Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือนักเรียนบางละมุง 2565

คู่มือนักเรียนบางละมุง 2565

Published by megaphet, 2023-01-18 05:14:02

Description: คู่มือนักเรียนบางละมุง 2565

Search

Read the Text Version

คำนำ โรงเรยี นบางละมงุ ได้จดั ทาคูม่ ือนักเรยี นข้ึน เพื่อให้นกั เรยี นใชส้ าหรบั เปน็ แนวทางในการ ปฏิบตั ิตน และประพฤตติ นใหเ้ ปน็ คนดี คนเก่ง และเรยี นรู้อยา่ งมีความสุขตลอดระยะเวลาทีศ่ ึกษาอยู่ ในโรงเรียนแห่งนี้ โดยมีสาระสาคัญได้แก่ สัญลักษณ์ของโรงเรียน วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ ประวตั ิของโรงเรียน บุคลากรภายในโรงเรียน หลกั สตู รการศึกษา การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ เกณฑ์การจบหลักสูตร และระเบียบต่างๆ ของโรงเรียนซึ่งนักเรียนทุกคนจะต้องทาความเข้าใจ และ ยึดถือปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียนประพฤติปฏิบัติตนได้ถูกต้อง รวมทั้งเป็นสื่อประสานสร้างความเข้าใจ และความร่วมมือกันระหว่างครู ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้เกิดความเข้าใจตรงกนั และให้ถอื ปฏิบัติร่วมกนั โรงเรียนบางละมุงหวงั เปน็ อย่างยิง่ วา่ คมู่ ือนกั เรียนเล่มน้ีจะเป็นแนวทางในการสร้างความ เขา้ ใจทต่ี รงกันกบั ผู้มีสว่ นเกยี่ วข้อง เพื่อนาไปเปน็ แนวทางปฏบิ ัติไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ คณะผจู้ ัดทา 2 พฤษภาคม 2565

สำรบญั 1 1 ลัญลักษณข์ องโรงเรียน 3 วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ ประสงค์ 7 ประวัตโิ รงเรยี น 8 แผนผงั โรงเรยี น 9 โครงสร้างกลมุ่ บริหารงานโรงเรียนบางละมงุ 10 คณะผู้บรหิ ารโรงเรยี น 15 ระเบียบและแนวปฏิบัติท่ัวไปสาหรับนกั เรียน 17 ระเบยี บโรงเรียนบางละมงุ ว่าด้วยความประพฤติของนักเรียน พ.ศ. 2565 ระเบียบโรงเรยี นบางละมุงว่าด้วยการแต่งกายของนักเรียน พ.ศ. 2565 28 ระเบยี บโรงเรียนบางละมงุ วา่ ดว้ ยการควบคมุ การลงโทษ 35 และการตดั คะแนนความประพฤตินักเรียน พ.ศ. 2565 45 หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 47 แผนการเรียนและโครงสร้างหลักสูตร 49 งานทะเบยี นและวดั ผล 49 การตดิ ต่อเอาประกันอุบตั เิ หตุของนักเรียน 50 แนวปฏบิ ัติการรับประทานอาหารของนักเรียน 50 แนวปฏิบตั ิสาหรับนักเรียนทีใ่ ช้บริการหอ้ งพยาบาล 51 แนวปฏบิ ตั ิงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ การใช้บริการห้องสมดุ โรงเรียน ภาคผนวก คาส่ังโรงเรียนบางละมุงที่ 40 /2564 ลว 27 เมษายน พ.ศ. 2565

สญั ลักษณ์ของโรงเรียน ประกอบด้วย ● รูปเรือลอยอยู่กลางน้าทะเลล้อมรอบด้วยตัวอักษร“นตฺถิ ปญฺญา สมา อาภา” ซง่ึ เป็นคติพจนข์ องโรงเรยี นบางละมุง อักษรย่อของโรงเรยี น ● วงกลมล้อมรอบ หมายถึง ความมุ่งหมายเดียวกันในการพัฒนาเยาชน สีประจำโรงเรยี น ให้เป็นบุคคลผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ตามคุณค่าแห่งศาสนา วัฒนธรรม และวิชาความรู้ ขณะเดียวกันก็หมายถึงการรวมศรัทธาธรรมกับความรัก พระพุทธรูปประจำโรงเรียน ของผู้ปกครอง เมตตาธรรมของครูและบุคลากรทางการศึกษา และการ คตพิ จนข์ องโรงเรียน แสวงหาความรูค้ วามเจรญิ ของนกั เรียน ปรชั ญำโรงเรียน ● รูปเรือลอยอยูก่ ลางน้าทะเล พาหนะทีพ่ าเราฝ่าอุปสรรคไปส่ฝู ่งั แหง่ อัตลกั ษณข์ องโรงเรยี น ความสาเร็จ เอกลกั ษณข์ องนักเรียน บ.ม. ดอกไม้ประจำโรงเรียน ชมพู – ขาว สีชมพู หมายถึง ความรักความสามคั คี สีขาว หมายถงึ ความเจริญงอกงาม พระพุทธปญั ญาศิริมิง่ มงคล “นตฺถิ ปญญฺ า สมาอาภา” หมายถงึ แสงสวา่ งใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี “ใฝเ่ รยี นรู้ คู่คุณธรรม นา้ ใจดี มีจิตอนรุ ักษ์ ปราศจากยาเสพติด” เป็นเลศิ ทางวิชาการ ใฝเ่ รียนรู้ ดอกเฟือ่ งฟ้า

วิสัยทัศน์ “แหลง่ สรา้ งคนดี เทคโนโลยีเลิศล้า ผนู้ าวชิ าการ มมี าตรฐานสากล” พันธกจิ 1. ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพนักเรียนใหม้ ีศักยภาพ ตามมาตรฐานการศึกษาและมาตรฐานสากล 2. สง่ เสรมิ และพฒั นาครแู ละบคุ ลากรให้มีคณุ ภาพในการปฏบิ ตั ิงานตรงตามเกณฑม์ าตรฐานสากล 3. สง่ เสริมและพฒั นาระบบบรหิ ารจัดการใหม้ คี ุณภาพตามมาตรฐานสากล 4. สง่ เสริมและพฒั นาระบบสารสนเทศและการสื่อสารขององค์กร ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ และเกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ 5. ส่งเสริมและสนับสนนุ ระบบดูแลช่วยเหลอื เนน้ การมสี ว่ นร่วมของทุกฝ่าย 6. เสริมสรา้ งเครือขา่ ยและความร่วมมอื ทางวชิ าการของนักเรยี น ครู และบคุ ลากรทางการศึกษา ระดับชุมชนภายในประเทศและต่างประเทศ เปำ้ ประสงค์ 1. นักเรียนมีศกั ยภาพ ตามมาตรฐานการศกึ ษา และมาตรฐานสากล 2. ครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพในการปฏบิ ัตงิ านตรงตามเกณฑ์มาตรฐานสากล 3. โรงเรยี นมรี ะบบบรหิ ารจัดการทีม่ ีคณุ ภาพตามมาตรฐานสากล 4. มีระบบสารสนเทศและการสื่อสารขององคก์ ร ให้มีประสิทธภิ าพ เกดิ ประโยชนส์ งู สดุ 5. มรี ะบบดแู ลช่วยเหลอื ท่เี น้นการมสี ่วนร่วมของทกุ ฝา่ ย 6. มเี ครอื ข่ายและความร่วมมือทางวชิ าการของนักเรยี น ครู และบุคลากรทางการศึกษา ยทุ ธศำสตร์และกลยุทธร์ ะดับองค์กรของโรงเรียนบำงละมงุ ยุทธศำสตรท์ ่ี 1 คณุ ภำพผเู้ รียน กลยุทธ์ 1 เป็นผู้นาในการพัฒนาคุณภาพนักเรียนให้มีศักยภาพ ตามมาตรฐานการศึกษาและ มาตรฐานสากล มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึง ประสงค์ รกั ความเปน็ ไทย และทัศนคติท่ดี ีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ยุทธศำสตรท์ ่ี 2 คุณภำพกำรจัดกำรเรียนกำรสอน กลยทุ ธ์ 2 พัฒนาครแู ละบุคลากรใหม้ คี ุณภาพในการปฏิบตั ิงานตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ยทุ ธศำสตร์ที่ 3 คณุ ภำพกำรบรหิ ำรกำรจดั กำรศึกษำ กลยทุ ธ์ 3 พัฒนาระบบบริหารจดั การใหม้ ีคุณภาพตามมาตรฐานสากล

ยทุ ธศำสตรท์ ี่ 4 คุณภำพกำรจัดกำรทรัพยำกรเพื่อพัฒนำและให้บริกำร กลยุทธ์ 4 พัฒนาระบบสารสนเทศและการสื่อสารขององค์กร ให้สามารถบริการผู้มีส่วนได้เสีย อย่างครอบคลุม กลยทุ ธ์ 5 สนับสนุนระบบดแู ลช่วยเหลอื เนน้ การมสี ว่ นร่วมของทุกฝา่ ย กลยุทธ์ 6 เสริมสร้างเครอื ข่าย และความร่วมมือทางวิชาการของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการ ศกึ ษา ระดบั ชมุ ชนภายในประเทศและต่างประเทศ ประวัติโรงเรียนบำงละมุง โรงเรียนบางละมุงต้งั ข้นึ เม่ือวันที่ 1 กนั ยายน พ.ศ. 2491 โดยกระทรวงศกึ ษาธกิ ารอนมุ ัติให้ใช้ช่ือ ว่า โรงเรียนบำงละมุง โดยใช้อักษรย่อว่า “ช.บ. 10” เปิดสอนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 จัดการเรียนการสอนแบบสหศึกษา ขณะนั้นยังไม่มีอาคารเรียนจึงได้อาศัยเรียนอยู่ท่ี โรงเรยี นบา้ นนาเกลือ (ปจั จบุ ันคือ โรงเรยี นเมอื งพัทยา 2 โดยมีนายนลิ นพภาลยั ครใู หญ่โรงเรียนบ้านนา เกลือรกั ษาการครใู หญโ่ รงเรยี นบางละมุง อกี หนงึ่ ตาแหน่ง) พ.ศ. 2492 ได้รับเงินงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 4 ห้องเรียนในที่ราชพัสดุ จานวน 18 ไร่ ต้ังอยู่ระหว่างที่วา่ การอาเภอบางละมงุ กับโรงเรยี นบ้านนาเกลอื และในปีน้ีได้เปิดสอนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 พ.ศ. 2497 โอนสังกัดจากกองการมัธยมศึกษาไปสังกัดกองการศึกษาพิเศษ กรมสามัญศึกษาตาม แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ มีนโยบายมุ่งส่งเสริมด้านหัตถศึกษามากขึ้น โรงเรียนจึงได้รับเครื่องมือ อุปกรณ์ ได้แก่ จักเย็บผ้า เครื่องมือช่างไม้ ช่างปูน ฯลฯ ทาให้โรงเรียนมีความพร้อมในการจัดการเรียน การสอนมากขนึ้ พ.ศ. 2504 โอนมาเปิดการสอนในระดับประถมศึกษาตอนปลาย เพราะมีการเปลี่ยนแปลง โครงสรา้ งหลักสูตรใหม่ โดยขยายการศึกษาภาคบังคบั เป็น 7 ปี ตามแผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2503 ทั้ง ยังได้เข้ารว่ มโครงการสอนทางวิทยุกระจายเสยี งของกรมสามัญศึกษาอกี ด้วย พ.ศ. 2512 ไดร้ บั พระราชทานรางวัลโรงเรียนดี โดยนายเหลือ ทองพันช่งั ครใู หญ่ และเด็กหญิง อุทัยวรรณ ตัง้ ม่นั สกลุ ได้รับรางวัลพระราชทานนักเรยี นดีเดน่ ของเขตการศึกษา 12 พ.ศ. 2517 ได้เขา้ รว่ มโครงการยูนิเซฟ โดยไดร้ ับความช่วยเหลือเรื่องอุปกรณก์ ารเรียนการสอนเป็น จานวนมาก เชน่ อปุ กรณ์วทิ ยาศาสตร์ หัตถศึกษา ฯลฯ พ.ศ. 2520 กระทรวงศึกษาธิการมีคาสัง่ ใหเ้ ปดิ สอนหลักสูตรมธั ยมศึกษาตอนตน้ โดยยุบเลกิ ระดับ ประถมศึกษา พ.ศ. 2529 ได้รบั อนุมตั ิใหเ้ ปิดสอนระดับชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย พ.ศ. 2542 ได้รับรองมาตรฐานส่งิ แวดล้อมสากล ISO-14001

พ.ศ. 2543 ได้รบั การคัดเลือกเปน็ โรงเรยี นแบบอย่างโครงการรงุ่ อรุณ เพื่ออนุรักษ์พลงั งาน ส่งิ แวดล้อมโดยวธิ ีบรู ณาการสู่การเรียนการสอน - ไดร้ ับการคดั เลือกเป็นตัวแทนเขตอดุ มศักดิ์เพื่อประเมนิ คุณภาพสถานศกึ ษาตามแนวทาง พระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พุทธศักราช 2542 และฉบับที่แก้ไขเพ่ิมเติม พ.ศ. 2545 พ.ศ. 2544 ได้รับการประเมินเป็นโรงเรยี นปฏริ ปู การศกึ ษาดเี ด่นกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ - ได้รบั รางวัลโรงเรียนพระราชทานขนาดใหญ่ เขตการศึกษา 12 พ.ศ. 2545 ได้รับการปรับปรุงและติดตั้งวัสดุอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีในการ อนุรักษ์พลังงานแห่งชาติโดยโครงการปรับปรุงอาคารของรัฐด้วยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม และได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการเทคโนโลยีสะอาด ของสถาบันส่ิงแวดลอ้ มไทยเพือ่ การใช้ทรัพยากรในโรงเรียน พ.ศ. 2546 ได้รับการคดั เลือกให้เปน็ โรงเรยี นในฝันของอาเภอบางละมุงและเปลย่ี นแปลงโครงสร้าง การบริหารกระทรวงศึกษาธกิ ารไปสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2547 ได้รบั รางวัลดเี ดน่ การจัดกิจกรรมของสถานศึกษา “รักการอ่านสานสูฝ่ ัน” ด้านส่งเสริม นักประดิษฐข์ องกระทรวงศึกษาธกิ าร - ได้รับประทานรางวลั ดาเนินกิจกรรมปลอดบุหรดี่ เี ดน่ ของกระทรวงสาธารณสขุ - ได้รบั การคดั เลือกเปน็ ตัวแทนโรงเรยี น“เร่งสู่ฝนั ”(Fast Track) ของจังหวัดชลบรุ ี - ได้รับการประเมนิ ภายนอกจากสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศกึ ษา (สมศ.) รอบท่ี 1 - ไดร้ ับงบประมาณจากท้องถ่ินเมอื งพัทยา 2,000,000 บาทโรงเรยี นไดส้ ร้างอาคาร อเนกประสงค์ โดยไดร้ ับงบประมาณจากองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ชลบรุ จี านวน 15,000,000 บาท - ไดร้ บั งบพัฒนาตามโครงการ 1 อาเภอ 1 โรงเรยี นในฝันจากองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ชลบรุ ี จานวน 710,000 บาท พ.ศ. 2548 ไดร้ บั งบประมาณจากท้องถ่ินเมืองพทั ยา 3,123,000 บาทและผู้อปุ ถัมภอ์ นื่ ๆอกี จานวน 12,000,000 บาท - ได้รบั การประเมนิ จากกระทรวงศกึ ษาธิการเปน็ โรงเรียนตน้ แบบโรงเรียนในฝนั พ.ศ. 2549 ได้รบั การคัดเลือกให้เป็นโรงเรยี นยอดนยิ ม (ศธ 04006/2275)

พ.ศ. 2550 ผา่ นการประเมนิ ภายนอกจากสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา (สมศ.) รอบท่ี 2 พ.ศ. 2551 ไดร้ บั รางวลั ชนะเลิศระดับมธั ยมศึกษาของจังหวดั ชลบุรีโครงการประกวดธนาคารขยะ รีไซเคิลปที ี่ 2 ของกรมสง่ เสริมคณุ ภาพคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม - ไดร้ ับรางวัลโรงเรียนสง่ เสริมสขุ ภาพระดับทองของจงั หวดั ชลบุรี - ไดร้ ับการคดั เลือกเป็นโรงเรียนแกนนาการใช้หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ของสานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาชลบุรเี ขต 3 - ได้รบั การคัดเลือกเป็นโรงเรียนผ้นู าการเปลีย่ นแปลงเพ่ือรองรับการกระจายอานาจของ จงั หวัดชลบุรี - เปน็ โรงเรียนที่มีอตั ราการแข่งขันสูง(ยอดนิยม) ของสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา ขั้นพืน้ ฐาน พ.ศ. 2552 ได้รบั คัดเลือกเป็นโรงเรียนส่งเสรมิ ประชาธิปไตยของจังหวัดชลบรุ ี พ.ศ. 2553 ได้รบั คัดเลือกเปน็ โรงเรียนสีเขยี ว จากการไฟฟ้าฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2554 ได้รบั รางวลั ชมเชยโรงเรยี นสง่ เสริมสขุ ภาพดีเด่นระดบั จังหวดั จากสานักงานสาธารณสุข จังหวดั ชลบุรี พ.ศ. 2555 ไดร้ บั รางวัลโรงเรียนตน้ แบบอาเซียนศกึ ษา - โรงเรียนส่ิงแวดลอ้ มดเี ด่นสมาคมสง่ิ แวดล้อมแหง่ ชาติ - โรงเรียนในโครงการโรงเรยี นมาตรฐานสากล พ.ศ. 2556 ผ่านการประเมนิ ภายนอกจากสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา (สมศ.) รอบที่ 3 พ.ศ. 2556 ได้รับรางวัล “สถานศกึ ษาพอเพียง” จากกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. 2556 ไดร้ ับรางวัล สถานศกึ ษาต้นแบบดา้ นการอนุรักษพ์ ลงั งานและส่งิ แวดล้อมอย่างย่ังยืน (รักษามาตรฐาน “โรงเรยี นสเี ขยี ว”) การไฟฟ้าฝา่ ยผลติ แห่งประเทศไทยรว่ มกบั สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พ.ศ. 2558 ได้รับรางวลั สถานศึกษาส่งเสริม และพฒั นาเพื่อเสริมสรา้ งพลังพฤติกรรมทางบวกคนวยั ทีน ภายใต้โครงการปาฏหิ าริยแ์ หง่ ชวี ิต (Miracle of Life) ในพระดาริ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนร์ าชกัญญา สริ ิวฒั นาพรรณวดี จากกรมพัฒนาสังคมและสวสั ดิการ กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมัน่ คงของมนุษย์ พ.ศ. 2557 ไดร้ ับรางวลั ดเี ด่น “ผลงานนวัตกรรม 1 โรงเรียน 1 สิ่งประดิษฐ์” จากสานักงาน คณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.) พ.ศ. 2557 ไดร้ ับรางวลั “โรงเรยี น อย.นอ้ ย ระดบั ดี” จากสานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา

พ.ศ. 2558 ไดร้ ับรางวลั “สถานศกึ ษาเยาวชนดเี ดน่ การรณรงคป์ ้องกันการแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ” จากสานักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ (ปปส.) พ.ศ. 2558 ไดร้ ับรางวลั “สถานศกึ ษาต้นแบบดา้ นการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยัง่ ยืน” การไฟฟา้ ฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พ.ศ. 2559 ไดร้ ับรางวลั MOE AWARDS ปกี ารศึกษา 2558 ผลงานระดบั ดเี ด่น ประเภท สถานศกึ ษา สาขาอนรุ กั ษ์มรดกไทย พ.ศ. 2559 ผ่านการประเมนิ รางวัลคุณภาพระดับองคก์ ร (School Quality Awards : SCQA) แสดงถึงการบริหารจดั การดว้ ยระบบคุณภาพของโรงเรยี น พ.ศ. 2560 ไดร้ บั โล่เกียรติยศรบั รองเป็นโรงเรียนในโครงการพัฒนาศักยภาพครูเพื่อเปน็ ผ้นู าการ เปลี่ยนแปลงการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ จากสถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี พ.ศ. 2560 รางวัลสถานศึกษาท่ีสง่ เสรมิ การยกระดับผลสัมฤทธ์ขิ องนกั เรียน ในโครงการประเมนิ และพัฒนาสู่ความเปน็ เลิศทางคณติ ศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ (TEDET) ประจาปีการศึกษา 2560 จาก สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พ.ศ. 2560 ไดร้ บั รางวัลโรงอาหารไดม้ าตรฐานสขุ าภิบาลอาหาร ระดับดมี าก พ.ศ. 2560 ไดร้ ับรางวลั ชนะเลศิ เหรียญทอง การประกวดการนาเสนอนวัตกรรมและผลผลติ ทเี่ กิด จากการเรยี นรู้ในช้ันเรยี น ม.4-6 เน่อื งในงานมหกรรมวชิ าการ 46ICT พ.ศ. 2560 รางวลั ชนะเลศิ โรงเรยี นต้นแบบการจดั การเรยี นการสอนทางไกลผา่ นเทคโนโลยี (DLIT) ระดับเขตพ้ืนท่ี ประจาปี 2560 จากศูนยป์ ระสานงานและสนบั สนนุ การศึกษาทางไกล ระดบั ภมู ิภาค พ.ศ. 2560 ไดร้ บั โล่รางวลั คุณภาพแห่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นึ พน้ื ฐาน OBECQA พ.ศ. 2561 ไดร้ ับโลร่ างวัลชนะเลศิ ระดบั ประเทศ โรงเรยี นคารบ์ อนต่า (ลดการใช้พลงั งานไฟฟ้า ท่ีโรงเรยี น) จากการไฟฟา้ ฝ่ายผลติ แหง่ ประเทศไทย (กฟผ.) พ.ศ. 2562 ไดร้ บั รางวัลองค์กรผู้ทาคุณประโยชนต์ ่อการสง่ เสรมิ พัฒนาเด็กและเยาวชน ประจาปกี ารศึกษา 2562 พ.ศ. 2563 ได้รับรางวัลโรงเรยี นต้นแบบสภานักเรยี นระดับเขตพ้นื ท่กี ารศึกษา ประจาปี 2563 พ.ศ. 2564ได้รับโลร่ างวลั ชนะเลิศระดบั ประเทศ โรงเรยี นคารบ์ อนตา่ (ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ทโี่ รงเรยี น) จากการไฟฟ้าฝ่ายผลติ แหง่ ประเทศไทย (กฟผ.) พ.ศ. 2564 ได้รบั รางวลั เหรยี ญทอง ประเภทโรงเรียนระดับมธั ยมศกึ ษาขนาดใหญ่ ด้านระบบดูแล ชว่ ยเหลอื นกั เรยี น ประจาปี 2564 พ.ศ. 2564 ได้รบั รางวลั โรงเรยี นตน้ แบบสภานกั เรียนระดับเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา ประจาปี 2564

ปัจจบุ ันช่อื โรงเรียนบางละมงุ เปิดทาการเรียนการสอนตั้งแต่งระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ถงึ ระดบั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ต้งั อย่เู ลขท่ี 4 หมู่ 2 ตาบลนาเกลอื อาเภอบางละมงุ จงั หวดั ชลบรุ ี รหสั ไปรษณีย์ 20150 สงั กัดสานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 18 โทรศพั ท์ 0-3822-1620 โทรสาร 0-3822-1377 e-mail : [email protected] Website : http://www.blm.ac.th

โครงสรำ้ งกลุ่มบรหิ ำรงำนโรงเรียนบำงละมงุ ผ้อู ำนวยกำรโรงเรยี นบำงละมุง คณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน สมำคมศิษยเ์ กำ่ สมำคมผู้ปกครอง เครือขา่ ย รองผ้อู ำนวยกำร รองผูอ้ ำนวยกำร รองผอู้ ำนวยกำร รองผอู้ ำนวยกำร กล่มุ บรหิ ำรงำนวชิ ำกำร กลมุ่ บรหิ ำรงำนกจิ กำรนกั เรยี น กลมุ่ บริหำรงำนบคุ คลกำรเงนิ และสนิ ทรพั ย์ กล่มุ บริหำรงำนส่งเสริมกำรจดั กำรศกึ ษำ - กลมุ่ งานวางแผนงานวชิ าการ - กลุ่มงานสานักงานกจิ การนกั เรยี น - กลุ่มงานอานวยการ - กลมุ่ สานกั งาน ส่งเสรมิ การจดั การศกึ ษา - กลุม่ งานอาคาร - กลมุ่ งานหลกั สูตร - กลมุ่ งานระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน - กลุ่มงานโยบายและแผน - กลมุ่ งานบรกิ าร - กลุ่มงาน สถานที่ - กลุ่มงานรา้ นค้า และการจดั การเรยี นการสอน - กลุม่ งานกจิ การนักเรยี น - กลุ่มงานบคุ คล - กลุ่มงานชมุ ชน - กลมุ่ งานส่งเสรมิ และพฒั นาวิชาการ - กลุ่มงานกจิ กรรมนักเรียน - กลุ่มงานการเงนิ พัสดุและสนิ ทรพั ย์ โสตทัศนูปกรณ์ - กลมุ่ งานวัดผลและประเมินผลการเรยี น - กลมุ่ งานยานพาหนะ สวัสดิการ - กลมุ่ งานพฒั นากจิ กรรมผูเ้ รยี น สมั พนั ธ์ - กลุ่มงานประเมินผลการดาเนินงาน ทางวชิ าการ - กลมุ่ งานประกันคุณภาพการศกึ ษา - กลุ่มงานโครงสร้างตามนโยบาย - กลมุ่ งานศูนยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศ และการสอ่ื สาร

คณะผ้บู รหิ ารโรงเรยี น นายอาวธุ โอชาพงศ์ ผูอ้ านวยการสถานศึกษา นำยปรดี ำ เชตฐรำช นำงสำวมทุ ิตำ อินกล่ำ รองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารงานสง่ เสริมการจดั การศึกษา รองผ้อู านวยการกลมุ่ บริหารงานบุคคลการเงนิ และสินทรัพย์ นำยธนพล ชัยชนะ นำงสำวก่ิงแกว้ ห้วยจันทร์ รองผู้อานวยการกลมุ่ บรหิ ารงานกิจการนักเรียน รองผ้อู านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ

ระเบียบและแนวปฏบิ ตั ิทว่ั ไปสำหรับนกั เรยี นโรงเรยี นบำงละมงุ …………………..……………… 1. ระเบยี บและแนวปฏบิ ัติเบ้ืองต้นของนกั เรียน 1.1 นกั เรียนมหี นา้ ที่ต้งั ใจศกึ ษาหาความรูแ้ ละร่วมกิจกรรมตา่ งๆ ท่ีโรงเรยี นจัดขึ้นเพอื่ พัฒนา คณุ ภาพผเู้ รียน 1.2 นกั เรยี นทกุ คนตอ้ งเขา้ แถวเคารพธงชาติทุกเช้าทมี่ าเรียน เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรกั ภกั ดตี ่อ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 1.3 นักเรยี นตอ้ งเชื่อฟังและปฏบิ ัติตามคาตักเตือนของครูและบุคลากรในโรงเรยี นทกุ คนและทา ความเคารพเม่ือพบครูทั้งในและนอกโรงเรียน 1.4 นกั เรียนมหี น้าท่รี กั ษาไว้ซึ่งชื่อเสียงของตนเอง ครอบครวั และโรงเรียน 1.5 นกั เรยี นจะต้องรกั ษาไว้ซึ่งประเพณีและวฒั นธรรมอันดีงามของไทย 1.6 นักเรียนตอ้ งปฏบิ ัติตามกฎ และระเบยี บของโรงเรียนท่ีกาหนดไวอ้ ย่างเคร่งครัดเพ่ือรักษาไว้ ชือ่ เสียงและเกยี รตศิ ักดขิ์ องโรงเรียน 1.7 นักเรียนตอ้ งรจู้ ักรักษาความสามคั คีในหมู่คณะ สามารถอยรู่ ่วมกบั ผู้อืน่ ในสังคมโดยยึดหลกั การ เคารพในสิทธิและหน้าท่ีของตนเองและผอู้ น่ื มีความเป็นประชาธิปไตย รจู้ กั ป้องกนั ตนเองจากปัญหายาเสพ ตดิ และปญั หาอนื่ ๆ 1.8 นักเรยี นตระหนักและเห็นความสาคญั ของการรักษาทรัพยส์ มบตั ิของโรงเรียน การประหยดั ใน การใช้น้า ไฟฟา้ และวัสดุส้ินเปลอื งของโรงเรยี น 1.9 นกั เรยี นมหี นา้ ท่ปี ระพฤติชอบด้วยกาย วาจา และใจ ตลอดจนการรจู้ กั ช่วยเหลอื สังคมและ การบาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ผ้อู ่ืน 1.10 นักเรยี นมหี นา้ ที่ปฏบิ ัติตนและปฏิบัติหน้าท่ีอนื่ ท่เี หมาะสมกบั การเป็นนกั เรียนท่ดี ี 2. ผปู้ กครองของนักเรียน 2.1 นกั เรยี นทกุ คนต้องมีผปู้ กครองตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอ่ื ง ผปู้ กครองนักเรียน นักศึกษา พ.ศ. 2522 2.2 โรงเรยี นกาหนดให้นักเรียนมผี ปู้ กครองได้ 1 หรือ 2 คนก็ได้ 2.3 ผู้ปกครองของนักเรยี นต้องมีอายุตง้ั แต่ 20 ปีขนึ้ ไป ประกอบอาชีพเป็นหลกั ฐาน มีชื่อท่ีอยูใ่ น ทะเบียนบ้านเดียวกับนักเรยี น และพักอาศยั อยู่ด้วยกันกบั นักเรยี น

2.4 ผู้ปกครองของนักเรียนต้องสามารถดแู ล และคุ้มครองใหน้ ักเรียนสามารถเลา่ เรยี นในโรงเรยี น จนสาเร็จการศกึ ษา และมหี น้าทเี่ ข้าร่วมกิจกรรมตามที่โรงเรียนนดั หมาย หรอื ตดั สินใจอ่ืนใดท่ีเก่ียวข้องกบั นักเรยี นได้ 2.5 หากผู้ปกครองต้องการพบนกั เรียนท่โี รงเรียนให้ตดิ ต่อกล่มุ บรหิ ารงานกจิ การนกั เรยี นเพ่ือตาม นักเรียนใหม้ าพบ 3. กำรมำโรงเรียน 3.1 นักเรยี นต้องมาโรงเรียนให้ทันเข้าแถวเคารพธงชาตหิ รือมาก่อนเวลา 07.40 น. และอยู่ใน โรงเรียนจนถึงเวลา 15.30 น. 3.2 นกั เรยี นทกุ คนต้องสแกนบัตรนักเรยี นในเวลามาและกลบั โรงเรยี นทุกครง้ั 3.3 พาหนะท่ีมาสง่ นกั เรยี นให้จอดนอกบรเิ วณโรงเรยี น 3.4 ถา้ นกั เรยี นจาเปน็ ต้องหยุดเรยี นหรือไม่สามารถมาโรงเรยี นได้ใหผ้ ู้ปกครองนักเรียนแจ้งให้ทาง โรงเรยี นทราบทางโทรศัพท์หรือการสื่อสารใดท่เี ขา้ ใจตรงกัน 3.5 เม่ือนกั เรียนหยุดเรียนและสามารถมาโรงเรียนได้ตามปกติ ให้นักเรยี นสง่ ใบลาป่วยท่ีครทู ี่ ปรึกษาโดยเรว็ และให้ครูทีป่ รึกษาทาบันทึกทะเบยี นขอ้ มลู การหยดุ เรยี นของนักเรยี นไว้เปน็ หลักฐาน 3.6 การมาโรงเรียนในวันปกติให้นักเรียนปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บโรงเรยี นบางละมงุ วา่ ดว้ ยการแตง่ กาย ของนักเรียน 4. กำรมำโรงเรยี นสำย 4.1 นกั เรียนท่ีมาโรงเรียนสายคอื นกั เรยี นทม่ี าโรงเรียนหลังเวลาการเคารพธงชาตหิ น้าเสาธงหรอื หลังเวลา 08.00 น. 4.2 นักเรยี นท่ีมาโรงเรยี นสายแต่ไมเ่ กนิ 08.30 น. ใหค้ รูเวรประจาวนั จดั กิจกรรมให้นกั เรยี นได้ กระทา พิธีการเคารพธงชาติ และจัดกจิ กรรมการพัฒนาอ่ืนๆตามทเ่ี ห็นสมควร 4.3 นักเรยี นท่ีมาสายเกิน 8.30 น. จะถกู ตัดคะแนนพฤติกรรม ครง้ั ละ 5 คะแนน 4.4 นกั เรยี นทีม่ คี วามจาเปน็ ตอ้ งมาโรงเรียนสายเน่ืองจากการตอ้ งไปทาธรุ ะกับผูป้ กครอง การไปพบ แพทย์ หรอื กรณีอืน่ อันเป็นเหตทุ ่ีสามารถรับฟังได้ ใหค้ รเู วรเปน็ ผพู้ ิจารณาผ่อนปรนความผดิ น้ันให้กบั นักเรียน 5. กำรเขำ้ แถวเคำรพธงชำติ 5.1 นักเรยี นทุกคนมหี น้าที่ต้องเข้าแถวเคารพธงชาติเพ่ือแสดงออกซงึ่ ความจงรกั ภักดีต่อสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริยท์ กุ วัน

5.2 การทาพธิ ีเคารพธงชาตใิ ห้นกั เรียนทกุ คนกระทาพธิ ดี ้วยความต้งั ใจ มรี ะเบยี บวนิ ัย และสารวม ทงั้ กาย วาจา และใจ 5.3 ภายหลงั การทาพธิ เี คารพธงชาตใิ ห้นกั เรียนเดนิ แถวเข้าชนั้ เรียน โดยให้เดินแถวเป็นระเบียบ เรียบรอ้ ย 6. กำรทำควำมเคำรพ 6.1 นกั เรยี นเมื่อพบเหน็ ครูและบุคลากรอนื่ ในโรงเรยี นนกั เรยี นตอ้ งแสดงการทาความเคารพทกุ ครงั้ 6.2 การแสดงความเคารพครูใหน้ ักเรียนยกมือไหว้ หรอื การแสดงความเคารพโดยการยืนตรง 6.3 การเขา้ พบครูตามห้องพักครู หรอื ห้องสานกั งานต่างๆ นักเรียนตอ้ งขออนุญาตกอ่ น และเมื่อครู อนุญาตแลว้ นักเรยี นจงึ เข้าพบได้ โดยนักเรียนต้องทาความเคารพท้ังก่อน และหลงั การเข้าพบ กรณีการเข้า ไปพบถ้าครนู ่ังกบั พนื้ ให้นกั เรียนคุกเข่าเขา้ หา และถ้าครูยืนอย่นู กั เรยี นควรยืนตรงอย่างสุภาพ 7. กำรมำโรงเรยี นในวันหยุด 7.1 โรงเรียนไมอ่ นญุ าตใหน้ กั เรยี นมาโรงเรยี นในวันหยดุ ยกเวน้ กรณีทโ่ี รงเรียนให้นักเรียนมาทา กิจกรรมหรือช่วยเหลอื งานตามทโี่ รงเรยี นรอ้ งขอ โดยแตง่ กายสภุ าพ หรอื ตามท่โี รงเรยี นกาหนด 7.2 การใหน้ กั เรียนมาโรงเรียนในวนั หยุดต้องมจี ดหมายแจ้งให้ทางผูป้ กครองทราบล่วงหนา้ 7.3 ให้ครูผู้ที่ได้รับมอบหมายทาหน้าที่ควบคุมและดูแลความปลอดภัยให้กับนักเรียน หากเกิด เหตุการณ์ที่ทาให้เป็นอันตรายต่อนักเรียนให้รายงานครูเวรประจาวันได้รับทราบ และแจ้งให้ผู้อานวยการ โรงเรียนทราบโดยทนั ที 8. กำรติดตอ่ กับทำงโรงเรียนสำหรับผู้ปกครอง 8.1 ผ้ปู กครองทีม่ าติดต่อกบั ทางโรงเรยี น รวมถงึ ผู้ปกครองท่มี ารับ-สง่ นกั เรียน กรุณาแตง่ กายให้ สุภาพเรยี บรอ้ ย งดเว้นการใส่เส้อื ผ้ารัดรูป เสือ้ สายเด่ียว เสือ้ กล้าม ชุดนอน กระโปรงท่ีสัน้ มาก และกางเกง ขาสั้น เนื่องจากการสวมใส่เคร่อื งแตง่ กายท่ีไม่สุภาพเขา้ มาในโรงเรยี นจะเป็นตวั อย่างท่ีไม่ดีแก่นกั เรียน 8.2 ในกรณีท่ตี ้องการปรึกษาปญั หาต่างๆ ของนักเรียน ให้ผู้ปกครองพบครูท่ปี รกึ ษาท่ีห้องกล่มุ บริหารงานกิจการนักเรียน 8.3 ผ้ปู กครองต้องแลกบตั รยืนยันตนท่หี ้องสารสนเทศ และติดบัตรแสดงตนตลอดเวลาทอ่ี ย่ใู น บริเวณโรงเรียน

9. กำรใชโ้ ทรศัพทใ์ นโรงเรียน 9.1 โรงเรยี นไมอ่ นญุ าต หรือหา้ มใหน้ กั เรียนนาโทรศัพท์เคลอื่ นที่ติดตวั มาโรงเรยี น แตห่ ากนกั เรียน นาโทรศัพท์มา และเกดิ การสูญหาย โรงเรียนจะไมร่ ับผิดชอบใดๆทั้งสนิ้ 9.2 การใชโ้ ทรศพั ท์เม่อื นักเรียนนาโทรศัพท์เคลื่อนท่ีมาโรงเรียน ไม่อนญุ าตใหน้ ักเรยี นใช้โทรศพั ท์ ขณะครผู ูส้ อนจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน หรือการจดั กจิ กรรมอน่ื ใดทเี่ กย่ี วข้องกับการพัฒนาผเู้ รยี น ยกเวน้ ไดร้ บั อนุญาตจากครูผสู้ อนเพ่ือใช้ในกิจกรรมการเรยี นการสอน หรือชว่ งพักกลางวันหรือไม่เกย่ี วกับกจิ กรรม ขา้ งต้น 9.3 หากนักเรยี นฝา่ ฝืนใหค้ รูผ้สู อน หรือควบคมุ การจัดกิจกรรมทาการว่ากล่าวตักเตือน หรืออาจยดึ โทรศพั ท์ไว้ แล้วแจ้งให้ผปู้ กครองของนักเรยี นมารบั คืนโดยเร็ว และให้ทาบันทึกเก็บไวเ้ ป็นหลักฐาน 9.4 หา้ มนักเรยี นใชโ้ ทรศพั ท์ขณะกาลังเดนิ ท้ังในและนอกโรงเรียน เพอ่ื ป้องกันอนั ตรายท่ีอาจ เกดิ ขน้ึ กบั นักเรยี น 10. กำรซื้อและกำรรับประทำนอำหำรกลำงวนั 10.1 นักเรียนต้องรับประทานอาหารในสถานทท่ี โี่ รงเรยี นกาหนดให้ และเขา้ แถวซือ้ อาหารใหเ้ ป็น ระเบยี บเรยี บรอ้ ย 10.2 ขณะรับประทานอาหารนกั เรยี นต้องไมส่ ง่ เสียงดังหรือพูดคยุ เสยี งดัง และห้ามแสดงสทิ ธิ์ใน การนัง่ โต๊ะรบั ประทานอาหาร 10.3 ภายหลังที่นักเรยี นรบั ประทานอาหารเสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรียนดแู ลความสะอาดบรเิ วณท่ีนัง่ รบั ประทานอาหาร และให้นาภาชนะท่ีใสอ่ าหารไปวางทจี่ ดุ รองรบั ภาชนะ 10.4 ไม่อนุญาตใหน้ ักเรยี นนาอาหารมารับประทานนอกโรงอาหาร อาคารโดม ทางเดิน ถนน และ บนพ้นื หรอื นาไปรบั ประทานบนอาคารเรยี น 10.5 เวลาพักรบั ประทานอาหารของนักเรียนแบง่ เปน็ ช่วงเวลา ดงั น้ี - ชว่ งเชา้ รบั ประทานอาหารก่อนเวลา 7.40 น. - ชว่ งพกั ลางวัน นักเรยี นระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ รับประทานอาหารเวลา 11.10 น. - 12.00 น. นักเรียนระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายรบั ประทานอาหารเวลา 12.00 น. – 12.50 น. 10.6 ไมอ่ นุญาตใหซ้ ้ืออาหารจากภายนอกเข้ามารับประทานในโรงเรยี นหลงั เวลา 7.40 น. 11. กำรออกนอกบริเวณโรงเรยี น 11.1 โรงเรียนไมอ่ นญุ าตใหน้ ักเรียนออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นโดยไม่ได้รับอนุญาต 11.2 นกั เรยี นรายใดมีความจาเปน็ ต้องออกนอกบริเวณโรงเรยี นตอ้ งได้รบั อนุญาตจากหวั หน้ากลมุ่ บรหิ ารงานกจิ การนักเรยี น หรอื หวั หนา้ ระดบั และครทู ่ีปรึกษา

11.3 นักเรียนจะขออนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรยี นได้เมื่อต้องไปทาธรุ ะกบั ผปู้ กครอง การไปพบ แพทย์ตามใบนดั หรือกรณีอ่ืนใดท่มี คี วามจาเป็นเรง่ ด่วน และให้ทาบันทกึ ไวเ้ ปน็ หลักฐานทุกครั้ง 11.4 นักเรยี นทขี่ ออนุญาตออกนอกโรงเรียนให้กรอกแบบขออนุญาตออกนอกโรงเรยี นท่ีห้องกิจการ นกั เรียน หรอื ห้องสารสนเทศ 11.5 การออกนอกบริเวณโรงเรยี นโดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาตให้ถอื เปน็ ความผิดของนกั เรยี น 12. กำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมโฮมรมู 12.1 นักเรยี นทกุ คนมหี น้าท่ีตอ้ งเข้าร่วมกิจกรรมโฮมรมู กับครทู ่ีปรึกษา เพื่อรับฟังข้อมูลข่าวสาร คาชีแ้ นะ และคาแนะนาจากครทู ี่ปรึกษาในเรื่องตา่ งๆ เวลา 7.40 น. – 7.50 น. ณ เขตพน้ื ท่ีรบั ผิดชอบ 13. กำรประชุมประจำสัปดำห์ 13.1 โรงเรียนจัดให้มีการประชุมอบรมนักเรยี นประจาสัปดาห์ๆ ละ 1 ครงั้ โดยจะจัดกจิ กรรมทุก วันศกุ ร์ในคาบเรียนสุดท้าย 13.2 การเขา้ รว่ มประชมุ ถือเปน็ หน้าทขี่ องนักเรียนทุกคน และนักเรียนทุกคนจะต้องเขา้ กจิ กรรม การประชุมตามเวลาท่ีครนู ดั หมาย โดยมาให้ตรงต่อเวลา 13.3 การฟังการประชุมให้นักเรียนต้งั ใจฟงั มรี ะเบียบวนิ ัย อยใู่ นความสงบ อยู่ในอาการสารวม และใหล้ งรายมือช่ือทุกครั้งเพื่อเก็บไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน 13.4 ไมอ่ นุญาตให้นักเรียนใชโ้ ทรศพั ทข์ ณะประชุมทุกกรณี 14. กำรนำยำนพำหนะมำโรงเรยี น 14.1 นกั เรียนทีจ่ ะนายานพาหนะมาโรงเรยี นต้องมีใบอนุญาตขบั รถจักรยานยนต์ และต้องไดร้ ับ อนุญาตจากกล่มุ บริหารงานกิจการนกั เรยี น 14.2 นักเรียนตอ้ งปฏิบัติตามกฏจราจร และจอดรถภายในบรเิ วณท่โี รงเรยี นจดั ใหเ้ ท่าน้ัน 14.3 ใหน้ กั เรียนดับเคร่ืองยนต์ก่อนนายานพาหนะเข้ามาภายในโรงเรยี น 14.4 ไม่อนุญาตให้นักเรยี นนารถยนตส์ ว่ นตวั มาโรงเรียน ประกาศ ณ วนั ท่ี 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 (นายอาวธุ โอชาพงศ์) ผูอ้ านวยการโรงเรียนบางละมงุ

ระเบยี บโรงเรยี นบำงละมงุ ว่ำดว้ ยควำมประพฤตขิ องนักเรยี น พ.ศ. 2565 …………………..……………… อาศัยอานาจตามกฎกระทรวงศึกษาธกิ าร กาหนดความประพฤติของนักเรียน นักศึกษา พ.ศ. 2548 โรงเรียนบางละมุง จึงได้พิจารณาเป็นการสมควรที่จะวางระเบียบ ว่าด้วยความประพฤติของนักเรียน พ.ศ. 2565 ดังต่อไปน้ี ขอ้ 1. ระเบียบนเ้ี รยี กว่า “ระเบียบโรงเรยี นบางละมงุ ว่าดว้ ยความประพฤติของนักเรยี น พ.ศ. 2565” ขอ้ 2. ระเบยี บนม้ี ผี ลบังคับใชต้ ั้งแต่วนั ถัดจากวนั ประกาศเปน็ ตน้ ไป ขอ้ 3. ให้ยกเลิกระเบยี บหรอื ข้อความใด ๆ ทขี่ ัดกับระเบียบนแ้ี ละใหใ้ ชร้ ะเบยี บนแี้ ทน ขอ้ 4. ในระเบียบนี้ โรงเรยี น หมายถงึ โรงเรยี นบางละมุง ผ้บู รหิ ำร หมายถงึ ผู้อานวยการโรงเรียนบางละมงุ และรองผูอ้ านวยการโรงเรียนบางละมุง รองผู้อำนวยกำร หมายถึง รองผอู้ านวยการโรงเรยี นทป่ี ฏบิ ตั ิหน้าท่ีรองผู้อานวยการ กลุ่มบรหิ ารงานกจิ การนักเรยี น หวั หน้ำระดับช้นั หมายถงึ ครทู ี่ได้รบั การแตง่ ตัง้ ตามคาส่ังโรงเรียนใหป้ ฏบิ ัติหน้าทีเ่ ป็น หวั หนา้ ในการบริหารจัดการระดบั ชน้ั ครทู ี่ปรกึ ษำ หมายถงึ ครทู ่ีได้รบั การแต่งตัง้ ตามคาส่ังโรงเรยี นให้ปฏิบตั หิ น้าที่เป็นครูท่ี ปรึกษา นกั เรียน หมายถึง นักเรยี นที่กาลังศึกษาอย่ใู นโรงเรยี นบางละมุง กำรประพฤตผิ ดิ หมายถึง การกระทาใด ๆ ก็ตามท่ฝี า่ ฝนื ระเบียบ ข้อบังคับของทาง โรงเรียนหรือฝ่าฝืนวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ขอ้ 5. นกั เรียนต้องประพฤติตนอยู่ในระเบยี บวินัยของโรงเรยี น และต้องไม่ประพฤตติ น ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. หนเี รยี นหรอื ออกนอกสถานศกึ ษาโดยไม่ได้รบั อนุญาต 2. เล่นการพนนั 3. พกพาอาวุธหรอื วตั ถุระเบิด 4. ซอ้ื จาหนา่ ย แลกเปลย่ี น เสพสรุ า หรอื เครื่องดืม่ ที่มีแอลกอฮอล์ ส่ิงมนึ เมา บุหร่ี หรอื ยาเสพตดิ 5. ลักทรัพย์ กรรโชกทรพั ย์ ข่มขู่ หรอื บังคบั ขืนใจเพื่อเอาทรัพย์บคุ คลอ่นื 6. ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทาร้ายรา่ งกายผูอ้ นื่ เตรียมการหรือกระทาการใดๆ อนั นา่ จะ กอ่ ให้เกิดความไมส่ งบเรยี บรอ้ ย หรือขัดต่อศลี ธรรมอันดีของประชาชน

7. แสดงพฤติกรรมทางชูส้ าวซึ่งไม่เหมาะสมในโรงเรยี นและท่สี าธารณะ 8. เกีย่ วขอ้ งกับการค้าประเวณี 9. ออกนอกสถานท่ีพักเวลากลางคืน เพื่อเท่ียวเตรห่ รือรวมกลุ่ม อันเป็นการสร้างความ เดือดร้อนใหแ้ ก่ตนเองหรือผอู้ ่ืน 10. แตง่ กายผดิ ระเบยี บ 11. มาโรงเรยี นสาย 12. สกั เพ้นท์ เจาะตามรา่ งกาย ข้อ 6. การลงโทษนักเรียนตามที่นักเรียนประพฤติผิด ในข้อ 5 ให้คณะกรรมการกลุ่มบริหารงาน กิจการนักเรียนพิจารณาลงโทษนักเรียนรายนั้นให้เหมาะสมกับความผิดที่นักเรียนกระทา โดยเปิดโอกาสให้ นักเรียนไดโ้ ตแ้ ยง้ และแสดงความบรสิ ุทธใิ์ นทุกขั้นตอน ข้อ 7. การลงโทษในกรณีที่กระทบกระเทือนกับสิทธขิ์ องนักเรยี นตามท่ีกฎหมายกาหนดไว้จะกระทา ไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองโดยความสมัครใจเท่านั้น โดยให้กลุ่มบริหารงาน กจิ การนกั เรียนกระทาโดยใชอ้ งคค์ ณะบุคคลเป็นผู้พจิ ารณารว่ มกนั ขอ้ 8. ใหร้ องผู้อานวยการกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรยี น รักษาการใหเ้ ป็นไปตามระเบียบนีแ้ ละให้ มีอานาจตีความและวินิจฉยั ปญั หาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบยี บนี้ ประกาศ ณ วันท่ี 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 (นายอาวุธ โอชาพงศ์) ผูอ้ านวยการโรงเรียนบางละมุง

ระเบียบโรงเรียนบำงละมุงว่ำด้วยกำรแตง่ กำยของนักเรยี น พ.ศ. 2565 …………………..……………… อาศัยอานาจตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 โรงเรียนบาง ละมุง จึงได้พิจารณาเป็นการสมควรที่จะวางระเบียบว่าด้วยการแต่งกายของนักเรยี นเพื่อให้นักเรยี นแตง่ กาย ได้ถูกต้อง เรียบร้อย และเหมาะสมกับการเป็นนักเรียนที่ดี จึงกาหนดระเบียบว่าด้วยการแต่งกายของ นกั เรียน พ.ศ. 2565 ขนึ้ ดงั น้ี ข้อ 1. ระเบียบนเ้ี รยี กว่า “ระเบียบโรงเรียนบางละมุง ว่าด้วยการแตง่ กายของนกั เรยี น พ.ศ. 2565” ข้อ 2. ระเบยี บนม้ี ีผลบังคับใช้ตั้งแตว่ นั ถดั จากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ 3. ใหย้ กเลิกระเบียบหรือข้อความใด ๆ ที่ขดั กบั ระเบียบนีแ้ ละใหใ้ ชร้ ะเบียบน้แี ทน ขอ้ 4. นกั เรียนโรงเรียนบางละมงุ ต้องแตง่ กายดังนี้ 4.1 เครอื่ งแบบนกั เรยี น 4.1.1 นกั เรียนชำย 1) เสื้อ เหมือนกันทั้งระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แบบเชิต้ คอตง้ั ผ้าขาวเกลยี้ งไมบ่ างเกินควร ผ่าอกตลอด สาบท่เี ส้อื ด้านนอกกวา้ ง 4 เซนติเมตร ใชก้ ระดุม ขาวกลมแบบขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 เซนติเมตร แขนสั้นเพียงเหนือข้อศอกมีกระเป๋าที่ราวนม ดา้ นซ้าย 1 กระเป๋า ขนาดกว้าง 8-12 เซนตเิ มตร ไมม่ จี ีบหลงั ขนาดของเสื้อพอเหมาะกับลาตัว กลดั กระดุม ทกุ เม็ด ยกเว้นเมด็ แรกคอเสื้อ 2) กางเกง เหมือนกันทั้งระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับชั้นมัธยมมัธยมศึกษา ตอนปลาย กางเกงสดี าขาสั้น ความยาวของขากางเกงสูงจากกงึ่ กลางลูกสะบ้า ไมเ่ กนิ 8 เซนติเมตรขณะยืน ส่วนกวา้ งของขากางเกงห่างจากขาประมาณ 8-12 เซนติเมตร ปลายขาพับเขา้ ในกว้าง 5 เซนตเิ มตร ผ่า ตรงส่วนหน้ามีกระเป๋าตามแนวตะเข็บข้างละ 1 กระเป๋า เวลาสวมรัดเข็ดขัดส่วนของกางเกงด้านบนจะต้อง ไมเ่ หลือรวมกันเป็นจบี ให้สวมทับปลายเส้ือให้เรยี บร้อยมองเหน็ เขม็ ขัด ขณะทอี่ ยใู่ นเครื่องแบบนักเรียนห้าม นาชายเส้อื ออกนอกกางเกง 3) เข็มขัด เหมอื นกันทง้ั ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาตอนต้น และระดบั ช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย มลี ักษณะเข็มขัดหนังสีดากว้างต้ังแต่ 3-4 เซนตเิ มตร หัวเข็มขดั เปน็ โลหะสีเงนิ สัญลักษณโ์ รงเรียนบางละมุง รปู ส่ีเหล่ียมหวั กลัด มีปลอกกวา้ ง 1 เซนตเิ มตร สาหรับสอดปลายเข็มขัด หา้ มใชเ้ ขม็ ขัดชนดิ หนังแท้สีดา 4) ถุงเท้า เหมือนกันทั้งนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและนักเรียนระดับชั้น มัธยมศกึ ษาตอนปลาย สีขาวไม่มีลวดลาย ความยาวของถุงเท้าเหนอื ขอ้ เท้าขึ้นมาอย่างนอ้ ย 3 นว้ิ ห้ามใช้ถุง เทา้ ไนลอนบาง ถุงเท้าสนั้ ชนิดขลบิ รมิ ปักหรือตกแต่งลกู ไม้ และถงุ เท้าสัน้ ชนิดรัดขอ้ เท้า

5) รองเท้า เหมือนกันทงั้ นักเรียนระดับชั้นมธั ยมศึกษาตอนต้นและนกั เรียนระดับชั้น มธั ยมศึกษาตอนปลาย ใช้รองเท้าผ้าใบสดี าชนิดเชือกผูกไม่มีลวดลาย หากนักเรียนชายมีความจาเป็นต้องแต่งกายแตกต่างจากที่กาหนดไว้ในข้อ 4.1.1 เนื่องจากความ จาเปน็ ทางศาสนา ประเพณหี รือความจาเป็นอืน่ ใด ให้เสนอเพอื่ พิจารณาเป็นรายกรณี 4.1.2 นกั เรียนหญงิ 1) เสื้อ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ผ้าขาวเกลี้ยง ผูกหูกระต่าย ไม่บางเกิน ควร แบบคอพับในตัว ลึกพอสวมศรี ษะได้ สาบตลบเข้าข้างใน ส่วนบนของสาบใหญ่พอแบะคอแลว้ ไมเ่ ห็น ตะเข็บข้างใน มีปกข้างใน 10 เซนติเมตร ใช้ผ้าสองชนิดเย็บแบบเข้าถ้า แขนเสื้อยาวเพียงศอก ปลาย แขนจีบเล็กน้อย ประกอบด้วยผ้าสองชิ้นกว้าง 3 เซนติเมตร ความยาวของตัวเสื้อวัดจากข้อมือขึ้นมา เมื่อ ยนื ตรงถึงขอบเสื้อประมาณ 10-15 เซนติเมตร ชายเส้ือด้านลา่ งมรี อยพบั ประมาณ 3 เซนตเิ มตร ขนาดของ เสื้อตั้งแต่ใต้แขนถึงขอบลา่ งมีความกวา้ งพอเหมาะไม่รัดเอว ริมขอบหน้าดา้ นขวาติดกระเป๋า ขนาดกว้าง 5- 9 เซนตเิ มตร ปากกระเปา๋ พบั ริมกว้าง ไม่เกนิ 3 เซนตเิ มตร ขนาดของเสือ้ ตัง้ แต่ใต้แขนถึงขอบล่าง มคี วาม กว้างพอเหมาะ ไม่รัดเอว ริมขอบหน้าด้านกว้าง 5-9 เซนติเมตร ปากกระเป๋าริมกว้างไม่เกิน 2 เซนติเมตร เมื่อสวมผูกคอด้วยผ้าชายสามเหลี่ยมสีดา กว้าง 4-6 เซนติเมตร เหลือชายผ้าทั้งสองข้างพอ งามดว้ ยเง่ือนกลาสี 2) เสือ้ นกั เรยี นระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ผา้ ขาวเกลยี้ งไม่บางเกินควร แบบคอเชิ้ต ผ่าอกตลอด ที่อกเสื้อทาเป็นสาบตลบเข้าข้างในกว้าง 3 กลีบ มีกระดุมขาว 5 เม็ด แขนยาวเพียงเหนือศอก ตน้ และปลายแขนจีบเล็กนอ้ ย ประกอบด้วยผา้ สองช้นิ กว้าง 3 เซนตเิ มตร สอดชายเส้ือไวใ้ นกระโปรง 3) กระโปรง นักเรยี นระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนต้นและระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย มีลักษณะผ้าสีกลมท่าเกลี้ยงไม่มีลวดลายแบบธรรมดา ด้านหน้าและด้านหลังเป็นกลีบข้างละ 3 กลีบ หัก กลีบออกด้านนอกเย็บกลีบลงมา 6-12 เซนติเมตร เว้นระยะความกว้างตรงกลางพองาม ความยาวของ กระโปรงต่ากวา่ เขา่ อยา่ งน้อย 3 น้ิว 4) เข็มขัด นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีลักษณะเป็นหนังสีดา กว้าง 2-3 เซนติเมตร หวั เข็มขดั เป็นโลหะสีเงินสัญลักษณโ์ รงเรียนบางละมุง รูปส่เี หลยี่ มหวั กลัด มีหนงั สีดาหุ้ม มีปลอก หนัง สดี ากวา้ ง 1.5 เซนติเมตร สาหรับสอดสายเขม็ ขดั ขัดทับกระโปรง ห้ามใชเ้ ข็มขัดชนดิ หนังแท้สีดา 5) ถุงเท้า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มี ลักษณะสีขาวไม่มีลวดลาย ปลายพับได้ อย่างน้อย 1 นิ้วครึ่ง หรือ 2 นิ้ว ห้ามใช้ถุงไนลอนบาง ถุงเท้าสั้น ชนิดขลิบริมปกั หรอื ตกแต่งลูกไม้ และถุงเท้าสัน้ ชนดิ รดั ขอ้ เทา้

6) รองเท้า นกั เรยี นระดับช้ันมธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย เป็น รองเท้าหุ้มส้น หุ้มปลายเท้า สีดาหัวมน มีสายรัดรองเท้า ส้นสูงไม่เกิน 3 เซนติเมตร หรือผ้าใบสีขาว แบบหมุ้ ส้นชนิดผูกเชือกสีเดียวกบั รองเทา้ ไมม่ ลี วดลาย หากนกั เรยี นหญงิ มคี วามจาเป็นตอ้ งแต่งกายแตกต่างจากท่ีกาหนดไวใ้ นข้อ 4.1.2 เนือ่ งจากความ จาเปน็ ทางศาสนา ประเพณีหรือความจาเปน็ อื่นใด ใหเ้ สนอขอเพอื่ พิจารณา 4.2 เคร่ืองแบบลกู เสือ เนตรนำรี ให้ลกู เสือ และเนตรนารี แต่งเคร่ืองแบบลูกเสอื ให้เปน็ ไปตามทีก่ าหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 1 (พ.ศ. 2510) ออกตามความในพระราชบัญญัตลิ กู เสือ พ.ศ. 2507 ดังน้ี 4.2.1 เคร่อื งแบบลูกเสือสำมญั รุ่นใหญ่ 1) หมวกทรงอ่อนสีเลือดหมู มตี ราหน้าหมวกรูปตราคณะลูกเสอื แห่งชาติ ทาด้วยโลหะสีทอง เวลาสวมให้ตราหน้าหมวกอยูเ่ หนือค้วิ ซ้าย 2) เสื้อ เสื้อคอพับสีกากี แขนสั้นเหนือศอกผ่าอกตลอด อกเสื้อทาเป็นสาบกว้าง 3.5 เซนติเมตร มีดุมเหนือเข็มขัด 4 ดุม อกมีกระเป๋าปะข้างละ 1 กระเป๋า มีแถบตรงกึ่งกลาง ตามทางดิ่ง ปกรูป มนชายกลาแหลม เจาะรงั ดุมกึ่งกลางกระเป๋า 1 ดมุ มอี ินทรธนสู ีเดียวกบั เส้ืออยู่เหนือบ่าทั้งสองข้าง ด้านไหล่ กว้าง 3.5 เซนตเิ มตร เย็บติดกบั ตะเขบ็ ไหลเ่ ส้ือ ด้านคอกว้าง 2.5 เซนตเิ มตร ปลายมนมีดุมท่ปี ลายอินทรธนู ทางด้านคอด้านละ 1 ดุม ดุมลักษณะกลมแบนทาด้วยวัตถุสีน้าตาลแก่ให้สอดชายเสื้ออยู่ภายในกางเกงแต่ อนิ ทรธนูสีเลือดหมู ปลายอินทรธนูมีอกั ษร ล.ญ.สเี หลอื ง 3) ผา้ ผกู คอ ผา้ ผูกคอรปู สามเหล่ียมหนา้ จ่ัว ด้านฐาน 100 เซนติเมตร ด้านต้งั 75 เซนตเิ มตร สเี ขยี วอ่อน มีเครื่องหมายตราจังหวดั ชลบรุ ี และมีห่วงซึ่งไม่ใช่หว่ งกลิ เวลลส์ วมผ้าผูกคอ 4) กางเกงสีกากี ขาสั้นเหนือเข่าประมาณ 5 เซนติเมตร ส่วนกว้างของขากางเกงเมื่อยืน ตรงห่างจากขาตั้งแต่ 8-12 เซนติเมตร ปลายขาพับเข้ากว้าง 5 เซนติเมตร ผ่าตรงส่วนหน้า ใช้ดุมขนาดย่อม ขัดซ่อนไว้ข้างใน มีกระเป๋าตามแนวตะเข็บข้างละ 1 กระเป๋า และมีหูร้อยเข็มขัดยาวไม่เกิน 6 เซนติเมตร กวา้ ง 1 เซนติเมตร 5) เขม็ ขัดหนังสนี า้ ตาล กวา้ งไมเ่ กนิ 3 เซนตเิ มตร หัวชนิดหัวขัด ทาดว้ ยโลหะสที อง มี ลายดุนรูปตราคณะลกู เสือแห่งชาติภายในกรอบช่อชัยพฤกษ์ 6) ถุงเทา้ ยาวสกี ากี พับขอบไว้ใต้เขา่ ใตพ้ บั ขอบมสี ายรดั ถุง แตต่ ดิ พู่สีเลอื ดหมูขา้ งละ 2 พู่ 7) รองเท้าหนงั หรือผ้าใบสีน้าตาลแก่ ไมม่ ีลวดลาย หมุ้ ส้นชนิดผูกรองเทา้ 4.2.2 เครื่องแบบเนตรนำรีสำมัญรุน่ ใหญ่ 1) หมวกปีกแคบ สเี ขียวแก่ มตี ราหนา้ หมวกรปู เคร่อื งหมายเนตรนารที าด้วยโลหะสีทอง ปีกหมวกด้านหลงั พับขึน้

2) เสอื้ คอพบั สเี ขยี วแก่แขนสน้ั เหนือศอก ผ่าอกตลอด อกเส้อื ทาเปน็ สาบกวา้ ง 3.5 เซนตเิ มตร มีดุมเหนอื เข็มขดั 4 ดุม อกมกี ระเปา๋ ข้างละ 1 กระเป๋า มีแถบตรงกึง่ กลางตามทางดิ่งปกรปู มน เจาะรังดมุ ก่งึ กลาง 1 ดมุ มีอินทรธนูสเี ดียวกบั เสอื้ อยเู่ หนือบา่ ทง้ั สองขา้ ง ด้านไหลก่ ว้าง 3.5 เซนตเิ มตร เยบ็ ติดกบั ตะเขบ็ ไหล่เส้ือด้านคอกว้าง 2.5 เซนติเมตร ปลายมนมีดมุ ท่ีปลายอนิ ทรธนู ทางดา้ นคอดา้ นละ 1 ดมุ ดุมลกั ษณะกลมแบนทาด้วยวตั ถุสเี ขยี วแก่ให้สอดชายเสือ้ อยภู่ ายในกระโปรง 3) กระโปรง สีเขียวแก่ยาวเสมอเขา่ ด้านหน้าและด้านหลังพบั เปน็ กลีบหันออกด้านข้าง ข้างละ 1 กลีบ 4) ผา้ ผกู คอ ผา้ ผูกคอรูปสามเหลี่ยมหน้าจ่วั ดา้ นฐาน 100 เซนตเิ มตร ดา้ นต้งั 75 เซนตเิ มตร สีเขียวอ่อน มเี คร่ืองหมายตราจังหวดั ชลบุรี และมีห่วงซง่ึ ไมใ่ ช่หว่ งกิลเวลลส์ วมผา้ ผูกคอ 5) เขม็ ขัด หนงั สดี ากว้างไมเ่ กิน 3 เซนติเมตร หวั รปู ส่เี หล่ยี มผืนผ้าทาดว้ ยโลหะสีทอง มี ลายดุนรูปเคร่ืองหมายเนตรนารี 6) ถงุ เท้า สีขาว พับสัน้ เพยี งขอ้ เท้า 7) รองเท้า หนังสีดา แบบนักเรยี นหรือผา้ ใบสีดา ไมม่ ลี วดลายหุม้ สน้ ชนิดผกู 4.3 เคร่ืองแบบนกั ศึกษำวิชำทหำร ให้นกั เรียนทเี่ รียนกิจกรรมนักศกึ ษาวชิ าทหาร แต่งเครื่องแบบนักศกึ ษาวชิ าทหารตามที่ กาหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิเคร่อื งแบบนักศึกษาวชิ า ทหาร และเคร่ืองแบบผู้กากบั นกั ศึกษาวิชาทหาร พ.ศ. 2521 4.4 ชุดพลศึกษำ ให้ใชช้ ุดพลศึกษาท่โี รงเรียนกาหนดให้เท่านน้ั คือ เปน็ กางเกงผ้ายดื ขายาวสีดา และเส้อื สี ชมพูแขนสั้น 4.5 กระเปำ๋ หนังสือ โรงเรียนกาหนดใหน้ กั เรียนใชก้ ระเปา๋ ตามแบบทโี่ รงเรยี นกาหนดเท่านน้ั 4.6 กำรปกั เครือ่ งหมำยของนกั เรยี น 4.6.1 ชุดนักเรียน 1) อักษรย่อ บ.ม. ให้ปักด้วยด้ายมันหรือไหมสนี ้าเงินตามขนาดความสูง 1.5 เซนติเมตร ทอ่ี กเสื้อด้านขวา 2) เลขประจาตวั นักเรยี น ใหป้ กั ดว้ ยด้านมันหรือไหมสนี า้ เงิน ขนาดความสงู 1 เซนติเมตร ทอ่ี กเสอื้ ดา้ นขวาใต้อกั ษรย่อ บ.ม. ห่างประมาณ 1 เซนติเมตร 3) ชื่อและสกุล ให้ปักด้วยด้ายมันหรือไหมสนี ้าเงินที่อกด้านซา้ ย ขนาดความสูงประมาณ 1.5 เซนตเิ มตร อย่ใู นระดบั เดียวกับอกั ษร บ.ม.

4) ระดับชั้น ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ให้ปักจุดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.5 มลิ ลเิ มตร ซ่ึงเปน็ เคร่ืองหมายระดบั ชัน้ ด้วยด้ายมนั หรือไหมสีชมพู (รหัส P132) ระดับชนั้ ละ 1 จดุ ตามด้วย เครื่องหมายทับ (/) ห้องเรียนที่นักเรียนกาลังเรียน และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายให้ปักจุดขนาดเส้น ผ่านศูนย์กลาง 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นเครื่องหมายระดับชั้นด้วยด้ายมันหรือไหมสีน้าเงิน ระดับชั้นละ 1 จุด ตามด้วยเคร่ืองหมายทับ (/) ห้องเรียนทีน่ กั เรยี นกาลงั เรยี น (ดังตัวอยา่ ง) 4.6.2 ชดุ พละ 1) ชื่อและสกุล ให้ปักด้วยด้ายมันหรือไหมสีน้าเงินที่อกด้านขวา ขนาดความสูงประมาณ 1.5 เซนติเมตร และอยใู่ นระดบั เดียวกบั ขอบบนกระเปา๋ เสื้อ อกด้านซ้าย 2) ระดับชั้น ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ให้ปักจุดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.5 มลิ ลิเมตร ซึ่งเป็นเคร่ืองหมายระดับชั้นดว้ ยด้ายมนั หรือไหมสชี มพู (รหัส P132) ระดับชน้ั ละ 1 จุดตามด้วย เครื่องหมายทับ (/) ห้องเรียนที่นักเรียนกาลังเรียน และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายให้ปักจุดขนาดเส้น ผ่านศูนย์กลาง 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นเครื่องหมายระดับชั้นด้วยด้ายมันหรือไหมสีน้าเงิน ระดับชั้นละ 1 จุด ตามด้วยเคร่อื งหมายทบั (/) หอ้ งเรยี นทน่ี ักเรียนกาลังเรยี น 4.7 ทรงผมนักเรยี น 4.7.1 นักเรยี นชายใหไ้ ว้ผมส้นั หรอื ผมยาวกไ็ ด้ กรณีไว้ผมยาวด้านขา้ ง ด้านหลงั ตอ้ งยาวไม่ เลย ตนี ผม ด้านหนา้ และกลางศรี ษะใหเ้ ปน็ ไปตามความเหมาะสมและมีความเรยี บรอ้ ย 4.7.2 นักเรียนหญิงใหไ้ วผ้ มส้ันหรอื ผมยาวกไ็ ด้ กรณีไวผ้ มยาวใหเ้ ป็นไปตามความเหมาะสม และรวบใหเ้ รยี บร้อย 4.7.3 ห้ามนักเรียน ดัดผม ทาสีผม ซอยผม ถักเปีย ไว้หนวดเครา หรือทาการอื่นใดที่ ไม่ เหมาะสมกับสภาพการเปน็ นักเรยี น 4.7.4 หากนักเรียนมคี วามจาเปน็ ต้องไวท้ รงผมแตกต่างจากท่ีกาหนดไวใ้ น 4.7.1 และ 4.7.2 เน่อื งจากความจาเป็นทางศาสนา ประเพณีหรือความจาเปน็ อืน่ ใด ให้เสนอขอเพอ่ื พิจารณา 4.8 เครื่องประดับ หา้ มนกั เรียนใช้เครื่องประดบั ทกุ ชนดิ ยกเว้นรายการดังตอ่ ไปนี้ 4.8.1 นาฬิกาข้อมือ 4.8.2 สรอ้ ยสแตนเลสสาหรบั แขวนพระ สรอ้ ยจะต้องยาวไม่ปรากฏเหนือรอยของปกเส้ือ 4.8.3 โบวผ์ ูกผมสาหรบั นกั เรียนหญิงให้ใช้โบวส์ ีดาความกวา้ ง 1 น้ิว เทา่ นนั้ และใชโ้ บว์สี ชมพูในกิจกรรมพธิ กี าร

4.9 เคร่อื งสำอำงและส่ิงแปลกปลอมเพ่ือกำรเสรมิ สวย นกั เรยี นต้องไม่ใชเ้ คร่อื งสาอาง หรอื สง่ิ แปลกปลอมเพือ่ การเสรมิ สวย ประกาศ ณ วนั ท่ี 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 (นายอาวุธ โอชาพงศ์) ผอู้ านวยการโรงเรียนบางละมุง

ระเบยี บกำรแต่งกำยของนักเรยี นโรงเรยี นบำงละมงุ กำรแตง่ กำยชดุ นักเรียนระดบั ชน้ั มัธยมศึกษำตอนต้น

ระเบยี บกำรแต่งกำยของนักเรียนโรงเรยี นบำงละมุง กำรแตง่ กำยชดุ นักเรียนระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษำตอนปลำย

ระเบียบกำรแตง่ กำยของนักเรียนโรงเรยี นบำงละมงุ กำรแตง่ กำยชดุ พลศกึ ษำ

ระเบยี บกำรแตง่ กำยของนกั เรียนโรงเรียนบำงละมงุ กำรแตง่ กำยชุดลูกเสือ

ระเบยี บกำรแต่งกำยของนกั เรยี นโรงเรยี นบำงละมงุ กำรแต่งกำยชดุ เนตรนำรี

ระเบยี บกำรแต่งกำยของนกั เรียนโรงเรยี นบำงละมงุ กำรแต่งกำยเครอ่ื งแบบนกั ศึกษำวชิ ำทหำร (เครอื่ งแบบฝกึ สีกำกแี กมเขียว ชนิด ข)

ระเบยี บโรงเรียนบำงละมุง วำ่ ดว้ ยกำรควบคุม กำรลงโทษ และกำรตัดคะแนนควำมประพฤตินักเรยี น พ.ศ. 2565 …………………..……………… เพื่อให้การลงโทษนักเรียนที่กระทาความผิดตาม ระเบียบโรงเรียนบางละมุง ว่าด้วยการปฏิบัติตน ของนักเรียน พ.ศ. 2565 เป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2558 จึงกาหนดระเบียบโรงเรียนบางละมุง ว่าด้วยการควบคุม การลงโทษ และการตัดคะแนนความ ประพฤตขิ องนักเรยี น พ.ศ. 2565 เพอื่ เปน็ หลักปฏิบัติ ดงั น้ี ขอ้ 1 ระเบียบนีเ้ รียกว่า “ระเบยี บโรงเรียนบางละมุง วา่ ดว้ ยการควบคมุ การลงโทษ การตัดคะแนน ความประพฤตินักเรียน พ.ศ. 2565” ข้อ 2 ระเบียบนี้มีผลบังคับใช้หลังจากผู้อานวยการโรงเรียนบางละมุง ลงนามหรืออนุญาตให้ใช้ ระเบยี บน้ี ข้อ 3 ในระเบยี บน้ี โรงเรยี น หมายความว่า โรงเรียนบางละมุง นกั เรยี น หมายความวา่ นักเรยี นท่ีกาลงั ศกึ ษาอยใู่ นโรงเรยี นบางละมุง หัวหน้ำสถำนศึกษำ หมายความว่า ผู้อานวยการโรงเรียนบางละมุง หรือบุคคลที่ได้รับ มอบหมายให้ทาหน้าที่หัวหนา้ สถานศกึ ษา รองผู้อำนวยกำร หมายความว่า รองผู้อานวยการที่กากับดูแลกลุ่มบริหารงานกิจการ นกั เรียน หัวหนำ้ กลุม่ บริหำรงำนกิจกำรนักเรียน หมายความวา่ ครทู ่ไี ดร้ ับการแต่งตั้งตามคาสั่งของ โรงเรยี นให้ปฏบิ ตั ิหน้าทห่ี ัวหนา้ กล่มุ บรหิ ารงานกจิ การนักเรยี น ครู หมายความว่า ครูท่ปี ฏิบัตริ าชการหรอื ปฏิบตั กิ ารสอนอยู่ในโรงเรยี นบางละมงุ ครูที่ปรึกษำ หมายความว่า ครูที่ได้รับการแต่งตั้งตามคาสั่งโรงเรียนให้ปฏิบัติหน้าที่ครูที่ ปรกึ ษา ครูประจำวิชำ หมายความวา่ ครูท่ปี ฏบิ ัติหนา้ ท่ีสอนในโรงเรยี นบางละมงุ หัวหน้ำระดับชั้น หมายความว่า ครทู ีไ่ ด้รับแต่งตง้ั ตามคาสั่งโรงเรยี นให้ปฏิบตั ิหน้าที่หัวหน้า ระดบั ช้ัน

กำรประพฤติผิด หมายความว่า การกระทาใด ๆ ก็ตามที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของทาง โรงเรยี น กำรลงโทษ หมายความว่า การลงโทษนักเรียนที่ประพฤติผิดหรือฝ่าฝืนระเบียบของทาง โรงเรยี น คะแนนควำมประพฤติ หมายความว่า คะแนนที่ใช้ควบคุมความประพฤตินักเรียนของ โรงเรยี นบางละมุง ในแตล่ ะปกี ารศึกษานักเรยี นแต่ละคนจะมีคะแนนความประพฤติของตนเอง 100 คะแนน กำรควบคุมควำมประพฤติ หมายความว่า การลงโทษและการตัดคะแนนความประพฤติ ของนักเรยี นควบคกู่ ันไปดว้ ย กำรทำกิจกรรม เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หมายความว่า การให้นักเรียนที่กระทา ความผดิ ทากิจกรรมหรือบาเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ตนเอง โรงเรยี นหรอื สงั คม ตามที่โรงเรียน กาหนด ภายใน 1 ภาคเรียน หากนกั เรียนถูกตัดคะแนนจนถึงเกณฑ์ (30 คะแนนขึ้นไป) หรือกระทา ผิดซ้าซาก นักเรียนต้องทากิจกรรมเพื่อปรับเปลีย่ นพฤติกรรม โรงเรียนอาจให้นักเรียนเข้าค่ายเพื่อ ปรบั เปลีย่ นพฤติกรรม โดยผปู้ กครองนักเรียนจะตอ้ งเปน็ ผูร้ บั ผิดชอบคา่ ใชจ้ า่ ยทง้ั หมด ขอ้ 4 โทษท่ีจะลงโทษแก่นกั เรยี นทกี่ ระทาความผิดมี 4 สถาน ดังนี้ 4.1 ว่ากลา่ วตกั เตือน 4.2 ทาทณั ฑ์บน 4.3 ตดั คะแนนความประพฤติ 4.4 ทากจิ กรรมเพือ่ ปรับเปล่ียนพฤติกรรม ข้อ 5 การว่ากล่าวตักเตือน ใช้สาหรับนักเรียนที่กระทาความผิด ขั้นเบา ในครั้งแรกและให้เป็น อานาจของครูที่พบเหน็ การกระทาความผิด เป็นผู้พิจารณาลงโทษ โดยการว่ากล่าวตักเตือน ข้อ 6 การทาทัณฑ์บนและการตัดคะแนนความประพฤติ โดยบันทึกไว้ในทะเบียนประวัติและบนั ทกึ ข้อมูลคะแนนความประพฤติ ใช้ในกรณีทีน่ ักเรยี นประพฤติตนไม่เหมาะสม ฝ่าฝืนระเบียบโรงเรียน หรือกรณี ทาใหเ้ สอ่ื มเสยี ชอื่ เสียงและเกียรตศิ ักดิ์ของสถานศึกษา หรือเคยไดร้ ับโทษวา่ กล่าวตกั เตอื นแลว้ ยังไม่เข็ดหลาบ หรือถูกตัดคะแนนความประพฤติครบ 30 คะแนน ให้เป็นอานาจของหัวหน้ากลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน

เป็น ผู้พิจารณาลงโทษ โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน แล้วเสนอรอง ผ้อู านวยการที่กากบั ดูแลกล่มุ บรหิ ารงานกิจการนักเรียนเปน็ ผพู้ ิจารณาอนุญาต ข้อ 7 การตดั คะแนนความประพฤติ และบันทึกไวใ้ นทะเบียนประวตั ิ และบันทึกข้อมลู คะแนนความ ประพฤติ โดยใหค้ รทู ุกคนที่พบการกระทาความผิด บันทกึ ขอ้ มลู การกระทาความผดิ ลงในใบบันทกึ การหกั คะแนนพฤติกรรม เสนอกล่มุ บริหารงานกจิ การนักเรียนเพื่อพิจารณาแล้วเสนอรองผอู้ านวยการที่กากบั ดูแล กลุ่มบริหารงานกจิ การนักเรยี นเปน็ ผอู้ นญุ าตตัดคะแนน และบนั ทึกข้อมูล การตัดคะแนนความประพฤติ ใหพ้ จิ ารณาระดับความผิดตามความเหมาะสมแต่ละกรณคี วามผิด เป็นราย ๆ ไป โดยในแต่ละปีการศึกษา นักเรียนมีคะแนนเต็ม 100 คะแนน การตัดคะแนนความประพฤติ แบง่ ออกเป็น 4 ระดบั คือ 7.1 ข้ันเบา ตดั คะแนนครั้งละ 5 คะแนน 7.2 ขนั้ ปานกลาง ตัดคะแนนครัง้ ละ 10 คะแนน 7.3 ขั้นรา้ ยแรง ตัดคะแนนคร้งั ละ 20 คะแนน 7.4 ขนั้ รา้ ยแรงมาก ตัดคะแนนคร้งั ละ 50 คะแนน ขน้ั เบำ การตัดคะแนนความประพฤติใช้สาหรับนักเรียนที่กระทาผิดระเบียบโรงเรียนขั้นเบา ครั้งที่ 1-2 ตักเตือน ครั้งต่อไปตัดคะแนน 5 คะแนน ให้ครูที่ปรึกษาหรือครูทุกคนที่พบการกระทาความผดิ ของนักเรียน ตัดคะแนนความประพฤติได้ 1. มาโรงเรยี นสาย ไมท่ นั เข้าแถวเคารพธงชาต/ิ ไมเ่ ข้าแถวเคารพธงชาติตอนเชา้ โดยหลบซ่อนอยู่ใน สถานท่ีต่าง ๆ 2. ไม่ตั้งใจเรียน/ก่อกวน สรา้ งความราคาญในหอ้ งเรียน/เข้าหอ้ งเรยี นชา้ 3. แต่งกายผดิ ระเบียบของโรงเรียนบางละมุง เช่น ไมป่ กั เครือ่ งหมาย/สวมใส่เสอื้ ของผู้อน่ื 4. ใสเ่ ครือ่ งประดบั ทีผ่ ดิ ระเบยี บมาโรงเรียน เช่น แหวน ต่างหู สรอ้ ยคอ กาไลข้อมือ กาไล เลสพระ หรอื ของขลัง ยกเวน้ สรอ้ ยพระ แหวนพระ 5. ประพฤติตนไมส่ ุภาพเรียบรอ้ ย 6. นาอาหารข้ึนบนอาคาร นาอาหารเขา้ ห้องเรียน

7. ไม่จอดยานพาหนะในสถานที่ทโ่ี รงเรียนกาหนด 8. สแกนบตั รนักเรียนแทนกัน/ไม่สแกนบตั รเข้าโรงเรยี น 9. นาโทรศพั ทม์ อื ถือหรอื เครอื่ งมือสื่อสารมาใช้ในเวลาทีไ่ มเ่ หมาะสม ยกเว้น การที่นักเรียนมาสายโดยมีเหตุจาเป็น ให้ครูที่ปรึกษาดาเนินการยื่นแบบขออนุญาตให้ นักเรยี นมาสายกรณมี ีเหตุจาเปน็ ขัน้ ปำนกลำง การตัดคะแนนความประพฤติใช้สาหรับนักเรียนที่กระทาผิดระเบียบโรงเรียนขั้นปานกลาง โดยตัด คะแนนครง้ั ละ 10 คะแนน ให้ครูท่ปี รกึ ษาหรือหวั หน้าระดับท่ีพบการกระทาความผดิ ของนักเรียนตัดคะแนน ความประพฤติได้ 1. ทรงผมผิดระเบียบ เชน่ ซอยผม สไลด์ผม เปลย่ี นสผี ม 2. แตง่ หนา้ /เสรมิ สวยในเคร่ืองแบบนักเรียน/นาอุปกรณ์เสริมสวยมาโรงเรยี น 3. ไมร่ ว่ มกจิ กรรมทโี่ รงเรียนหรอื ครมู อบหมาย 4. ออกนอกบรเิ วณโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาต 5. หลบหลีก หนเี รียน ไมเ่ ขา้ โรงเรียน ไมเ่ ข้าห้องเรยี น ปนี ร้วั เขา้ ออกโรงเรียน อน่ื ๆ 6. ทาลายทรพั ย์สนิ ของทางโรงเรียน 7. สูบบหุ รี่หรอื มีบุหร่ีหรืออปุ กรณก์ ารเสพไวใ้ นครอบครอง 8. ก้าวรา้ ว ขูเ่ ขญ็ ตอ่ นกั เรียนคนอื่น/ประพฤตติ นเปน็ อนั ธพาล ข้ันร้ำยแรง การตัดคะแนนความประพฤติใช้สาหรับนักเรียนที่กระทาผิดระเบียบโรงเรียนขั้นร้ายแรง โดยตัด คะแนนครั้งละ 20 คะแนน ให้คณะกรรมการอันประกอบด้วย รองผู้อานวยการที่กากับดูแลกลุ่มบริหารงาน กิจการนักเรียน หัวหน้ากลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน หัวหน้าระดับ ครูที่ปรึกษา และผู้ปกครองนักเรียน ร่วมกันพจิ ารณาตดั คะแนนความประพฤติได้ 1. เล่นการพนนั หรอื จัดใหม้ กี ารเลน่ การพนนั ครอบครองสือ่ การพนนั หรือมั่วสมุ ในวงพนนั 2. ลักขโมย (ลกั ทรพั ย์) 3. ทาการตัดตอ่ แตง่ เติม เผยแพรภ่ าพ ขอ้ ความทางสอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ หรือคอมพวิ เตอร์เป็นเหตุให้ เพือ่ น ครู โรงเรียนหรือผูอ้ นื่ เสยี หาย

4. ถ่ายหรือเผยแพร่วดี ิทศั น์ (Video) ซงึ่ นาความเสือ่ มเสยี มาสูผ่ อู้ นื่ หรอื โรงเรียน 5. ประพฤตชิ ู้สาว/พฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม 6. ทะเลาะวิวาท/ทารา้ ยผ้อู น่ื จนเปน็ เหตใุ หเ้ กดิ อันตรายแกก่ ายหรอื จติ ใจ 7. ดูหมิ่นครูและไมใ่ ห้ความเคารพ 8. มสี ิง่ ของผดิ กฎหมายไว้ในครอบครอง 9. ชักจูงบุคคลภายนอกเข้ามาในโรงเรียนเพื่อก่อปัญหา/ให้เครื่องแบบนักเรียนแก่บุคคลภายนอก สวมใส่ ขัน้ ร้ำยแรงมำก การตัดคะแนนความประพฤติใช้สาหรับนกั เรยี นที่กระทาผิดระเบยี บโรงเรียนขัน้ ร้ายแรงมาก โดยตัด คะแนนครั้งละ 50 คะแนน ให้คณะกรรมการอันประกอบด้วย รองผู้อานวยการที่กากับดูแลกลุ่มบริหารงาน กิจการนักเรียน หัวหน้ากลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน หัวหน้าระดับ ครูที่ปรึกษา และผู้ปกครองนักเรียน รว่ มกันพิจารณาตัดคะแนนความประพฤติได้ 1. ซื้อ จาหน่าย เสพหรือแลกเปลี่ยนยาเสพติด หรือมียาเสพติดผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง เสพ สรุ าหรือของมึนเมา 2. กระทาความผิดใด ๆ ถูกแจ้งความหรอื ถกู จับกมุ 3. ลกั ขโมย ข่มขู่ รีดไถ กรรโชกทรพั ยผ์ ู้อื่น กระทาโดยบุคคลเพียงคนเดียวหรอื บคุ คลหลายคน 4. หลอกลวง หน่วงเหนยี่ ว ลกั พา 5. ทารา้ ยร่างกายบุคลากร ครใู นโรงเรียน 6. ประพฤติชู้สาวทาให้โรงเรยี นเกิดความเสอื่ มเสีย 7. พกพาอาวุธ วตั ถรุ ะเบดิ เข้ามาในโรงเรยี นหรอื ที่สาธารณะ 8. ค้าประเวณีหรือเป็นคนชักนาใหม้ ีการค้าประเวณี การตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนที่กระทาความผิดครั้งละ 50 คะแนนขึ้นไป ให้คณะกรรมการ กลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียนพิจารณาเสนอรองผู้อานวยการที่กากับดูแลกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน เพือ่ เสนอหัวหนา้ สถานศึกษาเป็นผู้อนุญาต การลงโทษนักเรียน ผู้ลงโทษ จะลงโทษได้ จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดแจ้งว่าผู้นั้นกระทาผิดและ สมควรถูกลงโทษ และการส่ังตัดคะแนนความประพฤตทิ ุกครัง้ ตอ้ งมีหลกั ฐานประกอบ

ขอ้ 8 การตดั คะแนนความประพฤตนิ ักเรียน ให้ดาเนนิ การดังตอ่ ไปน้ี 8.1 แจ้งให้นักเรียนผนู้ ้ันทราบ 8.2 แจง้ การถกู ตดั คะแนนความประพฤตหิ รือลงโทษใหผ้ ปู้ กครองนักเรยี นผู้นัน้ ทราบ (กรณีนักเรียนถูกหักคะแนนความประพฤติครั้งละ 20 คะแนนขึ้นไป หรือมีคะแนนที่ถูกหัก สะสม 30 คะแนนขนึ้ ไป) 8.3 ใหห้ วั หน้ากลมุ่ บรหิ ารงานกจิ การนกั เรียนรวบรวมขอ้ มลู คะแนนความประพฤติท่ีถูกตดั ของนกั เรียนเพอ่ื แสดงเปน็ หลักฐานไวต้ รวจสอบในกรณีท่ีมีการร้องขอ ข้อ 9 การทากิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และ/หรือตัดคะแนนความประพฤติและบันทึก ขอ้ มลู หลักฐาน ใชส้ าหรบั นกั เรยี นทก่ี ระทาผิดจนถกู หักคะแนนความประพฤติครบ 30 คะแนน ให้เปน็ อานาจ ของหวั หน้ากลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน เปน็ ผพู้ ิจารณาลงโทษ โดยความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการกลุ่ม บริหารงานกิจการนักเรียน แล้วเสนอรองผู้อานวยการที่กากับดูแลกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียนเป็นผู้ อนุญาต ผลของการถูกตัดคะแนนความประพฤติและการแจ้งผูป้ กครอง ให้ใช้ตามความท่ีแนบทา้ ยระเบยี บฯ นี้ ข้อ 10 หัวหน้าสถานศกึ ษามีอานาจในการสง่ั ยกเลกิ ระเบียบน้ี ขอ้ 11 การแกไ้ ขเพ่ิมเติมระเบยี บน้ี ให้กลุม่ บรหิ ารงานกิจการนักเรียนเป็นผดู้ าเนินการแก้ไขเพ่ิมเติม แลว้ เสนอให้หวั หน้าสถานศกึ ษาเปน็ ผปู้ ระกาศใช้ ข้อ 12 ให้รองผู้อานวยการที่กากับดูแลกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียนหรือหัวหน้ากลุ่มบริหารงาน กิจการนักเรียนที่รองผู้อานวยการที่กากับดูแลกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียนมอบหมาย เป็นผู้รักษาการให้ เป็นไปตามระเบยี บนี้ ข้อ 13 ระเบยี บนีม้ ีผลบงั คบั ใช้ตงั้ แตว่ ันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เป็นตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ท่ี 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 (นายอาวธุ โอชาพงศ์) ผูอ้ านวยการโรงเรียนบางละมงุ

ผลของกำรถูกตดั คะแนนควำมประพฤตแิ ละกำรแจง้ ผปู้ กครอง แนบท้ำยระเบยี บโรงเรยี นบำงละมุงวำ่ ด้วยกำรควบคมุ กำรลงโทษ และกำรตัดคะแนนควำมประพฤตนิ กั เรียน พ.ศ. 2565 ผลกำรถูกตดั คะแนนควำมประพฤติ นักเรียนที่ถูกตัดคะแนนความประพฤติตั้งแต่ 30 คะแนนขึ้นไป นักเรียนจะต้องทากิจกรรมเข้าค่าย คุณธรรมจริยธรรม และระเบียบวินัย ตามวันเวลาและสถานที่ที่โรงเรียนกาหนด โดยผู้ปกครองนักเรียน จะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเข้าค่ายอบรมทั้งหมด และหากได้รับการอบรมแล้ว แต่พฤติกรรมยังไม่ พฒั นาขึน้ ก็จะพจิ ารณาใหเ้ ขา้ รับการอบรมเพ่มิ เติม หรอื พจิ ารณา ๆ อย่างอ่ืนตามทคี่ ณะกรรมการ กลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียนเหน็ สมควร กำรแจง้ ผูป้ กครอง เม่ือนักเรยี นถูกตัดคะแนนความประพฤติครบ 20 คะแนน ใหแ้ จ้งผู้ปกครองได้รับทราบทุกครง้ั เมื่อนกั เรยี นถกู ตดั คะแนนความประพฤติครบ 30 คะแนน ใหเ้ ชญิ ผู้ปกครองมาทาทัณฑ์บน เมื่อนักเรียนถูกตัดคะแนนความประพฤติครบ 50 คะแนน ให้เชิญผู้ปกครองมารับทราบและเตรียม เปลี่ยนสภาพแวดล้อม (ย้ายสถานศึกษา) กรณีความผิดขั้นร้ายแรงหรือร้ายแรงมากขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ คณะกรรมการกลมุ่ บริหารงานกจิ การนกั เรยี น เมอื่ นกั เรียนถูกตัดคะแนนความประพฤติครบ 70 คะแนน กรณคี วามผิดร้ายแรง ให้ย้ายสถานศึกษา อันเป็นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กรณีความผิดไม่ร้ายแรง หากกระทาผิดซ้าซาก อาจดาเนินการใหย้ ้ายสถานศกึ ษา ขน้ึ อย่กู ับดลุ ยพนิ ิจของคณะกรรมการกลุม่ บริหารงานกิจการนกั เรยี น หมายเหตุ :กรณนี กั เรียนถูกตัดคะแนนความประพฤติครบ 100 คะแนน โรงเรียนจะไมอ่ อกใบรับรอง ความประพฤติให้ อื่นๆ ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียนโดยความเห็นของหัวหน้า สถานศึกษา

หลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พื้นฐำน พทุ ธศกั รำช 2551 วสิ ยั ทัศน์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มงุ่ พัฒนาผูเ้ รียนทุกคน ซึ่งเป็นกาลงั ของชาตใิ ห้เป็นมนุษย์ท่มี ี ความสมดลุ ท้ังด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มจี ิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมน่ั ในการ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข มีความร้แู ละทักษะพ้ืนฐาน รวมทง้ั เจต คติ ทจี่ าเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุง่ เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั บน พื้นฐานความเชอ่ื วา่ ทุกคนสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพ หลกั กำร หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหลกั การท่สี าคัญ ดังน้ี 1. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาเพอ่ื ความเป็นเอกภาพของชาติ มีจดุ หมายและมาตรฐานการเรียนรูเ้ ป็น เป้าหมายสาหรบั พฒั นาเด็กและเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพื้นฐานของความเปน็ ไทย ควบคู่กับความเปน็ สากล 2. เปน็ หลกั สตู รการศกึ ษาเพอ่ื ปวงชน ที่ประชาชนทกุ คนมโี อกาสได้รับการศกึ ษาอย่างเสมอภาคและมี คุณภาพ 3. เป็นหลกั สูตรการศึกษาเพอ่ื สนองการกระจายอานาจ ให้สงั คมมีส่วนรว่ มในการจดั การศกึ ษาให้สอดคล้อง กับสภาพความต้องการของท้องถิ่นและความเปน็ สากล 4. เป็นหลักสูตรการศกึ ษาท่ีมีโครงสร้างยืดหยุน่ ท้ังดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลา และ การจัดการเรยี นรู้ 5. เปน็ หลักสตู รการศึกษาทีเ่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญ 6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุม ทกุ กล่มุ เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์ จดุ หมำย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน มงุ่ พฒั นาผู้เรียนใหเ้ ปน็ คนดี มีปญั ญา มคี วามสุข มศี กั ยภาพใน การศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จงึ กาหนดเปน็ จดุ หมายเพ่อื ให้เกิดกบั ผู้เรยี น เมือ่ จบการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ดังน้ี 1. มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมที่พงึ ประสงค์ เหน็ คุณคา่ ของตนเอง มีวินยั และปฏบิ ัตติ นตามหลกั ธรรม ของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาทตี่ นนับถือ ยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

2. มคี วามรู้ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแก้ปัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี มีทักษะชวี ิตและ สือ่ สารได้หลายภาษา 3. มสี ุขภาพกายและสุขภาพจติ ทด่ี ี มีสขุ นิสัย และรักการออกกาลงั กาย 4. มีความรกั ชาติ มจี ติ สานึกในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ยึดมนั่ ในวถิ ชี ีวติ และการปกครองตาม ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ 5. มีจิตสานึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย การอนรุ ักษแ์ ละพฒั นาสิ่งแวดลอ้ มมีจติ สาธารณะ ทม่ี ุ่งทาประโยชน์และสรา้ งสิ่งทด่ี งี ามในสังคม และอยรู่ ว่ มกันในสงั คมอยา่ งมีความสุข สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ม่งุ ให้ผเู้ รียนเกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดงั น้ี 1. ควำมสำมำรถในกำรสอ่ื สำร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มวี ฒั นธรรมในการใชภ้ าษา ถา่ ยทอดความคดิ ความรูค้ วามเขา้ ใจ ความรูส้ ึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมลู ขา่ วสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชนต์ อ่ การพัฒนาตนเองและสงั คม รวมทัง้ การเจรจาต่อรองเพ่ือขจดั และลด ปญั หาความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรบั หรอื ไมร่ ับขอ้ มลู ข่าวสารด้วยหลักเหตผุ ลและความถูกต้อง ตลอดจน การเลือกใชว้ ิธกี ารส่อื สารทมี่ ีประสทิ ธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบทมี่ ตี ่อตนเองและสงั คม 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด เปน็ ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ เพอื่ นาไปสู่การสรา้ งองคค์ วามร้หู รอื สารสนเทศ เพอื่ การตัดสินใจเกยี่ วกับตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม 3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปญั หำ เปน็ ความสามารถในการแก้ปญั หาและอุปสรรคต่างๆ ทเี่ ผชญิ ได้ อยา่ งถูกต้องเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพนั ธแ์ ละ การเปล่ยี นแปลงของเหตุการณต์ า่ ง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความร้มู าใชใ้ นการป้องกันและแกไ้ ข ปญั หา และมีการตดั สนิ ใจที่มีประสิทธภิ าพโดยคานงึ ถึงผลกระทบท่เี กดิ ขึน้ ต่อตนเอง สังคมและสง่ิ แวดล้อม 4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ ทักษะชีวติ เปน็ ความสามารถในการนากระบวนการต่างๆ ไปใชใ้ นการ ดาเนินชีวติ ประจาวนั การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอย่รู ว่ มกนั ในสงั คม ดว้ ยการสรา้ งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหวา่ งบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแยง้ ต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ใหท้ ันกับการเปลีย่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม และการรจู้ กั หลกี เลยี่ งพฤติกรรมไมพ่ ึง ประสงค์ที่สง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อ่ืน 5. ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลอื ก และใช้เทคโนโลยีดา้ นต่างๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพัฒนาตนเองและสงั คม ในด้านการเรยี นรู้ การส่ือสาร การ ทางาน การแก้ปญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม

คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรโรงเรยี นบางละมงุ พุทธศักราช 2552 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 มงุ่ พฒั นาผูเ้ รียนให้มีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยรู่ ว่ มกบผู้อน่ื ในสังคมได้อย่างมีความสุข ใน ฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซ่อื สตั ย์สุจรติ 3. มีวนิ ัย 4. ใฝ่ เรยี นรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 6. ม่งุ มั่นในการทางาน 7. รกั ความเปน็ ไทย 8. มจี ติ สาธารณะ กิจกรรมพฒั นำผเู้ รยี น การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะที่สาคัญ 5 ประการ ได้แก่ ความสามารถใน การสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และ ความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยี และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ขอบข่ำยกิจกรรมพฒั นำผู้เรียน กาหนดให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนออกเปน็ 3 กิจกรรม ดังนี้ 1. กจิ กรรมแนะแนว 2. กิจกรรมนักเรียน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้ 2.1 กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ผ้บู าเพญ็ ประโยชน์ และนักศกึ ษาวชิ าทหาร 2.2 กจิ กรรมชมุ นมุ ชมรม 3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีข้อกาหนดให้สถานศึกษาต้อง ดาเนินการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับหลักการของหลักสูตร และเพื่อให้มีการปฏิบัติเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ โรงเรียนบางละมุงได้จัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอน ปลาย ซ่ึงในแตล่ ะภาคเรยี นโรงเรียนกาหนดให้มกี ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 4 ด้านดงั นี้

1. ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ด้านการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น 3. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 4. ดา้ นกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 1. ด้ำนผลสมั ฤทธิ์ทำงกำรเรียนตำมกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ 1.1 กำรให้ระดับผลกำรเรยี น ในการตัดสินเพ่ือใหร้ ะดับผลการเรียนรายวชิ าของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ใช้ตวั เลขแสดงระดับผลการ เรยี นเป็น 8 ระดบั ดังน้ี ชว่ งคะแนน ระดบั ผลการเรียน ความหมาย 80 – 100 4 ดีเยยี่ ม 75 – 79 3.5 ดมี าก 70 – 74 3 ดี 65 – 69 2.5 คอ่ นขา้ งดี 60 – 64 2 ปานกลาง 55 – 59 1.5 พอใช้ 50 – 54 1 ผ่านเกณฑข์ ้นั ต่า 0 – 49 0 ต่ากวา่ เกณฑ์ ในกรณที ่ีไมส่ ามารถให้ระดับผลการเรยี นเป็น 8 ระดับได้ ให้ใช้ตวั อักษรระบเุ ง่ือนไข ของผลการเรยี น ดังน้ี “มส” หมายถงึ ผู้เรยี นไมม่ ีสิทธเ์ิ ข้ารบั การวดั ผลปลายภาคเรยี น เนื่องจากผู้เรียนมเี วลาเรียนไม่ถงึ ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นของรายวิชาน้ัน “ร” หมายถงึ รอการตดั สินและยังตัดสนิ ผลการเรยี นไมไ่ ด้ เนอื่ งจากผู้เรียนไม่มีข้อมลู ผลการเรยี น รายวชิ านัน้ ครบถว้ น ได้แก่ ไม่ไดว้ ดั ผลกลางภาคเรยี น/ปลายภาคเรยี น ไมไ่ ดส้ ่งงานที่มอบหมายให้ทาซ่ึงงาน นน้ั เป็นสว่ นหนึง่ ของการตดั สินผลการเรียน โดยต้องเกดิ จากเหตุสุดวิสยั เทา่ น้ัน 1.2 กำรเปลีย่ นผลกำรเรียน 1.2.1 กำรเปล่ียนผลกำรเรยี น 0 1.2.1.1 จัดให้เรยี นซ่อมเสริมในตัวชว้ี ดั ท่ีสอบไม่ผ่าน แล้วจึงสอบแก้ตวั ในภาคเรยี นถดั ไป โดยให้สอบแก้ตัวไดไ้ มเ่ กนิ 2 ครัง้ และการสอบแกต้ วั ไดร้ ะดับผลการเรียนไมเ่ กนิ “1”

1.2.1.2 ถ้าสอบแก้ตัว 2 ครั้งแลว้ ยังไดร้ ะดับผลการเรยี น “0” อีก หรอื ไม่มาสอบแก้ตวั ตามระยะเวลาทีก่ าหนด ให้เรียนซา้ ในรายวิชาน้นั ๆ ในภาคเรียนเดียวกันของปีการศึกษาถัดไป 1.2.2 กำรเปล่ียนผลกำรเรียน “มส” 1.2.2.1 ถ้ามเี วลาเรียนไม่ถงึ รอ้ ยละ 80 แต่ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 ของเวลาเรยี นในแต่ละ วชิ า จะได้ “มส” หมายถงึ ไม่มีสทิ ธเิ์ ข้าสอบ หรือไม่มสี ทิ ธเิ์ ขา้ รบั การประเมินปลายภาค ต้องเรียนเพิม่ เตมิ โดยครผู สู้ อนใชเ้ วลาสอนซ่อมเสรมิ หรอื เวลาวา่ ง หรอื มอบหมายงานใหท้ าจนมเี วลาเรยี นครบตามที่กาหนด ในรายวิชาน้นั แลว้ จงึ ให้สอบ ผลการสอบแก้ “มส” ให้ได้ระดบั ผลการเรยี นไม่เกนิ “1” ในกรณีน้ใี ห้กระทาให้ เสรจ็ สนิ้ ภายในปีการศกึ ษาน้ัน เวน้ แต่มเี หตสุ ดุ วิสยั ถ้าพ้นกาหนดนใี้ หเ้ รียนซ้าในรายวิชาน้นั 1.2.2.2 ถา้ มีเวลาเรียนนอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 60 ของเวลาเรียนในแตล่ ะวชิ า ให้เรยี นซา้ ใน รายวิชานัน้ 1.2.3 กำรเปลี่ยนผลกำรเรียน “ร” - ให้ผเู้ รียนดาเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตใุ นช่วงเวลาที่โรงเรยี นกาหนด เมอ่ื ผู้เรยี น แกไ้ ขปัญหาเสร็จแลว้ ใหไ้ ด้ระดบั ผลการเรยี นตามปกติ (ต้ังแต่ 0 – 4) - ถา้ ผเู้ รยี นไม่ดาเนนิ การแก้ไข “ร” ในช่วงเวลาที่โรงเรียนกาหนด ใหผ้ ู้สอนนาข้อมลู ทมี่ ีอยู่ ตดั สินผลการเรียน 1.2.4 กำรเรียนซำ้ รำยวิชำ - โรงเรียนจะจัดใหม้ ีการเรยี นซา้ ในภาคเรียนเดียวกันของปกี ารศกึ ษาถัดไป - มกี ารเข้าเรียนตามเวลาที่ครูผ้สู อนกาหนด ใหม้ ีการนบั เวลาเรียนเปน็ สดั ส่วนเช่นเดยี วกบั การนับเวลาเรยี นปกติ - การเรยี นซา้ ใหไ้ ด้ผลการเรียนไมเ่ กิน “1” 1.3 กำรเลื่อนช้ัน การพิจารณาเลอื่ นช้ัน ถ้าผ้เู รียนมขี อ้ บกพร่องเพียงเลก็ น้อย และสถานศึกษาพจิ ารณาเห็น ว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาทจ่ี ะผ่อนผันให้เล่ือนช้นั ไดผ้ ู้เรยี นจะ ไดร้ บั การเล่ือนชั้น เมือ่ มีคณุ สมบตั ติ ามเกณฑ์ ดงั ต่อไปนี้ - รายวชิ าพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเตมิ ได้รับการตดั สนิ ผลการเรียน ในระดับท่ผี า่ นตาม เกณฑ์ของโรงเรยี น

- ผ้เู รียนไดร้ ับการประเมินและมผี ลการประเมนิ ในระดับผ่านเกณฑ์ทที่ างโรงเรยี นกาหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนระดับผลการเรยี น เฉลยี่ ในปีการศึกษานัน้ ไม่ตา่ กว่า 1.00 1.4 กำรเรยี นซำ้ ชั้น โรงเรียนจะจดั ใหผ้ เู้ รียน เรยี นซ้าช้นั เมอื่ มีกรณี ดังนี้ 1.4.1 ผเู้ รยี นมีระดบั ผลการเรียนเฉลย่ี ในปีการศึกษานนั้ ต่ากวา่ 1.00 และมีแนวโน้มวา่ จะ เป็นปัญหาตอ่ การเรยี นในระดับช้ันทส่ี ูงขน้ึ 1.4.2 ผู้เรยี นมผี ลการเรยี น 0, ร, มส เกินครึ่งหน่ึงของจานวนรายวิชาท่ลี งทะเบยี นเรยี นในปี การศึกษานนั้ การจดั ให้มีการเรียนซ้าชั้น ทางโรงเรียนจะแต่งตั้งคณะกรรมการพจิ ารณาจากเหตุขา้ งตน้ หากไม่มเี หตผุ ลอนั สมควรก็ให้ซ้าช้ัน โดยยกเลิกผลการเรียนเดิม และใหใ้ ช้ผลการเรยี นใหม่แทน 2. กำรประเมนิ กำรอำ่ น คดิ วิเครำะห์ และเขียน - เปน็ การประเมินความสามารถของผู้เรียนในการอา่ นหนงั สอื เอกสาร และส่อื ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง แล้วนามาคิดวเิ คราะห์ และถ่ายทอดความคิดโดยการเขยี นสรปุ และสรุปผลการประเมินเปน็ รายภาค - มีการประเมินภาคเรยี นละ 1 ครั้ง กาหนดเกณฑ์การประเมินและความหมายของแต่ละระดับ ดังน้ี เกณฑ์การประเมนิ ความหมาย ดเี ยีย่ ม (3) มผี ลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียนท่ีมคี ุณภาพดี อย่เู สมอ ดี (2) มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี นที่มคี ุณภาพ เปน็ ท่ยี อมรบั ผา่ น (1) มผี ลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี นท่ีมคี ุณภาพ เปน็ ท่ียอมรับแต่ยังมีข้อบกพร่องอยู่ ไมผ่ า่ น (0) ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น หรอื ถ้ามี ผลงาน ผลงานนั้นยังมีขอ้ บกพรอ่ งที่ตอ้ งไดร้ บั การปรับปรุงแกไ้ ขหลายประการ 3. กำรประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ เปน็ การประเมินลกั ษณะพฤติกรรมของผู้เรียนในดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม จิตสานึก สามารถ อยูร่ ว่ มกบั ผูอ้ ื่นในสังคมได้อยา่ งมคี วามสขุ โดยกาหนดการประเมินใน 8 ลกั ษณะ ดังนี้

1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซอ่ื สัตย์สจุ ริต 3. มีวนิ ัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 6. มุง่ มั่นในการทางาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มจี ิตสาธารณะ - มีการประเมินภาคเรยี นละ 1 ครัง้ กาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ และความหมายของแต่ละระดบั ดังน้ี เกณฑ์การประเมนิ ความหมาย ดีเยี่ยม (3) ผู้เรยี นปฏิบัติตนตามคณุ ลักษณะจนเป็นนิสัย และนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั เพือ่ ประโยชนส์ ุขของตนเองและสังคม ดี (2) ผูเ้ รยี นมีคุณลกั ษณะในการปฏิบตั ติ ามกฏเกณฑ์ เพอื่ ให้เป็นการยอมรบั ของสังคม ผา่ น (1) ผเู้ รยี นรบั รู้และปฏิบตั ติ ามกฏเกณฑ์ และเง่ือนไขทสี่ ถานศกึ ษากาหนด ไมผ่ า่ น (0) ผเู้ รยี นรบั รแู้ ละปฏิบตั ิได้ไมค่ รบตามกฏเกณฑ์และเง่ือนไขท่ีสถานศกึ ษากาหนด 4. กำรประเมนิ ผลกำรจดั กิจกรรมพฒั นำผูเ้ รียน 4.1 กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี นประกอบด้วยกิจกรรม 3 กจิ กรรม ดงั น้ี 4.1.1. กจิ กรรมแนะแนว 4.1.2 กิจกรรมนกั เรียน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังน้ี 1) กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ผู้บาเพ็ญประโยชน์ และนกั ศึกษาวิชาทหาร 2) กิจกรรมชมุ นมุ ชมรม 4.1.3 กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณะประโยชน์ กจิ กรรมนักเรียนประกอบด้วย กิจกรรมลกู เสือ (สาหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาตอนต้น) และ กิจกรรมชมรม โรงเรยี นบางละมุงได้กาหนดแนวทางในการประเมนิ ผลการจัดกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 2 ประการ คือ การประเมินผลกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนรายกจิ กรรม และการประเมินผลกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนเพือ่ การตดั สนิ ดังน้ี

1. กำรประเมนิ ผลกจิ กรรมพฒั นำผ้เู รยี นรำยกิจกรรม 1.1 ตรวจสอบเวลาการเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนให้เป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษา กาหนด 1.2 ประเมินผลกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และผลงาน/ช้ินงาน/ คุณลกั ษณะ ของผู้เรียนตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนดด้วยวิธีการทหี่ ลากหลาย เนน้ การมสี ่วนรว่ มและการปฏิบัติ กิจกรรม 1.3 ผเู้ รยี นทมี่ เี วลาการเข้ารว่ มกจิ กรรม มีการปฏิบตั ิกจิ กรรม และมผี ลงาน/ชนิ้ งาน/ คุณลักษณะตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด เปน็ ผูผ้ า่ นการประเมินผลกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นรายกจิ กรรม และนาผลการประเมนิ ไปบันทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรียน 1.4 ผเู้ รียนทมี่ ผี ลการประเมินไม่ผา่ นในเกณฑ์เวลาการเขา้ ร่วมกจิ กรรม การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และผลงาน/ชน้ิ งาน/คุณลกั ษณะตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนด เปน็ ผ้ไู ม่ผ่านการประเมนิ ผลกิจกรรมพัฒนา ผ้เู รียนรายกิจกรรม ครทู ่รี ับผิดชอบการจดั กิจกรรมจะต้องทาการสอนซ่อมเสริมให้กับผ้เู รียนจนมีผลการเรียน ผา่ นเกณฑ์การประเมิน แล้วให้นาผลการประเมินไปบนั ทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรยี น 2. กำรประเมินผลกจิ กรรมพฒั นำผ้เู รียนเพอื่ กำรตัดสนิ เป็นการประเมินการผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายป/ี รายภาค เพือ่ สรปุ ผลการผ่านในแต่ละ กิจกรรม สรุปผลรวมเพื่อเลื่อนชั้นและประมวลผลรวมในปีสุดท้ายเพื่อการจบแต่ละระดับการศึกษาโดยการ ดาเนนิ การดงั กล่าวมีแนวปฏิบตั ิ ดงั น้ี 2.1 กาหนดใหม้ ผี ู้รบั ผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกย่ี วกับการร่วมกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ของผเู้ รยี น ทุกคนตลอดระดบั การศึกษา 2.2 ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินผลการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ตามเกณฑ์ ที่สถานศึกษากาหนด เกณฑ์การจบแต่ละระดับการศึกษาที่สถานศึกษากาหนดนั้น ผู้เรียนจะตอ้ ง ผ่านกิจกรรม 3 กิจกรรมสาคัญ ได้แก่ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณะประโยชน์ 2.3 ผรู้ ับผดิ ชอบเสนอผลการประเมนิ ต่อคณะอนกุ รรมการกลุ่มสาระการเรยี นรแู้ ละ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นเพื่อให้ความเหน็ ชอบ 2.4 ผรู้ ับผิดชอบเสนอผู้บริหารสถานศึกษาพจิ ารณาเพ่ืออนุมัติผลการประเมนิ กจิ กรรม พฒั นาผเู้ รยี นผา่ นเกณฑก์ ารจบแต่ละระดับการศกึ ษา

เกณฑ์กำรตดั สนิ ผลกำรประเมินกิจกรรมพัฒนำผูเ้ รยี น ผ้เู รียนจะต้องไดร้ ับการประเมินผลกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น และผา่ นเกณฑต์ ามท่สี ถานศึกษากาหนด โดยกาหนดเกณฑ์ในการประเมินอยา่ งเหมาะสม ดงั นี้ 1. กาหนดคุณภาพหรอื เกณฑ์การประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน กาหนดไว้ 2 ระดับ คอื ผ่าน และไมผ่ า่ น 2. กาหนดประเดน็ การประเมินใหส้ อดคล้องตามวัตถุประสงคใ์ นแตล่ ะกจิ กรรมและกาหนด เกณฑ์การผา่ นการประเมนิ ดังน้ี 2.1 เกณฑ์การตัดสินผลการประเมนิ รายกิจกรรม เกณฑ์การประเมนิ ความหมาย ผา่ น ผ้เู รียนมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมร้อยละ 80 ของเวลาเรียน และปฏิบตั กิ จิ กรรมโดยมี ผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะตามเกณฑข์ องแต่ละกิจกรรม ไม่ผ่าน ผู้เรยี นมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมไมค่ รบร้อยละ 80 ของเวลาเรยี น หรือไม่ปฏิบัติ กิจกรรม หรอื ไม่มีผลงาน/ช้นิ งาน/คณุ ลักษณะตามเกณฑ์ของแตล่ ะกิจกรรม 2.2 เกณฑ์การตัดสนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนรายภาค เกณฑ์การประเมิน ความหมาย ผ่าน ผ้เู รียนมผี ลการประเมินระดับ ผ่าน ในกจิ กรรมสาคญั ทัง้ 3 กจิ กรรม คือ กิจกรรม แนะแนว กจิ กรรมนกั เรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ไมผ่ ่าน ผเู้ รียนมผี ลการประเมนิ ระดบั ไม่ผา่ น ในกิจกรรมกจิ กรรมหนึ่งจาก 3 กิจกรรม คือ กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนักเรยี น และกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ เกณฑก์ ำรจบกำรศึกษำ เกณฑ์กำรจบระดับมธั ยมศึกษำตอนตน้ 1. ผู้เรียนเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานและรายวชิ าเพิม่ เติม ไม่เกนิ 81 หน่วยกติ โดยเป็นรายวชิ าพนื้ ฐาน จานวน 66 หน่วยกติ และรายวิชาเพ่ิมเติมตามทโี่ รงเรยี นกาหนด 2. ผเู้ รยี นต้องไดห้ น่วยกิต ตลอดหลกั สตู รไม่นอ้ ยกว่า 77 หนว่ ยกติ โดยเปน็ รายวชิ า พืน้ ฐาน 66 หนว่ ยกิต และรายวิชาเพิม่ เติมไมน่ ้อยกว่า 11 หน่วยกิต 3. ผู้เรียนตอ้ งมผี ลการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ระดบั “ผ่าน” ขึน้ ไป 4. ผเู้ รยี นต้องมีผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ผา่ น” ขึ้นไป 5. ผเู้ รียนตอ้ งเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน และไดร้ ับการตดั สินผลการเรียน “ ผ่าน” ทุกกิจกรรม

เกณฑ์กำรจบระดบั มัธยมศึกษำตอนปลำย 1. ผ้เู รยี นเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและรายวชิ าเพิ่มเติม ไม่น้อยกวา่ 81 หนว่ ยกติ โดยเปน็ รายวิชา พ้นื ฐานจานวน 41 หนว่ ยกิต และรายวิชาเพิ่มเติมตามที่โรงเรียนกาหนด 2. ผเู้ รยี นต้องได้หนว่ ยการเรียนตลอดหลกั สูตรไมน่ ้อยกว่า 77 หน่วยกิต เป็นรายวชิ าพ้นื ฐาน 41 หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพ่มิ เติมไมน่ ้อยกว่า 36 หนว่ ยกิต 3. ผ้เู รียนต้องมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ระดับ “ผา่ น” ขึ้นไป 4. ผเู้ รียนต้องมีผลการประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไป 5. ผเู้ รยี นตอ้ งเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น และได้รับการตดั สินผลการเรียน “ ผา่ น” ทุกกจิ กรรม กำหนดเวลำเรยี น 1. เวลาเรยี นของนักเรียนระดับชนั้ มธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดับชัน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ใชเ้ วลา เรียนตลอด 3 ปี แตล่ ะปีการศึกษา แบ่งเวลาเรยี นเป็น 2 ภาคเรียน ภาคเรียนละ 20 สัปดาห์ 2. นักเรียนทกุ คนตอ้ งมาเขา้ แถวทากจิ กรรมหนา้ เสาธงในแตล่ ะวนั ต้งั แต่เวลา 07.40 น. และเลกิ เรยี นเวลา 15.30 น. 3. การเรียนในหนง่ึ สัปดาห์เปิดเรยี น 5 วัน คอื วนั จนั ทร์ – วนั ศุกร์ โดยกาหนดเวลาเรียนใน แต่ละวันของนักเรียนระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ (ม.1-3) และระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) ดังน้ี ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษำตอนต้น (ม.1-3) ระดับชั้นมธั ยมศึกษำตอนปลำย (ม.4-6) เวลำ ช่วั โมงเรียนที่ เวลำ ชวั่ โมงเรียนท่ี 08.30 น. – 09.20 น. 1(50 นาท)ี 08.30 น. – 09.20 น. 1(50 นาที) 09.20 น. – 10.10 น. 2(50 นาท)ี 09.20 น. – 10.10 น. 2(50 นาที) 10.20น. – 11.10 น. 3(50 นาท)ี 10.20น. – 11.10 น. 3(50 นาที) 11.10น. – 12.00 น. 4(50 นาท)ี 11.10น. – 12.00 น. 4(50 นาท)ี พกั รับประทานอาหารกลางวนั 12.00น. – 12.50 น. 5(50 นาท)ี 12.00น. – 12.50 น. 5(50 นาท)ี 12.50น. – 13.40น. 6(50 นาที) 12.50น. – 13.40น. พักรับประทานอาหารกลางวัน 13.50 น. – 14.40น. 7(50 นาที) 13.50 น. – 14.40น. 14.40 น. – 15.30น. 8(50 นาที) 14.40 น. – 15.30น. 6(50 นาที) 7(50 นาที) 8(50 นาที)

หมำยเหตุ ชั่วโมงเรียนท่ี 8 - วนั พุธ ม. 1 - ม. 3 เรียนกิจกรรมลูกเสอื - เนตรนารี - วันพฤหสั บดี เรียนกจิ กรรมชุมนุม - วันศุกร์ ประชุมระดับชนั้ (ม. 1- ม. 6) / กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ แผนการเรียนระดับช้ันมธั ยมศกึ ษำตอนตน้ (ม.1- ม.3) ปีกำรศึกษำ 2565 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีที่ ห้องเรียนที่ แผนกำรเรยี น 1 1-4 เนน้ คณติ ศาสตร์ - วิทยาศาสตร์ 5-7 เนน้ ภาษาอังกฤษ 8-10 แผนการเรียนทว่ั ไป 2 1-4 เนน้ คณิตศาสตร์ - วิทยาศาสตร์ 5-7 เนน้ ภาษาอังกฤษ 8-10 แผนการเรยี นทัว่ ไป 3 1-4 เน้นคณติ ศาสตร์ - วิทยาศาสตร์ 5-7 เนน้ ภาษาองั กฤษ 8-10 แผนการเรยี นทวั่ ไป

แผนกำรเรยี นระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษำตอนปลำย (ม.4 - ม.6) ปีกำรศึกษำ 2565 ช้ันมธั ยมศึกษำปีท่ี ห้องเรยี นที่ แผนกำรเรยี น 4 1-4 วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ 5-6 ศลิ ป์ – คานวณ 5 7-8 ศิลป์ – ภาษา 9 ภาษาญ่ปี ่นุ -เกาหลี 6 10 ภาษาจีน 1-5 วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ 6 ศิลป์ – คานวณ 7-8 ศลิ ป์ – ภาษา 9 ภาษาญีป่ ุ่น 10 ภาษาจนี 1-5 วทิ ยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์ 6 ศลิ ป์ – คานวณ 7-8 ศิลป์ – ภาษา 9 ภาษาญี่ป่นุ 10 ภาษาจนี โครงสรำ้ งหลกั สตู รโรงเรียนบำงละมุง ประจำปีกำรศึกษำ 2565 นักเรียนระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ นักเรยี นระดับชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook