Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสร้างสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา

การสร้างสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา

Description: การสร้างสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา

Search

Read the Text Version

ความรูห้ ลักการนวตั กรรม และเทคโนโลยีการศึกษาใน ศตวรรษที 21

1. ความรู้เบอ้ื งต้น เกยี วกบั เทคโนโลยี การศึกษา

่1.คาทใี ช้ในะบบสารสนเทศ 2.ความสาคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ่3.คณุ สมบัตขิ องเทคโนโลยสี ารสนเทศทดี ี 4. ฮาร์ดแวร์ Hardware 5. ซอฟทแ์ วร์ Software 6. บุคลากร (people) ่7.ขอบขายเทคโนโลยีการศึกษา

1.1.1 ข้อมลู (Data) คือ ขอ้ เทจ็ จริงหรอื 1.1.2 สารสนเทศ (Information) คอื การนา ขอ้ มลู มาผ่านระบบการประมวลผล คานวณ เหตกุ ารณเ์ ก่ียวกับส่ิงต่าง ๆ ซึ่งมีการ วเิ คราะหแ์ ละแปลความหมายเป็นขอ้ ความที่ เกบ็ รวบรวมเอาไว้ และสามารถนาไป สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในด้านตา่ ง ๆ ประมวลผลด้วยเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ 1.1.3. ระบบสารสนเทศ 1.1 คาทีใชใ้ น 1.1.4. เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information System (IS)) คือ ระบบสารสนเทศ (Information Technology (IT)) คอื การนาเอาเทคโนโลยีมาใชส้ รา้ ง ระบบท่ีประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ 1.1.5. เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสื่อสาร มูลคา่ เพ่มิ ให้กบั สารสนเทศ ทาให้ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ (Information Communication Technology (ICT)) สารสนเทศมปี ระโยชน์ และใชง้ านได้ คอื เทคโนโลยีที่เก่ียวข้องกบั ขา่ วสาร ขอ้ มลู และการ ส่ือสาร ตั้งแตก่ ารสรา้ ง การนามาวิเคราะห์ กว้างขวางมากข้ึน การรับและสง่ ข้อมูล การจดั เกบ็ และการนาไปใช้งานใหม่

1.2.1. ชว่ ยเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการทางาน 1.2.2. ช่วยดา้ นการบริการ มีการใชร้ ะบบฐานข้อมูล สามารถทาใหม้ นุษย์ทางานไดร้ วดเร็ว ในเครอื ขา่ ย ผูท้ ่ีตอ้ งการใช้บริการก็จะสามารถใช้ ถกู ต้อง และแม่นยา มากย่งิ ขน้ึ ระบบฐานข้อมลู จากสถานทหี่ รือเวลาใดก็ได้ 1.2 ความสาคัญของ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 1.2.3. ชว่ ยดาเนนิ การในหนว่ ยงาน 1.2.4. ชว่ ยอานวยความสะดวกใน เป็นการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมา ชวี ิตประจาวนั เช่น การรับข้อความ จัดระบบการทางาน ผา่ นทางโทรศพั ทเ์ คลื่อนที่

1.3 คณุ สมบตั ิของเทคโนโลยีสารสนเทศทีดี 1.3.1. มีความถูกต้องแมน่ ยา (accuracy) 1.3.2. ทันตอ่ เวลา (timeliness) 1.3.3. มคี วามสมบรู ณค์ รอบถ้วน (complete) 1.3.4. มคี วามสอดคลอ้ งกับความต้องการของผู้ใช้ (relevancy) 1.3.5. สามารถพิสจู น์ ได้ (verifiable)

1.4 ฮาร์ดแวร์ Hardware ฮาร์ดแวร์ หมายถงึ ส่วนท่ปี ระกอบเป็นเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ รวม อปุ กรณ์ต่อพว่ งตา่ ง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั คอมพวิ เตอร์ทเี่ ราสามารถ มองเห็นและสัมผสั ได้ เชน่ ตวั เครอ่ื ง จอภาพ คยี ์บอรด์ และเมาส์ เปน็ ต้น 1.5 ซอฟท์แวร์ Software ซอฟตแ์ วร์ (software) หมายถงึ ชดุ คาสง่ั หรอื โปรแกรมท่ีใชส้ ่ังงานให้ คอมพิวเตอรท์ างาน ซอฟตแ์ วรจ์ ึงหมายถึงลาดับขั้นตอนการทางานท่ี เขยี นขนึ้ ด้วยคาสั่งของคอมพวิ เตอร์ คาสั่งเหล่าน้เี รียงกนั เปน็ โปรแกรม คอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์เคร่อื งหนง่ึ ทางานแตกตา่ งกนั ไดม้ ากมาย ด้วยซอฟตแ์ วร์ท่แี ตกต่างกนั ซอฟต์แวรจ์ งึ หมายรวมถงึ โปรแกรม คอมพวิ เตอร์ทุกประเภทท่ที าใหค้ อมพิวเตอร์ทางานไดก้ ารทเ่ี ราเห็น คอมพิวเตอร์ทางานให้กบั เราไดม้ ากมาย

1.6 บคุ ลากร (people) บคุ ลากร (people) บคุ ลากรเป็นองคป์ ระกอบทสี่ าคญั ทีส่ ดุ ของระบบสารสนเทศ ในทน่ี ้ี หมายถงึ บุคลากรท่เี ปน็ ผู้ใช้ระบบสารสนเทศ บุคลากรท่เี ปน็ ผ้พู ฒั นาระบบสารสนเทศ จะตอ้ งมคี วามรู้ความสามารถในการพฒั นาระบบสารสนเทศให้มีประสทิ ธภิ าพและมี ความสามารถในการใชง้ านระบบสารสนเทศและการส่อื สารตา่ ง ๆ ได้อยา่ งถูกตอ้ งจึงจะ เกดิ สารสนเทศทเ่ี ปน็ ประโยชน์ 1.7 ขอบขายเทคโนโลยกี ารศึกษา ขอบข่ายเทคโนโลยีการศกึ ษา หมายถึง ส่ิงทแ่ี สดงถงึ ขอบเขต หรอื กรอบของสาขาวิชา เทคโนโลยีการศึกษาทีร่ ะบวุ ่าบุคคลผูท้ ่ีศกึ ษาด้านนี้ หรือปฏบิ ัติงานในวิชาชีพเทคโนโลยี การศึกษาตอ้ งศกึ ษา ปฏบิ ตั ิงาน และต้องมคี วามรูค้ วามสามารถเกย่ี วกบั วชิ าชีพในด้าน ใดบ้าง

2. ความสัมพนั ธ์ ระหวางเทคโนโลยี และนวัตกรรม

1. เป็นส่วนหนงึ่ ของระบบงานปจั จบุ ัน 1. ไมเ่ ป็นส่วนหนึง่ ของระบบงานปจั จุบัน 2. เปน็ การนาความรทู้ างวิทยาศาสตรม์ า 2. กอ่ นนามาใช้งานต้องมกี ารพสิ จู นด์ ้วยการวิจัย หรอื อยู่ใน ประยุกต์ ใชอ้ ย่างเปน็ ระบบ ระหวา่ งการวจิ ยั ว่ามีประสทิ ธิภาพ 3. เป็นการนาความรูม้ าใช้ปฏบิ ัติให้บงั เกดิ ผลดี 3. มีการพฒั นาตามขั้นตอนคอื คดิ คน้ ทดลองและนามาใช้ หรอื นามาใช้ในการแก้ปัญหาดา้ นใดดา้ นหนึ่ง 4. เป็นสง่ิ ใหม่ท้งั หมดหรอื บางส่วน เชน่ ปรับปรงุ ของเก่าให้ใหม่ 4. เมอื่ ใช้ ไปนาน ๆหรอื นาไปใช้ตา่ งสถานท่ีตา่ ง เหมาะสมกับกาลสมัย เวลาอาจไม่ได้ผลตอ้ งมกี ารพฒั นา 5. นาวธิ กี ารจดระบบมาใชเ้ พือ่ ให้ได้ Output ที่ออกมามี 5. เป็นระบบและกระบวนการ ประสิทธภิ าพสูงกว่า Input

3. ขอบขายของ เทคโนโลยกี ารศึกษา

แนวคิดของสมาคมเทคโนโลยี และส่ือสารการศึกษาแห่งสหรัฐอเมรกิ า (Association for Educational Communications and Technology) ใช้ชื่อยอ่ ว่า AECT ได้ใหค้ วามหมายไว้ เม่ือปีพ.ศ. 2537 ว่า (Seels & Richey, 1994, p. 9) “เทคโนโลยีการศกึ ษาเป็นทฤษฎีและการ ปฏิบัตขิ องการออกแบบ การพัฒนา การใช้ การ จดั การ และการประเมนิ ของกระบวนการและ ทรัพยากรสาหรับการเรยี นรู้” ได้แบง่ เทคโนโลยีการศกึ ษาออกเปน็ 5 ขอบข่าย การออกแบบ การพฒั นา การใช้ ทฤษฎกี ารปฏิบัติ การประเมิน การจดั การ

1. การออกแบบ (Design) จะเปน็ สว่ นช่วยเหลือสนบั สนนุ เชิงทฤษฎีใหญท่ ่ีสุดของเทคโนโลยีการศึกษา เชน่ การออกแบบระบบการสอน 2. การพฒั นา (Development) ท่ีมีความสมบูรณจ์ ะเปน็ ส่วนเกอ้ื หนนุ มากทส่ี ุดในการปฏิบัติ เช่น เทคโนโลยีการพิมพ์ และ เทคโนโลยี แบบบูรณาการ 3. การใช้ (Utilization) หลงั จากได้มีการพัฒนาเปน็ อยา่ งดีทง้ั ในด้านทฤษฎแี ละการปฏิบัติ กอ่ ให้เกิดการใชส้ ่อื การแพร่กระจาย นวตั กรรม การใช้งานและความเปน็ องคก์ ร นโยบาย และกฎระเบียบ 4. การจัดการ (Management) จะเป็นส่วนหนึ่งทีม่ อี ยเู่ สมอในทุกขอบขา่ ยทงั้ นเ้ี พราะตอ้ งมกี ารรวบรวมและจัดการทรพั ยากรเพื่อการ สนับสนุนในแต่ละภารกิจ เชน่ การจัดการระบบการส่งผา่ น และการจดั การสารสนเทศ 5. การประเมนิ (Evaluation) เปน็ ขอบข่ายท่ีตอ้ งอาศยั การวิจัยจากขอบข่ายอ่นื ๆ เช่น การวิเคราะห์ปัญหา

4. การจดั ประเภท และประโยชน์ของ เทคโนโลยกี ารศึกษา

1. เครื่องมือ (Hardware) ซึ่งเป็น 3. วธิ กี าร เป็นเทคโนโลยที ีม่ ลี ักษณะ ผลผลิตที่เกิดจากการพัฒนาทาง เป็นนามธรรม ไมเ่ ปน็ วัตถุ แตเ่ ป็น วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรม ลกั ษณะการเสนอ การกระทา อาจ เป็นเครื่องมือที่จะนาเสนอเนื้อหา ใชร้ วมกบั เครื่องมอื หรอื วสั ดุ มกั จะ สาระ หรือเป็นเครื่องมือที่ช่วย ใน อยู่ในรูปของกจิ กรรม การผลติ 2. วสั ดุ (Software) เปน็ ส่วนท่ีเกบ็ สาระเนือ้ หาไว้ในตวั ของมนั เอง อาจจะ นาเสนอโดยตวั ของมนั เองก็ได้ หรอื นาเสนอผ่านเครือ่ งมือกได้

ประโยชนส์ าหรบั ผ้เู รียน ประโยชนต์ ่อการจดั การศึกษา 1. ทาใหก้ ระบวนการเรียนรงู้ า่ ยขน้ึ 1. สามารถเปิดโอกาสของการเรยี นรู้ได้ 2. ผเู้ รยี นมีอิสระในการเลอื ก อย่างแทจ้ รงิ 3. ผู้เรยี นสามารถเรยี นรู้ในทกุ เวลา 2. ทาให้ลดชอ่ งว่างทางการศึกษาให้ 4. ทาใหก้ ารเรียนมีประสิทธิภาพมากข้นึ นอ้ ยลง 3. สามารถสรา้ งผเู้ รยี นที่มีประสทิ ธภิ าพ มากกว่าเดมิ ประโยชน์สาหรบั ผู้สอน 1. ทาใหป้ ระสทิ ธิภาพของการสอนสูงขนึ้ 2. ผสู้ อนสามารถจดั กจิ กรรมไดห้ ลากหลาย 3. ทาให้กระบวนการสอนง่ายขน้ึ 4. ลดเวลาในการสอนน้อยลง

5. ความหมายของ นวัตกรรมทาง การศกึ ษา

นวัตกรรมการศึกษา หมายถึง สื่อ สิ่งประดิษฐ์หรือกระบวนการปฏิบัติที่เกิดขึ้นใหม่ทางการศึกษา ใช้แล้ว เกิดผลดีบรรลุวัตถุประสงค์ ที่ต้องการ ได้ประโยชน์และประหยัดมีประสิทธิภาพ นวัตกรรมการศึกษาอาจ เป็นสื่อสิ่งประดิษฐ์ และวิธการหรือกระบวนการใหม่ๆทางการศึกษา ที่มีผู้คิดค้นทดลองใช้แ ต่ยังไม่ แพร่หลาย แล้วคอ่ ย ๆ พฒั นาจนได้รปู แบบท่สี มบูรณ์เกิดผลในทางปฏบิ ตั ิจรงิ จึงจะไดร้ ับการยอมรบั ในทีส่ ดุ

6. ประเภทของ นวัตกรรมทาง การศึกษา

1.นวัตกรรมทางดา้ นหลกั สตู ร เป็นการใช้วิธีการใหม่ๆในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับ สภาพแวดล้อมในท้องถิ่น และตอบสนองความต้องการสอนบุคคลให้ มากข้นึ เช่น หลักสูตรสาระเพม่ิ เตมิ หลักสูตรท้องถนิ่ 2.นวตั กรรมการเรยี นการสอน เป็นการใชว้ ธิ ีระบบในการปรับปรุงและคดิ คน้ พัฒนาวิธสี อนแบบใหม่ๆ ท่ี สามารถตอบสนองการเรียนรายบุคคล การสอนแบบผู้เรียนเป็น ศูนยก์ ลาง เช่น การสอนแบบร่วมมือ การสอนแบบอภิปราย

3. นวตั กรรมส่ือการสอน เนื่องจากมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ เครือข่ายและเทคโนโลยีโทรคมนาคม ทาให้นักการศึกษาพยายามนา ศักยภาพของเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในการผลิตสื่อการเรียนการสอนใหม่ ๆ จานวนมากมาย เชน่ บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน หนังสืออเิ ล็คทรอนิค 4. นวัตกรรมทางด้านการประเมินผล เป็นนวัตกรรมที่ใชเ้ ปน็ เครื่องมือเพื่อการวดั ผลและประเมินผลไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธภิ าพ และทาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เช่น การสร้างแบบวัดต่าง ๆ การสร้างเครอื่ งมือ

5. นวตั กรรมการบรหิ ารจดั การ เปน็ การใช้นวัตกรรมทเ่ี ก่ียวข้องกับการใช้สารสนเทศมาช่วยในการบริหาร จัดการ เพ่ือการตดั สินใจของผบู้ ริหารการศึกษา เชน่ การบรหิ ารเชงิ ระบบ การบริหารเชงิ กลยุทธ์

7. การพิจารณา นวัตกรรมและลกั ษณะ ของนวัตกรรม

หลกั ในการพจิ ารณาการเป็นนวตั กรรม 1.การคัดเลือกส่งิ ที่นามาเปน็ นวตั กรรมกจ็ ะตอ้ งเปน็ สงิ่ ทม่ี จี ุดเด่นและสามารถทางานนนั้ ๆไดด้ ีกวา่ สิ่งเดิม 2.จะตอ้ งมีการคดั เลอื กว่าสง่ิ ทจ่ี ะนามาใช้เปน็ นวัตกรรมนนั้ มีความเหมาะสมกับระบบการใช้งานนั้น ๆหรอื ไม่ 3.ในการท่จี ะนาอะไรสักอยา่ งมาทาเป็นนวตั กรรมนนั้ จะต้องมกี ารพิสูจนจ์ ากงานวจิ ยั วา่ นวัตกรรมนนั้ สามารถทจ่ี ะใช้ไดผ้ ลจรงิ และ ไดผ้ ลทดี่ ีกว่าของเดมิ อยา่ งแนน่ อน 4.จะตอ้ งมกี ารพิจารณาวา่ ส่ิงทจี่ ะนามาเปน็ นวตั กรรมนนั้ ตรงกบั ความต้องการของผู้ใช้ระบบหรือไม่

ลกั ษณะของนวัตกรรม 1. เป็นสิ่งประดิษฐห์ รือวธิ ีการใหม่ – คิดหรอื ทาขนึ้ ใหม่ – เกา่ จากท่ีอื่นพึง่ นาเขา้ – คัดแปลงปรบั ปรุงของเดิม – เดิมไมเ่ หมาะแต่ปัจจบุ นั ใช้ไดด้ ี – สถานณ์การเออ้ื อานวยทาให้เกิดส่ิงใหม่ 2. เปน็ สิง่ ไดร้ ับการตรวจสอบหรอื ทดลองและพฒั นา 3.นามาใช่หรือปฎบิ ตั ิได้ดี 4.มีการแพร่กระจายออกสู่ชุมชน

8. นวัตกรรมการเรียน การสอนยคุ ปฏริ ปู การศกึ ษากับพัฒนา ทกั ษะในศตวรรษที 21

การปฏิรปู ระบบการศกึ ษาไทยปจั จบุ นั การปฏริ ูปการศึกษา คือ การปรับเปลีย่ นพัฒนาเพอ่ื ให้การศึกษาสามารถ สร้างคนดีให้กับสงั คมและเป็นพลงั ในการพฒั นาประเทศให้สามารถแข่งขนั กบั นานาอารยประเทศบนพน้ื ฐานของวัฒนธรรมและความเปน็ ไทย การปฏริ ปู ระบบ การศกึ ษาเป็นประเดน็ ศกึ ษาที่หนว่ ยงานต่าง ๆ ทัง้ ภาครัฐและภาคเอกชนน่าจะให้ ความสนใจอยา่ งมาก เนือ่ งจากหากระบบการศกึ ษาไทยไม่ไดร้ ับการปฏริ ูปแม้ว่า เราจะพยายามขยายโอกาสทางการศกึ ษาออกไปเปน็ 9 ปี หรอื 12 ปี ตามที่ กฎหมายรฐั ธรรมนูญฉบับปจั จบุ นั ระบไุ วก้ ต็ ามกจ็ ะไม่ไดช้ ว่ ยสรา้ งคนในชาติใหม้ ี ความรู้ความสามารถอยา่ งทค่ี วรจะเปน็ ในอดีตเราจะเห็นไดว้ า่ รัฐบาล และพรรค การเมอื งที่มาจากการเลือกตง้ั มกั จะพจิ ารณาและจัดอนั ดบั ให้ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารเป็นกระทรวงเกรดซีท่ีไมค่ อ่ ยมคี วามสาคญั มากนกั เพราะ เปน็ กระทรวงทม่ี ีผลประโยชนค์ อ่ นข้างนอ้ ยเมื่อเปรียบเทยี บกับหลายๆ กระทรวง แต่ในปจั จบุ นั รัฐบาลเร่ิมให้ความสาคญั กระทรวงศกึ ษาธิการเปน็ อนั ดับ ตน้ ๆ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีซึง่ เปน็ ผ้นู าของประเทศยงั เคยเข้าไปดารงตาแหน่ง ควบเปน็ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เพ่ือหวังใหก้ ารปฏิรูประบบ การศกึ ษาบงั เกิดขนึ้ อยา่ งจรงิ จังและเปน็ รูปธรรม

ความก้าวหน้าของการปฏิรูประบบการศึกษาของภาครัฐตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เชื่อว่าผลของการปฏิรูปจะทาให้ระบบการศึกษาของไทยมีประสิทธิภาพมากยิงขึ้น ซึ่งจะ เป็นหัวใจสาคัญที่จะทาให้ประชากรไทยมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นเช่นกัน แต่ในบรรยากาศของ การปฏริ ูปดงั กล่าว ก็ยงั คงมปี ัญหาอปุ สรรคของการปฏริ ูปอยบู่ ้างบางประการซึ่งพอสรุป ได้ คือ 1.ปัญหาความล่าช้าในกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย โดยเฉพาะการ จัดทากฎหมายเพื่อส่งเสริมให้มีการจัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ในรูปแบบ ศูนยก์ ารเรียน 2.ปัญหาในด้านการกาหนดนโยบายและแผนกล่าวคือในทางปฏิบัติแต่ละ หน่วยงานจะกาหนดนโยบายและแผนเพอื่ การปฏบิ ตั ภิ ารกิจของตนเอง โดยยดึ ถือ พ.ร.บ. การศึกษาแหง่ ชาติ 3.ปัญหาในด้านการนานโยบายและแผนไปสู่การปฏิบัติ เช่น การจัดการศึกษา เฉพาะทาง มีความก้าวหน้าในการนานโยบายและแผนไปสู่การปฏิบัติค่อนข้างน้อย ส่วน ใหญอ่ ยู่ในระหว่างข้นั เตรยี มการ

พัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ความทา้ ทายด้านการศกึ ษาในศตวรรษท่ี 21 ในการเตรยี มนักเรยี นให้ พรอ้ มกับชีวติ ในศตวรรษท่ี 21 เป็นเรอ่ื งสาคัญของกระแสการปรับเปลี่ยนทาง สงั คมท่เี กิดขึ้นในศตวรรษท่ี 21 สง่ ผลตอ่ วิถีการดารงชพี ของสังคมอย่างทว่ั ถึง ครูจงึ ต้องมคี วามตื่นตัวและเตรียมพรอ้ มในการจัดการเรยี นรู้เพื่อเตรยี มความ พร้อมใหน้ กั เรียนมที ักษะสาหรับการออกไปดารงชวี ิตในโลกในศตวรรษท่ี 21 ท่ี เปลยี่ นไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 โดยทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ท่สี าคัญทส่ี ุด คอื ทักษะการเรยี นรู้ (Learning Skill) โดยวิชาแกนหลกั นีจ้ ะนามาสู่การ กาหนดเปน็ กรอบแนวคิดและยุทธศาสตรส์ าคัญตอ่ การจดั การเรยี นรู้ในเนอ้ื หา เชิงสหวทิ ยาการ (Interdisciplinary) หรอื หัวขอ้ สาหรับศตวรรษที่ 21 โดย การส่งเสรมิ ความเขา้ ใจในเนื้อหาวชิ าแกนหลกั และสอดแทรกทกั ษะแห่ง ศตวรรษที่ 21 เข้าไปในทกุ วชิ าแกนหลัก ดงั น้ี

1.ทกั ษะดา้ นการเรียนรแู้ ละนวตั กรรม จะเป็นตัวกาหนดความพร้อมของนักเรียนเข้าสโู่ ลกการทางานทม่ี ีความซบั ซอ้ นมาก ขน้ึ ในปัจจบุ นั ไดแ้ ก่ ความริเริม่ สร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและการแกป้ ญั หา การสื่อสารและการรว่ มมอื 2.ทักษะดา้ นสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี เน่อื งด้วยในปจั จุบันมีการเผยแพรข่ ้อมลู ข่าวสารผา่ นทางส่อื และเทคโนโลยี มากมาย ผู้เรียนจงึ ตอ้ งมคี วามสามารถในการแสดงทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและปฏบิ ัตงิ านได้หลากหลาย โดย อาศยั ความรู้ในหลายดา้ น ดงั นี้ • ความร้ดู ้านสารสนเทศ • ความรู้เกี่ยวกบั ส่ือ • ความรดู้ ้านเทคโนโลยี 3.ด้านชีวิตและอาชีพ ในการดารงชีวิตและทางานในยคุ ปจั จุบันให้ประสบความสาเรจ็ นกั เรียนจะต้องพฒั นาทักษะชีวติ ท่ี สาคัญดังต่อไปนี้ • ความยืดหยุ่นและการปรับตวั • การรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์และเปน็ ตัวของตัวเอง • ทกั ษะสงั คมและสังคมขา้ มวัฒนธรรม • การเปน็ ผู้สรา้ งหรอื ผ้ผู ลิต (Productivity) และความรบั ผิดชอบเช่ือถอื ได้ (Accountability) • ภาวะผ้นู าและความรับผดิ ชอบ (Responsibility)

9. แนวโนม้ ของสอื และ เทคโนโลยีการศกึ ษาใน อนาคต

เทคโนโลยีในปัจจบุ ันมีวิวฒั นาการเปล่ียนแปลงไปอย่าง รวดเรว็ ทาให้มวี ัสดุ อุปกรณ์ และเทคนิควธิ กี ารใหมๆ่ เพ่อื นามาใช้ประโยชนอ์ ยา่ งไม่มขี ีดจากดั ในทกุ วงการ เชน่ เดียวกบั วงการศกึ ษาท่นี าเทคโนโลยีเหลา่ นีม้ าใชเ้ พอื่ เพ่ิม ประสิทธภิ าพการเรยี นการสอนและการบรหิ ารจดั การ รวมถึงใช้ในการกาหนดแนวโน้มของการใช้เทคโนโลยีเพื่อ ความเปลี่ยนแปลงในอนาคตว่า ควรมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอยา่ งไรบ้างเพื่อให้มกี ารใช้เทคโนโลยีอย่างได้ผล นักเทคโนโลยีการศึกษาจึงควรทราบถึงพัฒนาการของ เทคโนโลยีและแนวโน้มในอนาคตในการเรยี นการสอน ดังน้ี

– พฒั นาการของเทคโนโลยแี ละการเรยี นการสอน – ความเป็นจรงิ เสมือนและสภาพแวดลอ้ มเชิงเสมือน – การรจู้ าคาพูดและการส่ือสาร – การบรรจบกนั ของเทคโนโลยีและส่อื การสอน – บทสรปุ : วงการศึกษาและความเปลี่ยนแปลงในอนาคต – ศกั ยภาพของการสอ่ื สารในสถาบนั การศึกษา – คอมพวิ เตอร์ : อปุ กรณห์ ลักในการเรยี นการสอน – พฒั นาการของอีเลริ น์ นง่ิ : Learning Object – Grid Computing – ไอซีทแี ละการบรู ณาการการเรยี นการสอน – การเรยี นในสภาพแวดลอ้ มการเรียนร้เู ชงิ เสมือน – การเปล่ียนบทบาทของผสู้ อนและผูเ้ รยี น – สถานศกึ ษาอิเลก็ ทรอนิกส์

แหลงทีมา http://edutechnology1118.blogspot.com/2018/09/blog-post.html http://elearning.psru.ac.th/courses/25/lesson.pdf https://supapon52.wordpress.com http://kob1991041.blogspot.com/2012/02/blog-post_3262.html https://sites.google.com/site/khunchayyoch/2 https://sites.google.com/site/nwatkrrmkarsuksa/ https://tawanintiya.wordpress.com https://www.jobpub.com/articles/showarticle.asp?id=3238 https://sites.google.com/site/ppvilawan21/thaksa-haeng-stwrrs- thi-21 https://tuemaster.com



THANK YOU