Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือไฟฟ้าล่าสุด

หนังสือไฟฟ้าล่าสุด

Published by banchang131262, 2022-01-26 13:38:27

Description: หนังสือไฟฟ้าล่าสุด

Search

Read the Text Version

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 2 1.งานซ่อมเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า 1.1 งานซอ่ มกระทะไฟฟ้า กระทะไฟฟ้า (Electric Frying Pan) เป็นเคร่ืองใชง้ านครวั ท่ีใชใ้ นการปรุงอาหารใหส้ กุ โดยอาศัยความ รอ้ นท่ี ไดจ้ ากการเปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานความรอ้ น เพ่ือความสะดวก จึงถูกออกแบบมาใหม้ ีรูปลกั ษณะ ภายนอกแตกต่างกนั ตามลกั ษณะการใชง้ าน ดงั รูป 1.1 (ก) หมอ้ สกุ ียากี้ (ข) กระทะรอ้ นเอนกประสงค์ (ค) กระทะรอ้ นเทปันยากิ รูปท่ี 1.1 รูปแบบภายนอกของกระทะไฟฟา้ ตามลกั ษณะการใชง้ าน (ทมี่ า : www.misushita-electric.com/products-th.html,2552) 1.1.1 โครงสรา้ งของกระทะไฟฟ้า กระทะไฟฟ้าทาหนา้ ท่ีเปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานความรอ้ นแลว้ ถ่ายเทพลงั งานความรอ้ นไปยงั โลหะท่ใี ชท้ าพนื้ กระทะสาหรบั การหงุ ตม้ อาหารอีกทหี นึ่ง (ก) กระทะแบบธรรมดา (ข) กระทะผิวเคลอื บสารนิวลฟิ ลอน รูปท่ี 1.2 ลกั ษณะภายนอกของกระทะไฟฟ้า (ท่มี า : www.misushita-electric.com/products-th.html,2552) จากรูปท่ี 1.2 แสดงโครงสรา้ งภายนอกของกระทะไฟฟา้ มีส่วนประกอบดงั นี้ 1. พนื้ ผวิ กระทะ เป็นตวั กระทะทามาจากอะลมู เิ นยี มหล่อ เพ่อื ใหน้ าความรอ้ นไดด้ ี เบาและไมเ่ ป็นสนิม เป็นท่ี ใส่อาหารในการหงุ ตม้ 2. ฝาครอบ ทาหนา้ ท่ีปิดไม่ใหค้ วามรอ้ นออกในขณะหงุ ตม้ อาหาร ดา้ นบนของ ฝาครอบจะมีท่ีจบั เปิดปิดฝา กระทะ 3. โครง ทาหนา้ ท่ยี ึดชนิ้ สว่ นทงั้ หมดของกระทะ และป้องกนั ไม่ใหผ้ ใู้ ชส้ มั ผสั กบั สว่ นท่เี ป็นวงจรไฟฟ้า 4. ป่มุ ปรบั ระดบั ความรอ้ น ทาหนา้ ท่คี วบคมุ อณุ หภมู ิกระทะไฟฟา้ และเป็นสวิตช์ ตดั ต่อวงจรไฟฟ้าดว้ ย 5. ขว้ั ตอ่ สายไฟ ทาหนา้ ต่อวงจรไฟฟ้าจากแหล่งจา่ ยไปยงั กระทะผ่านทางสายตวั นา

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 3 1.1.2 หลักการทางานของกระทะไฟฟ้า กระทะไฟฟา้ เป็นเคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ท่ใี หค้ วามรอ้ นโดยใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผ่านลวดความรอ้ น มีคณุ สมบตั ิทน ความรอ้ นสงู และไม่รวมกบั ออกซิเจน ขดลวดความรอ้ นจะขดอย่ใู นท่รี องรบั ท่เี ป็นฉนวนไฟฟา้ เพ่ือป้องกนั ไฟฟ้าร่วั ท่ี สามารถถ่ายเทความรอ้ นจากขดลวดไปยงั พนื้ กระทะได้ รูปท่ี 1.3 ขดลวดความรอ้ นของกระทะไฟฟา้ 1. ลวดความรอ้ น ลวดความรอ้ นจะถูกหล่อติดอย่ทู ่กี ันของกระทะ ลวดความรอ้ นนน้ั ทาดว้ ยลวดนิโครม ซ่ึงเป็นโลหะผสมนิกเกิล เหล็กและโครเมียม ใส่ไวใ้ นท่อเหล็กมีผงแมกนีเซียมออกไซดล์ งไปในท่อและมีขัว้ ต่อสาย ออกมาจากภายนอก 2 ขว้ั 2. อปุ กรณค์ วบคมุ อณุ หภมู ิ ทาหนา้ ท่ใี นการปรบั ระดบั ความรอ้ นในการใชง้ าน และรกั ษาระดบั ความรอ้ น ใหค้ งท่โี ดยจะมเี ทอรโ์ มสตสั ตดั กระแสไฟฟ้าเม่ือถงึ ระดบั อณุ หภมู ิท่ีตงั้ ไว้ รูปที่ 1.4 อปุ กรณค์ วบคมุ อณุ หภมู ิ รูปท่ี 1.5 วงจรของกระทะไฟฟ้า การทางาน จากวงจรในรูปท่ี 1.5 เม่ือมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดความรอ้ นจะทาใหม้ ีความรอ้ นเกิดขึน้ โดยปริมาณความรอ้ นจะเพ่ิมขึน้ เร่ือย ความรอ้ นท่ีเกิดขึน้ นีจ้ ะส่งผ่านมายังตัวกระทะเกือบท้ังหมด จนถึงระดับ อณุ หภมู ิท่ีตงั้ ไว้ สวิตชจ์ ะตดั วงจร

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 4 1.1.3 การตรวจสอบหาสาเหตขุ อ้ บกพร่องของกระทะไฟฟ้า 1. หลกั ปฏิบตั ิในการซ่อมบารุงกระทะไฟฟ้า (1) ตรวจสภาพภายนอกท่วั ไป โดยการสมั ผสั ดมกลิน่ ฟังเสียง (2) เมอ่ื พบจดุ บกพรอ่ งแลว้ ก็ใหต้ รวจสอบจดุ นน้ั ใหล้ ะเอยี ดอกี ครงั้ (3) จดุ ต่อสายไฟฟ้าใหต้ รวจสอบกอ่ น จดุ ท่เี ป็นสกรูหรอื สลกั เกลยี ว ขนั ใหแ้ น่น (4) ตรวจสอบแน่ใจว่ากระทะไฟฟา้ ไม่ไดก้ าลงั ตอ่ อยกู่ บั แหลง่ จา่ ยไฟฟา้ (5) ตรวจสอบอปุ กรณท์ ่ที างานเก่ียวขอ้ งกบั ระบบไฟฟ้าเป็นอนั ดบั แรก ๆ (6) กอ่ นทาการแยกชนิ้ สว่ นกระทะไฟฟ้า ใหบ้ นั ทึกหรอื ทาเคร่อื งหมายเสยี ก่อนเพ่อื เวลาประกอบ จะไดไ้ มผ่ ดิ พลาด (7) ชนิ้ สว่ นบางชนิดเม่อื ถอดออกมาแลว้ ไม่สามารถซ่อมได้ ตอ้ งเปล่ยี นเป็นของใหม่ (8) การประกอบชนิ้ ส่วนต่าง ๆ เขา้ ท่เี ดิม ใหท้ าความสะอาดและตรวจสภาพใหเ้ รยี บรอ้ ยเม่ือ ประกอบเสรจ็ ใหท้ ดลองการทางานก่อนเพ่อื ความถกู ตอ้ งและปลอดภยั 2. การตรวจสอบหาสาเหตขุ อ้ บกพรอ่ งของกระทะไฟฟา้ ในการตรวจซ่อมกระทะไฟฟา้ เม่อื ทราบถงึ อาการขดั ขอ้ ง เชน่ กระทะไฟฟา้ ไมร่ อ้ น หรือลง กราวด์ การตรวจซอ่ มมีลาดบั ขนั้ ตอน หรอื จดุ ตรวจท่สี าคญั 3 จดุ หลกั ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) สายไฟเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ หมายถึง ชดุ สายไฟฟ้าท่ตี อ่ เขา้ มายงั วงจรเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้า ไดแ้ ก่ เตา้ เสียบกระทะไฟฟา้ สายไฟกระทะไฟฟา้ ขวั้ ตอ่ สายไฟ (2) อปุ กรณท์ าใหเ้ กดิ ความรอ้ นของกระทะไฟฟา้ คือ ลวดความรอ้ น (Heater) (3) ชดุ ควบคมุ ความรอ้ น คือ ชดุ ควบคมุ ความรอ้ นอตั โนมตั ิ 1.1.4 การซอ่ มบารุงรักษากระทะไฟฟ้า 1. การซ่อมกระทะไฟฟ้า เม่ือระบบไฟฟ้าของกระทะไฟฟา้ ไม่ทางาน สามารถตรวจซ่อมตามอาการเสยี ได้ ดงั นี้ (1) ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายใหก้ ระทะไฟฟ้า ใหต้ รวจสอบเตา้ รบั ดว้ ยมลั ติมิเตอรห์ รือไขควงทดสอบ ไฟ ดวู ่ามีแรงดนั ไฟฟ้าออกมาหรือไม่ ถา้ ตรวจสอบแลว้ เตา้ รบั ไม่มีแรงดนั ไฟฟ้าออกมา แสดงว่ากระทะไฟฟ้าไม่ได้ เสีย แต่เป็นเตา้ รบั เสียหรือไม่มีไฟฟ้าไหลผ่านใหต้ รวจสอบเตา้ รบั และเม่ือตรวจสอบแลว้ เตา้ รบั มีแรงดนั ไฟฟ้าไหล ผ่าน ใหต้ รวจสอบสายไฟฟ้าโดยใช้ มัลติมิเตอรว์ ดั ค่าความตา้ นทานไฟฟ้าของสายโดยตงั้ ค่าวดั มลั ติมิเตอรท์ ่ี Rx1 แลว้ ใชส้ ายมิเตอรว์ ดั ท่ีตน้ สายและปลายสายของสายไฟทงั้ 2 เสน้ ตามรูปท่ี 1.6 ถา้ วดั ค่าได้ หรือเข็มมิเตอรเ์ กิดการ เปลีย่ นแปลง แสดงวา่ สายไมม่ ขี อ้ บกพรอ่ ง แตถ่ า้ ไมเ่ กิดปฏกิ ิรยิ าใดๆ แสดงว่า สายไฟขาดใหเ้ ปลยี่ นสายไฟใหม่

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 5 รูปท่ี 1.6 การใชม้ ลั ตมิ เิ ตอรต์ รวจสอบสายไฟฟา้ ของกระทะไฟฟ้า (2) มีกระแสไฟฟ้าจ่ายใหก้ ระทะไฟฟา้ แตก่ ระทะไฟฟ้าไมร่ อ้ น ใหใ้ ชเ้ คร่อื งวดั มลั ตมิ เิ ตอรว์ ดั คาาท่ี ขว้ั ของขดลวดความรอ้ น โดยตงั้ ค่าท่ี Rx1 แลว้ ใชส้ ายมเิ ตอร์ วดั ท่ขี ว้ั ของขดลวดทงั้ 2 อ่านค่าท่มี เิ ตอรถ์ า้ หากมิเตอรม์ ี การเปลี่ยนแปลงแสดงว่า ขดลวดความรอ้ นไม่ผิดปกติ ให้ตรวจสอบอุปกรณอ์ ื่นแทน แต่ถ้าเข็มมิเตอรเ์ กิดกา ร เปลี่ยนแปลงโดยเข็มชีไ้ ปท่ศี นู ย์ แสดงว่า ขดลวดความรอ้ นนนั้ เกิดการลดั วงจรขึน้ ใหเ้ ปล่ียนใหม่ หรือถา้ เข็มมเิ ตอร์ ไม่เกดิ การเปล่ยี นแปลงใด ๆ กแ็ สดงว่า ขดลวดความรอ้ นนนั้ ขาด ใหเ้ ปล่ยี นใหมไ่ ดเ้ ชน่ เดียวกนั รูปท่ี 1.7 การใชม้ ลั ติมเิ ตอรต์ รวจสอบขดลวดความรอ้ น ของกระทะไฟฟ้า 1.1.5 การบารุงรักษากระทะไฟฟ้า (1) ใหต้ รวจสอบสว่ นท่เี ป็นโลหะของกระทะไฟฟ้า โดยใชไ้ ขควงทดสอบไฟ หากพบว่ามีไฟฟ้าร่วั ใหร้ ีบ แกไ้ ขทนั ทสี ายไฟฟา้ กระทะไฟฟา้ ตอ้ งไมเ่ สื่อมสภาพ หรอื ฉกี ขาด (3) เตา้ เสยี บของกระทะไฟฟ้าตอ้ งไมแ่ ตกรา้ ว และไมม่ ีรอยไหม้ (4) กระทะไฟฟา้ ตอ้ งไมว่ างอยบู่ นพนื้ ท่ตี ดิ ไฟและใกลส้ ารไวไฟ (5) เมอ่ื เลกิ ใชง้ าน ตอ้ งถอดปลก๊ั เสยี บออกทนั ที (6) ระวงั อยา่ ทงิ้ สิง่ หงุ ตม้ ไวบ้ นกระทะไฟฟ้านาน ๆ (7) เพราะอาจทาใหเ้ กดิ เพลิงไหมข้ ึน้ ไดร้ ะบบไฟฟา้ ของกระทะไฟฟา้ อยทู่ ่ใี ตต้ วั กระทะ ดงั นน้ั ไมค่ วรแช่ กระทะ ทง้ั ใบลงในนา้ และใหข้ าเสียบท่ตี วั กระทะแหง้ ทกุ ครงั้ ท่มี กี ารลา้ งทาความสะอาดกระทะไฟฟ้า

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 6 1.1.6 ขอ้ บกพร่อง สาเหตทุ พี่ บบ่อย และวธิ ีแก้ไข เก่ยี วกับกระทะไฟฟ้า ขอ้ บกพร่อง สาเหตุ วิธีซอ่ มบารุง 1. กระทะไฟฟา้ 1. ไม่มกี ระแสไฟฟา้ จ่ายใหก้ ระทะ ตรวจสอบสายไฟฟ้า ใชม้ ลั ติมิเตอรว์ ดั ค่าความตา้ นทานไฟฟ้า 2. ลวดความรอ้ นขาด ของสาย โดยตง้ั คา่ ยานวดั ความตา้ นทานท่ี Rx1 แลว้ วดั ที่ตน้ สาย ไม่รอ้ น 3. สวิตชป์ รบั ระดบั ความรอ้ นเสีย และปลายสายของสายไฟทงั้ 2 เสน้ - ไดค้ ่าความตา้ นทาน 0 Ω สายไฟยงั ใชง้ านได้ 2. กระทะลดั วงจร 4. จดุ ตอ่ สายหลวม - ไดค้ ่าความตา้ นทาน ∞ สายไฟขาดใหเ้ ปล่ยี นใหม่ ตรวจสอบลวดความรอ้ น ใชม้ ลั ติมเิ ตอรว์ ดั ค่าความ ฉนวนที่ขวั้ เสยี บของกระทะเส่อื ม ตา้ นทานไฟฟา้ ของลวดความรอ้ นโดยตงั้ ค่ายา่ นวดั ความ ตา้ นทานท่ี Rx 1 แลว้ วดั ท่ขี วั้ ของลวดความรอ้ น -วดั ความตา้ นทานได้ 20-65 Ω ลวดความรอ้ นยงั ใชง้ านได้ -วดั ความตา้ นทานได้ ∞ ลวดความรอ้ นขาดใหเ้ ปลีย่ นใหม่ ตรวจสอบหน้าสัมผสั สวิตช์ ตรวจสอบการทางานของ หนา้ สมั ผสั สวติ ช์ ตงั้ ค่ายา่ นวดั ความตา้ นทาน ที่ Rx1 เลอื่ นสวติ ชส์ งั เกตใหห้ นา้ สมั ผสั ตอ่ วงจร วดั ความ ตา้ นทาน ได้ 0 Ω สวติ ชใ์ ชง้ านไดต้ ามปกติ - วดั ความตา้ นทานไดม้ ากกว่า 0 Ω ทาความสะอาดผิวหนา้ สมั ผสั ดว้ ยนา้ ยาลา้ งหนา้ สมั ผสั หรอื กระดาษทราย ตรวจสอบจุดต่อสายไฟฟ้า ตรวจสอบจดุ ตอ่ ของอปุ กรณต์ า่ ง ๆ โดยการขนั สกรูใหแ้ นน่ ทงั้ หมด ใชม้ ลั ติมเิ ตอรว์ ดั ค่าความตา้ นทาน ไฟฟ้า โดยตง้ั ค่ายา่ นวดั ความตา้ นทาน ที่ Rx1 เล่ือนสวติ ชก์ ระทะ ไปท่ตี าแหนง่ รอ้ นสดุ วดั ความตา้ นทานทีข่ าเสยี บของปล๊กั ไฟทงั้ 2 ขา - วดั ความตา้ นทานได้ 20-65 Ω กระทะใชง้ านไดต้ ามปกติ - วดั ความตา้ นทานได้ ∞ กลบั ไป ขอ้ 1 ใหม่ ขั้วต่อของลวดความรอ้ นท่ียื่นออกมาจะต้องมีฉนวนกั้นไว้ ซ่ึง ฉนวนท่ีใช้จะเป็นกระเบื้องทนความรอ้ นถ้าฉนวนแตกชารุด ลวดความรอ้ นจะสมั ผสั กับโครง หรือสมั ผสั กนั เองจึงลดั วงจร ถา้ พบฉนวนแตกหกั ใหถ้ อดฉนวนเปลี่ยนเลย ใชม้ ลั ติมิเตอรว์ ัดค่า ความตา้ นทานของลวดความรอ้ น -วดั ความตา้ นทานลวดความรอ้ นได้ 20-65 2 ยงั ใชง้ านได้ -วดั ความตา้ นทานได้ ∞ ลวดความรอ้ นขาดใหเ้ ปล่ยี นใหม่ -วัดความตา้ นทานได้ 0 Ω ลวดความรอ้ นยังคงลดั วงจรเปล่ียน ลวดความรอ้ น -ใชเ้ มกกะโอหม์ มเิ ตอรว์ ดั ขวั้ ลวดความรอ้ นเทยี บกบั โครง วดั ความ ตา้ นทานได้ ∞ ใชง้ านได้

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 7 ขอ้ บกพร่อง สาเหตุ วธิ ีซอ่ มบารุง 1. สว่ นหนึ่งสว่ นใดของวงจรสมั ผสั ตรวจสอบสายไฟและอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีเป็นส่วนของ 3. กระแสไฟฟ้าร่วั ลงโครงของ กบั โครงของกระทะ วงจรไฟฟ้า เล่ือนสวิตชก์ ระทะไปที่ตาแหน่งรอ้ นใชเ้ มกกะ กระทะ โอห์มวัดความต้านทานท่ีขาเสียบของปล๊ักไฟ เทียบกับ 2. มคี วามขนึ้ ที่ขวั้ เสียบของกระทะ โครง กระทะ -วดั ความตา้ นทานได้ ∞ กระทะใชง้ านไดต้ ามปกติ -วดั ความตา้ นทานไดน้ อ้ ยกวา่ 2 MΩ กลบั ไปตรวจใหม่ ความชนื้ อาจทาใหก้ ระแสไฟฟ้าร่วั ลงโครงของกระทะ ให้ ถอดนอตทยี่ ึดขวั้ ต่อออกและทาความสะอาดขวั้ ตอ่ ลวดความรอ้ นดว้ ยผา้ แหง้ จนหมดความชนื้ ประกอบกลบั เขา้ อย่างเดิม แลว้ ทดสอบใชง้ าน 1.2 งานซอ่ มเตารีดไฟฟ้า เป็นเคร่ืองใชใ้ นงานบา้ นท่ใี ชใ้ นการรีดผา้ ใหเ้ รยี บโดยอาศยั ความรอ้ นท่ไี ดจ้ ากการเปลย่ี นพลงั งานไฟฟ้า เป็นพลงั งานความรอ้ น มี 2 แบบ คือ แบบธรรมดา รดี ผา้ โดยใชเ้ ฉพาะความรอ้ นอยา่ งเดียว และแบบไอนา้ สามารถ พ่นไอนา้ ลงบนผา้ ในขณะทร่ี ดี ผา้ ดว้ ย ดงั รูปท่ี 1.8 รูปท่ี 1.8 ลกั ษณะภายนอกของเตารดี ไฟฟา้ 1.2.1 โครงสร้างของเตารีดไฟฟ้า เตารีดไฟฟ้าทาหนา้ ท่เี ปลยี่ นพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานความรอ้ นแลว้ ถ่ายเทพลงั งานความรอ้ นไปยงั โลหะท่ใี ชท้ าพนื้ เตารดี สาหรบั รดี ผา้ อกี ทีหน่งึ 1. โครงสรา้ งภายนอกของเตารดี ไฟฟ้าแบบธรรมดา รูปที่ 1.9 ส่วนประกอบภายนอกของเตารดี ไฟฟ้า

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 8 2. โครงสรา้ งภายในของเตารีดไฟฟ้าแบบธรรมดา รูปท่ี 1.10 ส่วนประกอบภายในของเตารดี ไฟฟ้า 3. โครงสรา้ งภายนอกของเตารดี ไอนา้ ย่หี อ้ ฟิลปิ รุน่ GC2520 รูปที่ 1.11 สว่ นประกอบภายนอกของเตารดี ไอนา้ ยีห่ อ้ ฟิลิปรุน่ GC2520 (ทีม่ า: www.trendyday.com,2552) สว่ นประกอบภายนอกของเตารดี ไอนา้ ย่หี อ้ ฟิลปิ รุน่ GC2520 มดี งั นี้ 1. หวั ฉีดสเปรย์ 2. ฝาครอบช่องเตมิ นา้ 3. ป่มุ ควบคมุ พลงั ไอนา้ 4. อณุ หภมู ปิ ่มุ เพม่ิ พลงั ไอนา้ 5. ป่มุ สเปรย์ 6. หลอดสญั ญาณระบบตดั ไฟอตั โนมตั ิ 7. สายไฟ 8. สารขจดั ตะกรนั 9. สญั ญาณไฟแสดง 10. แผน่ ป้าย 11. ถงั นา้ 12. ป่มุ ปรบั อณุ หภมู ิ

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 9 1.2.2 หลกั การทางานของเตารีดไฟฟ้า 1. ขดุ ควบคมุ ความรอ้ นของเตารดี ไฟฟ้า รูปที่ 1.12 การทางานของชดุ ควบคมุ ความรอ้ น จากรูปท่ี 1.12 ชดุ ควบคมุ ความรอ้ นมีหนา้ ทร่ี กั ษาระดบั ความรอ้ นของเตารดี ใหค้ งท่อี ยตู่ ลอดเวลา เม่ือ รอ้ นเกนิ กาหนดก็จะตดั วงจรและเม่อื เย็นลงกจ็ ะต่อวงจรใหม่ ชดุ ควบคมุ ความรอ้ นทางานโดยการโก่งงฮของแผน่ ไบ- เมทลั ไปกดหนา้ สมั ผสั ลา่ งของชดุ ควบคมุ ใหเ้ ปิดออก สว่ นทแ่ี กนปรบั อณุ หภมู ินนั้ จะเป็นตวั ปรบั ระยะหา่ งของ หนา้ สมั ผสั ดา้ นบนซง่ึ เป็นการตงั้ ระดบั อณุ หภมู ิ หรือระดบั ความรอ้ น 1. วงจรไฟฟ้าของเตารดี ไฟฟา้ รูปที่ 1.13 แสดงวงจรไฟฟ้าของเตารดี ไฟฟ้า จากรูปท่ี 1.13 เม่ือมกี ระแสไฟฟา้ ไหลเขา้ เตารดี จะผา่ นไปยงั หนา้ สมั ผสั ลวดความรอ้ นและลวดความ ตา้ นทานตามลาดบั ซง่ึ จะทาใหแ้ ผ่นความรอ้ นเกดิ ความรอ้ นสง่ ผา่ นความรอ้ นใหเ้ ตารดี และแผน่ ไบ-เมทลั ทย่ี ดึ ตดิ กบั พนื้ เตารดี กไ็ ดร้ บั ความรอ้ นไปดว้ ย เม่ือไบ-เมทลั ไดร้ บั ความรอ้ นจะเกดิ การงอตุ วั ตามปรมิ าณความรอ้ นท่ไี ดร้ บั สง่ ผลทาใหแ้ รงกดระหว่าง หนา้ สมั ผสั นอ้ ยลง จนกระท่งั พืน้ เตารดี รอ้ นจนถงึ ระดบั ท่ตี งั้ ไวห้ นา้ สมั ผสั กจ็ ะตดั กระแสไฟไม่ใหไ้ หลผา่ นแผ่นความ รอ้ นทาใหเ้ ตารีดเยน็ ลง ไบ-เมทลั จะเรม่ิ เหยียดตรงตามเดิมจากนนั้ หนา้ สมั ผสั กต็ ่อกระแสไฟฟ้าใหก้ บั แผ่นความรอ้ น อกี ครงั้ 1.2.3 การตรวจสอบหาสาเหตุขอ้ บกพร่องของเตารดี ไฟฟ้า 1. หลกั ปฏบิ ตั ใิ นการซ่อมบารุงเตารดี ไฟฟ้า (1) ตรวจสภาพภายนอกท่วั ไป โดยการสมั ผสั ดมกล่ิน ฟังเสียง (2) ตรวจสอบจดุ ต่อสายไฟฟา้ จดุ ท่เี ป็นสกรูหรอื สลกั เกลยี ว ขนั ใหแ้ น่น (3) ตรวจสอบใหแ้ นใ่ จวา่ เตารีดไมไ่ ดต้ ่ออย่กู บั แหล่งจา่ ยไฟฟ้า

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 10 (4) ก่อนทาการแยกชนิ้ ส่วนเตารดี ไฟฟา้ ใหบ้ นั ทกึ หรือทาเครอื่ งหมายเสยี กอ่ น เพ่อื เวลาประกอบ จะไดไ้ ม่ผดิ พลาด (5) ชนิ้ สว่ นท่ไี ม่สามารถซอ่ มได้ ตอ้ งเปล่ยี นเป็นของใหม่ (6) การประกอบชนิ้ สว่ นต่าง ๆ เขา้ ท่เี ดมิ ใหท้ าความสะอาดและตรวจสภาพใหเ้ รยี บรอ้ ยเม่ือ ประกอบเสรจ็ ใหท้ ดลองการทางานก่อนเพ่อื ความถกู ตอ้ งและปลอดภยั (7) ถา้ พนื้ เตารดี มีคราบสกปรกเกาะตดิ อยู่ ใหใ้ ชผ้ า้ น่มุ ๆ ซบั นา้ ฟองสบเู่ ซ็ด ทาความสะอาดหา้ ม ใชโ้ ลหะหรอื ของมคี มขดู โดยเดด็ ขาด 2. การตรวจสอบหาสาเหตขุ อ้ บกพรอ่ งของเตารีดไฟฟา้ ในการตรวจซ่อมเตารดี ไฟฟ้าเมอ่ื ทราบถึงอาการขดั ขอ้ ง เชน่ เตารีดไมร่ อ้ น หรอื เตารดี รอ้ นมากเกินไป การตรวจซ่อมมลี าดบั ขนั้ ตอนหรอื จดุ ตรวจท่สี าคญั 3 จดุ หลกั ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) สายไฟเขา้ เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า หมายถงึ ชดุ สายไฟฟ้าท่ตี ่อเขา้ มายงั วงจรเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ไดแ้ ก่ ปลก๊ั เตารดี ไฟฟ้า สายไฟเตารดี ไฟฟา้ ขว้ั ตอ่ สายไฟ (2) อปุ กรณท์ าใหเ้ กดิ ความรอ้ นของเตารดี คือ ลวดความรอ้ น (Heater) (3) ชดุ ควบคมุ ความรอ้ น คอื ชดุ ปรบั ความรอ้ นอตั โนมตั ิ 1.2.4 การซอ่ มบารุงรักษาเตารดี ไฟฟ้า 1. การซ่อมเตารีดไฟฟ้า เม่ือเตารีดไฟฟ้าไม่รอ้ น การซ่อมตอ้ งตรวจสอบดทู ่ีสายไฟของเตารีดไฟฟ้าว่า ชารุดหรือไม่ และตอ้ งตรวจสอบดวู ่าเตา้ รบั ไฟฟ้ามีไฟหรือไม่ และจะตอ้ งดวู ่าเตา้ รบั มีแรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั 220 โวลต์ กอ่ นท่จี ะนาเตารีดไปใชง้ าน หากพบวา่ เตารดี ไม่รอ้ นเลยใหด้ าเนินการตามขนั้ ตอนดงั ตอ่ ไปนี้ (1) ใหถ้ อดนอตฝาครอบดา้ นหลงั เตารีดออก (2) ใหใ้ ชม้ ลั ตมิ เิ ตอรว์ ดั ท่เี ตา้ เสียบและหลกั ตอ่ สายของเตารดี โดยสลบั กนั วดั ทง้ั สองขา้ ง ดงั รูปท่ี 1.14 รูปท่ี 1.14 การวดั หลกั ตอ่ สายดว้ ยมลั ตมิ เิ ตอร์ (3) ผลจากการวดั ของมลั ตมิ เิ ตอรต์ ามรูปท่ี 1.14 ถา้ เขม็ มเิ ตอรไ์ มข่ ึน้ แสดงว่า สายเตารีดขาดหรอื ปล๊กั ชารุด (ใหต้ รวจสภาพสายเตารีด) (4) ผลจากการวดั ของมลั ตมิ ิเตอรต์ ามรูปท่ี 1.14 ถา้ เขม็ มิเตอรข์ ึน้ ใหด้ าเนนิ การตรวจซอ่ มขน้ั ต่อไป (5) ถอดแผน่ ปา้ ยพรอ้ มทงั้ ถอดฝาครอบและสายเตารดี ออกตามขนั้ ตอน จะเหน็ โครงสรา้ งภายใน

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 11 (6) ดทู ่หี นา้ สมั ผสั ว่าผิดปกติหรอื ไม่ คือดทู ่หี นา้ สมั ผสั แตะกนั หรอื ไม่ หรอื ดทู ่ผี วิ หนา้ สมั ผสั สกปรก หรือไม่หากปกตใิ หด้ าเนนิ การซอ่ มขนั้ ตอ่ ไป (7) ใหต้ รวจสอบลวดความรอ้ นวา่ ขาดหรือไม่โดยการใชม้ ลั ตมิ เิ ตอรว์ ดั โดยวดั ท่ลี วดความรอ้ นหาก เขม็ มเิ ตอรไ์ มข่ ึน้ แสดงวา่ ขดลวดความรอ้ นขาด ดงั รูปท่ี 1.15 ถา้ ขดลวดความรอ้ นขาดตอ้ งเปลยี่ นเตารีดใหม่ (เพราะ จากรูปท่ี 1.15 เป็นเตารดี ไฟฟ้าชนิดเปล่ียนลวดความรอ้ นไมไ่ ด)้ รูปท่ี 1.15 การวดั ลวดความรอ้ นดว้ ยมลั ติมิเตอร์ 2. การซ่อมเตารดี ไฟฟ้า เม่ือเตารดี ไฟฟา้ รอ้ นมากผดิ ปกติ หากพบวา่ เตารดี รอ้ นมากผิดปกตคิ อื ปรบั ไป ตาแหน่งรอ้ นนอ้ ยแตก่ ย็ งั รอ้ นมากเหมอื นเดมิ ใหด้ าเนนิ การ ดงั นี้ (1) ใหถ้ อดเตารีดไฟฟา้ ออกตามขนั้ ตอนท่กี ล่าวมาแลว้ ในขน้ั ตน้ (2) สงั เกตดหู นา้ สมั ผสั ทงั้ สองวา่ ยดึ ตดิ กนั มากเกนิ ไปหรือเปล่าถา้ หากยึดตดิ มาก ใหต้ งั้ หนา้ สมั ผสั ใหม่ 3. การซ่อมเตารดี ไฟฟ้าเมอ่ื เตารดี ไฟฟ้ารอ้ นนอ้ ยผดิ ปกติ ขณะทาการรดี เสอื้ ผา้ เม่อื ปรบั ระดบั ไปใน ตาแหนง่ ท่รี อ้ นมากแลว้ แต่เตารดี กย็ งั รอ้ นนอ้ ยเท่าเดมิ ใหป้ ฏิบตั ดิ งั นี้ (1) ถอดเตารดี ไฟฟา้ ตามขน้ั ตอนและดทู ่ชี ดุ ควบคมุ ความรอ้ นของเตารดี ไฟฟา้ (2) ดหู นา้ สมั ผสั ทง้ั สองดา้ นวา่ อยใู่ นสภาพผิดปกตหิ รอื ไม่ คือ หนา้ สมั ผสั หา่ งกนั มากไปหรอื ผวิ ขรุขระไมเ่ รยี บ 4. การซอ่ มเตารดี ไฟฟ้าเม่อื เตารดี ไฟฟ้ามไี ฟร่วั ท่เี ตารดี สาเหตจุ ากไฟร่วั ในตวั เตารดี ไฟฟา้ บางครงั้ ผู้ใชง้ าน อาจไม่รูว้ า่ เตารดี ฟฟ้าผดิ ปกตแิ ละในการตรวจซ่อมเตารดี ไฟฟา้ ส่วนใหญ่จะใชม้ สั ตมิ เิ ตอรต์ รวจสอบ ตามรูปท่ี 1.16 โดยดาเนนิ การตามขน้ั ตอนดงั ตอ่ ไปนี้ รูปที่ 1.16 การใชม้ ลั ติมเิ ตอรต์ รวจสอบกระแสไฟฟา้ ร่วั ลงโครงของเตารดี ไฟฟ้า

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 12 (1) ใชม้ ลั ตมิ เิ ตอรต์ งั้ คา่ ยา่ นวดั ความตา้ นทาน ท่ี R x 10k หมนุ ป่มุ ปรบั ความรอ้ น ไปท่ตี าแหนง่ รอ้ นวดั ความตา้ นทานท่ขี าเสียบของปลก๊ั ไฟ เทยี บกบั โครงเตารีด (2) ดผู ลการวดั ความตา้ นทานท่ขี าเสยี บของปล๊กั ไฟ (3) เม่ือวดั ความตา้ นทานได้ 00 สามารถนาเตารดี ไปใชง้ านไดต้ ามปกติ (4) เม่ือวดั ความตา้ นทานไดน้ อ้ ยกว่า 2 M 2 แสดงวา่ มีการร่วั ของเตารีดไฟฟ้า (5) ถอดแผ่นปา้ ยฝาครอบของเตารดี ไฟฟ้าออกตามขนั้ ตอน ดชู นิ้ สว่ นภายในเตารดี ไฟฟ้าวา่ ตรงไหนผดิ ปกติบา้ ง หากพบวา่ ปกตใิ หด้ าเนินการขนั้ ตอ่ ไป (6) ใหส้ งั เกตดทู ่ฉี นวนทร่ี องสกรูทองเหลอื งตรวจสอบดวู ่ามกี ารแตกหกั หรือซารุดหรอื ไม่ (7) ถา้ พบว่าฉนวนแตกหกั ใหไ้ ปหาฉนวนท่รี องสกรูมาเปลี่ยนใหม่ และดทู ่ลี วดความรอ้ นวา่ มสี ่วน ใดแตกหกั หรอื ขาด 1.2.5 การบารุงรักษาเตารดี ไฟฟ้า 1. ใหต้ รวจสอบส่วนท่เี ป็นโลหะของเตารดี ไฟฟ้า โดยใชไ้ ขควงทดสอบไฟ หากพบวา่ มไี ฟฟ้าร่วั ใหร้ บี แกไ้ ข ทนั ที 2. สายไฟฟา้ ตอ้ งไม่เสือ่ มสภาพ หรอื ฉีกขาด 3. เตา้ เสยี บของเตารดี ไฟฟา้ ตอ้ งไมแ่ ตกรา้ ว และไมม่ รี อยไหม้ 4. สายปลก๊ั ของเตารดี เปลือกสาย (ฉนวน) ตอ้ งไมเ่ สอ่ื มสภาพหรือฉีกขาด 5. ควรระวงั ไม่ใหค้ วามรอ้ นจากเตารดี สมั ผสั สายไฟฟา้ เพราะจะทาใหเ้ ปลอื กสาย 6. เตารดี ไฟฟา้ ตอ้ งไมว่ างอย่บู นพนื้ ท่ตี ิดไฟและใกลส้ ารไวไฟ 7. ตงั้ ค่าความรอ้ นใหเ้ หมาะกบั ชนิดของผา้ ท่จี ะรดี 8. ควรรดี ผา้ คราวละมาก ๆ ตดิ ตอ่ กนั จนเสรจ็ และควรเรม่ิ รดี ผา้ บาง ๆ กอ่ น ในขณะท่ีเตารดี ยงั ไมร่ อ้ นและ กอ่ นรดี เสรจ็ ประมาณ 2 - 3 นาที ใหถ้ อดปลก๊ั ออก 9. ไมค่ วรวางเตารดี ลงบนวตั ถทุ แ่ี ขง็ , ขรุขระเพราะจะทาใหเ้ ตารดี เป็นรอยได้ 10. เม่ือเลกิ ใชง้ านแลว้ ใหห้ มนุ ป่มุ ปรบั ความรอ้ นไปท่เี ลข \"0\" แลว้ ตอ้ งถอดปลก๊ั เสยี บ 11. กอ่ นจะเกบ็ เตารีดควรรอใหต้ วั เตารดี เย็นลงเสยี กอ่ น แลว้ จึงเชด็ ทาความสะอาดดว้ ยผา้ น่มิ ๆ 12. เตารดี ท่ใี ชค้ วรมสี ายดนิ และต่อลงดินผา่ นทางเตา้ เสียบ-เตา้ รบั ท่มี ีสายดินดว้ ย และหม่นั ตรวจสอบไฟ ร่วั ดว้ ยไขควงทดสอบไฟเสมอ 2.6 การเลอื กซือ้ เตารดี ไฟฟ้า 1. มเี คร่อื งหมาย มอก. เป็นสาคญั เน่อื งจากเตารดี ไฟฟ้าเป็นผลติ ภณั ฑท์ ่ตี อ้ งเป็นไปตามมาตรฐานบงั คบั ดา้ นความปลอดภยั ของสมอ. (มอก. 366-2547) 2. มคี าแนะนาใหพ้ รอ้ มกบั ค่มู อื การใชเ้ พ่อื :สามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งปลอดภยั 3. ปล๊กั และสายไฟตอ้ งไดม้ าตรฐานตามท่กี าหนดไวใ้ น มอก. 4. ขอ้ ต่อสายไฟกบั เครื่องตอ้ งยึดแน่นและไม่หลวมหลดุ งา่ ยขณะใชง้ าน

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 13 1.2.7 ขอ้ บกพร่อง สาเหตทุ พี่ บบอ่ ย และวิธีแก้ไข เก่ยี วกับเตารดี ไฟฟ้า ข้อบกพร่อง สาเหตุ วธิ ีซอ่ มบารุง 1. เตารีดไม่ร้อน 1. ไมม่ กี ระแสจ่ายใหเ้ ตารดี ตรวจสอบสายไฟฟ้า ใชม้ ลั ติมิเตอรว์ ดั ค่าความตา้ นทานไฟฟ้า ของสาย โดยตงั้ คา่ ยานวดั ความตา้ นทานท่ี Rx1 แลว้ วดั ที่ตน้ สาย 2. ลวดความรอ้ นขาด และปลายสายของสายไฟทง้ั 2 เสน้ - ไดค้ า่ ความตา้ นทาน 0 Ω สายไฟยงั ใชง้ านได้ 3. หนา้ สมั ผสั ไม่ต่อวงจร - ไดค้ ่าความตา้ นทาน ∞ สายไฟขาดใหเ้ ปล่ยี นใหม่ ตรวจสอบลวดความร้อน ใชม้ ลั ติมิเตอรว์ ัดค่าความตา้ นทาน 4. จดุ ตอ่ สายหลวม ไฟฟ้าของลวดความรอ้ นโดยตงั้ ค่าย่านวดั ความตา้ นทานท่ี Rx 1 แลว้ วดั ทขี่ วั้ ของลวดความรอ้ น -วดั ความตา้ นทานได้ 40-100 Ω ลวดความรอ้ นยงั ใชง้ านได้ -วดั ความตา้ นทานได้ ∞ ลวดความรอ้ นขาดใหเ้ ปลีย่ นใหม่ ตรวจสอบหน้าสัมผัสสวิตช์ ตงั้ ค่ายา่ นวดั ความตา้ นทาน ที่ Rx1 ผลการวดั ความตา้ นทานทีข่ วั้ ตอ่ สายของหนา้ สมั ผสั - หมุนลูกเบี้ยวสวิตช์สังเกตให้หน้าสัมผัสต่อวงจรวัดความ ตา้ นทานได้ 0 Ω สวิตชใ์ ชง้ านไดต้ ามปกติ - วัดความต้านทานได้มากกว่า 0 Ω ทาความสะอาดผิวหน้า สมั ผสั ดว้ ยนา้ ยาลา้ งหนา้ สมั ผสั หรอื ขดั ดว้ ยกระดาษทราย ตรวจสอบจุดต่อสายไฟฟ้า ตรวจสอบจดุ ต่อของอปุ กรณต์ ่างๆ โดยการขันสกใหแ้ น่นทงั้ หมด ใชม้ ลั ติมิเตอรว์ ดั คา่ ความตา้ นทาน ไฟฟ้า โดยตงั้ ค่าย่านวัดความตา้ นทาน ที่ Rx1เล่ือนสวิตชเ์ ตารีด ไปทตี่ าแหน่งรอ้ นสดุ วดั ความตา้ นทานท่ขี า เสียบของปล๊กั ไฟทง้ั 2 ขาผลการวดั ความตา้ นทานทข่ี าเสียบ ของปล๊กั ไฟ -วดั ความตา้ นทานได้ 40-100 Ω เตารีดใชง้ านไดป้ กติ -วดั ความตา้ นทานได้ ∞ กลบั ไป ขอ้ 1 ใหม่

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 14 1.3 งานซ่อมหม้อหงุ ขา้ วไฟฟ้า หมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้า (Rice Cooker) เป็นอปุ กรณไ์ ฟฟ้าท่ีอานวยความสะดวกและเพ่ิมความรวดเร็วในการ หงุ ขา้ ว อาศยั พลงั งานไฟฟ้าทาใหเ้ กิดความรอ้ น แลว้ ใชค้ วามรอ้ นทาใหข้ า้ วสกุ หมอ้ หงุ ขา้ วบอกขนาดดว้ ยความจขุ อง การหุงมีหลายขนาดใหเ้ ลือกความตอ้ งการ เช่น 0.27 ลิตร 0.6 ลิตร 1.8 ลิตร 2 ลิตร เป็นตน้ ลกั ษณะภายนอกของ หมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้ ดงั รูปท่ี 1.17 รูปที่ 1. 17 ลกั ษณะภายนอกของหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้าท่ใี ชง้ านท่วั ไป 1.3.1 สว่ นประกอบของหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า 1. ส่วนประกอบภายนอก รูปท่ี 1.18 สว่ นประกอบภายนอกของหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้ (ท่มี า : ดดั แปลงจาก www.trendyday.com/webdala/anais/blog/philips/philipshd4723/05.jpg,2552) 2. สว่ นประกอบภายใน 1. อปุ กรณใ์ หค้ วามรอ้ น อปุ กรณใ์ หค้ วามรอ้ น (Heater) บางทีเรยี กวา่ แผ่นความรอ้ นเป็นแผ่น อะลมู ิเนยี มท่ฝี ังลวดความรอ้ นไวภ้ ายใน ท่ีใชใ้ นหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้ จะเป็นลวดนโิ ครม (NichromeWire) หรือเรยี กว่า นิกเกลิ -โครเมยี มแอนลอยด์ (Nickel-Chromium Alloy) ซ่งึ มสี ่วนผสมของนกิ เกลิ (Nickel) 60% โครเมียม (Chromium) 16% และ เหล็ก (Iron) 24% ซ่งึ ลวดนิโครมดงั กล่าวนสี้ ามารถทนความรอ้ นไดถ้ งึ 1,700 องตาฟาเรนไฮด์ หรอื ประมาณ 926 องศา เซลเซยี ส เป็นแผ่นความรอ้ นแบบปีด(Closing Healing Elamen) มีขวั้ ตอ่ ย่นื ออกมา 2 ขว้ั ดงั รูปท่ี 1.19

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 15 รูปท่ี 1.19 แผน่ ความรอ้ นของหมอ้ หงุ ขา้ ว 2. อุปกรณค์ วบคุมอุณหภูมิ (Temperature Control) อุปกรณค์ วบคุมหรือ เทอรโ์ มสตัสจะตัด กระแสไฟฟา้ ท่ผี ่านแผ่นความรอ้ น หลงั จากขา้ วสกุ แลว้ โดยเทอรโ์ มสตสั ท่ีใช้ ในหมอ้ หงุ ขา้ วจะเป็นแบบแม่เหลก็ ท่คี า่ สภาพความเป็นแม่เหล็กลดลงตามอณุ หภมู ิท่ีเพิ่มขนึ้ รูปท่ี 1.20 อปุ กรณค์ วบคมุ อณุ หภมู ิของหมอ้ หงุ ขา้ ว 3. หนา้ สมั ผสั (Contact) เป็นสวติ ชต์ ดั ต่อวงจรลวดความรอ้ น หนา้ สมั ผสั ตดิ กบั กา้ นสวติ ชห์ มอ้ หงุ ขา้ ว การตดั ตอ่ วงจรเกดิ จาการเคล่ือนท่ขี องกา้ นหนา้ สมั ผสั ตามอปุ กรณค์ วบคมุ อณุ หภมู ิ รูปท่ี 1.21 ชดุ หนา้ สมั ผสั กบั ชดุ ควบคมุ อณุ หภมู แิ ละสวติ ช์ 1.3.2 หลกั การทางานของหม้อหงุ ขา้ วไฟฟ้า หลกั การของการหุงขา้ ว คือ ถา้ นา้ แหง้ แสดงว่าขา้ วสกุ การหุงขา้ วจึงจาเป็นตอ้ งทราบว่าตอ้ งใชน้ า้ ใน ปริมาณเท่าใดในการทาใหข้ า้ วสุกดว้ ย จากการท่ีนา้ เดือดท่ี 100 องศาเซลเซียส ถา้ ตม้ นา้ จนแหง้ ไปเหลือแต่ข้าว อณุ หภมู จิ ะสงู เพมิ่ ขนึ้ เป็น 105-120 องศาเซลเซียส เทอรโ์ มสตสั จะตรวจความรอ้ นและตดั วงจรลวดความรอ้ นใหห้ ยดุ ทางาน อุณหภูมิท่ีเกิน 100 องศาเซลเซียส ไอนา้ จะเป็นไอดงอยู่ในหม้อช้ันใน อุณหภูมิท่ีสูงขึน้ จะทาให้แท่ง แม่เหล็กเฟอรไ์ รตเ์ สือ่ มสภาพการเป็นสารแม่เหล็ก แรงดึงดดู ระหว่างแท่งแมเ่ หล็กกบั แท่งเหล็กเฟอรไ์ รต์ นอ้ ยลงกว่า

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 16 แรงดนั ของสปรงิ จึงหลดุ ออกจากกนั ไดด้ ว้ ยแรงดนั สปรงิ และวงจรไฟหงุ จะถกู ตดั เขา้ ไฟอนุ่ จนกว่าจะดงึ สายออก และ เม่ือสารเฟอรไ์ รตเ์ ยน็ ตวั ลง แท่งเหล็กเฟอไรต์ กจ็ ะกลบั คนื สสู่ ภาพเดมิ การกระจายตวั ของความรอ้ นของหมอ้ ชนั้ ในท่ดี ี ตอ้ งสม่าเสมอ ไม่ควรจะกระจุกตวั อย่จู ดุ เดียวเพราะจะ ทาใหบ้ ริเวณนน้ั มีอุณหภูมิสูงมาก อาจทาใหข้ า้ วบรเิ วณนนั้ ไหมต้ ิดกนั หมอ้ ได้ ในขณะท่ีบรเิ วณอื่นจะมีอุณหภูมิต่า กวา่ 1.3.3 การตรวจสอบหาสาเหตุขอ้ บกพรอ่ งของหม้อหุงขา้ ว ในการตรวจซอ่ มหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า เม่อื ทราบถึงอาการขดั ขอ้ ง เชน่ หมอ้ หงุ ขา้ วไม่รอ้ นหรอื ลงกราวด์ การ ตรวจซอ่ มมีลาดบั ขนั้ ตอน หรอื จดุ ตรวจท่สี าคญั 3 จดุ หลกั ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. สายไฟฟ้าของเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ หมายถึง ชดุ สายไฟฟ้าท่ตี ่อเขา้ มายงั วงจรเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า ไดแ้ ก่ ปลก๊ั หมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้ สายไฟหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า ขว้ั ตอ่ สายไฟ 2. อปุ กรณท์ าใหเ้ กดิ ความรอ้ นของหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า คอื ลวดความรอ้ น (Heater) 3. ชดุ ควบคมุ ความรอ้ น คือ ชดุ ควบคมุ ความรอ้ นอตั โนมตั ิ 1.3.4 การซอ่ มบารุงรักษาหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า 1. การซ่อมหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้าเมอ่ื หมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้าไม่รอ้ น กอ่ นจะทาการตรวจซอ่ มหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้ ให้ ตรวจสอบท่เี ตา้ รบั วา่ มีแรงดนั ไฟฟา้ กระแสสลบั 220 โวลตห์ รอื ไม่ หากพบว่าปกติใหด้ าเนินการขน้ั ต่อไป (1) ตรวจสอบท่ขี ว้ั ภายในตรงท่เี สยี บเขา้ หมอ้ หงุ ขา้ ววา่ ขวั้ หลดุ หรือชารุดหรือไม่ (2) ใชม้ ลั ตมิ เิ ตอรว์ ดั ท่เี ตา้ เสียบของหมอ้ หงุ ขา้ วโดยตงั้ ยา่ นวดั ไวท้ ่ี Rx10k และกดสวติ ชห์ ากเขม็ เบยี่ งเบนแสดงวา่ สายขาดหรอื ไม่ก็หลวม ดงั รูปท่ี 1.22 หากปกตใิ หด้ าเนินการขนั้ ต่อไป รูปท่ี 1.22 การใชม้ ลั ตมิ เิ ตอรว์ ดั เตา้ เสยี บหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้ (3) ถอดฝาทา้ ยหมอ้ หุงขา้ วออกตามลาดบั จะเห็นลวดความรอ้ นใหต้ รวจสอบลวดความรอ้ นชุด หงุ ดว้ ยมลั ติมเิ ตอรว์ า่ ดหี รอื ไม่ หากเสยี ใหเ้ ปลยี่ นใหมท่ นั ที หากปกตใิ หด้ าเนนิ การขนั้ ตอ่ ไป (4) ให้ดูท่ีหน้าสัมผัสว่าปกติหรือไม่ คือ หน้าสัมผัสเรียบหรือติดกันอยู่หรือไม่ หากปกติให้ ดาเนนิ การขนั้ ตอ่ ไป รูปท่ี 1.23 แสดงหนา้ สมั ผสั ของหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 17 รูปท่ี 1.23 หนา้ สมั ผสั ของหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้ (5) ใหส้ งั เกตดทู ่ีสวิตชแ์ ม่เหล็ก คือ กดสวิตชแ์ มเ่ หล็กแลว้ แต่หนา้ สมั ผสั ไม่ต่อ ถึงกันทาใหห้ มอ้ หงุ ข้าวไม่รอ้ น ถา้ หากพบแบบนีใ้ หด้ ูท่ีกันหมอ้ ว่าชารุดหรือไม่ ถ้าชารุดกันหมอ้ จะไม่แตะกับสวิตชแ์ ม่เหล็กจะตอ้ ง ระมดั ระวงั อยา่ ใหม้ มุ ของกนั หมอ้ เบยี้ วจากสภาพเดิม 2. การซ่อมหม้อหุงขา้ วไฟฟ้าเม่ือหมดั หุงขา้ วไฟฟ้าหุงขา้ วสุกจนไหมแ้ ต่สวิตช์แม่เหล็กไม่ตดั วงจร ให้ ดาเนินการดงั นี้ (1) ให้ดูท่ีกันหม้อหุงข้าวว่ามีการยุบหรือบุบ ถ้ามีให้เคาะหมอ้ ให้อยู่ในสภาพเดิมถ้าปกติให้ ดาเนินการตอ่ ไป (2) ถอดฝาครอบท่ีกน้ หมอ้ ออกตามขน้ั ตอน (3) ใหส้ ังเกตท่ีหนา้ สัมผัสว่าผิดปกติหรือไม่ เช่น หนา้ สัมผัสไม่แยกจากกัน หรืออาจจะหลอม ละลายเป็นเนอื้ เดียวกนั หากพบเหตกุ ารณอ์ ยา่ งนใี้ หด้ าเนินการขนั้ ต่อไป (4) หากหนา้ สมั ผสั หลอมละลายใหเ้ ปลีย่ นใหม่ 3. การซ่อมหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้าเม่ือหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้าหงุ ขา้ วสกุ หรือสวิตชด์ ีดขึน้ แต่หลอดสญั ญาณขา้ วหุง และอนุ่ สว่างพรอ้ มกนั หากเกิดเหตกุ ารณอ์ ยา่ งนใี้ หป้ ฏบิ ตั ิ ดงั นี้ (1) ใหถ้ อดฝาทา้ ยของหมอ้ หงุ ขา้ วออกตามขน้ั ตอน (2) ใหส้ งั เกตดทู ่สี ายไฟสญั ญาณว่าผิดปกติหรือไม่ เชน่ สายไฟจะหลดุ ขาด (3) ถา้ หากสายหลดุ หรอื ขาดใหต้ ่อสายไฟตรงจดุ ท่ขี าด 4. การซ่อมหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้าเม่ือหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้าหุงขา้ วสกุ ไม่ท่วั หมอ้ หรือ สกุ ขา้ งเดียว ขณะทาการหุง ขา้ วหากพบวา่ ขา้ วสกุ ดา้ นหน่ึงแตอ่ ีกดา้ นหนงึ่ ยงั ไม่สกุ หากพบเหตกุ ารณอ์ ยา่ งนใี้ หด้ าเนนิ การดงั ต่อไปนี้ (1) ใหด้ ทู ่หี มอ้ ดา้ นในว่าอยกู่ ึ่งกลางหรือเปลา่ หรืออาจจะเอยี งไปดา้ นใดดา้ นหนึ่งหากพบใหข้ ยบั หมอ้ ไปในตาแหน่งทก่ี ่ึงกลาง ไมเ่ บ่ียงไปดา้ นใดดา้ นหนง่ึ (ขยบั ใหต้ รง) หากปกติ ใหด้ าเนินการขน้ั ตอนตอ่ ไป (2) ใหต้ รวจดทู ่กี นั หมอ้ หงุ ขา้ ววา่ มีรอยบบุ ทางดา้ นใดดา้ นหน่ึงหรอื เปล่า หากพบใหเ้ คาะกลบั สภาพเดมิ 5. การซอ่ มหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้าเมอ่ื เสยี บปลก๊ั หมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า กดสวติ ชห์ ลอดสญั ญาณแสดงการหงุ ไม่ สว่าง แตห่ ลอดสญั ญาณแสดงการอ่นุ สว่างและหมอ้ หงุ ขา้ วรอ้ นนอ้ ย หากพบเหตกุ ารณอ์ ย่างนี้ ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอน ตอ่ ไปนี้ (1) ถอดฝาครอบตรงทา้ ยหมอ้ หงุ ขา้ วตามขนั้ ตอน (2) ใหส้ งั เกตดทู ่หี นา้ สมั ผสั ตดั ตอ่ วงจรลวดความรอ้ นวา่ อยหู่ า่ งกนั มากเกนิ ไปหรอื เปลา่ หรือผิว สกปรกถา้ หากพบใหด้ าเนินการตอ่ ไป

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 18 (3) ใหด้ นั หนา้ สมั ผสั งอลงไปอกี จนหนา้ สมั ผสั ต่อถงึ กนั (4) ประกอบเครื่องเหมือนเดมิ แลว้ ทดสอบหลอดสญั ญาณตา่ ง ๆ จะทางานตามปกติ 6.การซ่อมหมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้าเม่ือหมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้าถ่วั หอลงกราวด์ บางครงั้ การนาหมอ้ หงุ ขา้ วไปใชง้ าน ผใู้ ชอ้ าจไม่รูว้ า่ หมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้าลดั วงจร เม่ือนาไปใหง้ านอาจเกิดอนั ตรายแกผ่ ใู้ ชก้ ารตรวจสอบหมดั หงุ ขา้ วไฟฟา้ จงึ จาเป็นอย่างมากท่ผี ใู้ ชง้ านจะตอ้ งรูว้ ธิ ีการตรวจสอบ คือ (1) ตรวจสอบไฟฟ้ากระแสสลับท่ีปล๊กั ไฟว่ามีไฟ 220 โวลตห์ รือไม่ ถา้ มีใหน้ าปลักหมอ้ หุงขา้ ว ไฟฟา้ เลยี บท่ปี ล๊กั ไฟ (2) ใชไ้ ขควงทดสอบไฟสมั ผสั ท่ีโครงหมอ้ หงุ ขา้ วสว่ นท่ีเป็นโลหะว่ามไี ฟร่วั หรือไม่ ถา้ หลอดไฟของ ไขควงทดสอบไฟสวา่ งแสดงวา่ ร่วั (3) วิธีการแกไ้ ข ถอดหมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้าตามขนั้ ตอนท่ีกล่าวมาแลว้ ในตอนตน้ สงั เกตท่ีจดุ ต่อและ หลกั ตอ่ สายไฟ แตะท่ีตวั หมอ้ หรือไม่ หากแตะใหต้ อ่ สายไฟใหม่ อย่าใหแ้ ตะตวั หมอ้ 1.3.5 การบารุงรักษาหม้อหงุ ข้าวไฟฟ้า (1)ใหต้ รวจสอบส่วนท่ีเป็นโลหะของหมอ้ หุงขา้ วไฟฟา้ โดยใชไ้ ขควงทดสอบไฟ หากพบว่ามไี ฟฟา้ ร่วั ใหร้ ีบแกไ้ ขทนั ที (2) สายไฟฟา้ เตา้ เสยี บของหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า ตอ้ งไมแ่ ตกรา้ ว ไมเ่ ส่ือมสภาพ หรอื ฉีกขาดและไมม่ ี รอยไหม้ (3) หมอ้ หุงขา้ วท่ีใชค้ วรมีสายดินและต่อลงดินผ่านทางเตา้ เสียบ-เตา้ รบั ท่ีมสี ายดินดว้ ยและหม่นั ตรวจสอบไฟร่วั ดว้ ยไขควงทดสอบไฟเสมอ (4) การทาความสะอาด หมอ้ ชน้ั ในใหใ้ ชฟ้ องนา้ หรือผา้ น่มุ ๆ หา้ มใชข้ องมีคม หรือฝอยเหล็กขดั ทาความสะอาดโดยเด็ดขาด 1.3.6 ขอ้ บกพร่อง สาเหตุทพี่ บบ่อย และวธิ ีแกไ้ ข เกยี่ วกบั หมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า ข้อบกพร่อง สาเหตุ วิธซี อ่ มบารุง 1.หมอ้ หงุ ขา้ วไม่รอ้ น 1. ไม่มกี ระแสไฟฟา้ จา่ ยใหห้ มอ้ หงุ ตรวจสอบสายไฟฟ้า ใชม้ ลั ติมิเตอรว์ ดั ค่าความตา้ นทานไฟฟ้า ขา้ ว ของสาย โดยตงั้ คา่ ย่านวดั ความตา้ นทาน ที่ Rx1 แลว้ วดั ที่ตน้ สาย และปลายสายของสายไฟทั้ง 2 เส้นผลการวัดความตา้ นทาน สายไฟ - ไดค้ า่ ความตา้ นทาน 0 Ω สายไฟยงั ใชง้ านได้ - ไดค้ า่ ความตา้ นทาน ∞ สายไฟขาดใหเ้ ปลี่ยนใหม่ 2. เทอรโ์ มคตั เอาตข์ าด ตรวจสอบเทอรโ์ มคัตเอาร์ ใชม้ ลั ติมิเตอรว์ ดั ค่าความตา้ นทาน ไฟฟ้าของเทอรโ์ มคตั เอาตโ์ ดยตง้ั ค่าย่านวดั ความตา้ นทาน ที่ Rx1 แลว้ วัดที่ขั้วของเทอรโ์ มคตั เอาต์ ผลการวัดความตา้ นทานเทอร์ โมคตั เอาต์ - วดั คา่ ความตา้ นทานของ 0Ωเทอรม์ คตั เอาตใ์ ชง้ านได้ - วดั ค่าความตา้ นทานของ ∞ เทอรโ์ มคตั เอาตข์ าด ให้ เปลย่ี นใหม่

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 19 ข้อบกพร่อง สาเหตุ วธิ ซี อ่ มบารุง 3. ลวดความรอ้ นขาด ตรวจสอบลวดความร้อน ใชม้ ลั ติมิเตอรว์ ัดค่าความตา้ นทาน ไฟฟ้าของลวดความรอ้ นโดยตั้งค่าย่านวัดความตา้ นทาน ที่x1 4. หนา้ สมั ผสั เสียโดยเปิดวงจร แล้ววัดท่ีขั้วของลวดความร้อน ผลการวัดความต้านทาน ลวดความรอ้ น - วดั ความตา้ นทานได้ 40-100 Ω ลวดความรอ้ นใชง้ านได้ - วดั ความตา้ นทานได้ ∞ ลวดความรอ้ นขาดเปลย่ี นใหม่ ตรวจสอบหน้าสัมผัสด้วยสายตา และใชม้ ัลติมิเตอรว์ ัดค่า ความต้านทานไฟฟ้าของหน้าสัมผัสโดยตั้งค่าย่านวัดความ ต้านทาน ที่ Rx1 แล้ววัดที่ขั้วของหน้าสัมผัส พร้อมกับขยับ หนา้ สมั ผสั ใหต้ ดั และต่อวงจร ผลการวดั ความตา้ นทานหนา้ สมั ผสั หนา้ สมั ผสั ใชง้ านได้ ถา้ ผลการวดั เป็นดงั นี้ 2. สวิตชห์ มอ้ หงุ ขา้ วไม่ 1. หน้าสัมผัสเสียโดยต่อวงจร -ตาแหน่งตอ่ วงจร วดั ความตา้ นทานได้ 0 Ω ตดั (ขา้ วไหม)้ ตลอดเวลา - ตาแหน่งตดั วงจร วดั ความตา้ นทานได้ ∞ หนา้ สมั ผสั ใชง้ านไมไ่ ด้ ถา้ ผลการวดั เป็นดงั นี้ 3. สวิตชห์ มอ้ หงุ ขา้ วตดั 1. พนื้ แผ่นความรอ้ นสกปรกหรอื - ตาแหนง่ ต่อวงจร วดั ความตา้ นทานได้ ∞ กอ่ นขา้ วลกุ (ขา้ วแฉะ มีเศษวสั ดตุ ดิ อยู่ - ตาแหนง่ ตดั วงจร วดั ความตา้ นทานได้ ∞ 2. พนื้ หมอ้ ชนั้ ในสกปรก หรอื บบุ หนา้ สมั ผสั เสยี ใหซ้ ่อม หรอื เปลยี่ นใหม่ หรือดบิ ) ตรวจสอบหน้าสัมผัสด้วยสายตา และใช้มัลติมิเตอรว์ ัดค่า ความต้านทานไฟฟ้าของหน้าสัมผัสโดยต้ังค่าย่านวัดความ ต้านทาน ท่ี Rx1 แล้ววัดที่ขั้วของหน้าสัมผัส พร้อมกับขยับ หนา้ สมั ผสั ใหต้ ดั และต่อวงจร ผลการวดั ความตา้ นทานหนา้ สมั ผสั หนา้ สมั ผสั ใชา้ นได้ ถา้ ผลการวดั เป็นดงั นี้ - ตาแหน่งต่อวงจร วดั ความตา้ นทานได้ 0 Ω - ตาแหน่งตดั วงจร วดั ความตา้ นทานได้ ∞ หนา้ สมั ผสั ใชง้ านไม่ได้ ถา้ ผลการวดั เป็นดงั นี้ - ตาแหนง่ ต่อวงจร วดั ความตา้ นทานได้ ∞ - ตาแหน่งตดั วงจร วดั ความตา้ นทานได้ ∞ หนา้ สมั ผสั เสยี ใหซ้ อ่ ม หรอื เปลีย่ นใหม่ สิ่งสกปรกหรือเศษวัสดุกันระหว่างแผ่นความรอ้ นและพืน้ หมอ้ ชนั้ ในสมั ผสั กนั ไมส่ นิทการถา่ ยเทความรอ้ นไม่ดี ให้ - ทาความสะอาดผิวพนื้ แผน่ ความรอ้ น พืน้ ดา้ นสมั ผัสกับแผ่นความรอ้ นของหมอ้ ชั้นในสกปรก หรือบุบ การถา่ ยเทความรอ้ นระหว่างแผน่ ความรอ้ นและพนื้ หมอ้ ชนั้ ใน ไม่ ดี - ทาความสะอาดพนื้ ดา้ นสมั ผสั กบั แผน่ ความรอ้ นของหมอ้ ชนั้ ใน - ใช้ค้อนยางหรือคอ้ นพลาสติกเคาะปรับแต่งรอยบุบพืน้ ด้าน สมั ผสั กบั แผ่นความรอ้ นของหมอ้ ชนั้ ใน เมื่อเสรจ็ แลว้ ทดลองโดย การต้มน้าแล้ว ให้สังเกตการณ์เดือดของนา้ จะต้องเดือดเป็น วงกลมตลอดแนวของลวดความรอ้ น

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 20 ข้อบกพร่อง สาเหตุ วิธซี อ่ มบารุง 3. ชดุ ควบคมุ อณุ หภมู ิเส่ือมสภาพ เป็นอาการท่ีนอกเหนอื จากการปฏิบตั ิตามขอ้ 1 และขอ้ 2 แลว้ ให้ 4. กระแสไฟฟา้ ร่วั ลง เปลยี่ นชดุ ควบคมุ อณุ หภมู ิ โครงของหมอ้ หงุ ขา้ ว 1. ส่วนหนึ่งสว่ นใดของวงจรสัมผสั ตรวจสอบสายไฟฟ้า ตรวจสอบสายไฟและอปุ กรณต์ ่าง ๆ ท่ีเป็น กบั โครงของหมอ้ หงุ ขา้ ว ส่วนของวงจรไฟฟ้า ใชม้ ลั ติมิเตอรต์ งั้ คา่ ย่านวดั ความตา้ นทาน ที่ x10k กดสวิตชห์ มอ้ หงุ ขา้ ววดั ความตา้ นทานทข่ี าเสียบของปลก๊ั ไฟ เทียบกับโครงหมอ้ หงุ ขา้ วผลการวดั ความตา้ นทานทข่ี าเสียบของ ปลก๊ั ไฟ -วดั ความตา้ นทานได้ ∞ หมอ้ หงุ ขา้ วใชง้ านไดต้ ามปกติ -วดั ความตา้ นทานไดน้ อ้ ยกว่า 2 MΩ กลบั ไปตรวจใหม่ 1.4 งานซ่อมกาตม้ นา้ ไฟฟ้า กาตม้ นา้ ไฟฟา้ (Electric Pol) เป็นเครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าท่มี ีความจาเป็นในชีวิตประจาวนั ใชส้ าหรบั การตม้ นา้ ชง เคร่ืองดื่ม หรือการปฏิบตั ิงานใด ๆ ท่ีตอ้ งใชน้ า้ รอ้ น แบ่งได้ 3 แบบ คือ กาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบธรรมดา และกาตม้ นา้ ไฟฟา้ อตั โนมตั ิ และกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบอตั โนมตั ใิ ชแ้ รงกดอากาศ ดงั รูปท่ี 1.24 รูปท่ี 1.24 ลกั ษณะภายนอกของกาตม้ นา้ ไฟฟ้า 1.4.1 กาตม้ น้าไฟฟ้าแบบธรรมดา (Non-automatic Electric Pot) กาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบธรรมดานิยมใช้ท่ัวไป ตามบา้ นพักอาศัย หอพัก เน่ืองจากราคา ไม่แพงลักษณะ ภายนอกของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบธรรมดาดงั แสดงในรูปท่ี 1.24 ก 1. ส่วนประกอบของกาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบธรรมดา (1) ตวั เรือนของกาตม้ นา้ เป็นสวนท่ใี ชส้ าหรบั ใสนา้ เพ่อื ตม้ (2) ขดลวดความรอ้ น เป็นส่วนท่ีให้ความรอ้ นกับกาตม้ นา้ ทามาจากลวดนิโครม หุ้มด้วยผง แมกนีเซียมออกไซด์ (Magnesium Oxide) ตดั ใหโ้ คง้ กลมตามลกั ษณะรูปทรงของ รูปท่ี 1.25 ลกั ษณะของลวดความรอ้ นของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบธรรมดา

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 21 2. หลกั การทางานของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบธรรมดา กานา้ รอ้ นไฟฟา้ ชนดิ นีส้ ่วนสาคญั ท่ที าใหน้ า้ รอ้ นน่นั คือ ลวดความรอ้ น (Heater) โดยท่ลี วดความรอ้ นนจี้ ะรอ้ นทนั ทีเม่ือมีกระแสไฟฟ้าไหลเขา้ ส่ขู ดลวดความรอ้ น 1.4.2 กาตม้ น้าไฟฟ้าแบบอตั โนมตั ิ (Automatic Electric Pot) 1. สว่ นประกอบของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบอตั โนมตั ิ (1) ตวั เรือนของกาตม้ นา้ เป็นส่วนท่ใี ชส้ าหรบั ใส่นา้ เพ่อื ตม้ (2) ขดลวดความรอ้ น เป็นส่วนท่ีให้ความรอ้ นกับกาตม้ นา้ ทามาจากลวดนิโครม หุ้มดว้ ยผง แมกนีเซยี มออกไซด์ ดดั ใหโ้ คง้ กลมตามลกั ษณะรูปทรงของกาตม้ นา้ (3) อปุ กรณค์ วบคมุ รูปท่ี 1.26 วงจรไฟฟา้ ของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบอตั โนมตั ิ 2.หลกั การทางานของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบอตั โนมตั ิ เม่ือมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหนา้ สมั ผสั ท่ีต่ออนุกรมกบั ขดลวดความรอ้ นหลกั ในช่วงนีน้ า้ จะยงั มี อุณหภูมิต่าทาใหห้ นา้ สัมผสั ยงั ต่อวงจรอยู่ เม่ือเวลาผ่านไปกระแสไฟฟ้าท่ีไหลผ่านจะทาใหข้ ดลวดความรอ้ น เกิด ความรอ้ นขึน้ และสง่ ผา่ นความรอ้ นไปยงั นา้ ทาใหน้ า้ มอี ณุ หภมู ิสงู ขนึ้ ในขณะท่ขี ดลวดความรอ้ นหลกั ทางาน หลอดไฟ แสดงสภาวะการทางาน (Boi) ท่ีต่อขนานกับขดลวดความรอ้ นหลกั จะสว่าง เพ่ือแสดงใหท้ ราบว่าขดลวดความรอ้ น หลกั กาลงั ทางานใหค้ วามรอ้ นอยู่ เม่ืออณุ หภูมขิ องนา้ ถงึ จุดท่ีตงั้ ไว้ (ประมาณ 80-100 องศาเซลเซียส) จะทาให้ ไบ-เมทลั โคง้ งอตวั ผลักดันให้หน้าสัมผัสตัดวงจรตัดกระแส ไฟฟ้าท่ีไหลผ่านขดลวดความรอ้ น แต่กระแสไฟฟ้ายังคงไหลผ่า น ลวดความรอ้ นชดุ รกั ษาอณุ หภมู ิ (Wam) จากนน้ั จะไหลไปยงั ขดลวดความรอ้ นจนครบวงจร 1.4.3 กาต้มน้าไฟฟ้าแบบอตั โนมัตใิ ช้แรงกดอากาศ (Air Pressure Automatic Electric Pot) กาตม้ นา้ ชนิดนีล้ กั ษณะการทางานเหมอื นกบั กาตม้ นา้ แบบอตั โนมตั ิ แตต่ า่ งกนั ตรงท่กี ารนานา้ ออกมา จากกาตม้ นา้ โดยผใู้ ชจ้ ะกดฝาบนของกาตม้ นา้ นา้ รอ้ นจะไหลออกมาเน่อื งจากแรงกดอากาศภายในกาตม้ นา้ ท่มี มี าก ขึน้ มีผลไปดนั ใหน้ า้ รอ้ นออกมา

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 22 1. ส่วนประกอบ กาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบอตั โนมตั ิใชแ้ รงกดอากาศ ประกอบดว้ ยสว่ นสาคญั 2 ส่วน คอื สว่ นของการตม้ นา้ และส่วนของการกดนา้ ไปใช้ ดงั รูปท่ี 1.27 รูปท่ี 1.27 ส่วนประกอบของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบอตั โนมตั ใิ ชแ้ รงกดอากาศ 2. หลกั การทางาน ของกาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบอตั โนมตั ใิ ชแ้ รงกดอากาศ (1) ระบบสง่ จา่ ยนา้ กาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบอตั โนมตั ิใชแ้ รงกดอากาศ ทอ่ นา้ อย่ภู ายใน รูปท่ี 1.28 ฝากลางของกาตม้ นา้ ซ่งึ มี รูปท่ี 1.29 ฝากลางเมื่อนามาตง้ั บนตวั กาตม้ นา้ ชนั้ ใน ท่อสเตนเลสใส่ลงในตวั กระตกิ ชนั้ ใน

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 23 รูปท่ี 1.30 ป๊ัมลมจากเครอ่ื งป๊ัมทาใหล้ มเขา้ มาทางช่องบนของฝากลางเขา้ ไปยงั กาตม้ นา้ ชนั้ ใน จากรูปท่ี 1:30 เม่ือป๊ัมลมจากเคร่ืองปั้นทาใหล้ มเขา้ มาทางช่องบนของฝากลางเขา้ ไป ยงั ตวั กระดิกชนั้ ใน ซ่งึ มีนา้ อยู่ ลมท่ีอย่ภู ายในกระดิกไม่สามารถออกมาภายนอกไดก้ ็จะดนั นา้ นา้ เม่ือถกู ลมดนั กจ็ ะหาทางออก ซ่งึ มีอยู่ เพียงทางเดียว คือ ทางท่อสเตนเลส และจะพากันเขา้ ไปยังท่อสเตนเลสผ่านไป ยังท่อพลาสติกออกไปส่ภู ายนอก กระติกนา้ ทางช่องนา้ ออก (2) การส่งจา่ ยนา้ ของกาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบอตั โนมตั ิใชแ้ รงกดอากาศแบบทอ่ นา้ อยภู่ ายนอก รูปท่ี 1.31 กาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบอตั โนมตั ิใชแ้ รงกดอากาศแบบการสง่ จ่ายนา้ ห่อนา้ อยภู่ ายนอก

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 24 จากรูปท่ี 1.31 จะเห็นว่าปลายท่อนา้ ดา้ นหนึ่งจะติดอยู่ท่ีบริเวณกันกระติกชั้นใน ในลักษณะท่ีรบั นา้ โดยตรง เม่อื ออกแรงกดท่ฝี ากระติกใหย้ บุ ลงไป ฝาจะไปกดป๊ัมท่ียดึ อย่ใู หย้ บุ ตวั ขณะเดยี วกนั อากาศท่ีอยภู่ ายในป๊ัมจะพ่งุ เขา้ ไปในกระตกิ ท่ปี ิดสนิทอากาศ ไมส่ ามารถออกไปไหนได้ จึง ไปดันนา้ ใหไ้ หลเข้าไปในท่อส่งนา้ และไหลออกทางปลายท่อ ซ่ึงลักษณะการรินนา้ แบบนีจ้ ะใชแ้ รงกดนอ้ ยและ สามารถกดนา้ ในกระติกไดถ้ งึ แมจ้ ะมีนา้ นอ้ ยและสะดวกในการเดิมนา้ (3) การสง่ จ่ายนา้ ของกาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบอตั โนมตั ิแบบใชม้ อเตอรป์ ๊ัมนา้ การส่งจ่ายนา้ แบบใชม้ อเตอรป์ ๊ัมนา้ จะตดิ ตงั้ มอเตอรป์ ๊ัมนา้ ไฟฟ้าเขา้ กบั ทอ่ ส่งนา้ ทางดา้ นลา่ งของ กระดิกดังรูปท่ี 3.32 การรินนา้ เพียงกดสวิตชจ์ ่ายไฟใหก้ ับมอเตอรป์ ๊ัมนา้ มอเตอรจ์ ะทาการป๊ัมนา้ ส่งไปตามท่อสู่ ภายนอก รูปท่ี 1.32 กาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบอตั โนมตั ิ ระบบการสง่ จ่ายนา้ แบบใชม้ อเตอรป์ ๊ัมนา้ (ท่ีมา : siamworachak.tarad.com/product.2552) (4) ระบบควบคมุ ความรอ้ นกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบอตั โนมตั ิ รูปที่ 1.33 ระบบควบคมุ ความรอ้ นของกาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบอตั โนมตั ิ จากรูปท่ี 1.33 เมอ่ื ความรอ้ นของกาตม้ นา้ เพมิ่ ขนึ้ จนถงึ จดุ เดือด จะตอ้ งมอี ปุ กรณต์ ดั กระแสไฟฟา้ ไม่ให้ ไหลเขา้ มาท่ลี วดความรอ้ น หากยงั ปล่อยใหม้ ีความรอ้ นต่อไป จะเป็นการเพม่ิ ความดนั ในกาตม้ นา้ อาจทาใหก้ ระตกิ แตกไดแ้ ละอกี ประการหนึ่งเป็นการสนิ้ เปลอื งพลงั งานไฟฟ้า สาหรบั อปุ กรณค์ วบคมุ ความรอ้ นของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ จะมลี กั ษณะตามรูปท่ี 1.34 ซ่งึ จะติดอยทู่ ก่ี นั กาตม้ นา้ โดยสว่ นท่เี ป็นฝาปิดซ่งึ ทาดว้ ยอะลมู ิเนียมจะถกู อดั ติดกนั กาตม้ นา้ ชนั้ ใน

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 25 รูปที่ 1.34 อปุ กรณค์ วบคมุ ความรอ้ นของกาตม้ นา้ ไฟฟ้า จากรูปท่ี 1.34 เม่ือความรอ้ นจากกาตม้ นา้ ชน้ั ในถ่ายเทใหก้ บั แผ่นโลหะโคง้ ซ่งึ ย่ภู ายในฝ่ าปิดอะลมู เิ นียม ตามรูปท่ี 1.34 (ก) ทาใหแ้ ผ่นโลหะนีข้ ยายตวั แต่เน่ืองจากมีขอบเขตจากัดไม่สามารถขยายขึน้ ดา้ นบนไดจ้ ึงตนั ลง ขา้ งลา่ ง แกนกระเบือ้ งกจ็ ะดนั หนา้ สมั ผสั ใหแ้ ยกจากกนั ตามรูปท่ี 1.34 (ข) (5) ระบบปอ้ งกนั กาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบอตั โนมตั ิ รูปท่ี 1.35 ลกั ษณะและส่วนประกอบของฟิวสอ์ ณุ หภมู ิ จากรูปท่ี 1.35 แสดงลกั ษณะและส่วนประกอบของฟิวสณ์ หภมู ติ ามรูปท่ี 1.35 ก. ซง่ึ ขณะปกติแผ่นฟิวสซ์ ง่ึ ถกู ทบั ดว้ ยแผ่นพลาสตกิ จะไปกดจานสมั ผสั ซ่งึ เป็นอะลูมิเนียม ทาใหไ้ ปแตะกบั หลกั ตอ่ สายทงั้ สองขา้ ง กระแสไฟฟา้ จึงไหลผ่านจากสมั ผสั นีไ้ ปเขา้ ลวดความรอ้ น ของกระตกิ รอ้ นไดแ้ ละถา้ ความรอ้ นในกระติกสงู มากผิดปกติ แผ่นฟิ วส์ จะละลาย (ท่คี วามรอ้ น 145 องศาเซลเซยี ส) ทาใหส้ ปรงิ ดา้ นนอกดนั จานสมั ผสั ขนึ้ ไป หลกั ตอ่ สายทง้ั สองจะไม่ตอ่ กนั ดงั นนั้ กระแสไฟฟา้ จะหยดุ ไหลเป็นการหยดุ การทางานของกระตกิ นา้ รอ้ น ตามรูปท่ี 1.35 (ข) (6) การทางานของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ แบบอตั โนมตั ิใชแ้ รงกดอากาศ การทางานของกาตม้ นา้ ไฟฟ้าแบบอตั โนมตั ใิ ชแ้ รงกดอากาศเหมือนกบั กาตม้ นา้ แบบอตั โนมตั ทิ กุ ประการและส่วนของการกดนา้ ไปใช้ เป็นส่วนท่ีใชอ้ ดั อากาศเพ่ือไล่นา้ รอ้ น ใหอ้ อกไปทางพวยกา ใชค้ รีบเบลโลพลา สตกิ (Bellow) เป็นแหลง่ แรงดนั โดยเม่ือกดท่กี ดบนฝา ของกาท่กี ดจะไปบบี ใหเ้ บลโลยบุ ตวั เกิดแรงดนั อากาศผ่านทางรู ตรงกลางของฝาครอบในท่วี างไวด้ า้ นบนของตวั กาดนั ใหน้ า้ ไหลออกทางพวยเม่ือปลอ่ ยมือออกจากฝากดนา้ อากาศ จากภายนอกจะเขา้ ไปแทนท่นี า้ ในกาท่ไี หลออกมาจากกาตม้ นา้

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 26 1.4.4 การตรวจสอบหาสาเหตขุ อ้ บกพ ร่องของกาต้มน้าไฟฟ้า ในการตรวจซอ่ ม กาตม้ นา้ ไฟฟ้า เม่อื ทราบถึงอาการขดั ขอ้ ง กาตม้ นา้ ไฟฟา้ ไมร่ อ้ น การตรวจซอ่ มมีลาดบั ชน้ั ตอนหรอื จดุ ตรวจท่สี าคญั 3 จดุ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1.สายไฟเขา้ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า หมายถึง ชดุ สายไฟฟ้าทต่ี ่อเขา้ มายงั วงจรกาตม้ นา้ ไฟฟ้าเตา้ เสยี บกาตม้ นา้ ไฟฟา้ สายไฟกาตม้ นา้ ไฟฟา้ ขว้ั ต่อสายไฟ 2. อปุ กรณท์ าใหเ้ กดิ ความรอ้ นของกาตม้ นา้ ไฟฟ้า คอื ลวดความรอ้ น (Heater) 3.จดุ ควบคมุ ความรอ้ น คอื ขดุ ควบคมุ ความรอ้ นอตั โนมตั ิ 4.5 การซ่อมบารุงรักษากาต้มนา้ ไฟฟ้า 1. การซ่อมกาตม้ นา้ ไฟฟ้าเม่ือกาตม้ นา้ ไฟฟา้ ไม่รอ้ น (1) เตาเสยี บกาตม้ นา้ ไฟฟ้าใหต้ รวจสอบดวู า่ เตา้ เสียบซารุดหรือไม่ เช่น หวั เตา้ เสยี บอาจจะจารุด หรอื มอี าการฉกี ขาด (2) สายไฟฟ้ากาตม้ นา้ ไฟฟ้าใหต้ รวจสอบสายไฟกบั ตวั เตา้ เลียบโดยตรงการตใชม้ ลั ตมิ ิเตอรว์ ดั ท่ี ขวั้ ของสายไฟกับตวั เคาเสียบ ดงั รูปท่ี 1.36 ถา้ เข็มมลั ติมิเตอร์ \"ไม่บ่ายเบน\" หรือชีท้ ่ี ∞ ตลอดเวลา แสดงว่าสายไฟ \"ขาด\" การแกไ้ ข ใหเ้ ปล่ียนสายไฟกาตม้ นา้ ไฟฟ้าใหม่ และไม่ควรทาการต่อสายไฟเพราะอาจทาใหเ้ กดิ อนั ตรายได้ รูปท่ี 1.36 การใชม้ ลั ตมิ เิ ตอรว์ ดั ท่ขี วั้ สายไฟของกาตม้ นา้ ไฟฟ้า (3) ขวั้ ต่อสายไฟ การตราจสอบขว้ั ต่อสายไฟของกาตม้ นา้ ไฟฟ้านน้ั สามารถตรวจสอบไดโ้ ดยใชม้ ลั ติมิเตอรต์ งั้ ยานวัดไวท้ ่ี Rx 1 แลว้ ทาการวดั ท่ีขว้ั ต่อสายไฟ ซ่ึงผลการวัด ถา้ เข็มของมลั ติมิเตอรไ์ ม่บ่ายเบน หรือขีท้ ่ี \"∞\" แสดงว่าสายไฟท่ขี วั้ ต่อ \"ขาด\" หรือชารุด การแกไ้ ขใหต้ รวจสอบดขู ว้ั ต่อสายท่อี ยภู่ ายใน (4) การตรวจสอบอุปกรณ์ทาให้เกิดความรอ้ น การตรวจอุปกรณ์ท่ีทาให้เกิดความรอ้ นหรือ ลวดความรอ้ น ทาไดโ้ ดยการใชม้ ลั ตมิ ิเตอรว์ ดั ความตา้ นทาน โดยตงั้ ย่านวดั ไวท้ ่ี Rx1 แลว้ ทาการวดั ดงั รูปท่ี 1.37 ผล การวดั ถา้ เข็มไม่บา่ ยเบน หรือขีท้ ่ี \"'∞\" ตลอดเวลาแสดงว่าลวดความรอ้ นขาด ถา้ เข็มบ่ายเบนแสดงว่า ไม่ขาด ถา้ ไม่ ขาดใหท้ าความสะอาดท่ีจุดต่อและ หนา้ สมั ผสั การแกไ้ ขถา้ หากลวดความรอ้ นขาดใหท้ าการเปลี่ยนลวดความรอ้ น ใหม่ได้

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 27 รูปท่ี 1.37 การใชม้ ลั ตมิ เิ ตอรว์ ดั ลวดความรอ้ นของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ (5) การตรวจสอบชดุ ควบคมุ ความรอ้ น ชดุ ควบคมุ ความรอ้ นหรืออปุ กรณค์ วบคมุ ความรอ้ นในการ ตรวจสอบสามารถทาไดโ้ ดยการใชม้ ลั ติมิเตอร์ วัดตงั้ ย่านวดั ไวท้ ่ี Rx1 ทาการวดั ดงั รูปท่ี 1.38 ผลการวดั ถา้ เข็มมลั ติ มเิ ตอรไ์ ม่บ่ายเบน คือ ขีไ้ ปท่ี \"∞\" อยตู่ ลอดเวลา แสดงว่า ชดุ ควบคมุ ความรอ้ นเสยี หรอื ชารุด และถา้ หากวดั แลว้ ความ ตา้ นทานไม่เป็นศนู ย์ แสดงวา่ หนา้ สมั ผสั ของชดุ ควบคมุ ความรอ้ นเสียการแกไ้ ข ถา้ ชดุ ควบคมุ ความรอ้ นเสยี ใหท้ าการ เปลี่ยนใหม่ รูปท่ี 1.38 การใชม้ ลั ตมิ เิ ตอรว์ ดั ชดุ ควบคมุ ความรอ้ นของกาตม้ นา้ ไฟฟ้า 1.4.6 การบารุงรักษากาต้มน้าไฟฟ้า 1. เม่ือใชก้ าตม้ นา้ ไฟฟ้า จะตอ้ งใหม้ ีนา้ อย่ใู นทกุ ครงั้ 2. การตม้ นา้ ทกุ ครงั้ ควรตม้ เท่าท่ตี อ้ งการใช้ ไมค่ วรใชน้ า้ เย็นตม้ 3. ปล๊กั เสยี บของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ เม่ือเสยี บเขา้ กบั เตา้ รบั ตอ้ งใหแ้ นน่ สายไฟไมแ่ ตกฉีกขาด เน่อื งจากกา ตม้ นา้ ไฟฟ้าใชก้ ระแสไฟฟา้ จานวนมาก เพอ่ื ปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ กดิ ความรอ้ น ท่ปี ลก๊ั เสยี บสงู 4. ตรวจดอู ยา่ ใหม้ ีตะกอนท่ดี า้ นในของกาตม้ นา้ ไฟฟา้ ซง่ึ กาตม้ นา้ อาจเปลี่ยนสี เกดิ คราบสนิมและ ตะกรนั 5. อยา่ นาสิง่ ใด ๆ มาปิดชอ่ งไอนา้ ออก 6. การทาความสะอาดตวั กาตม้ นา้ ดา้ นใน ใชฟ้ องนา้ ชบุ นา้ เชด็ ใหท้ ่วั อย่าใชข้ องมคี มหรอื ฝ่อยขดั หมอ้ จะ ทาใหส้ ารเคลือบกาตม้ นา้ หลดุ ออกได้ 7. กาตม้ นา้ ไฟฟา้ ควรวางอยบู่ นสง่ิ ท่ไี มต่ ดิ ไฟ เชน่ แผน่ กระเบอื้ ง แผน่ แกว้ และตอ้ งไม่อยู่ใกลส้ ารท่ตี ดิ ไฟ

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 28 8. กาตม้ นา้ ไฟฟ้า มีส่วนหน่ึงส่วนใดของวงจรสัมผัสกับส่วนท่ีเป็นโลหะขอหรือมีความชืน้ ใชไ้ ขควง ทดสอบไฟหากพบว่ามีกระแลไฟฟ้าร่วั ใหต้ รวจดรู อยฉีกขาดของเปลี่ยนสายไฟใหม่ และเช็ดกาตม้ นา้ ไฟฟ้า ใหแ้ หง้ หรอื ตอ่ สายดนิ 9. กาตม้ นา้ ไฟฟ้า ไมท่ างาน ไฟไม่เขา้ กาตม้ นา้ ไฟฟา้ สาบไฟขาด ปล๊กั เสยี บไมแ่ น่นตรวจสอบระบบไฟฟา้ ตรวจสอบสายไฟ ขยบั ปลก๊ั เสยี บใหแ้ นน่ 10. เม่ือเลิกใชง้ าน ควรถอดปลก๊ั ไฟฟา้ ออกทกุ ครงั้ 1.4.7 ขอ้ บกพร่อง สาเหตุทพ่ี บบอ่ ย และวิธีแกไ้ ข เกย่ี วกับกาต้มนา้ ไฟฟ้า ขอ้ บกพรอ่ ง สาเหตุ วธิ ีซอ่ มบารุง 1. นา้ ไม่รอ้ น 1. ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายให้กาตม้ ตรวจสอบสายไฟ ปล๊ักเสียบ ใช้มัลติมิเตอร์ โดยต้ังค่าย่านวัด นา้ ความตา้ นทาน ที่ Rx 1 แลว้ วดั ความตา้ นทานของสายไฟแต่ละ 2.กดนา้ ไมอ่ อก เสน้ ที่ขาของปลกั เสยี บและปลายสายไฟอีกดา้ น (ในตวั เครื่อง) 3. กระแสร่วั ลงโครง 2. เทอรม์ อลฟิวสข์ าด - ไดค้ า่ ความตา้ นทาน 0 Ω ปกติ ใชง้ านได้ - ไดค้ ่าความตา้ นทาน ∞ สายไฟขาด ขวั้ ปล๊กั เสียบหลดุ 3. เทอรโ์ มสตสั ขาด ตรวจสอบเทอรม์ อลฟิวส์ ใชม้ ลั ติมิเตอร์ โดยตงั้ คา่ ยา่ นวดั ความ ตา้ นทาน ท่ี RX 1 แลว้ วดั ความตา้ นทานของเทอรม์ อลฟิวส์ 4. ลวดความรอ้ นขาด - ไดค้ ่าความตา้ นทาน 0 Ω ปกติ ใชง้ านได้ -ไดค้ ่าความตา้ นทาน ∞ เปลีย่ นใหม่ 1. ปัญหาเกิดทีอ่ ปุ กรณฝ์ ากดนา้ ตรวจสอบเทอรโ์ มสตสั ใชม้ ลั ตมิ ิเตอร์ โดยตง้ั คา่ ย่านวดั ความ ตา้ นทาน ท่ี Rx1 แลว้ วดั ความตา้ นทานของเทอรโ์ มสตสั 2. ปัญหาเกิดท่ีทอ่ ส่งนา้ มายงั พวย - ไดค้ ่าความตา้ นทาน 0 Ωปกติ ใชง้ านได้ กา - ไดค้ ่าความตา้ นทาน ∞ เปล่ียนใหม่ ตรวจสอบแผ่นความรอ้ น ใชม้ ลั ตมิ เิ ตอร์ โดยตง้ั คา่ ยา่ นวดั ความ จุ ด ต่ อ ส า ย ห รื อ ส่ ว น ข อ ง ว ง จ ร ตา้ นทาน ท่ี Rx100 แลว้ วดั ความตา้ นทานแผ่นความรอ้ น สมั ผสั กบั โครงของเครอ่ื ง - ค่าความตา้ นทาน 100 Ω ขึน้ ไป ขดลวดความรอ้ นปกติใชง้ าน ได้ - ค่าความตา้ นทาน ∞ ลวดความรอ้ นขาด 1.รือ้ อปุ กรณใ์ นฝากานา้ รอ้ นออกทาความสะอาด 2. ตรวจสอบครบี เบลโลถา้ เก่าหรือทะลุ เปล่ียนใหม่ 3. ทดสอบโดยการเอามอื ปิดชอ่ งระบายอากาศแลว้ กดที่กดเบาๆ จะมีแรงดนั อากาศกระทากบั มอื ท่ีอดุ ระบายอากาศ 1.รือ้ อปุ กรณท์ ่ตี วั กานา้ รอ้ นออก 2. ตรวจสอบท่อยางส่งนา้ ดา้ นล่างของกาถา้ เก่าหรือทะลเุ ปล่ียน ใหม่ 3. ปิดฝา ทดสอบโดยการกดที่กดเบา จะมีแรงดนั อากาศกระทา กบั มอื ทอ่ี ดุ รูพวยกา ตรวจสอบหาจดุ ร่วั ดว้ ยมลั ตมิ เิ ตอร์ และไขควงทดสอบไฟ

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 29 1.5 งานพดั ลมไฟ้ฟ้าแบบต้ังโต๊ะ พัดลมไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะ (Desk Fan) ดังรูปท่ี 1.39 จะมี ความสะดวกในการใชง้ านมากเน่ืองจากสามารถเคล่ือนยา้ ยตาแหนง่ การใชง้ านไดส้ ามารถตงั้ กบั พืน้ หรือบนโต๊ะเพ่ือใหส้ ามารถผลิตแรงลม ใหไ้ ดต้ ามความตอ้ งการ ซง่ึ สามารถบงั คบั การทางานได้ 2 ลกั ษณะ คือ ใหท้ างานแบบส่ายไปมารอบตวั ถึง 180 องศา สามารถระบายอากาศ ไดด้ ีและทางานแบบไมส่ ายโดยใหแ้ รงลมระบายออกไดใ้ นแนวเดยี ว รูปท่ี 1.39 พดั ลมไฟฟา้ แบบตงั้ โตะ๊ 1.5.1.โครงสรา้ งและส่วนประกอบทส่ี าคัญของพดั ลมไฟฟ้าแบบตงั้ โต๊โครงสร้างสาคญั มี รายละเอียดดงั นี้ 1. มอเตอรพ์ ดั ลม (Fan Motor)ทาหนา้ ท่เี ป็นตวั หมนุ โรเตอร์ ซ่ึงยึดติดกับใบพัด หากมอเตอร์ไม่ทางาน พัดลมก็จะไม่หมุนถือเป็ น ส่วนประกอบท่ีสาคญั ท่สี ดุ ของพดั ลม ส่วนมากมอเตอรพ์ ดั ลมจะเป็นแบบเชด เ ด ด โ พ ล ม อ เ ต อ ร์( ShadedPole Motor) ห รื อ เ ป็ น แ บ บ ค า ป า ซิ เ ต อ ร์ มอเตอร(์ Capacitor Motor) แสดงดงั รูปท่ี 1.40 รูปท่ี 1.40 มอเตอรพ์ ดั ลม 2. ใบพัดลม (Glades) ทาหนา้ ท่ีดแู ละเป้าอากาศโดยใบพดั จะยึดติดกับแกนโรเตอรข์ องมอเตอร์ จะดดู อากาศจากทางดา้ นหลงั ของพดั ลม และเป่าระบายอากาศออกทางดา้ นหนา้ ใบพดั จะมีขนาดเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางตงั้ แต่ 8-16 นวิ้ ทามาจากพลาสติกแขง็ หรอื โลหะ แสดงดงั รูปท่ี 1.41 รูปท่ี 1.41 ใบพดั ลม 3. ตะแกงพัดลม (Fan Guard) ทาหนา้ ท่ีป้องกนั วตั ถหุ รือสิ่งของเขา้ ไปถูกใบพดั ลมหรือขอ้ งกันอุบตั ิเหตุ อนั ตรายโดยอวยั วะสว่ นใดส่วนหนง่ึ เขา้ ไปถกู ใบพดั เช่น เด็กเล็กนานวิ้ แหยเ่ ขา้ ไปในใบพดั เป็นตนั ตะแกรงของพดั ลม จะยึดติดกบั ตวั พดั ลมทงั้ ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั มลี กั ษณะเป็นซี่ แสดงดงั รูป ท่ี 1.42 สามารถระบายอากาศเขา้ ออกได้ เป็นอย่างดี ทามาจากพลาสตกิ หรือโลหะ (ก) ตะแกรงหนา้ (ข) ตะแกรงหลงั

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 30 4. โครงของพดั ลม (Housing) ทาหนา้ ท่ีเป็นตวั ห่อหมุ้ และยึดอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆของพัดลม เช่น มอเตอร์ ตะแกรงพดั ลม เป็นตน้ สว่ นมากทาจากพลาสตกิ ดงั รูปท่ี 1.43 รูปที่ 1.43 โครงของพดั ลม 5. สวิตซ์ควบคุมระดับความเร็ว (speed Control switch) ทาหนา้ ท่คี วบคมุ ความเรว็ ของมอเตอรใ์ หห้ มนุ ชา้ หรอื เรว็ ตามความตอ้ งการ แสดงในรูปท่ี 1.44โดยท่ัวไปสามารถปรบั ความเร็วไดห้ ลายระดับ ไดแ้ ก่ ชา้ ป่ านกลาง เร็วนอกจากนีย้ ัง หนา้ ท่ี เปิด-ปิด และตดั ต่อวงจรไฟฟ้าใหแ้ กม่ อเตอรพ์ ดั ลมดว้ ย รูปที่ 1.44 สวติ ชค์ วบคมุ ความเรว็ ของพดั ลม 6. อุ ป ก ร ณ์ ท า ใ ห้ พั ด ล ม ส่ า ย ( Oscillate Mechanism) เป็นอุปกรณ์ท่ีช่วยทาใหพ้ ัดลมสามารถส่ายไป มาเพ่ือใหแ้ รงลมกระจายไปไดโ้ ดยรอบ โดยจะมีป่ มุ บังคบั อยู่ ทางดา้ นหลงั ของตวั พดั ลม ดงั รูปท่ี 1.45 บางแบบจะเป็นป่มุ กด สมั ผสั อย่ดู า้ นหนา้ รวมกบั สวิตชค์ วบคมุ ความเรว็ รูปที่ 1.45 ป่มุ กดใหพ้ ดั ลมส่าย 7. สวติ ชต์ งั้ เวลาหรอื ไทเมอร์ (Timer Switch) ทาหนา้ ทีตงั เวลาในการปิด-เปิดใหพ้ ดั ลมทางานตามเวลาท่ี ตอ้ งการ (มเี ฉพาะบางรุน่ ) จากส่วนประกอบของพดั ลมท่กี ล่าวขา้ งตนั เม่ือนามาประกอบเขา้ ดว้ ยกนั จะมลี กั ษณะดงั รูปท่ี 1.46 (ก) วธิ ีการประกอบตะแกรงและใบพดั (ข) ส่วนประกอบพดั ลมไฟฟา้ แบบตงั้ โตะ๊ รูปท่ี 1.46 โครงสรา้ งและส่วนประกอบพดั ลมไฟฟา้ แบบตงั้ โตะ๊

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 31 1.5.2 วงจรการทางานของพัดลมไฟฟ้าแบบตงั้ โต๊ะ วงจรการทางานของพดั ลมไฟฟ้าแบบตงั้ โต๊ะแสดงดงั รูปท่ี 1.47 รูปท่ี 1.47 แสดงวงจรการทางานของพดั ลมไฟฟา้ แบบตงั้ โตะ๊ หลกั การทางานพดั ลมไฟฟ้าแบบตงั้ โต๊ะ พบว่า เม่ือทาการเสียบปล๊กั ไฟฟ้าเขา้ กับแหล่งจ่ายไฟฟ้าจะทา การเปิดวงจรใหก้ บั สวิตช์ (ON) ของพดั ลม จะทาใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลไปยงั มอเตอรเ์ รม่ิ หมนุ พรอ้ มกบั ใบพดั ของพดั ลม โดยสามารถควบคุมและปรับความเร็วของพัดลมให้หมุนชา้ ปานกลาง (Medium) เร็ว (High) ไดต้ ามตอ้ งการ หาก ตอ้ งการใหพ้ ดั ลมหยดุ หมนุ ก็ปรบั สวิตชไ์ ปตาแหน่งหรือปีดวงจร (OFF) เป็นการตดั กระแสไฟฟ้าออกจากมอเตอรพ์ ดั ลม หรือถอดปลก๊ั ไฟฟ้าออกจากแหล่งจ่ายไฟฟ้ากจ็ ะทาใหพ้ ดั ลมหยดุ การทางาน 1.5.3 การประกอบตะแกรงหน้าของพดั ลมไฟฟ้าแบบต้งั โต๊ะ การประกอบตะแกรงหนา้ มขี นั้ ตอนดงั นี้ 3.1 ปรบั รอ่ งนาขอบตะแกรงหนา้ ไวบ้ นสดุ และสวมทบั ซ่ลี วด 3.2 ใชม้ ือกดขอบตะแกรงทงั้ สองใหป้ ระกบลงตามป่มุ ล็อคต่าง ๆ ตะแกรงแลว้ ท่ีมรี อยบาก ดงั รูปที่ 1.48 ในขอบตะแกรงหนา้ และลอ็ คใหแ้ น่นดว้ ยคลปิ ดา้ นล่าง ดงั รูปท่ี 1.49 รูปที่ 1.48 ประกอบตะแกรงหนา้ เขา้ กบั ตวั พดั ลม รูปที่ 1.49 การประกอบตะแกรงหนา้

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 32 1.5.4 .การถอดประกอบและชอ่ มฐานพดั ลมไฟฟ้าแบบตงั้ โต๊ะ การถอดประกอบดงั กลา่ วมีวิธีการดงั นี้ 1. รอ้ ยปลก๊ั สายไฟผ่านช่องดา้ นหลงั ของฐานพดั ลม และประกอบตวั พดั ลมเขา้ กบั ฐานพดั ลม โดยเสยี บเขีย้ วล็อคแต่ละจดุ ดา้ นหลงั ตวั พดั ลมเขา้ กบั รูยึดตา้ นหลงั ท่ฐี านพดั ลม และกดตา้ นหนา้ ตวั พดั ลม ใหแ้ นบสนิทกบั ฐานพดั ลม ดงั รูปท่ี 1.50 1.1 เสยี บเขยี้ วล็อคดา้ นหลงั ตวั พดั ลมเขา้ กบั รูยดึ ท่ฐี านพดั ลม 1.2 กดตวั พดั ลมใหแ้ นบสนทิ กบั ฐานพดั ลม รูปที่ 1.50 การประกอบตวั พดั ลมเขา้ กบั ฐาน (อกี แบบหน่งึ ) 2. การถอดตวั พดั ลมออกจากฐานพดั ลม ใหใ้ ชไ้ ขควงหวั แบนเสียบเขา้ ในรูตาแหน่งเขยี้ วล็อค 3 รู ดงั รูป ท่ี 1.51แลว้ โยกไขควงไปดา้ นหนา้ ตวั พดั ลม จากนน้ั ใหท้ าการถอดตวั พดั ลมออกจากฐานพดั ลม 1.1 เสียบใขควงเขา้ รูตาแหนง่ เขยี้ วล็อคตา้ นหนา้ และโยก ไขควงไปดา้ นหนา้ เพ่อื ปลดลอ็ ค 1.2 ถอดตวั พดั ลมตา้ นหนา้ ออกจากฐานพดั ลม 1.3. ถอดตวั พดั ลมดา้ นหลงั ออกจากฐานพดั ลม รูปท่ี 1.51 ขนั้ ตอนการถอดตวั พดั ลมออกจากฐานตงั้ 1.5.5 วิธีการใชง้ านพดั ลมตงั้ โตะ๊ การใชง้ านมีรายละเอยี ดดงั น้ี 1. กดป่มุ สวิตชค์ วบคมุ ความเร็วพดั ลมตามหมายเลข 1, 2, 3 จะได้สปีดความเร็วระดับช้า ปานกลาง เร็วสุด หาก ตอ้ งการใหพ้ ดั ลมหยุดทางานก็กดสวิตชท์ ่ีตาแหน่งหมายเลข 0 บางรุ่นมีป่ มุ (Swing Button) ควบคุมการส่ายท่ีแผงควบคมุ ดงั รูปท่ี 1.52 รูปท่ี 1.52 การเลอื กความเรว็ ของพดั ลม

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 33 2. บางรุน่ ของพดั ลมตงั้ โตะ๊ จะมสี วติ ชป์ รบั สา่ ยอยู่ 3. การปรับตงั้ ส่ายพัดลมตงั้ โต๊ะสามารถทาได้ ดา้ นหลงั ดงั รูปท่ี 1.53 โดยการกดป่มุ ควบคมุ การสา่ ยลงดา้ นล่าง หากตอ้ งการ ใหพ้ ดั ลมหยดุ สา่ ยก็ใหด้ งึ ขนึ้ ดงั รูปท่ี 1.54 รูปที่ 1.53 สวติ ชป์ รบั สา่ ย (บางรุน่ ) รูปที่ 1.54 แสดงป่มุ ควบคมุ การส่ายของพดั ลม 4. การปรบั มมุ กม้ มมุ เงย ของพดั ลมสามารถทาไดโ้ ดยปรบั ท่ตี วั โครงของพดั ลม โดยการกตลงหรือดงึ ขนึ้ เพ่อื ปรบั ระดบั กม้ -เงยไดต้ ามตอ้ งการ ดงั รูปท่ี 1.55 (ก) ปรบั มมุ กม้ มมุ เงย (ข) ปรบั ระดบั ซา้ ย-ขวา (ค) ปรบั มมุ องศาการหมนุ รูปท่ี 1.55 แสดงการปรบั ระดบั การหมนุ ของพดั ลม 1.5.6 การบารุงดูแลรักษาพดั ลมไฟฟ้า การดแู ลรกั ษามรี ายละเอียดดงั นี้ 1. ควรหม่นั ถอดตะแกรงหนา้ -หลงั ใบพดั หรือพลาสตกิ สว่ นนอกออก ทาความสะอาดดว้ ยผา้ น่มุ ๆ ชบุ นา้ เพ่อื จากดั ฝ่นุ ละอองท่ตี ดึ ตามตะแกรงออกอย่เู สมอ 2. ใหด้ งึ ปล๊กั ไฟฟ้าออกจากเตา้ เสยี บทกุ ครงั้ หลงั จากใชง้ านแลว้ เพ่อื ใหเ้ กิดความปลอดภยั 3. ไม่ควรใชท้ ินเนอร์ นา้ มนั เบนชนิ เช็ดดเู ครอื่ งเด็ดขาด เน่อื งจากอาจทาใหต้ ดิ ไฟหรอื ถลอก 4. ควรหม่นั ตรวจดแู บรง่ิ (Bearing) ใหโ้ รเตอรไ์ ดร้ บั การหลอ่ ล่นื และใชง้ านไดด้ ีไม่ฝืด

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 34 2.การตดิ ต้ังระบบไฟฟ้า 2.1 วสั ดุและอปุ กรณ์ 2.1.1 สายไฟฟ้า สายไฟฟ้าใชเ้ ป็นตวั นาไฟฟ้าไปยงั เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า ในการเลอื กใชส้ ายไฟฟ้าแต่ละชนิดตอ้ งเลือกใชใ้ หถ้ กู ตอ้ งกบั รูปแบบการ ติดตงั้ (ดงั รายละเอียดในหนว่ ยท่ี 2 สายไฟฟ้าที่ใชเ้ ดนิ ดว้ ยเข็มขดั รดั สายคือสาย VAF หรือ VAF-G เป็นสายแบนหมุ้ ฉนวนมีเปลือกเดิน เกาะผนงั หรอื เพดานที่ไม่มีส่ิงปิดหมุ้ ท่ีคลา้ ยกนั มีขนาดให้ เลือกใชด้ งั ตารางท่ี 2.1 (ส่วนขนาดสายของแตล่ ะชนดิ ดหู วั ขอ้ 2.62 ตารางที่ 2.9) ตารางที่ 2.1 ขนาดของสาย VAF และ VAF-G 2x1 2x1 2 x 1.5 2 x 1.5/1.5 2 x 2.5 2 x 2.5/2.5 2x4 2 x 4/4 2x6 2 x 6/6 2 x 10 2 x 10/10 2 x 16 2 x 16/16 แกนละ 4 ตร.มม. หมายเหตุ การใหค้ วามหมายของตวั เลข จานวนแกน (2 แกน) 2 x 4/2.5 สายดิน 2.5 ตร.มม. 2.1.2 หลอดไฟฟ้า 1. หลอดฟลอู อเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp: FL) หรือหลอดเรืองแสง มีโครงสรา้ งพืน้ ฐาน ดงั รูปท่ี 2.1 เดิมเป็นแบบ T12 (T: Tubular, 12: เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 381 มม. (12 ทนุ ) ท่เี รยี กวา่ หลอดอว้ น ปัจจบุ นั ไดเ้ ลิกใชแ้ ลว้ ต่อมาพฒั นาเป็นแบบ T8 ท่ีเรียกท่วั ไปว่า หลอดผอม ซ่งึ ใชก้ นั มากท่ีสดุ ในปัจจุบนั และมีการพฒั นาต่อเป็นแบบ T5 ปัจจุบันการไฟฟ้าฯ ไดร้ ณรงคใ์ ห้ประชาชนใช้เพ่ือประหยัดพลังงาน มีใหเ้ ลือกใช้หลายย่ีห้อตามความตอ้ งการ ตวั อยา่ งของหลอดฟลอู อเรสเซนต์ ดงั ตารางท่ี 2.2 รูปท่ี 2.1 โครงสรา้ งพนื้ ฐานของหลอดฟลอู อเรสเซนต์

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 35 ตารางท่ี 2.2 หลอดฟลอู อเรสเซนต์ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ รายการ ความยาวหลอด 1,200 มม. (ขนาด 36 วตั ต)์ 1,150 มม. (ขนาด 28 วตั ต)์ เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 26 มม. (8 หนุ ) 16 มม. (5 หนุ ) ขวั้ หลอด G13 G5 บลั ลาสตท์ ่ใี ช้ แกนเหลก็ และอิเลก็ ทรอนกิ ส์ อเิ ล็กทรอนิกส์ เทา่ นนั้ กาลงั ไฟฟา้ 36, 18 และ 10 วตั ต์ 35, 28, 21, 14 และ 8 วตั ต์ (นยิ มใช้ 36 วตั ต)์ (นยิ มใช้ 28 วตั ต)์ อายใุ ชง้ าน 8,000-20,000 ช่วั โมง 15,000-20,000 ช่วั โมง นอกจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ ทรงกระบอกท่ีกล่าวแลว้ ยงั มีหลอดฟลอู อเรสเซนต์ ทรงกลมท่ีใชต้ าม บา้ นพกั อาศยั ท่วั ไป ขนาดกาลงั ไฟฟ้า 22, 30 และ 32 วตั ต์ ท่ีนิยมใชค้ ือ 32 วตั ต์ ดงั รูปท่ี 2.2 การประกอบวงจรตอ้ ง ใชบ้ ลั ลาสตแ์ ละสตารต์ เตอรร์ ว่ มกบั หลอดดว้ ย รูปท่ี 2.2 หลอดฟลอู อเรสเซนต์ ทรงกลม รูปท่ี 2.2 หลอดฟลอู อเรสเซนต์ ทรงกลม การประกอบวงจรหลอดฟลอู อเรสเซนต์ จะตอ้ งมอี ปุ กรณ์ ประกอบท่สี าคญั นอกจากหลอด ออเรสเซนต์ คอื บลั ลาสตแ์ ละสตารต์ เตอร์ (1) บลั ลาสต์ คอื อปุ กรณท์ ่ที าหนา้ ท่คี วบคมุ กระแสไฟฟา้ ท่ผี า่ นเขา้ ไปท่หี ลอดใหม้ ีความเหมาะสม และสม่าเสมอ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ไดแ้ ก่ บลั ลาสตแ์ กนเหลีกธรรมดา มีค่ากาลงั ไฟฟ้าสญู เสยี ประมาณ 10-14 วตั ต์ บลั ลาสตแ์ กนเหล็กประสิทธิภาพสงู หรือบลั ลาสตโ์ ลลอส (Low LOรS) มีค่าสญู เสียประมาณ 5-6 วตั ต์ และบลั ลาสต์ อิเล็กทรอนิกส์ มีค่ากาลงั ไฟฟ้าสญู เสียประมาณ 1-2 วตั ต์ ดงั รูปท่ี 2.3การนาไปใชต้ ่อในวงจรจะตอ้ งมคี า่ วตั ตเ์ ท่ากบั ค่าวตั ตข์ องหลอด ซง่ึ จะเขียนระบไุ วท้ ่ตี วั บลั ลาสต์

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 36 รูปที่ 2.3 ตวั อยา่ งบลั ลาสต์ (2) สตารต์ เตอร์ (Starter) คอื อปุ กรณท์ ่ที าหนา้ ทต่ี ่อวงจรเพ่อื จดุ ไสห้ ลอด ขณะหลอดไมส่ วา่ ง และตดั วงจรออกแบบอตั โนมตั เิ ม่ือหลอดสวา่ งเพ่อื รกั ษาระดบั แรงดนั ภายในหลอด ดงั รูปท่ี 2.4 รูปที่ 2.4 ตวั อยา่ งสตารต์ เตอร์ 2.คอมแพคฟลอู อเรสเซนต์ (Compact Fluorescent Lamp) หรอื เรียกวา่ ใหเ้ ลอื กใช้ 2 ชนิด คอื ชนดิ ใชบ้ ลั ลาสตภ์ ายใน มีขว้ั หลอด 2 ชนดิ คือชนดิ เกลยี วและชนดิ บลั ลาสตภ์ ายนอก มีขนาดกาลงั ไฟฟา้ 5, 9, 11, 13, 18 และ 25 วตั ต์ นามาใชแ้ ทนหลอดขนาดเดียวกนั เชน่ E27 เป็นตน้ โดยไม่ตอ้ งตดิ ตงั้ ขว้ั รบั หลอดใหม่ ทงั้ นเี้ พ่อื การประหยดั และใหแ้ สงสว่างสงู กวา่ หลอดเผาไส้ ดงั รูปท่ี 2.5 (ปัจจบุ นั ชนดิ ขว้ั หลอดเขีย้ วนิยมใชน้ อ้ ยลง) รูปที่ 2.5 ตวั อยา่ งหลอดคอมแพคฟลอู อเรสเซนต์ 3. หลอดเผาไส้ (Incandescent Filament Lamp) หรือเรียกว่า หลอดอินแคนเดสเซนตป์ ัจจบุ นั ไมน่ ิยมใช้ ในบา้ นพกั อาศยั เน่อื งจากไม่ประหยดั พลงั งานไฟฟา้ และใหแ้ สงสว่างนอ้ ยกว่าหลอดคอมแพและมีหลากหลายขนาด หลากหลายรูปทรง ดงั รูปท่ี 2.6 (ปัจจบุ นั ชนดิ ขว้ั หลอดเขีย้ วนยิ มใชน้ อ้ ยลง)

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 37 รูปที่ 2.6 ตวั อย่างหลอดเผาไส้ มาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้า สาหรบั ประเทศไทย พ.ศ. 2556 กาหนดใหข้ ้วั รบั หลอดชนิดเกลียว ส่วน เกลยี วโลหะท่เี ป็นทางเดินกระแสไฟฟา้ ตอ้ งตอ่ กบั สายนวิ ทรลั เทา่ นนั้ ดงั รูปท่ี 2.7 รูปท่ี 2.7 ตวั อย่างขวั้ รบั หลอดและการนาไปต่อกบั ตวั นา 4. หลอดแอลอีดี (Light Emitting Diode: LED คือ หลอดท่ีเป็นอปุ กรณส์ ารก่ึงตวั นาชนิดหนึ่งดงั รูปท่ี 2.8 เม่ือกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านจะปลอ่ ยแสงสวา่ งออกมาทนั ที แสงสวา่ งเกดิ จากการเคลือ่ นท่ขี องอิเล็กตรอนภายในสารกึ่ง ตัวนา จดั ไดว้ ่าเป็นหลอดประหยดั ไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่ง มีหลากหลายรูปแบบตามการใชง้ าน แต่ราคายงั สงู มากเม่ือ เทียบกับหลอดฟลอู อเรสเซนต์ ปัจจุบนั ไดน้ าหลอดแอลอีดีมาใชป้ ระโยชนแ์ พรห่ ลายมากขึน้ เช่น ไฟสญั ญาณจราจร ไฟทา้ ยรถยนต์ ไฟป้ายโฆษณา ไฟฉาย จอโทรทศั นข์ นาดใหญ่ และหลอดไฟประดบั ตกแตง่ ภายในอาคาร เป็นตน้ รูปท่ี 2.8 ตวั อย่างหลอดแอลอดี ี 2.1.3 เขม็ ขดั รัดสายไฟ เข็มขดั รดั สายไฟ (Clip) ทาจากแผ่นอะลมู เิ นียมบาง ๆ มรี ูสาหรบั ใส่ตะปเู ดินสายไฟ มหี ลาย ขนาดหรอื เบอร์ ตงั้ แต่เบอร์ 3 , 0 , 1 ,1 1 , 2 , 2 1 , 3 , 3 1 , 4 , 5 , 6 และเบอร์ 7 ดงั รูปท่ี 2.9 4 222

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 38 รูปท่ี 2.9 ตวั อยา่ งเข็มขดั สายไฟและขนาดเบอร์ 2.1.4 ตะปตู อกเข็มขคั รัดลายไฟ ตะปเู ดินสายไฟ มีขนาด 6. 8. 10 และ 13 มม. 1 (, 5 , 3 , และ 1 นิว้ ) สาหรบั ขนาด 6 และ 6 , 8จะใช้ 4 16 8 2 ตอกบนผนงั ปนู สว่ นขนาด 10 และะ 13 มม. จะใชส้ าหรบั ตอกบนผนงึ ท่เี ป็นไม้ ดงั รูปท่ี 2.10 รูปที่ 2.10 ตวั อย่างตะปเู ดินสายไฟ 2.1.5 สวิตช์ สวิตช์ (Switch: SW) คือ อุปกรณท์ ่ีใชส้ าหรบั เปิด-ปีดวงจรไฟฟ้าต่าง ๆ เข่น วงจรหลอดฟลูออเรสเชนต์ การนาไปใชง้ านมีหลากหลาย เช่น สวิตชห์ ร่ีไฟ สวิตชก์ ดปิด-เปิด สวิตชท์ างานดว้ ยแสง เป็นตน้ สวิตชท์ ่วั ไปจะมี ขนาด 10 A 250 V มีหลายย่หี อ้ ดงั รูปท่ี 2 .11 และแบ่งชนิดไดด้ งั นี้ 1.สวิตชข์ ว้ั เดียวทางเดียว (Single-Pole, Single-Throw: SPST) เรียกท่วั ไปว่า สวิตชท์ างเดียว ใชสาหรบั ควบคมุ การเปิด-ปีดวงจร หรอื อปุ กรณไ์ ฟฟ้าเพียงจดุ เดยี ว 2.สวิตชข์ วั้ เดียวสองทาง (Single-Pole, Double-Throw: SPDT) เรียกท่วั ไปว่า สวิตชส์ องทาง ใชส้ าหรบั ควบคหุ ลอดไฟหรืออุปกรณใ์ ชไ้ ฟฟ้าจากท่ีควบคมุ 2 ตาแหน่งไดด้ ว้ ยการใชส้ วิตชส์ องทาง 2 ตวั ต่อร่วมกัน อาจจะ เรยี กช่ือหนึง่ ว่า \"สวิตชบ์ นั ได\" 3. สวิตชส์ องขวั้ ทางเดยี ว (Double-Pole, Single-Throw: DPST) เรยี กท่วั ไปวา่ คดั เอาต์ 4. สวติ ชส์ องขว้ั สองทาง (Double-Pole, Double-Throw: DPDT) เรียกท่วั ไปว่า สวติ ชก์ ากบาท ใชส้ าหรบั ควบคุมอุปกรณใ์ ชไ้ ฟฟ้า 3 ตาแหน่งหรือมากกว่า เช่น ใช้สวิตชก์ ากบาท 1 ตัว ร่วมกับสวิตชท์ าง 2 ตวั จะควบคุม อุปกรณ์ใชฟ้ ฟ้าได้ 3 ตาแหน่ง หรือใช้สวิตช์กากบาท 2 ตัวร่วมกับสวิตช์ 2 ตัว จะควบคุมอุปกรณ์ใช้ไฟฟ้าได้ 4 ตาแหน่ง เป็นตน้

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 39 รูปท่ี 2.11 ตวั อย่างสวติ ช์ 2.1.6 เตา้ รับ เตา้ รบั (Receptacle) คอื อปุ กรณห์ นา้ สมั ผสั ซง่ึ ตดิ ตงั้ กับจดุ จ่ายไฟ ใชส้ าหรบั การต่อกบั เตา้ าเสียบ ตงั รูปท่ี 2.12 เตา้ รบั ทางเดียวคืออุปกรณห์ นา้ สมั ผสั ท่ีไม่มีอปุ กรณห์ นา้ สมั ผัสอื่นอย่ใู นโครเตา้ รบั หลายทางคืออปุ กรณ์ หนา้ สมั ผสั ตงั้ แต่ 2 ชดุ ขึน้ ไปท่อี ย่ใู นโครงเดียวกนั โดยท่วั ไปมีขนาด 10 A 250 Vมีหลายย่หี อ้ ใหเ้ ลือกใช้ รูปท่ี 2.12 ตวั อย่างเตา้ รบั มาตรฐานการตดิ ตงั้ ทางไฟฟ้า สาหรบั ประเทศไทย พ.ศ. 2556 กาหนดใหเ้ ตา้ รบั ท่ใี ชง้ านตอ้ งมีพกิ ดั กระแส แรงดนั และประเภทเหมาะสมกบั สภาพการใชง้ าน เตา้ รบั ท่ใี ชก้ ลางแจง้ ตอ้ งเป็นชนิดป้องกนั นา้ เตา้ รบั แบบติดกบั พืน้ หรือฝังพืน้ การติดตงั้ ตอ้ งป้องกันความเสียหายทางกายภาพ เตา้ รบั ตอ้ งติดตงั้ อย่เู หนือระดบั นา้ ท่ีอาจท่วมหรือขงั ได้ ขนาดสายสาหรบั เตา้ รบั ใชง้ านท่วั ไปแตล่ ะชดุ ตอ้ งไมเ่ ล็กกว่า 1.5 ตร.มม. ถา้ ใชง้ านเฉพาะ สายไฟตอ้ งมีขนาดกระแส ไมต่ ่ากวา่ พกิ ดั เตา้ รบั แต่ไมต่ อ้ งใหญ่กวา่ ขนาดของวงจรย่อยนนั้ รูปท่ี 2.13 ขวั้ สายของเตา้ รบั มชี วั้ สายดนิ เม่อื มองจากดา้ นหนา้ 2.1.7 เตา้ เสยี บ

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 40 อปุ กรณท์ ่สี อดเขา้ ไปในเทา้ วบั แลว้ ทาใหเ้ กดิ การตอ่ ระหว่างตวั นาของสายออ่ นท่ีตดิ เตา้ เงียบกบั ตวั นาท่ตี อ่ อยา่ งถาวรกบั เตา้ รบั ดงั รูปท่ี 2.14 รูปที่ 2.14 ตวั อยา่ งเตา้ เสยี บ มาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้า สาหรบั ประเทศไทย พ.ศ. 2556 กาหนดใหช้ าเลยี บเตา้ เลียบชนิดมลี ายดิน ตาม มอก. 166-2549 จะตอ้ งมีการเรียงข้ัวเฟส นิวทรลั และลายดินแบบตามเข็มนาฬิกา เม่ือมองจากดา้ นหน้า ตวั อย่างการต่อเตา้ เลียบไวใ้ ชง้ านในงานตดิ ตงั้ ไฟฟ้า ดงั รูปท่ี 2.15 รูปที่ 2.15 ตวั อยา่ งการต่อเตา้ เลยี บไวใ้ ชง้ าน 2.1.8 กลอ่ งลอยพลาสตกิ กลอ่ งลอยพลาสตกิ (Flush-Mounted Bo ใชร้ ว่ มกบั ฝาปัดและรองรบั การตดิ ตงั้ ลวติ จแ์ ละเตา้ รบั เมอ่ื ตดิ ตงั้ แบบเดนิ เกาะผนงั มีหลายขนาดใหเ้ ลอื กใขแ้ ละหลายย่หี อ้ ขนาดท่ีนิยมใช้ กวา้ งxยาวxสงู คอื 75x 125x 33 มม. (2x4 นวิ้ ) ดงั รูปท่ี 2.16 รูปท่ี 2.16 ตวั อยา่ งกล่องลอยพลาสติก

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 41 2.1.9 กล่องฝังพลาสตกิ กล่องฝังพลาสติก (Flush-Mounted Box) ใชร้ ่วมกับฝาปิดและรองรบั การติดตงั้ เตา้ รบั เม่ือเดนิ สายไฟฟา้ แบบเดินเกาะผนงั แต่จุดติดตงั้ สสวิตชแ์ ละเตา้ รบั ใชก้ ล่องฝังในผนังปูนหรือเดินสายดว้ ยท่อรอ้ ยสาย มีใหเ้ ลือกใช้ หลายขนาดและหลายย่หี อ้ ขนาดท่นี ยิ มใช้ กวา้ งxยาวxสงู คอื 66x 100x45 มม. ดงั รูปท่ี 2.17 รูปท่ี 2.17 ตวั อยา่ งกลอ่ งฝังพลาสตกิ 2.1.10 ฝ่ าปิ ด ฝาปิด (Cover Plate) พรอ้ มกับตะแกรงท่ีติดกบั ฝาปิดจะใชด้ สวิตชห์ รือเตา้ รบั ก่อนนาไปยึดติดกับกล่อง ลอยพลาสติกหรอื กลอ่ งฝังพลาสติก ฝ่าปิดจะเรียกตามจานวนอปุ กรณท์ ่ตี ดิ ตงั้ เช่น ฝาปิด 2 ช่องใชส้ าหรบั 2 อปุ กรณ์ เป็นตน้ ฝาปิดมขี นาด 1, 2, 3, 4, 6 และ 9 ชอ่ ง ดงั รูปท่ี 2.18 รูปที่ 2.18 ตวั อย่างฝาปิด 2.1.11 พุก เป็นอุปกรณท์ ่ีใชส้ าหรบั ฝังไปในผนงั ปนู เพ่ือจบั ยึดอปุ กรณต์ ่างๆใหแ้ ขง็ แรง มีหลากหลายชนิดและขนาด ตามการใชง้ าน ดงั รูปท่ี 2.19 พกุ พลาสติก (PVC Anchor) มขี นาดเบอรท์ ่ใี ชค้ ือ เบอร์ 5, 6, 7, 8 และ 10 นิยมใชเ้ บอร์ 7 ในงานติดตงั้ ไฟฟ้า ส่วนมากใชย้ ดึ อปุ กรณท์ ่นี า้ หนกั เบารว่ มกบั สกรู เช่น งานท่อและงานแผงควบคมุ ไฟฟ้า เป็นตน้ พุกเหล็ก (Anchor Bolt หรือ Stud Bolt) ใช้ยึดอุปกรณ์ท่ีมีน้าหนัก เช่น ยึดพัดลมเพดานและงานติดตั้ง

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 42 เครอ่ื งปรบั อากาศ เป็นตน้ มขี นาดประมาณ 5, 6, 810, 13 และ 16 มม.( 3 , 1 , 5 , 3 , 1 , และ 5 นวิ้ ตามลาดบั ) 16 4 16 8 2 8 และพุกตะก่ัว (Double Expansion Anchor) ใช้งานติดตั้งกับพืน้ ใช้ยึดเครื่องจักรได้ เหมาะกับงานกลางแจ้ง เน่อื งจากไม่เป็นสนมิ มขี นาดประมาณ 6, 8 , 10 และ 13 มม. ( 1 , 5 , 3 และ 1 นวิ้ ตามลาดบั ) 4 16 8 2 รูปที่ 2.19 ตวั อย่างพกุ 2.1.12 สกรูเกลยี วเหลก็ สกรูเกลียวเหล็ก (Self Tapping Screw) หรือเรียกว่า สกรูเกลียวปล่อย ใช้งานร่วมกับพุก ใช้ขันยึด อุปกรณต์ ่าง ๆ เช่น ขนั ยึดฝาปิดกบั กลอ่ งลอยหรือกล่องฝัง การใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะงาน มีหลายชนิด เช่น หวั แบน หวั กลม และหวั เหลย่ี ม เป็นตนั มคี วามยาวหลายขนาดตงั้ แต่ 6-76 มม. ( 1 -3 นวิ้ ) ดงั รูปท่ี 2.20 4 รูปที่ 2.20 ตวั อยา่ งสกรูเกลยี วเหล็ก 2.2 วธิ กี ารเดินสายไฟฟ้าดว้ ยเขม็ ขดั รัดสาย การเดนิ สายไฟฟา้ ดว้ ยเขม็ ขดั รดั สายเป็นการเดินสายแบบเปิด นยิ มใชภ้ ายในอาคารตามบา้ นเรือนท่วั ไป 2.2.1 วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ วสั ดแุ ละอปุ กรณใ์ นการเดินสายไฟฟา้ ดว้ ยเขม็ ขดั รดั สาย คือ สายไฟฟา้ ชนดิ VAF หรือ VAF-G เข็มขดั รดั สายไฟ และตะปเู ดินสายไฟ (รายละเอยี ดในหน่วยท่ี 4) การเดนิ สายดว้ ยวธิ ีนเี้ ดนิ เกาะไปตามผนงั ไม้ หรอื ผนงั ปนู ทา ไดง้ ่าย ค่าวสั ดุ และค่าแรงงานถกู การตรวจซ่อมแกไ้ ขทาไดง้ ่าย การเลือกเข็มขดั รดั สายใหเ้ ลือกพอดีกับขนาดสาย ตวั อย่างดงั ตารางท่ี 3.1 ส่วนตะปเู ดินสายไฟ ถา้ เดินผนงั ไมใ้ ชข้ นาดประมาณ 10 และ 13 มม. ( 3 และ 1 นิว้ ) ถา้ 82 เดนิ ผนงั ปนู จะใชข้ นาดประมาณ 6, 8 และ 10 มม. (1 , 5 J และ 3 นวิ้ ) 4 16 8

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 43 ตารางท่ี 3.1 การเลือกใชเ้ บอรข์ องเขม็ ขดั รดั สาย เบอร์ รูปร่าง ใชร้ ัดสาย VAF ขนาด จานวนสายไฟ (ตร.มม.) 3 2X1 1 เสน้ 4 0 2X1.5 1 เสน้ ตารางท่ี 3.2 การเลือกใชเ้ บอร์ของเขม็ ขดั รัดสาย (ตอ่ ) เบอร์ รูปร่าง ใชร้ ัดสาย VAF ขนาด จานวนสายไฟ (ตร.มม.) 1 2X1.5 หรอื 2X2.5 1 เสน้ 2 2X1 2 เสน้ 3 2X2.5 2 เสน้ 4-7 ใชร้ ดั สายไฟหลายเสน้ ตามความ ท่เี ดินเรยี งกนั เหมาะสม 2.2.2 การตเี ส้น การตีเสน้ เพ่ือจะไดเ้ ป็นแนวใหก้ ารเดินสายไฟน้ันสวยงาม ส่วนใหญ่จะทาการตีเสน้ ดว้ ยปักเตา้ เพราะ กระทาไดง้ ่ายไมเ่ สียเลง็ แนวมากและสามารถปฏิบตั ิงานไดเ้ รว็ ขนึ้ ดงั รูปท่ี 3.1 รูปที่ 3.1 การตเี สน้ ดว้ ยปักเตา้ บนผนงั เพอื่ เป็นแนวเดนิ สายไฟ

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 44 2.2.3 การใชเ้ ขม็ ขดั รดั สายและระยะเข็มขดั รัดสาย เข็มขัดรดั สายมี 2 ดา้ น ดา้ นหนึ่งผิวจะมันเรียบอีกดา้ นหน่ึงขอบจะมีคมเล็กน้อย (ดา้ นหยาบ) เวลา นาไปใชใ้ หใ้ ส่ตะปูเดินสายไฟดา้ นท่ีมีคมเล็กนอ้ ย ตังรูปท่ี 3.2 เพราะเม่ือรดั สายส่วนท่ีมีคมจะจบั ยืดกับ ฉนวนของ สายไฟไดแ้ นน่ ขนึ้ และไม่บาดหรือเกิดรอยขีดขว่ นเวลาไปสมั ผสั รูปท่ี 3.2 การตเี สน้ ดว้ ยปักเตา้ บนผนงั เพือ่ เป็นแนวเดนิ สายไฟ ส่วนระยะเข็มขัดรดั สายบนพืน้ ไมจ้ ะห่างกนั ประมาณ 10-12 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 20 เซนติเมตร (200 มม.) ถา้ เดินบนพืน้ ปูนจะห่างกันประมาณ 8-10 เซนติเมตร ระยะห่างจากเข็มขดั รดั สายก่อนถึงอุปกรณป์ ระมาณ 2.5-3 เซนตเิ มตร ในทางปฏิบตั เิ พ่อื ความรวดเรว็ ระยะห่างของเขม็ ขดั โดยประมาณอาจใช้ระยะความยาวของหวั คอ้ น เดินสายไฟกไ็ ด้ (หวั คอ้ นยาวประมาณ 10 เชนติเมตร) หวั เข็มขดั ควรหนั หวั ไปทาง เดียวกนั ดงั รูปท่ี 3.3-3.4 และควร ตอกตะปยู ดึ เขม็ ขดั รดั สายใหเ้ สรจ็ ก่อนแลว้ จงึ จะเดนิ สายไฟ รูปที่ 3.3 ระยะเข็มขดั รดั สายบนพนื้ ไม้ รูปที่ 3.4 การประมาณระยะเขม็ ขดั รดั สายโดยใชห้ วั คอ้ น

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 45 2.2.4 การคลขี่ ดสายไฟฟ้า ผผู้ ลิตโดยส่วนใหญ่จะผลิตสายไฟฟ้าเป็นขด ความยาวขดละ 100 เมตร วิธีการคลี่ขดสายไฟฟ้ากระทา โดยวางปลายสายลงกบั พืน้ และใชม้ ือทง้ั สองขา้ งสอดเขา้ ไปในขดสายไฟฟ้า จากนน้ั หมนุ คลายสายออกจากขดโดย เดนิ ถอยหลงั จนไดส้ ายไฟท่ยี าวตามตอ้ งการ การคล่สี ายไฟฟา้ วิธีนมี้ ีขอ้ ดี คือ เวลารดั สายไฟฟ้าดว้ ยเขม็ ขดั รดั สายนนั้ ผปู้ ฏิบตั ิงานจะไม่ตอ้ งรีดสายมากและสายจะตรงสวยงามดว้ ย แต่ถา้ ไม่ไดใ้ ชว้ ิธีการคลี่สายไฟฟ้าใชก้ ารดงึ สายออก จากขดสายไฟโดยตรง สายไฟจะเป็นเกลียวไดง้ ่ายและรีดสายใหต้ รงไดย้ ากขนึ้ 2.2.5 การรีดสายไฟฟ้าและการรัดสายไฟฟ้า การรดี สายไฟฟา้ เพ่อื ตอ้ งการใหส้ ายตรงไม่บดิ ถา้ มสี ายหลายเสน้ รดี ทีละเสน้ และจดั ใหเ้ รยี งชดิ ตดิ กนั มือ ขา้ งหนึ่งกดสายไฟฟ้าแนบกบั ผนงั มอื ขา้ งหนึ่งดงึ เข็มขดั มารดั สายใหแ้ น่นกอ่ นสอดปลายเขม็ ขดั รดั สายเขา้ กบั รูและ พบั ปลายเขม็ ขดั จากนนั้ ใชค้ อ้ นเคาะเบาๆ ท่ีรอยพบั เขม็ ขดั รดั สายและตกแตง่ สายใหแ้ นบสนทิ กบั ผนงั ไมเ่ คาะแรง ๆ เพราะจะทาใหฉ้ นวนชารุด การรดั สายไฟฟ้าทถ่ี กู ตอ้ งและสวยงาม ดงั รูปท่ี 3.5 รูปท่ี 3.5 การรดั สายดว้ ยเขม็ ขดั รดั สายท่ีถกู ตอ้ งและสวยงาม 2.2.6 การเดนิ สายไฟโคง้ มมุ ฉาก การเดินสายไฟไม่ควรเดนิ สายหกั มมุ ท่ีเรียกว่า มมุ ฉาก เพราะถา้ เดินสายไฟเป็นมมุ ฉาก 90 องศา จะทา ใหล้ วดตวั นาทองแดงนน้ั หกั ได้ ควรเดินเป็นโคง้ มมุ ฉาก การรดั เข็มขดั รดั สายเช่น สาย VAF ขนาด 2x2.5 ตร.มม. ใช้ รศั มีความโคง้ ประมาณ 2.5-3 ชม. (ประมาณ 5 เท่าของเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของสาย) ดงั รูปท่ี 3.6 ก) (ดรู ูประยะเขม็ ขดั รดั สายจากรูปท่ี 3.3) และถา้ เดนิ สายหลายเสน้ สายไฟเสน้ ลา่ งสดุ ควรมีรศั มีความโคง้ ประมาณ 2.5-3 ชม. ดงั รูปท่ี 3.6 ข) รูปท่ี 3.6 ระยะเข็มขดั รดั สายบนพนื้ ไม้

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 46 งานที่ 1 ชอื่ งาน งานเดนิ สายดว้ ยเข็มขดั รดั สาย ติดตงั้ หลอดเผาไสค้ วบคมุ ดว้ ยสวติ ชท์ างเดยี วและเตา้ รบั วัตถุประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม (Behavioral Objectives) 1. ประมาณการวสั ดจุ ากแบบงานได้ 2. เดินสายไฟฟ้าตามแบบงานได้ 3.ติดตงั้ อปุ กรณไ์ ฟฟ้าและตอ่ วงจรไดถ้ กู ตอ้ ง 4. ใชเ้ คร่ืองมอื ไดถ้ กู ตอ้ ง 5. แสดงออกถงึ ตรงต่อเวลาและมคี วามรบั ผดิ ชอบได้ เครื่องมอื /อุปกรณ์ (TooV/Equipment) วัสดุ (Material) 1. คอ้ นเดินสายไฟฟา้ 1 เตา้ 1. สาย VAF 2 x 1.5 ตร.มม. ...........ม. 2. คมี ปากยาว 1 อนั 2. สาย VAF 2 x 2.5 ตร.มม. ...........ม. 3. คมี ตดั 1 อนั 3. แผงไมข้ นาด.......................... ..........แผง. 4. คมี รวม 1 อนั 4. สวติ ชท์ างเดยี ว ...........ตวั 5. ฟตุ เหลก็ 1 เมตร 1 อนั 5. เตา้ รบั ...........ตวั 6. ปักเตา้ 1 อนั 6. กลอ่ งตอ่ สาย ขนาด..................... ...........อนั 7. ระดบั นา้ 1 อนั 7. ฝาปิด...............ช่อง ...........อนั 8. มดี ปอกสาย 1 เลม่ 8. ขว้ั รบั หลอดพรอ้ มหลอดเผาไส.้ .......วตั ต์ ...........ชดุ 9. ระดบั นา้ 1 อนั 9. คตั เอาตข์ นาด ............A พรอ้ มฟิวส์ ...........ชดุ 10. สว่านไฟฟา้ 1 เครอ่ื ง 10. ปลก๊ั ฟิวส์ พรอ้ มฟิวส์ ขนาด..........A ...........ชดุ 11. เลือ่ ยลอ 1 อนั 11. เข็มขดั รดั สายไฟ 12. ไขควง 1 ชดุ 12. ตะปเู ดนิ สายไฟ 13.เหล็กนาศนู ย์ 1 อนั 13. สกรูเกลยี วเหลก็ 14. ดนิ สอ 1แทง่ 14. ผา้ ขนาด 30 x 30 ซม. 1 ผืน สาระสาคญั (Main Idea) สวิตชต์ อ้ งตดิ ตงั้ ท่สี ายเสน้ ไฟตามมาตรฐาน วสท. พ.ศ. 2556 กาหนดใหส้ ายเสน้ ไฟเป็นสายสีนา้ ตาลและ สายนวิ ทรลั เป็นสายสีฟ้า สว่ นการติดตงั้ เตา้ รบั เพ่อื เป็นจดุ จา่ ยไฟใหเ้ ครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ หรอื เป็นวงจรไฟฟา้ กาลงั จะตอ่ สายไฟเขา้ ตามขว้ั ท่ปี รากฏสญั ลกั ษณอ์ กั ษร L, N และ G

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 47 ลาดบั ขน้ั การปฏิบตั งิ าน (Step of Workshop) 1. อา่ นแบบงานตามรูปท่ี 1 และประมาณการจานวนวสั ดเุ ขยี นลงในรายการวสั ดุ รูปท่ี 1 แบบงานเดนิ สายตดิ ตง้ั วงจรหลอดเผาไสแ้ ละเตา้ รบั สญั ลกั ษณอ์ กั ษรประกอบรูปท่ี 1 ดงั นี้ F1 หมายถงึ คตั เอาต์ S1 หมายถึง สวติ ชท์ างเดียว P1 หมายถึง เตา้ รบั L1 หมายถึง หลอดเผาไส้

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 48 2. ใหเ้ ขียนแบบงานสาเรจ็ ตามรูปท่ี 1 3. ตรวจสอบวสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ไี ดร้ บั มาครบถว้ นถกู ตอ้ งหรอื ไม่ 4. ถ่ายขนาดจากแบบงานรูปท่ี 1 ลงบนแผงฝึก 5. เดินสายดว้ ยเขม็ ขดั รดั สายและติดตงั้ อปุ กรณ์ 6. ตอ่ วงจรโดยกาหนดสายสดี าเป็นสายเสน้ ไฟและสายสีขาวเป็นสายนวิ ทรลั 7. ตรวจสอบการต่อสาย การเขา้ ปลายสายเพ่อื ป้องกนั การลดั วงจร 8. ตรวจสอบความเรียบรอ้ ยและส่งงาน 9. ทดสอบวงจรแสงสว่างและวงจรไฟฟา้ กาลงั โดยผสู้ อนควบคมุ การทดสอบ 10. เก็บเครอื่ งมือ/อปุ กรณแ์ ละวสั ดุ และทาความสะอาดบรเิ วณปฏิบตั ิงานและบรเิ วณท่รี บั ผดิ ชอบหรือ ไดร้ บั มอบหมาย

ก า ร ซ่ อ ม เ ค ร่ื อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 49 งานท่ี 2 ชอื่ งาน งานเดนิ สายดว้ ยเขม็ ขดั รดั สาย ติดตงั้ หลอดฟลอู อเรสเซนตค์ วบคมุ ดว้ ยสวติ ชส์ องทางและเตา้ รบั วัตถุประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม (Behavioral Objectives) 1. ประมาณการวสั ดจุ ากแบบงานได้ 2. เดินสายไฟฟา้ ตามแบบงานได้ 3. ตดิ ตงั้ อปุ กรณไ์ ฟฟ้าและต่อวงจรไดถ้ กู ตอ้ ง 4. ใชเ้ ครื่องมือไดถ้ กู ตอ้ ง 5. แสดงออกถงึ ตรงต่อเวลาและความรบั ผดิ ชอบได้ เครื่องมอื /อปุ กรณ์ (TooV/Equipment) วัสดุ (Material) 1. คอ้ นเดินสายไฟฟ้า 1 เตา้ 1. สาย VAF 2 x 1.5 ตร.มม. ...........ม. 2. คมี ปากยาว 1 อนั 2. สาย VAF 2 x 2.5 ตร.มม. ...........ม. 3. คมี ตดั 1 อนั 3. แผงไมข้ นาด.......................... ..........แผง 4. คมี รวม 1 อนั 4. สวติ ชส์ องเดยี ว ...........ตวั 5. ฟตุ เหลก็ 1 เมตร 1 อนั 5. เตา้ รบั ...........ตวั 6. ปักเตา้ 1 อนั 6. กล่องตอ่ สาย ขนาด..................... ...........อนั 7. ระดบั นา้ 1 อนั 7. ฝาปิด...............ชอ่ ง ...........อนั 8. มดี ปอกสาย 1 เลม่ 8. ขวั้ รบั หลอดพรอ้ มหลอดเผาไส.้ .......วตั ต์ ...........ชดุ 9. ระดบั นา้ 1 อนั 9. คตั เอาตข์ นาด ............A พรอ้ มฟิวส์ ...........ชดุ 10. สว่านไฟฟ้า 1 เคร่อื ง 10. ปล๊กั ฟิวส์ พรอ้ มฟิวส์ ขนาด..........A ...........ชดุ 11. เล่ือยลอ 1 อนั 11. เข็มขดั รดั สายไฟและตะปเู ดนิ สายไฟ 12. ไขควง 1 ชดุ 12. สกรูเกลียวเหลก็ 13. เหลก็ นาศนู ย์ 1 อนั 13. เทปพนั สายไฟ 14. ดนิ สอ 1 แทง่ 14. ผา้ ขนาด 30 x 30 ซม. 1 ผืน สาระสาคัญ (Main Idea) วงจรสวิตชบ์ นั ไดใชส้ าหรบั ควบคมุ หลอดไฟฟ้า 2 ตาแหน่งจากสวิตชต์ ัวใดตวั หน่ึง ตวั สวิตชม์ ีขวั้ ต่อสาย สวิตชท์ างเดียวคอื มี 3 ขว้ั โดยขวั้ หนึ่งของสวิตชจ์ ะเป็นจุดต่อรว่ มและอีก 2 ขว้ั จะเป็นชวั้ ท่ีติดตงั้ ต่างตาแหนง่ ดงั รูปท่ี 2 ใชใ้ นงานควบคมุ แสงสว่างบรเิ วณบนั ได และทางเดิน เป็นตน้ รูปที่ 2 วงจรสวติ ชบ์ นั ไดควบคมุ หลอดฟลอู อเรสเซนต์

ก า ร ซ่ อ ม เ ค รื่ อ ง มื อ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร ติ ด ตั้ ง ร ะ บ บ ไ ฟ้ ฟ้ า | 50 ลาดบั ขัน้ การปฏบิ ตั งิ าน (Step of Workshop) 1. อา่ นแบบงานตามรูปท่ี 2 และประมาณการจานวนวสั ดเุ ขียนลงในรายการวสั ดุ รูปท่ี 2 แบบงานเดนิ สายตดิ ตงั้ วงจรสวติ ชบ์ นั ได สญั ลกั ษณอ์ กั ษรประกอบรูปท่ี 1 ดงั นี้ F1 หมายถงึ คตั เอาต์ S31 , S32 หมายถงึ สวติ ชส์ องทาง ตวั ท่ี 1 และ 2 P1 หมายถึง เตา้ รบั L1 หมายถงึ หลอดเผาไส้ L2 หมายถึง หลอดฟลอู อเรสเซนต์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook