โรคสตั ว์ส่คู น (ZOONOSES) มีบทบาทสาคญั ตอ่ มนษุ ย์และสตั ว์ ตราบใดที่เรายงั มีการคลกุ คลีกบั สตั ว์เลีย้ ง เช่น สนุ ขั แมว นก ปลา และสตั ว์ทดลองตา่ งๆ หรือพวกสตั ว์เศรษฐกิจ เชน่ ววั ควายม้า สุกร เป็ ด ไก่ โอกาสติดโรคระบายกันจะมีอยู่ตลอดเวลา บางชนิดจะแพร่กระจายในหมู่สตั ว์ด้วยกนั แตบ่ างชนิดก็แพร่กระจายมาส่คู นได้ไม่ว่าจะเป็ นทางผิวหนงั บาดแผล, การกิน และการหายใจโรคต่างๆ เหล่านีจ้ ึงเป็ นปัญหาตอ่ วงการสาธารณสุขของบ้านเรา ที่ชดั เจนคือโรคพิษสุนขั บ้า (Rabies)โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) ซึ่งจดั อยู่ใน 19 โรคติดต่อทางสาธารณสุข ส่วนในสตั ว์ก็จดั อยู่ในกลุ่มโรคตดิ ตอ่ ในพระราชบญั ญตั สิ ตั ว์ด้วย เอกสารประกอบการบรรยายกระบวนวิชา Clin.Microb 401 คณะเทคนิคการแพทย์นีเ้รียบเรียงจากข้อมลู โรคสตั ว์ส่คู น ซึ่งได้มาจากสถานที่ราชการหลายแห่ง สถานศึกษาท่ีต้องอาศยั การค้นคว้าจากเอกสารตาราจากตา่ งประเทศ หรือเอกสารอ้างองิ ของผ้ทู รงคณุ วฒุ ิที่มีความเชี่ยวชาญด้านนีโ้ ดยตรง เป็ นข้อมลู จากคณะแพทยศาสตร์ ศริ ิราชพยาบาล กรมปศสุ ตั ว์ กองระบาดวิทยา กรมควบคมุ โรคกระทรวงสาธารณสขุ และหวั ข้อมลู เพิม่ เตมิ จากเอกสารอ้างองิ ดงั นี ้Refrence D.L.Croghan, Ira M.G.Gourley.G.L. Von Hoosier, Lr.,William R.Snifer.Current Veterinary Therapy 4, 650,611,663,666 Lecture notes of Zoonoses of Medical Importance (SIMI 603) คณะแพทยศาสตร์ ศริ ิราชพยาบาล, 1982 ศ. เชือ้ วอ่ งสงสาร คมู่ ือบาบดั โรคสตั ว์ โรคตดิ ตอ่ ในพระราชบญั ญตั ิ เอกสารจากสานกั โรคตดิ ตอ่ ทว่ั ไป กรมควบคมุ โรคตดิ ตอ่ กระทรวงสาธารณสขุ เอกสารจากสถานเสาวภา สภากาชาไทย ข้อมลู จากกรมปศสุ ตั ว์ เก่ียวกบั การควบคมุ โรคแอนแทรกซ์ Goedon, L.E. Control of Communicable Discases in man. สตั วแพทย์หญิงทศั นีย์ ไหลมา สิงหาคม 2531
ZOONOSESเอกสารประกอบการสอนกระบวนวิชา Clin. Microb. 401สตั วแพทย์หญิงทศั นีย์ ไหลมาหนว่ ยสตั ว์ทดลอง คณะแพทยศาสตร์ มช.คานิยาม เดิมคานิยามของ Zoonoses หมายถึงโรคติดต่อจากสัตว์เลีย้ งมาสู่คน ต่อมาภายหลังผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกได้ให้คาจากัดความของ ZOONOSES ว่า หมายถึง Thosediseases and infection which are naturally transmitted between vertebrate animals andman. (โรคทงั้ หลาย และการตดิ เชือ้ ท่ีมีการตดิ ตอ่ ตามธรรมชาตริ ะหว่างสตั ว์มีกระดกู สนั หลงั และคน) กล่าวโดยสรุป ZOONOSES หมายถึงโรคติดตอ่ ระหว่างคนและสตั ว์ท่ีมีกระดกู สนั หลงั อื่นๆ ทงั้สตั ว์เลีย้ งและสตั ว์ป่ า การติดตอ่ อาจติดตอ่ จากสตั ว์มายงั คน หรือจากคนไปยงั สตั ว์ก็ได้ แตก่ ารตดิ ต่อนนั้ ต้องเป็นไปโดยธรรมชาติการตดิ ตอ่ จากสตั ว์ไปสคู่ น การตดิ เชือ้ โรคจากสตั ว์มาส่คู นนนั้ เกิดขนึ ้ ได้หลายทาง พอจะยกตวั อยา่ งได้ดงั นี ้ 1. โดยการสมั ผสั กบั สตั ว์ป่ วยโดยตรง เช่น โรค Leptospirosis ที่เกิดจากเชือ้ Leptospira เชือ้ นีจ้ ะไชเข้าสรู่ ่างกายคนจากบาดแผลทางผิวหนงั ได้ 2. โดยการกิน จะเป็นการกินเนือ้ , อวยั วะบางสว่ นซง่ึ ผลิตภณั ฑ์ท่ีได้จากสตั ว์ท่ีเป็ นโรค เชน่ กิน เนือ้ สตั ว์ท่ีเป็ นโรค Trichinosis ที่มีตวั อ่อนของพยาธิในกล้ามเนือ้ หรือกินเนือ้ สตั ว์ที่เป็ นโรค Anthrax หรือด่มื นมจากแมว่ วั ท่ีป่ วยเป็นวณั โรค เป็นต้น 3. โดยการหายใจเอาเชือ้ หรือ spore ของเชือ้ ท่ีเป็ นสาเหตุของโรค เช่น โรค Anthrax, Cryptococcosis, Aspergillosis เป็นต้น 4. โดยการถกู แมลงท่ีเป็ นพาหะของโรคกดั เชน่ ยงุ ที่นาเชือ้ Japanese encephalitis หมดั หนนู าเชือ้ กาฬโรคไปสคู่ น 5. โดยการถกู สตั ว์ที่เป็นโรคกดั เชน่ โรคพษิ สนุ ขั บ้า เชือ้ จะอยใู่ นนา้ ลายของสนุ ขั ที่เป็ นโรคพิษ สนุ ขั บ้า และเชือ้ จะเข้าทางบาดแผลท่ีถกู กดั นนั้ เป็ นต้นการจาแนกโรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งสตั ว์และคน การจาแนกกล่มุ ของโรคทาได้หลายแบบ เชน่ การจาแนกตามแบบแผนของวงจรชีวิตของเชือ้โรค การจาแนกตามธรรมชาตขิ อง host ท่ีเป็น reservoir ของโรค เป็นต้น
ในที่นี ้ จะจาแนกกลมุ่ ของโรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งสตั ว์ และคน ตามชนิดของเชือ้ ท่ีทาให้เกิดโรค ซึง่พอจะแยกได้ดงั นี ้ ก. โรคท่ีเกิดจากเชือ้ แบคทีเรีย เช่น Anthrax, Brucellosis, Leptospirosis, Plague, Melliodiosis, glanders, Clostridial food poisoning, Vibrio parahaemolyticus, food-born infection, Salmonellosis, Shigellosis and E.coli infection, Staphy lococcus food poisoning, Tuberculosis, Listeriosis, Erysipelothrix infection and Campy lobacteriosis เป็นต้น ข. โรคที่เกิดจากเชือ้ ไวรัส เชน่ Rabies, Japanese encephalitis, Food and Mouth disease เป็นต้น ค. โรคที่เกิดจากเชือ้ รา เช่น Aspergillosis, Cryptococcosis, Histoplasmosis, Dermatophytosis เป็นต้น ง. โรคท่ีเกิดจากปาราสิต เช่น Trichinosis, Filariasis, Angiostrongyliasis, Gnathostomiasis, Thelajiasis, Opisthorchiasis, Fasciolopsiasis, Schistosomiasis, Paragonimiasis, Tacniasis and Cysticercosis, Toxoplasmosis เป็ นต้นการควบคมุ โรค Zoonoses 1. หลีกเลี่ยงการสมั ผสั กบั สตั ว์ป่ วย หรือผลติ ภณั ฑ์จากสตั ว์ป่ วย 2. กาจดั หรือทาลายซากสตั ว์ป่ วย เชน่ การฝังดนิ ลกึ ๆ หรือเผาทาลาย 3. ควบคมุ กาจดั พาหะของโรค 4. ฉีดวคั ซีนให้กบั สตั ว์เพ่ือป้ องกนั การระบาดของโรค และฉีดวคั ซีนให้กบั บคุ คลท่ีมีอตั ราเสี่ยง ตอ่ การเป็นโรคสงู 5. ทาลายเชือ้ ท่ีมีอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ได้ จากสัตว์ เช่น นมที่ด่ืมต้ องผ่านการฆ่าเชือ้ (Pasteurization) หรือถ้าเป็นเนือ้ สตั ว์ เคร่ืองใน ก็ควรทาให้สขุ ก่อน 6. เมื่อมีการระบาดของโรคต้องรีบรายงานเจ้าหน้าท่ีที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ของกรมปศุ สตั ว์ และเจ้าหน้าท่ีสาธารณสขุ เป็นต้นโรคที่เกิดจากเชือ้ แบคทีเรีย โรคติดต่อระหว่างสัตว์กับคนเน่ืองจากสาเหตกุ ารติดเชือ้ แบคทีเรียนัน้ มีมากมาย ในท่ีนีจ้ ะกลา่ วถึงเฉพาะโรคท่ีพบบอ่ ยในประเทศไทย ท่ีมีผลต่อเศรษฐกิจ และก่อปัญหาสาธารณสขุ ในบ้านเราเทา่ นนั้
1. โรคแอนแทรกซ์ (ANTHRAX) โรคแอนแทรกซ์ ชาวบ้านเรียกว่า โรคกาลี เป็ นโรคระบาดในสตั ว์เลีย้ งและคนในประเทศไทยปัจจบุ นั โรคนีเ้ป็ นโรคระบาดท่ีเกิดขนึ ้ อยปู่ ระปราย โดยเกิดทงั้ ในสตั ว์และในคน และจะพบว่าเกิดซา้ ในท้องที่เดมิ ท่ีเคยมีรายงานโรคมากอ่ นเสมอสาเหตุ โรคนีเ้กิดจากเชือ้ แบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า “บาซิลสั แอนทราซิส” (Bacillus anthracis) มีรูปร่างslender rod shape ติดสี Gram positive เชือ้ นีเ้มื่ออยนู่ อกร่างกายสตั ว์จะฟอร์มสปอร์ ซึง่ สปอร์นี ้จะทนตอ่ ความร้อนความแห้งแล้งได้ดี และสามารถมีชีวติ อยใู่ นดนิ ได้นาน 10-20 ปีการตดิ ตอ่ คนตดิ ตอ่ โรคจากสตั ว์ได้โดย 1. โดยการสมั ผสั โดยตรงกบั สตั ว์ป่ วยหรือสมั ผสั กบั ผลิตภณั ฑ์สตั ว์ที่ได้มาจากสตั ว์ป่ วย เช่น บคุ คลท่ีมีอาชีพชาแหละเนือ้ สตั วแพทย์ หรือ ผ้ใู กล้ชดิ กบั สตั ว์ป่ วย 2. โดยคนกินเนือ้ สตั ว์ป่ วยที่เป็นโรคเข้าไป 3. โดยการหายใจเอาสปอร์ของเชือ้ เข้าไปอาการ สาหรับอาการของโรคนี ้ ในคน สามารถแบง่ ตามลกั ษณะของการได้รับเชือ้ เข้าไปดงั นี ้ 1. อาการท่ีเกิดตามผวิ หนงั (Cutaneous anthrax) จะพบได้บ่อยท่ีบริเวณผิวหนงั ท่ีได้รับเชือ้ เข้าไป โดยปกติวิการของโรค (Lesion) จะเกิดขึน้ ท่ีผิวหนงั ไม่เกิน 2 วนั หลงั จากได้รับเชือ้ เข้าไป อาการเร่ิมแรกจะมีลกั ษณะเป็ นตมุ่ แดง คนัคล้ายกบั ถกู แมลงกดั ตอ่ มาจะบวมและกลายเป็ นตมุ่ หนองมีนา้ ใสอยภู่ ายในตรงกลาง หลงั จากนนั้ เกิดลกั ษณะของเนือ้ ตาย (necrosis) เป็ นสีดามีอาการเจ็บเล็กน้อย ในระยะนีต้ อ่ มนา้ เหลืองท่ีอยบู่ ริเวณใกล้แผลจะมีอาการบวมอยา่ งเหน็ ได้ชดั ในรายที่มีอาการมากจะทาให้เกิดมีเชือ้ ในกระแสเลือด และมีอาการโลหิตเป็ นพิษ (toxaemia) สว่ นมาก มกั เกิดกบั บคุ คลท่ีทาการชาแหละเนือ้ สตั ว์ป่ วย เชน่ โค, กระบือ,สกุ ร โดยเชือ้ จะเข้าทางผิวหนงั ตรงบริเวณที่เป็นแผล รอยขีด หรือรอยแตกของผิวหนงั ในรายท่ีไมไ่ ด้รับการรักษา จะมีอตั ราการตายประมาณ 20% 2. อาการระบบหายใจ (Inhalation anthrax) เกิดขนึ ้ เนื่องจากหายใจเอาสปอร์ของเชือ้เข้าไป โดยสปอร์จะติดอยู่ตามฝ่ ุนละออง ขนสัตว์ หนังสัตว์ เม่ือสูดดมเข้าไปจะไปอยู่ในถุงลมตอ่ จากนนั้ จะเข้าไปยงั ตอ่ มนา้ เหลืองบริเวณหลอดลม และเข้าสู่ระบบหมนุ เวียนของโลหิต อตั ราการตายของผ้ปู ่ วยท่ีเป็นโรคแบบนีเ้กือบ 100% อาการของโรคที่เห็นพบว่าผ้ปู ่ วยจะมีไข้ ปวดตามกล้ามเนือ้ไอ อาการดงั กลา่ วคล้ายกบั ไข้หวดั ใหญ่ หรือ ปอดอกั เสบอยา่ งออ่ น ตอ่ มาจะหายในลาบาก มีนา้ ออกมา
ตามเยื่อเมือกและผิวหนงั มีสีเขียวคลา้ แสดงการขาดออกซิเจนในเลือด ผ้ปู ่ วยจะมีชีพจรและหายใจถี่กอ่ นตายเสมอ 3. อาการทางระบบลาไส้ (Intestinal anthrax) เกิดขนึ ้ เนื่องจากกินอาหารท่ีมีเชือ้ นีอ้ ย่เู ข้าไป เชน่ อาหารท่ีดบิ ๆ หรือไมส่ กุ ทาให้มีอาการท้องร่วงอยา่ งรุนแรง สว่ นใหญ่โรคนีม้ กั เกิดขนึ ้ ในช่วงฤดูร้ อน อาการในสตั ว์ จะเกิดกับสัตว์เลีย้ งลูกด้วยนมทุกชนิด และจะเป็ นชนิดเฉียบพลัน คือสัตว์จะมีไข้ และตายอาการอื่นมีบวมท่ีคอ ไหล่ บริเวณอก ปาก และจมกู แห้ง หายใจเร็ว ไข้สูง ขาสนั่ ชกั และเกร็งเป็ นระยะๆ เยื่อหุ้มตาอกั เสบ อาการที่พบในโรคนีส้ ่วนมากจะมีอาการบวมตามบริเวณคอหอย หายใจลาบาก เลือดออกตามช่องเปิ ดตา่ งๆ และเป็ นเลือดท่ีไมม่ ีการแข็งตวั สตั ว์ที่ตายจะเกิด ferment เร็วมากการวนิ จิ ฉยั โรค โดยการแยกเชือ้ ที่ผิวหนงั นามาย้อมสี gram หรือสี giemsa หรือนาไปเพาะเลีย้ งตอ่ สาหรับการนาเลือดมาเพาะเชือ้ จะทาได้ในระยะปลายของโรค หรือระยะท่ีสตั ว์ใกล้ตาย จะได้ผลดีกว่า เพราะเชือ้ นีจ้ ะถกู ทาลายเร็วในขบวนการเนา่ เปื่ อย ในกรณีที่การเพาะเลีย้ งเชือ้ ไมไ่ ด้ผลควรใช้การฉีดเข้าหนู mice หรือหนตู ะเภา ถ้าเราอยากให้สตั ว์ตายช้าอาจใช้ ตวั อย่าง (specimen) ท่ีได้ นามาขดู บนผิวหนงั วิธีนีจ้ ะทาให้การวินิจฉัยโรคแนน่ อนกวา่ เพราะถ้าเราฉีดในสตั ว์ทดลองสตั ว์ท่ีตายเร็วอาจเนื่องมาจากเชือ้ Clostridium ก็ได้การควบคมุ โรค 1. โดยการฉีดวคั ซีนป้ องกนั โรคในสตั ว์เป็นประจาทกุ ปี 2. สตั ว์ที่ตายด้วยโรคนีห้ รือสงสยั ว่าตายด้วยโรคนีใ้ ห้ฝังหรือเผา ห้ามชาแหละอย่างเดด็ ขาด วิธีการนีจ้ ะควบคมุ มใิ ห้โรคแพร่กระจายออกไปได้ดี อยา่ งไรก็ตามปัญหาที่พบก็คือ การให้ภมู ิค้มุ กนั โรคแกส่ ตั ว์ ควรใช้วคั ซีนท่ีไมไ่ ด้เตรียมมาจากสปอร์ แต่ควรใช้วัคซีนเชือ้ ตาย ซึ่งจะทาให้มีภูมิคุ้มโรคอยู่ได้นานเมื่อเปรียบเทียบกับสปอร์วัคซีนวธิ ีการนี ้ จะทาให้การควบคมุ โรคแอนแทรกซ์ในสตั ว์เลีย้ งได้ผลดี 2. โรควณั โรค (TUBERCULOSIS) เป็นโรคติดตอ่ ที่สาคญั ของสตั ว์เลือดอ่นุ สามารถตดิ ตอ่ กนั ได้ระหวา่ งคนกบั สตั ว์ และสตั ว์กบัคน
สาเหตุ วณั โรคมีสาเหตจุ ากเชือ้ แบคทีเรียท่ีมีช่ือว่า ไมโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คโู รซีส (M.tuberculosis)รูปร่างเป็น slender rod shape ย้อมด้วยสี acid – fast ตดิ สีแดงการตดิ ตอ่ 1. โดยการสมั ผสั กนั โดยตรงระหวา่ งสตั ว์เป็นโรคกบั คน 2. โดยการหายใจเอาเชือ้ โรคที่อยใู่ นอากาศเข้าไป 3. โดยการกินนา้ นมจากสตั ว์ที่เป็นโรคเข้าไป เชน่ นา้ นมโคที่เป็นวณั โรค 4. โดยการกินเนือ้ สตั ว์ท่ีเป็นโรคเข้าไป การติดวณั โรคในคนส่วนใหญ่ติดจากโคท่ีเป็ นโรคมากว่าสัตว์ชนิดอ่ืน เช่น สนุ ัข แมว แพะแกะ สกุ ร ม้า กวาง ลิง เป็นต้นอาการ ในคน สว่ นใหญ่พบเป็ นวณั โรคท่ีปอดมากที่สดุ เมื่อเปรียบเทียบกบั ท่ีอ่ืน เน่ืองจากทาให้เชือ้แพร่และระบาดไปสผู่ ้อู ่ืนงา่ ย อาการสว่ นใหญ่เป็นแบบเรือ้ รัง ไมแ่ สดงอาการของโรคออกมาให้เห็น และบางรายอาจหายเองได้ อาการที่เห็นเดน่ ชดั มีไอ ออ่ นเพลีย หมดแรง มีไข้ นา้ หนกั ลด ตอนกลางคืน มีเหง่ือออก เจ็บหน้าอก ตอ่ มามีเลือดออกทางจมกู หรือไอออกมามีเลือดปน อาการดงั กล่าวอาจไมพ่ บในระยะแรก แตใ่ นระยะที่โรคไปไกลอาการจะแสดงออกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในแหล่งที่มีโรค ผอมแห้งเรือ้ รังที่มีสาเหตมุ าจากโรคอื่น ดงั นนั้ การวินิจฉัยโรคนี ้ จงึ ควรแยกกบั โรคทางเดินระบบหายใจอื่นๆออกเช่น โรคปอดบวม หลอดลมอกั เสบเรือ้ รัง เป็ นต้น การวินิจฉัยท่ีดีท่ีสุดก็โดยการแยกเชือ้ ซึ่งบางครัง้ ต้องทาหลายๆ ครัง้ เพราะการแยกเชือ้ ครัง้ แรกอาจไมพ่ บ สาหรับวณั โรคที่เกิดขนึ ้ ในอวยั วะอื่นๆก็มีที่ตบั ม้าม ไต กระดกู เยื่อห้มุ สมอง อณั ฑะ ลาไส้ รังไข่ เป็ นต้น วณั โรคจากโคที่ติดมายังคนสว่ นใหญ่อาการในคนจะพบเกิดขึน้ ท่ีตอ่ มนา้ เหลืองที่คอ อวยั วะท่ีอย่ใู นชอ่ งท้อง และจะพบในเด็กเป็ นส่วนใหญ่ ทงั้ นีเ้ นื่องจากวณั โรคติดต่อได้ โดยการดื่มนา้ นมโคที่เป็ นโรค นอกจากนีย้ งั พบว่าสามารถตดิ ตอ่ ได้ โดยการหายใจเอาเชือ้ เข้าไป และจะพบอาการเกิดขนึ ้ ท่ีปอด อาการในสตั ว์ สตั ว์มกั ไม่คอ่ ยแสดงอาการให้เห็นเด่นชดั เพราะสตั ว์ที่ป่ วยจะไม่ได้เป็ นวณั โรคปอดเหมือนในคน แตจ่ ะเป็นท่ีตบั ม้าม ไต ลาไส้ สตั ว์ที่เป็นวณั โรคได้งา่ ยคอื โค ม้า สกุ ร ลิง สว่ นสนุ ขั และแมว มีความต้านทานตอ่ วณั โรคสงูการวนิ จิ ฉยั โรค โดยการสังเกตจากอาการท่ีแสดงออก แต่พบว่าสังเกตยาก แม้กระทงั่ การทดสอบที่ผิวหนงัหรือการตรวจทางนา้ เหลืองวิทยาก็แยกลาบากมาก แตใ่ นปัจจบุ นั มีการทดสอบทางชีวเคมีซึ่งช่วยได้มากในการวนิ ิจฉยั โรคนี ้
การควบคมุ ป้ องกนั โรค 1. ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนและบุคคลท่ีคลกุ คลีกับสัตว์ที่เสี่ยงต่อการเป็ นโรคนี ้ โดยให้ทราบว่าวัณโรคอาจติดต่อจากคนไปสู่คนหรือจากสัตว์ไปสู่คน หรือจากผลิตภัณฑ์สัตว์สู่คน และอนั ตรายท่ีได้รับจากโรคนี ้ตลอดจนการป้ องกนั ตวั เองจากโรค 2. ป้ องกนั ตวั เองไมใ่ ห้ตดิ โรคโดยการปฏิบตั ใิ ห้ถูกสขุ วิทยา และการสขุ าภิบาล เชน่ การกินนา้ นมที่ต้ม นา้ นมควรผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ ผ้ทู ี่ทางานกบั สตั ว์ทดลองควรมีเคร่ืองป้ องกนั การตดิ ตอ่เชือ้ และควรทาความสะอาดโรงเรือนสตั ว์ให้ถกู หลกั เชน่ ใช้นา้ ยาฆา่ เชือ้ 3. การสร้างภมู ิค้มุ กนั โดยให้วคั ซีน (B.C.G.) ป้ องกนั โรคในคน 4. รักษาผ้ปู ่ วยให้หาย 5. ควรทาการควบคมุ สตั ว์ท่ีเป็นวณั โรคโดยการแยกและทาลายสตั ว์ 6. สตั ว์ที่ฆา่ ใช้เนือ้ เป็นอาหารควรผา่ นการตรวจเนือ้ จากสตั วแพทย์ 7. ผลติ ภณั ฑ์สตั ว์ อาการสตั ว์ ควรผา่ นวธิ ีการฆา่ เชือ้ มากอ่ นแล้ว 3. โรคแท้งตดิ ตอ่ (BRUCELLOSIS)สาเหตุ เกิดจากเชือ้ แบคทีเรียท่ีมีช่ือว่า บูลเซลล่า ซึ่งมี 3 ชนิดด้วยกัน คือบูลเซลล่าอะบอตัส(Brucella aboryus), บลู เซลลา่ ซุยส์ (Brucella suis), บลู เซลลา่ เมลลเิ ทนซีส (Brucella melitensis)การตดิ ตอ่ 1. โดยการกินเอาเชือ้ เข้าไป ส่วนใหญ่พบว่า โดยการกินนา้ นมจากโคท่ีเป็ นโรคนีเ้ ข้าไปและนา้ นมไมไ่ ด้ผา่ นการพาสเจอร์ไรซ์เสียกอ่ น หรือการกินเนือ้ สตั ว์ที่เป็นโรคนีเ้ข้าไป 2. โดยการสมั ผสั พบวา่ เชือ้ นีส้ ามารถผ่านเข้าทางผิวหนงั ได้ โดยเฉพาะผิวหนงั ท่ีมีรอยขีดขว่ น ดงั นนั้ เชือ้ นีอ้ าจส่ผู ิวหนงั คนได้โดยการสมั ผสั กบั ส่ิงขบั ถ่าย, มลู สตั ว์, รก, ปัสสาวะ, ซากสตั ว์ที่เป็ นโรค หรืออาจตดิ โรคจากการทาคลอดสตั ว์, ล้วงรกหรือชว่ ยสตั ว์ขณะแท้ง 3. ตดิ ตอ่ ได้โดยการหายใจเอาเชือ้ เข้าไป สว่ นใหญ่พบในคนท่ีทางานในโรงงานฆา่ สตั ว์ ซึง่มีระบบการถ่ายเทอากาศไมด่ ีอาการ อาการของโรคแท้งตดิ ตอ่ ในคน แบง่ ออกเป็น 2 ชนิด 1. อาการแบบเฉียบพลนั อาการแบบนีม้ ีระยะฟักตวั ของโรคประมาณ 1-9 สปั ดาห์ หรืออาจเกิดนานเป็ นเดือนหรือปี ก็ได้เร่ิมด้วยมีอาการไข้หนาวสนั่ เหง่ือออกโดยเฉพาะตอนกลางคืน เบื่ออาหาร นา้ หนกั ลด ปวดหวั ปวดตามข้อ ปวดกล้ามเนือ้ สาหรับอาการไข้นนั้ จะมีอาการไข้ขนึ ้ ๆ ลงๆ เชน่ อาจมีไข้สงู 4-5 วนั แล้วลดลง
สปู่ กติ 3-4 วนั ก็เป็ นอีก ซึง่ อาการดงั กลา่ วนีจ้ ะเป็ นลกั ษณะเฉพาะโรคนี ้ นอกจากนีพ้ บวา่ ตบั โต, ม้ามโต, ตอ่ มนา้ เหลืองโต ถ้าไม่ได้รับการรักษา โรคอาจหายได้เองภายใน 1-3 เดือน แตถ่ ้าได้รับการรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะทนั ที จะหายเร็วกวา่ ปกติ 2. อาการแบบเรือ้ รัง อาการเกิดขนึ ้ เอง หรือเกิดตามหลงั แบบเฉียดพลนั อาการท่ีพบบอ่ ยคือ ปวดหวั ปวดกล้ามเนือ้ปวดหลงั ปวดตามข้อ แตไ่ มม่ ีอาการอกั เสบ อาจมีอาการทางประสาทร่วมด้วย อาการในสตั ว์ มีการอกั เสบของอวัยวะสืบพนั ธ์ุ และเยื่อหุ้มตวั ลกู สตั ว์ มีอาการแท้งลูก หรือเป็ นหมนั นา้ นมลดลงอยา่ งมาก จะเกิดการสญู เสียโดยเฉพาะธุรกิจโคนมการวินจิ ฉยั การวินิจฉัยโรคนี ้ ท่ีแน่นอนอาจทาได้โดยการแยกเชือ้ จากผ้ปู ่ วย ซึ่งทายาก เพราะเชือ้ อย่ใู นกระแสโลหิตมกั ไม่แน่นอน และไม่สม่าเสมอ นอกจากนีย้ งั สามารถทดสอบได้ โดยการใช้ซีร่ัม Serumagglutination ในรายท่ีให้ titer 1:320 อาจสงสยั ว่าเป็ นโรคนี ้ อยา่ งไรก็ตามการตรวจ Agglutininsนนั้ ไม่จาเป็ นเสมอไปวา่ บคุ คลนนั้ จะต้องเป็ นโรคนี ้เพราะในบางรายตรวจพบว่ามี titer ต่าซึ่งจะเป็ นในผ้ปู ่ วยท่ีตดิ เชือ้ นีก้ ็ได้ แตเ่ ป็ นผ้ปู ่ วยที่อยใู่ นระยะเรือ้ รัง การทดสอบทางผิวหนงั (skin test) จะให้ผลไม่แนน่ อนสาหรับการวินิจฉยั โรคนี ้การป้ องกนั และควบคมุ ปกติโรคนี ้ เป็ นโรคระบาดระหว่างสัตว์ด้วยกัน คนเป็ นโรคได้โดยได้รับเชื อ้ จากสัตว์หรือผลติ ภณั ฑ์สตั ว์ ดงั นนั้ คนจงึ เป็ นคนสดุ ท้ายที่ไม่แพร่เชือ้ กระจายระหวา่ งคนด้วยกนั การป้ องกนั ควบคมุจงึ เน้นเฉพาะสตั ว์คือ 1. ทาการตรวจสอบโรคนีท้ กุ ปี และระมดั ระวงั เร่ืองการเคล่ือนย้ายสตั ว์ 2. สร้างภมู ิค้มุ กนั โรคให้กบั สตั ว์ โดยการทาวคั ซีนในลกู สตั ว์เพศเมีย อายุ 3-8 เดือน 3. จดั การด้านสขุ าภิบาลให้ถกู ต้อง โดยเฉพาะการกาจดั เชือ้ ในบริเวณสตั ว์ที่เป็ นโรค 4. ให้ความรู้แก่บคุ คลต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องถึงอนั ตรายของโรคนี ้และการติดตอ่ รวมทงั้ การใช้ยา ฆา่ เชือ้ โรคด้วย 5. ทาการเฝ้ าระวงั โรค และรายงานโรคโดยเร็วท่ีสดุ ถ้าพบวา่ มีโรคนีอ้ ยู่ 4. โรคบาดทะยกั (TETANUS)สาเหตุ เกิดจากเชือ้ แบคทีเรียท่ีมีช่ือวา่ คลอสตเิ ดี่ยม เตทตาไน (Clostridium tetani) เชือ้ นีม้ ีลกั ษณะเหมือนไม้ตกี ลอง และเป็นแบคทีเรียที่ไมต่ ้องการออกซิเจน
การตดิ ตอ่ การตดิ ตอ่ ของโรค เกิดจากสปอร์ของเชือ้ เข้าทางบาดแผลท่ีผิวหนงั เช่น แผลท่ีถกู ตาปตู าหรือไม้ตา ในบริเวณท่ีเลีย้ งม้า หรือในอจุ จาระม้าพบว่ามีเชือ้ นีอ้ ยู่ ดงั นนั้ คนท่ีดแู ลม้า หรือคลุกคลีกบั สตั ว์พวกนีจ้ ึงมีโอกาสที่จะเป็ นโรคนีไ้ ด้มากกว่าผู้อ่ืน นอกจากนีเ้ ชือ้ อาจเข้าทางช่องคลอด เน่ืองจากมีบาดแผลจากการขดู มดลกู หรือทาแท้งสปอร์ของเชือ้ ซง่ึ คงทนตอ่ นา้ ยาฆ่าเชือ้ เม่ือเข้าไปในบาดแผลแล้วจะเปล่ียนมาเป็ นรูปตวั เชือ้ (Vegetative form) จะปล่อย tetanolysin และ tetanospasmin ซ่ึงมีคณุ สมบตั ทิ าลายเม็ดเลือดและทาลายประสาทจงึ ทาให้เกิดอาการของโรคขนึ ้อาการ คนระยะฟักตวั ของโรคเฉลี่ย 2-3 วนั อาจนานหลายสปั ดาห์ก็ได้ อาการท่ีเห็นทว่ั ๆ ไป คือมีกล้ามเนือ้ กระตุก และลักษณะของกรามแข็ง หรืออ้าปากไม่ได้ หลังจากนัน้ จะมีอาการกระตุกของกล้ามเนือ้ คอ แขน ลาตัว และขา การกระตุกครัง้ แรกๆ อาจมีเป็ นระยะๆ และต่อไปจะกระตุกตลอดเวลา อาการกระตุกจะมากขึน้ ถ้ามีเสียงดงั หรือแสงสว่างมากกระตุ้น ในท่ีสุด ผู้ป่ วยจะตายเนื่องจากหายใจไม่ได้ทาให้ขาดออกซิเจน โรคนีม้ ีรายงานเป็ นในทารกคลอดใหม่ที่ตดั สายสะดือไม่สะอาด และใช้ยากลางบ้านใสแ่ ผล อาการในสตั ว์ มีอาการเหมือนในคน คือมีกล้ามเนือ้ กระตกุ ขาทงั้ ส่ีเหยียดตรง แข็ง กรามแข็ง อ้าปากไมไ่ ด้จะลงนอนเหยียดแข็งลกุ ขนึ ้ ไม่ได้ อาการกระตกุ จะมีมากขนึ ้ เรื่อยๆ และจะตายเน่ืองจากหายใจไม่ได้ทาให้ขาดออกซเิ จนการควบคมุ และป้ องกนั การป้ องกันท่ีดีคือให้ท๊อกซอยด์ (Toxoid) นอกจากนนั้ ควรให้ความรู้แก่ประชาชนทวั่ ๆ ไปเกี่ยวกบั เร่ืองการตดิ ตอ่ ของโรคนี ้และการรักษาความสะอาดเพ่ือป้ องกนั การตดิ โรคการรักษา ในระยะที่พบว่าเป็ นโรคนีม้ ากขึน้ การรักษาทาได้โดยการให้แอนตีท้ ๊อกซิน (Anti-toxin) ซึ่งเตรียมมาจากคน ซงึ่ จะให้ผลดกี วา่ การเตรียมจากม้า เพราะภาวะแทรกซ้อนและอาการแม้ไมค่ อ่ ยมี 5. โรคเลปโตสไปโรซีส (LEPTOSPIROSIS)สาเหตุ โรคนีเ้ กิดจากเชือ้ แลปโตสไปรา (Leptospira) ซึ่งมีหลาย species โรคนีเ้ ป็ นทงั้ ในคนและสัตว์ชนิดตา่ งๆ ได้มีผ้พู บวา่ ในหนบู ้านที่จบั ได้ พบมีเชือ้ อยทู่ ี่ไต และพบว่าเป็ น Host ท่ีสาคญั ของโรคนี ้ซึ่งพบทว่ั โลก ในปัจจบุ นั เชือ้ Leptospira แบง่ ออกเป็น 2 complex คอื 1. Interrogans complex ทาให้เกิดโรคทงั้ ในคนและในสตั ว์
2. Biflexa complex ไมท่ าให้เกิดโรค นอกจากนีพ้ บวา่ เชือ้ นีม้ ีหลาย Serotype ด้วยกนั ซึ่งมี Antigen ซา้ กนั จดั รวมเป็ น group ซึง่มีทงั้ หมด 18 serotypes ด้วยกนัการตดิ ตอ่ 1. โดยการไชเข้ าทางผิวหนังท่ีมีรอยแตกหรือขีดข่วน หรือเข้ าตามเย่ือชุ่ม (mucous membrane) 2. โดยการกินเชือ้ เข้าไป 3. โดยการสมั ผสั กนั โดยตรง จากปัสสาวะของสตั ว์ป่ วย โรคนีไ้ มต่ ดิ ตอ่ จากคนไปสคู่ นโดยตรง เคยมีรายงานพบเชือ้ นีอ้ ย่ใู นนา้ นมของแมโ่ ค แตก่ ็ยงั ไม่มีรายงานวา่ คนตดิ โรคนีจ้ ากการดืม่ นา้ นมอาการ ระยะฟักตวั ของเชือ้ โรคประมาณ 10-12 วนั โดยทว่ั ๆ ไปอย่รู ะหว่าง 2-30 วนั อาการท่ีพบในคนมีตงั้ แต่ไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น จนกระทงั่ ถึงขนั้ รุนแรงอย่างเฉียบพลนั และตายได้ อย่างไรก็ตามอาการท่ีพบเสมอ คือ มีไข้ ปวดหวั , ปวดตามกล้ามเนือ้ , คลื่นไส้, อาเจียน, ออ่ นเพลีย, บางครัง้ มีตาอกั เสบ, ดีซ่าน, โลหิตจาง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทาลาย, สมองอกั เสบ และไตทางานไม่ปกติอยา่ งไรก็ตามอาการที่แสดงออกมาของโรคนีแ้ ตกตา่ งกนั มาก ทงั้ นีข้ นึ ้ อยกู่ บั ความรุนแรงของเชือ้ อาการในสตั ว์ มีไข้ อาเจียน อ่อนเพลีย ปัสสาวะเป็ นเลือด มีเลือดปนออกมากบั นา้ นม ตวั เหลืองมีอาการดีซา่ น ในสนุ ขั จะมีการอกั เสบที่เย่ือชมุ่ ในปาก ตาเหลือง โลหิตจาง สตั ว์ท่ีตงั้ ท้องอยจู่ ะแท้งลกูการวินิจฉยั โดยการตรวจทางซีร่ัมและการเพาะเชือ้ ในรายท่ีสงสยั อาจทาได้โดย 1. ตรวจหาเชือ้ ในเลือด, ปัสสาวะ, ตามเนือ้ เย่ือตา่ งๆ ด้วยกล้องจลุ ทรรศน์ Darkfield หรือโดย วธิ ี Fluorescent antibody technique 2. โดยการเพาะเชือ้ จากเลือด, ปัสสาวะ, นา้ ไขสนั หลงั หรือจากเนือ้ เย่ือตา่ งๆ นอกจากนี ้อาจ ทาได้โดยการฉีดเข้าสตั ว์ทดลอง 3. ตรวจหา Antibody ในซีรั่ม โดยวิธี Agglutination test โดยเก็บซีร่ัมซา้ ๆ กนั โดยเก็บครัง้ แรก และควรเก็บหา่ งจากนนั้ อีก 7-9 วนั การทดสอบแบบนีบ้ อกได้วา่ เป็น Subgroup ใดการควบคมุ และป้ องกนั การควบคมุ จะให้โรคนีห้ มดไปทาได้ยาก ทงั้ นีเ้พราะมีสตั ว์ป่ าและสตั ว์เลีย้ งตา่ งๆ ท่ีเป็ นตวั กกั ตนุโรคอยู่ การที่จะป้ องกนั ไม่ให้คนได้รับเชือ้ จากโรคนี ้ ควรคานงึ ถึงการให้สขุ ศกึ ษาเกี่ยวกบั แหลง่ ที่ตดิ เชือ้มา โดยเฉพาะในกลมุ่ บคุ คลท่ีมีอาชีพเสี่ยงตอ่ การเป็ นโรค
6. โรคลสิ เตอริโอซีส (LISTERIOSIS)สาเหตุ เกิดจากเชือ้ Listeria monocytogenesการตดิ ตอ่ การตดิ ตอ่ ของโรคมีได้หลายทางคือ 1. ตดิ ตอ่ จากแมไ่ ปยงั ลกู (ทารก) ได้ 2. โดยการสัมผสั กันโดยตรงกับนา้ คร่า, รก และทารก โดยเฉพาะผู้ทาคลอด แพทย์ หรือ พยาบาล 3. มีรายงานการตดิ เชือ้ โดยเข้าทางลกู ตาทาให้เกิดตาอกั เสบ มีรายงานพบว่าสตั วแพทย์ที่ช่วยทาคลอด หรือการแท้งของสตั ว์ ได้รับเชือ้ โดยมีอาการเป็ นต่มุ หนองที่ผิวหนงั ตามมืออาการ ระยะฟักตวั ของโรคนีย้ งั ไมท่ ราบแนน่ อน อาจแบง่ ออกเป็น 1. เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ ผ้ปู ่ วยจะมีอาการอย่างเฉียบพลันโดยมีอาการปวดศรีษะ อยา่ งรุนแรง, วิงเวียน, ง่อนนอน, ตวั สนั่ , คอหลงั แข็ง, อาเจียน, หมดแรง, หนงั ตาเต้น 2. อาการท่ีแสดงออกในขณะตงั้ ครรภ์ ผ้ปู ่ วยจะมีอาการคล้ายเป็ นหวดั มีไข้หนาวสนั่ เจ็บคอ ปวดศรีษะ ปวดหลังส่วนล่าง มีอาการวิงเวียนเล็กน้อย ปัสสาวะสีดา ท้องเดิน อาการ ดงั กลา่ วอาจเกิดอยหู่ ลายวนั แล้วหายไป หลงั จากนนั้ ไม่นานมารดาจะรู้สึกว่าทารกไม่คอ่ ย ดนิ ้ หรือเคลื่อนไหว ในท่ีสุดจะเกิดอาการแท้ง หรือคลอดก่อนกาหนด ทารกที่คลอดตาย นา้ คร่ ามีสีผิดปกติ ในบางรายทารกออกมาจะมีอาการเฉียบพลันและตายด้ วย Septicemia บางรายทารกคลอดออกมาผิดปกติ หลงั คลอดประมาณ 3 อาทิตย์ จะแสดง อาการเย่ือห้มุ สมองอกั เสบอยา่ งเฉียบพลนั และตาย อาการในสตั ว์ มีอาการคอบดิ นา้ มกู ไหล หนงั ตาเต้น เดนิ วนเวียนไมม่ ีจดุ หมาย เป็ นอาการทางประสาทร่วมด้วย การวนิ จิ ฉยั โดยการแยกเชือ้ จากนา้ ไขสนั หลงั ในรายท่ีมีอาการเย่ือห้มุ สมองอกั เสบ แยกเชือ้ จากเลือดได้ในขณะท่ีผ้ปู ่ วยแสดงอาการ septicemia
7. โรคไฟลามทงุ่ (ERYSIPELAS)สาเหตุ เกิดจากเชือ้ Erysipelothrix rhusiopathiae หรือ E.insidiosa พบครัง้ แรกท่ีประเทศเยอรมนัการตดิ ตอ่ โรคนีต้ ดิ ตอ่ ได้โดยเชือ้ เข้าทางบาดแผล หรือรอยขีดขว่ นที่ผิวหนงัอาการ อาการที่พบมกั เกิดตามผิวหนงั ของคนซง่ึ เรียกว่า Erysipeloid อาการท่ีเป็ นแบบ generalizeอาจมี endocarditis และ Septicemia ทาให้ตายได้ ลกั ษณะท่ีผิวหนงั จะมีอาการอกั เสบ บวมมีสีแดงคลา้ และม่วง และอาจมีนา้ เหลืองปนเลือดอย่บู ริเวณที่เป็ นแผลคล้ายกบั แผลถกู ไฟไหม้หรือนา้ ร้อนลวก บางครัง้ มีอาการคนั ปกติพบเป็ นตามมือ ในรายท่ีเป็ นอย่างเฉียบพลนั พบว่ามีไข้ปวดศรีษะมากปวดกล้ามเนือ้ และข้อ อาการในสตั ว์ มีอาการรุนแรงมากในสกุ ร ทาให้เกิดข้ออกั เสบ เยื่อห้มุ สมองอกั เสบ ผิวหนงั มีการอกั เสบ บวมมีสีแดงคลา้ คล้ายๆ ไฟไหม้หรือนา้ ร้อนลวก บางที่จะคนัการวินิจฉยั ต้องแยกออกจากโรคอื่นๆ ท่ีมีอาการคล้ายโรคนี ้ เชน่ ไข้ดาแดง (Scarlet Fever) โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax), แผลหรือฝี ท่ีเกิดจากเชือ้ Staphylococcus aureus และ Streptococcus เป็ นต้นการวินจิ ฉยั ท่ีดีที่สดุ คอื การแยกเชือ้ ออกจากผวิ หนงั ท่ีเป็นโรคการควบคมุ ป้ องกนั โรคนีม้ กั พบกบั คนท่ีมีอาชีพเส่ียงตอ่ การได้รับเชือ้ เช่น สตั วแพทย์ คนตรวจเนือ้ สตั ว์ ผ้ทู ี่ทางานในโรงงานผลิตภัณฑ์สตั ว์ ดงั นนั้ การควบคมุ ควรป้ องกันไม่ให้บุคคลเหล่านีไ้ ด้รับเชือ้ เข้าทางบาดแผลโดยการสวมถงุ มือ หรือถ้ามีแผลควรทาความสะอาดโดยเร็ว ********************************************
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: