4 เศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระ ราชดารัสแก่ชาวไทยนบั ต้งั แต่ พ.ศ. 2517 เป็นตน้ มา และถูกพูดถึงอยา่ งชดั เจนในวนั ท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2540 เพ่อื เป็นแนวทางการแกไ้ ขวกิ ฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ให้ สามารถดารงอยไู่ ดอ้ ยา่ งมนั่ คงและยงั่ ยนื ในกระแสโลกาภิวตั นแ์ ละความเปล่ียนแปลงต่าง ๆ นกั วชิ าการไทยหลายคนร่วมแสดงความคิดเห็น อยา่ งเช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี, ศ.เสน่ห์ จามริก, ศ.อภิชยั พนั ธเสน, และศ.ฉตั รทิพย์ นาถสุภา เช่ือมโยงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเขา้ กบั วฒั นธรรมชุมชน ดา้ นสานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไดเ้ ชิญ ผทู้ รงคุณวฒุ ิในทางเศรษฐกิจและสาขาอื่น ๆ มาร่วมกนั ประมวลเพ่ือบรรจุในแผนพฒั นา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบบั ที่ 9 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงน้ีไดร้ ับการเชิดชูจากองคก์ ารสหประชาชาติ วา่ เป็นปรัชญาท่ีมี ประโยชนต์ ่อประเทศไทยและนานาประเทศ และสนบั สนุนใหป้ ระเทศสมาชิกยดึ เป็นแนวทางสู่ การพฒั นาแบบยง่ั ยนื โดยมีนกั วชิ าการและนกั เศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นดว้ ยกบั แนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง แต่ในขณะเดียวกนั บางส่ือต้งั คาถามถึงการยกยอ่ งขององคก์ ารสหประชาชาติ รวมท้งั ความน่าเช่ือถือของรายงานศึกษาและท่าทีขององคก์ าร หลกั ปรัชญา ...การพฒั นาประเทศจาเป็นตอ้ งทาตามลาดบั ข้นั ตอ้ งสร้างพ้ืนฐาน คือ ความ พอมีพอกิน พอใชข้ องประชาชนส่วนใหญ่เป็นอนั พอควรและปฏิบตั ิไดแ้ ลว้ จึงค่อย สร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจข้นั ที่สูงข้ึนโดยลาดบั ต่อไป หากมุ่งแต่จะ ทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจข้ึนใหร้ วดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้ แผนปฏิบตั ิการสมั พนั ธ์กบั สภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคลอ้ งดว้ ย ก็ จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆ ข้ึน ซ่ึงอาจกลายเป็นความยงุ่ ยากลม้ เหลวไดใ้ น ท่ีสุด...— พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณหอประชุมมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วนั พฤหัสบดที ่ี 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517
5 เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ยดึ หลกั ทางสายกลาง ที่ช้ีแนวทางการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิของประชาชนในทุกระดบั ใหด้ าเนินไปในทางสายกลาง มีความพอเพียง และมีความพร้อมท่ีจะจดั การต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ซ่ึงจะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวงัในการวางแผนและดาเนินการทุกข้นั ตอน ท้งั น้ี เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นการดาเนินชีวติ อยา่ งสมดุลและยง่ั ยนื เพื่อใหส้ ามารถอยไู่ ดแ้ มใ้ นโลกโลกาภิวตั นท์ ี่มีการแข่งขนั สูง แผนภาพแสดงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
6 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงท่ีทรงปรับปรุงพระราชทานเป็นที่มาของนิยาม \"3 ห่วง 2เง่ือนไข\" ที่คณะอนุกรรมการขบั เคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียง สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ นามาใชใ้ นการรณรงคเ์ ผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งผา่ นช่องทางส่ือต่าง ๆ อยใู่ นปัจจุบนั ซ่ึงประกอบดว้ ยความ \"พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั \" บนเงื่อนไข \"ความรู้\" และ \"คุณธรรม\" ดร.จิรายุ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ประธานคณะอนุกรรมการขบั เคลื่อนเศรษฐกิจพอเพยี งอธิบายถึงการพฒั นาตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง วา่ เป็นการพฒั นาที่ต้งั อยบู่ นพ้นื ฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุม้ กนั ท่ีดีในตวั ตลอดจนการใชค้ วามรู้ ความรอบคอบละคุณธรรมประกอบการวางแผน การตดั สินใจและการกระทาต่าง ๆ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่มากและไม่นอ้ ยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผอู้ ื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่พอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การใชห้ ลกั เหตุผลในการตดั สินใจเร่ืองต่าง ๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง ตลอดจนผลที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนอยา่ งรอบคอบ การมภี ูมคิ ุ้มกนั ทด่ี ี หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับต่อผลกระทบที่เกิดข้ึนจากการเปลี่ยนแปลงรอบตวั ปัจจยั เหล่าน้ีจะเกิดข้ึนไดน้ ้นัจะตอ้ งอาศยั ความรู้ และคุณธรรม เป็นเงื่อนไขพ้นื ฐาน กล่าวคือ เงื่อนไขความรู้ หมายถึง ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการดาเนินชีวติ และการประกอบการงาน ส่วนเง่ือนไขคุณธรรม คือ การยดึ ถือคุณธรรมต่าง ๆ อาทิ ความซื่อสตั ยส์ ุจริต ความอดทน ความเพยี รการมุ่งต่อประโยชนส์ ่วนรวมและการแบ่งปัน ฯลฯ ตลอดเวลาที่ประยกุ ตใ์ ชป้ รัชญา อภิชยั พนั ธเสน ผอู้ านวยการสถาบนั การจดั การเพ่ือชนบทและสังคม ไดจ้ ดั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงวา่ เป็น \"ขอ้ เสนอในการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามแนวทางของพุทธธรรมอยา่ งแทจ้ ริง\" ท้งั น้ีเน่ืองจากในพระราชดารัสหน่ึง ไดใ้ หค้ าอธิบายถึง เศรษฐกิจพอเพยี ง วา่\"คือความพอประมาณ ซ่ือตรง ไม่โลภมาก และตอ้ งไม่เบียดเบียนผอู้ ่ืน\" ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเนน้ ใหบ้ ุคคลสามารถประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื และใช้จ่ายเงินใหไ้ ดม้ าอยา่ งพอเพียงและประหยดั ตามกาลงั ของเงินของบุคคลน้นั โดยปราศจากการกู้หน้ียมื สิน และถา้ มีเงินเหลือ กแ็ บ่งเกบ็ ออมไวบ้ างส่วน ช่วยเหลือผอู้ ื่นบางส่วน และอาจจะใช้จ่ายมาเพ่อื ปัจจยั เสริมอีกบางส่วน สาเหตุท่ีแนวทางการดารงชีวติ อยา่ งพอเพยี ง ไดถ้ ูกกล่าวถึงอยา่ งกวา้ งขวางในขณะน้ี เพราะสภาพการดารงชีวติ ของสังคมทุนนิยมในปัจจุบนั ไดถ้ ูกปลูกฝัง
7สร้าง หรือกระตุน้ ใหเ้ กิดการใชจ้ ่ายอยา่ งเกินตวั ในเร่ืองที่ไม่เกี่ยวขอ้ งหรือเกินกวา่ ปัจจยั ในการดารงชีวติ เช่น การบริโภคเกินตวั ความบนั เทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การแต่งตวั ตามแฟชนั่ การพนนั หรือเสี่ยงโชค เป็นตน้ จนทาใหไ้ ม่มีเงินเพียงพอเพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการเหล่าน้นั ส่งผลใหเ้ กิดการกหู้ น้ียมื สิน เกิดเป็นวฏั จกั รที่บุคคลหน่ึงไม่สามารถหลุดออกมาได้ ถา้ ไม่เปลี่ยนแนวทางในการดารงชีวติ ซ่ึง ดร. สุเมธ ตนั ติเวชกลุ ไดก้ ล่าววา่ \"หลาย ๆ คนกลบั มาใชช้ ีวติ อยา่ งคนจน ซ่ึงเป็นการปรับตวั เขา้ สู่คุณภาพ\" และ \"การลงมือทาดว้ ยความมีเหตุมีผล เป็นคุณค่าของเศรษฐกิจพอเพียง\"การนาไปใช้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งน้ีถูกใชเ้ ป็นกรอบแนวความคิดและทิศทางการพฒั นาระบบเศรษฐกิจมหภาคของไทย ซ่ึงบรรจุอยใู่ นแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 10 เพ่อืมุ่งสู่การพฒั นาที่สมดุล ยง่ั ยนื และมีภูมิคุม้ กนั เพอ่ื ความอยดู่ ีมีสุข มุ่งสู่สงั คมท่ีมีความสุขอยา่ งยง่ั ยนื หรือที่เรียกวา่ \"สังคมสีเขียว\" ดว้ ยหลกั การดงั กล่าว แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 10 น้ีจะไม่เนน้ เร่ืองตวั เลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยงั คงใหค้ วามสาคญัต่อระบบเศรษฐกิจแบบทวลิ กั ษณ์ หรือระบบเศรษฐกิจท่ีมีความแตกต่างกนั ระหวา่ งเศรษฐกิจชุมชนเมืองและชนบท แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงยงั ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทยพุทธศกั ราช 2550 ในส่วนที่ 3 แนวนโยบายดา้ นการบริหารราชการแผน่ ดิน มาตรา 78 (1) ความวา่ : \"บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปเพ่ือการพฒั นาสังคม เศรษฐกิจ และความมนั่ คง ของประเทศอย่างยง่ั ยืน โดยต้องส่งเสริมการดาเนินการตามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและคานึงถึงผลประโยชน์ ของประเทศชาติในภาพรวมเป็ นสาคัญ\" สุรเกียรติ เสถียรไทย ในฐานะรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงต่างประเทศ กล่าวเมื่อวนั ท่ี 24พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ในการประชุมสุดยอด The Francophonie Ouagadougou คร้ังท่ี 10 ท่ีประเทศบูร์กินาฟาโซ วา่ ประเทศไทยไดย้ ดึ แนวทางเศรษฐกิจพอเพยี งควบคู่กบั \"การพฒั นาแบบยง่ั ยนื \" ในการพฒั นาประเทศท้งั ทางดา้ นการเกษตรกรรม เศรษฐกิจ และการแข่งขนั ซ่ึงเป็นการสอดคลอ้ งเป้าหมายแนวทางของนานาชาติในประชาคมโลก โดยยกตวั อยา่ งการแกป้ ัญหาวกิ ฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 ซ่ึงเม่ือยดึ หลกั ปรัชญาในการแกป้ ัญหาสามารถทาใหผ้ ลิตภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ ของไทยเติบโตไดถ้ ึงร้อยละ 6.7
8 นอกจากเศรษฐกิจพอเพยี งจะมีประโยชนต์ ่อประเทศไทย ท้งั ยงั มีความสาคญั ต่อการพฒั นาในต่างประเทศ การประยกุ ตน์ าหลกั ปรัชญาเพอ่ื นาไปพฒั นาประเทศในต่างประเทศเหล่าน้นั ประเทศไทยไดเ้ ป็นศูนยก์ ลางการแลกเปล่ียนผา่ นทางสานกั งานความร่วมมือเพอ่ื การพฒั นาระหวา่ งประเทศ โดยมีหนา้ ที่คอยประสานงานรับความช่วยเหลือทางวชิ าการดา้ นต่าง ๆจากต่างประเทศมาสู่ภาครัฐ แลว้ ถ่ายทอดต่อไปยงั ภาคประชาชน และยงั ส่งผา่ นความรู้ท่ีมีไปยงัประเทศกาลงั พฒั นาอ่ืน ๆ เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งน้นั สานกั งานความร่วมมือเพอื่ การพฒั นาระหวา่ งประเทศไดถ้ ่ายทอดมาไม่ต่ากวา่ 5 ปี และประสานกบั สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพือ่ ประสานงานโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ และคณะอนุกรรมการขบั เคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงต่างชาติกส็ นใจเร่ืองเศรษฐกิจพอเพียง เพราะพิสูจนแ์ ลว้ วา่ เป็นสิ่งท่ีดีและมีประโยชน์ ซ่ึงแต่ละประเทศมีความตอ้ งการประยกุ ตใ์ ชป้ รัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไม่เหมือนกนัข้ึนอยกู่ บั วถิ ีชีวติ สภาพภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศ โดยไดใ้ หผ้ แู้ ทนจากประเทศเหล่าน้ีไดม้ าดูงานในหลายระดบั ท้งั เจา้ หนา้ ท่ีปฏิบตั ิงาน เจา้ หนา้ ที่ฝ่ ายนโยบาย จนถึงระดบั ปลดั กระทรวงและรัฐมนตรีประจากระทรวงต่าง ๆ นอกจากน้นั อดิเทพ ภาณุพงศ์ เอกอคั รราชทูตไทยประจากรุงเวยี นนา ประเทศออสเตรีย ไดก้ ล่าววา่ ต่างชาติสนใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพยี ง เนื่องจากมาจากพระราชดาริในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ที่ทรงห่วงใยราษฎรของพระองค์ และทราบสาเหตุที่รัฐบาลไทยนามาเป็นนโยบาย ส่วนประเทศพฒั นาแลว้ กต็ อ้ งการศกึ ษาเพ่ือนาไปช่วยเหลือประเทศอื่น ดร. สุเมธ ตนั ติเวชกลุ ไดก้ ล่าวถึงผลสาเร็จอยา่ งหน่ึงของเศรษฐกิจพอเพยี งโดยองคก์ ารสหประชาชาติ คือ \"สหประชาชาติเห็นดว้ ยกบั พระมหากษตั ริยใ์ นเร่ืองน้ี [เศรษฐกิจพอเพยี ง]โดยเริ่มใชม้ าตรวดั คุณภาพชีวติ ในการวดั ความเจริญของแต่ละประเทศ แทนอตั ราผลิตภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ ซ่ึงกล่าวถึงแต่ความเจริญทางเศรษฐกิจเท่าน้นั \"
9ทฤษฎใี หม่ เกษตรทฤษฎใี หม่ หรือ ทฤษฎใี หม่ เป็นแนวพระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช เก่ียวกบั การจดั พ้นื ที่ดินเพื่อการอยอู่ าศยั และมีชีวติ อยา่ งยง่ั ยนื โดยมีแบ่งพ้นื ท่ีเป็นส่วน ๆ ไดแ้ ก่ พ้ืนที่น้า พ้ืนท่ีดินเพื่อเป็นที่นาปลูกขา้ ว พ้ืนที่ดินสาหรับปลูกพชื ไร่นานาพนั ธุ์ และที่สาหรับอยอู่ าศยั และเล้ียงสัตว์ ในอตั ราส่วน 3:3:3:1 เป็นหลกั การในการบริหารการจดั การที่ดินและน้า เพอื่ การเกษตรในที่ดินขนาดเลก็ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุด ดงั น้ี 1. มีการบริหารและจดั แบ่งที่ดินแปลงเลก็ ออกเป็นสัดส่วนท่ีชดั เจน เพื่อประโยชนส์ ูงสุด ของเกษตรกร ซ่ึงไม่เคยมีใครคิดมาก่อน 2. มีการคานวณโดยหลกั วชิ าการ เกี่ยวกบั ปริมาณน้าที่จะกกั เกบ็ ใหพ้ อเพียง ต่อการเพาะปลูก ไดต้ ลอดปี 3. มีการวางแผนท่ีสมบูรณ์แบบ สาหรับเกษตรกรรายยอ่ ย 3 ข้นั ตอน เพอ่ื ใหพ้ อเพยี งสาหรับ เล้ียงตนเองและเพอ่ื เป็นรายได้
10 อา้ งอิงhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B9 %80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: