Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 5555+

5555+

Published by ghhgffcza69, 2020-11-05 07:30:40

Description: 5555+

Search

Read the Text Version

สวนพฤกษศาสตรภ์ ายในโรงเรยี น คานา เน้ือหา โปรแกรมที่ใช้ ครผู สู้ อน จดั ทาโดย

คานา หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ สเ์ ลม่ นจี้ ดั ทาขนึ้ เพือ่ เกย่ี วกบั สวนพฤกษศาสตรใ์ นโรงเรียน โดยเนอ้ื หา ประกอบไปดว้ ยตน้ ไมด้ อกไมใ้ นโรงเรียน และ ประกอบ การเรียนวิชา ว32101 เทคโนโลยี2 ผจู้ ดั ทาหวงั ว่าจะเป็ นประโยชนต์ อ่ ผศู้ ึกษาได้ อยา่ งดี จดั ทาโดย นายชษิ ณพุ งศ์ คดิ อ่าน เลขที่ 18 นายทตั พงศ์ เพ็ชรแ์ จง้ เลขที่ 21 ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5/6

เน้ือหา

โกสน โกสน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Codiaeum variegatum) เป็นพืช ทอ้ งถ่ินของมาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะ แปซิฟิ กตะวนั ตกอยใู่ นวงศย์ างพารา ลกั ษณะเป็น ไมพ้ มุ่ ไม่ ผลดั ใบขนาดกลาง สูงไดถ้ ึง 2–3 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลบั กวา้ ง 0.5–8 เซนติเมตร ยาว 5–30 เซนติเมตร มี หลายรูปแบบ เช่น รูปกลม แคบยาว บิดเป็นเกลียว ปลายใบ แหลมหรือมน โคนใบสอบ ขอบใบเรียบหรือหยกั แผน่ ใบมีสี ต่าง ๆ เช่น เหลือง สม้ ชมพู ดอกสีขาวออกเป็นช่อแบบกระจะ ตามซอกใบและปลายก่ิง ยาว 8–30 เซนติเมตร ช่อดอกมีดอก ประมาณ 30–60 ดอก กลีบเล้ียงขนาดเลก็ มี 3–6 กลีบ กลีบดอก 5–6 กลีบ ดอกมีขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร ดอกแยกเพศอยรู่ ่วม ตน้ ช่อดอกเพศผโู้ คง้ ลง ช่อดอกเพศเมียต้งั ตรง ดอกออกตลอดปี ผลเป็นผลแบบแหง้ แตกทรงกลม เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 9 มิลลิเมตร ภายในมีเมลด็ สีน้าตาล 2–3 เมลด็ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 6 มิลลิเมตร โกสนเป็นไมม้ งคลเน่ืองจากช่ือพอ้ งกบั คาวา่ กศุ ล จึงนิยมปลกู เป็นไมป้ ระดบั เพอ่ื ความเป็นสิริมงคล โดยปลูกในดินร่วน ไดร้ ับแสงแดดคร่ึงวนั ถึงเตม็ วนั โกสนเป็น พืชตอ้ งการน้าปานกลาง ขยายพนั ธุด์ ว้ ยการเพาะเมลด็ ปักชาหรือตอนก่ิง ท้งั ตน้ มี ยางสีขาวท่ีอาจก่อใหเ้ กิดผวิ หนงั อกั เสบ ยอดอ่อนโกสนสามารถนามาปรุงเป็นอาหารหรือลวกกินเป็นผกั แกลม้ น้าพริก ใบ แก่มีรสเฝื่อน โขลกพอกทอ้ งเดก็ แกโ้ รคทางระบบทางเดินปัสสาวะ

หูปลาช่อน ช่ืออน่ื ผกั แดง(เลย) ผกั บ้งั (ลาปาง) หางปลาช่อน(ภาคกลาง)เฮียะแออ่ ้งั เอ่ียโต่ยเช่า(แตจ้ ๋ิว) เย วยี ะเส้ียหง ,หยางถีฉ่าว(จีนกลาง) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Emilia sonchifoiia (L.) DC. (Cacalia sonchifoiia L.) วงศ์ Compositae ลกั ษณะต้น เป็นไมล้ ม้ ลุกอายปุ ี เดียว สูง 10-40 ซม. ลาตน้ ตรง บริเวณ ใกลร้ ากมกั มีสีม่วง แดง ปกคลุมดว้ ยขนห่างๆ ใบยาว 5-10 ซม. ขอบใบ หยกั แบบฟันเลื่อยห่างๆ ฐานใบรูปไข่ ห่อหุม้ ลาตน้ หลงั ใบสีเขียว ทอ้ งใบมกั มีสีม่วงแดง ช่อดอกเกิดตรงกลางตน้ กา้ นช่อดอกยาว 5-8 ซม. มกั แตกเป็น 2 แขนง ดอกเลก็ สีแดง เป็นดอกสมบรู ณ์เพศ กลีบดอกติดกนั เป็นรูป ท่อ มีเกสรตวั ผู้ 5 อนั เกสรตวั เมีย 1 อนั ผลเด่ียวเปลือกแขง็ เมอแหง้ ไม่แตก ขยายพนั ธุ์ดว้ ย เมลด็ เป็นวชั พชั ข้ึนตามสวน ริมถนน หรือดงหญา้ ส่วนท่ีใช้ ท้งั ตน้ สรรพคุณ ลดไข้ แกท้ อนซิลอกั เสบ เจบ็ คอ ตาแดง บิด ทอ้ งร่วง อจุ จาระเป็นเลือด ลดอาการบวมน้า แกผ้ ื่นคนั และฝีต่างๆ ตารับยาและวธิ ีใช้ 1. ตานขโมยในเดก็ ใชร้ าก 10 กรัม น่ึงกบั เน้ือหมแู ดงกิน 2. ทอนซิลอกั เสบ เจบ็ คอ ใชต้ น้ สด 30-90 กรัม(ตน้ แหง้ 15-30 กรัม) ตม้ น้ากินวนั ละ 2-3 คร้ัง และใชจ้ านวนเท่ากนั ตม้ น้า อมกล้วั คอบ่อยๆ 3. ใชต้ น้ สด 30-90 กรัม ตม้ กบั เน้ือหมกู ิน สาหรับบิดและถา่ ย อจุ จาระเป็นเลือดเร้ือรัง 4. ฝีฝักบวั (บริเวณเตานมระยะเร่ิมเป็น) และฝีชนิดต่างๆ ใชต้ น้ สด 1 กามือ ใส่น้าตาลทราย แดงหรือเกลือจานวนเลก็ นอ้ ยตาพอกบริเวณท่ีเป็น เปลี่ยนยาวนั ละ 2 คร้ัง 5. เริม ใชต้ น้ สด ตาพอกบริเวณที่เป็น เปล่ียนยาวนั ละคร้ัง 6. ช่องคลอดอกั เสบหรือคนั ใชท้ ้งั ตน้ ตม้ น้าสะอาดชะลา้ ง

ชาทอง ไมพ้ มุ่ สูง 1 เมตร ผวิ ลาตน้ หยาบ ขรุขระ สีเทาอ่อน ใบเด่ียวแบบตรง ขา้ ม ใบรูปรี กวา้ งประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ใบสีเขียว อ่อนอมเหลืองถึงสีเหลืองทอง ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบ ดอก ช่อแบบช่อวงแถวเด่ียว กลิ่นหอม ออที่ปลายยอด กลีบเล้ียง 6 กลีบ สีเขียวกลีบ ดอก 5 กลีบ สีม่วงอ่อน เกสรเพศผู้ 5 เกสร เกสรเพศเมีย 1 อนั ผลเดี่ยว ผลสด เมลด็ เดี่ยวแขง็ ผลอ่อน สีเขียว ผลแก่สีส้ม เมลด็ 1 เมลด็ /ผล ข้อมูลพฤกษศาสตร์ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Duranta erecta L. ชื่อวงศ์ : VERBENACEAE ช่ือสามญั : Golden Dewdrop ,Japan Camillia ,Pigeon berry ,Sky flower ช่ือพนื้ เมอื ง : เทียนทอง ,พวงม่วง ,เทียนพญาอินทร์ ถน่ิ กาเนิด : อเมริกา เขตร้อน การกระจายพนั ธ์ุ : - ในประเทศไทย พบในทวั่ พ้ืนท่ีเขตร้อน -ในประเทศอนื่ ๆ ประเทศในเขตร้อน นิเวศวทิ ยา : เติบโตไดด้ ีในเขตร้อนช้ืน เวลาออกดอก : ตลอดปี เวลาติดผล : ตลอดปี การขยายพนั ธ์ุ : การปักชาก่ิง และตอนกิ่ง การใช้ประโยชน์ : 1. นิยมปลูกเพื่อเป็นไมป้ ระดบั ตน้ และเพอื่ ชม ดอก 2.ใบสดใชห้ า้ มเลือด แกฝ้ ีฝักบวั แกอ้ กั เสบ บวมเป็ นหนอง 3. เมลด็ แหง้ ใช้ ชงน้ารับประทานแกไ้ ข้ มาลาเรีย แกช้ ้าใน

จามจุรี ต้นจามจุรี หรือมกั เรียก ตน้ ฉาฉา/สาสา หรือ ตน้ กา้ มปู (Rain tree) เป็นไมเ้ ศรษฐกิจโตเร็วที่ใหเ้ ยอื่ และเน้ือไมช้ นิดหน่ึง นอกจากน้นั เป็นไมท้ ่ีมีก่ิงกา้ นยาว ปลายกิ่งแตกกิ่งจานวนมาก ใบมีขนาดเลก็ แต่ดก จนมีลกั ษณะเป็นทรงพมุ่ ใหร้ ่มเงาไดม้ าก ตน้ จามจุรีมีชื่อวทิ ยาศาสตร์ Samanca Saman (Jacq) Merr. เป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีอายไุ ดน้ านเป็นร้อยปี มีลาตน้ สูงไดม้ ากกวา่ 25 เมตร และมีขนาดทรงพมุ่ กวา้ งไดม้ ากกวา่ 25 เมตร มกั พบทวั่ ไปตาม ขา้ งถนน หวั ไร่ ปลายนา และตามสถานที่ราชการตา่ งๆ นิยมปลกู เพื่อให้ ร่มเงาจากเรือนยอดท่ีแผก่ วา้ ง การใหเ้ น้ือไมส้ าหรับทาเคร่ืองเรือน เน่ืองจากมีลวดลายสวย และการปลกู เพ่อื เล้ียงคร่ังเป็นหลกั

สนมงั กร ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Juniperus Chinensis L. ช่ือวงศ์ : CUPPRESSACEAE ถ่ินกาเนิด : แถบภูมิประเทศเขตร้อน แหง้ แลง้ การกระจายพนั ธุ์ : ในประเทศอ่ืน ๆ แอฟริกาใต้ อินเดีย มาดากสั การ์ นิเวศวทิ ยา : เจริญเติบโตไดด้ ีในพ้นื ที่เขตร้อนช้ืน การขยายพนั ธุ์ : แตกก่ิง,ตอนกิ่ง,ติดตา การใชป้ ระโยชน์ : ใชป้ ระดบั อาคารสถานท่ี ลกั ษณะวสิ ัย : ไมพ้ มุ่ เรือนยอด ทรงพุ่ม : รูปกรวย ความสูง 10-12 ม. ความกวา้ งทรง พมุ่ 0.5 ม. ถ่ินอาศัย : พชื บก ชนิดของลาต้น : ลาตน้ เหนือดิน ต้งั ตรงเองได้ เปลอื กลาต้น : น้าตาลเขม็ ลกั ษณะ : แตกเป็นเสน้ ยาง : ไม่มี ชนิดของใบ : ใบประกอบแบบ ขนนกสามช้นั ลกั ษณะพเิ ศษของใบ : เป็นไมไ้ ม่ผลดั ใบ การเรียงตัวของใบบนกงิ่ : สสบั รูปร่างแผ่นใบ : รูปเขม็ ป0ลายใบ : เรียวยาว โคนใบ : ตรงเรียว ขอบใบ : เป็นหนาม

ดอกชบา ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Dimacarpus longan Lour ช่ือวงศ์ SAPINDACEAE ช่ือพนื้ เมอื งอนื่ ๆ ลาไย ถิน่ กาเนิด เขตร้อน และก่ึงร้อนของเอเชีย การกระจายพนั ธ์ุ ในประเทศไทย ภาคเหนือภาคอิสานของประเทศไทย ในประเทศอนื่ ๆ พ้ืนที่ราบต่าของศรีลงั กา ประเทศอินเดีย , ตอนใตเ้ บงกอล ประเทศพม่า นิเวศวทิ ยา ดินชุ่ม ระบายน้าไดด้ ี กลางแจง้ เวลาออกดอก เมษายน – พฤษภาคม เวลาตดิ ผล มิถุนายน-กรกฎาคม การใช้ประโยชน์ เปลือกของตน้ ใชน้ ามาตม้ บา้ นได้ มาเป็นยาหมอ้ แก้ ทอ้ งร่วง เน้ือไม้ สามารถนามาใชเ้ ป็นเคร่ืองประดบั เน้ือลาไย สามารถบริโภคได้ ถา้ นาไปตากแหง้ สามารถนามาเป็นยาบารุงกาลงั ให้ หลบั สบาย และเจริญอาหาร

การเรียงตัวของใบบนกงิ่ ตรงขา้ ม รูปร่างแผ่นใบ : รูปขอบขนาน ปลายใบ : มน โคนใบ : รูปล่ิม ขอบใบ : เรียบ ดอก : ดอกช่อกระจะ ตาแหน่งออกของดอก : ปลายยอด กลบี เลยี้ ง :กลีบดอกแยกกนั มี 5 กลีบ สี ขาว กลบี ดอก : กลีบดอกแยกกนั รูปกากบาท เกสรเพศผู้ : จานวน 7 อนั สีเหลือง เกสรเพศเมยี : จานวน 1 อนั สีม่วงอมแดง รังไข่ : รังไข่ก่ึงใตว้ งกลีบ กลน่ิ : ไม่มี ผล : ผลสดเมลด็ เดียวแขง็ สีของผล : ผลอ่อน สีเขียว ผลแก สีน้าตาล รูปร่างผล : กลม เมลด็ : จานวน 1 เมลด็ สีของเมลด็ : สีน้าตาลแก่ รูปร่างเมลด็ : กลม (ต่อ ดอกชบา)

โป๊ ยเซียน โป๊ ยเซียน เป็นไมป้ ระดบั ดอกที่ไดร้ ับความนิยมชนิดหน่ึง เนื่องจากดอกมีสีสนั สวยงาม มีหลากหลายสี ออกดอกเป็นช่อขนาด ใหญ่ มีลาตน้ เลก็ และใบนอ้ ย เมื่อออกดอกแลว้ ดอกจะดีเด่นสวยงาม นอกจากน้นั ยงั เชื่อวา่ การโป๊ ยเซียนจะนาความร่มเยน็ เป็นสุขใหแ้ ก่คน ในครอบครัว และนาโชคลาภ เงินทองมาให้ คา้ ขายร่ารวย โป๊ ยเซียน มีถิ่นกาเนิดในป่ าแถบแอฟริกาเหนือ มีพชื ที่อยใู่ นวงศ์ เดียวกนั มากกวา่ 7600 ชนิด ทวั่ โลก เป็นพชื อวบน้า เป็นพืชที่เติบโตได้ ดีในสภาพแหง้ แลง้ • ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Euphorbia splendens Bojer ex Hook.f. • ชื่อทอ้ งถิ่น : – โป๊ ยเซียน – ไมร้ ับแขก

ชะอม ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Acacia pennata(L) Willd ssp. Insuavis (Lace) IC. Neieles ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAEMIMOSOIDEAE ชื่อพ้นื เมืองอื่นๆ : ผกั หละ ผกั ละ ผกั ล่า ผกั หา้ (ภาคเหนือ) ชะอม(ภาค กลาง) ผกั ขา่ (ร้อยเอด็ ) ถ่ินกาเนิด : ประเทศไทย การกระจายพนั ธุ์ :ในประเทศไทย พบไดท้ ุกภาคในประเทศไทย เวลาออกดอก : เดือนเมษายน การขยายพนั ธุ์ : เพาะเมลด็ การใชป้ ระโยชน์ :รากใชเ้ ป็นยารักษาโรค อาการทอ้ งเฟ้ อ ขบั ลมใน ลาไส้ ใบหรือยอดออ่ นๆ ชุปไข่แลว้ นาไปทอด หรือน่ึงกบั น้าพริก ประกอบเป็น อาหารคาวได้ ลกั ษณะวสิ ัย : ไมล้ ม้ ลุก เรือนยอด ทรงพมุ่ : รูปไข่ สูง 1ม. กวา้ ง 0.5 ม. ถิ่นอาศยั : เป็นพชื บก ลาตน้ : ลาเหนือดิน ต้งั ตรงเองได้ เปลือกลาตน้ : เขียวเขม้ มีหนาม ยาง : ไม่มียาง

ใบ : เป็นใบประกอบ แบบขนนกปลายคู่ (ต่อ ชะอม) สีเขียว เขม้ ขนาดแผน่ ใบกวา้ ง 0.3 ซม. ยาว 0.5 ซม. จานวนใบยอ่ ย 64 ใบ ขนาดแผน่ ใบยอ่ ย กวา้ ง 0.2 ซม. ยาว 0.5 ซม. การเรียงตวั ของใบบนกิ่ง : ตรงขา้ ม รูปร่างแผน่ ใบ : รูปรี ปลายใบ : ปลายมน โคนใบ : รูปมน ขอบใบ : เรียบ ดอก : เป็นดอกช่อ ลกั ษณะช่อซ่ีร่ม ตาแหน่งที่ออกดอก : ซอกใบ กลีบดอก : แยกจากกนั กล่ิน: มีกล่ินฉุน ผล : เป็นผลแหง้ ฝักแตกแบบผกั กาด สีของผล ผลอ่อนเหลืองน้าตาล ผลแก่น้าตาล รูปร่างผล มีผลกลม เมลด็ : จานวนเมลด็ 3 เมลด็ สีเมลด็ สีดา รูปร่างเมลด็ กลม

มะม่วง ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Mangifera indica (L.) ชื่อวงศ์ ANACARDIACEAE ช่ือสามัญ Mango ชื่อพนื้ เมอื งอน่ื ๆ มะม่วง ถนิ่ กาเนิด อินเดีย พม่า การกระจายในประเทศไทย เชียงใหม่ ฉะเชิงเทรา ฯลฯ ในประเทศอนื่ ๆ จีน อียปิ ต์ นิเวศวทิ ยา ร้อนช้ืน เวลาออกดอก ช่วงเดือนธนั วาคม ถึง เดือนกมุ ภาพนั ธ์ เวลาตดิ ผล ช่วงฤดูร้อน การขยายพนั ธ์ุ ทาบกิ่ง , ติดตา , ตอนกิ่ง การใช้ประโยชน์ ผลมะม่วงนามารับประทานไดท้ ้งั ดิบและสุกเน้ือไม้ นามาทาเฟอร์นิเจอร์ ใชย้ อดนามาประกอบอาหาร สรรพคุณทางยา มะม่วงดิบมีวติ ามินซีสูง แกเ้ ลือดออกตามไรฟัน ประวตั พิ นั ธ์ุไม้ (การนาเข้ามาปลกู ในประเทศไทย ) มีอยแู่ ต่ในโบราณ ท่ี ยกตวั อยา่ งเป็นหน่ึงในการนามาปลกู ในประเทศไทยมีแหลง่ ปลกู อยใู่ น ยา่ นตล่ิงชนั เขตบางกอกนอ้ ย ฝั่งธนบุรี และอาเภอ ไทรนอ้ ย จงั หวดั นนทบุรี

ประวตั พิ นั ธ์ุไม้ (การนาเข้ามาปลกู ในประเทศไทย ) มีอยแู่ ตใ่ นโบราณ ท่ี ยกตวั อยา่ งเป็นหน่ึงในการนามาปลกู ในประเทศไทยมีแหลง่ ปลกู อยใู่ น ยา่ นตลิ่งชนั เขตบางกอกนอ้ ย ฝ่ังธนบุรี และอาเภอ ไทรนอ้ ย จงั หวดั นนทบุรี ลกั ษณะวสิ ัย : ไมต้ น้ เรือนยอด ทรงพ่มุ : กลม ความสูง 10-20 เมตร ความกวา้ งทรงพมุ่ 12 เมตร ถน่ิ อาศัย : พืชบก ลาต้น : ลาตน้ เหนือดิน ต้งั ตรงเองได้ เปลอื กลาต้น : ขรุขระ สีน้าตาล ยาง : มี ชนิดของใบ : ใบประกอบ แบบนิ้วมือ สีเขียว ขนาดใบ กวา้ ง 6 ซ.ม. ยาว 27 ซ.ม. การเรียงตัวของใบบนกงิ่ : สลบั รูปร่างแผ่นใบ : รูปใบหอก ปลายใบ : ยาวคลา้ ยหาง โคนใบ : รูปลิ่ม ขอบใบ : เรียบ ดอก : ดอกช่อ ช่อกระจะ ตาแหน่งออกของดอก : ปลายยอด กลบี เลยี้ ง : แยกจากกนั มีจานวน 5 กลีบ สีเขียว กลบี ดอก : กลีบดอกแยกกนั มีจานวน 5 กลีบ สีเหลืองออ่ น (ต่อ มะมว่ ง)

ชาฮกเก้ียน ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Carmonretusa(Vahl) Masam. ชื่อวงศ์ Boraginceae ชื่อสามัญ - ช่ือพนื้ เมืองอนื่ ๆ ชาดดั ใบมนั ข่อยจีน ชาญวน ถ่ินกาเนิด มีถ่ินด้งั เดิมอยใู่ นประเทศจีนและแอฟริกาเหนือ การกระจายพนั ธ์ุ : ในประเทศไทย ในประเทศอื่น ๆ นิเวศวทิ ยา เวลาออกดอก หมุนเวยี นตลอดปี เตม็ ที่เดือนสิงหาคม-ตุลาคม เวลาตดิ ผล สิงหาคม-ตุลาคม การขยายพนั ธ์ุ โดยการเพาะเมลด็ และการปักชากิ่ง

ลกั ษณะวสิ ัย : ไมพ้ มุ่ เรือนยอด ทรงพุ่ม : รูปร่ม ความสูง 1 ม. ความกวา้ งทรง พมุ่ 1 ม. ถน่ิ อาศัย : พืชบก ชนิดของลาต้น : ลาตน้ เหนือดิน ต้งั ตรงเองได้ เปลอื กลาต้น : สีน้าตาล ลกั ษณะ ขรุขระ ยาง : ไม่มี ชนิดของใบ : ใบประกอบ แบบขนนก : ขนนกปลายคี่ สี เขียว ขนาดแผ่นใบกว้าง 0.5-2 ซม. ยาว 1-4 ซม. ลกั ษณะพเิ ศษของใบ เป็นใบเดี่ยวติดสลบั การเรียงตวั ของใบบนกงิ่ : สสับ รูปร่างแผ่นใบ : รูปไข่กลบั ปลายใบ : ตดั โคนใบ : รูปลิ่ม ขอบใบ : เรียบ ชนิดของดอก : ดอกช่อ ช่อกระจุกตาแหน่งทอี่ อกดอก : ซอกใบ กลบี เลยี้ ง : แยกจากกนั มีจานวน 5 กลีบ สี ขาว กลบี ดอก : แยกจากกนั มีจานวน 5 กลีบ สี ขาว รูปกากบาท กลนิ่ : ไม่มี ชนิดของผล : ผลเด่ียว ผลมีเน้ือถึงหลายเมลด็ สีของผล : ผลอ่อนสี : ส้มแดง รูปร่างผล : กลม เมลด็ : จานวนเมลด็ 4:1 รูปร่างเมลด็ (:ต่อกลชมาฮกเก้ียน)

โปรแกรมที่ใช้ Microsoft PowerPoint Google Camera Photshop

ครผู สู้ อน คณุ คร ู รชั นก วงศเ์ ขียว ตาแหน่ง คร ู วิทยฐานะชานาญการ

จดั ทาโดย นายชิษณพุ งศ์ คิดอ่าน เลขที่ 18 นาย ทตั พงศ์ เพ็ชรแ์ จง้ เลขท่ี 21 ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/6


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook