Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสร้างหนังสือ E-Book ออนไลน์ วิชา การพัฒนาบทเรียนออนไลน์

การสร้างหนังสือ E-Book ออนไลน์ วิชา การพัฒนาบทเรียนออนไลน์

Published by Araya Seangluang, 2021-06-09 08:53:20

Description: 1.เพื่อให้นักศึกษาสามารถศึกษาค้นคว้าเนื้อหาเกี่ยวกับการพัฒนาบทเรียนออนไลน์
2.เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ เนื้อหาเกี่ยวกับการพัฒนาบทเรียนออนไลน์
3.เพื่อให้นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาการพัฒนาบทเรียนออนไลน์อยู่ในระดับดี

Keywords: การพัฒนาบทเรียนออนไลน์,การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์

Search

Read the Text Version

การสร้างเครือข่าย ความร่วมมือ

ทฤษฎแี ละแนวคดิ พืน้ ฐานของการเกดิ เครือข่า2ย ➢ทฤษฎกี ารแลกเปลยี่ น(Exchange Theory) การแลกเปลย่ี นเป็ นพืน้ ฐานของความสัมพนั ธ์และมคี วามสัมพนั ธ์เป็ นพืน้ ฐาน การแลกเปลยี่ นผลประโยชน์ความรู้ข้อมูลปัจจัยการผลติ วตั ถุดิบแรงงาน ➢ แนวคดิ การประสานพลงั (Synergy) 1 + 1 ได้มากกว่า 2 การรวมพลงั กนั นาไปสู่ผลทมี่ คี ่าทวคี ูณ การทางานแบบประสานพลงั เกดิ ประโยชน์มากกว่าทางานแบบโดดเดย่ี ว ➢ แนวคดิ การตดิ ต่อสื่อสาร(Communication) ถ้าไม่มีการสื่อสารเครือข่ายไม่เกดิ การสื่อสารทาให้เกดิ และรักษาความสัมพนั ธ์

การสร้างเครือข่าย 3 ความหมาย เครือข่าย คือ การเชื่อมโยงของกลุ่มของคนหรือกลุ่มองค์กรที่สมัครใจ ท่ี จะแลกเปลยี่ นข่าวสารร่วมกนั หรือทากจิ กรรมร่วมกนั โดยมกี ารจดั ระเบยี บโครงสร้างของคน ในเครือข่ายด้วยความเป็ นอสิ ระ เท่าเทียมกนั ภายใต้พื้นฐานของความเคารพสิทธิ เชื่อถือ เอื้อ อาทร ซึ่งกนั และกนั ประเด็นสาคญั ของนิยามข้างต้น คือ ➢ความสัมพนั ธ์ต้องเป็ นไปด้วยความสมคั รใจ ➢กจิ กรรมทที่ าต้องมลี กั ษณะเท่าเทยี มหรือแลกเปลย่ี นซึ่งกนั และกนั ➢การเป็ นสมาชิก ต้องไม่มผี ลกระทบต่อความเป็ นอิสระหรือความเป็ นตวั ของตัวเองของคน หรือองค์กรน้ันๆ

4 องค์ประกอบของ 1.มกี ารรับรู้และมุมมองทเี่ หมือนกนั การสร้างเครือข่าย 2.การมวี สิ ัยทศั น์ร่วมกนั 3.มคี วามสนใจหรือผลประโยชน์ร่วมกนั ความร่วมมือ 4.การมสี ่วนร่วมของสมาชิกทุกคนในเครือข่าย 5.มกี ารเสริมสร้างซึ่งกนั และกนั 6.การเกือ้ หนุนพงึ่ พากนั 7.มีปฏิสัมพนั ธ์ในเชิงแลกเปลย่ี น

“➢ต้องมีความรู้สึกนึกคดิ รายการรับรู้เหมือนกนั ถึงเหตุผลในการเข้ามาร่วมกนั เป็ นเครือข่ายเช่น 1.มีการรับรู้และมุมมองทเี่ หมือนกนั 5 มีความเข้าใจในตัวปัญหาและมจี ติ สานึกในการแก้ไขปัญหาร่วมกันประสบกบั ปัญหาอย่าง เดยี วกันหรือต้องการความช่วยเหลือในลกั ษณะทีค่ ล้ายคลงึ กนั ➢ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกของเครือข่ายเกดิ ความรู้สึกผูกพนั ในการดาเนินกจิ กรรมร่วมกนั และ แก้ปัญหาหรือลดความเดือดร้อนทีเ่ กดิ ขนึ้ ➢การรับรู้ร่วมกนั ถือเป็ นหัวใจของเครือข่ายท่ีทาให้เครือข่ายดาเนินไปอย่างต่อเน่ือง ➢สมาชิกของเครือข่ายอาจมีความเห็นทต่ี ่างกนั ได้เพราะช่วยให้เกดิ การสร้างสรรค์ในการ ทางานแต่ความแตกต่างน้ันต้องอยู่ในส่วนของกระบวนการภายใต้การรับรู้ถงึ ปัญหาทส่ี มาชิกทุก คนยอมรับแล้วมิฉะน้ันความเห็นที่ต่างกนั จะนาไปสู่ความแตกแยกและแตกหักในที่สุด

2.การมีวสิ ัยทศั น์ร่วมกนั 6 ➢สมาชิกมองเห็นจุดมุ่งหมายในอนาคตทเี่ ป็ นภาพเดยี วกนั ➢มกี ารรับรู้และเข้าใจไปในทศิ ทางเดยี วกนั และมเี ป้าหมายทจี่ ะเดนิ ทางไปด้วยกนั เพ่ือให้กระบวนการขับเคล่ือนเกดิ พลงั มคี วามเป็ นเอกภาพและช่วยผ่อนคลายความ ขัดแย้งอนั เน่ืองมาจากความคดิ เห็นทีแ่ ตกต่างกนั ➢ถ้าสมาชิกมวี สิ ัยทศั น์ส่วนตวั อยู่แล้วกต็ ้องปรับให้สอดคล้องกบั วสิ ัยทศั น์ของ เครือข่ายให้มากทสี่ ุดแม้จะไม่ซ้อนทบั กนั แนบสนิทจนเป็ นภาพเดยี วกนั แต่อย่าง น้อยกค็ วรตอบรับไปในทศิ ทางเดยี วกนั

3.มีความสนใจหรือผลประโยชน์ร่วมกนั 7 ➢ครอบคลุมท้ังผลประโยชน์ท่เี ป็ นตัวเงนิ และผลประโยชน์ไม่ใช่ตวั เงนิ ➢ถ้าการเข้าร่วมในเครือข่ายสามารถตอบสนองต่อความต้องการหรือมีผลประโยชน์ ร่วมกนั กจ็ ะเป็ นแรงจูงใจให้เข้ามามสี ่วนร่วมในเครือข่ายมากขนึ้ ➢ลกั ษณะของผลประโยชน์ที่สมาชิกแต่ละคนจะได้รับแตกต่างกนั แต่ควรต้องให้ทุกคน และต้องเพยี งพอท่จี ะเป็ นแรงจูงใจให้เขาเข้ามามสี ่วนร่วมในทางปฏบิ ัตไิ ด้จริง ➢พงึ ระลกึ ว่าเมื่อไหร่กต็ ามทสี่ มาชิกเห็นว่าเขาเสียประโยชน์มากกว่าได้หรือไม่เขาได้ใน ส่ิงทต่ี ้องการเพยี งพอแล้วสมาชิกเราน้ันกจ็ ะออกจากเครือข่ายไปในทสี่ ุด

4.การมสี ่วนร่วมของสมาชิกทุกคนในเครือข่าย 8 ➢เป็ นกระบวนการทส่ี าคญั มากในการพฒั นาความเข้มแข็งของเครือข่าย ➢เป็ นเง่ือนไขทท่ี าให้เกดิ การร่วมรับรู้ ร่วมคดิ ร่วมตดั สินใจ และร่วมลงมือ กระทาอย่างเข้มแข็ง ➢สถานะของสมาชิกในเครือข่ายควรมีความเท่าเทยี มกนั ทุกคนอย่ใู นฐานะ หุ้นส่ วนของเครื อข่ าย ➢เป็ นความสัมพนั ธ์ในแนวราบ คือ ความสัมพนั ธ์ฉันท์เพ่ือนมากกว่าใน ลกั ษณะเจ้านายลกู น้อง

9 5.มีการเสริมสร้างซ่ึงกนั และกนั ➢การทสี่ มาชิกของเครือข่ายต่างกส็ ร้างความเข้มแข็งให้กนั และกนั ➢นาจุดแข็งของฝ่ ายหนึ่งไปช่วยแก้ไขจุดอ่อนของอกี ฝ่ ายหน่ึง แล้วทาให้ได้ผลลพั ธ์เพม่ิ ขนึ้ ในลกั ษณะพลงั ทวีคูณมากกว่า ผลลพั ธ์ทเี่ กดิ ขนึ้ เมื่อต่างคนต่างอยู่

6.การเกือ้ หนุนพงึ่ พากนั 10 ➢การทส่ี มาชิกเครือข่ายตกอยู่ในสภาวะจากดั ทางด้านทรัพยากรความรู้ เงนิ ทุนกาลงั คนไม่สามารถทางานให้บรรลุเป้าหมายอย่างสมบูรณ์ได้ด้วย ตนเองโดยปราศจากเครือข่ายจาเป็ นต้องพงึ่ พาซ่ึงกนั และกนั ➢การทาให้หุ้นส่วนของเครือข่ายนิยมกนั อย่างเหนียวแน่นจึงจาเป็ นต้องทา ให้ หุ้นส่ วนแต่ละคนรู้สึกว่าหากเอาหุ้นส่ วนคนใดคนหน่ึงออกไปจะทาให้ เครือข่ายล้มลงได้ ➢การดารงอย่ขู องหุ้นส่วนแต่ละคนจึงเป็ นสิ่งจาเป็ นสาหรับการดารงอย่ขู อง เครือข่ายการเคล่ือนหนุนพง่ึ พากนั ในลกั ษณะนีจ้ ะส่งผลให้สมาชิกมี ปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างกนั โดยอตั โนมตั ิ

7.มปี ฏิสัมพนั ธ์ในเชิงแลกเปลย่ี น 11 ➢สมาชิกในเครือข่ายต้องทากจิ กรรมร่วมกนั เพ่ือก่อให้เกดิ การปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างการเช่นมี การตดิ ต่อการผ่านทางการเขยี นการพบปะพูดคุยการแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นซึ่งกนั และกนั หรือมกี จิ กรรมประชุมสัมมนาร่วมกนั โดยทผี่ ลของการปฏิสัมพนั ธ์นีต้ ้องก่อให้เกดิ การ เปลยี่ นแปลงในเครือข่ายตามมา ➢ลกั ษณะของปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างสมาชิกควรเป็ นการแลกเปลย่ี นกนั มากกว่าที่จะเป็ นผู้ให้ หรือเป็ นผู้รับฝ่ ายเดยี ว ➢ยง่ิ สมาชิกมปี ฏิสัมพนั ธ์กนั มากเท่าใดกจ็ ะเกดิ ความผูกพนั ระหว่างกนั มากขนึ้ เท่าน้ันทาให้ การเช่ือมโยงแน่นแฟ้นมากขนึ้ มกี ารเรียนรู้ระหว่างกนั มากขนึ้ สร้างความเข้มแขง็ ให้กบั เครือข่าย

12 เครือข่ายแบ่ง ➢เครือข่ายทเ่ี กดิ โดยธรรมชาติ ออกเป็ น 3 ลกั ษณะ ➢เครือข่ายจัดต้ัง ➢เครือข่ายววิ ฒั นาการ

เครือข่ายทเ่ี กดิ โดยธรรมชาติ 13 ➢เกดิ จากการทผ่ี ู้คนมใี จตรงกนั ทางานคล้ายคลงึ กนั หรือประสบกบั ปัญหาเดยี วกนั มาก่อนเข้ามารวมตวั กนั ➢แลกเปลยี่ นความคดิ และประสบการณ์ ร่วมกนั แสวงหาทางเลือกใหม่ทีด่ กี ว่า ➢การดารงอยู่ของกลุ่มสมาชิกในเครือข่ายเป็ นแรงกระตุ้นทเี่ กดิ ขนึ้ ภายในตัวสมาชิกเอง ➢เครือข่ายนีม้ กั เกดิ ขนึ้ ในพืน้ ที่ อาศัยความเป็ นเครือญาติ เป็ นคนในชุมชน หรือมาจาก ภูมลิ าเนาเดยี วกนั วฒั นธรรมความเป็ นอยู่คล้ายคลงึ กนั ➢อยู่ร่วมกนั เป็ นกลุ่มโดยจดั ต้งั เป็ นชมรมทมี่ กี จิ กรรมร่วมกนั ก่อน เม่ือมสี มาชิกเพมิ่ ขนึ้ จงึ ขยายพืน้ ทด่ี าเนินการออกไป หรือมกี ารขยายเป้าหมาย/วตั ถุประสงค์มากขนึ้ ➢มกั ใช้เวลาสร้างตัวทยี่ าวนาน แต่เมื่อเกดิ ขนึ้ แล้วจะเข้มแขง็ ยงั่ ยืน และมแี นวโน้มที่จะ ขยายตัวเพม่ิ ขนึ้

เครือข่ายจัดต้งั ➢มกั จะมคี วามเกยี่ วพนั กบั นโยบายหรือการดาเนินงานของภาครัฐอยู่ในกรอบ ความคดิ เดมิ ทใี่ ช้กลไกของรัฐผกั ดนั ให้เกดิ งานทเี่ ป็ นรูปธรรมโดยเร็ว ➢ส่วนมากสมาชิกทเ่ี ข้าร่วมเครือข่ายมกั จะไม่ได้มพี ืน้ ฐาน ความต้องการ ความคดิ ความเข้าใจ หรือมุมมองในการจัดต้ังเครือข่ายทต่ี รงกนั มา ก่อนทจ่ี ะเข้ามารวมตวั กนั ➢เป็ นการทางานเฉพาะกจิ ชั่วคราวทไี่ ม่มคี วามต่อเน่ือง และมกั จะจางหายไปใน ทสี่ ุด ➢แม้ว่ากลุ่มสมาชิกจะยงั คงรักษาสถานภาพของเครือข่ายไม่ได้แต่มแี นวโน้มทจี่ ะ ลดขนาดของเครือข่ายลงเมื่อเปรียบเทยี บระยะก่อต้งั 14

เครือข่ายววิ ฒั นาการ ➢เป็ นการถือกาเนิดโดยไม่ได้เป็ นไปตามธรรมชาตแิ ละไม่ได้เกดิ จากการจดั ต้งั โดยตรงมี 15 กระบวนการพฒั นาผสมผสานอยู่ ➢เร่ิมท่ีกลุ่มบุคคล/องค์กรมารวมตัวกนั ด้วยวตั ถุประสงค์กว้างๆในการสนับสนุนการและเรียนรู้ไป ด้วยกนั โดยยงั ไม่ได้สร้างเป้าหมายหรือวตั ถุประสงค์เฉพาะทชี่ ัดเจนนะหรืออกี ลกั ษณะหนึ่งคือถูกจุด ประกายความคดิ จากภายนอกไม่ว่าจะเป็ นการได้รับฟังหรือการได้เห็นการดาเนินงานของเครือข่าย อื่นๆมาแล้วเกดิ ความคดิ ทจ่ี ะรวมตัวกนั ➢สร้างพนั ธสัญญาเป็ นเครือข่ายช่วยเหลือและพฒั นาตนเอง เครือข่ายนีแ้ ม้จะไม่ได้เกดิ จากแรง กระตุ้นภายในโดยตรงต้ังแต่แรก แต่ถ้าสมาชิกมคี วามต้งั ใจจริงทีเ่ กดิ จากจิตสานึกทดี่ ี เม่ือได้รับการ กระตุ้นและสนับสนุนกจ็ ะสามารถพฒั นาต่อไปจนกลายเป็ นเครือข่ายทเี่ ข้มแขง็ เหมือนกบั เครือข่ายท่ี เกดิ ขึน้ โดยธรรมชาติ ➢เครือข่ายในลกั ษณะนีพ้ บเห็นอย่มู ากมาย เช่น เครือข่ายผ้สู ูงอายุ เครือข่ายโรงเรียน สร้างเสริมสุขภาพ

การสร้างเครือข่าย ➢การทาให้มกี ารตดิ ต่อสนับสนุนให้มกี ารแลกเปลยี่ นข้อมูล16 ข่าวสารและการร่วมมือกนั ด้วยความสมัครใจ ➢การสร้างเครือข่ายควรสนับสนุนและอานวยความสะดวกให้ สมาชิกในเครือข่ายมคี วามสัมพนั ธ์กนั ฉันเพื่อนที่ต่างกม็ คี วาม เป็ นอสิ ระมากกว่าสร้างการค้าสมาคมแบบพง่ึ พงิ ➢การสร้างเครือข่ายต้องไม่ใช่การสร้างระบบติดต่อด้วยการ เผยแพร่ข่าวสารแบบทางเดยี วและจะต้องมกี ารแลกเปลย่ี น ข้อมูลข่าวสารระหว่างกนั ด้วย

ความจาเป็ นทต่ี ้องมีเครือข่าย 17 ➢การพฒั นางานหรือการแก้ปัญหาใดๆทใ่ี ช้วธิ ีดาเนินงานในรูปแบบทสี่ ืบทอดกนั เป็ นวฒั นธรรม ภายในกลุ่มคน หน่วยงาน หรือองค์กรเดยี วกนั จะมลี กั ษณะไม่ต่างจากการปิ ดประเทศทไ่ี ม่มกี าร ติดต่อส่ือสารกบั ภายนอก การดาเนินงานภายใต้กรอบความคดิ เดมิ อาศัยข้อมูลข่าวสารทไี่ หลเวยี นอยู่ ภายใน ใช้ทรัพยากรหรือส่ิงอานวยความสะดวกทพี่ อจะหาได้ใกล้มือ หรือถ้าจะออกแบบใหม่กต็ ้องใช้ เวลานานมาก จะเป็ นอุปสรรคต่อการพฒั นางานอย่างยงิ่ และไม่อาจแก้ปัญหาทซ่ี ับซ้อนได้ ➢การสร้างเครือข่าย สามารถช่วยแก้ปัญหาข้างต้นได้ด้วยการเปิ ดโอกาสให้บุคคลและองค์กรได้ แลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสารรวมท้งั บทเรียนและประสบการณ์กบั บุคคลหรือองค์กรทอี่ ยู่นอกหน่วยงาน ของตน ลดความซับซ้อนในการทางาน ให้ความร่วมมือและทางานในลกั ษณะทเ่ี อือ้ ประโยชน์ซ่ึงกนั และกนั เสมือนการเปิ ดประตูสู่โลกภายนอก

ข้อเสนอแนะในการพฒั นาเครือข่ายเพ่ือความย่ังยืน 18 ➢สมาชิกทเี่ ข้าร่วมต้องเข้าใจเป้าหมายในการรวมตวั กนั ว่าจะก่อให้เกดิ ความสาเร็จใน ภาพรวม ➢สร้างการยอมรับในความแตกต่างระหว่างสมาชิก ยอมรับในรูปแบบและวฒั นธรรม องค์กรของสมาชิก ➢มกี จิ กรรมสมา่ เสมอและมากพอทจี่ ะทาให้สมาชิกได้ทางานร่วมกนั กระจายงานได้ทวั่ ถงึ ควรเลือกกจิ กรรมทง่ี ่ายและมแี นวโน้มประสบผลสาเร็จ ➢จัดให้มแี ละกระตุ้นให้มกี ารส่ือสารระหว่างการอย่างทวั่ ถึงและสมา่ เสมอ ➢สนับสนุนสมาชิกทุกกลุ่มและทุกด้านทต่ี ้องการความช่วยเหลือเน้นการช่วยเหลือกลุ่ม สมาชิกทยี่ งั อ่อนแอให้สามารถช่วยตนเองได้ ➢สร้างความสัมพนั ธ์ของบุคลากรในเครือข่าย

ข้อเสนอแนะในการพฒั นาเครือข่ายเพื่อความย่ังยืน 19 ➢สนับสนุนให้สมาชิกได้พฒั นางานอย่างเต็มกาลงั ตามศักยภาพและความชานาญทม่ี อี ยู่ โดยร่วมกนั ต้งั เป้าหมายในการพฒั นางานให้กบั สมาชิกแต่ละกลุ่ม ➢สร้างความสัมพนั ธ์ทแ่ี น่นแฟ้นระหว่างบุคลากรทุกระดบั ของสมาชิกในเครือข่ายในลกั ษณะ ความสัมพนั ธ์ฉันท์เพ่ือน ➢จดั กจิ กรรมให้สมาชิกใหม่ของเครือข่ายเพ่ือเช่ือมต่อคนรุ่นเก่ากบั คนรุ่นใหม่ในการสืบทอด ความเป็ นเครือข่ายต่อไป ➢จัดให้มเี วทรี ะหว่างคนทางานเพื่อพฒั นาหรือแก้ปัญหาในการทางานด้านต่างๆอย่าสมา่ เสมอ รวมท้งั การให้กาลงั ใจซ่ึงกนั และกนั ➢จัดให้มชี ่องทางการทางานร่วมกนั การสื่อสารทง่ี ่ายต่อการเข้าถึงทที่ นั สมัยและเป็ นปัจจุบนั เช่น สร้างระบบการส่งงานต่อ และสร้างเวบ็ ไซต์เช่ือมโยงเครือข่ายเข้าด้วยกนั

ประโยชน์ของ 1.ช่วยให้มกี ารแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร ทกั ษะ ความรู้ ประสบการณ2์ 0 การสร้างเครือข่าย เคร่ืองมือ และสื่อ 2.ช่วยลดการทางานและการใช้ทรัพยากรซ้อน 3.เกดิ ความเข้าใจกนั มากขนึ้ นาไปสู่การทางานร่วมกนั เพ่ือประโยชน์ ของทุกฝ่ าย 4.ให้ความต้องการของประชาชนได้รับการสนองจากรัฐ 5.ช่วยชี้ให้เห็นปัญหาและประเดน็ การพฒั นาทซ่ี ับซ้อนและท่วมท้น 6.ช่วยเชิญหน่วยงานวชิ าการและแหล่งทุนกบั ผู้ทตี่ ้องการความ ช่วยเหลือ 7.ทาให้คนและองค์กรได้รับความช่วยเหลือจากเพ่ือนได้รับกาลงั ใจ การ จูงใจ และการยอมรับ

ผู้จดั การเครือข่าย 21 มหี น้าทใ่ี นการดูแลรักษาเครือข่ายดงั ต่อไปนี้ 1.ช่วยสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นสมาชิกรวมตวั กนั ทางานโดยมกี จิ กรรมเป็ นส่ือ เช่น การประชุมประจาปี การจดั เวทแี ลกเปลยี่ นข้อมูลการแก้ไขปัญหาร่วมกนั 2.สมาชิกแกนนาต้องเปิ ดโอกาสให้มกี ารส่ือสารระหว่างกนั ส่งข่าวสารจดหมาย ข่าวของเครือข่ายมกี ารแลกเปลย่ี นข้อมูลระหว่างกนั 3.สร้างความรักความผูกพนั และความไว้เนื้อเช่ือใจระหว่างคนในกลุ่มสมาชิก 4.จัดให้มกี ระบวนการตัดสินใจโดยให้สมาชิกทุกกลุ่มมสี ่วนร่วม พยายามสร้าง สภาพแวดล้อมให้มกี ารเสนอความคดิ เห็นอย่างเป็ นอสิ ระ 5.วางแผนในการประสานงานระหว่างสมาชิก และเชื่อมต่อกบั เครือข่ายอื่นๆจัดระบบ การประสานงานให้คล่องตัวและทวั่ ถงึ

การรักษาเครือข่าย 22 หลกั การรักษาความสาเร็จของเครือข่ายมดี ังนี้ 1.มกี ารจัดกจิ กรรมร่วมทดี่ าเนินอย่างต่อเนื่อง 2.มกี ารรักษาสัมพนั ธภาพทดี่ รี ะหว่างสมาชิก เครือข่าย 3.กาหนดกลไกสร้างระบบตูมใจ 4.จัดหาทรัพยากรสนับสนุนเพยี งพอ 5.ให้ความช่วยเหลือและช่วยแก้ไขปัญหา 6.มกี ารสร้างผู้นารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง

คุณสมบตั ผิ ู้นากล่มุ สมาชิกแกนนา 23 การพฒั นาสมาชิกแกนนาทมี่ ปี ระสิทธิภาพ จะเป็ นตัวอย่างทด่ี ใี ห้แก่กลุ่มสมาชิกเครือข่ายอื่นๆ เป็ นทย่ี อมรับและเชื่อถือจากคนภายนอก เป็ นส่ิงจูงใจทท่ี าให้คนภายนอกอยากเข้ามามสี ่วนร่วมใน กจิ กรรมของเครือข่ายมากขนึ้ ซ่ึงสมาชิกแกนนาจะต้องมสี ่วนร่วมในทมี ดงั นี้ ➢มวี ุฒิภาวะสูง ➢ มคี วามเป็ นทมี ➢ มกี ารรวมตัวของสมาชิกในกลุ่มสูง ➢ มกี ารสื่อสารทว่ั ถึงและโปร่งใส ➢ มคี วามไว้เนื้อเช่ือใจระหว่างสมาชิก ➢ ใช้กระบวนการการตดั สินใจแบบให้ทุกคนมสี ่วนร่วม ➢ เคารพความคดิ เห็นซึ่งกนั และกนั ➢ มกี ารประสานงานระหว่างสมาชิกให้ครบถ้วนไม่ตกหล่นและเป็ นเอกภาพ ➢ ประสานงานกบั องค์กรภายนอกเครือข่ายได้เป็ นอย่างดี

24 การบริหารเครือข่าย ความหมาย สถานศึกษา การบริหารเครือข่ายการศึกษา หมายถึงกระบวนการ ในการบริหารเพ่ือทาให้กลุ่มบุคคลองค์กรในทางการศึกษาทมี่ ี เป้าหมายร่วมกนั มารวมตวั กนั ด้วยความสมคั รใจเพื่อร่วมกนั ทากจิ กรรมทางการศึกษาให้บรรลุเป้าหมายที่กาหนดโดยมี ความสัมพนั ธ์แนวราบมีความเสมอภาคและเรียนรู้ร่วมกนั อย่างต่อเนื่อง

ความคิดและหลกั การบริหารเครือข่ายการศึกษา 25 การรวมกลุ่มของบุคลากรหรือหน่วยงานทางการศึกษาเพ่ือ ดาเนินงานในเรื่องใดเร่ืองหน่ึงจาเป็ นต้องมกี ารบริหารจัดการ เครือข่ายเพ่ือให้การดาเนินงานบรรลเุ ป้าหมายตามทกี่ าหนดไว้มี หลกั การแนวคดิ ทฤษฎที ส่ี าคญั ในการบริหารเครือข่ายการศึกษา ดงั นี้ 1.แนวคดิ การผลกึ กาลงั 2.ทฤษฎกี ารแลกเปลยี่ น 3.หลกั การบริหารแบบมสี ่วนร่วม

1.แนวคดิ การผนึกกาลงั 26 หมายถงึ กระบวนการบริหารการทางานในลกั ษณะการร่วมกนั ทางานทม่ี ากกว่าหน่ึงบวกหน่ึงเท่ากบั สอง แต่ต้องเป็ นหน่ึงบวก หน่ึงมากกว่าสอง การรวมพลงั กนั ทางานเพื่อนาไปสู่ผลลพั ธ์ทมี่ ี คุณค่าหรือมคี วามเข้มแขง็ มากกว่าทต่ี ่างคนต่างทางานหรือแต่ละ องค์กรทางานโดยโดดเดย่ี ว

2.ทฤษฎกี ารแลกเปลย่ี น 27 หมายถงึ กระบวนการบริหารการทางานโดยมกี าร แลกเปลยี่ นผลประโยชน์ร่วมกนั ในลกั ษณะ win-win ดงั น้ัน เหตุผลหลกั ทจ่ี ะทาให้เครือข่ายเกดิ ขนึ้ โดยสมคั รใจกค็ ือแต่ละ ฝ่ ายมองเห็นของตนถงึ ประโยชน์ทีต่ นจะได้รับจากการได้เข้า ร่วมเครือข่ายซึ่งจะนาไปสู่ความเตม็ ใจทจี่ ะประสานการ ทางานร่วมกนั หรือเข้าร่วมเป็ นเครือข่าย

3.หลกั การบริหารแบบมีส่วนร่วม 28 หมายถงึ กระบวนการบริหารทใี่ ห้คนในองค์กรหรือผู้มสี ่วนเกย่ี วข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตดั สินใจใช้ความคดิ สร้างสรรค์และ ความเช่ียวชาญในการบริหารงานให้บรรลุวตั ถุประสงค์หรือการแก้ไข ปัญหาต่างๆทีเ่ กดิ จากการบริหารงานร่วมกนั ประกอบด้วย 3.1การร่วมแลกเปลย่ี นข้อคดิ เห็น 3.2การร่วมเป็ นพนั ธมติ ร 3.3การเข้าร่วมใช้สิทธิในการตดั สินใจ 3.4การควบคุมการตดั สินใจโดยเครือข่าย

การสร้างเครือข่ายการศึกษา 29 1.ข้นั เตรียมการแสวงหาผ้รู ่วมพฒั นา เป็ นการสร้างความตระหนักให้บุคลากรหลกั และผ้เู กยี่ วข้องหลกั ของสถานศึกษาในการ แสวงหาเครือข่ายท่มี ีความเข้าใจเหมาะสมสอดคล้องนาไปสู่ความสัมพนั ธ์ในความร่วมมือที่ดี 2.สร้างข้อตกลงและร่วมวางแผน เมื่อผ้นู าและผู้บริหารของเครือข่ายเหน็ ความสาคญั และประโยชน์ร่วมกนั และตกลงเป็ นการ เบื้องต้นทจ่ี ะร่วมมือเป็ นเครือข่ายเพื่อให้เกดิ แนวทางการดาเนินงานจดั กจิ กรรมและสร้าง ข้อตกลงและร่วมวางแผนต่อไป 3.เข้าร่วมดาเนินงานและกากบั ตดิ ตาม เป็ นข้นั ตอนสาคญั ในการนาแผนงานทเี่ ตรียมการไว้มาปฏบิ ตั เิ พื่อสร้างความร่วมมือของ เครือข่ายตามวตั ถุประสงค์ทกี่ าหนดไว้ 4.การทบทวนผลการดาเนินงาน เป็ นข้นั นาผลการประเมินมาใช้ในการทบทวนปรับปรุงการทางานร่วมกบั เครือข่ายต่อไป

การสร้างเครือข่ายและการมสี ่วนร่วม 30 ทางด้านการจัดการศึกษา การจดั การศึกษาให้มคี ุณภาพ มปี ระสิทธิผล มปี ระสิทธิภาพ จาเป็ นท่ี สถานศึกษาต้องอาศัยการมเี ครือข่ายและการมสี ่วนร่วมทุกภาคส่วน งบประมาณ วสั ดุอุปกรณ์ ครุภณั ฑ์ต่างๆ ไม่จากดั อยู่เพยี งแค่งบประมาณ ของแผ่นดนิ ทไี่ ด้รับการจัดสรร สถานศึกษาสามารถระดมได้ทุกภาคส่วน นอกจากนีส้ ถานศึกษาสามารถระดมท้งั ความคดิ สติปัญญา แรงกาย แรงใจ พลงั สมองของทุกองค์กรและชุมชนในท้องถน่ิ มาทาการพฒั นาการศึกษา ของชาตใิ ห้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้สู่ความเป็ นสากลต่อไป

ระดับของการสร้างเครือข่าย 31 1.ระดบั องค์การ ได้แก่การปรับเปลยี่ นโครงสร้างองค์การเพื่อรองรับการบริหารงานแบบมีส่วนร่วม เช่น ต้ังหน่วยงาน บุคลากร นโยบาย งบประมาณ ด้านการบริหารแบบมสี ่วนร่วม เป็ นต้น 2.ระดบั สถาบนั ได้แก่ การสร้างวฒั นธรรมการปฏิบตั งิ านแบบใหม่ของการบริหารแบบมีส่วนร่วม การปรับเปลย่ี นวธิ ีการปฏบิ ตั ิงาน การปรับกระบวนการทศั น์ของคนในองค์การให้สามารถปฏบิ ตั ิงาน กบั ประชาชนในลกั ษณะเป็ นหุ้นส่วน 3.ระดบั บุคลากร ได้แก่ การสร้างบุคลากรและฝึ กทกั ษะบุคลากรในองค์การให้เชี่ยวชาญในการปฏิบตั ิงานกบั ประชาชน เช่น ทกั ษะการส่ือสาร ทกั ษะการมสี ่วนร่วมของประชาชน ทกั ษะการบริหารความขดั แย้ง เป็ นต้น

32 ระดบั ของการ ระดบั ท่ี 1 การมสี ่วนร่วมในระดบั ให้ข้อมูลข่าวสาร มสี ่วนร่วม ระดบั ท่ี 2 การมีส่วนร่วมในระดบั การปรึกษาหารือ ระดบั ที่ 3 การมสี ่วนร่วมในระดบั ให้เข้ามามบี ทบาท ระดบั ท่ี 4 การมสี ่วนร่วมในระดบั สร้างความร่วมมือ ระดบั ที่ 5 การมีส่วนร่วมในระดบั ให้เสริมอานาจแก่ ประชาชน

องค์ประกอบของการสร้างเครือข่ายการมสี ่วนร่วม 33 1.วตั ถุประสงค์หรือเป้าหมาย 2.สมาชิก 3.ผ้ปู ระสานงานและคณะกรรมการ 4. กจิ กรรม 5.ทรัพยากร

ตวั ชี้วดั ความเข้มแข็งของเครือข่าย 34 การศึกษา ในการดาเนินงานเครือข่ายการศึกษาได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน การบริหารเครือข่าย การศึกษา เพื่อให้เกดิ ความเข้มแขง็ สามารถดารงอยู่ได้จึงเป็ นส่ิงสาคญั ให้เกดิ ผลดตี ่อหน่วยงานทที่ างานร่วมกนั เป็ นเครือข่าย มตี วั ชี้วดั สาคญั ทแี่ สดงถงึ ความ เข้มแขง็ ของเครือข่ายการศึกษา คือ ต้องมเี ป้าหมายร่วมกนั มรี ะบบบริหารจดั การทด่ี ี มกี ารแลกเปลยี่ นเรียนรู้ร่วมกนั ภาวะผู้นาของผู้บริหาร การมสี ่วนร่วมในการทางาน ความต่อเน่ืองของกจิ กรรม การสนับสนุนทรัพยากร การติดต่อส่ือสารผลประโยชน์ ร่วมกนั ในลกั ษณะwin-win การไหลเวยี นของข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง มนี วตั กรรมท่ี เกดิ จากการทางานเครือข่ายและมกี ารสรุปบทเรียนร่วมกนั อย่างชัดเจน

ประโยชน์ของการบริหารเครือข่ายการศึกษา 35 1.เป็ นเวทสี าหรับการแลกเปลย่ี นเรียนรู้ประสบการณ์ข้อมูลข่าวสารและความรู้ใหม่ๆ 2.เป็ นแหล่งระดมทรัพยากรนาไปสู่การแลกเปลย่ี นทรัพยากรและการจดั การทรัพยากร ร่วมกนั 3.เป็ นการระดมสรรพกาลงั เพ่ือร่วมคดิ รวมท้งั ร่วมแก้ปัญหาทเ่ี กดิ ขึน้ ร่วมกนั 4. เป็ นการป้องกนั การทางานซ้าซ้อนลดความสิ้นเปลืองของทรัพยากรด้วยการทางาน ร่วมกนั 5.เป็ นเวทกี ลางสาหรับการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทม่ี คี วามประสงค์จะ ทางานร่วมกนั ในรูปแบบเครือข่าย 6.เป็ นการรวมพลงั ในการทางานทย่ี ากๆท่คี นหรือหน่วยงานเดยี วไม่สามารถทาได้ สาเร็จต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของกลุ่มหรือทมี มาร่วมกนั ทางานในลกั ษณะของ เครือข่ายความร่วมมือ

โลกของเครือข่ายกบั ผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคต 36 โลกในยุคปัจจุบนั เทคโนโลยมี กี ารเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเร็วจากยุคอนาลอ็ ก สู่ยุคของดจิ ติ อล เทคโนโลยสี ารสนเทศทาให้เกดิ การปรับตัวในการทางานมาก ขนึ้ โลก มคี วามสลบั ซับซ้อนมากขนึ้ มกี ารแข่งขนั กนั มากขนึ้ ประชาชนหรือ ผู้รับบริการต้องการบริการทม่ี คี ุณภาพมากขนึ้ การดาเนินงานโดยลาพงั ไม่ยุ่ง เกย่ี วกบั ใครไม่สามารถทางานให้ประสบผลสาเร็จได้แการประสานความ ร่วมมือแการทางานร่วมกนั แการร่วมรับผดิ ชอบต่อสังคมร่วมกนั ผลงานท่ดี ี มาจากความร่วมมือและการยดึ จุดมุ่งหมายร่วมกนั ผู้บริหารในอนาคตจงึ ต้อง มคี ุณสมบตั ิเป็ นผู้นาแห่งการเปลย่ี นแปลงไปสู่คุณภาพการศึกษา

ศักยภาพของ 1.ต้องเปลยี่ นโครงสร้างองค์กรทก่ี ่อให้เกดิ ความร่วมมือและมคี วาม 37 ผู้บริหารในอนาคต ยืดหยุ่นคล่องตัวมากขนึ้ 2.ต้องมภี าวะผู้นาทด่ี โี ดยต้องปรับเปลยี่ นบทบาทจากการเป็ นผู้ ควบคุมงานไปสู่บทบาทใหม่ในฐานะผู้สนับสนุน 3.ต้องสร้างเครือข่ายพนั ธมติ รกบั สถานศึกษาอ่ืนตลอดจนกับ หน่วยงานอื่นท้งั ภาครัฐและเอกชน 4.ต้องให้ความสาคญั กบั ผู้มสี ่วนได้ส่วนเสียเช่นผู้ปกครองและชุมชน ทตี่ ้องการเข้ามามบี ทบาทต่อการดาเนินงานและการจัดการศึกษา 5.ต้องแสดงบทบาทการเป็ นผู้นาทส่ี าคญั ของสังคมแห่งความรู้โดย ต้องใช้เทคโนโลยกี ้าวหน้าช้ันสูงเป็ นเคร่ืองมือ 6.ต้องสร้างและมวี ฒั นธรรมการทางานทส่ี ่งเสริมให้เกดิ ความร่วมมือ ร่วมใจในการทางานมากกว่าการเน้นเร่ืองการแข่งขนั

สมาชิก 1.นางสาวชลติ า เรียนชอบ รหัส 62003116010 2.นางสาวทพิ วรรณ ชุมจนั ทร์ รหัส 62003116011 3.นางสาวอารยา แสนหลวง รหัส 62003116023