลักษณะเด่นของดนตรพี ืน้ บา้ นภาคใต้ คอื • มพี ืน้ ทท่ี อดยาวจากจังหวัดชุมพรไปยัง ๕ จังหวดั ชายแดนดา้ นประเทศมาเลเซยี ดนตรีและเพลงทปี่ รากฏ อยใู่ นวถิ ชี ีวิตของชาวภาคใต้ นิยมบรรเลงในกจิ กรรมตา่ งๆ ท้ังดนตรีในงานมงคล ดนตรีในงารนอวมงคล ดนตรีที่นามาประกวดประชันกัน และดนตรปี ระกอบการแสดง • วฒั นธรรมดนตรีภาคใต้ มี ๓ วฒั นธรรมหลกั คือ วัฒนธรรมไทยพุทธ วัฒนธรรมไทยมุสลมิ และวัฒนธรรม ไทยเชื้อสายจีน • วงดนตรีพน้ื บา้ นมีอยูห่ ลายวง เชน่ วงกาหลอ วงรอเฮ็ง วงโต๊ะครมึ วงโนรา วงหนังตะลงุ วงสีละ เปน็ ต้น • เครือ่ งดนตรีมหี ลายชนิด เช่น กลองพรก แกระ บานอ ปีก่ าหลอ โพน รือบับ กลองชาตรี กรือโต๊ะ เป็นต้น
องค์ประกอบของดนตรแี ละบทเพลง • มจี งั หวะและทานองที่หนักแนน่ ให้ความสนกุ สนาน • มีการขับร้องและบรรเลงดนตรมี ีก่ปี ะสนเสียงกนั ไดอ้ ย่างสอดคลอ้ งเหมาะสม • บทเพลงทีใ่ ชใ้ นวัฒนธรรมแต่ละกลมุ่ จะมีรูปแบบ แนวเพลงและจังหวะแตกต่างกันไปตามประเภท และกจิ กรรมทถี่ กู จดั ข้นึ • บทเพลงท่ีรู้จกั กนั ทัว่ ไป เชน่ เพลงรองเงง็ เพลงนา เพลงบอก เพลงคาตกั เป็นต้น สาเนยี งภาษา และเนอ้ื รอ้ ง • สาเนยี งทใี่ ชใ้ นบทร้องจะมีสาเนยี งทางใต้ ท่ีมีลักษณะหา้ วและหว้ น • มจี ังหวะและทานองท่ีคกึ คักและหนกั แนน่ เน้นความสนกุ สนานครืน้ เครง • ภาษาทใี่ ช้เปน็ ภาษาถิ่น ภาษายาวี และภาษามาลายู • เนอ้ื รอ้ งมีความหลากหลาย คาไมย่ ืดเยอ้ื มีการโต้ตอบ ซกั ถามเรอื่ งราวต่างๆ การเกีย้ วพาราสี การบอกขา่ วสาร เปน็ ต้น
เปรียบเทยี บลักษณะเดน่ ของดนตรีพืน้ บา้ นในภมู ภิ าคตา่ งๆ ลักษณะทีป่ รากฏ ภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ โครงสร้างของดนตรี ทานองเพลงเรยี บงา่ ย สน้ั ทานองเพลงมีความซับซ้อน ทานองเพลงค่อนข้างเร็ว ทานองเพลงกระชับรวดเรว็ พื้นบา้ น ช้า บางลักษณะเร็วเรา้ ใจ ให้จังหวะท่ีหนัก เนน้ การเคลือ่ นทขี่ อง ดีด สี ตี และเป่า ดดี สี ตี และเปา่ ประเภทของเครื่อง ทานองเพลง เปน็ หลัก สี ตี และเปา่ ดนตรีพนื้ บ้าน ดีด สี ตี และเปา่ วงปีพ่ าทย์ วงเครือ่ งสาย วงโปงลาง วงแคน วงกนั ตรึม วงมโหรี วงดนตรที ี่บรรเลงเปน็ วงมโหรี วงองั กะลุง พืน้ บ้าน วงกาหลอ วงรองเง็ง ทานองเพลง วงสะล้อซึง วงป้าดก๊อง วงแตรวง วงปพี่ าทย์พืน้ เมอื ง แข่งวงปพ่ี าทย์ เสง็ กลอง แขง่ ตกี รือโตะ๊ ดนตรเี พอ่ื การแข่งขัน แขง่ แตรวง แขง่ กลองหาง แข่งตบี านอ ประชนั เสียง (มี แข่งตีกลองหลวง แขง่ วงกลองยาว แข่งตีโพน กรรมการ) แขง่ วงกลองยาว แขง่ ตีปดื เพลงเรือ เพลงบอก เพลงร้องพ้ืนบา้ น เพลงจอ๊ ย เพลงซอ เพลงฉ่อย เพลงอีแซว ลาต่างๆ เจรยี งตา่ งๆ เพลงสรภญั ญะ เพลงคาตัก เพลงเห่ เพลงนา เพลงอ่ือ เพลงพวงมาลยั ลาตัด ดิเกร์ฮลู ู เพลงรอ่ ยพรรษา เพลงเกย่ี วขา้ ว
สงั คตี กวดี นตรีพ้นื บา้ น ตวั อยา่ ง สังคีตกวดี นตรีพนื้ บา้ นภาคเหนอื เจ้าเครอื แก้ว ณ เชียงใหม่ เป็นศิลปนิ ท่ีมคี วามรู้ ความสามารถในด้านการขบั ร้องเพลงไทยและเพลงพื้นบา้ นล้านนา • เกิดเมอ่ื วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๖ ทจ่ี งั หวัดเชยี งใหม่ • มีความสามารถในการฟ้อน ผลงานทส่ี ร้างช่ือเสียง เชน่ ซอล่องนา่ น (น้อยไจยา) ฟ้อนเงีย้ ว เป็นตน้ • ไดร้ ับเชิญให้เป็นอาจารย์พเิ ศษสอนศลิ ปะเพลงพื้นบา้ นใหแ้ ก่นกั เรียนของวทิ ยาลัยนาฏศลิ ปเ์ ชยี งใหม่ เพื่อถา่ ยทอดผลงาน ด้านศลิ ปวัฒนธรรมล้านนาใหค้ งอยู่ • พ.ศ. ๒๕๓๓ ไดร้ บั การคดั เลือกใหเ้ ปน็ บุคลากรผู้มผี ลงานดีเดน่ ทางด้านวฒั นธรรม จงั หวดั เชียงใหม่ ประจาปี • ได้รบั การประกาศใหเ้ ปน็ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศลิ ปะการแสดง (คตี ศิลปพ์ ืน้ เมอื งลา้ นนา) ประจาปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ตัวอย่าง สังคีตกวีดนตรีพ้ืนบา้ นภาคกลาง นางขวัญจิต ศรปี ระจนั ต์ เป็นแม่เพลงท่มี ชี อ่ื เสียงของจังหวัดสพุ รรณบรุ ี นามจริง คอื นางเกลยี ว เสร็จกิจ • เกิดเมอื่ วันที่ ๓ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ ท่ีจังหวัดสพุ รรณบรุ ี • เพลงพืน้ บ้านท่สี รา้ งชอ่ื เสียงให้แก่ทา่ น คือ เพลงอีแซว • ความโดดเดน่ คือ การใชไ้ หวพรบิ ปฏิภาณในการว่ากลอนเพลง สานวนกลอนมีความคมคาย กลอนเพลงมีการสอดแทรก คุณธรรม ขอ้ คิด คาคมทเี่ ตอื นใจผู้ฟงั ใหเ้ ห็นคณุ คา่ และความดงี ามที่ควรนามาประพฤติปฏบิ ัติ • ผลงานเพลงท่ีมชี อื่ เสยี ง เชน่ เพลงฉ่อยมเี มียควาย เพลงอแี ซวตอนผา่ หอย เปน็ ตน้ • ได้รับประกาศเชิดชูเกียรตใิ ห้เปน็ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพ้นื บ้านอีแซว) ประจาปี พ.ศ. ๒๕๓๙
ตัวอย่าง สังคตี กวดี นตรีพื้นบ้านภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ นางราตรี ศรีวไิ ล เป็นหมอลาที่มีชอื่ เสียงทา่ นหน่ึงของจังหวัดมหาสารคาม ชอ่ื เดมิ คอื ราตรสี วัสดิ์ นาหว้ ยทราย • เกิดเมือ่ วนั ที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ท่จี ังหวัดมหาสารคาม • มคี วามสามารถในการแสดงหมอลาและการประพนั ธ์กลอนหมอ • รบั งานแสดงตามงานและสถานที่ตา่ งๆ ทัง้ งานบญุ บวช งานบุญพระเวส และงานบุญแจกขา้ ว • ได้รับการประกาศเชดิ ชเู กยี รติใหเ้ ป็นผ้มู ผี ลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาวรรณศลิ ป์ (แต่งกลอนลา) ประจาปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ตัวอยา่ ง สงั คตี กวีดนตรีพืน้ บา้ นภาคใต้ นายนครนิ ทร์ ชาทอง เป็นนายหนงั ตะลุงท่มี ชี ่อื เสยี งคนหนึ่งของภาคใต้ โดยเฉพาะปฏิภาณไหวพริบดา้ นการขบั กลอนหนงั • เกดิ เมื่อวันที่ ๑๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ทีจ่ ังหวัดสงขลา • มคี วามสามารถด้านการขับบทและเจรจาตามบทบาทของตัวหนงั แตล่ ะตวั มไี หวพริบปฏิภาณในการดาเนินเรือ่ งทมี่ ี เอกลักษณ์เฉพาะตัว • แต่งเรอ่ื งหนังตะลุงไวห้ ลายเรื่อง เชน่ เร่อื งดนิ ถนัน เร่อื งนาทชี ีวิต เรอื่ งเทพตะเคยี นทอง เรอ่ื งแผ่นดนิ เลอื ด เร่อื งพระมหาชนก เร่อื งอโศกมหาราช เปน็ ตน้ • ไดร้ ับการประกาศเชิดชูเกียรตใิ ห้เปน็ ศลิ ปนิ แห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพืน้ บา้ น - หนงั ตะลงุ ) ประจาปี พ.ศ. ๒๕๕๐
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: