Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore king

king

Published by supawat_ku, 2018-05-16 00:40:46

Description: king

Search

Read the Text Version

1 บทท่ี 1 บทนำ ในภาวะปัจจุบนั ทุกท่านทราบดีวา่ ปัญหาที่สาคญั ของประเทศคือ ปัญหา เรื่อง ความแหง้ แลง้ การขาดแคลนน้าในฤดูแลง้ ตามทอ้ งที่ต่าง ๆ ทว่ั ทุกภาคของประเทศ แต่ในช่วงฤดูฝนเกิดภาวะน้าท่วม ทาความเสียหายให้กบั พืชผลและชุมชน ตลอดจนเกิดปัญหาส่ิงแวดลอ้ มของทรัพยากรน้าในทุกภูมิภาคท่ีมีสภาพปัญหาของน้าใกลเ้ คียงกนั โดยทวั่ ไป ภาคเหนือ มีปัญหาการขาดแคลนน้าเกิดข้ึนเฉพาะบางพ้ืนที่และตามฤดูกาล แต่ในดา้ นการพฒั นาแลว้ ภูมิภาคน้ียงั มีความตอ้ งการให้ขยายงานชลประทานให้มากข้ึน และบางพ้ืนท่ีตอ้ งการการป้องกนั ภยั เนื่องจากน้าท่วม ซ่ึงส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากป่ าไมบ้ ริเวณตน้ น้าลาธารถูกทาลายไปมาก และการนาเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใชป้ ระโยชน์อยา่ งเตม็ ที่ โดยไมม่ ีการวางแผนการจดั การที่เหมาะสมเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดข้ึนในอนาคต ทาใหท้ รัพยากรธรรมชาติที่เหลืออยูม่ ีสภาพเสื่อมโทรมลง ส่งผลกระทบต่อพ้ืนท่ีตน้ น้าลาธาร ระบบนิเวศและอุตุนิยมวทิ ยา เกิดปัญหาฝนแลง้ หรือฝนทิ้งช่วง

2 บทท่ี 2โครงกำรพระรำชดำริ ฝำยชะลอนำ้ฝำยต้นนำ้ ลำธำรพลกิ ผืนป่ ำให้สมบูรณ์ ป่ ากบั น้า ดูเหมือนจะเป็ นของคู่กนั เพราเม่ือป่ าสมบูรณ์น้าก็จะบงั เกิดข้ึน สร้างความชุ่มช้ืนให้แก่พ้ืนดิน ดงั น้นั น้ากบั ป่ าจึงมีความสัมพนั ธ์เก้ือกลู กนั และนามาซ่ึงความสมบูรณ์พูนสุขของสรรพสิ่ง ป่ าไม้ คือ ความสดใสเขียวขจีที่ทาใหอ้ ากาศเยน็ ฉ่าอยูเ่ สมอช่วยดึงกลุ่มเมฆฝนใหม้ าตกมากกวา่ ในพ้นื ท่ีท่ีไมม่ ีป่ าไมเ้ ป็นแนวป้องกนั ไฟป่ าที่สาคญั เป็นกาแพงป้องกนั ภยั จากพายลุ มแรง รากของตน้ ไมช้ ่วยกนัจบั ยดึ ผวิ ป้องกนั การกดั เซาะพงั ทลายยามเมื่อฝนตกหนกั นอกจากน้ี ป่ าไมย้ งั เป็ นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพซ่ึงยากจะพบไดใ้ นท่ีอื่น กล่าวคือป่ าไมเ้ ป็ นแหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสัตวป์ ่ านานาชนิด เป็นแหล่งรวมพืชพรรณนบั ไม่ถว้ น เป็นแหล่งรวมทางพนั ธุกรรม อีกท้งั เป็นแหล่งกาเนิด ที่อยอู่ าศยั และเส่ือสลายวนเวยี นไปตามวฏั จกั รที่เกี่ยวโยงกนั ท้งั พืชและสัตว์ ท้งั ผูใ้ ห้และผรู้ ับ ก่อกาเนิดเป็ นระบบนิเวศอนั สลบั ซบั ซ้อนแต่คงไวซ้ ่ึงความสมดุลเกินกว่าที่มนุษยจ์ ะใชก้ าลงั เงินหรือเทคโนโลยีช้นั สูงเพียงใดมาสร้างได้ ดงั น้ัน เม่ือลูกโซ่แห่งความสมดุลของธรรมชาติเหล่าน้ี ถูกทาลายลงไปมากจนเกินกาลงั ของระบบนิเวศท่ีจะมาทดแทนได้ คลื่นแห่งความหายนะก็จะสะทอ้ นกลบั มาสู่มนุษยซ์ ่ึงเป็ นผทู้ าลายห่วงโซ่แห่งความสมบูรณ์ สิ่งสาคญั คือ“คน” จะตอ้ งช่วยกนั ดุแลรักษาและปกป้องผนื ป่ า

3 การดูแลรักษา และฟ้ื นฟูสภาพป่ าไมเ้ พื่อนามาซ่ึงความสมบูรณ์ของป่ าไม้ ดิน และน้า มีหลากหลายวธิ ีการ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถึงความสาคญั ของป่ าไม้ และสภาพปัญหาต่างๆ ที่เกิดข้ึนจึงทรงเสนอวธิ ีการอนั เป็ นเคร่ืองมือท่ีสามารถจะใชป้ ระโยชน์ในการอนุรักษฟ์ ้ื นฟูป่ าไมใ้ ห้ไดผ้ ลดี โดยใช้ฝายก้นั น้าที่เรียกวา่ “Check Dam” หรืออาจเรียกอีอยา่ งหน่ึงไดว้ า่ “ฝายชะลอความชุ่มช้ืน”แนวพระรำชดำริเกยี่ วกบั ฝำยต้นนำ้ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงตระหนักถึงความสาคญั ของการอยู่รอดของป่ าไมเ้ ป็ นอยา่ งย่ิงทรงเสนออุปกรณ์อนั เป็ นเคร่ืองมือท่ีจะใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์และฟ้ื นฟูป่ าไมท้ ่ีไดผ้ ลดียิ่งกล่าวคือปัญหาสาคญั ท่ีเป็ นตวั แปรแห่งความอยรู่ อดของป่ าไมน้ ้นั น้า คือสิ่งท่ีขาดไม่ไดโ้ ดยแท้ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงแนะนาใหใ้ ชฝ้ ายก้นั น้าหรือเรียกวา่ Check Dam หรืออาจเรียกขานกนั วา่ ฝายชะลอความชุ่มช้ืนก็ไดเ้ ช่นกนั Check Dam คือสิ่งที่ก่อสร้างขวางก้นั ทางเดินของลาน้า ซ่ึงปกติมกั จะก้นั ห้วยลาธารขนาดเล็กในบริเวณท่ีเป็นตน้ น้าหรือพ้ืนที่ที่มีความลาดชนั สูง ทาใหพ้ ืชสามารถดารงชีพอยูไ่ ด้ และหากช่วงที่น้าไหลแรงก็สามารถชะลอการไหลของน้าใหช้ า้ ลงและกกั เก็บตะกอนไมใ่ หไ้ หลลงไปในบริเวณลุ่มน้าตอนล่าง นบั เป็ นวธิ ีการอนุรักษด์ ินและน้าไดด้ ีมากวธิ ีการหน่ึง

4 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวพระราชดารัสว่า \"การปลูกป่ าทดแทนป่ าไม้ที่ถูกทาลายน้ันจะต้องสร้างฝายเล็กเพ่ือหนุนน้าส่งไปตามเหมืองไปใช้ในพื้นท่ีเพาะปลูกท้ังสองด้าน ซ่ึงจะให้น้าค่อย ๆ แผ่ขยายออกไปทาความชุ่มช้ืนในบริเวณน้ันด้วย\" ในส่ วนของรูปแบบและลักษณะ Check Dam นั้น ได้พระราชทานพระราชดารัสไว้ว่า \"...ให้พจิ ารณาดาเนินการสร้างฝายราคาประหยดั โดยใช้วัสดุราคาถูกและหาง่ายในท้องถ่ิน เช่น แบบทิ้งหินคลุมด้วยตาข่ายปิ ดกน้ั ร่องน้ากบั ลาธารเลก็ ๆ เป็ นระยะ ๆ เพอ่ื ให้เกบ็ กกั น้าและตะกอนดินไว้บางส่วน โดยน้าทก่ี กัเกบ็ ไว้จะซึมเข้าไปในดินทาให้ความชุ่มช้ืนแผ่ขยายออกไปท้ังสองข้าง ต่อไปจะสามารถปลูกพนั ธ์ุไม้ป้องกนัไฟ พนั ธ์ุไม้โตเร็ว และพนั ธ์ุไม้ไม่ทงิ้ ใบ เพอื่ ฟื้ นฟทู ต่ี ้นน้าลาธารให้มีสภาพเขียวชอุ่มข้นึ เป็ นลาดับ...\"การสร้าง Check Dam พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานพระราชดาริเพิ่มเติมในรายละเอียดวา่ \"...สาหรับ Check Dam ชนิดป้องกันไม่ให้ทรายไหลลงไปในอ่างใหญ่จะต้องทาให้ดีและลึกเพราะทรายลงมากจะกกั เกบ็ ไว้ ถ้าน้าต้ืนทรายจะข้ามไปลงอ่างใหญ่ ถ้าเป็ น Check Dam สาหรับรักษาความชุ่มช้ืนไม่จาเป็ นต้องขุดลึกเพยี งแต่กกั น้าให้ลงไปในดิน แต่แบบกกั ทรายน้ีจะต้องทาให้ลึกและออกแบบอย่างไรไม่ให้น้าลงมาแล้วไล่ทรายออกไป...\" พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานแนวพระราชดาริเกี่ยวกบั การพิจารณาสร้างฝายชะลอความชุ่มช้ืนข้ึน เพื่อสร้างระบบวงจรน้าแก่ป่ าไมใ้ ห้เกิดประโยชน์สูงสุด คือให้ดาเนินการสารวจทาเลสร้างฝายตน้ น้าลาธารในระดบั ที่สูงที่ใกล้บริเวณยอดเขามากที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้ ลกั ษณะของฝายดงั กล่าวจาเป็ นจะตอ้ งออกแบบใหม่ เพื่อให้สามารถกกั เกบ็ น้าไวไ้ ดป้ ริมาณมากพอสมควรเป็ นเวลานาน 2 เดือนการ

5เก็บรักษาน้าสารองไดน้ านหลงั จากฤดูฝนผา่ นไปแลว้ จะทาให้มีปริมาณน้าหล่อเล้ียงและประคบั ประคองกลา้ ไมพ้ นั ธุ์ท่ีแข็งแรงและโตเร็วที่ใช้ปลูกแซมในป่ าแห้งแล้งอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ือง โดยการจ่ายน้าออกไปรอบ ๆ ตวั ฝายจนสามารถต้งั ตวั ได้ประเภทของฝายชะลอน้าหรือฝายชะลอความชุ่มช้ืน แบง่ ได้ 2 ประเภท1. ฝายตน้ น้าลาธาร หรือฝายชะลอความชุ่มช้ืน เป็นฝายท่ีกกั เก็บน้าให้ไหลชา้ ลง และสามารถซึมลงใตผ้ ิวดินเพอื่ สร้างความชุ่มช้ืนใหแ้ ก่พ้ืนบริเวณน้นั2. ฝายดกั ตะกอนดิน ทราย เป็นฝายท่ีดกั ตะกอนดินและทรายไม่ใหไ้ หลลงสู่แหล่งน้าเบ้ืองล่างเป้ำหมำยหลกั เป้าหมายหลกั ของโครงการ ฝายชะลอน้า แห่งน้ี คือ การฟ้ื นฟูและอนุรักษบ์ ริเวณตน้ น้าหว้ ยฮอ่ งไคร้ซ่ึงมีสภาพแห้งแลง้ โดยเร่งด่วน โดยทดลองใชว้ ิธีการใหม่ เช่น วธิ ีการผนั น้าออกจากอ่างเกบ็ น้าในระดบั บนลงไปแนวร่องน้าต่างๆ เพื่อช่วยใหค้ วามชุมช่ืนค่อยๆ แผข่ ยายตวั ออกไป สาหรับน้าส่วนที่เหลือก็จะไหลลงอ่างเกบ็ น้าในระดบั ต่าลงไป เพ่ือนาไปใชป้ ระโยชนท์ างดา้ นการเกษตรกรรมต่อไป ในการน้ีควรเริ่มปลูกป่ าทดแทนตามแนวร่องน้า ซ่ึงมีความชุ่มช้ืนมากกวา่ บริเวณสันเขา ซ่ึงจะทาให้เห็นผลโดยเร็ว นอกจากน้ียงั เป็ นการประหยดั กลา้ ไม้ และปลอดภยั จากไฟป่ าดว้ ย เมื่อร่องน้าดงั กล่าวมีความชุ่มช้ืนเพิ่มมากข้ึน ลาดบั ต่อไปก็ควรสร้างฝายตน้ น้าเป็ นระยะๆ เพื่อค่อยๆ เก็บกกั น้าไวแ้ ลว้ ส่งต่อท่อไมไ้ ผ่ส่งน้าออกท้งั สองฝั่งร่องน้า อนั เป็นการช่วยแผข่ ยายแนวความชุ่มช้ืนออกไปตลอดแนวร่องน้า

6ฝำยต้นนำ้ คืออะไร? ฝายตน้ น้า หรือฝายตน้ น้าลาธาร หรือฝายก้นั น้า หรือฝายแมว้ หรือฝายชะลอความชุ่มช้ืน คือสิ่งเดียวกนั เรียกดว้ ยภาษาองั กฤษวา่ Check Dam คือ สิ่งก่อสร้างขวาง หรือก้นั ทางเดินของลาน้า ซ่ึงปกติมกั จะก้นั ลาหว้ ย ลาธารขนาดเลก็ ในบริเวณที่เป็ นตน้ น้าหรือพ้ืนท่ีที่มีความลาดชนั สูง ให้สามารถกกั ตะกอนอยไู่ ด้และหากช่วงที่น้าไหลแรงก็สามารถชะลอการไหลของน้าให้ชา้ ลง และกกั เก็บตะกอนไม่ให้ไหลลงไปทบัถมลาน้าใหช้ า้ ลง และกกั เก็บตะกอนไมใ่ หไ้ หลลงไปทบั ถมลาน้าตอนล่างซ่ึงเป็นวธิ ีการอนุรักษณ์ดินและน้าไดม้ ากวธิ ีการหน่ึงประโยชน์ของฝำยต้นนำ้ - ช่วยลดความรุนแรงของการเกิดไฟป่ า เนื่องจากการกระจายความชุ่มช้ืนมากข้ึน สร้างระบบการควบคุมไฟป่ า ดว้ ยแนวป้องกนั ไฟป่ าเปี ยก - ช่วยลดการชะลา้ งพงั ทลายของดิน และลดความรุนแรงกระแสน้าในลาห้วย ทาให้ระยะเวลาการไหลของน้าเพ่ิมมากข้ึน ความชุ่มช้ืนมีเพิ่มข้ึนและแผก่ ระจายความชุ่มช้ืนออกไปเป็นวงกวา้ งในพ้ืนท่ีท้งั สองฝั่งของลาหว้ ย - ช่วยกกั เก็บตะกอนและวสั ดุต่างๆ ท่ีไหลลงมากบั น้าในลาห้วยไดด้ ี เป็ นการช่วยยืดอายุแหล่งน้าตอนล่างใหต้ ้ืนเขินชา้ ลง คุณภาพของน้ามีตะกอนปะปนนอ้ ยลง

7 - ช่วยเพม่ิ ความหลากหลายทางดา้ นชีวภาพใหแ้ ก่พ้นื ท่ี - ทาใหเ้ ป็นแหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสัตวน์ ้า และใชเ้ ป็ นแหล่งน้าเพื่อการอุปโภคบริโภคของมนุษย์ และสตั วป์ ่ าตา่ งๆ ตลอดจนมีน้าใชเ้ พอ่ื การเกษตรกรรมอีกดว้ ยรูปแบบของฝำยต้นนำ้ ลำธำร หรือ Check Dam ตำมแนวพระรำชดำริมี 3 รูปแบบ คือ 1. ฝำยต้นน้ำลำธำรแบบท้องถิ่นเบื้องต้นหรือท่ีเรียกกันท่ัวไปว่ำ “ฝำยแม้ว” เป็ นการก่อสร้างดว้ ยวสั ดุธรรมชาติท่ีมีอยู่ เช่น กิ่งไมแ้ ละท่อนไมล้ ม้ ขอนนอนไพร ขนาบดว้ ยกอ้ นหินขนาดต่าง ๆในลาหว้ ย ซ่ึงเป็ นการก่อสร้างแบบง่าย ๆ ก่อสร้างในบริเวณตอนบนของลาห้วยหรือร่องน้า ซ่ึงจะสามารถดกั ตะกอนชะลอการไหลของน้า และเพิ่มความชุ่มช้ืนบริเวณรอบฝายไดเ้ ป็ นอยา่ งดี วิธีการน้ีสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายนอ้ ยมาก หรืออาจไม่มีค่าใชจ้ ่ายเลย นอกจากแรงงานเท่าน้นั การก่อสร้างฝายตน้ น้าลาธาร แบบทอ้ งถิ่นเบ้ืองตน้สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี เช่น - ก่อสร้างดว้ ยท่อนไมข้ นาบดว้ ยหิน - ก่อสร้างดว้ ยทอ่ นไมข้ นาบดว้ ยถุงบรรจุดินหรือทราย - ก่อสร้างดว้ ยคอกหมูแกนดินอดั ขนาบดว้ ยหิน - ก่อสร้างแบบเรียงดว้ ยหินแบบง่าย - ก่อสร้างแบบคอกหมูหินทิง้ - ก่อสร้างดว้ ยคอกหมูถุงทรายซีเมนต์ - ก่อสร้างแบบหลกั คอนกรีตหินทิง้ - ก่อสร้างแบบถุงทรายซีเมนต์ - ก่อสร้างแบบคนั ดิน - ก่อสร้างแบบหลกั ไมไ้ ผส่ านขดั กนั อนั เป็นภูมิปัญญาชาวบา้ น

8 2. ฝำยต้นนำ้ ลำธำรแบบเรียงด้วยหนิ ค่อนข้ำงถำวร ก่อสร้างดว้ ยหินเรียงเป็นผนงั ก้นั น้าก่อนสร้าง บริเวณตอนกลาง และตอนล่างของลาห้วยหรือร่องน้าจะ สามารถดกั ตะกอนและเก็บกกั น้าใชช้ ่วงฤดูแลง้ ได้ บางส่วน 3. ฝำยต้นนำ้ ลำธำรแบบคอนกรีตเสริมเหลก็ เป็ นการก่อสร้างแบบถาวรส่วนมากจะดาเนินการ ในบริเวณตอนปลายของลาหว้ ยหรือร่องน้า จะสามารถดกั ตะกอนและเก็บกกั น้าในฤดูแลง้ ไดด้ ีประโยชน์ของฝำยต้นนำ้ ลำธำร 1. ช่วยเก็บกักน้ าชะลอไว้ให้อยู่บนพ้ืนผิวดินได้นานข้ึน น้ามีเวลาซึมผ่านผิวดินลงสู่ใต้ดิน(Infiltration) มากข้ึน ดินสามารถเก็บ(อุม้ )น้าไว้ 2 .ช่วยลดความรุนแรงของการเกิดไฟป่ า เนื่องจากการกระจายความชุ่มช้ืนมากข้ึน สร้างระบบการควบคุมไฟป่ าดว้ ยแนวป้องกนั ไฟป่ าเปี ยก (Wet Fir Break) 3. ช่วยลดการชะลา้ งพงั ทลายของดิน และลดความรุนแรงของกระแสน้าในลาหว้ ย ทาใหร้ ะยะเวลาการไหลของน้าเพมิ่ มากข้ึน ความชุ่มช้ืนมีเพ่ิมข้ึนและแผก่ ระจายความชุ่มช้ืนออกไปเป็ นวงกวา้ งในพ้ืนท่ีท้งัสองฝ่ังของลาหว้ ย 4. ช่วยกกั เก็บตะกอนและวสั ดุต่าง ๆ ท่ีไหลลงมากบั น้าในลาห้วยไดด้ ี เป็ นการช่วยยดื อายุแหล่งน้าตอนล่างใหต้ ้ืนเขินชา้ ลง คุณภาพของน้ามีตะกอนปะปนนอ้ ยลง 5. ช่วยเพ่ิมความหลากหลายทางดา้ นชีวภาพใหแ้ ก่พ้นื ที่ 6. ทาใหเ้ ป็นแหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสัตวน์ ้า และใชเ้ ป็นแหล่งน้าเพื่อการอุปโภคบริโภคของมนุษย์และสัตวป์ ่ าต่าง ๆ ตลอดจนมีน้าใชเ้ พ่ือการเกษตรกร

9 บทท่ี 3ฝำยมชี ีวติฝำยมชี ีวติ ไชยมนตรีกำรบริหำรจัดกำรนำ้ แบบพงึ่ พำตนเองของชุมชน \"ฝายมีชีวติ ไชยมนตรี...การบริหารจดั การน้าแบบพ่ึงพาตนเองของชุมชน\"\"ลาน้าคลองท่าดี ตน้ น้าเกิดจากแหล่งน้าหลายสาขาในเขตเทือกเขานครศรีธรรมราช หรือชาวบา้ นเรียกว่าเขาหลวง ตน้ น้ามาจาก เขาคีรีวงเขตตาบลกาโลน อาเภอลานสกา ไหลผ่านอาเภอเมือง เรียกวา่ คลองท่าดีผา่ นตาบลกาแพงเซาตาบลไชยมนตรี ตาบลมะม่วงสองตน้ อาเภอเมือง เม่ือไหลมาถึง ก่อนเขา้ เมือง คลองแบ่งแยกเป็ นหลายสาขา สายหน่ึงไหลเลียบตวั เมืองข้ึนไปทางตะวนั ออกผา่ นตวั เมือง ที่สะพานราเมศวร์ตาบลท่าวงั ผา่ นตาบลท่าซกั ออกทะเลที่ปากพญาเรียกวา่ คลองปากพญา\" คลองท่าดีถือเป็ นเส้นเลือดใหญ่ท่ีหล่อเล้ียง ชีวติ ผคู้ น พี่นอ้ ง สองฝ่ังคลอง และชาวในเมืองนครศรีฯมานานหลายปี เน่ืองจากเทศบาลนครศรีฯ ไดใ้ ชน้ ้าในคลองแห่งผลิตน้าประปา เพ่ือผูค้ นในชุมชนเมือง ในอดีตการเป็ นอยูข่ องผคู้ นในหมู่บา้ น ตาบลไชยมนตรี,ตาบลกาแพงเชา,ตาบลมะม่วงตลอด หมู่บา้ นเหล่าน้ีมีคลองท่าดีไหลผา่ น หล่อเล้ียงชีวติ ผูค้ นมานานแสนนาน ชาวบา้ นอาศยั หลกั การพ่งึ พกั เอง อยกู่ นั อยา่ งพี่นอ้ งมีอาชีพทานา ทาสวน ปลูกผกั อาศยั ธรรมชาติของฤดูกาล เช่น ก่อนเขา้ หน้าฝนจะทานา หนา้ แลง้ เก็บเกี่ยวขา้ ว กรีดยางพารา ฤดูผลไม้ เก็บผลไมข้ าย อยอู่ ยา่ งเศรษฐกิจพอเพียง ผลิตท่ีเหลือนาเอาไปขายในตลาดในหมูบ่ า้ น ก่อนย่างเขา้ ฤดูฝน โดยเป็ นท่ีรับรู้ โดยทวั่ ไปในหมู่บา้ นว่าประมาณเดือนสิบสอง ฝนตกหนกั บนภูเขาทางทิศตะวนั ตกของหมู่บา้ นบริเวณเทือกเขาหลวง โดยการสังเกต เมฆกลุ่มฝนว่า มีลมพดั พาเมฆฝนจากทิศตะวนั ตก ไปตกทางทิศตะวนั ออก ลกั ษณะการตกของฝน ตกไล่มาจากฝั่งทิศตะวนั ตก ผา่ นหมู่บา้ นและมรสุมจะพาฝนไปตกทางทิศตะวนั ออกเป็ นอยา่ งน้ีหลายวนั วนั ละหลายๆคร้ัง ตามสาเนียงชาวบา้ นว่า“ฝนตกมาทางออกแลว้ ตกพล้าดข้ึนตก” ชาวบา้ นจะสังเกตว่าน้าที่ไหลมาจากตน้ น้า ซ่ึงชาวบา้ นเรียกวา่ ทาง“เหนือ” (ชาวบา้ นสมยั ก่อน แบ่งโซนหมู่บา้ นเป็ น “หมู่เหนือ” หมายถึงชาวบา้ นแถวอาเภอลานสกา “บา้ นเรา” คือตาบลไชยมนตรี กาแพงเซาและ “หมูน่ อก” หมายถึง แถวอาเภอปากพนงั )

10น้าซ่ึงไหลมามีสีขุ่น มีระดบั น้าเพ่ิมข้ึน ก็จะบอกต่อๆกนั ไปว่ามีน้ามาแลว้ เตรียมตวั เพ่ือรับมือกบั น้าท่วมโดยยา้ ยสิ่งของไปไวใ้ นที่สูง เตรียมอาหาร เสบียงไวพ้ อสัก 2-3 วนั เพ่ืออยู่กบั น้าโดยไม่เดือดร้อน เพราะบา้ นเรือนส่วนมากมีใตถ้ ุนสูง ผดิ กบั บา้ นเรือนสมยั น้ี ก่อสร้างโดยไมม่ ีใตถ้ ุน เม่ือมีน้ามาชาวบา้ นส่วนหน่ึงจะเตรียม อวน ยอ ตาข่าย ไซ โพงพางขนาดเลก็ เพอ่ื เตรียมดกั ปลาชนิดหน่ึงที่ชาวบา้ นชอบ และอยากกินในฤดูน้าหลาก คือ “ปลาเลียหิน “ ปลาเลียหินน้ีมีลกั ษณะเป็ นปลาตวั ยาวๆมีไข่เต็มทอ้ ง ตวั ขนาดวดั วงรอบ ไดป้ ระมาณ 1-2 นิ้ว จะมากบั น้าเพอื่ วางไข่ เม่ือวางไขเ่ สร็จ จะพาตวั เองข้ึนไปอยตู่ น้ น้าท่ีเดิม ชาวบา้ นจะวางอุปกรณ์ดกั ปลาชนิดน้ี ตอนปลา “เลียหิน” มากบั สายน้าคร้ังแรกๆ ปลาจะติดอุปกรณ์ดกั ปลาอยา่ งง่ายดายเพราะมีไข่เตม็ ทอ้ ง ก่อนฤดูยา่ งเขา้ ฤดูฝน เป็ นฤดูทานา คนในหมู่บา้ นจะทานาพอกินไปในระยะเวลา 1 ปี ที่เหลือจะนาไปขาย ไม่เก็บไว้ เพราะทาให้เมื่อสีเป็ นขา้ วสาร จะไม่มีคุณภาพ เพราะเม่ือเก็บไวน้ านๆ ขา้ วจะแดง พอยา่ งเขา้เดือน มีนาคม เมษายน ขา้ วในทอ้ งนาจะสุกเหลืองอร่าม พร้อมที่จะเก็บเกี่ยว ก็พากนั ลงแขก ชาวบา้ นเรียกวา่“ออกปาก” ช่วยกนั เก่ียวขา้ วกนั จนหมดของใครคนใดคนหน่ึงก่อน ไปจนหมดทุง่ นา ผคู้ นในหมู่บา้ นอยกู่ นั แบบสบายๆ มานานหลายปี หลายชวั่ อายคุ น มีคาพดู เล่นกนั ในหมู่บา้ นวา่ ”ถา้ยมื เงินเพื่อน ท่ีไม่มากมายสกั เท่าไหร่ จะคืนเจา้ ของต่อเม่ือน้า\"คลองแหง้ \" เพราะน้าคลองทา่ ดีในสมยั ก่อนไม่เคยแหง้ เหมือนสมยั น้ี เป็นการยนื ยนั วา่ คลองทา่ ดี สมยั ป่ ูยา่ ตายาย ไม่เคยเหือดแหง้ เมื่อ 40 ปี ที่แลว้ ชาวบา้ นอยากทานาก็ตอ้ งลงขนั กนั ทางแรงงานหาวสั ดุที่หามาได้ในหมู่บา้ น เช่นทางมะพร้าว กระสอบ ไมไ้ ผ่ ตน้ มะพร้าว เชือก และเงินทอง เพื่อก่อสร้างฝายเล็กๆ หรือท่ีเรียกวา่ “นบ” เพ่ือทดน้าใหผ้ า่ นเหมืองน้าเล็กๆ เพ่ือนาน้าจากคลองมาทานา เช่น “นบหนองบวั ” “นบเตียน” ซ่ึงเป็ นภูมิปัญญาชาวบา้ นต้งั แตไ่ หนแตไ่ รมา ภาครัฐได้มีก่อสร้างฝายกันน้าคลองท่าดี ซ่ึงเริ่มดาเนินการในปี 2518 จนสร้างเสร็จในปี 2531จากน้นั เป็นตน้ มาพบวา่ ในหมู่บา้ น น้าในคลองทา่ ดีไหลผา่ น ไดเ้ ปล่ียนไป แหง้ ขอดตลอด ลาคลอง น้านอ้ ยในหนา้ แลง้ น้ามากในหนา้ ฝน บริเวณในหมู่บา้ นสังเกตวา่ น้าใตด้ ินลดลง โดยสังเกตจากบ่อน้าต่างๆ ของชาวบา้ น ท้งั สองฝั่งคลอง บ่อน้าบางแห่งซ่ึงห่างจากตวั คลองไม่มาก เม่ือก่อนน้าอุดมสมบูรณ์ กลบั กลายเป็ นไม่มีน้าในหน้าแลง้ ทาใหต้ น้ ไม้ สวนผลไม้ ไม่มีผลผลิตเท่าที่ควร ยางพารา ไม่ให้ผลผลิต ท่ีนาปรับเปล่ียนสวนเน่ืองจากไมม่ ีน้าจะทานา นอกจากน้นั เม่ือก่อนในคลองจะมีน้าตลอดลาคลอง จะมีสตั วน์ ้า อุดมสมบูรณ์เช่นปลาปก ปลาโสด ปลาตะเพียน หอยขม กุง้ ปลาทราย ไดล้ ดจานวนลงเป็ นอยา่ งมาก สภาพคลองเส่ือมโทรม ไม่มีน้าในหนา้ แลง้ สตั วน์ ้าบางชนิดแทบจะหมดไปจากลาคลอง

11 ชาวบา้ นพบบทเรียนเกี่ยวกบั แนวทาง การดาเนินชีวติ เปล่ียนไปจากการท่ีตอ้ งซ้ือน้ามาดื่ม สัตวน์ ้าในลาคลองสายน้ีแทบจะไม่มีแลว้ บ่อน้าแห้ง แหง้ ไปท้งั หมู่บา้ น เคราะห์ร้ายที่สุด ชาวบา้ นมีสวนผลไม้ คนละนิดหน่อยส่วนหน่ึงตอ้ งแห้งเฉาตาย บางส่วนผลิตออกดอกออกผลได้จริงแต่ผลไม่เจริญเติบโตเท่าท่ีควรเพราะไม่มีน้าไปหล่อเล้ียงสวนผลไมเ้ หล่าน้นั หลายชุมชนตน้ น้า จึงเลือกที่จะบริหารจดั การน้าดว้ ยตวั เองจากภาวะน้าแลง้ ท่ีส่งผลกระทบต่อวถิ ีชีวติ ตามท่ีกล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ หลายชุมชน เช่น ชุมชนคีรีวง ชุมชนกาแพงเซา ชุมชนไชยมนตรี ชุมชนมะม่วงสองตน้ เร่ิมไดค้ ิด และรับรู้ถึงความแหง้ แลง้ ดงั น้นั จึงเกิดความร่วมมือหลายฝ่ ายเช่น คุณเดชฤทธ์ิ ไชยกล ผูใ้ หญ่บ้านหมู่ท่ี 4 ตาบลไชยมนตรีอาเภอเมือง จงั หวดั นครศรีธรรมราช แกนนาชาวบา้ น ลุงภิญโญ ดร. ดารง โยธารักษ์ ผูอ้ านวยการสถาบนัพ่ึงพาตนเอง คุณสมเดช คงเก้ือ จากสโมสรไลออ้ นจงั หวดั นครศรีธรรมราช ผลักดนั ให้เกิดฝายเพื่อจุดประกายใหช้ ุมชนมาร่วมกนั ลงแขกลงขนั ลงทุนอุปกรณ์และแรงงานท้งั หมดท้งั สิ้นโดยไม่ใชง้ บประมาณจากภาครัฐ เพ่ือบรรลุวตั ถุประสงคส์ าคญั ของโครงการที่ต้งั ใจจะให้ชุมชนเป็ นพลงั สาคญั ในการเปลี่ยนแปลงเร่ิมต้งั แต่การระดมความคิด การร่วมกนั ตดั สินใจจนกระทงั่ ร่วมลงมือทาโดยมีนกั วชิ าเป็ นพี่เล้ียงช่วยเสริมความรู้ให้เท่าน้นั กระบวนการเหล่าน้ีเอง เรียกวา่ “การสร้างชุมชนมีส่วนร่วมใหเ้ ขม้ แขง็ ไดอ้ ย่างยงั่ ยืน การสร้างฝายมีชีวติ ในคร้ังน้ีเราไม่เพียงแต่ไดเ้ รียนรู้กบั ภูมิปัญญาของชาวบา้ น ที่สร้างฝายจากไมไ้ ผ่ ใชท้ รายจากลาธาร และเทคนิคการมดั เชือกเทา่ น้นั ยงั เป็นนวตั กรรมของคุณสมเดช คงเก้ือ ท่ีเลียนแบบธรรมชาติสามารถเรียกปลา เรียกป่ ากลับคืนมา เรียกชุมชนที่เขม้ แข็งกลบั คืนมา ในวนั น้ีการทาฝายมีชีวิตของคลองท่าดีสามารถเป็นตน้ แบบแห่งความสาเร็จจากตน้ น้าท่ีขยายตอ่ ๆ ไปจนถึงปลายน้าหลกั คดิ ของฝำยมชี ีวติ ฝายมีชีวติ เป็นกระบวนการการแกป้ ัญหาน้าท่วม น้าแลง้ น้าหลาก และเพม่ิ น้าใตด้ ิน โดยใชภ้ ูมิปัญญาชาวบา้ น ผสมผสานกบั แนวคิดการจดั การตนเองของชุมชน สามารถจดั การ “ทุน” ชองเขาไดเ้ อง

12สามารถกาหนดทิศทางการบริหารจดั การน้าในชุมชนของเขาเอง อีกท้งั มีแผนการจดั การ เป็นอยา่ งระบบโดยมีภาคเครือขา่ ยดา้ นวชิ าการ และส่วนราชการท่ีมีหนา้ ท่ีเกี่ยวขอ้ งเป็นพ่ีเล้ียง 1. ไม่ใชโ้ ครงสร้างแขง็ ท่ีเป็ นสิ่งแปลกปลอมทางธรรมชาติ เช่น ปูน,เหลก็ 2. ใชร้ ะบบนิเวศน์ของรากไทร เป็นตวั ยดึ โครงสร้างฝาย ซ้ึงใชโ้ ครงสร้างเป็ นไม้ เช่น ไมไ้ ผ่ ไม้กระถิน ซ่ึงหาไดใ้ นชุมชน เป็ นตน้ เป็นโครงสร้างพ้ืนฐานในช่วงแรกของการทาฝาย ช่วงหลงั น้ีพบวา่ ตน้คลา้ ยจะมีลกั ษณะท่ีจะมาทดแทนตน้ ไทรได้ เพราะมีรากมากกวา่ ตน้ ไทร 3. ตวั ฝาย เป็นตวั ก้นั น้า,ดินเป็ นตวั เกบ็ น้า พืชท้งั สองฝั่งคลองเป็นตวั ใหน้ ้าประโยชน์ของฝำยมชี ีวติ 1. ในช่วงน้าหลาก ฝายมีชีวติ ชะลอน้าไมใ่ หน้ ้าไหลแรง 2. เกบ็ กกั น้าทาใหร้ ะดบั น้าใตด้ ินสูงข้ึน ชาวบา้ นสามารถใชบ้ อ่ น้าต้ืนในการอุปโภค บริโภค จากตน้ ไม้ ปลูกพืชผกั สวนครัว และนามาใชใ้ นหนา้ แลง้ ในการทาสวนมงั คุด ทุเรียน เงาะ มะนาว เป็นตน้ 3. ทาใหร้ ะบบนิเวศน์ บริเวณสองฝ่ังคลองคืนสภาพ เช่น ตน้ ไมไ้ ผ่ ตน้ สาคู ตลอดจนตน้ เลา อยไู่ ด้ตลอดถึงฤดูแลง้ ตน้ ไมเ้ หล่าน้ีจะทาหนา้ ที่ ไมใ่ ช่ตลิ่งของฝ่ังคลองตอ้ งถูกกดั เซาะในหนา้ น้านอง 4. ฝายมีชีวติ ไชยมนตรี สามารถเก็บกกั น้าไวใ้ ชใ้ นฤดูแลง้ ในทอ้ งคลอง โดยการคานวณปริมาณน้าท่ีสามารถเก็บกกั ไวใ้ นหนา้ แลง้ โดยเฉล่ียไมน่ อ้ ยกวา่ 60,000 ลูกบาศกเ์ มตร 5. สามารถระบายน้าใตด้ ิน และบนดินใหผ้ ใู้ ชน้ ้าปลายน้า สามารถมีน้าใชใ้ นฤดูแลง้ ได้

13 6. ปัจจุบนั ปริมาณน้าใตด้ ินลดปริมาณลงอยา่ งมาก เพราะส่วนราชการมกั แกป้ ัญหาโดยเม่ือมีน้ามากกฝ็ ันน้าใหล้ งสู่ทะเลใหเ้ ร็ว จนน้าไม่สามารถซึมผา่ นลงดินได้ ฝายมีชีวติ สามารถช่วยชะลอน้าใหม้ ีน้า มีเวลาซ่ึงลงสู่ใตด้ ินได้ 7. ฝายมีชีวติ ไม่ตดั วงจรทางระบบนิเวศน์ ท้งั สัตวน์ ้าและสตั วพ์ ืช สัตวน์ ้าสามารถผา่ นไปมาไดท้ างบนั ไดหนา้ หลงั ของฝายมีชีวิต ปลาสามารถวางไข่ไดต้ ามธรรมชาติ 8. ฝายมีชีวติ สามารถสร้าง “วงั น้า” ตามธรรมชาติท่ีหายไปจากการขดุ ลอก ทาใหว้ ถิ ีชีวิตริมคลองกลบั คืนมา เช่น ปลา นก กบ เขียด ตะพาบน้า หอย กุง้ ตลอดจน ตน้ ไม้ เช่น ตน้ จาก ตน้ เลา ตน้ พาเข ที่มีมาสมยั เก่าๆ กลบั คืนมา 9. คืนความสดใส คืนชีวติ สัตวน์ ้า คืนภาพนิเวศน์ คืนความสุขใหก้ บั ชาวชุมชนกลบั มาอีกคร้ัง

14 บทท่ี 3กำรสำรวจรำยละเอยี ดภูมิประเทศกำรสำรวจรำยละเอยี ดภูมปิ ระเทศ เมื่อเลือกทาเลท่ีจะสร้างฝายตน้ น้าไดเ้ รียบร้อยจนพร้อมท่ีจะเริ่มงานออกแบบ และทาการก่อสร้างต่อไปไดแ้ ลว้ ข้นั ตอนต่อไปก็ควรจะตอ้ งทาการสารวจรายละเอียดสาหรับใช้ประกอบการออกแบบและประมาณราคางาน รายละเอียดภูมิประเทศท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ ระดบั แสดงความสูงต่าของพ้นื ท่ีตน้ น้าตามแนวฝายและบริเวณที่จะสร้างฝาย ซ่ึงควรจะทาการสารวจแลว้ เขียนแผนท่ีแสดงดว้ ย ในแผนท่ีดงั กล่าวควรจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกบั แนวและรูปร่างของทางน้าในบริเวณที่จะสร้างฝายใหช้ ดั เจน วธิ ีการสารวจและการจดั ทาแผนที่สามารถดาเนินการไดด้ งั น้ี 1. เคร่ืองมือสารวจท่ีจาเป็ นไดแ้ ก่ โซ่หรือเทปสาหรับวดั ระยะทาง กลอ้ งส่องระดบั หรือ กลอ้ งส่องระดบั มือ ไมแ้ สดงระยะสาหรับใชส้ ่องระดบั และเขม็ ทิศ 2. การสารวจบริเวณที่สร้างฝาย จะเริ่มดว้ ยการสร้างหมุดหลกั ฐานสองหมุดไวท้ ี่สองฟากของลาน้าพร้อมท้งั กาหนดค่าระดบั สมมุติที่หมุดหน่ึง หาระดบั แนว และระยะของอีกหมุดหน่ึง เพ่ือใชใ้ นการสารวจต่อไปเช่นกนั การสารวจรายละเอียดบริเวณที่สร้างฝายท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ การสารวจแนวและความกวา้ งของลาน้าและระดบั ความสูงต่าของพ้ืนดินจากส่ิงท้งั สองฝ่ังลงมาจนถึงทอ้ งลาน้า ในการสารวจฝายตน้ น้า ฝายแบบถ่ินเบ้ืองต้นน้ันอาจจะไม่จาเป็ นท่ีจะตอ้ งเขียนแผนที่บริเวณที่ก่อสร้างหรือระดบั อาจจะใชก้ ารเดินสารวจลาหว้ ยหรือร่องน้าโดยราษฎรแลว้ ทาแผนท่ีลาหว้ ยบริเวณร่องน้า(Mapping) แบบง่ายๆ ใชว้ สั ดุธรรมชาติที่มีอยู่ จึงไมต่ อ้ งคานึงถึงเรื่องการออกแบบมากนกั จะเนน้ เฉพาะการก่อสร้างใหเ้ กิดความมนั่ คงแขง็ แรงเป็นหลกั สาหรับรูปแบบฝายที่ค่อยขา้ งถาวรและฝายแบบถาวร ซ่ึงจะตอ้ งนาผลการสารวจรายละเอียดภูมิประเทศไปประกอบการคานวณออกแบบ

15 หลังจากที่ได้มีการสารวจรายละเอียดภูมิประเทศบริ เวณท่ีจะก่อสร้างฝายต้นน้ าแล้ว ควรทาการศึกษาสภาพฐานรากของทอ้ งลาห้วยหรือร่องน้าว่าตวั ฝายอยู่บนฐานรากลกั ษณะใด การออกแบบโดยทว่ั ไปจะต้องคานึงความแข็งแรงของตวั ฝายสอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ในการใช้งานให้มากที่สุดโดยเฉพาะฝายตน้ น้าแบบทอ้ งถ่ินเบ้ืองตน้ ถึงแมจ้ ะไม่มีการออกแบบตามหลกั วชิ าการ ก็ควรจะมีการกาหนดวธิ ีการก่อสร้างให้สามารถใชง้ านไดน้ านท่ีสุดเท่าท่ีจะนานได้ โดยเสียค่าใชจ้ ่ายในการสร้างนอ้ ยที่สุด ดว้ ยเหตุน้ีการออกแบบฝายจึงตอ้ งมีการดาเนินงานอยา่ งละเอียดรอบคอบ ใหเ้ กิดประโยชน์ในการใชง้ านไดม้ ากที่สุดและมีความประหยดั เป็นหลกั เสมอ การออกแบบเพื่อกาหนดขนาดของฝาย ไม่มีการกาหนดขนาดท่ีแน่นอน แต่ใหค้ านึงถึงปัจจยั ต่างๆดงั น้ี 1. พ้นื ที่รับน้าหนกั ของแต่ละลาหว้ ย/ฝาย 2. ความลาดชนั ของพ้นื ที่ 3. สภาพของตน้ น้าและการชะลา้ งพงั ทลายของดิน 4. ปริมาณน้าฝน 5. ความกวา้ ง-ลึกของลาหว้ ย 6. แหล่งวสั ดุตามธรรมชาติ 7. วตั ถุประสงคข์ องการก่อสร้าง

16กำรประมำณรำคำ ราคาก่อสร้างงานต่างๆ จะประกอบดว้ ยค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงานก่อสร้าง ค่าวสั ดุก่อสร้าง ค่าอุปกรณ์ตา่ งๆ ท่ีจะตอ้ งจดั หามาใชง้ าน การประมาณค่าก่อสร้างให้ถูกตอ้ งและใกลเ้ คียงกบั ค่าใช่จ่ายจริงน้นั จะตอ้ งอาศยั ประสบการณ์และตอ้ งทราบหรือเขา้ ใจถึงองค์ประกอบต่างๆ ท่ีเก่ียวกบั การก่อสร้าง รวมท้งั จะตอ้ งพิจารณาถึงข้นั ตอนวา่ จะดาเนินการอยา่ งไร ผูก้ ่อสร้างจะสามารถควบคุมการก่อสร้างให้เป็ นไปตามแผนงานที่กาหนดไวไ้ ดใ้ กลเ้ คียงมากนอ้ ยเพียงใด ฤดูกาลขณะที่จะทาการก่อสร้างจะเป็ นอุปสรรคต่อการก่อสร้างมากน้อยอย่างไร อตั ราค่าแรง ค่าใช้จ่ายของช่างและมีควบคุมงานตลอดจนราคาวสั ดุท่ีจะซ้ือ รวมท้งั ค่าขนส่งที่นามายงั บริเวณก่อสร้าง ความสามารถในการทางานของผูป้ ฏิบตั ิงานแต่ละคนและพฒั นาความรู้เก่ียวกับเคร่ืองจักรเครื่องมือท่ีจะใช้ทางานอย่างละเอียดซ่ึงเมื่อได้คานวณปริมาตรงานต่างๆ ไวเ้ รียบร้อยแล้วก็จะทราบค่าก่อสร้างของงานแต่ละประเภทน้นั ได้กำรขยำยผลตำมแนวพระรำชดำ ความสมบูรณ์ของป่ าจะยงั คงอยไู่ ดก้ ็ดว้ ยการดุแลรักษาซ่ึงในอดีตการบุกรุกทาลายป่ า ตดั ไม้ การทาไร่เลื่อนลอยไดท้ าให้เกิดปัญหาใหญ่ท่ีตามมา คือ การชะลา้ งพงั ทลายของหนา้ ดินที่ขาดพืชปกคลุม เมื่อฝนตกลงมาการไหลบ่าของน้าฝนปริมาณมากไม่มีส่ิงใดมาก้นั ชะลอเอาไว้ ผิวหน้าดินซ่ึงประกอบไปด้วยสารอาหารที่สมบูรณ์ ก็จะถูกน้าฝนกดั เซาะพงั ทลายอยา่ งรุนแรงสร้างความเสียหายให้กบั พ้ืนท่ีเกษตรกรรมส่งผลให้ราษฎรเดือดร้อน รายไดน้ ้อยลง คุณภาพชีวิตต่าลงดงั เช่น ชาวบา้ นโป่ งน้าร้อน อาเภอเสริมงามจงั หวดั ลาปาง ไดค้ านึงถึงปัญหาที่เกิดข้ึนจึงไดร้ ่วมแรงร่วมใจกนั พฒั นาพ้นื ท่ีผนื ป่ าตามพระราชดาริใน

17พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสร้างฝายชะลอความชุ่มช้ืน โดยมีอุปกรณ์ท่ีใช้ทาฝายท่ีสาคัญๆประกอบดว้ ย ไมท้ ่อน หรือไมไ้ ผ่ ขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลางประมาณ 4-6 นิ้ว ไมไ้ ผ่ขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลางประมาณ 3-4 นิ้ว ทราย หิน ก่ิงไม้ ใบไม้ ในพ้ืนท่ี วิธีการดาเนินการโดยสารวจ และคดั พ้นื ท่ีตอดกลดั ไมท้ ่อนหรือไมไ้ ผข่ วางลาห้วย ระยะห่างประมาณ 15-20 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3.00-4.00 เมตร นาไมไ้ ผผ่ า่ คร่ึงนามาวางด้านหน้าหลกั ไมท้ ่อนท่ีตอกลงไป ต้งั แต่ด้านหลงั ของตวั ฝายข้ึนไปเร่ือยถึงหน้าฝาย นาเศษไม้ใบไม้ ทราย หรือวสั ดุที่หาไดใ้ นบริเวณน้นั มาใส่ตามช่องระหวา่ งไมไ้ ผผ่ า่ ต้งั แต่หลงั ฝายถึงหนา้ ฝาย ดงั ท่ี แกว้ ถาวรวรรณ ราษฎรบา้ นโป่ งน้าร้อนเล่าให้ฟังวา่ “ เรานาแนวพระราชดาริของในหลวงมาทาทน่ี ่ีแล้วผลมนั ส่งขยายไปทั้งประเทศ คิดดูซิว่า จากลาน้าแม่เสริม ลงสู่แม่น้าวัง จากน้าวังกล็ งสู่เจ้าพระยาทนี ้ีเราคิดว่าน้าวังสายน้ีเป็ นน้าที่สะอาด เป็ นน้าทไี่ ม่มีตะกอน ไม่มีขยะลง ผลก็สู่พี่น้องชาวไทย กค็ ิดอย่างนี้ครับ สภาพป่ าของเรากย็ งั เต็มกว่าแต่ว่าเราไม่มนี ้า แต่เขามนี ้า ไฟไหม้ป่ า มีการรักษาป่ าทีด่ ี เมือ่ กลับมากก็ ันสร้างฝาย เพราะว่าอยากจะให้มีน้าโดยใช้ไม้และของทห่ี าได้จากป่ าทงั้ นั้น ไม่ต้องลงทุนเพยี งแต่ลงแรงเท่านั้นกท็ าให้มีน้าใช้ได้ตลอดปี ทาให้ชีวิตความเป็ นอยู่ดีข้ึนมาก ไม่ต้องตัดไม้ สัตว์ในป่ าก็เพิม่ มากขึ้น ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการทางานอย่างมาก เราได้ผลเกินคาด ซึ่งในการปลูกป่ าน้ันต้องใช้ชาวบ้านปลูกป่ าในหัวใจของชาวบ้านเสียก่อนจึงจะเกดิ ผลดี” สภาพพ้ืนที่บ้านโป่ งน้าร้อน อาเภอเสริมงาม เป็ นเพียงหนึ่งตัวอย่างท่ีได้นาแนวพระราชดาริไปประยกุ ต์ ซ่ึงในปัจจุบัน ได้ทาหน้าที่เป็ นที่อาศัยพักพิง และดารงชีพบนผืนป่ าแห่งนี้ด้วยการหาของป่ า และพชื พรรณธัญญาหารนานาชนิดซึ่งยังคงให้ความสมบูรณ์ และหล่อเล้ียงชีวิตให้แก่ราษฎรได้ยังชีพ และสิ่งท่ีทาให้พวกเขาเหล่าน้ันยงั สามารถดาเนินชีวิตได้อย่างพอมีพอกนิ ไม่ร่ารวยแต่มคี วามยงั่ ยนื เปี่ ยมด้วยกาลังใจเพราะพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทีท่ รงนาวิถที างแห่งการหลุดพ้นจากความเดือดร้อนแห้งแล้งกันดาร สร้างความร่มเย็น และเพิ่มพูนทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ดังเดิมทกุ ชีวิตได้อาศัยร่มเงา

18


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook