๓หน่วยการเรียนรู้ที่ วงดนตรไี ทย จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. เปรยี บเทยี บรูปแบบของบทเพลง และวงดนตรีแตล่ ะประเภทได้ ๒. จำแนกประเภทและรปู แบบของวงดนตรีทงั้ ไทยและสำกลได้ ๓. เปรยี บเทยี บลกั ษณะเดน่ ของดนตรีในวัฒนธรรมต่ำงๆ ได้ ๔. นำเสนอแนวทำงในกำรส่งเสรมิ และอนุรกั ษด์ นตรีในฐำนะมรดกของชำติได้
ประเภทของวงดนตรีไทย • วงปพี่ าทย์ แบง่ ออกเป็น ๖ ชนิด ๑ วงป่ีพาทย์ไม้แข็ง • วงดนตรที ี่ประกอบด้วยเคร่ืองเป่ำและเครอ่ื งตเี ป็นหลกั เป็นวงปพ่ี ำทยพ์ ธิ ีกรรม ใชบ้ รรเลงในงำนพระรำชพธิ แี ละพธิ กี รรม ของประชำชนมำต้ังแต่สมัยอยธุ ยำ ตลอดจนใชบ้ รรเลงประกอบกำรแสดง เชน่ โขน หนงั ใหญ่ ละครนอก เปน็ ตน้ ด้ำนกำรประสมวงไดจ้ ัดแบง่ ออกเป็น ๓ ขนำด คือวงป่พี ำทย์เครื่องห้ำ วงป่พี ำทยเ์ คร่อื งคู่ และวงปีพ่ ำทย์เครอ่ื งใหญ่ ๒ วงปี่พาทย์เสภา • ปรับปรงุ คร้งั แรกในสมัยรชั กำลพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลยั ใชบ้ รรเลงและขบั ร้องในกำรเลน่ เสภำ ซึง่ มพี ฒั นำกำร มำจำกทำนองขับเพื่อเลำ่ นิทำนคำกลอน ๓ วงป่ีพาทยไ์ มน้ วม • มกี ำรประสมวงในช่วงสมัยรัชกำลพระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจ้ำอยหู่ ัว โดยโครงสร้ำงของวงเหมือนกบั วงป่พี ำทย์ไม้แข็ง ซ่ึงลกั ษณะเด่นของวงดนตรชี นิดนี้ คอื เม่ือบรรเลงแล้วจะใหร้ ะดบั เสยี งกำรบรรเลงท่ที ุม้ นมุ่ นวลกวำ่ โดยใชไ้ ม้นวมตรี ะนำดเอก และใช้ขลยุ่ เพียงออแทนปีใ่ นและป่นี อก เพื่อลดเสียงเล็กแหลมออกและเพ่ิมซออู้ ๑ คนั แต่ในบำงโอกำสใชก้ ลองแขกตีกำกบั จงั หวะแทนตะโพนและกลองทัด
๔ วงป่ีพาทย์นางหงส์ • วงดนตรีที่ใชป้ ระโคมในงำนศพ โดยรปู แบบของวงดนตรีมกี ำรปรับปรงุ มำจำกวงดนตรี ๒ ประเภท คือ วงปี่พำทยไ์ มแ้ ข็ง และวงบวั ลอย ชือ่ เรียกของวงดนตรวี งน้ีเรียกตำมชอ่ื เพลงท่นี ยิ มนำมำประโคมในงำน คอื เพลงนางหงส์ ๕ วงป่ีพาทย์ดกึ ดาบรรพ์ • วงดนตรีทส่ี มเดจ็ ฯ เจ้ำฟำ้ กรมพระยำนรศิ รำนวุ ัดติวงศ์ ทรงปรับปรุงขน้ึ ในชว่ งสมยั รชั กำลพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำ- เจำ้ อยหู่ วั วตั ถุประสงค์ของกำรปรบั ปรงุ เพือ่ ใช้บรรเลงประกอบกำรแสดงละครดึกดำบรรพ์ทป่ี รับปรงุ ข้นึ ใหม่ ไดแ้ นวคดิ มำจำก กำรแสดงละครโอเปรำของชำวยโุ รป รูปแบบกำรแสดงประณตี และแสดงตำมแนวละครใน สว่ นตัวละครดำเนนิ เรอื่ งดว้ ยกำร ขบั รอ้ ง มีฉำกแสดงควำมสมจรงิ ของเน้ือเร่ือง ๖ วงป่ีพาทย์มอญ • ปรบั ปรงุ ขนึ้ โดยนำเครอ่ื งดนตรมี อญบำงชนดิ คือ ป่มี อญ ตะโพนมอญ เปิงมำงคอก ฆ้องมอญ โหม่งกระจัง นำมำประสมกับ วงปี่พำทยไ์ มแ้ ขง็ โดยใชบ้ รรเลงในทกุ โอกำส ท้งั งำนมงคลและงำนอวมงคล กรณที ี่ใชบ้ รรเลงในงำนอวมงคลจะใชเ้ พลงที่ เกี่ยวกับพธิ กี รรมโดยเฉพำะ เช่น เพลงประจำวัด เพลงยกศพ เปน็ ตน้ ตำมหลกั กำรประสมวงของวงปีพ่ ำทย์ไม้แข็ง จัดแบ่งเป็น ๒ ขนำดคอื วงปี่พำทยม์ อญเครอ่ื งคู่ และวงปี่พำทยม์ อญเครอ่ื งใหญ่
• วงเคร่อื งสาย แบง่ ยอ่ ยออกเปน็ ๓ ประเภท ๑ วงเครอื่ งสายไทย • วงดนตรที ่มี เี ครอ่ื งดนตรปี ระเภทเครื่องสำยเป็นหลัก นิยมนำวงเครื่องสำยไทยมำใช้บรรเลงในงำนมงคลตำ่ งๆ กำรประสมวง แบ่งได้ ๒ ขนำด คอื วงเคร่ืองสำยเครอ่ื งเดยี่ ว และวงเครอื่ งสำยเคร่ืองคู่ ๒ วงเครือ่ งสายประสม • มีกำรนำเคร่ืองดนตรีอื่นมำประสมวงด้วยโดยไม่จำเป็นต้องเปน็ ดนตรีไทย ชอ่ื เรียกของวงดนตรีจะเรยี กตำมเครอ่ื งดนตรี ที่นำเขำ้ ประสม เช่น วงเคร่อื งสำยประสมขมิ วงเครอื่ งสำยประสมเปียโน เปน็ ตน้ ๓ วงเครอื่ งสายปชี่ วา • ชอ่ื เรียกเดิมว่า “วงกลองแขกเครื่องใหญ่” วงดนตรีประเภทนเ้ี ป็นลักษณะของวงเครื่องสำยประสม โดยกำรประสมระหวำ่ ง เครอื่ งดนตรีวงเครือ่ งสำยไทยกบั วงกลองแขกประกอบดว้ ยจะเข้ ซอดว้ ง ซออู้ ขลุย่ หลบี ป่ีชวำ กลองแขก และฉง่ิ
• วงมโหรี แบ่งยอ่ ยออกเปน็ ๒ ชนิด วงดนตรีท่รี วมเครอ่ื งดนตรีประเภทดีด สี ตี และเปา่ ใช้ในการบรรเลงเพอื่ ขบั กลอ่ ม ไมน่ ยิ มนามาใช้ประกอบการแสดง ๑ วงมโหรแี บบเดิม • เรม่ิ มขี น้ึ ต้ังแตส่ มัยอยุธยำ และมีพฒั นำกำรต่อมำถงึ สมยั รตั นโกสินทร์ และเป็นรปู แบบทป่ี รำกฏในปัจจุบนั - วงมโหรเี คร่ืองส่ี เคร่ืองดนตรมี ี ๔ ชนิด ประกอบด้วยซอสำมสำย กระจบั ป่ี ทบั (โทน) และกรับพวง - วงมโหรีเคร่อื งหก เคร่อื งดนตรเี พมิ่ อีก ๒ ชนิด คือขลยุ่ เพียงออ และรำมะนำขนำดเล็ก - วงมโหรีเครื่องแปด เคร่อื งดนตรีเพม่ิ อีก ๒ ชนดิ คอื ระนำดเอก และระนำดแก้ว(ระนำดทอง) ๒ วงมโหรีแบบปจั จุบนั • ปรบั ปรงุ มำจำกวงมโหรเี ครือ่ งแปด โดยเฉพำะในชว่ งสมัยรชั กำลท่ี ๓ และรชั กำลท่ี ๔ วงกำรดนตรไี ทยมกี ำรสร้ำงเคร่ืองดนตรี ใหม่ขน้ึ หลำยชนดิ เช่น ระนำดทุม้ ฆอ้ งวงเลก็ ระนำดเอกเหลก็ ระนำดทมุ้ เหล็ก เปน็ ต้น และมีกำรนำเข้ำประสมวงเปน็ วงป่ี พำทยเ์ ครอื่ งคู่ วงปพี่ ำทย์เครอ่ื งใหญ่ จนเป็นตน้ แบบในกำรจดั ขนำดของวงดนตรีอน่ื ๆทเ่ี ป็นประเภทวงเคร่อื งคแู่ ละวงเครือ่ งใหญ่ หลกั วิชำกำรประสมวงมโหรี จะมกี ำรนำเครอ่ื งดนตรปี ระเภทเครือ่ งสำย คือ จะเข้ ซอด้วง ซออู้ และซอสำมสำยหลีบ เขำ้ ประสมวง กำรจดั ขนำดของวงมโหรที ี่นยิ มในปจั จบุ ันมี ๓ ขนำด คือ วงมโหรเี ครือ่ งเด่ียว วงมโหรีเครือ่ งคู่ และวงมโหรี เครอ่ื งใหญ่
แนวทางการอนรุ กั ษแ์ ละส่งเสรมิ ดนตรไี ทย ๑ บทบาทหน้าทีข่ อง เยาวชนไทย • ศกึ ษำประวัติ ควำมเป็นมำและพฒั นำกำรของมรดกวัฒนธรรมทำงดนตรี • ฟังและเผยแพร่ • รบั รสู้ ำระศิลปวฒั นธรรมด้วยใจที่เปิดกวำ้ ง มีทัศนคตทิ ีด่ ี • หำแนวรว่ มจำกคนวัยเดยี วกนั หรอื ผ้ทู มี่ แี นวคิดเดียวกันพร้อมทจ่ี ะร่วมกจิ กรรมอนุรักษ์ • เลือกรปู แบบเพือ่ หำทำงขบั เคล่อื นวิธีกำรใหด้ ำเนินไปสู่เปำ้ หมำย • ฝึกหัดเล่นดนตรไี ทย ขับร้องเพลงไทย • กำรนำสื่อเทคโนโลยีทีม่ ีอยู่ในปัจจบุ นั มำสรำ้ งให้เป็นนวัตกรรมทำงดนตรีไทยด้วยวธิ ีกำรตำ่ งๆ
๒ จดบันทึกและเผยแพร่ ในปจั จุบนั เทคโนโลยีสำรสนเทศกำ้ วหนำ้ มำก สำมำรถบันทกึ และสง่ ตอ่ หรอื เผยแพรใ่ หเ้ ป็นวิทยำทำนแก่ผทู้ ส่ี นใจศึกษำไดท้ วั่ โลก วธิ ีกำรนที้ ำให้ ดนตรไี ทยเป็นทีร่ ู้จัก เม่ือมผี สู้ นใจยอ่ มนำไปเผยแพร่บอกต่อกัน
๓ บรู ณาการเข้ากับ การเรยี นการสอนวชิ าอน่ื ๆ เชน่ กำรเรียนคณิตศำสตร์ อำจแต่งบทขับรอ้ งให้เกี่ยวข้องกับสตู รตำ่ งๆ และ สำมำรถคำนวณได้ถกู ตอ้ ง ถำ้ เปน็ กำรเรียนวิชำพลศึกษำก็สำมำรถนำเพลงไทย ทีม่ จี งั หวะสนุกสนำนมำทำทำ่ ทำงประกอบได้ เชน่ เพลงคำ้ งคำวกินกล้วย
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: