Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 6 บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานกีฬากรีฑา

6 บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานกีฬากรีฑา

Published by สิทธิศักดิ์ บุญหาญ, 2021-11-18 09:39:40

Description: 6 บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานกีฬากรีฑา

Search

Read the Text Version

แผนการสอนประจำบทท่ี 1 ความรู้พ้นื ฐานกฬี ากรีฑา เน้อื หา 1. ประวัติความเป็นมากฬี ากรีฑาในต่างประเทศ 2. ประวตั คิ วามเป็นมากฬี ากรีฑาในประเทศไทย 3. ประวัติการวง่ิ ระยะสน้ั 4. ประวัติการวงิ่ ผลัด 5. ประวตั กิ ารวิ่งข้ามรั้ว 6. ประวตั ิการว่ิงวบิ าก 7. ประวตั ิการกระโดดไกล 8. ประวตั ิการกระโดดสงู 10. ประวัตกิ ารกระโดดคำ้ 11. ประวตั กิ ารทุ่มน้ำหนัก 12. ประวัตกิ ารขว้างจักร 13. ประวัตกิ ารพุ่งแหลน 14. ประวัติการขว้างคอ้ น 15. ประวัติการเดิน 16. ประเภทของการแข่งขันกีฬากรีฑา 17. ประโยชน์ของการเล่นกฬี ากรีฑา 18. การนำกีฬากรีฑาไปใช้ในชีวติ ประจำวัน 19. ความปลอดภัยในการเล่นกีฬากรีฑา 20. การดูแลรักษาอุปกรณ์กีฬากรฑี า 21. มารยาทของนักกีฬากรีฑาท่ดี ี 22. มารยาทของผชู้ มกีฬากรีฑาทด่ี ี จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ หลังจากทผ่ี เู้ รยี นศึกษาความรู้พน้ื ฐานกีฬากรีฑาจบแลว้ ผู้เรยี นสามารถ 1. บอกความรู้เก่ียวกบั ประวัตคิ วามเป็นมากีฬากรฑี าในต่างประเทศและในประเทศไทย 2. อธิบายประโยชนข์ องการเลน่ กรีฑาได้ 3. บอกวิธีในการความปลอดภัยในการเลน่ กีฬากรฑี า 4. อธิบายการดูแลรักษาอุปกรณก์ ฬี ากรฑี า

2 5. เข้าใจมารยาทของนกั กฬี ากรฑี าท่ีดีและมารยาทของผู้ชมกฬี ากรีฑาทด่ี ี วธิ สี อนและกิจกรรมการเรยี นการสอน จำนวนช่วั โมงท่ีสอน 6 ชั่วโมง 1. ปฐมนิเทศการเรียนการสอน บอกจุดประสงค์รายวิชา เนื้อหาวิชา วิธีสอน เอกสาร ประกอบการศึกษาค้นคว้า การวัดผลและประเมินผล ตามที่กำหนดไว้ในแผนการสอนประจำรายวิชา แจกแนวการสอน พร้อมอธบิ าย ผสู้ อนและนักศกึ ษารว่ มสร้างข้อตกลงการเรยี น 2. สนทนา และซกั ถามเพื่อศึกษาพ้ืนฐานความรขู้ องผู้เรยี น 3. ผู้สอนบรรยายประกอบส่อื Power Point ประวตั ขิ องกรีฑา และให้นักศึกษารว่ มกัน แสดงความคิดเหน็ 4. แบง่ กลุม่ นกั ศึกษานออกเป็น 5 กลมุ่ ตามความสมัครใจแตล่ ะกลมุ่ เลอื กหวั หน้ากลุม่ และ ร่วมกันวางแผนค้นคว้าจากเอกสารคำสอนและตำราทเ่ี กี่ยวข้อง และนำเสนอหน้าชน้ั เรยี นในหัวข้อต่อไปน้ี กลมุ่ ที่ 1 ประวตั คิ วามเป็นมากีฬากรีฑาในตา่ งประเทศและในประเทศไทย กล่มุ ที่ 2 ประวัติการกีฬาประเภทต่าง ๆ กลุ่มที่ 3 ประโยชนข์ องการเลน่ กีฬากรีฑา กลุ่มท่ี 4 ความปลอดภัยในการเลน่ กฬี ากรีฑาและการดูแลรักษาอุปกรณ์กีฬากรีฑา กลุ่มท่ี 5 มารยาทของนกั กฬี ากรีฑาท่ีดีและมารยาทของผชู้ มกีฬากรีฑาทดี่ ี 5. ให้แตล่ ะกลุ่มเสนอผลงาน โดยกลุ่มอ่นื ๆ สามารถซักถามข้อสงสัยและบันทึกข้อมูลผสู้ อน อธิบายเพิม่ เติมและแก้ไขขอ้ บกพร่อง 6. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันปฏิบัติการสรุปเนื้อหาของบทเรียน และการวาดภาพแผนท่ี ความคิดความสำคัญของความร้พู ้นื ฐานกีฬากรีฑา 7. เปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รียนซกั ถามปัญหา และอภิปรายประเด็นปัญหาที่มกี ารซกั ถาม 8. ผู้เรยี นทำใบงานและทดสอบหลงั เรียน และแลกกนั ตรวจจากใบเฉลยคำตอบ 9. แนะนำเอกสาร ตำรา หนงั สอื ให้ผู้เรียนศึกษาเพ่ิมเติมนอกเวลาเรียน 10. มอบหมายให้ผู้เรียนหาความรูใ้ นการเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกายนักกรีฑานำส่งผู้สอน สัปดาหถ์ ดั ไป 11. ผูส้ อนสรุปเน้ือหาท้งั หมด

3 ส่ือการเรียนการสอน เอกสารคำสอน วชิ าทกั ษะและการสอนกีฬากรีฑา บทท่ี 1 1. คอมพวิ เตอร์ และโปรเจคเตอร์ 2. Power point นำเสนอเน้ือหาประจำบท 3. เครอื่ งฉายภาพ 3 มิติ 4. กระดานไวท์บอร์ดและปากกาเขยี นไวทบ์ อรด์ 5. ใบงานที่ 1.1 , ใบงานท่ี 1.2 6. แบบฝกึ หัดท้ายบท และใบเฉลยคำตอบแบบฝกึ หัดทา้ ยบท การประเมินผล 1. ประเมนิ จากการสงั เกตพฤติกรรมการมีสว่ นร่วมในช้ันเรยี น 2. ประเมนิ จากการสังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนร่วมในกลุ่ม 3. ประเมนิ จากการซกั ถามและการตอบคำถามของนกั ศึกษา 4. ประเมินจากแบบทดสอบท้ายบท 5. ประเมินจากแบบฝึกหดั ท้ายบท 6. ประเมนิ จากคณุ ภาพของชนิ้ งานและการนำเสนอ

4 บทท่ี 1 ความรู้พื้นฐานกฬี ากรีฑา กรีทา (Athletics) เป็นกีฬาต้นแบบทม่ี กี ำเนดิ มาตั้งแตส่ มัยโบราณกาลดว้ ยการใช้ ทักษะพ้ืนฐาน การเคลื่อนไหวและการเคลื่อนที่ของมนุษย์อันประกอบด้วยเดิน ว่ิง กระโดด ทุ่ม พุ่ง และขว้าง มาจัดเป็น กิจกรรมสำหรับการฝึกซ้อมและการแข่งขัน กรีฑานับเป็นกีฬาที่เก่าแก่ท่ีเกิดมาพร้อมกับมนุษย์ โดยเป็น กจิ กรรมที่มนุษยใ์ นสมยั ดึกดำบรรพ์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันไมว่ ่าจะเป็นการวิ่ง การเดิน การล่าสัตว์ การหลบหลีก การกระโดด การพุ่ง การขว้าง เป็นต้น ซ่ึงปัจจุบันได้นำทักษะเบื้องต้นการเคลื่อนไหว เหล่าน้ี มาประยุกต์เป็นการแข่งขันกรีฑาในประเภทต่าง ๆ ซึ่งถือได้ว่ากรฑี าเป็นกีฬาที่เป็นพ้ืนฐานการ เคลอ่ื นไหวและพ้นื ฐานของความแข็งแรงในการเลน่ กีฬาชนิดอน่ื ๆ อีกด้วย ประวตั ิความเปน็ มากีฬากรฑี าในต่างประเทศ กรีฑาเป็นกีฬาทม่ี ีกำเนิดมาต้ังแต่สมัยโบราณกาล มกี ารพัฒนามาเปน็ ลำดบั ดังต่อไปนี้ หนังสือครบรอบ 80 ปีสหพันธ์กรีฑานานาชาติ (IAAF 80 Years for Athletics, 1992, p. 14-16) กล่าวว่า ส่ิงจำเป็นอย่างหนึ่งของบรรพบุรุษมนุษย์ยุคแรก ๆ ท่ีต้องกระทำเพ่ือความอยู่รอด ของชีวิตและเผ่าพันธ์ุ คือ การล่าสัตว์ การหลบหนีเอาตัวรอด และการต่อสู้กับศัตรู ซ่ึงความสำเร็จ เหล่าน้ีจะเกิดข้ึนได้ย่อมต้อง อาศัยความเร็ว ความแคล่วคล่องว่องไว และความแขง็ แรงจึงจะอยู่รอด ได้ ประกอบกับผู้ที่อยู่รอดไดแ้ ละมี ความสามารถมากกว่าก็ย่อมมีฐานะทางสังคมที่ดีกว่า จึงเป็นความ จำเป็นของชีวิตที่ต้องฝึกฝนให้มี ความเร็ว ความแคล่วคล่องว่องไว และความแข็งแรง ต่อมากไ็ ด้นำ ทักษะที่ฝึกฝนมานั้นแข่งขันกันซ่ึงถือว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันกีฬา การจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยโบราณคร้ังแรกเกิดขึ้นเมื่อ 1,200 ปี ก่อนคริสตกาล โดย ประชากรจากเมืองต่าง ๆ ในประเทศกรีซได้ร่วมชุมนุมกันจัดการแข่งขันข้ึน ผู้ชนะ จะได้รับเกียรติ อันย่ิงใหญ่ ได้รับการจารึกชื่อไว้หลายคนและปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน ช่ือเก่าแก่ท่ีสุดที่ได้ จารึกไว้คือ โคโรโบส (Korobos) ผู้ชนะเลิศกีฬาโอลิมปิกสมัยโบราณเมื่อ 776 ปีก่อนครสิ ตกาล ด้วยการวิ่ง ระยะ ทาง 1 Stade (192 เมตร) และคำจารึกก็ได้กล่าวถึงสนามกีฬาทันสมัยท่ีได้สร้างขึ้นด้วย 708 ปีก่อน คริสตกาล ปัญจกีฬาได้รับการบรรจุในกีฬาโอลิมปิกสมัยโบราณ รายการที่แข่งขัน คือ การว่ิง กระโดดไกล ขว้างจักร พุ่งแหลน และมวยปล้ำ ในการแข่งขันกระโดดไกลน้ันชาวกรกี โบราณจะถือน้ำหนักไว้ในมือเพ่ือ ใช้เหวี่ยงไปข้างหน้าเม่ือกระโดดเพื่อเพ่ิมความไกล การแข่งขันขว้างจักรเป็นที่นิยมมากของชาวกรีกยุคต้น ๆ ท้ังชาวอีทรสั แคน (Etruscan) และ ชาวโรมัน จากหลักฐานรูปปั้นนักขว้างจักรท่ีปั้นโดยไมรอน (Myron) ส่ิงหนึ่งที่สังเกตได้คือ ตัวจักร จะใหญ่กว่าและหนักกว่าจักรที่ใชอ้ ยู่ในปัจจุบัน เป็นที่น่าเชื่อว่าจะหนักถงึ 7 กโิ ลกรมั แต่กไ็ ม่มี หลักฐานการบันทึกเกี่ยวกับกติกาและสถิต 393 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิธีโอดอซิอุส (Theodosius) ซ่ึงเป็นจักรพรรดิโรมันองค์สุดท้าย ท่ีได้ครอบครองกรีก ไดม้ ีคำส่ังใหย้ กเลิกการแข่งขันกีฬา

5 โอลิมปิกสมัยโบราณลง เน่ืองจากก่อนหน้าน้ัน จุดมุ่งหมายได้เปล่ียนไปจากเดิม โดยผู้เล่นจะหวังสินจ้าง รางวัล ผู้ชมจะหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนัน กีฬาโอลิมปิกสมัยโบราณจึงยุติลงอย่างส้ินเชิงเป็นเวลานาน ถงึ 1,400 ปี การแข่งขันกีฬาได้เร่มิ ต้นใหม่ในประเทศอังกฤษท่ีโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิรสต์ (Royal Academy of Sandhurst) ในยุคปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรม มีหลักฐานจากบันทึกผลการแข่งขันตั้งแต่ ค.ศ. 1810 (พ.ศ. 2353) ในมหาวิทยาลัยท่ีมีช่ือเสียงแห่งเมืองเคมบริดจ์และออกซ์ฟอร์ด (Cambridge and Oxford) ได้จัดให้มีการแขง่ ขันกรีฑาใน ค.ศ. 1857 (พ.ศ. 2400) และ ค.ศ. 1860 (พ.ศ. 2403) ตามลำดบั 20 ปีต่อมา ใน ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) กีฬาได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และสมาคมกรีฑา สมัครเล่น (Amateur Athletic Association) ก็ได้ก่อต้ังข้ึนกรีฑาสมัยใหม่เร่ิมต้นเม่ือคริสต์ศตวรรษท่ี 19 ในประเทศอังกฤษ รายการแข่งขันเก่า ๆ ยังคง ไว้เหมือนเดิมและเพิ่มรายการใหม่ ๆ เข้าไป คือ วิ่งข้ามรั้ว วิ่งวิบาก ว่ิง ระยะไกล กระโดดสูง เขย่ง ก้าวกระโดด ขว้างก้อน และทุ่มลูกน้ำหนัก การแข่งขันวิ่งข้ามร้ัวเร่ิมต้นในต้น คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยจัดการแข่งขันตามโรงเรียนใน ประเทศอังกฤษต้ังแต่ ค.ศ. 1837 (พ.ศ. 2380) แต่ไม่มีกฎหรอื กติกาเก่ยี วกับจำนวนร้ัว ความสูง ของร้ัว ระยะห่างระหว่างรั้ว และระยะทางวิง่ เชื่อว่า การแข่งขันอย่างเป็นทางการคร้ังแรกท่ีบันทึกไว้ คือการแข่งขันใน ค.ศ. 1853 (พ.ศ. 2396) ผู้ชนะเลิศ คือ A.W.T. Daniel วิ่งระยะทาง 120 หลา ด้วย สถิติ 17.5 วินาที ใน ค.ศ. 1866 (พ.ศ. 2409) กติกากำหนดให้ ใช้ร้ัว 10 ตัว ความสูง 3.5 ฟุต ตัวรั้วนั้นใช้ไม้ปัก ลงในดินเปน็ เสา 2 ต้น แล้วจึงเชือกระหว่างเสาให้ตึง ถ้านักว่ิงคนใตซนรั้วก็มักจะหกล้มแทนที่รั้ว จะล้ม ว่ิงวิบากที่เรารู้จักมีพัฒนาการมาจากว่ิงข้ามทุ่งซ่ึงได้รับ ความนิยมมากในเกาะอังกฤษตั้งแต่ ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) ระยะทางสำหรับแข่งขันยังไม่ได้กำหนด ใหช้ ดั เจน จนกระท่งั ค.ศ. 1920 (พ.ศ. 2463) จึงมีการกำหนดระยะทางอย่างเปน็ ทางการสำหรบั การแขง่ ขัน ในกฬี าโอลมิ ปิกคือ 3,000 เมตร (อานัต หตั ถา, 2557, น. 1-3) กีฬาโอลิมปิกสมัยโบราณไม่มีการแข่งขันวิ่งระยะไกล แต่กีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่มีการแข่งขัน วิง่ มาราธอน (Marathon) ซงึ่ มีต้นกำเนิดจากเด็กหนมุ่ ผู้ว่งิ สง่ ขา่ วช่ือ ฟีดิปปิเดส (Feidippides) เมื่อ 490 ปี ก่อนคริสตกาล เขาวิ่งจากมาราธอนถึงกรุงเอเธนส์เพ่ือนำข่าวชัยชนะจากการรบกับกองทัพ เปอร์เซีย ไปแจ้งยังกรุงเอเธนส์ ระยะทางระหว่างมาราธอนถึงกรุงเอเธนส์ประมาณ 42,000 เมตร จากผลการว่ิง อันยิ่งใหญ่นี้ทำให้ชาวฝรั่งเศสชื่อ ไมเคิล บรีล (Michel brea) นำเสนอการแข่งขัน ว่ิงมาราธอนและได้รับ การบรรจุในโปรแกรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ คร้ังที่ 1 ค.ศ. 1896 (พ.ศ. 2439) ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซการแข่งขันว่ิงมาราธอนคร้ังแรก ๆ ยังไม่ได้กำหนดระยะทางให้ชัดเจน แต่ปัจจุบันน้ีใช้ระยะ ทางที่เป็นมาตรฐาน คือ 42.195 กิโลเมตร ซ่ึงใช้อย่างเป็นทางการคร้ังแรกในกีฬาโอลิมปิก คร้ังท่ี 8 ค.ศ. 1924 (พ.ศ. 2467) ณ กรุงปารีส ประเทศฝร่ังเศส แต่ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร ก็เคยใช้ มาก่อน อย่างไม่เป็นทางการในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 4 ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2451) ที่กรุง ลอนดอน ประเทศอังกฤษกระโดดสูงมีกำเนิดจากเกาะอังกฤษในคริสต์ศตวรรษท่ี 19 ส่วนเขย่งก้าวกระโดดน้ัน สันนิษฐาน ว่ากำเนิดในไอร์แลนด์และเป็นที่นิยมของชาวไอริชในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี 19 รายการ แข่งขันทั้งสองนี้ ได้รับการบรรจุในกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ตั้งแต่คร้ังที่ 1 ท่ีกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ค.ศ. 1896 (พ.ศ. 2439)

6 ทุ่มลูกน้ำหนักก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่กำเนิดจากเกาะอังกฤษ ในยุคแรก ๆ ใช้ก้อนหินหนัก 14 ปอนด์ (6.24 กิโลกรัม) แต่เป็นน้ำหนักท่ีไม่ค่อยแน่นอน ต่อมาในกลางศตวรรษที่ 18 จึงได้มีการนำ ลูกเหล็กกลมมาใช้แทนก้อนหนิ และในศตวรรษตอ่ มากไ็ ด้เปลี่ยนรูปทรงของพื้นท่ีท่ีใช้ทำการทุ่มจากรูป สี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นรูปวงกลม ขว้างก้อนก็ถือกำเนิดจากเกาะอังกฤษเช่นกัน ค้อนเป็นเคร่ืองมือที่ใช้ ในชีวิตประจำวัน เมื่อเลิก งานก็นำมาขว้างแข่งขันกันว่าใครจะขว้างได้ไกลที่สุด แข่งขันกันมาตั้งแต่ คริสต์ศตวรรษที่ 16 สำหรบั ตน้ แบบการขว้างกอ้ นสมัยใหมเ่ กดิ ในสกอตแลนด์ การแข่งขันว่ิงผลัดในโลกสมัยใหม่เกิดจากแนวคิด “ม้าด่วน” (Pony Express) ท่ีมีช่ือเสียง ดว้ ยวิธีการจัดทีมนกั ข่ีม้าเป็นม้าผลัดส่งต่อ ๆ กันไปตามเส้นทางที่ทุรกันดารและห่างไกลของสหรัฐอเมริกา ตอนเหนือเพอื่ ส่งจดหมายและพัสดไุ ปรษณยี ์ นักขี่มา้ เหล่านั้นต้องเผชญิ กับภยั อันตรายตา่ ง ๆ อยเู่ สมอ ซ่งึ ความกล้าหาญของเขาเหล่านั้นยังคงฝังแน่นอยใู่ นใจคนอเมริกันมาจนกระท่ังทุกวันนี้ และนบั เป็นหนึ่ง ตำนานของคนอเมรกิ ันท่ีทำให้การแข่งขันวงิ่ ผลดั เป็นทน่ี ยิ มของชนอเมริกันมากกว่า ประเทศอื่น แม้ว่า การแข่งขันกีฬาประเภทรวม (Combined Events) จะมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก สมัยโบราณ แต่ก็ไม่มีการแขง่ ขันในกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ในครั้งต้น ๆ เพ่ิงจะมีการแข่งขันปัญจกรฑี า และทศกรีฑา เมื่อโอลิมปิกคร้ังที่ 5 ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2455) ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ปัญจกรีฑาประกอบด้วย กระโดดไกล พุ่งแหลน วิ่ง 200 เมตร ขว้างจักร และว่ิง 1,500 เมตร ผู้ชนะ เลิศคือผู้ที่ได้อันดับท่ีรวมกัน น้อยที่สุด ปัญจกรีฑากับการตัดสินแบบนี้คงอยู่จนกระทั่ง ค.ศ. 1924 (พ.ศ. 2467) กีฬาโอลิมปิก ครั้งท่ี 8 ณ กรุงปารีส ประเทศฝร่ังเศส ทศกรีฑาถือกำเนิดในไอรแ์ ลนด์เม่ือช่วงกลางของคริสต์ศตวรรษ ที่ 19 และข้ามไปได้รับ ความนิยมในสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียเป็นผู้ริเริ่มให้ทศกรีฑา บรรจุในกีฬาโอลิมปิก ครั้งท่ี 5 ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2455) ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดนและการตัดสิน ได้เปลี่ยนเป็น การใช้คะแนน ผู้ชนะเลิศคือผู้ท่ีทำคะแนนได้สูงสุด ตารางคะแนนได้สร้างความต่ืนตัว ให้กับนักกีฬา และมีการปรับปรุงอุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต่อจากนั้นทศกรีฑา ก็ไม่มีการ เปลี่ยนแปลงอะไรอีก การทำให้กีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่เกิดขึ้นนั้น มีแนวคิดมาตั้งแต่กลาง คริสต์ศตวรรษท่ี 19 ค.ศ. 1858 (พ.ศ. 2401) โดยอีฟานจโี ลส แซปปา (Evangelos Zappa) ชาวกรีก ได้วางแผนงานสำหรับ การจัดกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ขึ้น และได้ใช้ในปีต่อมาด้วยการจัดแข่งขันกีฬา ในตลาดของกรุงเอเธนส์ (อานัต หตั ถา, 2557, น. 4) การแข่งขนั ครั้งต่อมาจดั ขนึ้ ใน ค.ศ. 1870 (พ.ศ. 2413) และอกี ครั้งหนงึ่ ค.ศ. 1875 (พ.ศ. 2418) คร้ังนี้จัดในสนามกีฬา แต่แข่งขันกันเฉพาะประชากรชาวกรีกเท่าน้ัน ค.ศ. 1896 (พ.ศ. 2439) การกลับมา ของกีฬาโอลมิ ปิก หลังจากที่กีฬาโอลิมปกิ สมัยโบราณ ยุตไิ ป 1,400 ปี ได้มีบุคคลสำคัญซ่ึงเป็นผู้ทำให้กีฬา โอลิมปิกกลับฟ้ืนคืนมาใหม่ คือ บารอน ปิแอร์ เดอ คูแบรแ์ ตง (Pierre de Coubertin, 1863-1937) ชาวฝร่ังเศส เป็นนักประวัติศาสตร์และครู เขาเป็นผู้ริเริ่มการจัดการแข่งขันกีฬาท่ีทันสมัยและเป็น นานาชาติ เขาศึกษาเรื่องการกีฬาของประเทศ อังกฤษและได้เข้าร่วมการขุดค้นทางโบราณคดีท่ีสนามกีฬา โอลิมปิกสมัยโบราณ สนามโอลิมเปีย (Olympia) ในฐานะเลขาธิการของสมาคมกีฬาแห่งประเทศฝร่ังเศส เขาได้เชิญชวนบุคคลสำคัญของ ประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม ณ มหาวิทยาลัยซอร์โบน (Sorbonne)

7 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ใน ค.ศ. 1894 (พ.ศ. 2437) ผลการประชุมทำให้คณะกรรมการโอลิมปิก นานาชาติก่อตั้งข้ึนโดยมี ดีเมตริอุส วิเคลาส์ (Demetrius Vikelas) ชาวกรีกเป็นประธาน และลงมติ เห็นชอบโดยพร้อมเพรียง กันให้ประเทศกรีซจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นประเทศแรกใน ค.ศ. 1896 (พ.ศ. 2439) ณ กรงุ เอเธนส์ (อานัต หตั ถา, 2557, น. 5) สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ หรือ IAAF ก่อต้ังขึ้นเม่ือวันท่ี 17 กรกฎาคม 1912 โดยมีการ ประชุมครั้งแรกที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เดิมทีน้ันใช้ช่ือว่า สหพันธ์กรีฑาสมัครเล่นนานาชาติ (International Amateur Athletics Federation) จนเม่ือเดือนตุลาคม 1993 ก็ได้ย้ายสำนักงานมาอยู่ที่ ประเทศโมนาโก และในปี 1982 IAAF ก็ได้ผ่านกฎเกณฑ์เกี่ยวกับค่าตอบแทนท่ีได้รับในการร่วมการ แข่งขันกรีฑานานาชาติ จึงได้มีการเปลี่ยนคำว่า “สมัครเล่น” และใช้ช่ือว่า International Association of Athletics Federations (IAAF) ตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา ซึ่งมี เซบาสเตียน โค ดำรงตำแหน่งเป็นประธาน ของ World Athletics คนปัจจุบันและจากการประชุมสภา IAAF คร้ังที่ 217 ที่ประเทศโมนาโก เม่ือเดือน มิถุนายน 2019 ท่ีผ่านมา ทางคณะกรรมการของ IAAF ได้มีการอนุมัติให้มีการเปลี่ยนชื่อและโลโก้ใหม่ของ องค์กรอีกคร้ังเป็น World Athletics ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงคร้ังใหญ่สำหรับวงการเลยทีเดียว ชื่อใหม่ World Athletics นั้นถูกต้ังขึ้นจากการปรับโครงสร้างองค์กรตามระเบียบวาระของการปฏิรูปองค์กร ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เพื่อความทันสมัย สร้างสรรค์ และดูเป็นมิตรมากขึ้น ทำให้กีฬากรีฑานั้นเข้าถึง กลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้าง และในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้องค์กรพันธมิตรท่ีเก่ียวข้องทั่วโลกสามารถ สื่อสารถึงภารกิจที่ดำเนินการอยู่นั้นได้ชัดเจนยิ่งข้ึน ในฐานะผู้นำองค์กรของกีฬาที่มีคนเข้าร่วมมากท่ีสุด ในโลก และคาดหวังว่าแบรนด์ใหม่น้ีจะช่วยดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจและเข้าร่วมแข่งขันกีฬากรีฑา มากขึ้น ซ่ึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวขององค์กรกีฬากรีฑาเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล และในเวลา เดียวกันก็ได้มุ่งเน้นไปท่ีตัวนักกีฬา ซ่ึงเปรียบเสมือนฮีโร่ของกีฬากรีฑามากขึ้น” ช่ือ IAAF น้ันเป็นที่รู้จัก มานานกวา่ 100 ปีแล้วก็จริง แต่ก็มีความเขา้ ใจหรือมีบทบาทเก่ียวข้องกับผู้ที่อยู่นอกเหนือจากวงการกฬี า กรฑี าน้อยมาก ด้วยโลโก้แบบใหม่นี้จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์ท่ีสามารถนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น รวมถึงสามารถใช้ร่วมกบั พันธมติ รและกจิ กรรมต่างๆ ได้อกี ด้วย ซึ่งแบรนด์ใหมข่ อง World Athletics นั้นได้เปิดตัวและเริ่มนำไปใช้แล้วหลังจากจบงาน IAAF World Athletics Championships Doha 2019 ท่ีเมืองโดฮา ประเทศการ์ตา เม่ือเดือนตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา โดยทยอยปรับรูปแบบที่หน้าเว็บไซต์ รวมถึงเอกสารต่าง ๆ และได้เปล่ียนมาเป็น World Athletics อย่างเต็มตัว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 เปน็ ตน้ มา ถือเป็นการเปลย่ี นแปลงวงการกฬี ากรฑี าโลกครง้ั สำคัญ ประวัติความเป็นมากีฬากรีฑาในประเทศไทย สถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการพัฒนากีฬา (2557, น. 8) ได้กล่าวประวัติ ความเป็นมาของกรีฑาในประเทศไทยไว้ดังนี้ การแข่งขันกรีฑาในประเทศไทยน้ัน กระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) ได้จัดให้มีการแข่งขันกรฑี านักเรียนข้ึนเป็นครั้งแรก ในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2440 ทีท่ ้องสนามหลวง ในพิธีเปิดการแข่งขนั ครัง้ น้นั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว

8 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานเปิดการแข่งขัน และทอดพระเนตรการแข่งขัน นับตั้งแต่น้ันเป็นต้นมา กระทรวงธรรมการได้จัดให้มีการแข่งขันกรีฑา นกั เรียนประจำทุกปตี ลอดมา ปี พ.ศ. 2476 รัฐบาลได้จัดต้ังกรมพลศึกษาขึ้น โดยมีนโยบายส่งเสริมการกีฬาของชาติ ให้เจริญกา้ วหน้ายงิ่ ขนึ้ หลังจากกอ่ ตั้งกรมพลศึกษาแล้ว กฬี าและกรีฑากไ็ ดร้ บั การสนับสนนุ มากย่ิงข้ึน โดยจดั ให้มกี ารแข่งขันกรฑี าระหว่างโรงเรยี น ระหวา่ งมหาวิทยาลยั และกรีฑาประชาชน ปี พ.ศ. 2484 การแข่งขันกรีฑานักเรียนประจำปี ได้ย้ายมาแข่งขันในกรีฑาสถาน (สนามศุภชลาศัย) เปน็ ครัง้ แรก โดยได้ปรับปรงุ สนามและด้านอำนวยการแขง่ ขนั ให้เปน็ ไปตามกตกิ ากรีฑาระหว่างประเทศ มากท่ีสุด เช่น ใช้เครื่องวัดกำลังลม เคร่ืองตรวจทิศทางลม เคร่ืองกดนาฬิกาด้วยไฟฟ้า เปลี่ยนการแต่งกาย เครื่องแบบของกรรมการตัดสินมาเป็นชุดขาวล้วน เริ่มมีการบันทึกและรับรองสถิติที่นักกีฬาทำข้ึน ในสนามมาตรฐานแห่งนี้ ปี พ.ศ. 2494 ได้มีการจัดต้ังสมาคมกรีฑาสมัครเล่นแห่งประเทศไทยข้ึน ซึ่งอยู่ในความอุปการะ ของกรมพลศึกษา มีหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบแทนกรมพลศึกษา จัดดำเนนิ การแขง่ ขันกรีฑามหาวิทยาลัยและ ประชาชนและในปีเดียวกันนี้ประเทศไทยยังส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 1 ทีก่ รงุ นวิ เดลี ประเทศอนิ เดีย ต่อมาประเทศไทยยงั ได้รับเกียรติ เป็นเจ้าภาพจดั การแขง่ ขนั กฬี าเอเชยี่ นเกมส์ ถึง 4 คร้ัง คอื เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 5 ในปี พ.ศ. 2509 ครั้งที่ 6 ในปี พ.ศ. 2513 ครั้งที่ 8 ในปี พ.ศ. 2521 และครั้งท่ี 13 ในปี พ.ศ. 2541 ปี พ.ศ. 2495 ประเทศไทยได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์เป็นครั้งแรก ในการแข่งขันโอลิมปิก ครั้งที่ 5 ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมีนกั กีฬากรีฑาเข้าร่วมการแข่งขัน 8 คน และเจ้าหน้าท่ี 5 คน รวม 13 คน ปี พ.ศ. 2507 ได้จดั ต้ังองคก์ ารสง่ เสริมกฬี าแห่งประเทศไทยข้ึน มหี น้าท่ีรับผิดชอบในการส่งเสริม กีฬาประชาชน โดยจัดให้มีการแข่งขันกรีฑาและกีฬาต่าง ๆ เป็นประจำทุกปี ซ่ึงเรียกกันโดยท่ัวไปว่า “กฬี าชาติ” และถือว่ากรฑี าเป็นกฬี าหลกั ทีต่ ้องจดั ให้มีการแข่งขันทุกครง้ั ปี พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสมาคมกรีฑาสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี พ.ศ. 2510 องค์การส่งเสริม กีฬาแห่งประเทศไทย ได้เร่ิมจัดการแข่งขันกีฬาเขตข้ึน (กีฬาแห่งชาติ ในปัจจุบัน) มีการแข่งขันทุกปี หมุนเวียนไปตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อขยายการกีฬาให้ครอบคลุมทั่วทุกภาคและคัดเลือกนักกีฬาดีเด่นไว้ แข่งขันกีฬาระหว่างชาติต่อไป ปี พ.ศ. 2528 เปล่ียนชื่อจาก องค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย เปน็ “การกีฬาแห่ง-ประเทศไทย” ปี พ.ศ. 2540 การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ปรับปรุงรูปแบบการ แข่งขันกีฬาแห่งชาติ ในระบบใหม่ เป็นการแข่งขันระดับตัวแทนจงั หวัดสู่การเป็นตัวแทนระดับภาค โดยมีการจัดการแข่งขัน 2 ปี ต่อคร้ัง ระบบใหม่น้ีเร่ิมใช้คร้ังแรกในกีฬาแห่งชาติ คร้ังท่ี 32 ในปี พ.ศ. 2543 ทกี่ รงุ เทพมหานคร

9 สอดคล้องกับอานัติ หัตถา (2557, น. 7) ได้กล่าวถึง ประวัติกรีฑาของประเทศไทยดังนี้ กรีฑาในประเทศไทย (อ้างใน 111 ปี กรฑี าไทย 60 ปี สมาคมกรีฑาฯ, 2551 : 13) เรมิ่ ในสมัยรชั กาล ท่ี 5 โดยครูชาวอังกฤษนำมาสอนนักเรียนไทยในโรงเรียนพระตำหนักวังสวนกุหลาบ นักเรียนได้ฝึกเล่น และแพร่หลายมากขึ้นเม่ือกระทรวงธรรมการ กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) เร่ิมดำเนินการเกี่ยวกับ การพลศึกษา การจัดการแข่งขันกรีฑาในประเทศไทยเร่ิมเม่ือพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จนิวัตกลับสู่ประเทศไทย หลังจากเสด็จประพาสยุโรป ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2440 กระทรวงธรรมการ คณะครูนักเรียนและประชาชนได้จัดการแข่งขันกรีฑา นักเรยี นและประชาชนข้ึน เป็นคร้ังแรกเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2440 ณ ท้องสนามหลวง (ทุ่งพระเมรุ) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง และเทิดพระเกียรติ นับได้ว่าเป็นการแข่งขันกีฬาคร้ังแรกของ ประเทศไทยและถือเป็นประเพณีที่ กระทรวงธรรมการหรอื กระทรวงศึกษาธิการไดจ้ ัดการแข่งขนั เปน็ ประจำทกุ ปแี ละกราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธาน การแข่งขันเสมอมา [บันทึกจดหมาย เหตุเสด็จประพาสยุโรป ร.ศ. 116 เล่ม 2 หน้า 410-411 โดย พระยาศรีสหเทพ (เส็ง) ต่อมาใน พ.ศ. 2476 กระทรวงธรรมการได้ก่อตั้ง “กรมพลศึกษา” ข้ึนเมื่อ วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 เพ่ือทำหน้าที่เกี่ยวกับ การพลศึกษาและจัดการแข่งขันกรีฑานกั เรียน และประชาชนรบั ชว่ งต่อจากกระทรวงธรรมการนับแต่ นนั้ มา สมาคมกรีฑาสมัครเล่นแห่งประเทศไทยก่อต้ังขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2491 โดยท่านมหาเสวกโทพระยา จินดารักษ์ อธิบดีกรมพลศึกษา (พ.ศ. 2488-2490) เป็นนายกสมาคมกรีฑาฯ พันเอก เผชิญ นิมิบุตร นายกอง วสิ ุทธารมณ์ เป็นกรรมการ นายสวัสดิ์ เลขยานนท์ เป็นเลขานกุ าร สมาคมกรีฑาฯ สมัครเป็น สมาชิกสหพันธ์กรีฑาสมัครเล่นนานาชาติ International Amateur Athletic Federation/IAAF] ใน พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) ต่อมาวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2546 เปลี่ยนชื่อเป็น สมาคมกรีฑาแห่ง ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สกท.) [Athletic Association of Thailand, Patron: His Majesty The King (AAT)] ประวัติการวง่ิ ระยะสัน้ (Sprints) การว่ิง (Running) มีหลายประเภท ในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตร เป็นระยะทางที่ส้ันท่ีสุด ทีแ่ สดงถึงความเร็วของมนษุ ย์ การแข่งขันครงั้ แรกเรมิ่ ดว้ ยการวิง่ บนหญา้ ระยะทาง 100 หลา หลังจาก ได้รับอิทธิพลจากทวีปอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนระยะทางจากวิ่ง 100 หลา เป็นวิ่ง 100 เมตร โดยสมัยน้ัน นักวิ่งยังออกวิ่งด้วยการยืนออก ค.ศ. 1887 นายเอช เชอร์ริฟฟ์(H. Sherriff) ชาวอเมริกัน ได้เริ่มใช้ที่ ยันเท้าในการออกวิ่งซ่ึงเป็นเทคนิคที่แตกต่างกับท่าทางในปัจจุบันเล็กน้อย ค.ศ. 1928–1929 โค้ชกรีฑา ชื่อ นายจอร์จ เบรชนาห์นา (George Breshnahna) และนายวิลเลียม ทุตเทิล (William Tuttle) ชาวอเมริกันได้ประดิษฐ์ที่ยันเท้า(Starting Blocks) ทำให้การออกวิ่งดีขึ้นแต่ไม่สมัยนั้นทาง IAAF ไม่รบั รองสถิติการวงิ่ อย่างเป็นทางการ ถ้าไมม่ ีการวดั กระแสลมโดยได้กำหนดความเรว็ ลมไว้ตอ้ งไม่เกิน 2 เมตรต่อวินาที จึงจะรับรองสถิติ ส่วนการจบั เวลาด้วยเคร่ืองอิเล็กทรอนิกส์ เปน็ ท่ียอมรับของ IAAF

10 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1977 การนำเอายางสังเคราะห์ (Synthetic) มาทำสนามช่วยทำให้สถิติ ดีข้ึนและสามารถใช้ได้กับทุกสภาพอากาศการบันทึกสถิติโลกครั้งแรกของการวิ่งระยะทาง 100 หลา บนลู่ยางสังเคราะห์ในปี ค.ศ. 1963 โดยนายบ๊อบ เฮส์ (Bob Hayes) ทำเวลา 9.1 วินาที รูปแบบท่าทาง ในการว่ิงระยะต่าง ๆ ส่วนมากมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามการแสดงออกซึ่ง ความสามารถ จะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับท่าทางการว่ิงที่ถูกต้องเป็นสำคัญ การท่ีผู้ฝึกสอนกีฬา บางท่านหรือนักกีฬาบางคนพยายามฝึกเลียนแบบนักกีฬาหรือนักวิ่งที่มีชื่อเสียงของโลก โดยขาด การวิเคราะห์เปรียบเทียบลักษณะท่าทางอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของนักกีฬาแต่ละคน อาจจะ ก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ในทำนองเดียวกันลักษณะท่าทางการว่ิงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง มิได้ หมายความว่าจะเหมาะสมหรือสามารถนำไปใช้ในการฝึกให้กับผู้ที่มีลักษณะรูปร่างหรือองค์ประกอบ ทางด้านสมรรถภาพทางกายที่แตกต่างกันได้ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องมีการปรับรปู แบบท่าทางการวิ่ง ให้เหมาะสมกับร่างกายและคุณสมบัติของนักกีฬาแต่ละคน ลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวในขณะวิ่ง จึงสามารถใช้วิเคราะห์และจำแนกความเร็วในการวิ่งของนักกีฬาแต่ละคนได้เป็นอย่างดี คงจะเป็นการยาก ในการที่จะสรุปหรือยืนยันลงไปว่าท่าทางในการวิ่งท่ีสมบูรณ์แบบหรือดีท่ีสุดนั้นมีรูปแบบท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ เฉพาะตัวอย่างไร ท้ังนี้เพราะมีองค์ประกอบทเ่ี กย่ี วขอ้ งหลายประการ ซ่งึ ข้ึนอยูก่ ับคณุ สมบัติและลักษณะ เฉพาะตัวของนักกีฬาเป็นสำคัญ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนารูปแบบท่าทาง รวมทั้ง ความเร็วในการวิ่งให้กับนักกีฬาแต่ละประเภทได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ต่อไป (IAAF The Sport Running, 2020, น. 1–3) ประวตั กิ ารวิง่ ผลัด (Relay Racing) การว่ิงผลัด (Relay Racing) เร่ิมในอเมริกา เมื่อปี 1880 เป็นการแข่งขันการกุศลที่จัดข้ึนโดย เจ้าหน้าท่ีดับเพลิงของกรุงนิวยอร์ก ทำการวิ่งผลัดทุก 300 หลา ไม้คฑาสมัยนั้นยังเป็นไม้ขนาดความ ยาว 1 ฟุต การแข่งขันวิ่งผลัดในโอลิมปิกเริ่ม ปี ค.ศ. 1908 แบ่งเป็นประเภท 200 400 และ 800 เมตร ทีมท่ีชนะเลิศคอื ทีมอเมริกา โดยมีนักวิ่งคนสุดท้ายของทีมที่ได้รบั เหรยี ญแรกคือ นายจอห์น เทย์เลอร์ (John Taylor) ค.ศ. 1912 การแข่งขันว่ิงผลัด ประเภท 4 x 100 เมตร ได้บรรจุให้มีการแข่งขันในกีฬา โอลิมปิกที่กรุงสต๊อกโฮล์ม (Stockholm) การวิ่งผลัดประเภท 4 x 100 เมตร ที่ต้องรับไม้ในเขต 20 เมตร เกิดขึ้นครั้งแรกที่ทวีปยุโรป ต่อมาในปี ค.ศ. 1963 ได้ดัดแปลงให้ผู้รับสามารถลงไปในเขต 10 เมตร หลังเส้นเร่ิมรับ การแข่งขันกรีฑาประเภทวิ่งผลัด ความเร็วของแต่ละบุคคลมีส่วนช่วยในการ ประสบความสำเร็จในการแข่งขันและส่ิงสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือทางด้านเทคนิคการวางตัว ในการรับส่งไม้ การเร่ิมต้นออกวิ่ง(Start) การวิ่งทางโค้งหรือแม้ผู้ว่ิงคนใดจะวิ่งระยะทางมากน้อย เท่าไร เป็นต้น (World Athletics The Sport Relay, 2020, p. 1)

11 ประวัติการว่ิงขา้ มรว้ั (Hurdles) การวงิ่ ข้ามรั้วกำเนิดมาจากสมัยดึกดำบรรพ์ ซ่ึงมนุษย์ได้วงิ่ ข้ามก้อนหินหรือว่งิ ข้ามพุ่มไม้เตยี้ ๆ ซ่งึ เรยี งรายอยู่ตามทางท่ีเขาวงิ่ ผ่านเป็นระยะ ๆ ในขณะทเี่ ขาต้องการจะไปให้เร็วเพื่อหนสี ัตวร์ า้ ยหรือ ว่ิงล่าสัตว์ ในปัจจุบันการว่ิงข้ามก้อนหินหรือข้ามพุ่มไม้ได้กลับกลายมาเป็นกรีฑาประเภทวิ่งข้ามรั้ว หรอื ข้ามสิง่ กดี ขวาง ในการแข่งขนั ว่ิงข้ามรว้ั 110 เมตร สำหรับชาย เกดิ ขนึ้ คร้ังแรกที่ประเทศองั กฤษ ในราวปี ค.ศ. 1830 เป็นอกี รูปแบบหน่งึ ของการวง่ิ 100 หลา ที่มไี ม้เปน็ รวั้ กั้น ตอ่ มาในปี ค.ศ. 1864 ทเี่ มืองออกซ์ฟอร์ด (Oxford) และเมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) ไดเ้ ปลยี่ นระยะทางการวงิ่ จาก 100 หลา เป็น 120 หลา (109.72 เมตร) และมีร้ัว 10 ตัว สูง 3 ฟุต 6 น้ิว ค.ศ. 1888 ประเทศฝร่ังเศสได้เพ่ิม ระยะทางอีก 28 เมตร ทำให้มีระยะทางเต็ม 110 เมตร ค.ศ. 1895 รั้วทลี่ ม้ ได้ยากที่เคยใช้ในการแข่งขัน ได้ถูกเปล่ียนเป็นร้ัวท่ีสามารถล้มได้โดยมีโครงสร้างท่ีเบา มีฐานเป็นรูปตัวที (T-Shape) ทำให้ล้มไป ข้างหน้าได้และในสมัยน้นั นักกฬี าจะถกู ตัดสิทธถิ์ ้าวิ่งชนรว้ั มากกวา่ 3 ตัว และจะไม่มีการบันทึกสถติ ิ ถ้าชนมากกว่า 1 ตัว กติกาน้ีใช้จนถึง ปี ค.ศ. 1935 นักวิ่งข้ามรั้วที่มีชื่อเสียงคนแรก คือ นายอัลวิน เครน็ ซ์ไลน์ (Alvin Kraenzlein) ชาวอเมริกันทใ่ี ช้เทคนิคการวง่ิ ระหวา่ งรว้ั 3 ก้าว และต่อมา นายเอิรล์ ทอมป์สัน (Earl Thomson) ชาวแคนาดาทสี่ ามารถวิ่งข้ามรัว้ 110 เมตร ต่ำกว่า 15 วินาที รั้วรูปตัวแอล (Shaped) เร่ิมใช้เมือ่ ค.ศ. 1935 โดยร้ัวมีน้ำหนกั 8 ปอนด์ (3.63 กิโลกรัม) ซึ่งทำให้ลดการบาดเจบ็ ลงดว้ ย การวิ่งขา้ มรว้ั ประเภทหญงิ เร่ิมเม่ือ ค.ศ. 1926 โดยใชร้ ะยะทาง 80 เมตร ร้ัวสงู 76 เซนติเมตร และมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ค.ศ. 1932 เริ่มบันทึกสถิติ ค.ศ. 1934 โดยใช้ร้ัวสูง 84 เซนติเมตร ค.ศ. 1969 ทาง IAAF ได้เริ่มจัดการแข่งขันว่ิงข้ามร้ัวที่มีระยะทาง 100 เมตร รั้วสูง 84 เซนติเมตร ในการแข่งขันโอลิมปิก ค.ศ. 1972 เป็นตน้ มา ส่วนการแข่งขันวิ่งข้ามร้ัว 400 เมตร เร่ิมที่เมืองออกซ์ ฟอร์ด (Oxford) ประเทศอังกฤษ โดย ค.ศ. 1860 การแข่งขันยังใช้ระยะทาง 400 หลา ใช้รั้วไม้สูง 1.06 เมตร จำนวน 12 ตัว ฝังลงในดิน ค.ศ. 1900 ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ระยะทางเปล่ียนเป็น 400 เมตร ใช้รั้ว 10 ตัว สูง 91.4 เซนตเิ มตร ระหว่างร้ัวหา่ งกนั 35 เมตร รัว้ ตัวแรกห่างจากจดุ เร่มิ ต้น 45 เมตร และรั้วตวั สุดทา้ ยห่างจากเสน้ ชัย 40 เมตร ซึง่ ยังใช้อยูจ่ นถึงปัจจบุ นั สถิติโลกปัจจุบันคือ นายเควิน ยัง (Kavin Young) ชาวอเมริกัน เป็นท่ีรู้จักกันในนามของ “Spiderman” โดยทำเวลาไว้ 46.78 วินาที โดยเปลี่ยนจำนวนก้าวในการวิ่งระหว่างรั้วเหลือ 12-13 ก้าว โดยที่นักกีฬาคนอื่น ๆ ยังวิ่ง 13-14 ก้าว ส่วนการแข่งขันประเภทหญิง ครั้งแรกเริ่มใช้รั้ว 10 ตัว สูง 76 เซนติเมตร ค.ศ. 1971 และต่อมาทาง IAAF จัดให้มีการแข่งขัน ค.ศ. 1974 และค.ศ. 1983 ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งแรกในกรีฑา ชิงแชมป์โลก นักกีฬาได้รับเหรียญทองเหรียญแรกเป็นของ นางนาว์ล เอล มูกาวาเกล (Nawal el Moutawakel) ชาวโมร็อคโคซึ่งต่อมาไดร้ ับเลือกเปน็ กรรมการ หญิงของ IAAF คนแรกใน ปี ค.ศ. 1995 (World Athletics The Sport Hurdless, 2020, pp. 1-2)

12 ประวตั กิ ารวงิ่ วิบาก (Steeplechase) การแข่งขันคร้ังแรกเริ่มจัดขึ้นในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford) ค.ศ. 1850 โดยการ เลียนแบบการแข่งม้า โดยแข่งขันในระยะทางมากกว่า 2 ไมล์ (3218 เมตร) มีรั้วและสิ่งกีดขวางอ่ืน ๆ การวิ่งวิบาก แข่งขันครั้งแรกในประเทศอังกฤษ ค.ศ. 1879 และการจัดการแข่งขัน ในโอลิมปิกคร้ังแรก ค.ศ. 1900 คอื ระยะทาง 2,500 เมตรและ 4,000 เมตร ต่อมา ค.ศ. 1954 IAAF ได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐาน โดยให้วิ่งรอบสนาม 400 เมตร มีรวั้ สูง 0.914 เมตร และต้องข้ามบ่อน้ำขนาดกวา้ ง 3.66 เมตร คณู 3.66 เมตร ลกึ 70 เซนตเิ มตร และเป็นคร้ังแรก ท่ีมีการบันทึกสถิติโลก ปัจจุบันการวิ่งวิบาก มีระยะทาง 2,000 เมตรและ 3,000 เมตร ประเทศเคนยา (Kenya) เป็นประเทศท่ีชนะเลิศโอลิมปิกตั้งแต่ ค.ศ. 1984 โดยนักกีฬาชื่อนายโมเสส คิปเทนนี (Moses Kiptanni) เป็นแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันตั้งแต่ ค.ศ. 1991 ค.ศ. 1998 ได้มีการลงคะแนนให้มีการจัดการ แข่งขันประเภทหญิง หลังจากที่ประสบความสำเร็จระดับชาติมาก่อน การแข่งขันวิ่งวิบาก 3,000 เมตรหญิง มีการบันทึกสถิติโลก ในวันที่ 31 ธันวาคม 1999 (World Athletics The Sport Steeplechase, 2020, p. 1) ประวัตกิ ารกระโดดไกล (Long Jump) การกระโดดไกลมีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ซ่ึงมนุษย์สมัยหินใช้กระโดดข้ามลำธารน้ำเพื่อ ไล่จับสัตว์มาเป็นอาหาร หรือบางทีก็หนีสัตว์ กระโดดไกลเริ่มมีการแข่งขันต้ังแต่ 708 BC เป็นส่วนหน่ึง ของ Pentathlon โดยนักกฬี าจะต้องถือนำ้ หนังในมอื แต่ละข้าง การแข่งขนั กระโดดไกลในยคุ ใหม่เร่ิม ที่ประเทศอังกฤษและอเมริกา ค.ศ. 1860 โดยการกระโดดขึ้นจากพื้น(Take off) ที่กระดานเร่ิมกว้าง 20 เซนติเมตร ลงในบอ่ ทรายและมอื ไม่ตอ้ งถือน้ำหนัก การแข่งขนั กระโดดไกล มีการบันทกึ สถิติความ ไกลเมื่อ ค.ศ. 1876 โดยนายไอฟราเซอร์ (Ifraser) จากอเมริกา ทำไว้ 17 ฟุต 4 น้ิว ค.ศ. 1920 เรม่ิ มี เทคนิคการกระโดดแบบง่าย ๆ โดยการชักเข่า หลักจากกระโดดขึ้นจากพื้นและยืดขาไปข้างหน้าเวลา ลงในบ่อทราย ค.ศ. 1922–1927 ชาวอเมริกา ช่ือนายวิลเลียม เดฮาร์ท ฮับบาร์ด (William Dehart Hubbard) กระโดดไกลโดยใช้ท่า Hitchkick และว่ิงในอากาศ ซึ่งเทคนิคน้ียังใช้ในปัจจุบัน ส่วนการ แข่งขันประเภทหญิง เร่ิมที่อเมริกาใน ค.ศ. 1895 จนกระท่ัง ค.ศ. 1978 จึงจัดเข้าแข่งขันในกีฬา โอลิมปิกทกี่ รงุ ลอนดอน (London) (World Athletics The Sport Long Jump, 2020, p. 1) ประวัติการเขยง่ ก้าวกระโดด (Triple Jump) ต้นกำเนิดของการเขย่งก้าวกระโดดเกิดขน้ึ ในกรีกเปน็ ครงั้ แรก ในการกระโดดคร้ังน้ัน จะเน้น การกระโดดสามครั้งติดต่อกัน พวก Celts เป็นพวกท่ีสร้างรูปแบบการกระโดด เขย่ง ก้าว กระโดด ในลักษณะต่อเนื่องกัน ในช่วงปลายทศวรรษท่ี 19 ครั้งแรกในชนชาติ ไอริช (Irish) เป็นการกระโดด ในลักษณะ Hop Hop Jump โดยมี Hop 2 ครัง้ จากเท้าเดียวกนั จนถงึ ค.ศ. 1900 เปล่ียนมาเปน็ เขย่งก้าว

13 กระโดด (Hop Step Jump) กรีฑาประเภทเขย่งก้าวกระโดดนี้ ถือวา่ ผกู้ ่อกำเนิดคือพ่ีน้องตระกูลอาเฮิร์น (Ahearne) ชาวไอริชและกำหนดให้มีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ค.ศ. 1896 ณ กรุงเอเธนส์และ แชมป์โลกคนแรกได้แก่ นายเจ.บี คอนโนลี (J.B.Connolly) ชาวอเมริกัน ทำสถิติความไกลไว้เป็นครั้งแรก ในการแข่งขันคร้ังน้ัน 45 ฟุต สถิติผู้หญิง มีการจัดการแข่งขันในร่มท่ีอเมรกิ าในปี ค.ศ. 1899 ยังไม่มี การบันทึกสถิติอย่างเป็นทางการ การแข่งขันจัดให้มีประจำในประเทศสหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน จนกระทั่ง ค.ศ. 1990 จึงได้มีการบันทึกสถิติและจัดให้มีการแข่งขันชิงแชมป์โลกของ IAAF เริ่มใน ค.ศ. 1993 (World Athletics The Sport Triple Jump, 2020, p. 1) ประวตั กิ ารกระโดดสงู (High Jump) กำเนิดของการกระโดดสูง เริ่มมาตั้งแต่สมัยมนุษย์หินเช่นเดียวกับกระโดดไกล ต่อมาในยุค โบราณก็ไม่ปรากฏว่ามีการแข่งขัน แต่มีการฝึกในชาวเซลท์ (Celts) การแข่งขันครั้งแรกจัดขึ้น ในประเทศอังกฤษ ใน ค.ศ. 1840 ต่อมา ค.ศ. 1865 ได้อนุญาตให้ผู้แข่งขันกระโดดได้ 3 ครั้ง และ ห้ามถูกไม้ การกระโดดใช้เท้าคู่ไม่ได้และยังเป็นกฎกติกาที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน) ค.ศ. 1876 นายมารา ฮอลล์ บรุคส์ (Marahall Brook) ชาวเยอรมัน ได้ทำสถิติการกระโดดในความสูง 6 ฟุต (1.83 เมตร) ซ่ึงเป็นคร้ังแรกในการกระโดดใช้ขาเดียวท่ากรรไกร (Scissors) นำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยนายวิลเลียมเพจ (William Page) ชาวอเมรกิ นั ใน ค.ศ. 1874 ค.ศ. 1912 นายจอรจ์ โฮรนิ (George Horine) กระโดด ได้ 2 เมตร เป็นคนแรกด้วยท่าเวสเท็มโรลล์ (Westerm Roll) ค.ศ. 1925 IAAF ได้กำหนดให้ไม้พาด จะต้องวางในตำแหน่งท่ีสามารถตกลงง่าย ถา้ มกี ารถกู ไมพ้ าด ค.ศ. 1941 นายเลส สเตียร์ (Les Steers) ชาวอเมริกันกระโดดโดยใชท้ ่า Straddle Style หรือที่แปลตามลักษณะการกระโดดว่ายทา่ ขึ้นม้าและ เขาสามารถทำสถิติได้สูงถึง 2.11 เมตร ค.ศ. 1968 นายดิ๊ก ฟอสเบอร่ี (Dick Fosbury) ชาวอเมริกัน ไดค้ ิดคน้ ทา่ ใหม่เรียกวา่ ท่ากระโดดเอาหลังขึ้น สำหรับสถิติโลกคนปัจจุบัน คือ นายจาเวียร์ โซ โทมายอร์ (Javier so Tomayor) ชาวคิวบา ทำสถิติไว้ 2.45 เมตร โดยท่ีเขามีความสูงเพียง 1.93 เมตร สำหรับ ประเภทหญิง เริม่ ท่ีอเมริกาใน ค.ศ. 1895 และจัดใหม้ ีการแข่งขันโอลิมปิก ค.ศ. 1928 โดยมีการบันทึก สถิตคิ รั้งแรกใน ค.ศ. 1932 (World Athletics The Sport High Jump, 2020, p. 1) ประวัติการกระโดดคำ้ (Pole Vault) กำเนดิ และความเป็นมาของกระโดดค้ำ มคี วามคลา้ ยคลึงกับการว่ิงกระโดดไกลและการกระโดดสูง กล่าวคือ มนุษย์ในสมัยดึกดำบรรพ์ ซ่ึงในบางครั้งว่ิงหนีศัตรูหรือบางคร้ังก็ต้องเดินทางเพ่ือหาอาหาร ขณะเดินทางได้ใช้ไม้ค้ำหรือหอก แหลน หลาว ช่วยค้ำส่งตัวให้กระโดดได้ไกลข้ึนเพ่ือข้ามส่ิงกีดขวาง เช่น ห้วย เหว หรือลำธารท่ีกว้างไกลเกินกว่าที่จะกระโดดข้ามไปด้วยวิธีธรรมดาได้ ดังนั้นความมุ่งหมาย ของการกระโดดค้ำ ในสมัยดึกดำบรรพ์ จึงมุ่งเพื่อความไกลไม่ใช่เพ่ือความสูงดงั ในสมัยน้ี โดยกระโดด ค้ำเป็นท่ีรู้จักกันตั้งแต่ยุคกรีกโบราณในสมัยชนเผ่าเครตัน (Cretan) ได้ใช้ไม้ค้ำกระโดดข้ามวัว ต่อมา ได้พัฒนามาเป็นการกระโดดในแนวดิ่ง ค.ศ. 1850 เป็นครั้งแรกท่ีมีการแข่งขันกระโดดค้ำ โดยใช้ไม้ท่ี

14 หนักและแข็ง ทำจากพวกไม้มะกอก(Ash) และนักกฬี าสามารถสาวมือขึ้นไปจับข้างบน เพ่ือเพิ่มความ สูงได้ หลังจากเท้าทั้งสองพ้นพื้นและข้ามไม้พาดไปในท่านั่ง ไม่มีการหมุนตัว ซ่ึงการค้ำแบบน้ีเรียกว่า Pole Olimders ต่อมาใน ค.ศ. 1890 ได้เปล่ียนแปลงกติกาการค้ำใหม่ โดยห้ามสาวไม้ค้ำ หลังจากเท้า ทั้งสองพ้นพื้นแล้ว ค.ศ. 1900 มีการใช้ไม้ไผ่เบา ๆ เป็นไม้ค้ำ สถิติโลกครั้งแรกในการใช้ไม้ไผ่ คือ นายคอร์เนเลียส(Cornelius) ทำสถิติไว้ 4.77 เมตร ใน ค.ศ. 1942 และเร่ิมมีการใช้เบาะรองรับในปี เดียวกันนี้เอง ค.ศ. 1957 นายบ๊อบ กูโทว์สกี (Bob Gutowski) ได้เริ่มใช้ไม้ที่ทำจากอลูมิเนียม (Aluminium) และสร้างสถิติใหม่ด้วยความสูง 4.78 เมตร และสถิตินี้ด้วยความสูง 4.78 เมตร และสถิติ น้ีถกู ทำลายลง โดย นายดอน แบรก (Don Brag) ชาวอเมริกัน ซึ่งผู้ใช้ไม้ค้ำทำจากเหล็กกล้าด้วยความสูง 4.80 เมตร (World Athletics The Sport Pole Vault, 2020, p. 1) ประวตั กิ ารทุ่มนำ้ หนกั (Shot put) สมัยโบราณคนใช้หินทุ่ม จึงเรียกกีฬานี้ว่า “ทุ่มหิน” (Putting the Stone) ซึ่งเป็นที่นิยม แข่งขันมาก่อนในไอร์แลนด์และสก็อตแลนด์ โดยใช้ก้อนหินขนาด 1443 ปอนด์ เป็นรูปส่ีเหลี่ยมลูกบาศก์ ลบเหลี่ยมและมุม การแข่งขันในสมัยนั้นนักกีฬาสามารถทำสถิติได้ถึง 60 ฟุต เพราะกติกาไม่รัดกุม เหมือนปัจจุบัน กล่าวคือ ใช้วิธีว่ิงมาแล้วทุ่ม หรือขว้างไปโดยไม่ให้ลำตัวล้ำเส้นเริ่ม ผู้ทุ่มจะถอยหลัง ไปเร่ิมวิ่งมาไกลเท่าใดก็ได้ ในศตวรรษที่ 17 ทหารอังกฤษไดจ้ ัดให้มีการแข่งขันทุ่งลูกปืนใหญ่ กฎเกณฑ์ ของการแข่งขันครั้งแรกใน ค.ศ. 1860 การทุ่มให้ยืนบนพื้นรูปสี่เหล่ียมขนาด 7 ฟุต น้ำหนักใช้ในการ แข่งขัน 16 ปอนด์ (7.257 กิโลกรัม) โดยมีกติกาห้ามงอแขนในการทุ่มเพราะอันตรายเกินไป การแข่งขัน ต้องถือลูกทุ่มไว้ท่ีบรเิ วณคอ ก่อนการทุ่มออกไป ค.ศ. 1896 โอลิมปิก คร้ังท่ี 1 โรเบิร์ต กาเร็ต (Robert Garret) ชาวอเมรกิ ัน ชนะเลิศทุม่ ลกู นำ้ หนัก สถิติ 11.22 เมตร ค.ศ. 1904 โอลิมปิก ครั้งท่ี 3 ราลฟ์ โรส (Ralphrose) ชาวอเมริกัน ชนะเลิศทุ่มลูกน้ำหนัก สถิติ 14.81 เมตร ค.ศ. 1948 และ 1952 โอลิมปิก ครั้งที่ 14 และ 15 จิม ฟุคส์ (Jim Fuchs) ชาวอเมริกัน ได้อันดับที่ 3 ท้ัง 2 ครั้งด้วยสถิติ 16.42 และ 16.06 เมตร ทุ่มได้ไกล 58 ฟุต 10 นิ้ว โดยใช้ท่าเคลื่อนที่ทางด้านข้าง โดยใช้ขาข้างซ้ายเหวี่ยงนำ ค.ศ. 1952 และ 1956 โอลิมปิก คร้ังที่ 15 และ 16 แพรี โอไบรอัน (Parry O’Brien) ชาวอเมริกันได้ ใช้เทคนิคใหม่ ท่าถอยหลังทุ่ม ต่อมาเรียกท่านี้ว่า ท่าโอไบรอัน (O’Brien) ซึ่งสามารถหมุนตัวได้ 180 องศา เขาชนะเลิศท้ัง 2 ครั้ง ด้วยสถิติ 17.41 และ 18.57 เมตร ค.ศ. 1976 โอลิมปิก ครั้งที่ 21 อเล็กซานเดอร์ แบร์ชนิคอฟ (Aleksandr Baryshmikov) ชาวรัสเซียเป็นคนแรกที่ใช้เทคนิคการหมุน เช่นเดียวกับ การขว้างจักร เขาได้อันดบั ที่ 3 สถิติ 21.00 เมตร ส่วนการทุ่มลูกน้ำหนักครัง้ แรกของหญิง ใช้น้ำหนัก 4 กิโลกรัม จัดท่ีประเทศฝร่ังเศสและเร่ิมบันทึกสถิติของ IAAF ในโอลิมปิก ครั้งท่ี 14 ค.ศ. 1948 มิเชลีน ออสเตอร์มายเออร์ (Micheline Ostermeyer) ชาวฝร่ังเศส ชนะเลิศด้วยสถิติ 13.75 เมตร (World Athletics The Sport Shot Put, 2020, pp. 1-2)

15 ประวตั กิ ารขวา้ งจกั ร (Discus Throw) ในยุคกรกี โบราณ มกี ารบอกเล่าถงึ การแข่งขนั ขวา้ งจักร โดยชาวกรีกเป็นผู้ให้กำเนิดการขว้างจักร ได้มีการฝึกขว้างมาก่อนแต่เป็นการฝึกความแข็งแรงในกองทัพสมัยโบราณ โดยใช้แผ่นทองแดงมีน้ำหนัก ประมาณ 6 กิโลกรัม ขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลาง 21-34 เซนตเิ มตร ผขู้ วา้ งต้องข้ึนไปขว้างบนแท่นท่ีมีขา และต้ังอยู่บนเนินเขา เนื่องจากในสมัยน้ัน จักรมีน้ำหนักมากกว่าในปัจจุบัน ดังนั้นจึงไม่มีใครขว้างได้ เกิน 100 ฟุต การขวา้ งจกั รแบบกรีกน้ี ยังคงปฏิบัติกันมาจนกระท่ัง ถึง ค.ศ. 1896 จึงได้เปลี่ยนไปยืน ขว้างบนพ้ืนดินแทนแท่นท่ีมีขา ในการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงเอเธนส์ เริ่มขว้างจากวงกลมขนาดเส้น ผ่านศูนย์กลาง 7 ฟุต และได้มีการประชุมเปลี่ยนแปลงขนาดวงกลม โดยใช้เส้นผ่า ศูนย์กลางเป็น 2.50 เมตร ขว้างจักรชาย ในกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 1 ค.ศ. 1896 โรเบิร์ต การ์เร็ต (Robert Garrett) ชนะเลิศ ด้วยสถิติ 29.15 เมตร ค.ศ. 1926 นายคลาเร็นซ์ เฮาส์เซอร์ (Clarence Houser) ชาวอเมริกา ได้คิดค้นท่าขว้างจักร (Nordic Swinging Throw) โดยใช้การหมุน นักกีฬาขว้างจักรยังใช้มือ 2 มือ จนกระท่ังถึง ค.ศ. 1920 พบว่าการใช้มอื เดยี ว เป็นการขว้างท่ีนิยมกันมาก ค.ศ. 1954 ได้มีการใช้พื้น สนามท่ีมีวงกลมคอนกรีตทำให้มีการเพ่ิมความเร็ว (Speed) ในการหมุนได้ดีข้ึน สำหรับขว้างจักรหญิง เร่ิมแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ครั้งท่ี 9 ค.ศ. 1928 เฮลีนา โคโนปัคคา ชาวโปแลนด์ ชนะเลิศ ด้วยสถิติ 39.62 เมตร (World Athletics The Sport Discus Throw, 2020, p. 1) ประวัติการพงุ่ แหลน (Javelin Throw) มนุษย์สมัยหินหรือสมัยดึกดำบรรพ์ใช้หอก แหลน หลาว เป็นอาวุธและเครื่องมือในการล่าสัตว์ เปน็ อาหารและต่อสกู้ ับสัตว์ร้ายท่จี ะมาทำอันตรายด้วยวธิ ีพงุ่ ใส่ การพุ่งแหลนสมัยปจั จบุ ันมีววิ ัฒนาการ มาจากการพุ่งหอก ในสมัยการแข่งขันโอลิมปิกโบราณ ก่อนหน้าน้ันมีการรบพุ่งกันอยู่แล้ว จุดมุ่งหมาย ในการแข่งขันสมัยน้ันมี 2 ประการ คือ เพื่อความไกลและความแม่นยำ สำหรับเพื่อความแม่นยำจะ หุ้มหัวแหลนด้วยโลหะและทำปลายให้แหลม ใช้วิธีพุ่งจากบนหลังม้าไปยังเป้าขณะท่ีม้ากำลังว่ิงอยู่แต่ ถ้าพุ่งเพ่ือความไกลจะต้องถ่วงหัวแหลนโดยใช้โลหะสวมไว้ที่หัวแหลนเพื่อให้หนักข้ึน แต่ปัจจุบันนิยม พุ่งเพื่อความไกลอย่างเดียว เฮอร์คิวเลส มีชื่อเสียงในการพุ่งแหลนและได้รู้จักการพุ่งแหลนตั้งแต่ ปี 708 กอ่ น ค.ศ. แหลนดั้งเดิมทำจากไม้มะกอก ความยาว 2.3-2.4 เมตร น้ำหนัก 400 กรัม ชาวสแกนดิเนเวีย ได้นำไปใช้ในการแขง่ ขัน ราว ค.ศ. 1780 และเป็นทน่ี ิยมกนั อย่างรวดเร็ว ในแถบนนั้ จนกระทงั่ เป็นสัญลักษณ์ของการปลดปล่อยชาตขิ องฟินแลนด์ ในช่วงขณะนั้นแหลนมีความยาว 2.60 เมตร มีน้ำหนัก 800 กรัม เช่นเดียวกับปัจจุบันแต่ทำจากไม้ Hickory ยุคใหม่ของการพุ่งแหลน เรมิ่ ต้นจากเมื่อ ค.ศ. 1886 โดยไม่เปน็ ทางการ นายวิกราท A.Wigert พุ่งไดไ้ กล 117 ฟุต 6 นิ้ว ต่อมา ค.ศ. 1906 นายเลนนิ่ง E.Lenning ชาวสวีเดนทำสถิติใหม่ได้ 175 ฟุต 6 นิ้ว ค.ศ. 1920 นายเจห์นี มาจโร (John Majrra) ชาวฟินแลนด์ ใช้ท่าพุ่งที่เรียกกันในปัจจุบันว่า Finish Front Cross ทำสถิติได้ 215 ฟุต 9 นิ้ว ปี ค.ศ. 1936 นายมัททิจาร์วิเนน (Mattijarvinen) ชาวฟินแลนด์เช่นกัน พุ่งได้ไกลถึง 253 ฟุต 4 1/2 นิ้ว มีคนให้สมญาว่านายจาร์วิลิน Javelin ค.ศ. 1953 แฟร็งคลิน เฮลด์ (Franklin Held)

16 ชาวอเมริกาได้สร้างแหลนแบบกลวง ทำให้พุ่งไปได้ไกลมาก ค.ศ. 1954 เขาเร่ิมใช้โลหะเป็นวัสดุแทน ไม้จนถึงปัจจุบัน ค.ศ. 1956 นาย Jrjo Nikkanen ชาวฟินแลนด์ทำสถิติได้ 258 ฟุต 2 น้ิว ทำให้ ท่าทางของการจับแหลนและการพุ่งแบบฟินแลนด์ได้รับความนิยมทั่วไป ค.ศ. 1956 นี้เอง สถิติการพุ่ง ได้ข้ึนมาเป็น 281 ฟุต โดยนายอีกิล ดานีล เซ่น (Egil Danielsen) ชาวนอร์เวย์ ต่อมาใน ค.ศ. 1966 นายเซลิกซ์ อีเราฟ์ควิน (Felix Erausquin) ชาวสเปนพุ่งได้ไม่เกิน 100 เมตร โดยใช้ Rotational เทคนิค ต่อมาถูกห้ามใชโ้ ดย IAAF เนื่องจากอนั ตรายเกนิ ไป ค.ศ. 1984 IAAF ได้ออกกฎกติกาใหมใ่ นการสร้าง แหลน เพ่อื ให้ลอยอย่ใู นเวลาสน้ั ลงและตกลงในจุดภายใน (เพื่อความปลอดภัยและง่ายต่อการวัดสถติ ิ) สว่ นแหลนหญิง เริ่มท่ีฟินแลนด์ Finland ใน ค.ศ.1916 เดิมแหลนหนัก 800 กรมั ภายหลังลดลงเหลือ 600 กรัม สถิติของ IAAF ได้บันทึกไว้ เริ่มใน ค.ศ. 1932 เป็นปีที่การแข่งขันโอลิมปิกลักษณะแหลน สำหรับหญิงได้มีการกำหนดใหม่ ทำให้เหมือนกับแหลนชายในเรื่องการลอยตัวและการลงสู่พื้น (World Athletics The Sport Javelin Throw, 2020, 1–2) ประวตั ิการขว้างค้อน (Hammer Throw) การแข่งขันขว้างค้อนที่เกิดข้ึนในยุคโบราณ ช่วงแรกจะใช้รูปแบบ Free Style มีท้ังการว่ิง พร้อมกับการขว้างค้อนในสมัยนน้ั ท่ีจับจะเป็นไม้และมีลูกเหล็กอยู่ตรงปลาย ปัจจุบันขว้างจากวงกลม เสน้ ผ่าศนู ย์กลาง 2.13 เมตร ค.ศ. 1887 เริ่มใช้น้ำหนักของค้อน 7.26 กิโลกรมั หรอื 16 ปอนด์ พร้อม ลวดยาว 1.175–1.215 เมตร ติดกับท่ีจับซึ่งทำด้วยโลหะ ค.ศ. 1950 ใช้คอนกรีตทำพ้ืนวงกลม ทำให้ การขว้างเพิ่มความเร็วในการหมุนและหัวลูกค้อนได้เปลี่ยนเป็นวูลแฟรม (Wolfram) และทังสเตน (Tungsten) ทำให้ขนาดเล็กลงเล็กทีส่ ุดในปัจจุบนั คือ ขนาดเสน้ ผ่าศูนย์กลาง 110 มิลลเิ มตร สำหรับ ประเภทหญิงย้อนไปปี ค.ศ. 1931 ในสเปนที่มกี ารแข่งขันแตเ่ พิ่งมีเพยี ง ค.ศ. 1982 ท่สี ามารถขว้างได้ ถึง 40 เมตร น้ำหนักค้อน 4 กิโลกรัมเท่ากับลูกทุ่มน้ำหนัก IAAF เร่ิมรับรองสถิติผู้หญิงใน ค.ศ. 1995 ซึ่งเป็นการแข่งขัน Senior World Championship และ โอลิมปิกท่ีซิดนีย์ (World Athletics The Sport Hammer Throw, 2020, p. 1) ประวตั ิการเดนิ (Race Walking) การเดินเป็นกิจกรรมของคนท่ีก้าวไปทีละก้าวโดยเท้าต้องสัมผัสพื้นตลอดเวลา การแข่งขัน เดินจะแตกต่างจากการเดินตามปกติ การแข่งขันเดินเท้าถ้าลอยจากพ้ืนดินทั้งสองข้างถือว่าผิดกติกา ขาหน้าต้องตึง (ไม่งอเข่า) จากจุดที่เริ่มสัมผัสพื้นจนกระทั่งเลยแนวตั้งฉากของลำตัวไปจึงจะงอได้ ในการเดินอาจใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง ระยะทาง 50 กิโลเมตรของประเภทชายและเป็นระยะทางท่ีไกล ที่สุดของการแข่งขันชิงแชมป์โลก IAAF เพราะฉะนั้นนักกีฬาจึงต้องมีความแข็งแรงและความอดทน เป็นอย่างมาก ศตวรรษท่ี 12-13 ประเพณีของอังกฤษท่ีจัดให้มีการว่ิงและเดินในระยะทางไกล ๆ จึง ทำให้มีการแข่งขันเดินขึ้น ระหว่าง ค.ศ. 1775-1800 การแข่งขันมีระยะเวลามากกว่า 24 ชั่วโมงถึง 6 วัน ค.ศ. 1866 มีการแขง่ ขันเดิน 7 ไมล์ ชิงแชมป์ประเทศอังกฤษ ใน ค.ศ. 1908 การแข่งขันเดินได้

17 บรรจุในการแข่งขันโอลิมปิกที่กรงุ ลอนดอน ด้วยระยะทาง 3,500 เมตรและ 10 ไมล์ ต่อมาใน ค.ศ. 1912 เปลย่ี นมาใช้การเดนิ 10,000 เมตรแทนใน ค.ศ. 1932 ได้จัดให้มีการแขง่ ขนั ในระยะทาง 50 กิโลเมตร บนถนนและ 10,000 เมตรในลู่ การแข่งขันเดนิ ในผหู้ ญิง เรมิ่ ครง้ั แรกใน ค.ศ. 1932 ระยะทาง 10 กิโลเมตร ณ ประเทศเช็คโกสโลวาเกีย (Czechoslovakia) จัดให้มีการแข่งขันชิงแชมป์โลกโดย IAAF ใน ค.ศ. 1987 และโอลิมปิกใน ค.ศ. 1992 และเพ่ิมระยะทางเปน็ 20 กโิ ลเมตรในการแข่งขันชิงแชมป์โลกใน ค.ศ. 1999 การแข่งขันประเภทเดินแตกต่างกับการเดินปกติอยา่ งมาก ลักษณะการเดินในการแข่งขันเท้าท่ีก้าวไป ข้างหนา้ ต้องสัมผสั พื้นก่อนทเี่ ท้าหลังจะยกก้าวตามไป การก้าวเทา้ ไปขา้ งหนา้ ต้องเหยยี ดตึงทันทีท่ีเท้า สัมผัสพื้นและเหยียดตงึ ไว้ชั่วขณะหน่ึง จนกว่าจะเลยแนวตง้ั ฉากของลำตัว ในการเดินประกอบไปด้วย ช่วงของการสัมผัสเท้าคู่ (Double Support) และการสัมผัสเท้าเดียว(Single Support) ช่วงที่สำคัญ ในการเดินก็คือช่วงการสัมผัสพ้ืนเท้าเดียว (Single Support) เพราะในช่วงนี้ประกอบด้วย อัตราการ เร่งความเร็วในการเดิน (World Athletics The Sport Race Walking, 2020, p. 1) นอกจากนี้ การออกกำลังกายเพ่ือสุขภาพโดยอาศัยกิจกรรมทางด้านกรีฑา สามารถกระทำได้หลายวิธี ท้ังน้ี ขึ้นอยู่กับ เวลา โอกาส ความเหมาะสมของสถานท่ีและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ตัวอย่างของกิจกรรมการออกกำลังกาย ทางด้านกรีฑาท่ีสามารถนำมาใช้เพ่ือพัฒนาเสริมสร้างชีวิตและสุขภาพ ตลอดจนสมรรถภาพทางกาย ท่ีดีและเป็นท่ีสนใจนิยมแพร่หลายในปัจจุบัน ได้แก่ การเดินและการวิง่ เพ่ือสขุ ภาพ รวมทั้งการบริหาร กายในรูปแบบตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ ประเภทของการแข่งขันกฬี ากรฑี า กรฑี าถือเป็นกีฬาพน้ื ฐานในการสร้างสมรรถภาพทางด้านร่างกาย และเป็นกีฬาหลกั ท่ีนิยม เล่นและแข่งขันท้ังในและระหว่างประเทศ จากรายละเอียดกติกากรีฑาของสหพันธ์กรีฑา สมัครเล่น นานาชาติ สามารถแบ่งประเภทของกรฑี า (การกีฬาแห่งประเทศไทย, 2558, น. 1) ไดเ้ ป็น 5 ประเภท ดังน้ี 1. กรฑี าประเภทลู่ (Track Events) 2. กรีฑาประเภทลาน (Field Events) 3. กรฑี าประเภทเดิน (Walking Events) 4. กรีฑาประเภทถนน (Road Races) 5. กรฑี าประเภทวิ่งขา้ มทุ่ง (Cross Country Races) 1. กรีฑาประเภทลู่ (Track Events) กรีฑาประเภทลสู่ ามารถแบง่ การแข่งขนั ได้ ดงั น้ี 1.1 การวงิ่ ระยะสนั้ ประกอบด้วยการวิง่ ระยะทาง 60, 80, 100, 200 และ 400 เมตร 1.2 การวิง่ ระยะกลาง ประกอบดว้ ยการวิ่งระยะทาง 800 เมตร 1,500 เมตร และ 3,000 เมตร

18 1.3 การวิ่งระยะไกล ประกอบดว้ ยการวง่ิ ระยะทางต้งั แต่ 5,000 เมตร ขึ้นไป 1.4 การวิง่ ผลัด ประกอบดว้ ยการว่ิงผลดั 4 x 100 เมตร ว่งิ ผลัด 4 x 400 เมตร 1.5 การวิง่ ข้ามร้ัว ประเภทหญงิ ระยะทาง 100 เมตร 400 เมตร ประเภทชาย ระยะทาง 110 เมตร 400 เมตร (สถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศกึ ษาและการพฒั นากีฬา, 2557, น. 11) 2. กรฑี าประเภทลาน (Field Events) กรฑี าประเภทลานสามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ประเภทละ 4 รายการ ดงั นี้ 2.1 ประเภทกระโดด Jumping Events) 2.1.1 กระโดดสูง (High Jump) 2.1.2 กระโดดไกล (Long Jump) 2.1.3 เขย่งก้าวกระโดด (Triple Jump) 2.1.4 กระโดดค้ำ (Pole Vault) 2.2 ประเภทขว้าง (Throwing Events) 2.2.1 ทุ่มลกู นำ้ หนัก (Putting The Shot) 2.2.2 ขว้างจกั ร (Discus) 2.2.3 พุง่ แหลน Javelin) 2.2.4 ขว้างค้อน (Hammer) 3. กรีฑาประเภทเดิน (Walking Events) กรีฑาประเภทเดินเป็นการแข่งขันที่ต้องใช้ทักษะการเดิน ซ่ึงสามารถจัดการแข่งขัน ได้ทั้ง ภายในสนามและบนถนน ประกอบด้วยการแข่งขันเดินภายในสนาม ระยะทาง 10,000 เมตร และ 20,000 เมตร สว่ นการแข่งขนั เดินบนถนน ระยะทาง 20 กิโลเมตร และ 50 กโิ ลเมตร 4. กรีฑาประเภทถนน (Road Races) กรีฑาประเภทถนน (Road Races) เป็นการแข่งขันว่ิงบนถนน เส้นเริ่มและเส้นชัยอาจอยู่ ในสนามกรีฑาก็ได้ มีระยะทาง มาตรฐานในการจดั การแข่งขนั สำหรับชายและหญิง ดังน้ี 4.1 วง่ิ 15 กิโลเมตร 4.2 วิ่ง 20 กิโลเมตร 4.3 วงิ่ ครึง่ มาราธอน (Half Marathon) 25 กิโลเมตรและ 30 กิโลเมตร 4.4 ว่ิงมาราธอน (Marathon) 42.195 กิโลเมตรและ 100 กโิ ลเมตร 5. กรฑี าประเภทวิ่งขา้ มทุ่ง (Cross Country Races) กรีฑาประเภทว่ิงข้ามทุ่ง เป็นการวิ่งท่ีมักจัดขึ้นในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ หรือ นอกเมือง เส้นทางวิ่งจะเป็นสนามหญ้า เนินเขา ทางเดิน หรือทุ่งนาที่ไถแล้ว นักวิ่งอาจจะพบ สิ่งกีดขวางต่าง ๆ ในธรรมชาติ ซ่งึ ในระดับนานาชาติมีการจัดการแข่งขนั ดงั นี้ 5.1 ประเภททีม แบ่งรายการแข่งขันเป็น ชาย ระยะทาง 12 กิโลเมตร เยาวชนชาย ระยะทาง 8 กิโลเมตร หญงิ ระยะทาง 6 กโิ ลเมตร เยาวชนหญิง ระยะทาง 4 กิโลเมตร

19 5.2 การว่งิ ขนึ้ เขาเปน็ ส่วนใหญ่ ทัว่ ไปชาย ระยะทาง 12 กโิ ลเมตร ระดบั ความสูง 1,200 เมตร ทั่วไปหญงิ ระยะทาง 7 กิโลเมตร ระดบั ความสูง 550 เมตร เยาวชนชาย ระยะทาง 7 กิโลเมตร ระดับความสงู 550 เมตร ถา้ จดุ ปลอ่ ยตวั และเสน้ ชยั อยู่ในระดับเดยี วกัน ทัว่ ไปชาย ระยะทาง 12 กโิ ลเมตร ระดับความสูง 700 เมตร ท่ัวไปหญงิ ระยะทาง 7 กโิ ลเมตร ระดบั ความสูง 400 เมตร เยาวชนชาย ระยะทาง 7 กิโลเมตร ระดบั ความสูง 400 เมตร นอกจากการแข่งขันประเภทลู่และลานแลว้ ยังมีการแข่งขนั ประเภทรวมชาย และรวมหญงิ ซึ่งผู้เลน่ คนหน่ึงๆ ต้องแข่งขันท้ังประเภทล่แู ละลาน มกี ารแข่งขนั ดงั ต่อไปนี้ ทศกรีฑา เป็นการแข่งขันประเภทรวมชาย ประกอบด้วยการแข่งขนั 10 ประเภท ซึ่งต้อง ทำการแข่งขัน 2 วัน ตดิ ต่อกันเรยี งตามลำดับ ดังน้ี วนั แรก ว่งิ 100 เมตร กระโดดไกล ทุ่มลูกน้ำหนัก กระโดดสงู วิง่ 400 เมตร วันทส่ี อง ว่ิงขา้ มรวั้ ขวา้ งจักร กระโดด พุง่ แหลน วิง่ 1,500 เมตร สัตตกรีฑา เป็นการแขง่ ขันประเภทรวมหญงิ มีการแข่งขันท้ังหมด 7 ประเภท แข่งขนั 2 วัน ติดตอ่ กัน ตามลำดบั ดังน้ี วันแรก ว่ิงข้ามร้ัว 100 เมตร กระโดดสงู ทมุ่ ลูกน้ำหนัก วงิ่ 200 เมตร วันทส่ี อง กระโดดไกล พุ่งแหลน วิง่ 800 เมตร (สถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษา และการพัฒนากีฬา, 2557, น. 12) ประโยชน์ของการเลน่ กฬี ากรีฑา กรีฑาเป็นกีฬาชนดิ หนง่ึ ท่ีรวมเอาทักษะการเคลอ่ื นไหวตามธรรมชาตขิ องมนุษย์ในการดำรงชีวิต ประจำวันที่เกี่ยวกับการเดิน การวิ่ง การกระโดด การทุ่ม พุ่งและขว้าง มาพัฒนาใช้ในการแข่งขัน นอกจากนั้น กรีฑายังเป็นกีฬาพื้นฐานที่จะนำไปสู่กีฬาอื่น ๆ อีกหลายชนิด (สถาบันพัฒนาบุคลากร การพลศึกษาและการพัฒนากีฬา, 2557, น. 9) ได้รวบรวมประโยชน์ของการเล่นกรีฑาไว้ว่า การเล่นกรีฑา เหมือนกับการเล่นกีฬาชนิดอ่ืน ๆ ที่ผู้เล่นจะได้รับประโยชน์การเข้าร่วมในกิจกรรมกรีฑาอย่างสม่ำเสมอ จงึ กอ่ ให้เกิดประโยชนแ์ ก่บคุ คลในด้านต่าง ๆ ได้ดังต่อไปน้ีคอื 1. พฒั นาอริ ยิ าบถต่าง ๆ ของบคุ คลในการเคลื่อนไหวให้เป็นไปอย่างถูกตอ้ งเหมาะสม 2. สรา้ งเสรมิ ความสมั พนั ธ์ในการทำงานร่วมกนั ของระบบต่าง ๆ ในรา่ งกาย 3. ทำใหร้ ะบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 4. ทำให้สมรรถภาพของรา่ งกายในด้านตา่ ง ๆ พฒั นาได้อย่างเต็มตามศกั ยภาพ 5. พัฒนาบุคลกิ ภาพและความมั่นใจในตนเองของบุคคล 6. สรา้ งเสริมความมัน่ คงทางดา้ นจิตใจและอารมณ์

20 7. สร้างเสรมิ ความมนี ้ำใจนักกฬี า รแู้ พ้ ร้ชู นะ ร้อู ภยั 8. สรา้ งเสริมความรบั ผิดชอบในตนเองและผ้อู นื่ 9. ช่วยทำให้กล้ามเน้ือสมบูรณแ์ ขง็ แรง 10. ชว่ ยใหร้ ่างกายมรี ูปรา่ งได้สดั ส่วน มบี ุคลิกภาพดี การนำกีฬากรีฑาไปใช้ในชีวิตประจำวัน กรีฑาเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ใช้กิจกรรมทางด้านร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวตาม ธรรมชาติของมนุษย์ในการดำรงชีวิต เช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด การทุ่ม พุ่งและขว้าง มาใช้ ในการแข่งขัน ฉะนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า กรีฑาสามารถนำมาฝึกเล่นได้ต้ังแต่อายุยังน้อย สำหรับลักษณะ การเล่นหรือการฝึกกรีฑาในวัยเด็กควรเป็นการฝึกให้เกิดความรู้ความเข้าใจในรูปแบบการเคลื่อนไหว ของทักษะท่ัว ๆ ไปมากกว่าการมุ่งฝึกเน้นเฉพาะเจาะจงอย่างจริงจังเพ่ือการแข่งขันเป็นการฝึกเพื่อ สรา้ งความคุ้นเคย ความชำนาญและทักษะพน้ื ฐานเบ้ืองต้นให้กบั ผเู้ รียนไดน้ ำไปใช้ชีวติ ประจำวันได้ การเริ่มฝึกการกรีฑาที่ดีหากเป็นไปได้ควรฝึกในลู่วิ่งหรือสนามหญ้าท่ีมีบริเวณกว้างโดยใช้ อุปกรณ์ หลาย ๆ อย่างตามธรรมชาติ เพ่ือให้ผู้เรียนหรือผู้เข้ารับการฝึกได้ใช้ความสามารถและความเร็ว ตา่ ง ๆ กนั ซึ่งจะทำให้เห็นพฤตกิ รรมการแสดงออกหรอื ปฏิกิรยิ าการตอบสนองท่ีเป็นไปตามธรรมชาติ กิจกรรม การเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการวิ่งและการกระโดดหลาย ๆ รูปแบบควรนำมาใช้ นอกจากนี้ กิจกรรมเกี่ยวกับการทุ่ม พุ่ง ขว้าง เช่น การขว้างหรือปาลูกบอล การพุ่งกิ่งไม้เล็ก ๆ การทุ่มก้อนหิน หรือลูกน้ำหนักขนาดเบา ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่ควรนำมาใช้เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานให้กับผู้เรียน ควบคู่ไปกับการวิ่งหรือออกกกำลังกายเพ่ือสุขภาพ นอกจากนี้ การออกกำลังกายเพ่ือสุขภาพโดยอาศัย กิจกรรมทางด้านกรีฑา สามารถกระทำได้หลายวิธีทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเวลา โอกาส ความเหมาะสมของ สถานที่และส่ิงแวดล้อมอ่ืน ๆ ตัวอย่างของกิจกรรมการออกกำลังกายทางด้านกรีฑาที่สามารถนำมาใช้ เพื่อพัฒนาเสริมสร้างชีวิตและสุขภาพ ตลอดจนสมรรถภาพทางกายท่ีดีและเป็นท่ีสนใจนิยมแพร่หลาย ในปจั จุบัน ได้แก่ การเดินและการว่งิ เพอื่ สุขภาพ รวมท้ังการบริหารกายในรูปแบบตา่ ง ๆ เปน็ ต้น ความปลอดภยั ในการเล่นกีฬากรฑี า การเล่นกรีฑานอกจากผู้เล่นจะต้องใช้ความสามารถของร่างกายในการเล่นแล้ว อุปกรณ์ท่ีใช้ ประกอบการเล่นก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งท่ีผู้เล่นต้องใช้ความระมัดระวังทั้งในส่วนของการดูแล รักษาและใช้ให้ถูกต้องเหมาะสม ข้อควรปฏิบัติเพ่ือความปลอดภัยในการเล่นกรีฑาของบุคคลโดยท่ัวไป (สถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการพัฒนากีฬา, 2557, น. 13) ได้รวบรวมการเล่นกีฬากรีฑา ดว้ ยความปลอดภยั ดงั นี้

21 1. เพื่อความพร้อมของร่างกาย ต้องอบอุ่นร่างกายก่อนการฝึกซ้อมและแข่งขันบริหารร่างกาย เพื่อการอบอุ่นร่างกายให้เกิดความพร้อม และท่าทค่ี วรใช้บรหิ าร ควรเป็นท่าที่ยดื กล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ กระตนุ้ ระบบไหลเวยี น การหายใจ และเป็นท่าที่เก่ียวข้อง กับทักษะของกรฑี าประเภทน้ัน 2. ต้องฝกึ ซ้อมอยู่เป็นประจำสมำ่ เสมอ เพอ่ื ความพร้อมของร่างกายกอ่ นการแข่งขนั 3. เลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมไม่หลวมหรือคับจนเกินไป เช่น กางเกง เส้ือ ถุงเท้า รองเท้า เป็นตน้ 4. ก่อนลงมือเล่นหรือฝึกทุกครั้งต้องตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่า ทุกอย่างเรียบร้อย ปลอดภัย จากคนและส่ิงกีดขวางท่ีไม่เกี่ยวข้องกับการเล่นหรือฝึกกรีฑา เพื่อความปลอดภัยควรสำรวจสถานท่ี และอปุ กรณ์ เชน่ หลุมทราย ลู่วง่ิ รองเท้า เป็นต้น 5. เลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม เช่น ใช้รองเท้าว่ิงตะปูยาวกับลู่วิ่งท่ีอ่อนน่ิมเพ่ือป้องกัน อนั ตรายท่ีจะเกิดข้นึ กับข้อเทา้ เป็นตน้ 6. ระมัดระวังในการใช้อุปกรณ์ท่จี ะเกิดอันตรายตอ่ ตนเองและผอู้ ื่น เชน่ รองเทา้ ตะปูต้องวาง หรือเก็บไว้ในท่แี ละในลกั ษณะท่ีปลอดภัย เช่น วางให้ตะปู ลงสพู่ ้นื 7. เม่อื เกิดการบาดเจ็บต้องรีบพบแพทยเ์ พื่อขอคำแนะนำ 8. ปฏิบัติตนตามระเบยี บและกตกิ าการแข่งขนั เพือ่ ช่วยปอ้ งกันอันตรายท่อี าจจะเกิดข้นึ 9. นกั กรีฑาทไ่ี ด้รับบาดเจ็บ เชน่ กลา้ มเนื้อฉีกขาด ข้อเท้าแพลง ฯลฯ ต้องมี ใบรบั รองแพทย์ ว่าหายแล้ว จึงจะไดร้ ับอนุญาตใหก้ ลบั ไปเล่นหรือเรียนกรีฑาได้ 10. ไม่ควรแกล้งหรอื หยอกล้อกันในขณะเลน่ หรือฝกึ 11. กิจกรรมบางประเภทต้องมีเบาะรองกันกระเทอื น หรือหลุมทรายที่ซุยรองรบั 12. พ้ืนส่ตู ้องเรยี บไม่เป็นหลุมบ่อและปราศจากวัตถุท่ีอาจทำใหเ้ กิดอันตรายได้ เชน่ ก้อนหนิ เศษแก้ว ไม้แหลม ฯลฯ 13. ฝกึ ฝนตามขนั้ ตอนจนเกดิ ทักษะการเคลอื่ นไหวทา่ นน้ั ๆ 14. บำรุงรักษาสขุ ภาพเพื่อให้สมรรถภาพทางกายดีอย่เู สมอ การดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์กีฬากรีฑา ข้อควรปฏิบัติในการดูแลรักษาอุปกรณ์เพ่ือความคงทน ความปลอดภัยและเกิดประสิทธิภาพ สูงสุดในการใชง้ าน ควรปฏิบัติดังน้ี 1. รองเท้าวิ่ง ท่ียันเท้า (Block Start) ไม้คฑา ร้ัว ฯลฯ ควรแยกเก็บในที่ ๆ เหมาะสม เพ่ือ ความสะดวกในการดแู ลรักษาและนำมาใช้ในโอกาสต่อไป 2. เม่ือนำมาใช้แล้ว ต้องทำความสะอาดแล้วนำเก็บเข้าท่ีเดิม โดยสำรวจจำนวนและสภาพ ความเรยี บรอ้ ยทุกครง้ั 3. ตอ้ งซ่อมแซมอุปกรณใ์ ห้อยู่ในสภาพพร้อมใช้อยู่เสมอ

22 4. รองเท้าวง่ิ เม่ือทำความสะอาดหลังจากใช้แล้วควรผงึ่ ให้แห้ง ใช้วาสลีนทาเพ่ือให้หนังน่ิม และทนทานในการใชง้ าน 5. เพ่ือความปลอดภัยและการรักษาสภาพในการใช้งาน ไม่ควรสวมรองเท้าที่มีตะปูเดินบน พื้นแข็ง เช่น พนื้ ซีเมนต์ เปน็ ต้น 6. เพ่ือจัดระบบในการควบคุม ควรมีระเบียบในการเบิก–ส่งคืนอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน และการฝกึ ซอ้ ม มารยาทของนกั กีฬากรฑี าทีด่ ี การแข่งขันกรฑี ากบั ผชู้ มการแข่งขันกรฑี านน้ั เป็นของคู่กัน ต่างฝา่ ยต่างก็เป็นแรงจูงใจของซึ่งกัน และกัน ต่างฝ่ายต่างก็มีความคาดหวังในความมีมารยาทที่ดีของอีกฝ่ายหนึ่ง สังคมก็มีความคาดหวัง ในความมีมารยาทที่ดีของท้ัง 2 ฝ่ายอันหมายถึงความมีอารยธรรมของมนุษย์ การแข่งขัน กรีฑาใน อุคมคติจึงปรารถนานกั กรฑี าและผชู้ มการแข่งขันกรฑี าทีม่ ีมารยาทดี การเป็นนักกรฑี าทด่ี ีนอกจากจะ ช่วยเสริมสร้างให้เป็นผู้ท่ีมีสุขภาพสมบูรณ์แล้วยังช่วยส่งเสริม ให้เป็นผู้มีนำ้ ใจนักกีฬา สามารถใช้ชีวิต อยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่าและมีความสุข นอกจากความสามารถในทางกีฬาแล้ว นักกีฬาที่ดีควรมี คณุ สมบัติเฉพาะตัวท่ีแสดงออกให้ผู้ชมและผู้ท่ีเกี่ยวข้องได้เกิดความประทับใจ โดยการปฏิบัติตนดังนี้ (อานัติ หัตถา, 2557, น. 29) 1. เปน็ ผทู้ ี่มีความรับผดิ ชอบและตรงต่อเวลา 2. แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ กฎกติกาการแข่งขันของกีฬาแต่ละชนดิ และประเภท 3. ใช้ทักษะความสามารถท่ถี ูกตอ้ งในระหวา่ งการแข่งขันอย่างเตม็ ท่ี 4. เคารพกฎกตกิ าการแข่งขนั อยา่ งเคร่งครัด 5. ยอมรบั ผลการแข่งขันและปฏิบัติตนตามคำตัดสนิ ด้วยความสุภาพดว้ ยความเตม็ ใจและ บรสิ ทุ ธิ์ใจ 6. แสดงออกถึงความมีนำ้ ใจนักกีฬาทัง้ ระหวา่ งการแข่งขันและหลังเสรจ็ ส้นิ การแข่งขนั 7. ใหเ้ กียรติค่แู ขง่ ขัน กรรมการ เจา้ หนา้ ท่แี ละผู้ชม 8. แข่งขนั ด้วยความสามารถ ไม่ยวั่ ยุ ไม่กล่ันแกล้ง ไมเ่ อาเปรยี บ ไมเ่ อาเปรยี บ เยาะเยย้ หรือซำ้ เติมคแู่ ข่งขนั หากมกี ารผิดพลาดให้ ขอโทษและใหอ้ ภัยซงึ่ กนั และกนั 9. ไม่แสดงออกถึงอาการดีใจหรือเสียใจในผลของการแขง่ ขันจนเกินควร 10. แสดงออกซ่งึ กิริยาวาจาท่ีสภุ าพ อ่อนน้องถ่อมตนท้ังในและนอกสนามแขง่ ขนั 11. มนี ำ้ ใจนกั กีฬา 12. แสดงความเปน็ มิตรกับเพื่อนนกั กรฑี าทฝ่ี ึกซ้อมดว้ ยกนั และกับผู้เข้าร่วมแขง่ ขนั ทุกคน 13. เป็นผูม้ ีความสุภาพเรยี บร้อย ไม่แสดงอาการเย่อหยิง่ จองหองกบั บุคคลอื่น 14. ฝกึ ซอ้ มและแขง่ ขนั อยา่ งเตม็ ความสามารถด้วยความร้จู ักประมาณตนเอง 15. เมือ่ ชนะหรือแพ้ ไม่แสดงความดใี จหรือเสียใจออกนอกหนา้ มากเกินไป

23 16. เปน็ ผู้มีใจหนักแน่น อดทน ร้จู กั ยบั ย้งั ชงั่ ใจ อดกล้นั ระงบั อารมณ์ ควบคมุ สติ ไม่แสดง อาการโมโหโกรธแค้นตนเองหรือผู้อ่นื 17. มีจติ ใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผช่ ว่ ยเหลือผูอ้ ืน่ อยเู่ สมอ 18. เป็นผ้มู คี วามเช่ือและเล่อื มใสในอดุ มคติของกรฑี า เพื่อประโยชน์ท่ีเกิดจากการฝึกซ้อม และการแขง่ ขันกรีฑาอย่างแท้จริง 19. ช่วยดูแลความสะอาด ความเป็นระเบยี บเรยี บร้อยของทพ่ี กั สนามฝึกซ้อม หอ้ งฝึกซ้อม 17. ช่วยดูแลอุปกรณ์การฝึกซ้อมต่าง ๆ ใช้อุปกรณ์อย่างทะนุถนอม ใช้แล้วเก็บเข้าที่เดิม อยา่ งเปน็ ระเบียบเรียบร้อย ช่วยทำความสะอาด ชว่ ยซอ่ มบำรุงตามโอกาส มารยาทของผู้ชมกีฬากรีฑาทดี่ ี อานตั ิ หัตถา (2557, น. 30) ได้รวบรวมมารยาทของผชู้ มกีฬากรีฑาทีด่ ี การดูกีฬาทดี่ ี ผู้ดู ควรมีมารยาทในการปฏิบตั ิ ดังนี้ 1. ใหเ้ กียรติกรรมการผตู้ ัดสินและนักกรีฑาทุกคน 2. เคารพและยอมรับคำตัดสินของกรรมการผตู้ ัดสนิ ด้วยใจเป็นธรรม 3. ยืนตรงแสดงความเคารพ เช่น ประธานในพธิ ีเปิด-ปดิ เพลงมหาฤกษ์ เพลงมหาชัย เพลง สรรเสริญพระบารมี เพลงชาติและธงชาติของประเทศเจ้าภาพ ธงกีฬา เพลงชาติและธงชาติในพิธี มอบเหรยี ญรางวลั 4. มีความเห็นอกเห็นใจกรรมการผ้ตู ดั สนิ และนักกรฑี าทุกคน 5. ศึกษาหาความรเู้ ร่ืองระเบียบ กฎ และกติกาการแข่งขันกรีฑา 6. ช่วยส่งเสริมใหก้ ำลงั ใจ 7. แสดงความยนิ ดดี ้วยการปรบมือ 8. สนับสนุนและส่งเสรมิ ให้แขง่ ขนั ดว้ ยความเคารพต่อกติกาอย่างเต็มความสามารถ 9. ไมส่ ง่ เสยี งดังรบกวนขณะที่การแข่งขนั ต้องการความเงยี บ 10. ไมก่ ล่าววาจาท่ีไม่สมควร หรอื สนบั สนนุ ผู้เข้าแข่งขนั ในทางท่ผี ดิ 11. ไมค่ วรทำตวั เป็นผ้ตู ัดสินเสียเอง 12. ไมส่ บู บุหร่ี ไมด่ ่ืมเคร่ืองดื่มมีแอลกอฮอลใ์ นสนามกรีฑา 13. เปน็ ผทู้ ีม่ ีความเชือ่ และเล่ือมใสในอดุ มคติของกรีฑาอย่างแท้จรงิ 14. ทิง้ ขยะมูลฝอยลงท่ีรองรับ 15. น่งั ในท่ีท่ีได้จัดเตรยี มไวใ้ ห้ 16. ใหเ้ กยี รติแก่นักกีฬา กรรมการผู้ตัดสนิ เจ้าหน้าท่ีและผู้รว่ มดกู ฬี าด้วยกัน 17. ไมแ่ สดงออกอาการยว่ั ยหุ รือส่งเสยี งรบกวนสมาธิของนักกีฬาหรอื กรรมการผู้ตดั สิน 18. ไม่แสดงอาการย่วั ยุหรือส่งเสริมนักกีฬาในทางท่ผี ิด 19. ไมข่ ว้างปาสงิ่ ของหรอื วตั ถุทีจ่ ะก่อใหเ้ กดิ อันตรายเข้าไปในสถานทีแ่ ขง่ ขัน 20. แสดงความยนิ ดีกบั ผู้ชนะและใหก้ ำลงั ใจกบั ผูแ้ พ้

24 บทสรปุ กรีฑาเป็นกีฬาที่มีประวัติยาวนานเกิดขึ้นมาพร้อมกับมนุษย์ และมีพ้ืนฐานการเล่นมาจาก การเคลอื่ นไหวเบื้องต้นของมนุษยม์ ีการแยกออกได้หลายประเภท กรีฑาเป็นชนิดกีฬาที่มีความหลากหลาย และมีประเภทการแข่งขันหลายประเภทซึ่งแต่ละประเภทจะพัฒนาการมาจากการเคล่ือนไหวเบ้ืองต้น ของมนุษย์ เช่น ว่ิง พัฒนาการมาเป็นการแข่งขันวิ่งในระยะต่าง ๆ วิ่งข้ามร้ัว และว่ิงผลัด การกระโดด พัฒนาการมาเป็นการแข่งขันกระโดดไกล เขย่งก้าวกระโดด กระโดดสูง และกระโดดค้ำ ทุ่ม พัฒนาการ มาเป็นการทุ่มน้ำหนัก พุ่ง พัฒนาการมาเป็นการแขง่ ขันพุ่งแหลน ขว้าง พัฒนาการมาเป็นการแข่งขัน ขว้างจักร เป็นต้น เพราะฉะนั้นกีฬากรีฑาจึงเป็นกีฬาที่เป็นพื้นฐานของการเล่นกีฬาประเภทอื่น ๆ และเป็นกีฬาทีม่ ปี ระโยชน์เป็นอย่างมากทง้ั ทางรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม เพราะการเล่นกรฑี า ทำให้ร่างกายได้พฒั นาในทกุ ๆ ส่วน และเป็นการสร้างให้คนมนี ้ำใจเป็นนักกีฬา มคี วามอดทน มรี ะเบยี บวนิ ัย และยงั ได้รับความสนกุ สนานในดา้ นนันทนาการกบั ผู้เลน่ และผชู้ ม

25 ใบงานที่ 1.1 ความรู้พนื้ ฐานกีฬากรฑี า คำชแี้ จง ให้นกั ศึกษานำคำตอบตอ่ ไปนีเ้ ติมลงในชอ่ งว่างแตล่ ะข้อใหถ้ ูกตอ้ ง ประเทศอังกฤษ ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ประเทศกรีก ประเทศฟนิ แลนด์ 1. การว่ิงผลดั เริม่ แข่งขันครงั้ แรกที่ประเทศ____________ 2. การวิ่งวบิ ากเร่มิ แข่งขันครั้งแรกท่ีประเทศ____________ 3. การแขง่ ขันวิ่งขา้ มรวั้ 110 เมตร เร่มิ คร้ังแรกท่ปี ระเทศ___________ 4. กรีฑามตี ้นกำเนดิ จากประเทศ___________ 5. ประเทศไทยส่งนกั กรฑี าเข้าร่วมการแขง่ ขนั โอลิมปิคครงั้ แรก ณ ประเทศ___________ 6. การแขง่ ขันกระโดดสงู เรม่ิ ในปี พ.ศ. 1840 ที่ประเทศ____________ 7. การพงุ่ แหลนหญิงเร่ิมแข่งขนั คร้งั แรกทป่ี ระเทศ____________ 8. เชิงเขาโอลิมเปยี อยู่ในประเทศ___________ 9. ท่าถอยหลงั ทุ่มในการทมุ่ น้ำหนกั มตี ้นกำเนิดมาจากประเทศ____________ 10. ทา่ การจับแหลนแบบ Finish Front Cross มตี น้ กำเนิดจากประเทศ_____________ เฉลยคำตอบใบงาน 1.1 1. ประเทศสหรัฐอเมริกา 2. ประเทศอังกฤษ 3. ประเทศองั กฤษ 4. ประเทศกรีก 5. ประเทศฟนิ แลนด์ 6. ประเทศอังกฤษ 7. ประเทศฟินแลนด์ 8. ประเทศกรีก 9. ประเทศสหรัฐอเมรกิ า 10.ประเทศฟนิ แลนด์

26 ใบงานท่ี 1.2 ความรู้พน้ื ฐานกฬี ากรีฑา คำชี้แจง ให้นักศึกษาแบง่ กลุ่มนักศึกษานออกเป็น 4 กลุ่ม ตามความสมัครใจแตล่ ะกลุ่มเลือกหัวหน้า กล่มุ และรว่ มกนั วางแผนค้นคว้าจากเอกสารคำสอนและตำราทเี่ กีย่ วข้องและ อินเทอร์เน็ต พร้อมยกตัวอย่าง และใหต้ วั แทนออกมานำเสนอ หัวข้องานทก่ี ำหนด กลุ่มที่ 1 ประโยชนข์ องการเล่นกรีฑา กลุ่มที่ 2 ความปลอดภัยในการเลน่ กรีฑา กลุ่มที่ 3 การดูแลอุปกรณก์ รีฑา กลมุ่ ที่ 4 มารยาทของนกั กรีฑาและผูช้ มกรีฑา

27 แบบทดสอบประจำบทท่ี 1 ความรูพ้ นื้ ฐานกีฬากรีฑา คำช้แี จง ใหน้ กั ศึกษาทำเครื่องหมาย X ทบั ตวั เลือกท่ีถกู ท่สี ุดเพียงคำตอบเดียว 1. ข้อใดต่อไปน้ีทีไ่ ม่ใชจ่ ดุ มุ่งหมายของการแขง่ ขันกรีฑาในสมยั โบราณ ก. เพือ่ บูชาเทพเจ้าซีอุส ข. เพ่อื บูชาแด่ดวงวญิ ญาณบรรพบรุ ุษ ค. เพือ่ แสดงศักยภาพของรฐั ต่าง ๆ ง. เพ่ือสรา้ งความสามคั คีระหว่างเสรีรัฐทง้ั หลาย จ. เพอ่ื เปน็ การพกั รบชั่วคราว 2. กรีฑาในประเทศไทยเริ่มแข่งขนั สมยั รชั กาลที่เทา่ ไหร่ในกรงุ รัตนโกสินทร์ ก. พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก ข. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว ค. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว ง. พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู ัว จ. พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกล้าเจา้ อยหู่ วั 3. การแขง่ ขนั ว่งิ ผลัดเรมิ่ มกี ารแข่งขนั ในประเทศใดเป็นคร้งั แรก ก. ประเทศกรซี ข. ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ค. ประเทศอังกฤษ ง. ประเทศฝร่ังเศส จ. ประเทศจาเมก้า 4. การแข่งขนั ว่ิงบาก เรม่ิ มกี ารแขง่ ขนั ในประเทศใดเปน็ ครงั้ แรก ก. ประเทศกรซี ข. ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ค. ประเทศองั กฤษ ง. ประเทศฝร่งั เศส จ. ประเทศจาเมก้า

28 5. การขวา้ งจักรของชาวกรีกโบราณใช้อปุ กรณใ์ ดในข้อตอ่ ไปน้ีในการขวา้ งจักร ก. แผน่ ทองแดง ข. แผ่นทองเหลอื ง ค. แผน่ ทองคำ ง. แผ่นหิน จ. แผ่นไม้ 6. ผู้ใดตอ่ ไปน้ีคือผู้ท่ีกอ่ กำเนิดกรฑี าประเภทเขย่งกา้ วกระโดด ก. นายเจ. บี คอนโนลี ชาวอเมริกา ข. นายวิลเล่ยี ม เดฮาร์ท ฮับบาร์ค ชาวอเมรกิ ัน ค. นายมาราฮอลล์ บรคุ ส์ ชาวเยอรมัน ง. พนี่ ้องตระกูลอาเฮริ น์ ชาวไอริช จ. นายเลนน่ิง ชาวสวีเดน 7. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใชป้ ระโยชนท์ างดา้ นสังคมของการเล่นกรฑี า ก. เยอื กเย็น สุขมุ รอบคอบ ข. มรี ะเบียบวินยั ค.เคารพกฎกตกิ า ง. มีน้ำใจนักกีฬา จ. มีมนุษย์สัมพนั ธ์ท่ีดี 8. ขอ้ ใดต่อไปน้ีเปน็ การปฏบิ ัตติ นเพื่อความปลอดภยั ในการเล่นกรฑี า ก. มุ่งมัน่ ทำลายสถิติ ข. ประยุกตก์ ารใชอ้ ปุ กรณท์ ่ีมีอยู่ ค. เรง่ สร้างความแข็งแรงเพ่อื การพฒั นา ง. ฝกึ แบบรดั ข้นั ตอนเพื่อพัฒนาเร็วข้ึน จ. เลอื กใชอ้ ปุ กรณ์ใหเ้ หมาะสม 9. ขอ้ ใดต่อไปนี้ถอื เป็นมารยาทท่ีไม่ควรปฏบิ ตั ใิ นการชมกรีฑา ก. นั่งในทีท่ ี่ไดจ้ ัดเตรยี มไว้ให้ ข. ตะโกนใหก้ ำลงั ใจนักกีฬาขณะปล่อยตวั ค. ปรบมือใหจ้ งั หวะกบั นักกรีฑาในการกระโดดไกล ง. ร่วมยนื ในพธิ ีเชิญธงฉลองชัยของนักกีฬา จ. ไมม่ ขี ้อถูก

29 10. อปุ กรณ์กรีฑาขอ้ ใดต่อไปนเ้ี ป็นอุปกรณ์ส่วนตวั ทใี่ ช้แขง่ ในสนาม ก. รองเทา้ ตะปูของนักกระโดดสงู ข. ไม้คฑาของนกั ว่งิ 4x100 เมตร ค. ที่ยันเท้าของนักวงิ่ 400 เมตร ง. ตะกรา้ ใส่ผ้าของนักว่งิ 5000 เมตร จ. รว้ั ของนักว่งิ ขา้ มรวั้ 110 เมตร เฉลยคำตอบท้ายบทที่ 1 ข้อ 5. ก ขอ้ 1. ง ข้อ 2. ค ขอ้ 3. ข ข้อ 4 ค ขอ้ 10 ก ขอ้ 6. ง ข้อ 7. ก ขอ้ 8. จ ขอ้ 9 ข

30 เอกสารอ้างอิง การกีฬาแห่งประเทศไทย. (2558). คู่มือผฝู้ ึกสอนกีฬากรีฑา. กรงุ เทพฯ: (ม.ป.ท.) สถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการพฒั นากีฬา. (2557). คู่มอื ผฝู้ ึกสอนกรีฑา T-Certificate. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผา่ นศึกในพระบรมราชูปถัมภ์. สมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทย. (2551). 111 ปี กรีฑาไทย 60 ปี สมาคมกรีฑาฯ. กรงุ เทพฯ: (ม.ป.ท.) อานัต หัตถา. (2557). กรีฑา. กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . IAAF. (1992). 80 Years for Athletics: International Amateur. Athletics Federation: Monaco. World Athletics. (2020). The Sport Discus Throw. Retrieve from http://www.iaaf.org/thesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Hammer Throw. Retrieve from http//www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport High Jump. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Hurdless. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Javelin Throw. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Long Jump. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Pole Vault. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Race Walking. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Relay. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Running. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Shot Put. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Steeplechase. Retrieve from http://www.iaaf.org/t hesports/whatisathletics. . (2020). The Sport Triple Jump. Retrieve from http://www.worldathletics.org/hesports/whatisathletics.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook