Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กฎหมายคอมพิวเตอร์

กฎหมายคอมพิวเตอร์

Published by Guset User, 2022-06-21 07:20:22

Description: กฎหมายคอมพิวเตอร์

Search

Read the Text Version

ก คำนำ วิชาจริยธรรมและกฎหมายคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 20204-2009 สังคมสารสนเทศเป็ นสังคมใหม่ เพ่ือให้การอยูร่ ่วมกนั ของคนในสังคมเป็ นไปโดยสันติและสงบสุข เอ้ือ ประโยชน์ซ่ึงกนั และกนั จึงตอ้ งมี กฎเกณฑท์ ี่มากาหนดควบคุมเพื่อให้สงั คมดงั กล่าวใหม้ ีความสงบเรียบร้อย ในปัจจุบนั เครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต ไดเ้ ขา้ มามีบทบาท ในชีวิตประจาวนั มีการใชค้ อมพิวเตอร์ และ ระบบสื่อสารกนั มาก ขณะเดียวกนั ก็มีผูใ้ ช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศในทางท่ีไม่ถูก ไม่ควร ดงั น้นั จึงจาเป็นตอ้ งมี กฎหมายเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใชบ้ งั คบั ควบคุมการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ และเมื่อมีกฎหมาย ออกมาบงั คบั ใช้ แลว้ ผใู้ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศจะปฏิเสธวา่ ไม่รู้กฎหมายไม่ได้ จัดทำโดย นำยกฤษณะ แก่นจันทร์

สำรบญั ก 1 คำนำ 2 บทที่ 1 5 6 กฎหมาย จริยธรรม และความปลอดภยั ในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 7 บทท่ี 2 8 8 บญั ญตั ิ 10 ประการ ของผใู้ ชค้ อมพวิ เตอร์ 9 บทท่ี 3 10 11 กฎหมายและจริยธรรมทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ 12 จรรยาบรรณสาหรับผใู้ ชอ้ ินเทอร์เน็ต ข บทที่ 4 กฎหมายเก่ียวกบั ลายมือช่ืออิเล็กทรอนิกส์ ประเภทและตวั อยา่ งของ e-Signature ภาระการพิสูจน์ตามกฎหมาย บรรณำนุกรรม



2 กฎหมำย จริยธรรม และควำมปลอดภยั ในกำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ 1. พระรำชบญั ญตั วิ ่ำด้วยกำรกระทำผดิ เกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 พระราชบญั ญตั ิวา่ ดว้ ยการกระทาผดิ เก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ประกอบดว้ ยมาตราต่างๆ รวมท้งั สิ้น 30 มาตรา 1.1 ส่วนทวั่ ไป บทบญั ญตั ิในส่วนทวั่ ไปประกอบดว้ ย มาตรา 1 ชื่อกฎหมาย มาตรา 2 วนั บงั คบั ใช้ กฎหมาย มาตรา 3 คานิยาม และมาตรา 4 ผรู้ ักษาการ 1.2 หมวด 1 บทบญั ญตั ิความผดิ เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์มีท้งั สิ้น 13 มาตรา ต้งั แตม่ าตรา 5 ถึงมาตรา 17 สาระสาคญั ของหมวดน้ีวา่ ดว้ ยฐานความผิด อนั เป็ นผลจากการกระทาท่ีกระทบต่อความมน่ั คง ปลอดภยั ของระบบสารสนเทศโดยเป็ นการกระทาความผิดที่กระทบต่อการรักษาความลบั (Confidentiality) ความ ครบถว้ นและความถูกตอ้ ง (Integrity) และความพร้อมใชง้ าน (Availability) ของระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ึงเป็ น ความผดิ ท่ีไม่สามารถยอมความได้ ยกเวน้ มาตรา 16 ซ่ึงเป็นความผดิ เกี่ยวกบั การตดั ต่อหรือดดั แปลงภาพ ซ่ึง ยงั คงกาหนดใหเ้ ป็นความผดิ ท่ีสามารถยอมความได้ เพราะความเสียหายมกั เกิดข้ึนเพียงบุคคลใดบุคคลหน่ึง เท่าน้นั คู่คดีสามารถหาขอ้ ยตุ ิและสรุปตกลงความเสียหายกนั เองได้ ซ่ึงต่างจากมาตราอ่ืนๆ ในหมวดน้ี ที่ผล ของการกระทาผิดอาจไม่ใช่เพียงแค่กระทบบุคคลใดบุคคลหน่ึง แต่อาจกระทบต่อสังคม ก่อเกิดความ เสียหายทางเศรษฐกิจในวงกวา้ ง 2. พระรำชบัญญตั ิว่ำด้วยธุรกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 2.1 กฎหมายน้ีรับรองการทาธุรกรรมดว้ ยเอกสารอิเลก็ ทรอนิกส์ท้งั หมด 2.2 ศาลจะต้องยอมรับฟังเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ แต่ท้งั น้ีมิได้หมายความว่าศาลจะต้องเชื่อว่า ขอ้ ความอิเลก็ ทรอนิกส์น้นั เป็นขอ้ ความที่ถูกตอ้ ง 2.3 ปัจจุบนั ธุรกิจจาเป็ นตอ้ งเก็บเอกสารทางการคา้ ท่ีเป็ นกระดาษจานวนมาก ทาให้เกิดค่าใชจ้ ่าย และความไม่ปลอดภัยข้ึน กฎหมายฉบับน้ีเปิ ดทางให้ธุรกิจสามารถเก็บเอกสารเหล่าน้ีในรู ปไฟล์ อิเลก็ ทรอนิกส์ 2.4 ปกติการทาสัญญาบนเอกสารที่เป็ นกระดาษจะมีการระบุวนั เวลาท่ีทาธุรกรรมน้นั ดว้ ย ในกรณี ธุรกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์น้นั ไดใ้ หข้ อ้ วนิ ิจฉยั เวลาของธุรกรรมตามมาตรา 23

2.5 มาตรา 25 ระบุถึงบทบาทของภาครัฐในการให้บริการประชาชนดว้ ยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ อานาจหน่วยงานรัฐบาลสามารถสร้างระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) ในการให้บริการ ประชาชนได้ โดยตอ้ งออกประกาศ หรือกฎกระทรวงเพิ่มเติม 3 2.6 ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์หรือลายมือชื่อดิจิทลั ของผปู้ ระกอบถือเป็ นสิ่งสาคญั และมีค่าเทียบเทา่ การลงลายมือช่ือบนเอกสารกระดาษ ดงั น้นั ผปู้ ระกอบการตอ้ งเก็บรักษาใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์น้ีไวเ้ ป็ น ความลบั และมาตรา 27 3. กฎหมำยลขิ สิทธ์ิ และกำรใช้งำนโดยธรรม (Fair Use) กฎหมายลิขสิทธ์ิภายใตพ้ ระราชบญั ญตั ิ พ.ศ. 2537 ที่เกี่ยวขอ้ งกบั เทคโนโลยีสารสนเทศและการใช้ งานโดยธรรม (Fair Use) ก็คือมาตรา 15 ท่ีมีสาระสาคญั ในการคุม้ ครองลิขสิทธ์ิของเจา้ ของลิขสิทธ์ิ หมวด 1 ส่วนท่ี 6 วา่ ดว้ ยขอ้ ยกเวน้ การละเมิดลิขสิทธ์ิ ให้สามารถนาขอ้ มูลของผูอ้ ่ืนมาใชไ้ ดโ้ ดยไม่ตอ้ งขอ อนุญาต หรือเป็นการใชง้ านโดยธรรม ตอ้ งข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั 4 ประการดงั น้ี 1) พจิ ารณาวา่ การกระทาดงั กล่าวมีวตั ถุประสงคก์ ารใชง้ านอยา่ งไร 2) ลกั ษณะของขอ้ มูลที่จะนาไปใชซ้ ่ึงขอ้ มูลดงั กล่าวเป็น 3) จานวนและเน้ือหาที่จะคดั ลอกไปใชเ้ ม่ือเป็นสัดส่วนกบั ขอ้ มูลที่มีลิขสิทธ์ิท้งั หมด 4) ผลกระทบของการนาขอ้ มูลไปใช้ที่มีต่อความเป็ นไปได้ทางการตลาดหรือคุณค่าของงานที่มี ลิขสิทธ์ิน้นั ในมำตรำ 35 ได้บัญญัติให้กำรกระทำแก่โปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธ์ิ มิให้ถือว่ำเป็ นกำรละเมิด ลขิ สิทธ์ิ หำกไม่มีวตั ถุประสงค์เพื่อหำกำไร ในกรณดี งั ต่อไปนี้ 1) วจิ ยั หรือศึกษาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์น้นั 2) ใชเ้ พ่อื ประโยชนข์ องเจา้ ของสาเนาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์น้นั 3) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนาผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็ นเจ้าของลิขสิทธ์ิในโปรแกรม คอมพิวเตอร์น้นั 4) เสนอรายงานข่าวทางส่ือสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็ นเจา้ ของลิขสิทธ์ิในโปรแกรม คอมพิวเตอร์น้นั 5) ทาสาเนาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ในจานวนท่ีสมควรโดยบุคคลผซู้ ่ึงไดซ้ ้ือหรือไดร้ ับโปรแกรมน้นั มาจากบุคคลอ่ืนโดยถูกตอ้ ง เพื่อเกบ็ ไวใ้ ชป้ ระโยชน์ในการบารุงรักษาหรือป้องกนั การสูญหาย

6) ทาซ้า ดดั แปลง นาออกแสดง หรือทาให้ปรากฏเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจา้ พนกั งานซ่ึงมีอานาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพจิ ารณาดงั กล่าว 7) นาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์น้นั มาใชเ้ ป็นส่วนหน่ึงในการถามและตอบในการสอบ 4 8) ดดั แปลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกรณีท่ีจาเป็นแก่การใช้ 9) จดั ทาสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพ่ือเกบ็ รักษาไวส้ าหรับการอา้ งอิง หรือคน้ ควา้ เพือ่ ประโยชน์ ของสาธารณชน จริยธรรมในกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศต้องอยู่บนพืน้ ฐำน 4 ประเด็นด้วยกนั ที่รู้จักกนั ในลักษณะตวั ย่อว่ำ PAPA (จริยธรรมในสังคมสำรสนเทศ, 2551) คือ 1. ความเป็นส่วนตวั (Information Privacy) 2. ความถูกตอ้ งแม่นยา (Information Accuracy) 3. ความเป็นเจา้ ของ (Information Property) 4. การเขา้ ถึงขอ้ มูล (Data Accessibility)



6 บัญญตั ิ 10 ประกำร ของผู้ใช้คอมพวิ เตอร์ จรรยาบรรณเป็ นสิ่งท่ีทาให้สังคมอินเทอร์เน็ตเป็ นระเบียบความรับผิดชอบต่อสังคมเป็ นเรื่องท่ี จะตอ้ งปลูกฝังกฎเกณฑ์ของแต่ละเครือข่ายจึงตอ้ งมีการวางระเบียบเพื่อให้การดาเนินงานเป็ นไปอย่างมี ระบบและเอ้ือประโยชนซ์ ่ึงกนั และกนั บางเครือขา่ ยมีบทลงโทษและจรรยาบรรณท่ีชดั เจน เพอื่ ช่วยใหส้ ังคม สงบสุขและหากการละเมิดรุนแรงกฎหมายก็จะเขา้ มามีบทบาทไดเ้ ช่นกนั บัญญตั ิ 10 ประกำรในกำรใช้คอมพวิ เตอร์ 1. ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพิวเตอร์ทาร้ายหรือละเมิดผูอ้ ื่น 2. ตอ้ งไมร่ บกวนการทางานของผอู้ ื่น 3. ตอ้ งไม่สอดแนม แกไ้ ข หรือเปิ ดดูแฟ้มขอ้ มูลของผอู้ ่ืน 4. ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพิวเตอร์เพ่อื การโจรกรรมขอ้ มูลข่าวสาร 5. ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพิวเตอร์สร้างหลกั ฐานท่ีเป็นเทจ็ 6. ตอ้ งมีจรรยาบรรณการใชเ้ ครือข่ายสังคมออนไลน์ 7. ใหร้ ะมดั ระวงั ในการละเมิดหรือสร้างความเสียหายใหผ้ อู้ ่ืน 8. ใหแ้ หล่งท่ีมาของขอ้ ความ ควรอา้ งอิงแหล่งข่าวได้ 9. ไมก่ ระทาการรบกวนผอู้ ่ืนดว้ ยการโฆษณาเกินความจาเป็น 10. ดูแลและแกไ้ ขหากตกเป็ นเหยื่อจากโปรแกรมอนั ไม่พึงประสงค์ เพ่ือป้องกนั มิให้คนอื่นเป็ น เหยอื่



8 กฎหมำยและจริยธรรมทำงเทคโนโลยสี ำรสนเทศ ระบบสารสนเทศ (Information System ) หมายถึง ระบบท่ีมีการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการ รวบรวม จดั เก็บ หรือจดั การกบั ขอ้ มูลข่าวสารเพ่อื ใหข้ อ้ มุลน้นั กลายเป็ นสารสนเทศท่ีดี สามารถนาไปใชใ้ น การประกอบการตดั สินใจไดใ้ นเวลาอนั รวดเร็วและถูกตอ้ ง ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ย ฮาร์ดแวร์ (Hardware), ซอฟต์แวร์ (Software), ขอ้ มูล(Data), บุคคล (People), ขบวนการ (Procedure) และการสื่อสารขอ้ มูล (Telecommunication) ซ่ึงถูก กาหนดข้ึนเพื่อทาการรวบรวม, จดั การ จดั เก็บและประมวลผลข้อมูลให้เป็ นสารสนเทศ รูปที่ 4 แสดง ส่วนประกอบของระบบ สารสนเทศท่ีใชค้ อมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศที่มีการจดั การกบั สารสนเทศและสนับสนุนการตดั สินใจของผูบ้ ริหารให้เกิด ประสิทธิผล เรียกวา่ ระบบสารสนเทศเพ่อื สนบั สนุนการ บริหาร โดยเนน้ เร่ืองการสนบั สนุนการตดั สินใจใน ระดบั การจดั การระดบั ต่างๆ ไม่เนน้ ที่การประมวลขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการดาเนินการทางธุรกิจและเน้นที่โครง ร่างของระบบควรจะถูกใชใ้ นการ จดั การการใชง้ านระบบสารสนเทศ รูปท่ี 5 แสดงความสัมพนั ธ์ระหว่าง ระบบสารสนเทศเพอ่ื สนบั สนุนการบริหารและระดบั ของการจดั การ จรรยำบรรณสำหรับผู้ใช้อนิ เทอร์เน็ต ผใู้ ชอ้ ินเตอร์เน็ตน้นั มีเป็ นจานวนมาก ดงั น้นั การใชง้ านระบบเครือข่ายน้ีก็ยอ่ มจะมีผูท้ ี่ประพฤติไม่ ดี และสร้างปัญหาให้กบั ผอู้ ื่นเสมอ ดงั น้นั แต่ละเครือข่ายจึงตอ้ งมีการกาหนดกฎเกณฑ์ขอ้ บงั คบั ไว้ และใน ฐานะผู้ใช้งานที่ได้รับสิทธ์ิ เข้าใจ และปฏิบัติตามกฎที่ได้ถูกวางไว้ เพ่ือให้การอยู่ร่วมกันในระบบ

อินเตอร์เน็ตเป็ นไปอย่างสงบสุข จึงไดม้ ีผูพ้ ยายามรวบรวม กฎ กติกา มารยาท และวางเป็ นจรรยาบรรณ อินเตอร์เน็ต หรือท่ีเรียกวา่ Netiquette ความรับผดิ ชอบต่อสังคม เป็ นเร่ืองท่ีจะตอ้ งปลูกฝัง กฎเกณฑข์ องแต่ ละเครือข่าย จึงตอ้ งมีและวางระเบียบเพ่ือใหด้ าเนินงานเป็ นไปอยา่ งมีระบบ และเอ้ือประโยชนซ์ ่ึงกนั และกนั อนาคตของการใชเ้ ครือข่าย ยงั มีอีกมาก จรรยาบรรณจึงเป็นส่ิงที่ช่วยให้ สังคมสงบสุข

10 กฎหมำยเกยี่ วกบั ลำยมือช่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ e-Signature' ลายเซ็นอิเลก็ ทรอนิกส์ ที่กฎหมายยอมรับ ทาความรู้จกั \"e-Signature\" ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ท่ีเมื่อเร็วๆ น้ี สานกั งานพฒั นาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ไดอ้ อกประกาศมาตรฐาน เพ่ือใชเ้ ป็นแนวทางและขอ้ เสนอแนะใหก้ บั หน่วยงานที่ตอ้ งการจะใชด้ าเนินการ นิยำมตำมกฎหมำยของ e-Signature พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้กาหนดว่า “e-Signature” หรือ “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายถึง การสร้างชุดขอ้ มูลอิเล็กทรอนิกส์ (ในรูปแบบตวั เลข อกั ษร เสียง หรือสัญลกั ษณ์อ่ืนใด) เพ่ือใช้ แสดงความสัมพนั ธ์กบั บุคคลผูเ้ ป็ นเจา้ ของชุดขอ้ มูลดงั กล่าว (เจา้ ของลายมือชื่อ) โดยมีวตั ถุประสงคห์ ลกั 2 ประการคือ 1.เพอ่ื ระบุตวั บุคคลผเู้ ป็นเจา้ ของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์และสามารถแสดงความเชื่อมโยงไปยงั ชุดขอ้ มูลอิเล็กทรอนิกส์ และ 2.เพื่อแสดงว่าเจา้ ของลายมือชื่อยอมรับข้อความในมูลอิเล็กทรอนิกส์ชุด ดงั กล่าวน้นั ท้งั น้ี เจตนารมณ์ตามกฎหมายของการสร้าง e-Signature ไม่ไดต้ ่างไปจาก “การใชป้ ากกาลงลายมือ ชื่อบนกระดาษในแบบเดิม” ซ่ึงมีวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดใหเ้ จา้ ของลายมือชื่อยืนยนั ยอมรับ หรือรับรอง ข้อความตามท่ีปรากฏในเอกสารหรือเพ่ือเป็ นข้ันตอนหน่ึงที่กฎหมายในหลายเรื่อง (เช่น สัญญาเช่า อสังหาริมทรัพย์ สัญญากูย้ มื เงินเกินกวา่ 2,000 บาท) กาหนดใหต้ อ้ งทาเป็ นหนงั สือและมีการลงลายมือชื่อ คู่สัญญาไวเ้ พื่อเป็ นหลกั ฐานในการฟ้องบงั คบั คดีในอนาคต ซ่ึงหากปราศจากกลไกของกฎหมายธุรกรรม อิเล็กทรอนิกส์แลว้ การทาธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ ที่ตอ้ งมีการลงลายมือช่ือกากบั ยอ่ มไม่มีผลทางกฎหมายที่ สมบูรณ์ องค์ประกอบในกำรสร้ำง e-Signature กฎหมายไม่ได้ระบุว่าเทคโนโลยีอะไรบ้างท่ีจะสร้าง e-Signature ได้ แต่กฎหมายจะยอมรับก็ต่อเมื่อ e- Signature น้นั เป็นไปมาตรฐานท่ีกฎหมายกาหนดโดยจะตอ้ งมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั คือ 1.สามารถพิสูจน์และยืนยนั ตวั ตนเจ้าของลายมือช่ือได้ โดยต้องแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่าง “เจา้ ของ e-Signature” กบั “ขอ้ มูลอิเลก็ ทรอนิกส์” ที่นามาประกอบกนั ได้ ซ่ึงความน่าเช่ือถือของ e-Signature ตอ้ งพิจารณาคู่กบั ระดบั ความน่าเชื่อถือของไอเดนทิตี (IAL) ในการพิสูจน์ตวั ตน และระดบั ความน่าเช่ือถือ ของสิ่งที่ใชย้ นื ยนั ตวั ตน (AAL) ในกระบวนการยนื ยนั ตวั ตน

11 2.เจตนาในการลงลายมือช่ือ กล่าวคือ ตอ้ งแสดงได้ว่าเจ้าของ e-Signature เป็ นผูล้ งลายมือชื่อ เก่ียวกบั ขอ้ ความน้นั ไวเ้ อง โดยผูส้ ร้าง e-Signature อาจกาหนดรายละเอียด วตั ถุประสงค์ และเหตุผลในการ ลงลายมือช่ือไวใ้ นแบบฟอร์มใหช้ ดั เจนเพือ่ ใหเ้ จา้ ของ e-Signature เขา้ ใจและยอมรับในการลงลายมือช่ือน้นั 3.ครบถว้ นและไมเ่ ปลี่ยนแปลง กล่าวคือ ในกระบวนการเก็บรักษา e-Signature ผเู้ ก็บตอ้ งประกนั ได้ ว่า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เก่ียวกับ e-Signature มีความครบถ้วนเหมือนตอนแรกสร้างและไม่ถูก เปลี่ยนแปลงระหวา่ งทาง ประเภทและตัวอย่ำงของ e-Signature อำจแบ่งได้ตำมบริบทของกฎหมำยใน 3 รูปแบบ 1.แบบทวั่ ไป หรือแบบท่ีกฎหมายระบุวา่ “ตอ้ งใชว้ ธิ ีการท่ีน่าเช่ือถือในการสร้าง” ซ่ึง “วธิ ีการ” สร้าง e-Signature ในแบบน้ีจะมี “ความน่าเช่ือถือ” หรือไมน่ ้นั ก็ตอ้ งอยทู่ ี่การพสิ ูจนโ์ ดยพิจารณาไดจ้ ากพฤติการณ์ ท่ีเหมาะสม เทคโนโลยที ่ีเลือกใช้ ประกอบกบั ความเสี่ยงของประเภทธุรกรรมเพ่ือดูวา่ “วิธีการ” ดงั กล่าวมี ความมน่ั คงรัดกมุ และเหมาะสมกบั ธุรกรรมประเภทน้นั หรือไม่ ตวั อยา่ งของ e-Signature แบบทวั่ ไป เช่น การต้งั รหัสเขา้ ใช้บริการ (รหสั ATM) การป้อนขอ้ มูล One Time Password (OTP) การกดป่ ุม Ok/Send เพ่ือส่งหรือยอมรับขอ้ ความ การพิมพช์ ่ือไวท้ า้ ยอีเมล การสแกนภาพ ลายมือชื่อท่ีเขียนดว้ ยมือและแนบไปกบั เอกสารอิเลก็ ทรอนิกส์ หรือการใช้ Stylus เป็นตน้ 2.แบบเช่ือถือได้ เหตุท่ีกฎหมายรองรับในความน่าเชื่อถือก็เพราะ 1) ขอ้ มูลที่ใชส้ ร้าง e-Signature เช่ือมโยงไปยงั เจา้ ของได้ 2) อยภู่ ายใตก้ ารควบคุมของเจา้ ของในตอนที่สร้าง และ 3) เจา้ ของสามารถตรวจ พบการเปลี่ยนแปลง/ปลอมแปลงได้ ตวั อยา่ ง e-Signature ประเภทน้ี เช่น Digital Signature ท่ีอาศยั โครงสร้างพ้ืนฐานกุญแจสาธารณะ (PKI) และ เทคโนโลยีเปรียบเทียบข้อมูลชีวมิติ (BiometricComparison) เป็ นต้น ดังน้ันในทางปฏิบตั ิท่ีกฎหมายว่า “เชื่อถือได”้ ก็เพราะ e-Signature ในแบบน้ีมีการใชร้ ะบบหรือเทคโนโลยีท่ีมน่ั คงและรัดกุมกวา่ ในกรณีแรก ประกอบกบั ระดบั การพิสูจน์ตวั ตน (IAL2 ข้ึนไป) และการยืนยนั ตวั ตน (AAL2 ข้ึนไป) ก็อยใู่ นระดบั ท่ีสูง และน่าเชื่อถือกวา่ แบบทว่ั ไปดว้ ยเช่นกนั 3.แบบเชื่อถือไดแ้ ละมีใบรับรอง e-Signature จากผูใ้ ห้บริการออกใบรับรอง ซ่ึงแบบที่ 3 คือ การ สร้าง Signature โดยอาศยั เทคโนโลยี PKI ตามแบบที่ 2 เพียงแต่เพ่ิมเติมโดยมีคนกลาง หรือผูใ้ ห้บริการออก ใบรับรองเป็ นผอู้ อก certificate เพ่ือสนบั สนุนความถูกตอ้ งของ e-Signature น้นั ซ่ึงขอ้ ดีในทางกฎหมายคือ คนกลางน้ีเปรียบเสมือนพยานคอยรับรองในการสร้าง e-Signature ใหเ้ จา้ ของลายมือช่ือไดอ้ ีกช้นั หน่ึง

12 ภำระกำรพสิ ูจน์ตำมกฎหมำย เมื่อกฎหมายกาหนดลายมือช่ือไวห้ ลายประเภท แน่นอนวา่ ภาระพิสูจนใ์ นทางกฎหมายยอ่ มแตกต่าง กนั โดยหากเป็ น e-Signature แบบทว่ั ไป “ผูอ้ า้ งวา่ e-Signature น่าเชื่อถือยอ่ มมีหนา้ ท่ีนาสืบ” เช่น นาย ก. โตแ้ ยง้ วา่ e-Signature แบบ Stylus ของนาย ข.ไม่ใช่ลายมือชื่อท่ีแทจ้ ริง นาย ข.ผูอ้ า้ งวา่ ลายมือช่ือของตนน้นั เป็นของจริงมีหนา้ ท่ีในการหาพยานหลกั ฐานมาพิสูจน์ ในทางกลบั กนั หากเป็ น e-Signature แบบเชื่อถือได้ “กฎหมายจะสันนิษฐานไวก้ ่อนว่าน่าเช่ือถือ ภาระการพิสูจน์จึงตกเป็ นของผูโ้ ตแ้ ยง้ วา่ ไม่น่าเชื่อถือ” เช่น นาย ค.โตแ้ ยง้ วา่ Digital Signature ของ นาย ง. ไม่น่าเชื่อถือ นาย ค.ผูโ้ ตแ้ ยง้ มีหน้าท่ีในการหาพยานหลกั ฐานมาพิสูจน์วา่ Digital Signature ของนาย ง.ไม่ น่าเช่ือถืออยา่ งไร ทา้ ยท่ีสุดในทางปฏิบตั ิ การเลือกประเภทของ e-Signature ข้ึนอยู่กบั หลายปัจจยั โดยตอ้ งพิจารณา factors ต่างๆ ประกอบเช่น มูลคา่ และความถ่ีในการทาธุรกรรม ความสอดคลอ้ งของระบบงานภายในองคก์ ร รวมถึงระดบั การยอมรับของคู่สัญญา โดยอาจพิจารณาจากมาตรฐานที่ใช้ในอุตสาหกรรมประเภทน้ัน ประกอบ ซ่ึงหากท่านปฏิบตั ิตามขอ้ กาหนดของกฎหมายแลว้ ลายเซ็นอิเลก็ ทรอนิกส์ท่ีใชน้ ้นั ยอมมีผลในทาง กฎหมาย

ข บรรณำนุกรม อานวย เดชชยั ศรี และคณะ. 2553. เทคโนโลยสี ารสนเทศ ม.4. กรุงเทพฯ : บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั . พมิ ลพรรณ ประเสริฐวงษ์ เรพเพอร์ และคณะ. 2551. เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร. กรุงเทพฯ : บริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท.จากดั . https://sites.google.com/site/minkmingkamon/rabb-kherux-khay-khxmphiwtexr http://www.thaigoodview.com/node/118154


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook