Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติฟุตบอลไทย ประวัติฟุตบอลในประเทศไทย

ประวัติฟุตบอลไทย ประวัติฟุตบอลในประเทศไทย

Published by apisityotayut, 2020-06-15 06:45:35

Description: ประวัติฟุตบอลไทย ประวัติฟุตบอลในประเทศไทย

Search

Read the Text Version

ประวัตฟิ ตุ บอลไทย ประวตั ฟิ ตุ บอลในประเทศไทย โดย วา่ ทร่ี ้อยตรีอภสิ ทิ ธ์ิ โยธายุทธ โรงเรยี นโนนแท่นพทิ ยาคม

ประวัติฟุตบอลไทย ประวตั ิฟุตบอลในประเทศไทย ประวตั ิฟุตบอลไทย กีฬาฟตุ บอลในประเทศไทย ไดม้ กี ารเลน่ ตง้ั แตส่ มยั “พระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ” รชั กาลที่ 5 แหง่ กรุงรตั นโกสทิ ร์ เน่ืองจากสมยั รชั กาลท่ี 5 พระองคไ์ ดส้ ่งพระ เจา้ ลกู ยาเธอ พระเจา้ หลานยาเธอ และขา้ ราชบริพารไปศึกษาวิชาการดา้ นตา่ งๆ ที่ประเทศอังกฤษ และผทู้ นี่ ากีฬาฟตุ บอลกลบั มายังประเทศไทยเป็นคนแรกคือ “เจา้ พระยาธรรมศกั ดม์ิ นตรี (สน่นั เทพหสั ดิน ณ อยธุ ยา)” หรือ ทป่ี ระชนชาวไทยมกั เรียกชอ่ื สนั้ ๆว่า “ครูเทพ” ซึ่งทา่ นไดแ้ ตง่ เพลง กราวกีฬาทพี่ รอ้ มไปดว้ ยเร่ืองนา้ ใจนกั กีฬาอย่างแทจ้ ริง เชอ่ื กนั ว่าเพลงกราวกฬี าท่ีครูเทพแต่งไวน้ ี้ จะตอ้ งเป็น “เพลงอมตะ” และจะตอ้ งคงอย่คู ่ฟู ้าไทย ประวตั ิฟุตบอลไทย ตัง้ แต่ พ.ศ. 2440 – 2451 เมอ่ื ปี พ.ศ. 2454-2458 ครูเทพ หรอื เจา้ พระยาธรรมศกั ดิม์ นตรี (สน่นั เทพหสั ดนิ ณ อยธุ ยา) ท่าน ไดด้ ารงตาแหนง่ เป็นเสนาบดกี ระทรวงธรรมการครงั้ แรก เมื่อท่านไดน้ าฟุตบอลเขา้ มาเล่นใน ประเทศไทยไดม้ เี สยี งวิพากษว์ ิจารณต์ า่ งๆมากมาย โดยหลายคนกลา่ ววา่ ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ไม่ เหมาะสมกบั ประเทศท่ีมีอากาศรอ้ น เหมาะสมกบั ประเทศทม่ี ีอากาศหนาวมากกว่า และเป็นเกมที่ ทาใหเ้ กิดอนั ตรายตอ่ ผเู้ ล่นและผชู้ มไดง้ า่ ย ซ่ึงขอ้ วจิ ารณด์ งั กลา่ วถา้ มองอย่างผิวเผินอาจคลอ้ ย ตามได้ แตภ่ ายหลงั ขอ้ กล่าวหาดงั กล่าวก็ไดค้ ่อยหมดไปจนกระท่งั กลายเป็น กีฬายอดนยิ มทส่ี ดุ ของประชาชนชาวไทยและชาวโลกท่วั ทกุ มมุ โลก ซึ่ง วิวฒั นาการฟตุ บอลไทย ดงั กาลงั อย่รู ะหว่าง ปรบั ปรุงขอ้ มูลตอ่ ไปนี้

• พ.ศ. 2440 รชั กาลที่ 5 ไดเ้ สด็จนิวตั พิ ระนคร กฬี าฟุตบอลไดร้ บั ความสนใจมากขนึ้ จาก บรรดาขา้ ราชการบรรดาครูอาจารย์ ตลอดจนชาวองั กฤษในประเทศไทยและผสู้ นใจชาว ไทยจานวนมากขึน้ เป็นลาดบั กอรป์ กบั ครูเทพท่านไดเ้ พียรพยายามปลกู ฝังการเล่นฟุตบอล ในโรงเรียนอยา่ งจริงจงั และแพรห่ ลายมากในโอกาสตอ่ มา • พ.ศ. 2443 (รศ. 119) การแข่งขนั ฟตุ บอลเป็นทางการครงั้ แรกของไทยไดเ้ กิดขึน้ เมอื่ วนั เสาร์ ท่ี 2 กมุ ภาพนั ธ์ • พ.ศ. 2443 (รศ. 119) ณ สนามหลวง ซงึ่ เป็นสถานท่ีออกกาลงั กายและประกอบงานพิธี ต่างๆการแข่งขนั ฟตุ บอลค่ปู ระวตั ศิ าสตรข์ องไทย ระหวา่ ง “ชดุ บางกอก” กบั “ชดุ กรม ศึกษาธิการ” จากกระทรวงธรรมการหรือเรียกชอ่ื การแข่งขนั ครงั้ นีว้ า่ “การแข่งขนั ฟตุ บอล ตามขอ้ บงั คบั ของแอสโซซเิ อช่นั ” เพราะสมัยกอ่ นเรียกวา่ “แอสโซซิเอช่นั ฟตุ บอล” (ASSOCIATIONS FOOTBALL) สมยั ปัจจุบนั อาจเรยี กไดว้ า่ “การแข่งขนั ฟุตบอลของ สมาคม” หรอื “ฟตุ บอลสมาคม” ผลการแข่งขนั ฟุตบอลนดั พเิ ศษดงั กลา่ วปรากฏวา่ “ชุด กรมศกึ ษาธิการ” เสมอกบั “ชดุ บางกอก” 2-2 (ครงึ่ แรก 1-0) ต่อมาครูเทพท่านไดว้ าง แผนการจดั การแขง่ ขนั ฟุตบอลนกั เรียนอย่างเป็นทางการพรอ้ มแปลกตกิ าฟตุ บอลแบบ สากลมาใชใ้ นการแขง่ ขนั ฟุตบอลนกั เรยี นครงั้ นีด้ ว้ ย • พ.ศ. 2444 (รศ. 120) หนงั สือวทิ ยาจารย์ เล่มที่ 1 ตอนท่ี 7 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2444 ได้ ตพี มิ พเ์ ผยแพรเ่ รอ่ื งกตกิ าการแขง่ ขนั ฟุตบอลสากลและการแข่งขนั อยา่ งเป็นแบบแผนสากล การแขง่ ขนั ฟุตบอลนกั เรียนครงั้ แรกของประเทศไทยไดเ้ กิดขึน้ ในปี พ.ศ. 2444 นี้ ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั ตอ้ งเป็นนกั เรียนชายอายไุ ม่เกิน 20 ปี ใชว้ ิธีจดั การแขง่ ขนั แบบน็อกเอาต์ หรอื แบบ แพค้ ดั ออก (KNOCKOUT OR ELIMINATIONS) ภายใตก้ ารดาเนินการจดั การแข่งขนั ของ “กรมศึกษาธิการ” สาหรบั ทมี ชนะเลิศติดตอ่ กนั 3 ปี จะไดร้ บั โล่รางวัลเป็นกรรมสทิ ธิ์ • พ.ศ. 2448 (รศ. 124) เดอื นพฤศจกิ ายน สามคั ยาจารย์ สมาคม ไดเ้ กดิ ขนึ้ ครงั้ แรกเป็นการ แขง่ ขนั ฟตุ บอลของบรรดาครูและสมาชิกครู โดยใชช้ ่อื ว่า “ฟุตบอลสามคั ยาจารย”์

• พ.ศ. 2450-2452 (รศ. 126-128) ผตู้ ดั สินฟุตบอลชาวองั ชื่อ “มร.อี.เอส.สมิธ” อดตี นกั ฟุตบอลอาชพี ไดม้ าทาการตดั สินในประเทศไทย เป็นเวลา 2 ปี ทาใหค้ นไทยโดยเฉพาะครู- อาจารย์ และผสู้ นใจไดเ้ รยี นรูก้ ตกิ าและสงิ่ ใหมๆ่ เพิม่ ขนึ้ มาก • พ.ศ. 2451 (รศ. 127) มกี ารจดั การแข่งขนั “เตะฟตุ บอลไกล” ครงั้ แรก โลโก้ ฟตุ บอลทีมชาติไทยในอดีต ประวตั ิฟตุ บอลไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2452 – 2458 • พ.ศ. 2452 (รศ. 128) พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ 5 ไดท้ รง สวรรคต เมอื่ วนั ที่ 22 ตลุ าคม พ.ศ. 2452 นบั เป็นการสญู เสยี ครงั้ ย่ิงใหญข่ องผสู้ นบั สนนุ ฟุตบอลไทยในยคุ นนั้ ซึง่ ตอ่ มาในปีนี้ กรมศกึ ษาธิการก็ไดป้ ระกาศใชว้ ิธีการแข่งขนั “แบบ พบกนั หมด” (ROUND ROBIN) แทนวิธีจดั การแข่งขนั แบบแพค้ ดั ออกสาหรบั คะแนนทีใ่ ช้ นบั เป็นแบบของแคนาดา (CANADIAN SYSTEM) คอื ชนะ 2 คะแนน เสมอ 1คะแนน แพ้ 0 คะแนน และยงั คงใชอ้ ยจู่ นถงึ ปัจจบุ นั ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระมงกฏุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั รชั กาลที่ 6 พระองคท์ รงมีความสนพระทยั กฬี าฟุตบอลเป็นอย่างย่งิ ถึงกบั ทรงกีฬาฟุตบอลเอง และทรงตงั้ ทีมฟตุ บอลส่วนพระองคเ์ อง ช่ือทีม “เสือป่า” และไดเ้ สด็จพระราช ดาเนนิ ประทบั ทอดพระเนตรการแข่งขนั ฟุตบอลเป็น พระราชกจิ วตั รเสมอมา โดยเฉพาะมวยไทยพระองคท์ รงเคย ปลอมพระองคเ์ ป็นสามัญชน ขึน้ ต่อยมวยไทยจนไดฉ้ ายาวา่ “พระเจา้ เสือป่า” พระองคท์ ่านทรงพระปรีชาสามารถมาก

จนเป็นท่ยี กย่องของพสกนกิ รท่วั ไปจนตราบเท่าทกุ วนั นี้ จากพระราชกิจวตั รของพระองคร์ ชั กาลที่ 6 ทางดา้ นฟตุ บอลนบั ไดว้ า่ เป็นยคุ ทองของไทย อย่างแทจ้ ริงอกี ทงั้ ยงั มีการเผยแพรข่ ่าวสาร หนงั สือพิมพ์ และบทความตา่ งๆทางดา้ น ฟุตบอลดงั กาลงั อยรู่ ะหวา่ งปรบั ปรุงขอ้ มลู ต่อไปนี้ • พ.ศ. 2457 (รศ. 133) พระยาโอวาทวรกิจ” (แหมผลพนั ชนิ ) หรือนามปากกา “ครูทอง” ได้ เขยี นบทความกฬี า “เรอ่ื งจรรยาของผเู้ ล่นและผดู้ ฟู ุตบอล” และ “คณุ พระวรเวทย์ พิสิฐ” (วร เวทย์ ศวิ ะศริยานนท)์ ไดเ้ ขยี นบทความกฬี า “เร่อื งการเล่นฟตุ บอล” และ “พระยาพาณชิ ศาสตรว์ ธิ าน” (อู๋ พรรธนะแพทย)์ ไดเ้ ขียนบทความกฬี าทปี่ ระทบั ใจชาวไทยอย่างยง่ิ “เร่อื ง อย่าสาหรบั นกั เลงฟุตบอล” • พ.ศ. 2458 (รศ. 134) ประชาชนชาวไทยสนใจกีฬาฟตุ บอลอย่างกวา้ งขวาง เน่ืองจาก กรม ศึกษาธิการไดพ้ ฒั นาวิธีการเล่น วิธีจดั การแขง่ ขนั การตดั สนิ กติกาฟตุ บอลทีส่ ากลยอมรบั ตลอดจนระเบียบการแขง่ ขนั ทร่ี ดั กมุ ยงิ่ ขนึ้ และผใู้ หญ่ในวงการใหค้ วามสนใจอย่างแทจ้ ริง นบั ตง้ั แตพ่ ระองคร์ ชั กาลท่ี 6 เองลงมาถงึ พระบรมวงศานวุ งศจ์ นถงึ สามญั ชน และ ชาวต่างชาติ และในปี พ.ศ. 2458 จึงไดม้ กี ารแข่งขนั ฟตุ บอลประเภทสโมสรครงั้ แรกเป็น การชิงถว้ ยพระราชทานและเรยี กชื่อการแข่งขนั ฟุตบอลประเภทนวี้ ่า “การแข่งขนั ฟุตบอล ถว้ ยทองของหลวง” การแข่งขนั ฟุตบอลสโมสรนเี้ ป็นการแขง่ ขนั ระหว่าง ทหาร-ตารวจ-เสือ ป่า ซง่ึ ผเู้ ลน่ จะตอ้ งมีอายเุ กนิ กวา่ ระดบั ทีมนกั เรยี น นบั วา่ เป็นการเพ่มิ ประเภทการแข่งขนั ฟุตบอล ราชกรีฑาสโมสร หรอื สปอรต์ คลบั นบั ไดว้ ่าเป็นสโมสรแรกของไทยและเป็นศนู ยร์ วมของ ชาวตา่ งประเทศในกรุงเทพฯ ซงึ่ ยงั อยใู่ นปัจจบุ นั และสโมสรสปอรต์ คลบั เป็นศนู ยก์ ลางของ กฬี าหลายประเภท โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลไดม้ ีผเู้ ล่นระดบั ชาติจากประเทศองั กฤษมาเขา้ รว่ มทีมอยหู่ ลายคน เช่น มร.เอ.พ.ี โคลปี. อาจารยโ์ รงเรียนราชวิทยาลยั นบั ไดว้ ่าเป็นทมี ฟุตบอลท่ดี ี มีความพรอ้ มมากทงั้ ทางดา้ นผเู้ ลน่ งบประมาณและสนามแข่งขนั มาตรฐาน จงึ ตอ้ งเป็นเจา้ ภาพใหท้ มี ตา่ งๆของไทยเรามาเยอื นอยเู่ สมอ ทาใหว้ งการ ฟตุ บอลไทย ในยคุ นนั้ ไดพ้ ฒั นาย่ิงขนึ้ และรชั กาลที่ 6 ทรงสนพระทยั โดยเสด็จมาเป็นองคป์ ระธาน

พระราชทานรางวลั เป็นพระราชกจิ วตั ร ทาใหป้ ระชาชนเรียกการแขง่ ขนั สมยั นนั้ ว่า “ฟุตบอลหนา้ พระท่นี ่งั ” และระหวา่ งพกั ครง่ึ เวลามีการแสดง “พวกฟุตบอลตลกหลวง” นบั เป็นพธิ ีช่นื ชอบของปวงชนชาวไทยสมยั นนั้ เป็นอยา่ งยงิ่ และการแข่งขนั ฟตุ บอลสโมสร ครงั้ แรกนี้ มีทมี สมคั รเขา้ รว่ มแข่งขนั จานวน 12 ทีม ใชเ้ วลาในการแขง่ ขนั 46 วนั (11 ก.ย.- 27 ต.ค. 2458) จานวน 29 แมตช์ ณ สนามเสอื ป่า ถนนหนา้ พระลาน สวนดสุ ติ กรุงเทพมหานคร หรือสนามหนา้ กองอานวนการรกั ษาความปลอดภยั แห่งชาติปัจจบุ นั พระองคร์ ชั กาลท่ี 6 ไดท้ รงโปรดเกลา้ แตง่ ตง้ั คณะกรรมการดาเนินการแข่งขนั นบั ว่าฟตุ บอล ไทยมีระบบในการบริหารมานานนบั ถึง 72 ปีแลว้ นกั ฟุตบอลไทยในอดีต ความเจริญกา้ วหนา้ ของ ฟตุ บอลภายในประเทศไทย ไดแ้ ผข่ ยายกวา้ งขวางท่วั ประเทศไปสสู่ โมสร กีฬา-ตา่ งจงั หวดั หรือชนบทอย่างรวดเรว็ ซ่ึงเป็นท่ีนยิ มกนั ท่วั ไปภายใตก้ ารสนบั สนนุ ของรชั กาลท่ี 6 และพระองคท์ ่านทรงเลง็ เหน็ กาลไกลว่าควรทต่ี ะตงั้ ศนู ยก์ ลางหรอื สมาคมอยา่ งมีระบบแบบแผนที่ ดี โดยมีคณะกรรมการบรหิ ารสมาคมและทรงมีพระบรมราชโองการกอ่ ตง้ั “สโมสรคณะฟุตบอล สยาม” ขนึ้ มาโดยพระองคแ์ ละพระบรมวงศานวุ งศท์ รงเลน่ ฟตุ บอลเอง

รชั กาลท่ี 6 ไดท้ รงมวี ตั ถปุ ระสงคข์ องการก่อตง้ั สมาคมฟตุ บอลแหง่ สยามดงั นีค้ ือ 1. เพือ่ ใหผ้ เู้ ลน่ ฟตุ บอลมีพลานามยั ท่สี มบรู ณ์ 2. เพื่อก่อใหเ้ กดิ ความสามคั คี 3. เพ่ือกอ่ ใหเ้ กดิ ไหวพริบ และเป็นกีฬาท่ปี ระหยดั ดี 4. เพื่อเป็นการศกึ ษากลยทุ ธใ์ นการรุกและการรบั เช่นเดยี วกบั กองทพั ทหารหาญ จากวตั ถปุ ระสงคด์ งั กลา่ ว นบั เป็นส่งิ ท่ผี ลกั ดนั ใหส้ มาคมฟตุ บอลแหง่ สยามดาเนินกิจการ เจริญกา้ วหนา้ มาจนตราบถงึ ทกุ วนั นี้ ซ่ึงมกี าลงั อย่รู ะหวา่ งปรบั ปรุงขอ้ มลู ดงั นี้ พ.ศ. 2458 (ร.ศ. 134) การแข่งขนั ระหวา่ งชาติครงั้ แรกของประเทศไทย เมอื่ วนั องั คารที่ 23 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2458 ณ สนามราชกรีฑาสโมสร (สนามมา้ ปทมุ วนั ปัจจบุ นั ) ระหว่าง “ทีมชาติ สยาม” กบั “ทมี ราชกรีฑาสโมสร” ต่อหนา้ พระท่ีน่งั และมี “มร.ดกั ลาส โรเบิรต์ สนั ” เป็นผตู้ ดั สนิ ซ่ึง ผลการแขง่ ขนั ปรากฏวา่ ทมี ชาตสิ ยามชนะทีมราชกรฑี าสโมสร 2-1 ประตู (ครง่ึ แรก 0-0) และครงั้ ที่ 2 เมือ่ วนั เสารท์ ี่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2458 เป็นการแขง่ ขนั ระหว่างชาตินดั ที่ 2 แบบเหยา้ เยือนตา่ หนา้ พระทน่ี ่งั ณ สนามเสือป่าสวนดสุ ิตและผลปรากฏวา่ ทมี ชาติสยามเสมอกบั ทีมราชกรฑี า สโมสร หรือทมี รวมตา่ งชาติ 1-1 ประตู (ครง่ึ แรก 0-0) สมาคมฟุตบอลแหง่ ประเทศไทย ความก้าวหน้าของ ววิ ฒั นาการฟุตบอลไทย อกี หนง่ึ ขน้ั มีววิ ฒั นาการตามลาดบั ตอ่ ไปนี้ พ.ศ. 2459 พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ตงั้ สมาคมฟุตบอล แห่งสยามขึน้ เม่อื วนั ท่ี 25 เมษายน พทุ ธศกั ราช 2459 และตราขอ้ บงั คบั ขนึ้ ใชใ้ นสนามฟตุ บอลแหง่ สยามดว้ ยซ่งึ มีชื่อย่อวา่ ส.ฟ.ท. และเขียนเป็นภาษาองั กฤษว่า “THE FOOTBALL ASSOCIATION OF THAILAND UNDER THE PATRONAGE OF HIS MAJESTY THE KING”

ใชอ้ กั ษรยอ่ ว่า F.A.T. และสมาคมฯ จดั การแขง่ ขนั ถว้ ยใหญ่และถว้ ยนอ้ ยเป็นครงั้ แรกในปีนดี้ ว้ ย พ.ศ. 2468 เป็นภาคีสมาชกิ สมาพนั ธฟ์ ุตบอลระหว่างชาติ เม่ือวนั ท่ี 23 มิถนุ ายน พทุ ธศกั ราช 2468 ชดุ ฟุตบอลเสือป่ าพรานหลวง ไดร้ บั ถว้ ยของพระยาประสิทธิศ์ ภุ การ (เจา้ พระยารามราฆพ) ซงึ่ เล่น กบั ชดุ ฟุตบอลกรมทหารรกั ษาวงั เม่ือ พ.ศ. 2459-2460 ไดร้ บั ไวเ้ ป็นกรรมสทิ ธิ์ โดยชนะ 2 ปี ติดต่อกนั ชดุ ฟุตบอลสโมสรกรมหรสพ ไดร้ บั พระราชทาน “ถว้ ยใหญ”่ ของสมาคมฟตุ บอลแห่งสยาม ในพระ บรมราชปู ถมั ภ์ เมื่อวนั ท่ี 30 กนั ยายน 2459 พ.ศ. 2499 การแกไ้ ขเพมิ่ เติมขอ้ บงั คบั ครงั้ ท่ี 3 และเรยี กว่าขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครอง สมาคมฟุตบอลฯ ไดส้ ทิ ธิส์ ง่ ทีมฟุตบอลชาตไิ ทยเขา้ รว่ มการแข่งขนั “กฬี าโอลมิ ปิก” ครงั้ ท่ี 16 นบั เป็นครงั้ แรกทปี่ ระเทศไทยมีสิทธิเ์ ขา้ รว่ มการแข่งขนั เม่อื วนั ท่ี 26 พฤศจิกายน พทุ ธศกั ราช 2499 ณ นครเมลเบริ น์ ประเทศออสเตรเลีย พ.ศ. 2500 เป็นภาคีสมาชิกสมาพนั ธฟ์ ตุ บอลแห่งเอเชีย ซ่ึงมีช่ือยอ่ ว่า เอเอฟซี และเขียนเป็น ภาษาองั กฤษว่า “ASIAN FOOTBALL CONFEDERATION” ใชอ้ กั ษรยอ่ วา่ A.F.C. พ.ศ. 2501 การแกไ้ ขเพม่ิ เติมขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครอง ครงั้ ที่ 4 พ.ศ. 2503 การแกไ้ ขเพ่มิ เติมขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครอง ครงั้ ท่ี 5 พ.ศ. 2504-ปัจจบุ นั สมาคมฟุตบอลฯไดจ้ ัดการแขง่ ขนั ฟตุ บอลถว้ ยนอ้ ย และถว้ ยใหญ่ ซง่ึ ภายหลงั ไดจ้ ดั การแขง่ ขนั แบบเดยี วกนั ของสมาคมฟตุ บอลองั กฤษคือจดั เป็นประเภทถว้ ย พระราชทาน ก, ข, ค, และ ง และยังจดั การแขง่ ขนั ประเภทอน่ื ๆ อกี เช่น ฟุตบอลนกั เรียน ฟตุ บอล เตรียมอดุ ม ฟุตบอลอาชวี ะ ฟตุ บอลเยาวชนและอนชุ น ฟตุ บอลอดุ มศกึ ษา ฟุตบอลเอฟเอ คพั ฟตุ บอลควสี ์ คพั ฟุตบอลคิงสค์ พั เป็นตน้ ฯลฯ นอกจากนีย้ งั ไดจ้ ดั การแข่งขนั และสง่ ทีมเขา้ รว่ มกบั ทีมนานาชาตมิ ากมายจนถึงปัจจบุ นั พ.ศ. 2511 สมาคมฟุตบอลไดส้ ทิ ธิ์สง่ ทมี ฟุตบอลชาตไิ ทยเขา้ รว่ มการแข่งขนั กีฬาโอลิมปิกเป็นครงั้ ท่ี 2 เมื่อวนั ท่ี 13 ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช 2511 ณ ประเทศเม็กซโิ ก

พ.ศ. 2514 การแกไ้ ขเพ่ิมเติมขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครอง ครงั้ ท่ี 6 ชดุ ฟุตบอลทมี ชาติไทย ชดุ แรกที่ เดนิ ทางไปแข่งขนั “กีฬาโอลมิ ปิก” ครงั้ ท่ี 16 ณ นครเมลเบิรน์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวนั ท่ี 26 พฤศจกิ ายน 2499 พ.ศ. 2531 สมาคมฟตุ บอลฯ ไดม้ ีโครงการจดั การแข่งขนั ฟตุ บอลภายในประเทศ รวมทงั้ เชญิ ทีม ตา่ งประเทศเขา้ รว่ มแขง่ ขนั และส่งทมี เขา้ รว่ มการแขง่ ขนั ในตา่ งประเทศตลอดปี ความเป็ นมาฟตุ บอลไทย ฟตุ บอลอาชพี ในประเทศไทย ประเทศไทยมีการจดั ฟตุ บอลอาชพี หลกั คือ คือ ไทยลีกจดั การโดยสมาคมฟตุ บอลแห่งประเทศไทย โดยในอดีตไดม้ ีการแขง่ ขนั โปรลกี จดั การโดยการกฬี าแห่งประเทศไทยซ่ึงเป็นการแขง่ ขนั ของทีม จากหลายภมู ภิ าคในประเทศไทย สาหรบั ทมี ที่ชนะเลศิ ในไทยลกี จะมีสทิ ธิเขา้ รว่ มการแขง่ ขนั เอเอฟซแี ชมเปียนสล์ กี ท่เี ป็นการ แข่งขนั ระดบั ทวปี เอเชยี และทีมทชี่ นะในลีกนกี้ ็จะมสี ิทธิเขา้ รว่ มเล่นใน ฟีฟ่าคลบั เวลิ ดค์ พั ซึ่งเป็น การแข่งขนั ของทีมสโมสรในระดบั โลก ในขณะเดียวกนั ทีมรองชนะเลิศจากไทยลกี จะไปรว่ มเลน่ ใน เอเอฟซคี พั

ชนะเลิศ AFF Suzuki Cup 2014 – ประวตั ฟิ ุตบอลไทย เจ้าภาพการแข่งขนั ประเทศไทย ไดร้ บั เกยี รตเิ ป็นเจา้ ภาพการแข่งขนั ฟุตบอลในระดบั นานาชาติหลายครงั้ ไดแ้ ก่ 1. เอเชยี นคพั – เจา้ ภาพ 2 ครงั้ – 1972, 2007 (เจา้ ภาพรว่ ม) 2. ฟุตบอลเอเชียเยาวชน – เจา้ ภาพ 10 ครงั้ – โดย 9 ครงั้ จดั ที่กรุงเทพ และ 1 ครงั้ จดั ท่ี เชยี งใหม่ – 1961, 1962, 1967, 1969, 1972, 1974, 1976, 1980, 1982, 1998 (เชียงใหม่) 3. ฟตุ บอลโลกหญิงเยาวชน – เจา้ ภาพ 1 ครงั้ – 2004 4. ฟุตบอลเอเชียหญิง – เจา้ ภาพ 2 ครงั้ – 1983, 2003 5. นอกจากนีย้ งั มกี ารแข่งขนั กฬี าทีส่ าคญั โดยมกี ารแขง่ ขนั ฟตุ บอลรว่ มดว้ ยเชน่ ใน เอเชียน เกมส์ และ ซีเกมส์ และยงั มีการแขง่ ขนั ทจ่ี ดั ขนึ้ เป็นรายปีเช่น คงิ สค์ พั ทมี่ กี ารเชญิ ทีมชาติ อืน่ มารว่ มเล่น

กตกิ าฟตุ บอล footballrule.pdf – เอกสารเก่า ลกู ฟตุ บอลขนาดมาตรฐาน

สนามแข่งขนั แฟนบอลไทย ขอ้ มลู เพิ่มเติม – สหพนั ธฟ์ ุตบอลนานาชาติ เกรด็ ความรู้ ฟตุ บอล • การยิงลกู โทษเกดิ ขนึ้ ครงั้ แรกจากความคดิ ของผรู้ กั ษาประตชู าวไอรแ์ ลนด์ วลิ เลยี ม แมค็ ครูม (William McCrum) ในปี พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) โดยไดเ้ สนอไอเดยี กบั สมาคม ฟตุ บอลไอรแ์ ลนด์ และไดม้ กี ารเสนอความคดิ นตี้ อ่ ใหก้ บั สมาคมฟุตบอลนานาชาติ ซึ่งมี การรบั รองเมือ่ วนั ท่ี 2 มิถนุ ายน พ.ศ. 2434 และมกี ารใชก้ นั ในชว่ งฤดกู าล 1891-92 • ในการแขง่ ขนั ฟตุ บอลจะมกี ารยงิ ลกู โทษสองลกั ษณะคอื ลกั ษณะแรกการยงิ ลกู โทษ ระหว่างการแข่งขนั เกิดจากท่ีผเู้ ล่นในฝ่ายรบั ทาฟาลว์ ผเู้ ลน่ ฝ่ายตรงขา้ มภายในเขตประตู โดยผทู้ ่ยี งิ ลกู โทษจะมีสทิ ธิยิงไดห้ นึง่ ครงั้ โดยเมอ่ื ยิงเสรจ็ แลว้ จะปล่อยใหเ้ กมเลน่ ตอ่ ตามปกติ ในลกั ษณะทส่ี องคือการยิงลกู โทษภายหลงั จากหมดเวลาการแขง่ ขนั และทงั้ สอง ฝ่ายมีคะแนนเทา่ กนั จะทาการยงิ ลกู โทษในการตดั สินผชู้ นะ โดยการยงิ ลกู โทษลกั ษณะนี้ จะ เรม่ิ ตน้ โดยผยู้ ิงฝ่ายละ 5 คน สลบั กนั ยิงลกู โทษ โดยถา้ ไมส่ ามารถตดั สนิ กนั ไดใ้ หม้ ีการ ยิงตอ่ ไปเรอ่ื ยๆ จนกวา่ จะไดผ้ ชู้ นะ • โกลเดนโกล (Goalden goal) หรือ กฎประตทู อง เป็นกติกาในกฬี าฟตุ บอลไวต้ ดั สินหาผู้ ชนะ ในเกมทตี่ อ้ งตดั สนิ ผลแพช้ นะ และการแข่งขนั ในเกมเสมอกนั ในชว่ งเวลาปกติ (90 นาท)ี ปัจจบุ นั กฎนไี้ มถ่ กู ใชใ้ นเกมการแข่งขนั ของฟีฟ่าอีกต่อไปแลว้

– ถา้ ใชก้ ฎโกลเดนโกล ในช่วงต่อเวลาพเิ ศษอกี ครง่ึ ละ 15 นาทีนนั้ ถา้ ทมี ไหนยิงประตไู ดก้ อ่ น ทมี นนั้ จะชนะไปเลยโดยไมต่ อ้ งแข่งขนั ตอ่ แต่ถา้ ยงั ยิงประตกู นั ไม่ไดจ้ นหมดเวลา ก็จะเขา้ ส่ชู ว่ งยิงลกู โทษเพ่ือหาผชู้ นะ – กฎนถี้ กู คดิ ขึน้ โดยฟีฟ่าใน ค.ศ. 1993 โดยใชแ้ ทนคาวา่ “ซดั เดน เดธ” (sudden death) เน่ืองจาก มีความหมายทคี่ ่อนขา้ งไปในทางลบ กฎนถี้ กู ใชค้ รงั้ แรกในฟตุ บอลชงิ แชมป์ แห่งชาติยโุ รป ปี 1996 และฟุตบอลโลก 1998 – การแขง่ ขนั ครงั้ แรกที่มีการยงิ โกลเดนโกลคือ นดั ระหว่างออสเตรเลียกบั อรุ ุกวยั ในเดือนมีนาคม 1993 ในรอบกอ่ นรองชนะเลิศของการแขง่ ขนั ฟุตบอลเยาวชนโลก สาหรบั การแขง่ ขนั สาคญั ที่ ตดั สนิ กนั ดว้ ยโกลเดนโกลคอื รอบชงิ ชนะเลิศของยโู ร 1996 โดยโอลเิ วอร์ เบียรฮ์ อฟฟ์ ผเู้ ลน่ ของ เยอรมนี ยิงโกลเดนโกลเอาชนะสาธารณรฐั เชค็ – กฎโกลเดนโกลมีจดุ หมายเพ่ือกระตนุ้ ใหเ้ กิดการเล่นแบบรวดเรว็ และชาญฉลาด และหลกี เลยี่ ง การตดั สนิ ดว้ ยจดุ โทษ แต่ไดร้ บั เสยี งวิจารณว์ า่ ทาใหท้ ีมเล่นฟตุ บอลแบบเนน้ การป้องกนั มากขึน้ เพ่ือลดโอกาสความพา่ ยแพ้ – ใน ค.ศ.?2002 ยฟู ่าไดน้ ากฎซลิ เวอรโ์ กลมาใชแ้ ทน โดยจะคลา้ ยกบั กฎโกลเดน้ โกล แตจ่ ะไม่หยดุ เกมเมอื่ มีทีมยิงประตไู ด้ โดยจะเลน่ จนจบครง่ึ แรกของการต่อเวลาพิเศษแทน – ในปี 2004 ทางฟีฟ่าไดย้ กเลิกกฎโกลเดนโกลหลงั การแขง่ ขนั ยโู ร 2004ที่ประเทศโปรตเุ กส โลโก้ ฟตุ บอลไทย – ประวตั ฟิ ุตบอลไทย

• ใบแดงในกฬี าฟตุ บอลนนั้ จะแสดงโดยผตู้ ดั สนิ ต่อผเู้ ลน่ (หรอื แมก้ ระท่งั ผจู้ ดั การทมี ) ทที่ า ผดิ กฏ กตกิ าการแขง่ ขนั โดยใบแดงเป็นสญั ลกั ษณข์ องการไล่ออกจากสนาม ใบแดงนนั้ มี รูปสเ่ี หล่ยี มผืนผา้ ขนาดไม่ใหญ่นกั (ประมาณวา่ สามารถใสใ่ นกระเป๋ าเสอื้ ได)้ ใบแดงจะ เป็นกระดาษท่ีมีสแี ดงทงั้ 2 ดา้ นตามชอื่ • วิธีแจกใบแดงของกรรมการคือ ในระหวา่ งการแขง่ ขนั ถา้ มีการฟาวลเ์ กดิ ขนึ้ กรรมการจะ เป่านกหวีดหยดุ เกมช่วั คราว ถา้ กรรมการเหน็ วา่ การฟาวลน์ นั้ เป็นการทาผดิ กตกิ าอย่างจง ใจหรอื ทาฟาวลอ์ ย่างรุนแรง กรรมการจะเรียกนกั เตะคนนนั้ มาหาตน จากนนั้ กรรมการจะชู ใบแดงขนึ้ ถือวา่ ผเู้ ลน่ นนั้ ไดร้ บั ใบแดงแลว้ และจะตอ้ งออกจากสนามแขง่ ขนั การไดร้ บั ใบแดงนนั้ อาจเป็นการไดร้ บั ใบแดงโดยตรง จากการกระทาผดิ รุนแรง หรืออาจเป็นการถกู ตกั เตอื น (ใบเหลือง) สองครงั้ ในการแขง่ ขนั นดั เดยี วกนั • ถา้ ผเู้ ล่นไดร้ บั ใบแดงกอ่ นการเริ่มเลน่ สามารถสง่ ผเู้ ล่นสารองทดแทนได้ แตห่ ากผเู้ ลน่ ถกู ไล่ ออกหลงั จากเกมเรม่ิ แลว้ จะตอ้ งออกจากสนาม และฝ่ายของผเู้ ลน่ ท่ีถกู ใบแดงจะมผี เู้ ล่น ลดลง 1 คน (คือไมส่ ามารถสง่ ผเู้ ลน่ ลงแทนผเู้ ลน่ ท่ถี กู ใบแดงได)้ คาคน้ : ประวตั ฟิ ตุ บอลไทย ความเป็นมาฟุตบอลไทย ฟุตบอลไทยในอดีต กฬี าฟุตบอลไทย ววิ ฒั นาการฟุตบอลไทย ฟุตบอลทีมชาตไิ ทย ขอ้ มลู จาก : การกีฬาแหง่ ประเทศไทย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook