1 กระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลายเทียน WATER BOTTLE BAG (CARDLE PAKUM FABRIC) ทศั นีย์ กุลงามสวสั ดิ์ โครงการนีเ้ ปน็ ส่วนหน่งึ ของการศึกษาตามหลกั สูตร ประกาศนียบตั รวิชาชพี ชน้ั สงู สาขาวชิ าการโรงแรม ประเภทวิชาอุตสาหกรรมทอ่ งเท่ยี ว วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาเชยี งใหม่ ปีการศกึ ษา 2563
2 กระเป๋าใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทียน WATER BOTTLE BAG (CARDLE PAKUM FABRIC) ทัศนยี ์ กุลงามสวสั ด์ิ โครงการน้เี ป็นสว่ นหนึ่งของการศกึ ษาตามหลักสตู ร ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ช้ันสูง สาขาวิชาการโรงแรม ประเภทวชิ าอุตสาหกรรมท่องเทย่ี ว วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาเชียงใหม่ ปกี ารศกึ ษา 2563
ก ใบรบั รองโครงการ วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาเชียงใหม่ เร่อื ง กระเปา๋ ใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทียน โดย นางสาวทัศนีย์ กลุ งามสวสั ดิ์ ได้รับการรับรองให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวชิ า การโรงแรม ทวิภาคี ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรมทอ่ งเท่ยี ว …………………………หัวหน้าแผนกวิชาการโรงแรม …………………………รองผูอ้ ำนวยการฝา่ ยวชิ าการ (นางอัปสร คอนราด) (นายณรงค์ศักดิ์ ฟองสินธ์ุ) วนั ท่ี……..เดอื น……………พ.ศ………… วันท…่ี …..เดือน……………พ.ศ………… คณะกรรมการสอบโครงการ ……………………………………………………. ประธานกรรมการ (นายทนิ กร ตบ๊ิ อินถา) ……………………………………………………. กรรมการ (นางสาวนพรรณพ ดวงแก้วกูล) ……………………………………………………. กรรมการ (นางสาวนัชพร สาครธำรง)
ข กติ ติกรรมประกาศ โครงการกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน ของนักศึกษาแผนกวิชาการโรงแรม วิทยาลัย อาชีวศกึ ษาเชียงใหม่ ฉบับนีส้ ำเรจ็ ลุล่วงไปได้ด้วยดีเนอ่ื งจากได้รับความกรุณา ความอนเุ คราะห์ การ สนบั สนนุ และการใหค้ ำแนะนำแนวทางในการดำเนินงานจากหลายท่าน ขอขอบพระคุณ นายทินกร ติ๊บอินถา ครูที่ปรึกษาวิชาโครงการ และคณะครูที่ให้คำปรึกษา โครงการ แนะนำและให้ข้อคิดต่างๆ ในการทำโครงการ ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่อง จนทำรายงาน โครงการฉบบั นีเ้ สรจ็ สมบรู ณ์ ผศู้ ึกษาจงึ ขอกราบขอบพระคุณปน็ อย่างสงู ขอกราบขอบพระคุณคุณพ่อ คุณแม่ ที่ให้กำเนิดเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนตลอดจนการให้ คำแนะนำคำปรึกษาในเร่อื งต่างๆ ทที่ ำใหโ้ ครงการฉบบั น้ีลลุ ่วงไปได้ด้วยดรี วมทงั้ เปน็ กำลังใจที่ดีเสมอ มา และขอขอบคุณผู้ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจ ทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่าช่วยเหลือและ อนุเคราะห์ในการตอบแบบสอบถาม จนทำให้โครงการฉบับนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รวมถึงผู้มีส่วน เกี่ยวข้องทุกท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการให้คำปรึกษา เป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือตลอดมา จนทำรายงานเลม่ นีส้ ำเรจ็ ลลุ ่วงไปด้วยดี นางสาวทัศนยี ์ กลุ งามสวัสด์ิ
ค ช่ือ : นางสาวทศั นีย์ กลุ งามสวัสด์ิ ชื่อโครงการ : กระเปา๋ ใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทยี น สาขาวชิ า : การโรงแรม ประเภทวชิ า : อุตสาหกรรมท่องเทยี่ ว อาจารย์ทป่ี ระจำวิชาโครงการ : นายทนิ กร ตบ๊ิ อินถา อาจารย์ทีป่ รกึ ษาวิชาโครงการ : นายทนิ กร ต๊บิ อินถา ปกี ารศกึ ษา : 2563 บทคดั ย่อ โครงการเรื่อง กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน มีวัตถุประสงค์เพื่อประดษิ ฐ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำ ผ้าลายเทียน เพื่อศึกษาความพงึ พอใจของผูใ้ ช้งานกระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทียน โดยมีกลุ่มตัวอย่าง แบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เปน็ การเลือกกลมุ่ ตัวอยา่ งโดยพิจารณาจากการตดั สินใจของ ผู้วิจัยเอง ลักษณะของกลุ่มที่เลือกเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ กลุ่มผู้ทดลองใช้งาน กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนจำนวน 50 คน ระหว่างวันที่ 7 ธันวาคม ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2564 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบบันทึกผลการทดลอง แบบสอบถามความพึงพอใจของ กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน ผลการดำเนินงานผู้ศึกษาพบว่า พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 84 ข้อมูลส่วนบุคคลด้านอายุ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อยู่ ในช่วงอายุ 15-20 ปี คดิ เป็นร้อยละ 54 และผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจของผูใ้ ชก้ ระเป๋าใส่ขวดน้ำ ผ้าลายเทียน พบว่ากระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนสามารถใช้งานได้จริงมากน้อยแค่ไหน ผลการ ประเมินอยู่ในระดับมาก (������̅=4.06) รองลงมาคือ มีความพึงพอใจในการใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำ ผ้าลายเทียนมากน้อยแค่ไหน อยู่ในระดับมาก (������̅=3.98) กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีความ ทนทานต่อการใช้งานมากน้อยแค่ไหน อยู่ในระดับมาก (������̅=3.92) กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมี สีสันสวยงาม อยู่ในระดบั มาก (������̅=3.8) มีความพึงพอใจในรปู ทรงของกระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทยี น มากน้อยแค่ไหน อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ความเหมาะสมที่จะวางผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำ ผ้าลายเทียนในห้องประชุม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมี ขนาดที่เหมาะสม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำ ผ้าลายเทียน อยู่ในระดับมาก (������̅=3.74) กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีลวดลายที่สวยงาม อยู่ใน ระดับมาก (������̅=3.72) ตามลำดบั
สารบัญ ง เร่อื ง หน้า ใบรบั รองโครงการ ก กติ ติกรรมประกาศ ข บทคัดย่อ ค สารบญั ง สารบญั (ต่อ) จ สารบัญตาราง ฉ สารบญั รปู ภาพ ช บทท่ี 1 บทนำ 1 1.1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของโครงการ 2 1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงการ 2 1.3 ขอบเขตโครงการ 2 1.4 ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รับ 3 1.5 นยิ ามศัพท์ บทท่ี 2 แนวคิดทฤษฎีและงานวจิ ัยที่เก่ยี วขอ้ ง 4 2.1 ความรเู้ ก่ียวกบั ผา้ ลายเทียน 5 2.2 ความร้เู กย่ี วกับงานประดิษฐ์ 7 8 2.3 ความรู้เกย่ี วกบั ผ้า 12 2.4 ความรู้เก่ยี วกับผา้ ใยกญั ชง 13 2.5 ประโยชนเ์ สน้ ใยกัญชง 17 2.6 แนวคดิ และทฤษฎีความพงึ พอใจ 2.7 งานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วขอ้ ง 20 บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย 20 3.1 การคัดเลือกกล่มุ ตัวอย่าง 21 3.2 เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ในการดำเนินโครงการ 22 3.3 ข้นั ตอนการดำเนนิ โครงการ 22 3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 3.5 การวเิ คราะห์และสรุปผล
จ สารบัญ (ต่อ) หนา้ เรอื่ ง 24 บทที่ 4 ผลการศึกษา 28 28 4.1 สรปุ ขน้ั ตอนการทำกระเปา๋ ใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทยี น 4.2 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู สว่ นบุคคล 30 4.3 ผลการวเิ คราะห์ความพึงพอใจของผ้ใู ช้กระเป๋าใสข่ วดนำ้ ผา้ ลายเทยี น 31 4.4 การจัดลำดบั ผลการวเิ คราะห์ความพึงพอใจของผใู้ ชก้ ระเปา๋ ใสข่ วดนำ้ 32 ผา้ ลายเทียน 33 4.5 ผลสรุปขอ้ เสนอแนะ 34 บทที่ 5 สรปุ ผล อภปิ ปรายและขอ้ เสนอแนะ สรุปผลการศกึ ษา อภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบนำเสนอขออนุมตั ิโครงการวิชาชพี ภาคผนวก ข แบบบันทกึ ผลการทดลอง ภาคผนวก ค แบบประเมินความพึงพอใจ ภาคผนวก ง การคำนวณค่าแบบประเมินความพึงพอใจ ภาคผนวก จ รปู ภาพประกอบโครงการ ภาพผนวก ฉ แบบรายงานผลการนำไปใช้ประโยชน์ ประวัติผจู้ ัดทำ
สารบญั ตาราง ฉ ตารางท่ี หน้า 1 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ข้อมลู สว่ นบุคคลด้านเพศ 28 2 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลสว่ นบุคคลดา้ นอายุ 28 3 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจของผูใ้ ช้กระเปา๋ ใส่ขวดน้ำ 29 30 ผ้าลายเทียน 4 ตารางการจัดลำดบั ผลการวเิ คราะหค์ วามพึงพอใจของผใู้ ชก้ ระเปา๋ ใส่ ขวดน้ำผ้าลายเทียน
สารบญั ภาพ ช ภาพท่ี หน้า 2.1 ผา้ ลายเทียน 5 7 2.2 ผา้ ฝ้าย 7 2.3 ผ้าใยไหม 8 2.4 ผา้ ไนลอน 9 2.5 ผ้าใยกญั ชง 10 2.6 การเกบ็ ตน้ กัญชง 11 2.7 หมนุ เส้นใยกญั ชง 11 2.8 เสน้ ใยกัญชง 11 2.9 การทอผา้ ใยกัญชง 12 2.10 ผ้าใยกัญชงทท่ี อแลว้ 25 4.1 ตัดผา้ ลายเทียน 25 4.2 ตัดผา้ ซบั ในและผา้ กาว 25 4.3 รดี ผ้าลายเทียนและผา้ กาวติดไวด้ ้วยกัน 26 4.4 เย็บผา้ ซบั ในและผ้าลายเทียนติดไว้ด้วยกนั 26 4.5 เยบ็ ผา้ ลายเทยี นกบั ผ้าซบั ในเรยี บรอ้ ยแล้ว 26 4.6 ตัดฐานของกระเปา๋ 27 4.7 เยบ็ ฐานติดกับผา้ ลายเทยี น 27 4.8 เย็บผ้าลูกไม้ตดิ ดา้ นบนติดขอบ 27 4.9 กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผา้ ลายเทยี น
1 บทท่ี 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของโครงการ ม้งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในภูเขาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ชาวมง้ อพยพลงมาทางใตต้ ้งั แตศ่ ตวรรษที่ 18 เน่ืองจากสถานการณท์ ีไ่ ม่สงบทางการเมอื งและหาพื้นท่ี ทเี่ หมาะสมกับการเพาะปลกู กญั ชง กัญชงในภาษามง้ เรียกกญั ชงว่า \"หมั้ง” หรือ \"มา่ ง” ชาวม้งเชื่อ ว่าเทพเจ้าหรือเย่อโซ๊ะ เป็นผู้สร้างโลก สร้างมนุษย์ และได้ประทานพันธุ์พืชให้มนุษย์ได้ใช้ ซึ่งก็คือ \"หมั้ง หรือ กัญชง” นั่นเอง ชาวม้งใช้ใบกัญชงแทนใบชา ใช้เมล็ดเป็นยารักษาโรคและเป็นยาบํารุง เลือด โดยเคี้ยวเมล็ดสดๆ เพื่อเป็นยาสลายนิ่ว ใช้เปลือกมาทำเป็นเครือ่ งนุง่ ห่ม และเครื่องใช้สอยใน ชวี ติ ประจําวันในคติความเช่ือชาวมง้ \"กญั ชง” เป็นเสมือนสะพานเชอ่ื มตอ่ ระหว่างโลกมนษุ ย์ โลกของ เทพเจา้ และโลกของบรรพบรุ ษุ ถอื เปน็ ของมงคล ชาวม้งจงึ ลอกเส้นใยจากเปลือกกัญชง นำมาทำเป็น สายสิญจน์ใช้ในพิธกี รรมต่างๆ เช่นผกู มอื ใหก้ ับเด็กทเ่ี กิดใหมใ่ ชใ้ นพธิ ีอัวเน้งหรอื พธิ เี ขา้ ทรง ซง่ึ เป็นงาน ประเพณีสำคัญของชาวม้ง นำมาทอเป็นเสื้อผ้าใส่ในงานมงคลและวนั ปีใหม่ แม้แตใ่ นช่วงสุดท้ายของ ชีวิต เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายรวมถึงรองเท้าของชาวม้งที่เสียชีวิต ล้วนทําจากใยกัญชง กัญชง หรือ Hemp เป็นต้นไมท้ ี่มคี ุณสมบตั ิพิเศษจากเสน้ ใยของมัน เป็นเส้นใยท่ีมีคุณภาพสูงเหมาะกบั การนำไป ประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น เครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า รองเท้า ผ้าห่ม ผ้าคลุมไหล่ ตุ๊กตา และอื่นๆอีกมากมาย ด้วยคุณสมบัติที่เหนียวทนทาน ไม่อับชื้น ปราศจากเชื้อราและแบคทีเรีย ที่สำคัญป้องกันรังสียูวีโดยธรรมชาติ การปลูกต้นกญั ชงนับเป็นประเพณีและวิถีชีวิตที่อยู่คู่กับชาวม้ง ตั้งแต่เกิดจนสนิ้ เน่ืองจากสามารถป้องกันสัตวม์ พี ิษกัดต่อยได้เป็นอย่างดี ดว้ ยเหตุนี้ ชาวม้งจึงทำการ ปลูกต้นกัญชงเพื่อนำเส้นใยมาใช้ประโยชน์เป็นประจำทุกๆ ปี ดังนั้น กัญชงจึงเป็นพืชดั้งเดิมที่ใช้ ประโยชนต์ ามประเพณแี ละวฒั นธรรมของชนเผ่าม้งมานานแล้ว เมอ่ื ศนู ย์ศลิ ปาชพี ได้มีการส่งเสรมิ งาน หตั ถกรรมทถ่ี ักทอผา้ จากใยกญั ชง สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาพ้นื ทีส่ งู (องค์การมหาชน) จึงได้ส่งเสริมการ ปลกู กัญชงในเชิงพาณิชย์ ปัจจบุ นั มีชาวม้งอาศัยอยู่ในประเทศ จีน ไทย เวียดนาม ลาว สหรัฐอเมริกา โดยชุมชนชาวม้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอยู่ที่ตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ใน ชมุ ชนแตล่ ะชมุ ชนก็จะมีการทำผ้าลายเทยี น และผ้าปักขนึ้ มาเพ่ือใช้ในการดำเนนิ ชีวิต ผ้าลายเทียนมี ลวดลายและความสวยงาม ในการทำผ้าลายเทียน และผ้าปักนั้นเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นของชนเผ่า ท่บี ง่ บอกถงึ เอกลักษณ์ความเปน็ มาวถิ ีชีวิตของคนชนเผ่ามง้ ซึง่ ผา้ ลายเทียน และผ้าปักสามารถนำมา ทำเป็นเครื่องนุ่งห่มท่ีเป็นหนง่ึ ในปัจจัย 4 ที่จำเป็นในชวี ติ ของคนปัจจุบัน
2 ผ้าลายเทียนของชนเผ่าม้งเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ผ้าลายเทีนยนจึงมี ลวดลายที่เป็นเอกลักษ์และลวดลายที่แตกต่างกันไปตามชุมชนที่เป็นชนเผ่าม้ง และที่สำคัญการทำ ผ้าลายเทียนจะตอ้ งทำด้วยมอื ถงึ จะเปน็ ผา้ ลายเทียนแบบดงั้ เดมิ ที่สวยงาม แต่จะช้าและใชเ้ วลานานใน การทำผ้าลายเทียนแตล่ ะผนื ปจั จบุ นั จงึ มกี ารนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำผา้ ลายเทยี น โดยการพิมพ์ ลายเปน็ ผ้าทีละผนื ออกมา ซ่ึงผา้ ลายเทยี นคนในชนเผ่าจะนิยมนำมาตัดเป็นชุดมง้ ที่หน่ึงปีจะมีการตัด ชุดแค่หนึ่งครั้ง ทำให้ผ้าลายเทียนมีเยอะ และใช้ไม่ทันรวมทั้งอาคารปฏิบัติการโรงแ รม วิทยาลัย อาชวี ศึกษาเชียงใหม่ มกี ารจัดประชุมสมั มนาบอ่ ยคร้งั และทุกครง้ั มีการตัง้ ขวดนำ้ ในห้องประชุมทำให้ เห็นโลโก้ของขวดน้ำ และไม่สวยงาม ผู้จัดทำโครงการจึงได้มีแนวคิดประดิษฐ์ กระเป๋าใส่ขวดน้ำ ผ้าลายเทียน ขึ้นมา ซึ่งมีวัสดุที่หาได้ง่ายตามแหล่งชุมชนของชนเผาม้ง เพื่อนำมาสร้างเป็นสินค้า และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เสื้อผ้าออกมาที่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับชุมชน จากผ้าลายเทียนที่ยังไม่ได้ใช้ จงึ ได้จดั ทำโครงการ กระเป๋าใสข่ วดนำ้ ผา้ ลายเทยี น 1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงการ 1) เพ่อื ประดิษฐ์กระเปา๋ ใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทียน 2) เพอื่ ศึกษาความพึงพอใจของผใู้ ช้งานกระเปา๋ ใส่ขวดน้ำผา้ ลายเทยี น 1.3 ขอบเขตโครงการ 1) เชงิ ปริมาณ - จำนวน กระเป๋าใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทยี น 50 ชน้ิ - กลุ่มตัวอยา่ งในการตอบแบบสอบถาม คือ กลุ่มผู้ทดลองใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำ ผ้าลายเทยี นจำนวน 50 คน 2) เชงิ คณุ ภาพ - ผลติ ภัณฑก์ ระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน มลี วดลายท่ีสวยงาม และสามารถใช้งาน ได้จรงิ 3) ระยะเวลาและสถานทีใ่ นการดำเนนิ งาน - ระยะเวลาดำเนนิ งาน ตั้งแต่วนั ท่ี 7 ธนั วาคม 2563 ถงึ วนั ท่ี 12 มนี าคม 2564 - สถานทีด่ ำเนนิ งาน วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชยี งใหม่ 167 ถนนพระปกเกลา้ ตำบล ศรีภูมิ อำเภอเมอื ง จังหวัดเชยี งใหม่ 1.4 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ บั 1) สามารถนำผลิตภณั ฑ์ท่ีมีอยแู่ ล้วไปพัฒนาให้ดยี งิ่ ขึ้น 2) สามารถนำไปใชง้ านไดจ้ รงิ
3 1.5 นิยามศพั ท์ 1) กระเป๋า คือ สิ่งที่ทำคล้ายถุง ทำด้วยผ้า หนัง พลาสติก หรือวัสดุธรรมชาติ สำหรับใส่ เสื้อผ้าเงินทอง หรือสิ่งของต่างๆ มีหลายแบบหลายขนาด ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถุงผ้าเล็กๆ ที่เย็บติด เสอ้ื หรอื กางเกงสำหรับใสข่ อง หรือเพือ่ ตกแต่งเส้ือผา้ 2) ผ้าลายเทียน คือ เป็นศิลปะการสร้างลวดลายบนผืนผ้าเป็นเอกลักษณ์อีกแบบหนึ่งของ ชาวม้งท่มี ีการ ทาํ กนั ในกล่มุ มง้ ลายเท่านน้ั เป็นภูมิปญั ญาและศิลปะโบราณดง้ั เดิมท่ีเป็นมรดกตกทอด มาแตบ่ รรพบุรษุ ถ่ายทอดสืบตอ่ กนั มาจากรุ่นสู่รุน่ หลายชัว่ อายุคนจนถึงปจั จุบนั ผา้ เขียนเทียนเป็นผ้า ท่ชี นเผ่าม้งผูกพนั ธค์ มู่ ากบั ความเป็นชนเผ่า 3) กระเปา๋ ใสข่ วดน้ำผ้าลายเทียน คอื ผา้ ลายเทยี นทีป่ ระดิษฐ์เปน็ กระเป๋าสำหรับใส่ขวดน้ำ ทมี่ ลี วดลายทสี่ วยงาม
1 บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานวจิ ัยทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ในการศึกษาเรื่อง กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนครั้งนี้ ผู้จัดทำได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพอ่ื นำมาเป็นแนวทางในการประดิฐก์ ระเป๋าใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทยี น ดงั ต่อไปน้ี 2.1 ความรู้เก่ียวกับผ้าลายเทียน 2.2 ความรูเ้ กยี่ วกับงานประดิษฐ์ 2.3 ความรู้เก่ียวกบั ผ้า 2.4 ความรูเ้ ก่ยี วกับผา้ ใยกญั ชง 2.5 ประโยชนเ์ สน้ ใยกัญชง 2.6 แนวคดิ และทฤษฎีความพงึ พอใจ 2.7 งานวจิ ัยที่เกย่ี วขอ้ ง 2.1 ความรู้เก่ียวกับผา้ ลายเทยี น การเขียนเทยี น เป็นศลิ ปะการสร้างลวดลายบนผนื ผ้าเปน็ เอกลกั ษณ์อีกแบบหนึ่งของชาวม้งท่ี มีการทํากันในกลุ่มม้งลายเท่านั้น เป็นภูมิปัญญาและศิลปะโบราณดั้งเดิมที่เป็นมรดกตกทอดมาแต่ บรรพบุรษุ สืบต่อกันมาจากรุน่ ส่รู นุ่ หลายชว่ั อายุคนจนถึงปัจจุบนั ผา้ เขยี นเทียนเป็นผ้าท่ีชนเผ่าม้งผูก พันธ์คูม่ ากบั ความเป็นชนเผ่า ผูห้ ญงิ ชาวมง้ ลายทุกคนมคี วามสามารถในการวาดลวดลาย เขยนเทียน ลงบนผืนผ้าที่ตระเตรียมไว้ได้อย่างละเอียดซบั ซ้อน ผ่านกระบวนการจนเสร็จสิ้นเป็นผืนผ้าสําเร็จท่ี สวยงาม ผ้าม้งเขยี นเทยี น จงึ เปน็ ท่รี ้จู กั และนิยมกนั อยา่ งแพรห่ ลายสวนใหญน่ ยิ มนามาใช้ตัดเย็บเป็น กระโปรงผูห้ ญงิ ในอดตี ผู้หญิงชาวม้งจะบรรจงวาดลวดลาย เขียนเทียน แล้วนําไปย้อมสีและอัดกลีบ แล้วจึงนาํ ไปตดั เย็บกว่าจะผ่านกระบวนการจนแลว้ เสร็จเป็นกระโปรง 1 ตัว อาจตอ้ งใช้เวลาในการทํา ยาวนานถึงเกอื บ 1 ปีเพ่อื ให้ได้กระโปรงที่หญิงสาวชาวมง้ จะใชส้ วมใสทีส่ วยงามทีส่ ุด เทคนิคการเขียนเทียน มีลักษณะคล้ายการทาผ้าบาตกิ ที่รู้จกั กันแพรห่ ลายในปจั จุบนั โดยใช้ อุปกรณ์แท่งเล็กๆ ทําจากไม้กับทองแดงที่เรียกว่า หลาจัง จุ่มลงบนเทียนหรือขี้ผึ้งร้อนๆ แล้วนำมา วาดลวดลายบน ผ้าใยกัญชง หรือผ้าฝ้ายที่เตรียมไว้เมื่อเสร็จแล้วก็จะนําผ้าไปย้อมเย็นด้วยสีน้ำเงิน ธรรมชาติจากต้นก้ัง (หรือต้นห้อมท่ีให้สน้ำเงิน) เมื่อผ้าทั้งผืนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มตามต้องการแล้ว จึงนาํ ผ้าไปต้มด้วยความรอ้ นให้เทียนละลาย ก็จะไดผ้ า้ สีน้ำเงนิ มลี วดลายเขียนเทียนเป็นสีขาวกระจาย
5 สวยงามอยู่ทั่วทั้งผืน แล้วนําไปพับอัดกลีบเป็นกระโปรง หรืออาจนําไปปักลวดลายต่างๆ ด้วยด้าย หลากหลายสีสัน แล้วจึงนํามาสวมใส่เป็นชุดประจําชนเผ่าที่งดงาม ลวดลายบนผืนผ้า แต่ละผืนจะมี ความแตกตา่ งกันไปตามแต่ความชาํ นาญของผวู้ าด ลวดลายมที ้ังลายดงั้ เดิมที่สบื ทอดต่อๆ กันมา และ ลวดลายทเกิดจากจิตนาการ การสร้างสรรค์ใหม่ๆ แต่กระนั้นก็ยังมีลักษณะลวดลายที่สะทอนความ เป็นชนเผ่าม้งให้ปรากฎอยู่บนผืนผ้าแต่ละผืน เช่น ลายกากบาท ลายก้นหอย เทคนิคการเขียน เทียน ถอื ได้วา่ มีข้นั ตอนท่ยี ุง่ ยากและซบั ซอ้ น และต้องใช้ทกั ษะฝมี อื ในการวางลวดลาย เมือ่ ในปัจจุบัน ทีม่ ีการเปล่ีนแปลงทางเศรษฐกิจ และรสนิยมความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคเชิงการคา้ การขาย ชาวม้งเอง ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนวถิ ีจากการทําผ้าเขียนลายเทียนเพือ่ ใช้ในกลุ่มหรือคนในครอบครัว ก็ทําเพื่อ การค้ากันมากขึน้ โดยเฉพาะกลุ่มม้งท่อี ยใู่ นพืน้ ท่ีราบ หรอื อยู่ในแหลงทอ่ งเท่ยี ว จึงมีการพฒั นาคดิ ผลิต อุปกรณ์แม่พิมพป์ ั้มลวดลายต่างๆ แทนการเขียนด้วยมือใช้วิธีการปัม๊ ลวดลายที่เกิดจากการใช้กราฟ ฟิคสมัยใหม่เพื่อความรวดเร็วเพอื่ ตอบสนองต่อผู้ซอื้ จนในอนาคตศิลปะการเขียนเทียนอันสะท้อนถึง ภูมิปัญญาดั้งเดิมที่เป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพบุรุษของชนเผ่าม้ง คงจะสูญหายไปกับยุคไฮเทค เช่นปัจจุบันนี้ก็เป็นได้การเขียนผ้าลายเทียนหรือรูปแบบลวดลายต่างๆ ของชนเผ่าม้งล้วนเป็น เอกลัษณ์ของชนเผาที่ได้รบั การสืบทอดการมาอย่างยาวนานที่มีความสำคญั ต่อการดำรงชีวิต และวิถี ชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องคนในชนเผ่า ภาพที่ 2.1 ผ้าลายเทียน https://www.nairobroo.com/travel/tips-travelers/hmong-batik/ 2.2 ความรเู้ กีย่ วกับงานประดิษฐ์ ความหมายของงานประดษิ ฐ์ หมายถึง งานที่เกิดจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์สร้าง หรือประดิษฐ์ขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย หรือเพื่อความสวยงาม หรือประดับตกแต่งหรือเพอ่ื ประโยชน์ใช้สอย ความเป็นมาของงานประดษิ ฐ์ สิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นผู้สร้างผู้พัฒนา ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงแบบ ผลงานด้วยความคดิ สร้างสรรค์ที่มีอยู่ในแตล่ ะบุคคล มีวัตถปุ ระสงค์ ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์เพื่อตอบสนอง ความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอย งานประดิษฐ์มี ความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทยตั้ งแต่สมัยโบราณ เกี่ยวข้องกับ
6 ขนบธรรมเนียมและประเพณีทางศาสนา หลักการสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ การสร้างสรรค์งาน ประดิษฐใ์ หป้ ระดิษฐ์ใหป้ ระสบผลสำเรจ็ นั้น ผู้เรยี นต้องมคี วามพึงพอใจ ในการทำงาน โดยยดึ หลกั การ ดังนี้ 1) หมั่นศึกษาหาความรู้ในงานที่ตนเองสนใจ โดยศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญการในชุมชนการ โรงเรียน จากตวั อย่างสิง่ ประดิษฐท์ ่สี นใจ 2) ศึกษาหลักการ วิธีการ หรือขั้นตอนการปฏิบัติงาน ในการประดิษฐ์ชิ้นงานโดยการ วเิ คราะห์ ด้วยตนเองหรอื ศึกษาจากผู้รู้ ผเู้ ชีย่ วชาญ หรือจากสอ่ื ตา่ ง ๆ เชน่ วารสาร หนงั สอื เป็นตน้ 3) ทดลองการปฏิบัติการประดิษฐ์ ผู้เรียนต้องศึกษาคน้ ควา้ และทดลองปฏิบัติตามแนวคิดท่ี ได้สร้างสรรค์ไว้ และมีการปรับปรุงแก้ไข ขอ้ บกพรอ่ งจนสำเร็จเปน็ ช้ินงานประดิษฐท์ พ่ี งึ พอใจ ประเภทของงานประดิษฐ์ 1) งานประดิษฐท์ เ่ี ปน็ เอกลักษณ์ไทย - งานประดษิ ฐด์ ้วยดอกไม้สด - งานประดษิ ฐ์ดว้ ยใบตอง - งานแกะสลักพืชผักและผลไม้ - งานจกั สาน 2) งานประดษิ ฐท์ ั่วไป - งานปั้น - งานประดษิ ฐด์ อกไม้ ตน้ ไม้ดว้ ยกระดาษหรอื ผ้า - งานประดิษฐจ์ ากเศษวัสดหุ รอื วัสดุเหลอื ใช้ - งานประดิษฐจ์ ากวัสดุธรรมชาติ การออกแบบงานประดิษฐ์ เป็นการสร้างรูปลักษณ์ของชิ้นงาน โดยอาศัยความคิดสร้างสรรค์ความรู้ ความเข้าใจ ในหลักการออกแบบและนำมาใช้ ทำให้การออกแบบชิ้นงานนั้นมคี ุณค่าและน่าสนในยิ่ง การออกแบบ หมายถึง การทำตน้ แบบ หรอื การทำโครงสร้างของชน้ิ งานทต่ี อ้ งการประดษิ ฐ์ เพื่อให้ได้ ผลงานสำเร็จตามที่มุ่งหวัง โดยการเลือกวสั ดุ เลือกสี ที่นำมาใช้ให้เหมาะสมสวยงาม รูปแบบในการ ประดิษฐ์ขน้ึ อยู่กบั ความตอ้ งการและความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลที่ตอ้ งการจะสร้างสรรค์ชิ้นงานขึ้น ซึ่งสามารถสร้างได้จากการเรียนรู้ความสนใจของตัวเองที่จะนำมาปรับใช้ให้เกิดปรโ ยชน์และ สร้างสรรค์เปน็ ชน้ิ งานตามความตอ้ งการ
7 2.3 ความรู้เก่ยี วกบั ผ้า ผ้า คือ สิ่งที่ได้จากการนำวัสดุธรรมชาติหรือวสั ดุที่สังเคราะห์ขึ้นมาสานหรือทอจนเป็นเนื้อ เดียวกัน เช่น ฝ้าย ใยไหม ไนลอน เป็นต้น ประโยชน์ของผ้าคือการนำมาตัดเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่ม เคร่ืองใชป้ ระเภทผ้าต่างๆ และในดา้ นอื่นๆ เช่น การตกแต่งสถานท่ี เป็นต้น วัสดุหลักที่ใช้ในการผลิต ผ้า ได้แก่ วัสดุจากสัตว์ วัสดุจากพืช และจากการสังเคราะห์เคมี ผ้านั้นมีตั้งแต่ก่อนคริสต์ศักราชโดย จากการสำรวจพบผ้าลินินในถ้ำที่จอร์เจียเมื่อกว่า 134,000,463 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งนับเป็น หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ชิน้ นงึ เกี่ยวกับผา้ ท่ีสำคัญ สำหรบั ปัจจุบันนัน้ คณุ ภาพ และขนาดของผ้าจะ ถูกกำหนดโดยโรงงาน แต่เทคนิคการถักทอ และลวดลายบนผ้านั้นได้รับการสืบสานจากวัฒนธรรม โบราณ และการออกแบบสมัยใหม่จนกลายเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัย ผ้านั้นถูกนำไปใช้ประโยชน์ใน หลายด้าน แต่ที่พบมากที่สุดคือ การนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้า และภาชนะใส่ของ เช่น กระเป๋า และ กระเชา้ เปน็ ต้น นอกจากนย้ี ังนำไปผลติ เป็นผลติ ภณั ฑ์ใชใ้ นบา้ นดว้ ย เชน่ ผา้ มา่ น ผา้ ปเู ตยี ง ผา้ ขนหนู เป็นตน้ รวมถงึ ในวงการวทิ ยาศาสตร์และอุตสาหกรรม ไดน้ ำคุณสมบัติของผ้าไปใช้ในการกรองต่างๆ อีกด้วย โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรมมีการผลิตชุดสำหรบั งานเฉพาะด้านอีกดว้ ย เช่น ชุดสำหรับ ช่างซ่อมรถยนต์ท่ีมคี วามหนาเปน็ พเิ ศษ ชดุ สำหรบั นกั ดับเพลงิ ท่ีมคี วามไวไฟต่ำ และชดุ สำหรับแพทย์ ในห้องผ่าตัดที่มกี ารเคลอื บสารพเิ ศษสำหรบั ฆ่าเช้ือโรคโดยเฉพาะ ภาพที่ 2.2 ผ้าฝ้าย https://thai.tourismthailand.org/Articles ภาพท่ี 2.3 ผา้ ใยไหม http://issue247.com/around247/asos-will-no-longer-sell-silk-cashmere-mohair-or-feathers
8 ภาพท่ี 2.4 ผา้ ไนลอน https://th.aliexpress.com/i/32833467477.html ผา้ น้นั เป็นส่ิงสำคัญ และจำเปน็ ตอ่ การดำเนนิ ชวี ติ ของมนุษยย์ คุ ปจั จุบนั ไมว่ า่ จะเปน็ การนำผ้า ไปใชเ้ ปน็ เรอื่ งนงุ่ ห่ม ใชท้ ำเป็นกระเปา๋ สำหรับใส่ภาชนะซึ่งผา้ แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติต่อการใช้งานที่ แตกตา่ งกันออกไปขึ้นอย่กู ับความตอ้ งการ และความเหมาะสมของผา้ ทจ่ี ะนำมาใช้งาน 2.4 ความรูเ้ กี่ยวกับผา้ ใยกญั ชง กัญชง ควรค่ากับสมญานามคำว่าพืชมหัศจรรย์ได้แน่หรือกัญชง คือพืชพื้นบ้านที่อยู่คู่กับ วัฒนธรรมชาวเขาภาคเหนือมาตัง้ แต่อดีตกาล โดยเฉพาะชาวเขาเผ่าม้ง (Hmong) ที่มีวิถีชีวิตผูกพัน กบั กัญชงตัง้ แตเ่ กดิ จนตาย ชาวม้งจึงรู้จกั ปลกู กญั ชงและสั่งสมภมู ปิ ญั ญาในการใช้ประโยชน์จากกัญชง มายาวนานตงั้ แต่บรรพบุรุษ ในภาษาม้ง เรียกกญั ชงว่า \"หมง้ั ” หรือ \"มา่ ง” ชาวมง้ เช่ือว่าเทพเจ้าหรือ เย่อโซ๊ะ เป็นผู้สร้างโลกสร้างมนุษย์ และได้ประทานพันธุพ์ ืชให้มนุษย์ได้ใช้ซึ่งก็คือ \"หมั้งหรือกญั ชง” ชาวม้งใช้ใบกัญชงแทนใบชาใช้เมล็ดเป็นยารักษาโรคและเป็นยาบํารุงเลือดโดยเคี้ยวเมล็ดสดๆ เพ่ือ เป็นยาสลายนิ่วใช้เปลือกมาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม และเครื่องใช้สอยในชีวิตประจาํ วัน ในคติความเชื่อ ชาวม้ง \"กัญชง” เป็นเสมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์โลกของเทพเจ้า และโลกของบรรพ บุรุษถือเป็นของมงคล ชาวม้งจึงลอกเส้นใยจากเปลือกกัญชง นำมาทำเป็นสายสิญจน์ใช้ในพิธีกรรม ต่างๆ เช่น ผูกมือให้กับเด็กที่เกิดใหม่ ใช้ในพิธีอัวเน้งหรือพิธีเข้าทรง ซึ่งเป็นงานประเพณีสำคัญของ ชาวม้ง นำมาทอเป็นเสื้อผ้าใส่ในงานมงคลและวันปีใหม่ แม้แต่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เสื้อผ้าเครื่อง แต่งกายรวมถงึ รองเท้าของชาวม้งท่ีเสยี ชีวิต ลว้ นทําจากใยกญั ชงท้งั สนิ้ ดว้ ยความเชื่อว่า จะสามารถ เดินทางไปสู่สวรรค์และสื่อสารกับวิญญาณบรรพชนได้ หากไม่ใส่เสื้อผ้าที่ทอจากใยกัญชง แลว้ วิญญาณของผูน้ ั้นจะตอ้ งล่องลอยไปอย่างไรจ้ ดุ หมาย ดังนนั้ กญั ชงจึงเป็นพืชด้งั เดิมที่ใช้ประโยชน์ ตามประเพณีและวัฒนธรรมของชนเผ่าม้งมานานแล้ว ด้วยกัญชงมีลกั ษณะใกล้เคียงกับกัญชา จนคน ทัว่ ไปแทบจะแยกไมอ่ อก รัฐจงึ มีนโนบายห้ามปลูกกญั ชงในประเทศไทย ทำใหช้ าวม้งเสียอาชีพไปอีก ทั้งชาวมง้ ในประเทศไทยยงั ต้องสง่ั ซ้อื ผา้ ใยกญั ชงเพ่อื ใชใ้ นพธิ กี รรมจากม้งประเทศลาว เมอื่ ผ้าใยกญั ชง กลายเป็นสินค้าที่ตลาดต้องการ ผลผลิตจากประเทศลาวไม่เพียงพอ ม้งลาวจึงต้องไปรับซื้อผ้าจาก
9 ม้งแถบจีนยูนนานแม่ค้าชาวมง้ จงึ ต้องเดินทางไปแลกเปลี่ยนซื้อขายใยกัญชง จนกลายเป็นเครือข่าย เชื่อมการค้าขายระหว่างลาว จีน และไทย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2547 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ิ พระบรมราชินีนาถ ในรชั กาลท่ี 9 เสดจ็ พระราชดำเนินเย่ียมราษฎรในพ้นื ทภ่ี าคเหนือ ทรงผลกั ดันให้มี การศึกษาและส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยภูเขาได้ปลูกกัญชง เพื่อใช้ในครัวเรือนและจำหน่ายเป็น อาชีพเสริม สร้างรายได้จากงานหัตถกรรม มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สงู (องค์การมหาชน) จึงไดศ้ กึ ษาวจิ ัยสายพันธ์กุ ญั ชงท่ีมีสารเสพตดิ ต่ำ จนสามารถข้ึนทะเบยี นรับรองพันธ์ุ และทดลองปลูกกัญชงในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ตาก และเพชรบรูณ์ เมื่อศูนย์ศิลปาชีพได้มีการส่งเสริมงานหตั ถกรรมทีถ่ ักทอผ้าจากใยกัญชง สถาบันวิจัย และพัฒนาพน้ื ทส่ี ูง (องคก์ ารมหาชน) จงึ ไดส้ ่งเสริมการปลูกกญั ชงในเชิงพาณิชย์ ท่บี า้ นใหม่คีรีราษฎร์ และบา้ นใหม่ยอดคีรี ตาํ บลครี รี าษฎร์ อาํ เภอพบพระ จังหวดั ตาก ในพื้นท่ี 97 ไร่ ปัจจุบันได้ขยายไป ถึง 150 ไร่ โดยจัดสรรงบประมาณรวมทั้งจัดอบรมให้ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าใยกัญชง พัฒนาเครื่องมือในการลอกเปลือกกัญชงออกจากลำต้น เพื่อลดขั้นตอนลดระยะเวลาการผลิต และพัฒนาผนื ผ้าทอให้มีลวดลายทเี่ ก๋ไกห๋ ลากหลายกว่าเดิม จากนน้ั เป็นตน้ มา ผ้าทอใยกัญชงในบ้าน เราก็เข้าสู่ยุคพัฒนา มีการทอผสมกับฝา้ ย ทอผสมกับไหม หรือแม้แต่ทอผสมกับเสน้ ใยผ้ายีนส์ จึงได้ ลักษณะของเนื้อผ้าที่แตกต่างกันออกไป เมื่อปรับปรุงดีไซน์ให้ทันสมัย จนสามารถนำไปใช้ใน ชีวติ ประจำวันได้อยา่ งเหมาะสมแลว้ ก็ย่งิ เป็นทต่ี อ้ งการของตลาดคนรักงานหัตถกรรม ภาพที่ 2.5 ผ้าใยกัญชง https://www.thaitextile.org/th/insign/detail.1591.1.0.html กัญชง ขึ้นได้ในดินทุกชนิดสามารถเติบโตได้ดีในทุกสภาพอุณหภูมิ แต่ขึ้นได้ดีที่สุด ในสภาพแวดล้อมทีม่ ีความชื้นสงู และอุณหภมู ริ ะหว่าง 14-27 องศาเซลเซยี ส ในชว่ งเวลาเพาะปลูก 6 สัปดาห์แรกต้นกล้ามีความต้องการปริมาณน้ำหรือน้ำฝนจึงจะเจริญเติบโตได้ดี โดยกัญชงจะปลูก ระหว่างต้นเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และปริมาณน้ำฝนในแต่ละ ภูมิภาค โดยทั่วไปกัญชงจะทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ในระดับหนึ่ง แต่หากมีความแห้งแล้งมากจะทำ ให้ผลผลิตน้อยลง เมล็ดขึ้นได้ในดินร่วนซุย และมีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ ความลึกของการฝังเมล็ด
10 ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 2-4 เซนติเมตร โดยมีระยะห่างระหว่างแถว 6-15 เซนติเมตร จะงอกขึ้นได้ ภายใน 8-14 วัน จากนั้นตน้ กล้าจะเจริญเติบโตอยา่ งรวดเร็ว เพียง 90-120 วัน ก็จะให้ดอกติดเมลด็ สามารถเก็บเกี่ยวนำไปใช้ประโยชน์ได้ การเก็บเกี่ยวกัญชงของชาวเขาทางภาคเหนือ นิยมใช้เส้นใย จากลำต้นของตน้ เพศผูท้ ี่ ออกดอกใหม่ มีอายุระหวา่ ง 3-4 เดอื น เน่ืองจากจะเปน็ ช่วงที่เส้นใยมีความ เหนียวที่สุด เบาและเป็น สีขาวเหมาะสำหรับการใช้เป็นเส้นใยทอผ้า ผลผลิตของเส้นใยโดยเฉลี่ย คือ 45 กิโลกรัมตอ่ ไร่ บาง รายอาจได้ 150-200 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งนี้เนือ่ งจากชาวเขาจะเลือกเฉพาะ ลำต้นท่ีสวยงามเพอ่ื นำไปลอกเสน้ ใย และเวน้ บางส่วนเพ่อื เกบ็ ไว้เป็นเมลด็ พนั ธ์ุ การสกัดเส้นใย วิธีการแยกเสน้ ใยออกจากต้นพชื มหี ลายวิธี ดังน้ี 1) การแยกเสน้ ใยด้วยมอื (Scraping) มกั ใชใ้ นอุตสาหกรรมภายในครอบครัวเป็นสว่ นมาก 2) การแยกโดยปฏิกิริยาของแบคทีเรียและความชื้น (Retting) เป็นกระบวนการกำจัด เนื้อเยื่อและกัมออกจากบริเวณรอบเส้นใยพืช เมื่อสารเหล่านี้ถูกกำจัดออกไป เส้นใยสามารถแยก ออกจาก stem ได้ง่าย กระบวนการนส้ี ามารถใช้น้ำหรือใช้จุลนิ ทรียก์ ไ็ ด้ 3) การแยกโดยเครื่องจักรกล (Decorticating machine) การเส้นใยโดยใช้มือนั้น เปลือง แรงงานและทำได้ช้ามาก ต่อมาจึงพัฒนาใช้เครื่องจักรแทนซึ่งนับว่าสะดวกและทุ่นแรงได้มาก แต่ คุณภาพของเส้นใยชนิดน้ีจะดอ้ ยกว่าการแยกโดยปฏกิ ิรยิ าของแบคทีเรยี และความชืน้ 4) การแยกโดยใช้สารเคมี (Chemical extraction) เป็นวิธีการสกัดเส้นใยโดยใช้สารเคมี ต่างๆ เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ โซเดียมคาร์บอเนต โซเดียมซัลเฟต แคลเซียมไฮดรอกไซด์ โซเดียม คลอไรด์ วิธีนี้ใช้เวลาน้อยกว่าการแยกเส้นใยโดยปฏิกิรยิ าของแบคทีเรียและความชื้น และประหยัด แรงงานด้วยคลอไรด์ วิธีนี้ใช้เวลาน้อยกว่าการแยกเส้นใยโดยปฏิกิริยาของแบคทีเรียและความชื้น และประหยดั แรงงานดว้ ย ภาพที่ 2.6 การเก็บต้นกัญชง http://164.115.27.100/culture_th/ewt_w3c/ewt_news.php?nid=4303&filename=
11 ภาพท่ี 2.7 หมนุ เสน้ ใยกัญชง http://oknation.nationtv.tv/blog/puthsup-govservice/2019/02/28/entry-1 ภาพท่ี 2.8 เสน้ ใยกญั ชง https://medthai.com/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%87/ ภาพที่ 2.9 การทอผา้ ใยกญั ชง https://www.facebook.com/%E0%B8%9C%E0%-463826327427224/
12 ภาพที่ 2.10 ผา้ ใยกญั ชงท่ีทอแล้ว https://www.thaitextile.org/th/insign/detail.1591.1.0.html 2.5 ประโยชน์เส้นใยกัญชง ด้วยประโยชน์จากเส้นใยกัญชงที่เหนียวนุ่ม แข็งแรงกว่าผ้าฝ้าย ให้ความอบอุ่นกว่าลินิน ดดู ซับความชน้ื ได้ดกี ว่าไนล่อน ปอ้ งกันรงั สียูวไี ด้รอ้ ยเปอร์เซน็ ต์ แถมเนื้อผา้ ยงั มเี สน่ห์ สวยงามแปลก ตา มเี อกลักษณ์เฉพาะตวั กญั ชงจงึ ถกู นำมาแปรรปู ทาํ เป็นเคร่ืองน่งุ หม่ มาเนนิ่ นาน ย่งิ ในประเทศญปี่ นุ่ ด้วยแล้ว ชาวญี่ปุ่นถอื ว่าใยกัญชงเป็นเส้นใยมงคล เฉกเช่นเดยี วกบั ชาวม้ง ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมนำมาตดั กิโมโน (ราคาหลักแสนบาทไทย) เพราะเป็นผ้าที่มีความทนทานนับร้อยปี ทุกวันนี้ผ้าใยกัญชง กลายเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกเช่น Hermes Prada Converse Vans เป็นต้น ผลิตภัณฑ์จากใยกัญชงของไทยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ก็ส่งออกไปญี่ปุ่น ที่เหลือส่งไปยุโรป เช่น สวีเดน สหรัฐอเมริกาฯลฯ กัญชง ถือว่าเป็นพืชที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อยอดทางธุรกิจได้ มากมาย และกําลังเป็นสินค้าทีน่ ยิ มของผบู้ ริโภคกล่มุ อนรุ ักษ์สิง่ แวดล้อม เพราะสามารถใช้ประโยชน์ ไดท้ ุกส่วน ทั้งตน้ ใบ เมล็ด เปลอื ก สามารถแปรรปู นำไปทำผลติ ภัณฑ์ไดม้ ากกว่า 25,000 ชนิด ตั้งแต่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่นําเส้นใยมาทําเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อีกทั้งทำเสื้อเกราะกันกระสุนชั้นดีที่มี น้ำหนักเบา และสามารถใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ทำเยื่อกระดาษ (โดยเฉพาะกระดาษพิมพ์ ธนบัตร) วัสดุหีบห่อ ฉนวนกนั ความร้อน ไบโอพลาสติก ทำอิฐ (Hempcrete) หรือคอนกรีต สำหรับ งานก่อสร้าง ทำส่วนประกอบรถยนต์ ทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น พรม เก้าอี้ เป็นต้น นอกจากนั้นน้ำมัน และสารสกัดจากเมล็ดกัญชง ยังใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหาร ความงาม และผลิตภัณฑ์ ดูแลสขุ ภาพ เนอื่ งจากมคี ุณค่าทางโภชนาการสงู มที ้งั โปรตนี วติ ามินอี และโอเมกา้ สงู มาก โดยนำไป ทำเป็นอาหาร เช่น เส้นพาสต้า คุกกี้ ขนมปัง เบียร์ ไวน์ ซอส น้ำมันพืช เนยเทียม ชีส นม ไอศกรมี น้ำมันสลัด อาหารเสริม เต้าหู้ โปรตีนเกษตร หรือผลิตเป็นแป้งทดแทนถั่วเหลืองได้เป็นอย่างดี มีประโยชน์ต่อการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยรักษาไมเกรน โรคเกาต์ โรคบิด โรคลมชัก อีกทั้งนำไปทำน้ำมันซักแห้ง ทำสบู่ แชมพู โลชั่น เคร่ืองสำอาง ครีมกัน
13 แดด ครมี บำรงุ ผวิ รักษาโรคผวิ แหง้ คันและสะเก็ดเงินได้เปน็ อย่างดี แมแ้ ต่ในอุตสาหกรรมการเกษตร สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ย อาหารสัตว์ หรือผลิตเป็นพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่างๆ เช่น ถ่านไม้ แอลกอฮอล์ น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น แกนของต้นกัญชงมีคุณสมบัติดูดซับกลิ่น น้ำ หรือน้ำมัน ที่ประเทศญี่ปุ่นจึงมีการปลูกต้นกัญชงเพื่อช่วยดูดซับกัมมันตภาพรังสีอีกด้วย ด้านการแพทย์ คณะนักวิจัยใช้กัญชงกับ ผู้ป่วยมะเร็งที่ผ่านการรักษาทางเคมี (Chemotherapy) แล้วพบว่า กัญชง สามารถลดความรู้สึกอาเจียน ลดความเจ็บปวดและกระตุ้นความอยากอาหารได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายในอังกฤษทำให้การใช้กัญชงในทางการแพทย์ถูกห้ามใช้ใน การแพทยใ์ ดๆ 2.6 แนวคิดและทฤษฎคี วามพงึ พอใจ 1) ความหมายของความพึงพอใจ กู๊ด (Good, 1973) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง สภาพ คุณภาพ หรือระดับความพึง พอใจซง่ึ เป็นผลมาจาก ความสนใจตา่ ง ๆ และทศั นคตทิ ่บี คุ คลนัน้ มตี ่อสิง่ นั้น โอลิเวอร์ (Oliver, 1997) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจ คือการตอบสนองที่แสดงถึง ความร้ปู ะสงค์ของลกู คา้ เปน็ วจิ ารณญาณของลูกค้าที่มีต่อสินค้าและบริการ ความพงึ พอใจมีมุมมองที่ แตกตา่ งกนั แล้วแต่มมุ มองของแต่ละคน โวลแมน (Wolman, 1973) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกที่มีความสุขเมื่อ ได้รบั ผลสำเร็จตามจุดม่งุ หมาย ความตอ้ งการหรอื แรงจงู ใจ เคลิร์ก (Quirk, 1987)ความพึงพอใจหมายถึงความรู้ที่มีความสุขหรือความพอใจเมื่อได้รับ ความสำเร็จ หรือไดร้ ับสิ่งทต่ี อ้ งการ ฮอรน์ บ้ี (Hornby, 2000)ความพึงพอใจหมายถึงความรู้สกึ ท่ีดีเม่อื ประสบความสำเร็จหรือไต้ รับส่งิ ทีต่ อ้ งการใหเ้ กดิ ขึน้ เปน็ ความรู้สึกท่ีพอใจ วริ ุฬ พรรณเทวี (2542, หนา้ 111) ไดใ้ หค้ วามหมายความพึงพอใจ หมายถึงความรสู้ ึกภายใน จิตใจของมนษุ ย์ท่ไี ม่เหมือนกันขนึ้ อยู่กับแตล่ ะบุคคลว่าจะคาดหวงั กับส่ิงหน่งึ อยา่ งไร ถา้ คาดหวงั หรือมี ความตงั้ ใจมากและไดร้ ับการตอบสนองดว้ ยดจี ะมคี วามพงึ พอใจมาก แตใ่ นทางตรงกันขา้ มอาจผดิ หวัง หรือไม่พงึ พอใจเป้นอย่างยิง่ เม่ือไมไ่ ดร้ ับการตอบสนองตามท่ีคาดหวังไว้ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับส่ิงท่ีตนต้ังใจไว้ วา่ มมี ากหรอื นอ้ ย สุรยิ ะ วริ ยิ ะสวัสดิ์ (2530, หนา้ 42 อา้ งถึงใน ปราการ กองแก้ว, 2546, หน้า 17) ได้ให้ความ หมายความพึงพอใจหลังการให้บริการของหน่วยงานของรัฐของเขาว่า ระดับผลที่ได้จากการพบปะ สอดคลอ้ งกบั ปญั หาท่มี ีอยหู่ รือไม่ สง่ ผลดีและสรา้ งความภมู ใิ จเพียงใด และสรา้ งความภมู ใิ จเพียงใด สาโรช ไสยสมบัติ (2534, หน้า 18 อ้างถึงใน ปราการ กองแก้ว,2546, หน้า 17)ความพึง พอใจเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยทำให้งานประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ถ้าเป็นงานที่ เกี่ยวกบั การใหบ้ รกิ าร นอกจากผบู้ ริหารจะดำเนนิ การให้ผู้ทำงานเกิดความพึงพอใจในการทำงานแล้ว
14 ยังจำเป็นต้องดำเนินการที่จะทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความพึงพอใจด้วยเพราะความเจริญก้าวหน้าของ การบริการเป็นปัจจัยท่ีสำคญั ประการหนงึ่ ท่ีเปน็ ตวั บ่งช้ีถึงจำนวนผู้มาใช้บริการ ดังนั้นผู้บริหารท่ีชาญ ฉลาดจึงควรอย่างยิง่ ท่ีจะศึกษาให้ลึกซึ้งถึงปัจจัยและองค์ประกอบต่างๆที่จะทำให้เกิดความพงึ พอใจ ท้งั ผปู้ ฏิบัตงิ านและผมู้ าใช้บรกิ าร ราณี เชาวนปรีชาศ์ (2538, หน้า18 อ้างถึงใน วฤทธิ์ สารฤทธิคาม, 2548, หน้า 31)กล่าววา่ ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกหรือทัศนคติของบุคคลที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือปัจจัยต่างๆท่ี เกี่ยวข้องความรู้สกึ พึงพอใจจะเกดิ เม่ือความต้องการของบุคคลทีม่ ีตอ่ ส่ิงใดสิ่งหนึ่งหรือปัจจัยต่างๆที่ เก่ยี วข้องความร้สู กึ พงึ พอใจจะเกิดขน้ึ เมอ่ื ความต้องการของบคุ คลไดร้ บั การตอบสนองหรือบรรลุตาม จดุ มุ่งหมายในระดบั หน่งึ ความรสู้ ึกดังกล่าวจะลดลงหรือไมเ่ กิดขึ้น หากความตอ้ งการหรือจดุ มุ่งหมาย นั้นไม่ได้รับการตอบสนอง ความพึงพอใจต่อการใช้บรกิ ารจึงเป็นความรู้สึกของผู้ท่ีมารับบริการมีต่อ สถานบรกิ ารตามประสบการณท์ ี่ได้รบั จากการเข้าไปติดตอ่ ขอรับบริการในสถานบริการน้ันๆ อรรถพร คำคม (2546, หน้า 29) ได้สรปุ ว่า ความพงึ พอใจ หมายถึง ทศั นคติหรือระดับความ พึงพอใจของบุคคลต่อกิจการรมต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกิจกรรมนั้น ๆโดยเกิด จากพน้ื ฐานของการรับรู้ค่านิยมและประสบการณ์ที่แต่ละบุคคลจะได้รับ ระดับของความพึงพอใจจะ เกดิ ขน้ึ เมอื่ กจิ กรรมนน้ั ๆ สามารถตอบสนองความตอ้ งการแก่บุคคลน้นั ไดว้ ฤทธ์ิ สารฤทธคิ าม (2548, หน้า 32 อ้างถึงใน รัตนศักดิ์ ยี่สารพัฒน์, 2551, หน้า 6) ได้ให้ความหมายความพึงพอใจว่า เป็น ปฏิกิริยาด้านความรู้สึกต่อสิ่งเร้าหรอื สิ่งกระตุ้นที่แสดงผลออกมาในลักษณะของผลลัพธ์สุดทา้ ยของ กระบวนการประเมนิ โดยแบ่งออกถึงทศิ ทางของผลการประเมนิ ว่าเป็นไปในลกั ษณะทิศทางบวกหรือ ทศิ ทางลบหรอื ไม่มปี ฏกิ ิรยิ า เชลลี่ (Shelli, 1995, p. 9 อ้างถึงใน ปราการ กองแก้ว,2546, หน้า 17) ได้ศึกษาแนวคิด เกี่ยวกับความพึงพอใจ สรุปได้ว่าเป็นความรู้สึกสองแบบของมนุษย์ คือ ความรู้สึกในทางบวกและ ความรู้สึกในทางลบ ความรู้สึกในทางบวกเป็นความรู้สึกที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้ความรู้สึกที่มีระบบ ย้อนกลับและความสุขนี้สามารถทำให้เกิดความสุขหรอื ความรู้สกึ ทางบวกเพม่ิ ข้ึนได้อีก ดังน้ันจะเห็น ได้ว่าความสุขเป็นความรู้สึกที่สลับซับซ้อนและความสุขนี้จะมีผลต่อบุคคลมากกว่าความรู้สึกใน ทางบวกอ่ืน ๆ ความรูส้ กึ ทางลบ ความรู้สกึ ทางบวกและความสุขมีความสัมพนั ธก์ นั อย่างสลับซับซ้อน และระบบความสัมพันธ์ของความรู้สึกทั้งสามนี้เรียกว่าระบบความพึงพอใจ โดยความพึงพอใจจะ เกิดขึ้นเมื่อระบบความพึงพอใจมีความรู้สึกทางบวกมากกว่าความรู้สึกทางลบทฤษฎีความต้องการ ตามลำดบั ขั้นของมาสโลว์ (Maslow, 1970 อ้างถงึ ใน รงั สรรคฤ์ ทธ์ผิ าด,2550, หนา้ 23) มาสโลว์ (Maslow) ได้เรียงลำดับสิ่งจูงใจ หรือความต้องการของมนุษย์ไว้ 5 ระดับโดย เรยี งลำดับขนั้ ของความตอ้ งการไวต้ ามความสำคัญ ดังน้ี - ความตอ้ งการพน้ื ฐานทางสรรี ะ - ความตอ้ งการความปลอดภัยรอดพ้นอันตรายและม่นั คง - ความตอ้ งการความรกั ความเมตตา ความอบอนุ่ การมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมต่าง ๆ
15 - ความต้องการเกียรติยศชือ่ เสยี ง การยกยอ่ ง และความเคารพตวั เอง - ความตอ้ งการความส าเรจ็ ดว้ ยตนเอง ความพอใจในขั้นต่าง ๆ ของความต้องการของมนุษย์นี้ ความต้องการขั้นสูงกว่าบางครั้งได้ ปรากฏออกมาให้เห็นแล้วก่อนที่ความต้องการ ขั้นแรกจะได้เห็นผลเป็นที่พอใจเสียด้วยซ้ำอย่างไรก็ ตามบคุ คลแตล่ ะคนสว่ นมากแสดงใหเ้ ห็นว่า ตนมคี วามพอใจอยา่ งสงู สดุ ในลำดับขัน้ ความต้องการข้ัน ต่างๆ มากกว่าขั้นสูงจากการสำรวจ พบว่า คนธรรมดาทั่วไปจะมีความพอใจในลำดับขั้นตอนต่าง ๆ ดงั นี้ - ความตอ้ งการทางดา้ นกายภาพ 85% - ความตอ้ งการความปลอดภัย 70% - ความต้องการทางดา้ นสังคม 50% - ความตอ้ งการเด่นในสงั คม 40% - ความตอ้ งการที่จะได้รบั ความสำเร็จในส่ิงทต่ี นปรารถนา 10% แชลลี่(Shelly,1985อ้างใน กรรณิการ์ จันทร์แก้ว,2538, หน้า21) สรุปได้ว่าความพึงพอใจ เป็นความรู้สึกสองแบบของมนุษยค์ ือความรู้สึกในทางบวกและความรู้สึกทางลบ ความรู้สึกทางบวก เปน็ ความรู้สึกทเ่ี ม่ือเกิดขนึ้ แล้วจะทำใหเ้ กิดความสุขความสขุ น้ีเป็นความรู้สกึ ท่ีแตกต่างจากความรู้สึก ทางบวกอื่น ๆ กล่าวคือเป็นความรู้สึกที่มีระบบย้อนกลับ ความสุขเป็นความรู้สึกที่สลับซับซ้อนและ ความสุขนี้จะมีผลต่อบุคคลมากกว่าความรู้สึกทางบวกอ่ืน ๆ ของบุคคลจะเกิดขึ้นเมื่อความต้องการ ได้รับการตอบสนองในระดับหนึ่งเมื่อเกิดความต้องการบุคคลจะตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุความ ต้องการความพึงพอใจของบุคคลจะแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อมทางกายภาพและลักษณะส่วน บุคคล ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ(2538)ได้กล่าวว่าความพึงพอใจของลูกค้าเป็นระดับความรู้สึก ของลูกคา้ ที่มผี ลจากการเปรียบเทียบระหวา่ งผลประโยชน์จากคณุ สมบตั ิผลิตภัณฑห์ รือการทำงานของ ผลิตภัณฑ์กับการคาดหวังของลูกค้าหรือระหว่างการรับรู้ต่อการปฏิบัติงานของผู้ให้บริการกับการ คาดหวังของลูกค้าหรือบริการที่ลูกค้าคาดหวังระดับความพึงพอใจของลูกค้าเกิดจากความแตกต่าง ระหวา่ งผลประโยชนจ์ ากการบริการกับความคาดหวงั ของบุคคล ซึ่งความคาดหวังดงั กล่าวน้ันเกิดจาก ประสบการณ์และความรู้ในอดีตของแต่ละบุคคลอาทิจากเพื่อน จากนักการตลาด หรือจากข้อมูลคู่ แข่งขันเป็นต้น ฉะนั้นสิ่งสำคัญท่ีทำให้ผู้ให้บริการประสบความสำเร็จก็คือการเสนอบริการที่มี ผลประโยชนส์ อดคลอ้ งกับความคาดหวงั ของลูกค้าผู้ใช้บรกิ ารโดยยดึ หลกั การสร้างความพึงพอใจรวม สำหรับลูกค้า ส่วนผลประโยชน์จากการบริการเกิดจากการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ส่วน ผลประโยชน์จากการบริการเกดิ จากการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าโดยการสร้างคุณค่าเพิ่มเกิด จากการทำงานร่วมกันกับฝ่ายต่าง ๆ ของผู้ให้บริการโดยยึดหลักการสร้างคุณภาพรวม เกิดจากการ สร้างความแตกต่างทางการแข่งขันของการบริการโดยให้บริการที่แตกต่างจากคู่แข่งขันและความ แตกต่างต้องมีคุณค่าในสายตาของลูกค้าและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ซึ่งอาจเป็นความ
16 แตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ด้านบริการ ด้านบุคลากรและด้านภาพลักษณ์ซ่ึงความแตกต่างเหล่านี้จะเปน็ ตวั กำหนดคุณค่าเพ่มิ สำหรบั ลูกค้า ธรี กติ ิ นวรัตน ณ อยธุ ยา(2547)ไดก้ ล่าวถงึ แนวคดิ แนวคิดความพงึ พอใจของลกู ค้าวา่ ความพึง พอใจของลูกค้าจะเกิดจากประสบการณ์จากการให้บริการอย่างเต็มที่จนสุดความสามารถลูกค้าจะ รู้สกึ ว่าคุ้มค่าท่ไี ดม้ าใช้บริการความพงึ พอใจสำหรบั การบรกิ ารนัน้ สรา้ งไดย้ ากกวา่ สนิ คา้ เนื่องจากคุณภาพของสินค้าที่เป็นสิ่งที่พัฒนามาแล้วอยู่นิ่งไม่เปลี่ยนแปลงแต่คุณภาพการ บริการขึ้นกับพนกั งาน ซึ่งแปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์และสถานการณ์ตา่ ง ๆ หรือลูกคา้ ที่มาใช้บริการ บางรายอาจจะมีความต้องการเฉพาะที่มากเกินความต้องการที่ต้องการที่พนักงานจะให้บริการได้ อย่างเตม็ ทจ่ี งึ ทำให้เกดิ ความไมพ่ อใจ ดังน้นั ปัจจัยหลักในการสรา้ งความพงึ พอใจมี3 ประการ ดงั นี้ - ผูร้ ับบริการมีความตอ้ งการและความคาดหวังสำหรบั การบรกิ ารที่แตกต่างกนั ไปในแต่ละคน รวมท้ังความต้องการนน้ั ยงั เปลี่ยนไปสำหรับการบรกิ ารแต่ละครง้ั - ผู้ให้บริการความพึงพอใจของลูกค้ามีผลจากความรู้ความสามารถความพร้อมในด้านกาย และอารมณใ์ นขณะใหบ้ ริการรวมถึงความเตม็ ใจในการใหบ้ ริการให้บรกิ ารของพนกั งาน - สภาพแวดล้อมอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น อากาศแสงแดด เก้าอี้โต๊ะ สิ่งเหล่านี้มีผลต่อความพึง พอใจของลูกค้าที่มารับประทานอาหาร หรือเข้ามาใช้บริการในสถานที่ที่มาใช้บริการยิ่งไปก ว่าน้ัน ความพึงพอใจของลกู คา้ ยังมผี ลจากจำนวนลูกคา้ ทีม่ าใชบ้ ริการดว้ ยแถวทย่ี าวเหยยี ดของธนาคารในวัน ศุกรย์ ่อมสร้างความไมอ่ ยากใช้บริการ 2) การวดั ระดบั ความพึงพอใจของลกู คา้ หรือผู้ใหบ้ ริการว่าสามารถทำได้ 2 วธิ คี ือ - วัดจากการสอบถามความคิดเหน็ ของลกู คา้ หรือผูใ้ ช้บริการเป็นการวัดระดบั ความพงึ พอใจ ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการจากการสอบถามความคิดเห็นของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ โดยตรงทำได้โดย กำหนดมาตรวดั ระดบั ความพึงพอใจทล่ี ูกค้าหรือผู้ใช้บรกิ ารทีม่ ีตอ่ คุณภาพของสินค้าหรือบริการน้ัน ๆ และกำหนดเกณฑ์ชี้วัดระดับความพึงพอใจจากผลการวัดระดับความพึงพอใจเฉลี่ยที่ลูกค้าหรือ ผูใ้ ชบ้ ริการท่มี ีตอ่ คณุ ภาพของสนิ คา้ หรอื บรกิ ารนน้ั ๆ - วัดจากตวั ชว้ี ัดคุณภาพการให้บริการที่กำหนดขน้ึ โดยการวดั ระดับความพึงพอใจของลูกค้า หรือผู้ใช้บริการจากเกณฑ์ชี้วัดระดับคุณภาพสินค้าหรือบริการที่กำหนดขึ้นนี้อาจใช้เกณฑ์คุณภาพ ระดับต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นโดยผู้ให้บริการผู้ประเมินผลการให้บริการและมาตรฐานกลางหรือ มาตรฐานสากลของการให้บริการน้ัน สรุปความพึงพอใจ คือ การทำให้ความรู้สึกของบุคคลที่ได้รับบริการในสิ่งที่ดีเป็นที่พอใจ ประทับใจ ตามที่ผรู้ บั บริการตง้ั ใจ ไวห้ รือมากกวา่ ทค่ี ิดไว้ การจะทำใหเ้ กดิ ความรู้สกึ พึงพอใจได้หน่วย ให้บริการต้องวางระบบโครงสร้างที่ดี สอดคล้อง สัมพันธ์กันทุกฝ่าย เช่น ด้านเครื่องมือเครื่องใช้ท่ี ทันสมัย ดา้ นบุคลากรท่ีมีความรคู้ วามสามารถเข้าใจในหมีหนา้ ท่แี ละตอ้ งมีใจรกั ในการให้บริการ ด้าน สถานทส่ี ะอาดพน้ื ทเ่ี หมาะสมกับการใหบ้ ริการ มีความเช่อื มน่ั และม่ันใจเมือ่ มารับบรกิ าร ซง่ึ สงิ่ เหล่าน้ี
17 เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งจากองค์ประกอบอีกหลาย ๆ ด้านที่จะนำไปสู่จุดสูงสุดในเรื่องความพึง พอใจ 3) สรุปประเด็นเก่ยี วกบั ความพงึ พอใจดงั น้ี - ความพงึ พอใจเปน็ การเปรยี บเทียบความรู้สึกกบั ความคาดหวงั - ความพึงพอใจเปน็ การเปรยี บเทียบความรู้สึกกับส่งิ เร้า - ความพึงพอใจเปน็ การเปรียบเทยี บความรู้สึกหรอื ทัศนคตกิ บั สิ่งทไี่ ดร้ บั - ความพงึ พอใจเปน็ การเปรยี บเทียบประสบการณก์ บั การคาดหวงั 2.7 งานวจิ ยั ท่เี กยี่ วขอ้ ง โครงการกระเปา๋ ใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทียน ผู้จัดทำโครงการได้ศึกษาค้นคว้าบทความงานวิจยั ท่ี เก่ียวข้อง ด้งั น้ี แก้วสวัสดิ์ อุดมลักษณ์ (พ.ศ.2557) การศึกษาผ้าถุงอเนกประสงค์จากนครศรธี รรมราชทีท่ ำ ด้วยเทคนิคการตัดผ้ามีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ ประการแรกต้องเข้าใจการออกแบบและ กระบวนการผลติ และประการที่สองทำความเข้าใจกับลูกคา้ /ความพึงพอใจของตลาดเป้าหมายที่มีต่อ กระเป๋า ตัวอยา่ งการออกแบบสามตัวอย่างเปดิ เผยตอ่ ผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบ 5 คน นอกจากน้ี ยังขอให้กลุ่มตัวอย่างตลาดเป้าหมายห้าสิบรายกรอกแบบสอบถามผลลัพธ์จะเป็นความถี่ร้อยละและ คา่ เฉลี่ย ผลการวจิ ัยพบวา่ ถุงผ้าอเนกประสงค์ทเี่ หลอื จากนครศรีธรรมราชทีใ่ ช้เทคนิคการตัดผ้าโดยใช้ เศษผ้าเยบ็ รวมกนั เป็นกระเป๋าเอกสารและแมแ้ ต่กระเปา๋ ใสโ่ น้ตบุ๊ก ผลติ ภณั ฑใ์ หม่เหลา่ น้ีมีศกั ยภาพสูง ในการสร้างรายได้ให้กับหมู่บ้านและศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินท้วมจะเพิ่มอัตราพนักงานโดยการเพ่ิม มูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ ผลการตอบแบบสอบถามพบว่ากลุม่ ตัวอยา่ งตลาดเป้าหมายมีความพึง พอใจสูงด้วยคะแนน 4.65 ช่วงจากความพึงพอใจมากที่สุดไปยงั น้อยที่สุดมีดังน้ี คะแนนสูงสุด 4.98 สนใจเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ประการที่สองกลุ่มตัวอย่างที่สนใจในการรีไซเคิลเศษเหลือ 4.94 ที่ สามขนาดของกระเป๋าที่ 4.90 ออกมาความสามารถในการใช้งานที่ 4.84 ประการที่ห้าความทนทาน ของผลิตภณั ฑ์ที่ 4.76 ประการทีห่ กความมน่ั คงของรูปร่างด้วย 4.74 เจด็ เสน้ การตัดท่ีเรียบร้อย ด้วย 4.66 ประการที่แปดความสะอาดทั้งภายนอกและภายในกระเป๋าด้วย 4.62 เก้าเส้นเย็บที่เรียบร้อย ระหวา่ งชนิ้ ส่วน มาหามะ อารีย (พ.ศ. 2562) การวิจัยเรื่องการพัฒนารูปแบบการจัดการสิ่งแวดล้อมใน อตุ สาหกรรมการผลติ ผ้าบาตกิ ใน 3จงั หวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยในอนาคต มีวัตถุประสงค์ เพ่อื สร้างรูปแบบการจัดการสง่ิ แวดล้อมในอุตสาหกรรมการผลติ ผา้ บาติกใน 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ของประเทศไทยในอนาคต กลุ่มตวั อย่าง ไดแ้ ก่ ผูเ้ ชีย่ วชาญทมี่ ีความร้คู วามสามารถในด้านการกำหนด เพ่ือสรา้ งรปู แบบการจัดการส่ิงแวดล้อมในอุตสาหกรรมการผลิตผ้าบาตกิ ใน 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ ของประเทศไทยในอนาคต ไดแ้ ก่ผ้ทู รงคุณวุฒิ ทีม่ คี วามร้คู วามสามารถ มปี ระสบการณใ์ นด้านรปู แบบ
18 การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม จากองค์กรที่เกี่ยวเนื่องกับผ้าบาติก และผู้ทําธุรกิจเกี่ยวกับรูปแบบ อุตสาหกรรมการผลิตผ้าบาติก โดยเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) จากผู้ที่มีองค์ความรู้ ทางด้านผา้ บาติก จํานวน 24 คน ดวงเด่น บุญปก (พ.ศ. 2562) การศึกษาอตั ลกั ษณ์และสญั ลกั ษณข์ องผา้ ทอพืน้ เมืองกลมุ่ เขมร ถิ่นไทยพบอัตลักษณ์ของผ้าแบบดั้งเดิม อัตลักษณ์ของผ้าแบบประยุกต์ สัญลักษณ์และการสื่อ ความหมายจากลวดลายผ้า การมผี า้ ซ่นิ ไหมงดงามทท่ี อเองไวน้ ุ่งออกงานนอกบ้านแสดงถงึ ความวิริยะ อุตสาหะของผหู้ ญิงบ้านน้นั การนุง่ ห่มของผู้ชายนน้ั ผู้ชายนุ่งโสรง่ นุง่ ผา้ ขะมา้ นุ่งโสร่ง และใช้ผ้าขะม้า คาดพงุ คล้องคอ และพาดใหญ่ ผชู้ ายวยั หนุ่มใหญ่ ถึงสูงวัยนิยมนงุ่ โสรง่ โทนสีเข้ม สีทไ่ี ม่ฉูดฉาด ส่วน ผชู้ ายวยั หนุ่มน้อยนิยมนุ่งโสรง่ สีสดใสการน่งุ ซิน่ ของผหู้ ญงิ นิยมทอผ้าไหมมดั หมน่ี งุ่ เป็นซ่นิ ผู้หญงิ สูงวยั นิยมนงุ่ ซน่ิ สเี ขม้ หญงิ สาวนิยมนงุ่ ซน่ิ สสี ดใสการแตง่ กายไปวดั ไปทำบญุ รว่ มงานพิธีมงคลผู้หญิงมักจะ ห่มผ้าสไบเฉียงบ่า การใช้ผ้าเพื่อแสดงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของผ้าพบวา่ การใช้ผ้าโบราณยังคงมี คุณค่ากับวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน การนำผ้าโบราณมาใช้งานของคนยุคปัจจุบันนั้นใช้ตาม จุดประสงค์เฉพาะกิจ เช่น นุง่ ห่มผ้าโบราณเพือ่ ถา่ ยภาพไวเ้ ปน็ ทีร่ ะลกึ การนงุ่ ห่มผา้ โบราณในกิจกรรม ทางวัฒนธรรม การแต่งกายย้อนยุคในเทศกาลงานประเพณีต่างๆ การแต่งกายด้วยผ้าทอโบราณใน งานสำคัญของชีวิต “งานแต่งงาน” ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้มีฐานะในสังคมไทยมาช้านาน ด้วย ความงามของผ้า เครื่องประดับ และการแต่งให้ครบชุดตามแบบโบราณจะช่วยเสริมคุณค่าแสดงถึง ความมีระดับการแต่งกายด้วยผ้าทอพื้นเมืองคือจุดเด่น กลายเป็นอัตลักษณ์สำคัญของวัฒนธรรม ท้องถิ่นลวดลายของผ้าอัตลักษณ์ หรือผ้าแบบดั้งเดิม เป็นผ้าพื้นเมืองท่ีต้องทอลายให้ได้ตามแบบ ด้งั เดมิ เท่านั้น ผา้ ทอแบบดง้ั เดมิ ตอ้ งมีรูปแบบการทอและมลี กั ษณะลายที่สบื สานของเดิมของบรรพชน ไว้อย่างเคร่งครัด ลวดลายของผ้าแบบประยุกต์จะมีหลากหลายลายมากกว่าลวดลายของผ้าแบบ ดั้งเดิมผ้าแบบประยุกต์มีโครงสร้างลวดลายหลักเป็นลายทางตามแนวดิ่ง แนวราบ เป็นลายตาราง ดังเช่นลายตารางของผา้ ขาวม้าลายตารางของผ้าโสรง่ โครงสร้างลายสำคัญอื่นๆ ได้แก่โครงสรา้ งลาย แบบร่างแห ซึ่งเป็นลายในแนวเฉียงทั้งด้านซ้ายและด้านขวาไขว้ตัดกันตลอดทั่วทั้งผืนผ้า โครงสร้าง ลายแบบลายขอ เป็นลายที่มีลักษณะคล้ายตะขอ มีลักษณะงอในส่วนปลาย คล้ายตะขอสร้อย หรือ คล้ายเบด็ ตกปลาเรียงต่อกัน โครงสรา้ งลายแบบลายโคมคือจำพวกลายท่ีมรี ปู ทรงอยู่ในกรอบสี่เหล่ียม ข้าวหลามตัด โครงสร้างลายแบบลายประดิษฐ์เป็นลายที่ช่างทอประดิษฐ์ขึ้นอย่างมากมายหลาย รูปแบบ ตามความชอบ ตามจนิ ตนาการ ตามความคิดสรา้ งสรรค์ของชา่ ง อาจเปน็ ลายที่เลียนแบบรูป ดอกไม้ สตั ว์ ต้นไม้ คน ข้าวของเครอ่ื งใช้ หรอื ทำลายเป็นรูปทรงต่างๆ ลายทม่ี โี ครงสรา้ งแบบลายผสม คือการผสมลวดลายต่างๆ เข้าด้วยกันตามแต่ชา่ งทอผ้าจะคิดออกแบบ หรือตามฝีมือการจัดวางลาย ของช่างทอ ในด้านมิติทางความเชื่อและการสื่อความหมายจากลวดลายผ้า ลายดอกดาวเรืองสื่อถึง ความรุ่งเรืองลายนกยงู รำแพนสื่อถึงความสวยงาม ลายงแู สดงถงึ ความน่าเกรงขาม ผ้าผู้ชายมักมีลาย
19 ใหญ่ ส่วนผ้าผู้หญิงนิยมทอผ้าให้เป็นลายที่เล็กกว่าลายผ้าผู้ชาย ลายผ้าผู้หญิงมีความหลากหลาย มากกวา่ ลายผา้ ผชู้ าย นายนคเรศ พุทธรัตน,ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สาคร ชลสาคร,รองศาสตราจารย์สุทัศนีย์ บุญ โญภาส (พ.ศ. 2560) ผ้าถักโครเชต์จากใยกญั ชงเสรมิ เส้นด้ายสเตนเลสมีลกั ษณะเนอ้ื ผ้าแนน่ สามารถ งอตัวได้ดีตาม รูปทรง มีผิวสัมผัสที่มีเอกลักษณ์ เส้นด้ายสเตนเลสมีความยืดหยุ่นตัวระหว่างการถกั เป็นผืนผ้า ซึ่งผา้ ถกั โครเชต์จากเสน้ ดา้ ยใยกญั ชงเสริมเสน้ ด้ายสเตนเลสที่มอี ัตราส่วนการควบเส้นด้าย ใยกัญชง 1 เส้น กับเส้นด้าย สเตนเลส 2 เส้น ลวดลายถักยาวตลอดทั้งผืน เทคนิคควักธรรมดา มี ประสิทธิภาพในการป้องกัน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดีที่สุด สามารถป้องกันได้ในช่วงความถี่ 800 – 2,300 MHz อยู่ในระดับที่ดีมากถึง พอใช้ ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงคลื่นความถี่ และผลการศึกษาความพึง พอใจที่มีต่อลักษณะของผลิตภัณฑ์ผ้าถัก โครเชต์จากเส้นด้ายใยกัญชงเสริมเส้นด้ายสเตนเลสต่อการ ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รูปแบบที่ 4 มีความพึงพอใจในภาพรวมของทุกดา้ นอยู่ในระดับมากทีส่ ดุ และผลิตภัณฑ์ซองใส่โทรศัพท์ที่ผลิตขึ้นมา มีความเรียบง่ายและหรูหรา และสามารถป้องกันคลื่น แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ได้ดี นอกจากน้ยี ังช่วยลดการปล่อย คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าจากโทรศัพทไ์ ด้อกี ดว้ ย มนญู จิตต์ใจฉำ่ งานวจิ ยั น้เี ปน็ การศึกษา (พ.ศ.2557) สกัดเส้นใยกัญชงจากเปลอื กกญั ชงด้วย สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์และการศึกาาส่วนประกอบทางเคมี สัณฐานวทิ ยา และสมบัติของเส้น ใยกัญชงก่อนและหลังการสกัด จากนั้นนำเส้นใยกัญชงผ่านการสกัดแล้วไปผสมกับฝ้ายในอัตราส่วน 40 ตอ่ 60 เพอ่ื ปัน่ เป็นเสน้ ด้ายเบอร์ 20 Ne ดว้ ยกระบวนการปน่ั ด้ายแบบวงแหวน และศึกษาสมบัติ ของเส้นด้ายทผี่ ลิตได้เทยี บกับเส้นดา้ ยฝ้าย พบว่า เสน้ ด้ายจากเสน้ ใยกัญชงผสมฝ้ายมีความทนแรงดึง ตำ่ กวา่ เสน้ ดา้ ยฝา้ ย แตม่ คี า่ รอ้ ยละการยืดตัวสูงกว่าเส้นดา้ ยฝ้ายเลก็ นอ้ ย จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เป็นงานวิจัยที่มีเนื้อเรื่องคล้ายกันไปในทิศทางเดียวกัน สามารถใช้เป็นตวั อย่างในการศกึ ษา โครงการกระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลายเทยี นไดเ้ ปน็ อย่างดี
5 บทที่ 3 วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั การดำเนินวิจัยกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประดิษฐ์ที่ใส่ขวดจาก ผ้าลายเทียน 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน ซึ่งผู้จัดทำ โครงการได้ดำเนินการศกึ ษาดังนี้ 3.1 การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง 3.2 เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการดำเนินโครงการ 3.3 ขนั้ ตอนการดำเนนิ โครงการ 3.4 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 3.5 การวเิ คราะห์และสรปุ ผล 3.1 การคัดเลือกกลุ่มตัวอยา่ ง โครงการเรื่อง กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน ผู้จัดทำใช้วิธีการ เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ เจาะจง ( Purposive sampling ) เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยพิจารณาจากการตัดสินใจของ ผู้วิจัยเอง ลักษณะของกลุ่มที่เลือกเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ กลุ่มผู้ทดลองใช้งาน กระเปา๋ ใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทียนจำนวน 50 คน 3.2 เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการดำเนินโครงการ 1) แบบบันทกึ ผลการทดลอง 2) แบบสอบถามความพงึ พอใจ ผู้จัดทำโครงการใช้แบบบันทึกการทดลอง แบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นเครื่องมือเพ่ือ รวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง เพื่อสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง หลังจากนั้นผู้จัดทำ โครงการจะจดั ทำแบบสอบถามความพึงพอใจในการใช้กระเปา๋ ใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทยี น ดังนั้นผู้จัดทำ โครงการไดแ้ ยกแบบสอบถาม ออกเปน็ 3 สว่ น ดังน้ี ส่วนที่ 1 ขอ้ มูลสว่ นบุคคลของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยสอบถามเกย่ี วกับเพศ อายุ ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้ใช้กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน ผู้จัดทำ โครงการได้ใช้มาตราวัดแบบ Rating scale 5 ระดบั ตามมาตรวดั แบบลิเคิรท์ (Likert’Scale) ในการ
21 วดั ระดับความพงึ พอใจ ดังนี้ 5 หมายถึง มากท่ีสดุ 4 หมายถงึ มาก 3 หมายถงึ ปานกลาง 2 หมายถึง น้อยหรอื ต่ำกว่ามาตรฐาน 1 หมายถงึ นอ้ ยท่ีสดุ หรอื ตอ้ งปรับปรงุ แกไ้ ข ส่วนท่ี 3 ข้อเสนอแนะซง่ึ เป็นคำถามปลายเปิดเพ่ือให้ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็น เกณฑ์การประเมินแบบสอบถามความคิดเห็น มี 5 ระดับโดยผู้จัดทำโครงการได้เลือกวิธีการของ เรน็ สิส เอลิเคริ ์ท ดังนี้ (Likert’Scale,Rating scale A.2504) 4.50 - 5.00 หมายถงึ เห็นด้วยอยรู่ ะดับมากทีส่ ดุ 3.50 - 4.49 หมายถงึ เห็นด้วยอย่รู ะดบั มาก 2.50 - 3.49 หมายถงึ เห็นด้วยอยรู่ ะดบั ปานกลาง 1.50 - 2.49 หมายถงึ เหน็ ดว้ ยอยรู่ ะดับน้อย 1.00 - 1.49 หมายถงึ เหน็ ด้วยอยูร่ ะดบั น้อยมาก การสรา้ งเครื่องมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ครงั้ นี้ โดยมกี ารสร้างเคร่อื งมือดงั นี้ - ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารท่ีเก่ียวข้อง เพือ่ กำหนดแนวทางในการสรา้ งเคร่ืองมือในการศึกษาให้ ครอบคลุมเนือ้ หาทีก่ ำหนด - จดั ทำแบบสอบถามเพอ่ื ใช้ในการเก็บขอ้ มูลเก่ยี วกบั กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผา้ ลายเทยี น - ตรวจสอบแบบสอบถาม โดยปรกึ ษาอาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับความถูกต้องของแบบสอบถาม และขอ้ ควรแกไ้ ขของแบบสอบถามเพ่อื นำไปใช้ในการเก็บข้อมูลทถี่ กู ต้อง - ปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถามตามที่ควรแก้แล้วเสนอต่ออาจารย์อกี ครั้งเพื่อตรวจเช็คความ ถกู ตอ้ งอกี ครง้ั ก่อนจะนำไปใช้ในการเก็บข้อมูล 3.3 ขน้ั ตอนการดำเนินงาน 1) การวางแผน (P) - กำหนดชื่อเรือ่ งและศึกษารวบรวมขอ้ มูลปญั หา ความสำคัญของโครงการ - เขยี นแบบนำเสนอโครงการ - ขออนุมตั ิโครงการ 2) ขน้ั ตอนการดำเนนิ การ (D) - ศึกษา ประดิษฐ์กระเปา๋ ใส่ขวดน้ำผา้ ลายเทียน ประเมนิ ผลและปรับปรุง ครัง้ ที่ 1 - ศึกษา ประดษิ ฐ์กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผา้ ลายเทียน ประเมินผลและปรับปรงุ คร้งั ที่ 2 - ศึกษา ประดษิ ฐ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผา้ ลายเทยี น ประเมนิ ผล คร้ังที่ 3
22 3) ขนั้ ตอนการตรวจสอบ (C) - กลมุ่ ประชากรใช้งานกระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลายเทยี น - ประเมินผลความพึงพอใจของการกระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทียน 4) ข้นั ประเมินตดิ ตามผล (A) - สรุปผลการประเมนิ ความพงึ พอใจผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผา้ ลายเทยี น - จัดทำเล่มโครงการ - นำเสนอโครงการ 3.4 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผูจ้ ดั ทำโครงการไดด้ ำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลการทำโครงการนี้ อยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนดงั น้ี 1) ผู้จัดทำโครงการทำการแจกแบบสอบถามใหก้ ับกลมุ่ ตัวอยา่ ง โดยพจิ ารณาจากการ ตดั สินใจของผู้วิจยั เอง โดยวธิ กี ารสแกนควิ อาโค๊ช ใหผ้ ู้ตอบแบบสอบถามตอบแบบสอบถามออนไลน์ ด้วยตัวเอง 2) การรวบรวมแบบสอบถาม ผู้จดั ทำโครงการไดร้ วบรวมแบบสอบถามด้วยตวั เอง 3) ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม เพอ่ื นำข้อมูลไปวิเคราะห์ทางสถิติ 3.5 การวิเคราะหแ์ ละสรปุ ผล ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวม ผู้จัดทำโครงการได้ทำการตรวจสอบความเรียบร้อยของ แบบสอบถาม และนำขอ้ มลู มาประมวลผลดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเรจ็ รูป สำหรบั การคิดค่าร้อย ละ การหาคา่ เฉล่ยี (������̅) และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D) ดงั นี้ 1) การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยการแจกแจง ความถีแ่ ละรอ้ ยละ สตู รการหาค่าร้อยละ ค่าร้อยละ = ความถี่ท่ตี อ้ งการเปรียบเทียบ x 100 จำนวนรวมท้งั หมด 2) การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนที่ 2 แบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างคณะครู บุคลากร นักเรยี น-นกั ศกึ ษา ในวทิ ยาลัยอาชีวศึกษาเชยี งใหม่ ในการวิเคราหไ์ ดแ้ ก่ การหาค่าเฉลย่ี (������̅) และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D)
23 × =∑ n × แทน ค่าคะแนนเฉล่ยี ∑ แทน ผลรวมของคะแนนทง้ั หมด n แทน ขนาดของกลมุ่ ตัวอย่า สตู รการหาคา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน S.D.√n ∑ x2 [∑ x]2 n(n-1) เมอ่ื S.D. แทน ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนของกลมุ่ ตัวอย่าง [∑ x]2 แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดยกกำลงั สอง ∑ x2 แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะตวั อยา่ งยกกำลังสอง n แทน ขนาดของกลุม่ ตวั อยา่ ง
21 บทท่ี 4 ผลการศกึ ษา ในการศึกษาผลิตภณั ฑก์ ระเป๋าใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทียน มีวัตถปุ ระสงค์ เพ่ือประดษิ ฐ์กระเป๋าใส่ ขวดน้ำผา้ ลายเทียน เพื่อศึกษาความพงึ พอใจของผู้ใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน ในการศึกษา มีผลการดำเนิน ดงั หวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้ 4.1 สรปุ ขนั้ ตอนการทำกระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผา้ ลายเทียน 4.2 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลสว่ นบคุ คล 4.3 ผลการวิเคราะหค์ วามพึงพอใจของผู้ใช้กระเป๋าใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทียน 4.4 การจัดลำดับผลการวเิ คราะห์ความพึงพอใจของผใู้ ช้กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผา้ ลายเทียน 4.5 ผลสรุปข้อเสนอแนะ 4.1 สรปุ ข้ันตอนการทำกระเปา๋ ใส่ขวดนำ้ ผา้ ลายเทียน วัสดุ - ผ้าลายเทียน ความกวา้ ง 22 เซนตเิ มตร/ความยาว 17 เซนตเิ มตร - ผา้ กาวสดี ำ ความกว้าง 22 เซนติเมตร/ความยาว 17 เซนติเมตร - ผ้าซบั ในสีดำ ความกว้าง 22 เซนตเิ มตร/ความยาว 17 เซนตเิ มตร อุปกรณ์ - กรรไกร - ไมบ้ รรทัดวดั - เขม็ กับด้าย - เข้มหมดุ - ชอ็ ดขีดผา้ - เตารีด
25 วิธกี ารทำ 1. ตัดผ้าลายเทยี นตามขนาดขวดนำ้ ที่ต้องการ ภาพที่ 4.1 ตดั ผา้ ลายเทียน 2. ตดั ผ้าซับในและผา้ กาวใหม้ ีขนาดเท่ากันกับผา้ ลายเทยี นที่ตดั ไว้ ภาพท่ี 4.2 ตดั ผ้าซับในและผ้ากาว 3. นำผ้ากาวและผา้ ลายเทียนมารดี ให้ตดิ ดว้ ยกนั ภาพที่ 4.3 รดี ผา้ ลายเทียนและผ้ากาวติดไวด้ ้วยกัน
26 4. นำผา้ ลายเทยี นท่ตี ิดกับผ้ากาวแล้วไปเย็บตดิ กับผ้าซับใน ภาพท่ี 4.4 เย็บผ้าซบั ในและผ้าลายเทยี นติดไวด้ ้วยกนั 5. พอได้ผ้าลายเทียนที่เย็บติดกับผ้าซับในแล้วให้พลิกออกให้เหน็ ดา้ นสวยแล้วดึงผ้าซับในลง ด้านใน ภาพท่ี 4.5 เยบ็ ผา้ ลายเทียนกบั ผ้าซับในเรยี บรอ้ ยแลว้ 6. วดั และตัดฐานด้านล่างใหเ้ ป็นวงกลม ภาพที่ 4.6 ตดั ฐานของกระเป๋า
27 7. เย็บฐานด้านลา่ งติดกบั ผ้าลายเทยี นท่ีเย็บสำเร็จ ภาพที่ 4.7 เยบ็ ฐานตดิ กับผ้าลายเทยี น 8. เยบ็ ผ้าลูกไม้ตดิ ดา้ นบนติดขอบ ภาพที่ 4.8 เยบ็ ผา้ ลกู ไมต้ ิดด้านบนตดิ ขอบ 9. พอเยบ็ ติดกันเรยี บรอ้ ยแลว้ ใหพ้ ลิกกลับมาด้านท่ีมลี วดลายกส็ ามารถนำไปใสข่ วดนำ้ ไดเ้ ลย ภาพที 4.9 กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทยี น
28 4.2 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ส่วนบุคคล จากการศึกษากระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่ง ประกอบดว้ ยขอ้ มลู เกีย่ วกับ เพศ และชว่ งอายุ ซ่งึ ผลการวเิ คราะหป์ รากฏดังนี้ ตารางที่ 1 ตารางแสดงผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลส่วนบคุ คลดา้ นเพศ เพศ จำนวนคน ร้อยละ ชาย 8 16.00 หญิง 42 84.00 รวม 50 100.00 จากตารางท่ี 1 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลด้านเพศ ผู้ศกึ ษาได้สรุปผลการ วิเคราะห์พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 84.00 และเพศชาย คิด เป็นร้อยละ 16.00 ตามลำดบั ตารางท่ี 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ส่วนบคุ คลดา้ นอายุ อายุ จำนวนคน ร้อยละ 15-20 27 54.00 20-30 19 38.00 30-60 4 8.00 รวม 50 100.00 จากตารางท่ี 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ส่วนบุคคลดา้ นอายุ ผูศ้ กึ ษาได้สรุปผลการ วเิ คราะห์พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญ่อยใู่ นชว่ งอายุ 15-20 ปี คดิ เป็นร้อยละ 54.00 รองลงมา ช่วงอายุ 20-30 คิดเป็นรอ้ ยละ 38.00 และช่วงอายุ 30-60 คดิ เป็นร้อยละ 8.00 ตามลำดบั 4.3 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผูใ้ ช้กระเปา๋ ใส่ขวดน้ำผา้ ลายเทยี น การศึกษาครงั้ นผ้ี จู้ ัดทำได้ศึกษาเรอ่ื ง กระเป๋าใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทยี น โดยการหาคา่ เฉล่ีย (������̅) และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D) จากแบบสอบถามความพงึ พอใจผลิตภัณฑ์กระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลาย เทียน ข้อมูลปรากฏดังนี้
29 ตารางที่ 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ใช้กระเป๋าใส่ขวดน้ำผา้ ลาย เทยี น รายการแบบสอบถาม ������̅ ผลการประเมนิ 4.06 S.D. ผลการประเมนิ กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนสามารถใช้งานได้จริงมาก 0.74 มาก นอ้ ยแค่ไหน 3.92 กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีความทนทานต่อการใช้ 0.83 มาก งานมากนอ้ ยแค่ไหน 3.8 กระเปา๋ ใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทียนมสี สี นั สวยงาม 3.98 0.97 มาก มีความพึงพอใจในการใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลาย 0.77 มาก เทยี นมากนอ้ ยแคไ่ หน 3.78 มีความพึงพอใจในรูปทรงของกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลาย 0.84 มาก เทยี นมากนอ้ ยแคไ่ หน 3.72 กระเปา๋ ใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทียนมีลวดลายท่สี วยงาม 3.78 0.95 มาก ความเหมาะสมที่จะวางผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำ 0.89 มาก ผ้าลายเทียนในหอ้ งประชมุ 3.78 ผ ล ิ ต ภ ั ณ ฑ ์ ก ร ะ เ ป ๋ า ใ ส ่ ข ว ด น ้ ำ ผ ้ า ล า ย เ ท ี ย น ม ี ข น า ด ท่ี 0.89 มาก เหมาะสม 3.74 ความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำ 0.85 มาก ผ้าลายเทยี น 3.84 0.08 มาก รวม จากตารางที่ 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ความพงึ พอใจของผู้ใชก้ ระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลาย เทียน ได้สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าผลสรุปภาพรวมของความพงึ พอใจของผู้ใช้กระเป๋าใส่ขวด น้ำผ้าลายเทียน อยู่ในระดับ มาก (������̅=3.84) เมื่อสรุปผลออกมาเป็นรายข้อพบวา่ กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทียนสามารถใช้งานได้จริงมากน้อยแค่ไหน ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (������̅=4.06) รองลงมาคือ มีความพงึ พอใจในการใช้งานกระเปา๋ ใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมากน้อยแค่ไหน อยใู่ นระดับ มาก (������̅=3.98) กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีความทนทานต่อการใช้งานมากน้อยแค่ไหน อยู่ใน ระดับมาก (������̅=3.92) กระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลายเทียนมีสีสนั สวยงาม อยใู่ นระดบั มาก (������̅=3.8) มีความ พึงพอใจในรูปทรงของกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมากน้อยแค่ไหน อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78)
30 ความเหมาะสมที่จะวางผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนในห้องประชุม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีขนาดที่เหมาะสม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ความคดิ สร้างสรรค์ของผลิตภัณฑก์ ระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน อยูใ่ นระดบั มาก (������̅=3.74) กระเป๋า ใสข่ วดนำ้ ผา้ ลายเทียนมีลวดลายทส่ี วยงาม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.72) ตามลำดบั 4.4 การจดั ลำดับผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจของผใู้ ช้กระเป๋าใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทยี น การศกึ ษาครัง้ น้ผี ูจ้ ัดทำได้ศึกษาเร่อื ง กระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลายเทยี น โดยการหาคา่ เฉลี่ย (������̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) และจัดลำดับความพึงพอใจผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลาย เทยี น ขอ้ มูลปรากฏดงั นี้ ตารางที่ 4 ตารางการจัดลำดับผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ใช้กระเปา๋ ใส่ขวดน้ำผา้ ลาย เทยี น รายการแบบสอบถาม ผลการประเมนิ ������̅ S.D. ผลการประเมนิ ลำดับท่ี กระเป๋าใส่ขวดน้ำผา้ ลายเทียนสามารถใชง้ านได้จริง 4.06 0.74 มาก 1 มากน้อยแคไ่ หน มีความพึงพอใจในการใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำ 3.98 0.77 มาก 2 ผ้าลายเทยี นมากน้อยแคไ่ หน กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีความทนทานต่อ 3.94 0.83 มาก 3 การใช้งานมากนอ้ ยแค่ไหน กระเปา๋ ใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทียนมสี ีสนั สวยงาม 3.8 0.97 มาก 4 มีความพึงพอใจในรูปทรงของกระเป๋าใส่ขวดน้ำ 3.78 0.84 มาก 5 ผา้ ลายเทียนมากนอ้ ยแค่ไหน ความเหมาะสมที่จะวางผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวด 3.78 0.89 มาก 6 นำ้ ผา้ ลายเทยี นในหอ้ งประชุม ผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีขนาดที่ 3.78 0.89 มาก 7 เหมาะสม ความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวด 3.74 0.85 มาก 8 น้ำผา้ ลายเทียน กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผา้ ลายเทียนมีลวดลายทสี่ วยงาม 3.72 0.95 มาก 9 รวม 3.84 0.08 มาก
31 จากตารางที่ 4 ตารางการจัดลำดับผลการวิเคราะหค์ วามพึงพอใจของผู้ใช้กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทียน ไดส้ รุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าผลสรุปภาพรวมของความพึงพอใจของผู้ใช้กระเป๋า ใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน อยู่ในระดับ มาก (������̅=3.84) เมื่อสรุปผลออกมาเป็นรายข้อพบว่า กระเป๋าใส่ ขวดน้ำผ้าลายเทียนสามารถใชง้ านได้จรงิ มากนอ้ ยแค่ไหน ผลการประเมนิ อยู่ในระดับมาก (������̅=4.06) รองลงมาคอื มีความพงึ พอใจในการใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมากน้อยแคไ่ หน อยใู่ นระดับ มาก (������̅=3.98) กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีความทนทานต่อการใช้งานมากน้อยแค่ไหน อยู่ใน ระดับมาก (������̅=3.92) กระเป๋าใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทยี นมีสสี ันสวยงาม อยูใ่ นระดับมาก (������̅=3.8) มีความ พึงพอใจในรูปทรงของกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมากน้อยแค่ไหน อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ความเหมาะสมท่ีจะวางผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนในห้องประชุม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีขนาดที่เหมาะสม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ความคดิ สรา้ งสรรค์ของผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน อย่ใู นระดบั มาก (������̅=3.74) กระเป๋า ใส่ขวดนำ้ ผา้ ลายเทยี นมีลวดลายท่สี วยงาม อยใู่ นระดับมาก (������̅=3.72) ตามลำดบั 4.5 ผลสรุปขอ้ เสนอแนะ 1) ครวมีหลายๆ สมี ากกว่าน้ี 2) เพ่มิ ขนาดต่างๆ
25 บทท่ี 5 สรุปผล อภปิ รายและขอ้ เสนอแนะ ในการศกึ ษาผลติ ภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน มีวัตถปุ ระสงคเ์ พื่อประดิษฐ์กระเป๋าใส่ ขวดน้ำผ้าลายเทียน เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน โดยมีกลุ่ม ตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยพิจารณาจากการ ตดั สินใจของผู้วจิ ยั เอง ลกั ษณะของกลมุ่ ทเี่ ลอื กเปน็ ไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย คอื กลมุ่ ผูท้ ดลอง ใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนจำนวน 50 คน ระหว่างวันที่ 7 ธันวาคม ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2564 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบบันทึกผลการทดลอง แบบสอบถามความพึงพอใจ โดยสร้างจากกูลเกิลฟอร์ม (Google form) ซึ่งผู้ศึกษาสร้าวขึ้นเพื่อสอบถามความพึงพอใจของผู้ ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ กระเปา๋ ใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทียน ผลการศึกษามีดงั น้ี สรปุ ผลการศึกษา จากการศึกษาผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน สรุปผลการศึกษาดังนี้ ผลการ วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลด้านเพศ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 84 ข้อมูลสว่ นบุคคลด้านอายุ พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 15-20 ปี คดิ เป็นร้อย ละ 54 และผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ใช้กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน พบว่ากระเป๋าใส่ ขวดน้ำผ้าลายเทียนสามารถใชง้ านไดจ้ ริงมากน้อยแค่ไหน ผลการประเมนิ อยู่ในระดับมาก (������̅=4.06) รองลงมาคือ มคี วามพงึ พอใจในการใชง้ านกระเปา๋ ใส่ขวดน้ำผ้าลายเทยี นมากน้อยแคไ่ หน อยู่ในระดับ มาก (������̅=3.98) กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีความทนทานต่อการใช้งานมากน้อยแค่ไหน อยู่ใน ระดับมาก (������̅=3.92) กระเปา๋ ใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทียนมีสสี นั สวยงาม อย่ใู นระดับมาก (������̅=3.8) มีความ พึงพอใจในรูปทรงของกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมากน้อยแค่ไหน อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ความเหมาะสมที่จะวางผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนในห้องประชุม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีขนาดที่เหมาะสม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) ความคดิ สรา้ งสรรค์ของผลิตภัณฑก์ ระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน อยู่ในระดบั มาก (������̅=3.74) กระเป๋า ใส่ขวดน้ำผา้ ลายเทียนมีลวดลายทส่ี วยงาม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.72) ตามลำดับ
33 อภิปรายผล จากการศึกษาผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ ผู้ตอบ แบบสอบถามเป็นเพศหญงิ มากกว่าเพศชายดงั น้นั ผ้ทู ดลองใช้ผลิตภัณฑ์กระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลาเทียน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ด้านช่วงอายุเนื่องจากกระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลายเทียน ผู้ใช้ส่วนใหญ่มกั จะเป็น วัยรุ้นตอนปลายดังนัน้ ผู้ทดลองใช้ส่วนใหญ่จึงมีอายุ 15-20 ปี ผลการวิเคราะห์แบบประเมินของผู้ใช้ กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน พบว่า กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนสามารถใช้งานได้จริง มีความ พึงพอใจในการใช้งานกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมากน้อยแค่ไหน อยู่ในระดับมาก (������̅=3.98) เนื่องจากกระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลายเทียนทำมาจากผ้าสามารถซับน้ำที่เลอะขวดน้ำ หรือหยดน้ำที่เกิด จากความเย็นของน้ำได้ ทำให้จับขวดน้ำได้ดีขึ้นผู้ทดลองใช้จึ่งมีความพึงพอใจในการใช้งานของ กระเป๋าใสข่ วดน้ำผ้าลายเทยี น กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีความทนทานต่อการใช้งานมากนอ้ ยแคไ่ หน อยใู่ นระดับมาก (������̅=3.92) เนื่องจากกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน ทำมาจากผ้าจึงมีความยืดหยุ่นทนทานในการ ใช้งาน และสามารถใช้งานได้นาน กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีสีสันสวยงาม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.8) เนื่องจากกระเป๋า ใส่ขวดน้ำผา้ ลายเทียนใช้ผ้าท่ีมีการเขยี นลายเทยี น และยอ้ มสดี ้วยมือจึงมีสสี นั ทสี่ วยงาม มีความพึงพอใจในรปู ทรงของกระเปา๋ ใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทยี นมากน้อยแคไ่ หน อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) เน่อื งจากรูปของกระเปา๋ ใส่ขวดน้ำผ้าลายเทยี น มีการออกแบบตามรูปแบบของขวดน้ำจึงมี รูปทรงที่เรียบงา่ ยแตส่ วยงาม ความเหมาะสมที่จะวางผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทียนในห้องประชุม อยู่ในระดบั มาก (������̅=3.78) เนื่องจากกระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียน ใช้ใส่ขวดน้ำบังโลโก้ให้ขวดน้ำให้มีความ สวยงาม ผลิตภัณฑ์กระเป๋าใส่ขวดน้ำผ้าลายเทียนมีขนาดที่เหมาะสม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.78) เนอ่ื งจากมีการออกแบบตามรปู แบบของขวดน้ำจึงมีขนาดทเี่ หมาะสมในการใชง้ าน ความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์กระเป๋าใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทียน อย่ใู นระดับมาก (������̅=3.74) เนือ่ งจากเปน็ การใช้สง่ิ ของทีม่ ีอยู่แล้วนำมาประยุคต์ใช้ให้เกดิ ประโยชน์มากขึ้น จากการนำไปทำเป็น ชดุ ท่ีจะทำแคป่ ลี ะคร้ัง กระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทียนมีลวดลายทีส่ วยงาม อยู่ในระดับมาก (������̅=3.72) เนื่องจากใช้ มอื ในการเขียนลายเทียนจึงมีลวดลายทสี่ วยงาม และประนีป
34 ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการศึกษา ในการศึกษาผลติ ภณั ฑก์ ระเป๋าใสข่ วดนำ้ ผ้าลายเทียน ผูท้ ดลองใช้มคี วามพงึ พอใจในเร่ืองของ กระเป๋าใสข่ วดน้ำผา้ ลายเทียนมีลวดลายที่สวยงามแต่อยากใหเ้ พ่ิมในเร่อื งของ สแี ละขนาดของไซต์ให้ มคี วามหลากหลาย 2. ข้อเสนอแนะในการศกึ ษาครง้ั ต่อไป ในการศกึ ษาครั้งต่อไปควรพฒั นาการทำกระเป๋าใส่ขวดนำ้ ผ้าลายเทยี น ให้มคี วามหลากหลาย ในเร่ืองของสีสันขนาดไซต์ของกระเปา๋ และสามารถพกตดิ ตัวได้
33 บรรณานกุ รม แกว้ สวัสด์ิ อดุ มลกั ษณ์. (2557). การศกึ ษาผา้ ถงุ อเนกประสงคจ์ ากนครศรธี รรมราช. (ออนไลน์). เขา้ ถงึ ได้จาก : http://repository.rmutp.ac.th/handle/123456789/2687 (วนั ที่สบื ค้น : 20 ธันวาคม 2563). ชาวมง้ ผู้สร้างสรรค.์ ม.ป.ป. (ออนไลน์). เขา้ ถึงไดจ้ าก: https://www.slideshare.net/arisanoodee/2559-project-72193530 (วันที่สืบคน้ : 30 พฤศจกิ ายน 2563). ดวงเด่น บญุ ปก. (2562). การศึกษาอัตลักษณ์และสัญลกั ษณ์ของผา้ ทอพื้นเมืองกลมุ่ เขมรถ่ินไทย พบอตั ลกั ษณ์ของผา้ แบบด้งั เดมิ . (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : https://so01.tcithaijo.org/index.php/truhusocjo/article/view/ (วันท่ีสบื คน้ : 2 มกราคม 2564). นคเรศ พุทธรัตน,ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สาคร ชลสาคร,รองศาสตราจารยส์ ทุ ัศนีย์ บุญโญภาส. (2560). ผา้ ถกั โครเชต์จากใยกญั ชงเสริมเสน้ ด้ายสเตนเลส. (ออนไลน)์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.thaiscience.info/journals/Article/SDUJ/10986819.pdf (วันท่ีสืบคน้ : 3 มกราคม 2564). ผา้ เขียนเทียนศิลปะของชนเผ่ามง้ . ม.ป.ป. (ออนไลน)์ . เข้าถงึ ได้จาก: http://www.pongyeangtravel.com/article.php?id=126 (วนั ท่ีสืบคน้ : 30 พฤศจกิ ายน 2563). มนูญ จติ ต์ใจฉำ่ งานวิจยั นี้เปน็ การศึกษา. (2557). สกัดเสน้ ใยกัญชงจากเปลือกกญั ชงด้วย สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์และการศึกษาส่วนประกอบทางเคมี. (ออนไลน์). เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/1427 (วันที่สบื ค้น : 25 ธันวาคม 2563). มาหามะ อารีย. (2562). การวจิ ยั เรื่องการพฒั นารปู แบบการจดั การสิง่ แวดล้อมในอุตสาหกรรม การผลติ ผา้ บาตกิ ใน 3 จงั หวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยในอนาคต. (ออนไลน์). เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://wb.yru.ac.th/bitstream/yru/915/1/61_735742007.pdf (วนั ท่ีสืบคน้ : 20 ธันวาคม 2563).
33 ภาคผนวก
34 ภาคผนวก ก แบบนำเสนอขออนุมัตโิ ครงการวชิ าชีพ
35 ภาคผนวก ข แบบบนั ทึกผลการทดลอง
36 แบบบันทกึ ผลการทดลอง ขั้นตอนวธิ ีการทำคร้ังท่ี 1 1) ตัดผ้าลายเทียน ผ้ากาวสีดำ และผ้าซับในสดี ำใหไ้ ดต้ ามขนาดความกว้าง 22 เซนติเมตร/ ความยาว 17 เซนตเิ มตร 2. ตัดผ้าซบั ในและผ้ากาวให้มขี นาดเทา่ กนั กับผ้าลายเทียนทต่ี ดั ไว้ 3. นำผ้ากาวและผา้ ลายเทยี นมารีดให้ติดด้วยกนั
37 4. นำผ้าลายเทยี นที่ติดกบั ผา้ กาวแลว้ ไปเย็บตดิ กบั ผ้าซบั ใน 5. พอไดผ้ ้าลายเทียนท่ีเย็บตดิ กับผ้าซับในแลว้ ให้พลิกออกให้เหน็ ดา้ นสวยแล้วดึงผ้าซับในลง ดา้ นใน 6. วดั และตดั ฐานดา้ นลา่ งให้เป็นวงกลม
38 7. เยบ็ ฐานดา้ นล่างติดกับผ้าลายเทียนที่เยบ็ สำเรจ็ 8. พอเย็บติดกนั เรียบร้อยแลว้ ใหพ้ ลกิ กลบั มาดา้ นท่ีมลี วดลายกส็ ามารถนำไปใสข่ วดนำ้ ไดเ้ ลย สรปุ ผลการทดลองครง้ั ท่ี 1 เมอื่ ทำการทดลองเสร็จ คร้ังที่ 1 พบวา่ รูปแบบลวดลายมีความเหมาะสมและสวยงาม แตค่ วร เพมิ่ ลกู ไม้ติดขอบบนเพ่ือเพ่ิมสีสนั ของกระเปา๋ ใสข่ วดน้ำผ้าลายเทยี นใหม้ ีความโดดเดน่ มากขนึ้ หมายเหตุ ผศู้ ึกษาไดส้ รปุ ผลการทดลองท้ังหมด 2 วธิ ี และวิธีทีส่ ัมฤทธ์ผิ ลจะอยู่ในเนอ้ื หาบทที่ 4
Search