Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ม2

ม2

Published by pimolnat17, 2021-06-11 04:53:08

Description: บทเสภาสามัคคีเสวก ม2

Search

Read the Text Version

บทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามคั คีเสวก ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ ๒

* จากภาพเป็นเรือชนิดใด * เมื่อนึกถงึ ภาพเรอื ท่ีอย่ทู ่ามกลางพายแุ ละคลื่นลม นักเรียนนึกถงึ ส่ิงใด

ผแู้ ต่ง

ประวตั เิ พม่ิ เตมิ บทพระราชนิพนธใ์ น (คลกิ ทน่ี ่ี) พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้า เจ้าอยหู่ วั รชั กาลท่ี ๖

ท่ีมาของเร่อื ง

ที่มาของเร่ือง พ ร ะ ร า ช นิ พ น ธ์ ขึ้ น ต า ม ค า ก ร า บ บัง ค ม ทู ล ข อ พระราชทานของเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี โดยครงั้ แรก ทรงคิดการแสดงช่ือว่า “ระบาสามคั คีเสวก” ซ่ึงเป็ นการรา ตามเพลงหน้าพาทยไ์ มม่ ีบทร้อง และต่อมาได้แต่งบทเสภาขึน้ ใช้ขบั ระหว่างการพกั การแสดงระบาแต่ละตอนเม่ือคราวเสดจ็ ไปประทบั ที่พระราชวงั สนามจนั ทร์

ท่ีมาของเรือ่ ง (ต่อ) พระราชวงั สนามจนั ทร์ จงั หวดั นครปฐม

ที่มาของเรื่อง (ต่อ) เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิ บดี ประวตั เิ พม่ิ เตมิ (หมอ่ มรา(ชคลวกิ งทศน่ี ่ี)ป์ ้ มุ มาลา กลุ )

เนื้อหา

เนื้อหา บทเสภาสามัคคีเสวกเป็ นบทเสภาขนาดสัน้ มี ๔ ตอน ดงั นี้ บทเสภาตอนท่ี ๑ กิจการแห่งพระนนที บทเสภาตอนที่ ๒ กรีนิ รมิต (กะ-รี-นิ - ระ-มิด) บทเสภาตอนท่ี *๓**วติศอวนกทรี่เรรียมนาคือ ตอนที่ ๓ และ ๔

บทเสภาตอนท่ี ๑ กิจการแห่ง พระนนที กล่าวถงึ พระนนทีซ่ึงเป็นเทพเสวกของพระ อิศวรเมื่อพระอิศวรเสด็จที่ใด พระนนทีจะแปลง กายเป็ นโค อุสุภราชพาหนะของพระอิศวร ทาหน้าที่ด้วยความขยนั ขนั แขง็ นับเป็ นตัวอย่าง ของเสวกที่ดี เม่ือเสดจ็ เทวกิจกจ็ ะกลบั มาเป็ นเทพ ดงั เดิม เม่ือขบั เสภาจบจะเป็ นการแสดงจบั ระบา ตอน พระอิศวรและพระอมุ าเสดจ็ ออกให้เหล่าเทพ เข้าเฝ้ า มียักษ์กาลเนมีเข้ามาไล่จับ

บทเสภาตอนที่ ๒ กรีนิรมิต กล่าวสรรเสริญพระคเณศ ผ้เู ป็น เทพแห่งศิลปวิทยาต่างๆ และเป็นผ้สู ร้าง ช้างตระกูลต่างๆ เพ่ือเป็ นเครื่องเฉลิม พระยศของพระมหากษัตริย์ การแสดง ระบาเริ่มด้วยระบาช้าง ๘ ตระกลู ยกั ษ์ กาลเนมีออกไล่จบั ช้าง พระคเณศ ต่อส้แู ละขบั ไล่ยกั ษ์ไปได้ จ า ก นั้น จึ ง ม อ บ ช้ า ง ใ ห้ ท้ า ว จตั โุ ลกบาลทงั้ ๘ ไว้ประจาแต่ละทิศ ร่าย

บทเสภาตอนที่ ๓ วิศวกรรมา กล่าวสรรเสริญพระวิศวกรรม เทพ แห่งงานศิลป์ การก่อสร้างและการช่างนานา กล่าวถึงความสาคญั ของศิลปะของชาติ การ แสดงระบาเริ่มด้วยพระวิศวกรรมออกมาร่าย รา ต่อจากนัน้ นางวิจิตเลขาออกมาราทาท่า วาดภาพถวาย หลงั จากนัน้ พระรปู การออกมาร่ายรา ทาท่าปัน้ รปู ถวาย จากนัน้ เป็นการแสดงอาวธุ

บทเสภาตอนที่ ๔ สามคั คีเสวก ก ล่ า ว ถึ ง ค ว า ม ส ม า น สามคั คีของหมู่ราชเสวก ให้มี ความมัน่ คงจงรักภักดี ซื่อตรง ขยนั ขันแข็งใน การ ท า ง า น รั ก ษ า เ กี ย ร ติ ข อ ง ข้าราชการ การแสดงเริ่ม ด้วย ราชเสวก ๒๘ หมู่ ออกมาสวน สนามหมู่ละ ๑ คู่ จบแล้ว ทุก

ลกั ษณะคาประพนั ธ์

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กลอนเสภา เป็ นกลอนท่ีแต่งขึ้นเพ่ือเล่านิ ทานเป็ น ทานอง โดยใช้ “กรบั ” เป็ นเคร่ืองประกอบ จงั หวะ

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ (ต่อ) ลกั ษณะของกลอนเสภา ๑. เนื้อความตอนหน่ึงยาวก่ีคา กลอน กไ็ ด้ ๒. จานวนตาในแต่ละวรรคไม่ ๓. การส่งและรบั สมั ผสั เทค่าือกนั คอาาสจดุมทีต้างั้ ยแขตอ่ ๖งวร–รค๙ คา หน้านิยมสมั ผสั กบั คาที่ ๑ – ๕ ของวรรคหลงั และคา สดุ ท้ายวรรคส่งส่งสมั ผสั กบั คาสดุ ท้ายวรรครบั ในบท

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ (ต่อ) วรรคท่ี ๑ วรรคท่ี ๒ วรรคท่ี ๓ วรรคท่ี ๔ สมั ผสั ระหว่างบท วรรคท่ี ๑ บาทท่ี ๑ (คากลอน) บท วรรคท่ี ๒ บาทท่ี ๒ (คากลอน) วรรคท่ี ๓ วรรคท่ี ๔

ถอดคาประพนั ธ์ บทเสภาตอนท่ี ๓ วิศวกรร มา

บทอาขยาน อันชาตใิ ดไร้ศานตสิ ุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่ ณ ชาตนิ ัน้ นรชนไม่สนใจ ในกจิ ศลิ ปะวไิ ลละวาดงาม แต่ชาตใิ ดรุ่งเรืองเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันล้นหลาม ย่อมจานงศลิ ปาสง่างาม เพ่อื อร่ามเรืองระยบั ประดับประดา อันชาตใิ ดไร้ช่างชานาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า ใครใครเหน็ ไม่เป็ นท่จี าเริญตา เขาจะพากนั เย้ยให้อบั อาย ศิลปกรรมนาใจให้สร่ างโศก ช่วยบรรเทาทกุ ข์ในโลกให้เหอื ดหาย อีกร่างกายกจ็ ะพลอยสุขสราญ จาเริญตาพาใจให้สบาย เม่ือถงึ ยามเศร้าอรุ าน่าสงสาร แม้ผู้ใดไม่นิยมชมส่งิ งาม โอสถใดจะสมานซ่งึ ดวงใจ เพราะขาดเคร่ืองระงบั ดับราคาญ เพราะการช่างนีส้ าคัญอันวเิ ศษ ทกุ ประเทศนานาทงั้ น้อยใหญ่ จงึ ยกย่องศิลปกรรม์นัน้ ท่วั ไป ศรีวไิ ลวลิ าศดเี ป็ นศรีเมอื ง คดั ตวั บรรจงคร่ึงบรรทัดให้สวยงาม ลงในสมุด

บทเสภาตอนที่ ๓ วิศวกรรมา ๏ อนั ชาติใดไร้ศานติสขุ สงบ ต้องมวั รบราญรอนหาผอ่ น ไม่ ณ ชาตินัน้ นรชนไมส่ นใจ ในศิลปะวิไล ละวาดงาม ๚ ๏ แชตา่ตชิาใตดิใทดี่มรีศ่งุ ึเกรสืองงคเมรอืามงสไงมบ่มีความสงบสุขวใา่นงแกผา่นรรดบินอรปิพรละอชนั าลช้นน หลายม่อมไมม่ ีจิตใจสนใจความงดงามของศิลปะ แต่หากประเทศใด (ชาติ ใดย)่อมบจ้าานนเงมศือิลงปสางสบงส่างุขาปมราศจากสงคราม ประชาชนกเพ็จอื่ ะอทรา่านมุบเราอื รงุง ระยศบั ิลปปรกะดรรบั มปทรงัะ้ ปดวางใ๚ห้เจริญร่งุ เรือง

บทเสภาตอนที่ ๓ วิศวกรรมา ๏ อนั ชาติใดไร้ช่างชานาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉม บรรโลมสงา่ ใครใครเหน็ ไม่เป็นท่ีจาเริญตา เขาจะพากนั เย้ย ให้อบั อาย ๚ชาติใดที่ปราศจากช่างศิลป์ ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวท่ีไม่มี ความ๏งามศิลปกไรมรเ่มปน็นาทใ่ีตจใ้อหง้สตรา่าตง้อโศงใกจใคร มีแต่จชะ่วถยกู บเยรราเะทเยาท้ยกุใหข้ไใ์ ดน้อโลากยให้ เหือศดิลหปากยรรมนัน้ ช่วยทาให้จิตใจคลายเศร้า ช่วยทาให้ความทุกขห์ มดไป ทาจใาหเ้จริิญตใตจาขพอางใเจรใาหม้สีคบวาายมสุข ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแขง็ แรงไป ด้วย อีก(รทา่ างใกหา้สยขุกภจ็ าะพพใลจอแยลสะขุ กสารยาดญี) ๚

บทเสภาตอนท่ี ๓ วิศวกรรมา ๏ แมผ้ ใู้ ดไมน่ ิยมชมส่ิงงาม เมอ่ื ถึงยามเศร้า อรุ าน่าสงสาร เพราะขาดเครื่องระงบั ดบั ราคาญ โอสถใด จะสมานซึ่งดตวรงงใกจนั ๚ข้าม หากใครไม่เหน็ คณุ ค่าความงามของศิลปะ เมื่อ ต้องเ๏ผชิเญพครวาะากมาทรุกชข่า์กงนไ็ มี้ส่มาคีสญิ่ังใอดนั มวาิเเศปษ็นยาช่วยสมทากุ นปบราะเดทแศผนลาขนอางทจงั้ิตนใ้อจย ใหญเข่ าเหล่านัน้ จึงเป็ นคนท่ีน่าสงสารย่ิงนัก เพราะความรู้ทางช่างศิลป์ สาจคึงัญยกเยชอ่่นงนศี้ ิลปกนรารนมาน์ ปัน้ รทะวั่เไทปศจึงนิ ยมยกย่องคุณค่าของศิลปะและ ความศสราีวมิไลารวถิลเาชศิงดชีเ่าปง็นขศอรงีเชม่าอื งงศิล๚ป์ ว่าเป็ นเกียรติยศ ความร่งุ เรืองของ

บทเสภาตอนท่ี ๓ วิศวกรรมา ๏ ใครดถู กู ผชู้ านาญในการช่าง ความคิดขวางเฉไฉไม่เข้า เรอื่ ง เหมือนคนบา้ คนไพรไม่ร่งุ เรอื ง จะพดู ด้วยนัน้ กเ็ ปลืองซ่ึงวาจา ๚ ๏ แต่กรงุ ไทยศรีวิไลทนั เพ่อื นบ้าน จงึ่ มีช่างชานาญวิ เลขา คนที่ไม่เห็นคุณค่าของศิลปะก็เหมือนคนป่ าคนดง ป่ วยการ อธทิบงั้าชย่างปพัน้ ดู ชด่าง้วเยขกียเ็ นปเลพือียงรนว้าิชลาายเปล่า แต่ประเทศไทยขออีกงชเ่รางาสนถัน้ าเปหนน็ า ถกู ทคาุณนคอ่งาข๚องงานช่างศิลป์ เช่น ช่างปัน้ ช่างเขียน ช่างสถาปัตย์ ช่าง ทองรปู พรรณ ช่างเงิน ช่างถม และช่างอญั มณี

บทเสภาตอนที่ ๓ วิศวกรรมา ๏ ควรไทยเราช่วยบารงุ วิชาช่าง เครื่องสาอางแบบไทย สโมสร ช่วยบารงุ ช่างไทยให้ถาวร อยา่ ให้ หย่อนกวา่ เขาเราจะอาย ๚ ๏ อเรนั าผคอนงไชทาตยิไคพวรรชั สชน่าับงจสดันสุนรงรานช่างศิลป์ ไทยให้ก้าเปว็หนนห้ลาราุ่งยเอรยือ่างง ต่างอพยรา่ รใณห้เข้ามาดข้อายยน้อยหน้ากวา่ นานาประเทศ เราจะได้ไม่ต้องซื้อสิ่งของ ต่าเงรๆาต้อจงาซกื้อปหระลเาทกศหอลื่นากซแึ่งลเะปม็นากกามราใยช้จ่ายอย่างสิ้นเปลือง ต้องใช้ทรพั ย์ สรุ ่ยุ สรุ ่ายเป็นก่ายกอง ๚

บทเสภาตอนที่ ๓ วิศวกรรมา ๏ แม้พวกเราชาวไทยตงั้ ใจช่วย เอออานวยช่าง ไทยให้ทาของ ช่างคงใฝ่ใจผกู ถกู ทานอง และทา ของงามงามขนึ้ ตามกาล ๚ เราคนไทยต่างช่วยสนับสนุนช่างไทยให้สร้างสรรค์งานศิลปะ ๏ เราช่วยช่างเหมือนอย่างช่วยบา้ นเมือง ได้ประเทืองเทศไทย อนั ไชพ่าศงคาลงมีกาลงั ใจที่จะสร้างสรรคง์ านศิลปะที่งดงาม การท่ีเราส่งเสริมช่าง ศิลสปมะเปไท็นยเมอื งใหญ่โตมโหฬาจรึงเท่ากบั ได้ช่วยพฒั นาชาติให้เจริญพฒั นา พอไอมย่อ่าาถยาเวพรื่อทนดั บเทา้ นียมจึง่นจาะนดาี ป๚ระเทศ

ความรเู้ พิ่มเติม “ช่างสิบหม่”ู ตามพจนานุกรมศพั ท์ ศิลปกรรม ฉบบั ราชบณั ฑิตสถาน ในอดีตช่างสิบหมูม่ ีหน้าหที่มโดายยตถรงงึ ใน“กชาร่าสงร้าหงสลรวรคงง์ ”านศิลปกรรมต่างๆ แก่ราชการในส่วนพระองค์ ในปัจจุบนั ช่างสิบหมู่มีหน้าที่ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ โดยรวบรวม หลักฐานงานทุกชิ้นท่ีมีลักษณะเป็ นงานช่างสิ บหมู่ และทาการวิจยั ทดลอง ซ่อมแซม พร้อมกบั สร้างใหม่ในเชิงอนุรกั ษ์ศิลปกรรม บริการ ให้ความรู้ วิธีการ ดา้ นงานออกแบบศิลปกรรมไทยโบราณ พฒั นาฝี มอื และผลงานให้เป็นงานประยุกต์ ผลงานในอดีตให้เขา้ กนั กบั ปัจจบุ นั

ช่างสิบหมู่ ๑. ช่างเขียน ๒. ช่างแกะ ๓. ช่างห่นุ ๔. ช่างปัน้ ๕. ช่างปนู

ช่างสิบหมู่ ๖. ช่างรกั ๗. ช่างบุ ๘. ช่างกลึง ๙. ช่างสลกั ๑๐. ช่างหล่อ

ถอดคาประพนั ธ์ บทเสภาตอนท่ี ๔ สามคั คี เสวก

บทเสภาตอนที่ ๔ สามคั คีเสวก ประการหนึ่งพงึ คิดในจิตมนั่ วา่ ทรงธรรม์ เหมือนบิดาบงั เกิดหวั ควรเคารพยาเยงสแ่ิงลหะนเก่ึงรทง่ีเกรลาควั วรมีไว้ในจิตใจ คือ พระเจ้าแผ่นดิน ประโยชน์ตวั นเึกปนรี้ยอบยเหสนม่อือยนจพะอ่ดบี งั เกิดเกล้าที่เราควรเกรงใจและเคารพนับ ถอื เราต้องไมเ่ หน็ แก่ประโยชน์ส่วนตวั มากเกินไป

บทเสภาตอนท่ี ๔ สามคั คีเสวก ควรนึกว่าบรรดาขา้ พระบาท ล้วนเป็ น ราชบริพารพระทรงศรี เหมคือวนรลนูกึ เวร่าือพอวยกใู่ นเรกาลกา็เงปห็ นวข่าง้าวราบั รใี ช้ของพระเจ้าแผ่นดจินาคตน้องหมนี ่ึง มเริตารกจเ็ หิตมรสือนิทลกู นเั รือที่อยู่ในเรือกลางทะเลจาเป็นท่ีจะต้องมีความสามคั คี ต่อกนั และกนั

บทเสภาตอนที่ ๔ สามคั คีเสวก แม้ลกู เรอื เช่ือถอื ผเู้ ป็นนาย ต้องมงุ่ หมาย ช่วยแรงโดยแขง็ ขนั ถ้า ลูก เรื อเ ชื่ อ ฟั ง คอยตงั้ ใจฟังบงั คบั กปั ปิ ตนั กัปตันก็จะต้องช่วยกัปตัน นาวานัน้ จงึ จะรอดตลอดทะเล อย่างแข็งขนั ต้องตัง้ ใจฟัง คาสงั่ ของกปั ตนั เรือกจ็ ะรอด ไปถงึ จดุ หมาย

บทเสภาตอนท่ี ๔ สามคั คีเสวก แม้ลกู เรอื อวดดีมีทิฐิ และเริ่มริเฉโกยงุ่ โยเส เมือ่ คล่ืนลมแรงจดั ซดั โซเซ แเรตือ่ถจะ้าเลหูกล่รเะรยือาควา่ ไป ไม่เชื่อฟั งกัปตันและ เร่ิมแตกคอกัน เวลา คล่ื นลมแรงเรือก็จะ โคลงเคลง และจมใน

บทเสภาตอนที่ ๔ สามคั คีเสวก แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรอื จะเอาแรงมา แต่ไหน แม้ไมถ่ อื เคร่งคงตรงวินัย เม่อื ถึงคราวพถาย้ าใุ ลหูญก่จเะรคื อรวมญั วคแราตง่ ทะเลาะกัน กัปตันก็จะไม่มี กาลงั มาต่อสู้ ถ้าไม่เคร่งครดั ต่ อกฏระเบียบเวลาท่ี เกิ ดภยั อะไรขนึ้ จะเดือดรอ้ น

บทเสภาตอนที่ ๔ สามคั คีเสวก นายจะสงั่ สิ่งใดไมเ่ ขา้ จิต จะต้องติด ตนั ใจให้ขดั ขวาง จะย่งุ แล้วยงุ่ เล่าไม่เข้าทาง เรอื กค็ งอบั ปากงัปกลตาันงสสาัง่ คอระไรก็ไม่ ฟั ง พ อ ถึ ง เ ว ล า ก็มี ข้ อ ขัด แ ย้ ง ต่ อ ม า ก็จ ะ เ กิ ด เ ห ตุ ก า ร ณ์ วุ่นวายขึ้น ในท่ีสุดเรือก็จะ ล่มกลางทะเล

บทเสภาตอนที่ ๔ สามคั คีเสวก ถึงเสวีท่ีเป็นขา้ ฝ่าพระบาท ไม่ควรขาด ความสมคั รสโมสร ในพรถะึงราจชะสเาปน็ นักขพ้าระรภับธู ใรช้ ของพรเะหเมจอื ้านแเผร่นือดแิลน่นกส็ไามค่ครวสรมุทรไทย ขาดความสามคั คีปรองดอง กั น เ ห ตุ ก า ร ณ์ ใ น พระราชสานักกเ็ ปรียบเสมือน เ รื อ ท่ี แ ล่ น อ ยู่ ต า ม ท ะ เ ล

บทเสภาตอนท่ี ๔ สามคั คีเสวก เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควร คิดถงึ หน้าที่นัน้ เป็นใหญ่ รกั ษเาหตลน่าเคขร้า่งรคางชตรกงาวรินใัยนราช สานักกส็เหมมานือในจเจปง็รนกั กพะรละาจสกั ีครี วรให้ ความสาคญั กบั หน้าท่ีท่ี ต้องทาเป็น หลกั ปฏิบตั ิตนตามกฏตามระเบียบ วิ นัยอย่างเคร่งครัดและสามัคคี จงรกั ภกั ดีต่อพระ เจ้าแผน่ ดิน

บทเสภาตอนที่ ๔ สามคั คีเสวก ไมค่ วรเลือกที่รกั มกั ที่ชงั สามคั คีเป็นกาลงั พลงั ศรี ควรไปมร่คอวงรดแอยงกในฝห่ ายมเูร่ ลาือชกเสวี ที่จะเคาใรหพ้สเมชทื่อี่รฟว่ ังมใพครระเคจา้วเรรทา่ีองคเ์ ดียว จะสามคั คีปรองดองกนั ในหมู่ ข้าราชการ เพื่อเป็ นพลังใน การทาความดีให้ สม กั บ ที่ มี พ ร ะ เ จ้ า แ ผ่ น ดิ น

คณุ ค่าของเร่อื ง

๑. คณุ ค่าด้านเนื้อหา บทเสภาตอนท่ี ๓ วิศวกรรมา ก า ร เ ตื อ น ใ จ ใ ห้ เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง ศิลปกรรมทาให้จิตใจมีความสุข ซ่ึงส่งผลให้ ร่างกายแขง็ แรง และให้เห็นความสาคญั ของ ศิลปิ น ให้คนไทยช่วยกนั สนับสนุนผลงานของ ศิลปิ น ให้ศิลปิ นมีรายได้พอเลี้ยงชีพและเกิด

๑. คณุ ค่าด้านเนื้อหา บทเสภาตอนที่ ๔ สามคั คี ข้าราชกเาสรเวปก็ นกลไกสาคญั ใน การบริหารราชการแผ่นดิน ต้องตงั้ ใจ ปฏิบตั ิหน้าท่ีเสียสละ มีความสามคั คี และตระหนักในหน้าที่ของตน

๒. คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์ ศิลปกรรมนาใจให้สรา่ งโศก ช่วย บรรเทาทกุ ขใ์ นโลกให้เหือดหาย จาเริญตาพาใจให้สบาย อีก รา่ งกายกจ็ ะพลอยสขุ สราญ แม้ผใู้ ดไมน่ ิยมชมส่ิงงาม เมอื่ ถึง ๒ ๑ ภาพพจน์อปุ มา. ยามเศร้าอรุ าน่าสงสาร เพราะขาดเคตรอ่ื องรนะงบั ดวบั ิรศาควากญ รรมา เปรียบโวอสา่ ถ ใดจะสมานซ่ึงดวงใจ โอสถที่บรรเทา ศิลปะ เหมอื น ทกุ ขย์ ามเศรา้

๒. คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์ ควรนึกวา่ บรรดาขา้ พระบาท ลว้ นเป็นราชบริพารพระทรง ศรี เหมือนลกู เรอื อยูใ่ นกลางหวา่ งวารี จาต้องมมี ิตรจิตรสนิทกนั ๒.๑ ภาพพจน์อปุ มาตอนแม้ลูกเรือเชื่อถือผ้เู ป็นนาย สามคั คีเสวตก้องมเงุ่ ปหมรายียบวา่ ช่วยแรงโดยแขง็ ขนั เหมอื น เรือ ประเทศคอยตงั้ ใจฟังบงั คบั กปั ปิ ตนั นาวานนั้ ทจงึี่แจะลรอ่นดตอลยอด่ใู ทนะเลทะเล กษตั ริย์ เหมือน

๒. คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์ ๒.๒ การหลากคา คาที่มคี วามหมายว่า “พระมหากษตั ริย”์ ว่าทรงธรรมเ์ หมือนบิดาบงั เกิดหวั คือ การใช้คาที่มี ล้วนเป็ นราชบริพารพระทรงศรี ความหมายเหมือนกนั ใน ในพระราชสานักพระภธู ร บทประพนั ธเ์ ดียวกนั เพ่อื ให้เกิดเสียงสมั ผสั ใน คาที่มีควาสมมหามนาใยจวจ่างรกั “พขร้าะรจากั ชรบี ริพาร” ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ถงึ เสวีท่ีเป็นข้าฝ่ าพระบาท เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี

๒. คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์ ๒.๓ การแตกศพั ท์ มีการแตกศพั ทค์ าว่า “ศิลป์ ” ได้แก่ กล่าวถึงเทพศิลปี ศรีเรืองราม คือ การนาคาศพั ทห์ นึ่ง ในศิลปะวิไลละวาดงาม มาแตกให้เป็ นหลายคา ย่อมจานงศิลปาสงา่ งาม โดยเปลี่ยนรปู เลก็ น้อย อนั ชาติใดไร้ช่างชานาญศิลป์ มีความหมายใกลเ้ คียงคา ศิลปกรรมนาใจให้สรา่ งโศก เดิม จึงยกยอ่ งศิลปกรรมน์ ัน้ ทวั่ ไป

๓. คณุ ค่าด้านสงั คม ๓.๑ สะท้อนความงามทางด้านศิลปะ ๓.๒ สะท้อนความรงุ่ เรืองของบา้ นเมอื ง ภมู ิ ปัญญา และ เกียรติภมู ิของชาติ ๓.๓ สะท้อนคณุ ธรรมหน้าท่ีและความสามคั คี

ข้อคิด

ข้อคิด ๑. ให้มีความรกั และภมู ิใจในศิลปะของ ชาติ ๒. ให้ตระหนักในหน้าท่ีของตนเอง ๓. ให้เหน็ ความสาคญั ของความ สามคั คี ๔. ให้เกิดความจงรกั ภกั ดีต่อ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook