ประวตั ิศาสตรช์ มุ ชนตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จงั หวดั ชมุ พร โครงการยกระดบั เศรษฐกจิ และสงั คมรายตาบลแบบบรู ณาการ (๑ ตาบล ๑ มหาวิทยาลยั ) มหาวิทยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี วิศวกรสงั คม ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จงั หวดั ชมุ พร
คำนำ หนังสือเล่มนี้ เป็นส่วนหน่ึงของการดาเนินงานโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตาบลแบบ บูรณาการ (๑ ตาบล ๑ มหาวิทยาลัย) มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จังหวัด ชุมพร คณะผู้จัดทาได้ทาการเก็บรวบรวมข้อมูลของตาบลตะโก โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเป็นส่ือ สร้างความรู้ เก่ียวกับประวัติศาสตร์ของชุมชน รวมถึงการดาเนินงานของโครงการภายในตาบล หนังสือเล่มนี้สาเร็จลุล่วงได้ ด้วยความกรณุ าเปน็ อย่างย่งิ จากทุกภาคสว่ น ทางคณะผ้จู ัดทาขอขอบพระคุณมา ณ ทนี่ ้ี ขอขอบคุณ นายโกวิท ล้ิมเรืองวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ท่ี 1 นายพิสิษฐ์ สุขตะโก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 นาย นิรมิต วรรณชิต ผู้ใหญ่บา้ นหมู่ที่ 3 นายมณี หีตชนา ผูใ้ หญ่บา้ นหมทู่ ่ี 4 นายประโยชน์ ทพิ รตั น์ ผใู้ หญ่บ้านหมู่ท่ี 5 นายชชั วาล พรมเวช ผู้ใหญบ่ ้านหม่ทู ี่ 6 นายวรี ะวฒั น์ ปราชญ์เปรอ่ื ง ผ้ใู หญบ่ ้านหมทู่ ี่ 7 นายอรยิ ณฐั ไหมเช้ือ จนี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ท่ี 8 นายคะนงึ เมอื งทพิ ย์ ผใู้ หญบ่ ้านหมูท่ ี่ 9 นายจรัญ รุ่งชว่ ง ผู้ใหญบ่ า้ นหมทู่ ่ี 10 นายวรี วฒุ ิ ร่วมชาติ (กานันตาบลตะโก) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ท่ี 11 นายสุวิทย์ วงศ์สุวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 นายชานาญ สัสดี เมือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ท่ี 13 นายบรรยง ศรีสุบัติ และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 14 รวมถึงปราชญ์ชาวบา้ นและประชาชน ทกุ คนในตาบลตะโก ผู้ให้ข้อมูลเกย่ี วกบั ตาบลตะโก ขอขอบคุณอาจารย์นิภาพร นบนอบ สาขาวิชาสาธารณสุขชุมชน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ซ่ึงเป็นอาจารย์ท่ีปรึกษาของตาบลตะโก ผู้ให้ความรู้ คาแนะนา และแนวทาง ในการจดั ทาหนงั สอื ประวัติศาสตร์ชุมชนของตาบลตะโกในครง้ั นี้ สุดท้ายน้ีขอขอบคณุ ทุกหน่วยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ งโดยเฉพาะอย่างยงิ่ สานักงานปลดั กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สป.อว) ผู้ให้การสนับสนนุ หลักของโครงการ คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเลม่ น้ี จะให้ความรู้และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน คุณค่าและประโยชนอ์ นั เกดิ จากการใช้หนงั สือเล่ม นี้ ขอมอบแดห่ น่วยงานที่มสี ่วนเก่ียวขอ้ ง เพอ่ื ใช้เป็นประโยชน์ในพ้ืนท่ีตอ่ ไป -
สารบญั หนา้ เรือ่ ง 1 2 สภำพทัว่ ไปและข้อมลู พ้นื ฐำน 2 3 ประวตั ิความเป็นมา 3 แผนทแ่ี สดงทนุ ทางสงั คมและศักยภาพตาบล 4 ทีต่ ้ังของหมบู่ า้ น ชุมชนหรอื ตาบล 4 ลกั ษณะภมู ิประเทศ ลักษณะภมู ิอากาศ 5 ลกั ษณะของดนิ 6 ลักษณะแหลง่ นา้ ด้ำนกำรเมอื งกำรปกครอง 7 เขตการปกครอง 8 ประชากร สภำพทำงสงั คม 9 การศกึ ษา 10 สาธารณสุข 11 สถำนทีส่ ำคัญ 12 นา้ ตกคลองเพรา 12 แหลง่ โบราณคดถี า้ ฉานเรน 13 สวนนายดา 13 สระนา้ บา้ นควนดิน 14 ป่าชายเลนบ้านควนดนิ 14 เขาตาก้า 15 ศูนย์การเรยี นรูช้ วี วิถแี บบพอเพียง 15 นา้ ตกธารศลิ า 16 รอยพระพุทธบาท (จาลอง) ศนู ย์การเรียนรู้พิเศษประจาจังหวัดชมุ พร หนว่ ยบริการท่งุ ตะโก น้าตกฉานเรน ถา้ พระ
สารบัญ (ต่อ) หน้า เร่อื ง 17 18 ศำสนำ ประเพณี วัฒนธรรม ควำมเชื่อ 18 การนบั ถือศาสนา 19 ประเพณแี ละงานประจาปี 20 ประเพณีวนั ขึ้นปใี หม่ 21 ประเพณีสารทเดือนสิบ 22 ประเพณีปดิ ทองรอยพระพุทธบาท (จาลอง) 23 ประเพณสี งกรานต์ 24 ประเพณีแหเ่ ทียนพรรษา 25 ประเพณีลอยกระทง ประเพณีสวดมนตข์ า้ มปี 26 ประเพณตี ักบาตรเทโว 26 ภมู ิปัญญำท้องถ่นิ และภำษำถน่ิ 27 ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ภาษาถ่นิ 28 33 ผลิตภัณฑ์ชุมชน 38 ผลิตภัณฑ์ชุมชนของตาบลตะโก กำรดำเนินงำนโครงกำรยกระดบั เศรษฐกิจและสงั คมรำยตำบลแบบบูรณำกำร รายละเอยี ดของโครงการทจี่ ะดาเนินการ โครงการ/กิจกรรม ทไี่ ด้ดาเนินการในตาบล ภาพการดาเนินกิจกรรม
1 ประวัตศิ ำสตร์ชุมชนตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จงั หวัดชมุ พร สภำพทว่ั ไปและข้อมูลพ้ืนฐำน 1. ประวัติควำมเป็นมำ ได้ปรากฏหลักฐานการสร้างเมืองนครศรีธรรมราช ว่ามีการสร้างเมืองสิบสองนักษัตร เป็น เมืองบริวารซึ่งหนึ่งในจานวนน้คี ือเมืองชุมพร ซึ่งมีศักด์ิเป็นเมืองตรีและมีเมืองขึ้นเล็กๆ อีก 7 เมืองด้วยกัน คือ เมืองปะทวิ เมืองทา่ แซะ เมอื งเมลิวัน เมืองกระ (ปัจจุบัน คอื อ.กระบุร)ี เมืองระนอง เมืองหลังสวน และเมือง ตะโก ตอ่ มาในภายหลงั ไดร้ วมเอาเมืองกาเนิดนพคุณ (คือ อ.บางสะพานน้อย) เขา้ มาด้วย เมืองตะโกจึงได้มีช่ือ ในประวัติศาสตร์ต้ังแต่บัดนั้น และได้ถูกจัดให้เป็นหัวเมืองจัตวาชั้นเอก และท่ีมีความสาคัญเน่ืองจากเป็น ทางผ่านของกองทัพที่ยกมาจากเมืองหลวง ท้ังในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรี และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ดงั ปรากฏความตอนหนึ่งในสมัยกรุงธนบรุ วี ่า เมอื่ ปกี นุ เอกศกล.ส. 1137 (พ.ศ.2312) พระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ โปรดเกล้าให้พระยาจักรียกทัพไปตีเมืองนครศรีธรรมราชมาถึงเมืองชุมพร นายมั่นชาวเมืองชุมพร ให้หาสมัคร พรรคพวกจากเมืองชุมพร และเมืองตะโก เข้าเป็นกองอาสาศึก และฝึกทหารท่ีเมืองตะโกบริเวณใกล้วัดธรรม ถาวรในปัจจุบัน ซึ่งในสมัยน้ันชาวบ้านเรียกว่า ดอนหัดม้า และต่อมาในสมัยกรุรัตนโกสินทร์ ปีมะเส็ง สัปตศก จ.ศ.1147 (พ.ศ.2328) พม่าได้ยกทัพมาตีเมืองไทยทางเมืองระนอง เมืองกระ เมืองชุมพร เมืองตะโก และ เมืองไชยา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรมหาสรสิงหานาท ยกทัพเรือขึ้นบกท่ีเมืองชุมพร เพื่อช่วยเหลือหัวเมืองปักษ์ใต้ โดยเดินทัพ ผ่านเมืองตะโก เมืองหลังสวน ไปสู้กันที่เมืองไชยา เมืองตะโกถูกพม่าตีแตกและเผาทาลายจนส้ินซากพรอ้ มกับ เมืองชุมพร จึงเป็นเมืองที่ไร้ช่ือตลอดมา จากหลักฐานท่ีปรากฏว่าคนสุดท้ายที่รักษาเมืองตะโก คือ หม่ืนราม ราชรักษา จนถึง พ.ศ. 2440 เมืองตะโกได้ถูกลดฐานะลงมาเป็นตาบล ขึ้นกับเมืองสวีตลอดมา ต่อมา พ.ศ. 2518 นายประมวล กุลมาต ส.ส. เมืองชุมพร ได้เสนอเร่ืองต่อกระทรวงมหาดไทย เพ่ือขอยก ต.ตะโก ต.ปาก ตะโก และ ต.ทุ่งตะไคร ยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอาเภอทุ่งตะโก จึงได้ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาฉบบั พิเศษ เลม่ ท่ี 93 ตอนท่ี 106 เรื่องแบ่งท้องท่ีอาเภอสวี จ.ชุมพร และต้ังเป็นกิ่งอาเภอทุ่งตะโก ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2519 ตาบลตะโกเป็นตาบลหน่ึงใน 4 ตาบล ของอาเภอทุ่งตะโก ตั้งช่ือตามคลองโก และต้นไม้ชนิดหนึ่งคือ ต้นตะโก โดยขนุ ผาซงึ่ เป็นกานันในขณะนน้ั ได้ต้ังช่อื ตาบล เป็นตาบลตะโกจนถึงปัจจุบัน ประชาชนสว่ นใหญพ่ ูด ภาษาไทยภาคใต้ นับถอื ศาสนาพุทธ ปัจจบุ ันตาบลตะโกมี 14 หมบู่ า้ น ได้แก่ บา้ นท่าทอง บา้ นทา่ บ้านคลอง เพรา บ้านแหลมยางนา บ้านทับช้าง บ้านควนดิน บ้านดอนเมา บ้านเขาเหรง บ้านควนเสาธง บ้านฉานเรน บ้านเนินทอง บ้านห้วยคล้า บ้านคลองลาด และบ้านสามแยกจาปา ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ เกษตรกรรม เชน่ การเพาะปลูกไม้ผล การเลย้ี งก้งุ การเล้ยี งปลา การเลย้ี งสุกร อาชพี ทางด้านการเกษตรกรรม จงึ ถือเป็นอาชพี และรายไดห้ ลกั ของประชาชนในพนื้ ที่
2 2. แผนทแ่ี สดงทุนทำงสังคมและศกั ยภำพตำบล 3. ที่ต้งั ของหมูบ่ ้ำน ชุมชนหรือตำบล
3 ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จงั หวดั ชมุ พร มพี ้ืนที่ขนาด 127 ตารางกโิ ลเมตร หรอื ประมาณ 79,375 ไร่ มีอาณาเขตติดตอ่ ดงั นี้ ทิศเหนือ ตดิ ต่อกับเขต ตาบลชอ่ งไม้แก้ว อาเภอท่งุ ตะโก จังหวดั ชุมพร ทิศใต้ ตดิ ต่อกับเขต ตาบลนาขา อาเภอหลงั สวน จังหวดั ชุมพร ทศิ ตะวันออก ตดิ ต่อกับเขต ตาบลเขาคา่ ย อาเภอสวี จังหวัดชุมพร ทศิ ตะวนั ตก ติดต่อกับเขต ตาบลปากตะโก อาเภอทุ่งตะโก จงั หวัดชุมพร 4. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ลักษณะภูมิประเทศของตาบลตะโก ทางทิศตะวันตกเป็นพ้ืนที่ภูเขาสูงลาดตา่ ด้านทิศตะวันออกมีลักษณะเปน็ ท่ีสูง ท่ีราบลุ่มน้าท่วมขัง และป่าชายเลนพรุกระจูดหนูกระจูดใหญ่ ในพ้ืนท่ีหมู่ท่ี 6 หมู่ท่ี 9 และหมู่ท่ี 12 บางส่วน 5. ลกั ษณะภมู ิอำกำศ ลักษณะอากาศมีลกั ษณะร้อนช้ืน อากาศเปลยี่ นแปลงไปตามฤดู ซงึ่ มี 3 ฤดู ดังนี้ ฤดรู ้อน เริม่ ตั้งแต่เดอื นกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมถิ นุ ายนของทุกปี ฤดฝู น เร่ิมตง้ั แตเ่ ดือนมถิ นุ ายน ถงึ เดือนมกราคมของทกุ ปี ฤดูหนาว เริม่ ต้งั เดอื นธนั วาคม ถงึ เดอื นมกราคมของทกุ ปี
4 6. ลักษณะของดนิ ตาบลตะโก ลักษณะดนิ พบเปน็ ดินเหนยี ว ดนิ เหนียวปนหิน ดนิ เหนียวปนร่วน ไม้ผลทเ่ี หมาะกบั ลกั ษณะดนิ น้ี ได้แก่ เงาะ มงั คุด ทเุ รยี น ส้มโชกนุ กาแฟ ยางพารา ปาลม์ 7. ลักษณะแหล่งน้ำ ลักษณะของแหล่งนำ้ มีแหล่งนา้ สายสาคัญ 4 สายตัดผ่าน ได้แก่ 1. คลองเพรา ไหลผา่ นหมู่ท่ี 2, 3, 4, 5, 7 และ 13 2. คลองกรูด ไหลผา่ นหมทู่ ่ี 1 3. คลองโชน ไหลผ่านหมทู่ ่ี 8 4. คลองตะโก ไหลผา่ นหมู่ท่ี 10 และ 15 โดยประชาชนส่วนใหญ่จะใช้น้าจากคลองเพราเป็นหลัก
5 ดำ้ นกำรเมอื งกำรปกครอง 1. เขตกำรปกครอง ตาบลตตะโก แบง่ เขตการปกครองท้องที่ ออกเป็น 14 หมู่บา้ น ดงั น้ี หมทู่ ี่ 1 บ้านท่าทอง หมู่ที่ 2 บา้ นท่า หมู่ที่ 3 บ้านคลองเพรา หมทู่ ี่ 4 บ้านแหลมยางนา หมู่ที่ 5 บ้านทบั ช้าง หมทู่ ี่ 6 บา้ นควนดนิ หมู่ที่ 7 บา้ นดอนเมา หมทู่ ี่ 8 บา้ นเขาเหรง หมู่ที่ 9 บ้านควนเสาธง หมู่ท่ี 10 บ้านฉานเรน หมู่ท่ี 11 บ้านเนินทอง หมทู่ ี่ 12 บา้ นห้วยคลา้ หมทู่ ่ี 13 บ้านคลองลาด หมทู่ ี่ 14 บา้ นสามแยกจาปา
6 2. ประชำกร ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จังหวัดชมุ พร มีประชากรทงั้ หมด 9,037 คน แยกเป็นเพศชาย 4,526 คน เพศหญงิ 4,511 คน มคี วามหนาแน่นเฉล่ีย 71 คน/ตารางกิโลเมตร หมู่บำ้ น จำนวนประชำกร ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 บ้านท่าทอง 842 842 844 844 835 บา้ นท่า 723 728 732 731 703 บา้ นคลองเพรา 520 518 526 523 521 บ้านแหลมยางนา 587 589 599 610 584 บ้านทับช้าง 1,157 1,166 1,172 1,193 1,158 บา้ นควนดนิ 349 354 357 362 345 บ้านดอนเมา 375 373 367 380 375 บ้านเขาเหรง 704 690 690 699 705 บา้ นควนเสาธง 831 838 866 860 824 บา้ นฉานเรน 743 745 755 754 722 บา้ นเนินทอง 374 377 375 366 366 บ้านห้วยคล้า 541 551 553 555 544 บา้ นคลองลาด 589 602 598 609 590 บ้านสามแยกจาปา 779 795 803 810 762
7 สภำพทำงสังคม กำรศึกษำ 1. สถำนศกึ ษำระดบั กำรศกึ ษำขนั้ พืน้ ฐำน จำนวน 6 แห่ง ดังนี้ 1.1 โรงเรยี นวัดท่าทอง สถานทต่ี ้ังหมู่ท่ี 1 บา้ นท่าทอง 1.2 โรงเรยี นชุมชนวดั ทา่ สธุ าราม สถานทต่ี ั้งหมู่ที่ 2 บ้านท่า 1.3 โรงเรียนแหลมยางนา สถานที่ตั้งหมู่ท่ี 4 บา้ นแหลมยางนา 1.4 โรงเรยี นบ้านทบั ชา้ ง สถานที่ตง้ั หมู่ท่ี 5 บา้ นทบั ช้าง 1.5 โรงเรยี นวัดเทพนิมติ วนาราม สถานที่ต้งั หมู่ที่ 8 บา้ นเขาเหรง 1.6 โรงเรยี นบ้านสามแยกจาปา สถานที่ตง้ั หมู่ท่ี 14 บ้านสามแยกจาปา 2. ศูนยพ์ ฒั นำเด็กเล็ก จำนวน 3 แห่งดังนี้ 2.1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเกษตรตะโก สถานทต่ี ง้ั หมู่ท่ี ๘ บา้ นเขาเหรง 2.2 ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เล็กโรงเรียนทับช้าง สถานที่ตง้ั หมู่ที่ 5 บ้านทับช้าง 2.3 ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเล็กบ้านสามแยกจาปา สถานทต่ี ั้งหมู่ที่ 14 บ้านสามแยกจาปา 3. ศนู ยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัย ( กศน. ) จำนวน 1 แห่งดงั น้ี 3.1 วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร สถานท่ตี ัง้ หมทู่ ี่ 8 บ้านเขาเหรง
8 สำธำรณสุข 1. สถำนพยำบำลของรฐั จำนวน 3 แห่ง ดังนี้ 1.1 โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตาบลตะโก หมูท่ ี่ 2 บา้ นท่า มเี ขตพ้ืนท่รี ับผดิ ชอบ 6 หมู่บ้าน คอื หมู่ที่ 1 บ้านทา่ ทอง หมทู่ ี่ 2 บา้ นท่า หมู่ที่ 3 บ้านคลองเพรา หมทู่ ี่ 6 บา้ นควนดนิ หมทู่ ี่ 9 บา้ นควนเสาธง หมู่ที่ 12 บา้ นหว้ ยคล้า 1.2 โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตาบลบา้ นทับชา้ ง หมทู่ ่ี 5 บา้ นทบั ช้าง มีเขตพน้ื ท่ีรบั ผดิ ชอบ 4 หมูบ่ ้าน คอื หมูท่ ่ี 5 บ้านทบั ช้าง หมทู่ ี่ 7 บ้านดอนเมา หมทู่ ี่ 11 บา้ นเนนิ ทอง หมทู่ ี่ 13 บา้ นคลองลาด 1.3 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบา้ นสามแยกจาปา หมทู่ ี่ 14 บ้านสามแยกจาปา มีเขตพนื้ ท่ีรบั ผิดชอบ 4 หมบู่ ้าน คอื หมทู่ ี่ 4 บา้ นแหลมยางนา หมู่ท่ี 8 บา้ นเขาเหรง หม่ทู ี่ 10 บ้านฉานเรน หมทู่ ี่ 14 บา้ นสามแยกจาปา
9 สถำนท่สี ำคัญ 1. ช่ือสถำนท่ี : น้าตกคลองเพรา สถำนท่ีต้งั : หมู่ที่ 5 บา้ นทับช้าง ตาบลตะโก อาเภอทงุ่ ตะโก จงั หวดั ชมุ พร ตั้งอยู่ท่ีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติท่ี นง.1 (น้าตกคลองเพรา) อ.ทุ่งตะโก ประมาณ 23 กม. – การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 41 (ทุ่งตะโก-หลังสวน) ถึง กม.ที่ 57-58 ก่อนถึง อ.หลังสวน มีทางแยกขวามือเข้าไป ยงั บ้านเหมอื งในกูด เปน็ ทางลาดยางประมาณ 12 กม. จากนน้ั เป็นทางลูกรงั เข้าไปถึงหน่วยพิทกั ษ์ อีก 3 กม. ควำมเป็นมำ : น้าตกคลองเพรา หรือเรียกอีกช่ือหนึ่งว่าน้าตกทับช้าง เปิดเมื่อวันท่ี 15 ธันวาคม 2561 ท่ี บริเวณลานหน้าน้าตกคลองเพรา (น้าตกทับช้าง) ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร น้าตกคลองเพรา อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้าตกหงาว ครอบคลุมพื้นท่ีจังหวัดชุมพรและระนอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิง ธรรมชาติ จัดเป็นสถานที่อนุรักษ์ มีน้าไหลตลอดทั้งปี เป็นน้าตกที่สูงที่สุดและสวยที่สุดในจังหวัดชุมพร เป็น น้าตกขนาดใหญ่กลางป่า มีความสวยงามมาก มีอยู่ด้วยกัน 5 ชั้น ช้ันท่ี 3 เป็นช้ันท่ีน้าโจนสูงสุดถึง 36 เมตร ในอดีตการเดินทางไปน้าตกน้ีต้องใช้ความอดทน เพราะต้องเดินเท้าเข้าไปกลางป่า ผ่านเส้นทางชันบนภูเขา เป็นที่ท้าทายของนักท่องเท่ียวท่ีชอบแนวผจญภยั แต่ปัจจุบันมีการกาหนดเสน้ ทางใหม่ ทาให้การเข้าถึงที่ดีขึน้ รถยนต์สามารถเข้ามาถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย น้าตกคลองเพราเป็นน้าตกขนาดใหญ่ ท่ามกลางพงไพรบริสทุ ธิ์ ลกั ษณะของป่าจะเปน็ ป่าดบิ ช้นื มตี ้นไมใ้ หญ่ พชื พรรณหลากหลายชนิด ป่ายงั คงอุดม สมบรู ณ์ ความโดดเด่นของน้าตกสายน้ีคือการเป็นน้าตก ท่ีมีนา้ ตลอดทง้ั ปี นา้ ตกแห่งนม้ี อี ย่ดู ้วยกัน 5 ชั้น และ ชัน้ ที่ 3 นนั้ เปน็ ชน้ั ทมี่ คี วามสวยงามมากทสี่ ุด ทสี่ ายนา้ ไหลตกผา่ นหนา้ ผาสงู ชันประมาณ 40 เมตร เมื่อนา้ ตก กระทบกับโขดหิน สายน้ากระทบกับโขดหินฟุ้งกระจายไปท่ัวบริเวณ ด้านล่างยังเป็นแอ่งน้าใสและเย็นมาก เป็นภาพที่น่าต่ืนตาไม่เบาทีเดียว ท้ังน้ี บริเวณที่ทาการอุทยานฯ ไม่มีที่พัก ร้านอาหาร หรือส่ิงอานวยความ สะดวกอ่นื ๆ นอกจากลานกางเตน็ ท์ หากนักทอ่ งเทยี่ วตอ้ งการพักแรมทน่ี ่ี ต้องเตรียมอปุ กรณต์ ่าง ๆ มาเอง
10 2. ช่อื สถำนท่ี : แหล่งโบราณคดีถา้ ฉานเรน สถำนท่ีตงั้ : หมู่ 10 บา้ นฉานเรน ตาบลตะโก อาเภอท่งุ ตะโก จังหวัดชมุ พร ควำมเป็นมำ : ถ้าฉานเรน หรือบางคนเรียกถ้าเหล็กไหล เป็นแหล่งโบราณคดี ถ้าฉานเรนและสถานท่ีสาคัญ ทางประวัติศาสตร์ยุคโบราณแห่งหนึ่งของอาเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร หมู่บ้านอยู่ห่างไปทางใต้ประมาณ 25 กิโลเมตร ภายในถ้ามีความสวยงามของหินงอกหินย้อย เป็นเพิงผาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ยาว ประมาณ 30 เมตร ซึ่งลักษณะของถ้าในประเทศไทยน้ีมีเพียง 5 จังหวัด คือ จ.สงขลา จ.ชุมพร จ.กาญจนบุรี จ.สระบุรี และ จ.อดุ รธานี บรเิ วณดา้ นหน้ามีลาธารเลก็ ๆ ไหลผ่าน เปน็ เขาหนิ ปนู ในกลุ่มเทือกเขาสลบั ซับซ้อน ระหว่างอาเภอสวี อาเภอทุ่งตะโก และเขตอาเภอละอุ่น จังหวัดระนอง จากการสารวจของกรมศิลปากรพบว่า บริเวณนี้มีเศษภาชนะดินเผากระจายอยู่ในถ้า และบริเวณเพิงผาประมาณ 370 ช้ิน มีเนื้อหยาบ มีเม็ดทราย ปนมาก เผาด้วยอุณหภูมิต่าข้ึนรูปด้วยมือ พบท้ัง ส่วนปาก ส่วนก้น ส่วนตัว และส่วนขาเป็นภาชนะประเภท หม้อสามขา กบั เคร่ืองมือหนิ ประเภทขวานหินขัดเศษภาชนะดนิ เผา กาหนดอายุอยู่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ยุคหนิ ใหมร่ าว ๔,๐๐๐ - ๒,๐๐๐ ปี มาแล้ว กระจดั กระจายภายในถ้าจานวนมาก สนั นษิ ฐานไดว้ ่าอาจจะเปน็ ท่ี อยู่อาศัยของมนุษย์ก่อนสมัยประวัติศาสตร์ยุคหิน ใหม่ก่อนประวัติศาสตร์ เชื้อสายชนเผ่าออสโตรเนเซียน ท่ี อพยพถิ่นฐานมาจากตอนเหนือของจีน ราว ๓,๐๐๐ ปีท่ีผ่านมา เน่ืองจากลักษณะถ้าและเพิงหินในเทือกเขาน้ี เหมาะสาหรับการอยู่อาศัย ปัจจุบันแหล่งโบราณคดีถ้าฉานเรน เป็นสถานท่ีท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม บริเวณ หน้าถ้ามีลาธาร ไหลผ่าน มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ งบประมาณจากชาวบ้าน และสานักงานการท่องเที่ยวและ กีฬาจังหวัด มีพระสงฆ์อยู่จาพรรษา จานวน ๒ รูป ซึ่งชาวบ้านรว่ มกันก้ันพื้นที่บรเิ วณถ้าเป็นหอ้ งสาหรับเปน็ ที่ พักของพระสงฆ์ มสี ถานท่สี าหรบั ประกอบกิจกรรมทางศาสนา
11 3. ช่อื สถำนที่ : แหล่งท่องเทย่ี วเชิงเกษตร สวนนายดา สถำนทีต่ ้ัง : 199 หมู่ 7 บา้ นดอนเมา ตาบลตะโก อาเภอทงุ่ ตะโก จงั หวดั ชุมพร ควำมเป็นมำ : นายดา ฉิ่งสุวรรณโรจน์ ผู้ให้กาเนิด \" สวนนายดา \" เกิดเม่ือปี พ.ศ. 2475 เป็นชาวหลังสวน โดยกาเนิด ด้วยความพากเพียร และอุสาหะการทามาหากิน ทาอาชีพเกษตรกรอย่างเต็มตัว เงาะโรงเรียนเป็น ผลไม้แรกที่เริ่มลงดิน ปลูก ณ ท่ีดินแปลงนี้ จากการหมั่นสังเกต จึงเร่ิมพัฒนาเงาะโรงเรียนจนมีคุณภาพ สามารถส่งออกขายต่างประเทศ ค้นพบวิธีการทาเงาะให้ติดผลบนหลังก่ิง และต่อมาพบอุปสรรคและปัญหา เร่ืองการเก็บเกี่ยวและการรักษาคุณภาพของเงาะ จงึ เร่ิมมองหาพืชตัวใหม่เข้ามาทดแทน ทเุ รียนจึงเป็นผลไม้ท่ี นามาปลูก ใช้ประสบการณ์เช่นเดียวกับเงาะ และประสบผลสาเร็จในการปลูกทุเรียนนอกฤดู จนมีช่ือเสียง ได้รับรางวัลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อปี 2535 และเมื่อต้นทุเรียนเร่ิมมีอายุมากขึ้น พื้นที่ปลูกมาก ขน้ึ จงึ ต้องมีการปลูกพชื หมนุ เวียนบ้าง ส้มโชกุนเป็นผลไม้ทีน่ ามาลงพนื้ ทนี่ ี้ จนเป็นพชื เศรษฐกิจหลัก ทีส่ ร้างชื่อ ใหก้ บั สวนนายดาเปน็ ทร่ี จู้ กั และยอมรบั ถงึ รสชาติที่ดีที่สดุ ในโลก ปจั จบุ นั สวนนายดาได้เปลย่ี นแปลงตัวเอง อีก คร้ัง โดยทาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของ จ.ชุมพร เพื่อศึกษาพืชพรรณธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศรนื่ ร่ม เสียงน้า การจัดสวน เป็นจุดพักรถนักท่องเท่ียวท่ีพร้อมรอต้อนรับด้วยน้าส้มโชกุนค้ันสด กาแฟสด อาหาร อร่อยและผลิตภณั ฑ์ OTOP จากสวนนายดา เพื่อเติมเต็มความสุขดงั่ ใจปรารถนา ในบรรยากาศร่มไม้ เสียงน้า ที่สวนนายดาบรรจงสรรสรา้ ง มอบให้เพอื่ เป็นการขอบคณุ ทม่ี าเยอื นสวนนายดา
12 4. ชื่อสถำนที่ : สระนา้ บา้ นควนดิน สถำนทีต่ ้ัง : หมู่ 6 บ้านควนดนิ ตาบลตะโก อาเภอท่งุ ตะโก จังหวดั ชุมพร ควำมเป็นมำ : แต่ก่อนสถานท่ีแห่งนี้เป็นป่าพรุ ต่อมาผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่สมยศ ซ่ึงเป็นผู้ใหญ่บา้ นในสมัยนั้น ได้ ของบประมาณจากหน่วยงานภาครัฐ มาขุดสระแห่งนี้ เพื่อให้ชาวบ้านได้มีน้าใช้ในการทาประโยชน์ต่างๆ สระ นา้ แห่งน้ีมมี าแล้วประมาณ 20 กวา่ ปีแล้ว หลังจากน้นั ก็มีชาวบา้ นบางส่วน ไดเ้ ขา้ มาเล่นนา้ ในสระนา้ แหง่ น้ี ได้ ถ่ายรปู เพ่ือลงโซเชียล เพราะเป็นสถานที่ ท่ีมนี า้ สวยมาก ต่อมาอีกไม่นานสถานท่ีแห่งนี้ เลยเป็นท่ีรู้จักของผู้คน หลายๆ กล่มุ ในช่ือสระนา้ บ้านควนดนิ 5. ช่อื สถำนที่ : ปา่ ชายเลนบ้านควนดนิ สถำนทต่ี ้ัง : หมู่ 6 บ้านควนดิน ตาบลตะโก อาเภอท่งุ ตะโก จงั หวัดชุมพร ควำมเปน็ มำ : ป่าชายเลนบ้านควนดิน เป็นปา่ ชายเลนแห่งเดียวที่มีในพ้ืนทีต่ าบลตะโก เป็นป่าชายเลนท่ียังคง ความงดงามตามธรรมชาติ คนส่วนใหญ่จะชอบมาทากิจกรรม เช่น การปลูกป่าชายเลน การฟื้นฟูป่าชายเลน เป็นต้น
13 6. ช่ือสถำนที่ : เขาตากา้ สถำนทต่ี ้ัง : 30/1 หมู่ 13 บ้านคลองลาด ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ควำมเป็นมำ : เดิมสวนตาก้าเป็นสวนยาง ท่ีสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้รอบๆ เป็นสวนยางท่ีมีพื้นท่ีกว้าง พอสมควร เปน็ เขาทีม่ ีลักษณะคล้ายหลังเต่า ชือ่ เจ้าของสวน ช่ือวา่ ตาก้า ต่อมา คณุ ลงุ เสนห่ ์ ลกู ชายไดม้ องเห็น ถึงความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ เลยได้จัดตั้งทาเป็นสถานท่ีท่องเที่ยว ต้ังแคมป์ ท่ีมีช่ือว่า “เขาตาก้าหรือ สวนตากา้ ” 7. ชือ่ สถำนที่ : ศนู ย์การเรียนรู้ชีววิถแี บบพอเพียง สถำนทตี่ ง้ั : 97 หมู่ 2 บ้านท่า ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จังหวดั ชมุ พร ควำมเป็นมำ : ศูนย์การเรียนรู้แบบชีววิถีแบบพอเพียง ซ่ึงเป็นพื้นท่ีของนางสายสุดา เดชทุ่งคา ได้ริเริ่มทา การเกษตรผสมผสาน โดยมีเน้ือท่ี 3 ไร่ ในปัจจุบันได้มีการบริหารจัดการพื้นท่ีเป็นส่วนต่างๆ เช่น การเลี้ยงผ้ึง โพรง เลี้ยงเป็ดไก่ เล้ียงหมู ทาไร่ ปลูกไผ่ ทาปุ๋ยหมัก ปลูกผักสวนครัวชนิดต่างๆ ขุดหนองเล้ียงปลา เปน็ ตน้ เพอ่ื บริโภคในครวั เรอื นตอ่ มาไดม้ กี ารตอ่ ยอดและพัฒนาเปน็ แหลง่ เรียนรเู้ ศรษฐกิจพอเพยี ง
14 8. ชื่อสถำนที่ : น้าตกธารศิลา สถำนท่ตี งั้ : หมู่ 14 บา้ นสามแยกจาปา ตาบลตะโก อาเภอทงุ่ ตะโก จังหวดั ชุมพร ควำมเป็นมำ : น้าตกธารศิลา ต้ังอยู่ในหมู่ที่ 14 บ้านสามแยกจาปา ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร เป็นน้าตกท่ี สวยงาม มีหินขนาดใหญ่จานวนมาก จากการสอบถามผู้ใหญ่บ้าน จึงทราบว่า ผู้ที่มาพบน้าตกครั้งแรก คือ ชาวบ้านทเ่ี ดนิ ทางมาทาสวน และทามาหากนิ ในหม่บู ้านแห่งนี้ และได้สารวจพบวา่ มีน้าตกท่ีสวยงามมาก มหี นิ เกาะตัวกนั จานวนมาก เป็นระยะทางยาวพอสมควร ต่อมาไดเ้ รียกกันในกลุ่มชาวบา้ นว่าน้าตกธารศิลา จึงไดช้ ื่อ วา่ นา้ ตกธารศิลาตัง้ แต่นัน้ เปน็ ตน้ มา 9. ช่อื สถำนท่ี : รอยพระพทุ ธบาท (จาลอง) สถำนท่ตี ัง้ : หมู่ที่ 9 บ้านควนเสาธง ตาบลตะโก อาเภอท่งุ ตะโก จงั หวดั ชมุ พร ควำมเป็นมำ : หลวงพ่อดา จันทฺ สโร (เจ้าอาวาสวดั ทา่ สุธารามในขณะนน้ั ) ได้สร้างรอยพระพุทธบาทจาลองข้ึน ณ วัดควนตะโก หมู่ท่ี 9 บา้ นควนเสาธง ตาบลตะโก อาเภอทงุ่ ตะโก จังหวัดชุมพร และไดน้ าธงธรรมจักรไปปัก ไวเ้ ปน็ สญั ลักษณต์ ง้ั แต่ตอนนั้นเปน็ ต้นมา
15 10. ชอื่ สถำนท่ี : ศูนยก์ ารเรยี นร้พู ิเศษประจาจังหวดั ชมุ พร หนว่ ยบรกิ ารทงุ่ ตะโก สถำนที่ตง้ั : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านทับช้าง หมู่ 13 ตาบลตะโก อาเภอทงุ่ ตะโก จังหวดั ชมุ พร ควำมเป็นมำ : เนื่องจากมีนักเรียนของศูนย์การเรียนรู้พิเศษประจาจังหวัดชุมพร อยู่ในพื้นที่อาเภอทุ่งตะโก จานวน 25 ราย ซึ่งจากพ้ืนที่อาเภอทุ่งตะโกจนถึงศูนย์การเรยี นรู้พิเศษประจาจังหวัดชุมพร มรี ะยะทางไกลถึง 65 กิโลเมตร ทาให้นักเรียนไม่สามารถเข้ารับบริการได้อย่างต่อเน่ืองและทั่วถึง และเน่ืองด้วยผู้ปกครองของ เด็กมีความยากจน เมื่อเดินทางไปใช้บริการศูนย์การเรียนรู้พิเศษประจาจังหวัดชุมพร จึงทาให้เกิดภาระ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปใช้บริการ จึงมีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้พิเศษประจาจังหวัดชุมพร หน่วยบริการทุ่ง ตะโกขนึ้ มา เปดิ ใหบ้ รกิ ารทอี่ าเภอทุง่ ตะโก ต้งั แต่ วันท่ี 29 สงิ หาคม 2562 จนถึงปัจจบุ ัน 11. ชือ่ สถำนที่ : นา้ ตกฉานเรน สถำนที่ต้ัง : หมู่ 10 บ้านฉานเรน ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จังหวัดชมุ พร ควำมเป็นมำ : น้าตกฉานเรน ต้ังอยู่ในหมู่ท่ี 10 บ้านฉานเรน ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร เป็น นา้ ตกที่สวยงามอกี ทห่ี นงึ่ ของตาบลตะโก จากการสอบถามปราชญ์ชาวบา้ น จึงทราบว่าผู้ทมี่ าพบน้าตกครั้งแรก คือชาวบ้านในหมู่บ้าน ที่มีท่ีทามาหากินใกล้กับน้าตก และได้ไปพบว่ามีน้าตกลงมาจากท่ีสูง มีความสวยงาม แต่ไมค่ อ่ ยเปน็ ทีร่ จู้ ักมากนัก เพราะเส้นทางท่ีไปน้าตก คอ่ นข้างลาบาก ตอ้ งเดนิ เทา้ เขา้ ไปหลายกโิ ลเมตร จึงทา ให้น้าตกไมเ่ ปน็ ท่ีรู้จักของผคู้ นทว่ั ไป
16 12. ชือ่ สถำนท่ี : ถา้ พระ สถำนทตี่ ้งั : หมู่ 12 บ้านห้วยคลา้ ตาบลตะโก อาเภอทุง่ ตะโก จงั หวดั ชุมพร ควำมเป็นมำ : ถ้าพระถูกค้นพบโดยผู้นาชุมชนและคณะกรรมการหมู่บ้าน เม่ือปี พ.ศ. 2556 โดยจากการ บอกเล่าของผู้อาวุโสในชุมชนจึงได้เดินทางข้ึนไปสารวจ จากการสันนิษฐานท่ีได้ช่ือถ้าพระน้ันเกิดจากการพบ พระพุทธรูปน้อยใหญ่จานวนมาก และมีรูปพระนอนแกะสลักด้วยไม้จันทร์หอม แต่ไม่สามารถทราบถึงอายุได้ ว่ามีมาตั้งแต่ยุคสมัยใด และจากการสารวจโดยรอบองค์พระนอนพบว่ามีการตัดลักลอบเศียรออกไป ด้านหลัง องค์พระมีการผ่าเพ่ือค้นหาวัตถุมงคลบางอย่างออกไปด้วยคงเหลือแต่ลาตัวพระเท่านั้น ลักษณะภูเขาคล้ายรปู ช้างนอนและเป็นภูเขาสูงต้องเดินเท้าข้ึนไปประมาณ 500 เมตร ตามแนวป่าไม้และโขดหิน ซ่ึงปัจจุบันทาง หมู่บ้านได้ดาเนินการจดั ทา และข้ึนทะเบียนบรเิ วณและสถานที่ดังกล่าวเปน็ ปา่ ชมุ ชนเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว และ ได้ดาเนินการนารูปหล่อพระพุทธชินราช ขึ้นไปประดิษฐานบริเวณทางเข้าถ้า ส่วนบริเวณในถ้าน้ันมีรูปหล่อ หลวงปู่ทวดและพระพุทธรูปอ่ืนๆ อีกมากมาย สาหรับบริเวณทางขึ้นจะมีรูปพระนอนแกะสลักด้วยหินน้าหนกั 1,000 กิโลกรัมประดษิ ฐานอยู่ ทางหมู่บ้านมีนโยบายทจี่ ะดาเนินการพฒั นาเป็นแหลง่ ท่องเท่ยี วต่อไป
17 ศำสนำ ประเพณี วัฒนธรรมและควำมเชือ่ 1. กำรนับถือศำสนำ ตาบลตะโก อาเภอทงุ่ ตะโก จังหวัดชมุ พร ประชาชนส่วนใหญ่นบั ถือ ศาสนาพุทธ มีวัดในสังกัดสานกั พระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ จานวน 4 แห่ง และสานักสงฆ์ จานวน 4 แห่ง ดังน้ี 1. วัดท่าทอง สถานทต่ี ั้ง หมทู่ ่ี 1 บา้ นท่าทอง 2. วดั ทา่ สธุ าราม สถานที่ตง้ั หมทู่ ่ี 2 บ้านทา่ 3. วดั เทพนมิ ติ วนาราม สถานท่ตี ง้ั หมทู่ ี่ 8 บ้านเขาเหรง 4. วัดควนตะโก สถานท่ตี ้ัง หมู่ท่ี 9 บา้ นควนเสาธง 5. สานักสงฆ์เนินทอง สถานทต่ี ้งั หมู่ท่ี 11 บา้ นเนินทอง 6. ทพี่ ักสงฆ์ทบั ช้าง สถานที่ตั้ง หมูท่ ่ี 13 บา้ นคลองลาด 7. สานกั สงฆ์ถา้ ฉานเรน สถานทต่ี ั้ง หมู่ที่ 10 บ้านฉานเรน 8. สานักสงฆพ์ ุทธครี ี สถานที่ตั้ง หมู่ที่ 14 บ้านสามแยกจาปา
18 2. ประเพณแี ละงำนประจำปี 2.1 ประเพณี : ประเพณีวันข้นึ ปีใหม่ เดือนทจี่ ัดประเพณี : วันที่ 1 มกราคม ของทกุ ๆ ปี ควำมเปน็ มำ : ในอดตี วนั ข้นึ ปใี หมข่ องไทยได้มีการเปล่ยี นแปลงมาแล้ว 4 ครงั้ คือ ครง้ั แรกถือเอาวนั แรม 1 คา่ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปใี หม่ซ่ึง ตรงกับเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 กาหนดให้วันข้ึนปใี หมต่ รงกับวนั ขึน้ 1 ค่า เดือน 5 ตามคตพิ ราหมณ์ ซึ่งตรงกบั เดือนเมษายน การกาหนดวนั ข้ึนปีใหม่ใน 2 ครง้ั น้ี ถอื เอาทางจนั ทรคติเป็นหลัก ตอ่ มาไดถ้ ือเอาทางสรุ ยิ คตแิ ทน โดยกาหนดใหว้ ันท่ี 1 เมษายน เป็นวนั ขึน้ ปใี หม่ ต้ังแต่ พ.ศ. 2432 เปน็ ต้นมา ประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่อยู่ ต่อมาเมื่อมีการ เปล่ียนแปลงการปกครอง มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ไม่สู้ จะมีการร่ืนเริงอะไรมากนัก สมควรที่จะฟื้นฟูข้ึนมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงขึ้นมาในวันขึ้นปีใหม่ ใน วนั ที่ 1 เมษายน 2477 ขึน้ ใน กรุงเทพฯ เป็นครง้ั แรก การจัดงานวันขึ้นปใี หม่ที่ได้เริ่มเม่ือวันที่ 1 เมษายน ได้ แพร่หลายออกไปต่างจังหวัด ในปีต่อๆ มา และในปี พ.ศ. 2479 ก็ได้มีการเริ่มจัดงานร่ืนเริงข้ึนมา ท่ัวทุก จังหวัด วันข้ึนปีใหม่วนั ที่ 1 เมษายน ในสมัยนั้นทางราชการเรียกว่า วันตรุษสงกรานต์ ต่อมาได้มีการพิจารณา เปล่ียนวันขึ้นปีใหม่อีกคร้ังหน่ึง โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งต้ังคณะกรรมการข้ึน ซึ่งมีหลวงวิจิตรวาทการ เป็น ประธานกรรมการ ท่ปี ระชมุ มีมติเป็นเอกฉันท์ใหเ้ ปลีย่ นวันขน้ึ ปใี หมเ่ ปน็ วนั ที่ 1 มกราคม โดยกาหนดใหว้ นั ที่ 1 มกราคม 2484 เป็น วันขึ้นปีใหม่เป็นต้นไป กิจกรรมที่ชาวไทยส่วนใหญ่มักจะยึดถือปฏิบัติกันในวันข้ึนปีใหม่ ได้แก่ การทาบุญตกั บาตร โดยอาจตักบาตรทบ่ี า้ น หรือไปท่วี ัดหรอื ตามสถานทีต่ ่างๆ
19 2.2 ประเพณี : ประเพณีสารทเดอื นสบิ เดือนทจ่ี ัดประเพณี : วนั แรม ๑ ค่า ถงึ วนั แรม ๑๕ ค่า เดือน ๑๐ ของทุกปี ความเป็นมา : ประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีส่าคัญอย่างหนึงทีชาวภาคใต้ปฏิบัติสืบต่อกันมา ต้ังแต่ คร้ังโบราณจนถึงปัจจุบัน แต่ไม่มีปรากฏหลักฐานทีแน่ชัด ว่าประเพณีท่าบุญสารทเดือนสิบในภาคใต้มีมาแต่ เมือใดและเริมขึ้นทีไหนก่อน ทราบเพียงว่าเป็นประเพณีทีมีมาช้านานแล้วและยึดถือปฏิบัติกันทัวไปในภาคใต้ โดยเฉพาะชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชมีการปฏิบัติประเพณีกันอย่างจริงจังมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบันน้ี จน กลายเป็นงานบุญประเพณีประจ่าปีทีส่าคัญของจังหวัดและเป็นงานทีมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมทีได้มีการ อนุรักษ์สืบทอดกันมายาวนาน เพือแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษทีล่วงลับและร่วมแสดงออก ถึงความรักความสามัคคี ประเพณีสารทเดือนสิบ นอกจากจะเป็นการท่าบุญให้เปรตชนแล้วยังท่าให้เกิดการ รวมตัวของญาติๆ บรรดาญาติพีน้องทีแยกย้ายกันไปท่ามาหากินต่างถิน จะกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนเพือร่วม ทา่ บญุ และถอื เปน็ โอกาสพบกันปลี ะครั้ง ประกอบกบั ในช่วงเดอื นสิบพชื พรรณธัญญาหารและผลไมต้ ่างๆ ก่าลัง ให้ผลอุดมสมบูรณ์ทุกคนจะได้ร่วมกันน่าไปท่าบุญทีวัด ส่วนหนึงจะได้ร่วมกันรับประทานอาหารและเป็นการ แสดงความสนุกสนานประจ่าปีร่วมกัน งานบุญสารทเดือนสิบจัดว่าเป็นงานบุญใหญ่ของชาวภาคใต้ โดยการ ท่าบุญในวันสารทเดือนสิบ ก่าหนดท่าปีละสองคร้ัง คือ วันแรม ๑ ค่า เดือน ๑๐ เป็นวันรับตายาย หรือวันรับ เปรต เชอื กันวา่ เป็นวันทียมบาลจะปล่อยให้เปรตมาเยียมลูกหลาน และทา่ อกี คร้ังหนงึ ในวันแรม ๑๕ คา่ เดอื น ๑๐ เป็นวันส่งตายาย หรือวันส่งเปรต ซึงเป็นวันทีเปรตชนต้องกลับยมโลก ลูกหลานจึงท่าบุญเล้ียงส่งอีกครั้ง หนงึ ก่อนถึงวนั ทา่ บญุ ชาวบา้ นจะเตรยี มทา่ ขนมเดอื นสบิ
20 2.3 ประเพณี : ประเพณปี ดิ ทองรอยพระพุทธบาท (จาลอง) เดือนทจ่ี ัดประเพณี : เรมิ วนั ที ๑๔ เดอื นเมษายน ถึง วันที ๑๕ เดอื น เมษายน ความเป็นมา : เมือปี พ.ศ. ๒๔๖๗ หลวงพ่อปาน จ่าพรรษาอยู่วดั บ่อคณุ บา้ นบ่อโก หมทู่ ี ๑ ต่าบลแหลมทราย อ่าเภอหลงั สวน จังหวัดชมุ พร สร้างรอยพระพุทธบาทจา่ ลองข้นึ จา่ นวน ๒ องคน์ ่าไปถวายและประดษิ ฐานอยู่ บนยอดเขาวัดทัพชยั บา้ นบางหลีก หม่ทู ี ๔ ต่าบลแหลมทราย อา่ เภอหลงั สวน จงั หวดั ชุมพร ๑ องค์ และนา่ ไป ถวายหลวงพ่อเรือง ซึงจ่าพรรษาอยู่บนเขาวัดควนตะโก ๑ องค์ ชาวบ้านจึงเรียกชือลูกเขานั้นว่า เขาพระบาท ชาวบ้านร่วมกันจัดงานฉลอง ปิดทองรอยพระพุทธบาทจ่าลอง ในช่วงสงกรานต์ โดยก่าหนดจัดวันที ๑๕ เมษายน เปน็ ประจา่ ทุกปี ตอ่ มาชาวบ้านบ้านควนเสาธงรว่ มกันสร้างศาลาบนยอดเขาเพือประดิษฐานรอยพระ พุทธบาทจ่าลอง และอัญเชิญรอยพระพุทธบาทจ่าลองข้ึนประดิษฐานบนศาลา งานปิดทองรอยพระพุทธบาท จ่าลอง จึงกลายเปน็ ประเพณีทอ้ งถินของบา้ นควนเสาธง มาจนถงึ ปัจจุบัน งานปดิ ทองรอยพระพุทธบาทจ่าลอง เป็นประเพณีทีเกิดข้ึนจากความร่วมมือร่วมใจกันของชาวบ้านควนเสาธง หมู่ ๖ ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ปฏบิ ัติสบื ทอดตอ่ ๆ กนั มา จนกลายเปน็ ประเพณีทอ้ งถิน
21 2.4 ประเพณี : ประเพณสี งกรานต์ เดือนท่ีจัดประเพณี : วันที ๑๓ ถงึ ๑๕ เมษายน ของทกุ ปี ความเป็นมา : วันสงกรานต์ ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณทียึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน เป็น ประเพณีทีมีคติข้อคิดต่างๆ สอดแทรกอยู่มากมาย สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน มีความงดงามเต็มไปดว้ ยบรรยากาศของความกตญั ญู ความสนกุ สนาน ความอบอนุ่ และการให้เกียรตเิ คารพซึง กันและกัน โดยใช้น่้าในการเชือมสัมพันธไมตรี สงกรานต์ สมัยโบราณน้ันเรียกว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึงเดิมวันทีจัดเทศกาลจะก่าหนดโดยการค่านวณทางดาราศาสตร์ แต่ ปัจจุบันน้ันได้มีการระบุให้วันที ๑๓ ถึง ๑๕ เมษายน เป็นวันสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย และเป็น วันหยดุ ราชการ ส่วนกิจกรรมหลกั ๆ ทีทา่ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็จะเปน็ การท่าบุญตักบาตร ทา่ บุญอฐั ิ การ สรงน่้าพระ การรดน่้าขอพรผู้ใหญ่ เล่นสาดน้่าคลายร้อนกัน เทศกาลสงกรานต์ เป็นวันทีครอบครัวจะได้อยกู่ ัน อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ลูกหลานทีท่างานไกลบ้านเมือถึงเทศกาลสงกรานต์ก็จะเดินทางกลับบ้าน ซึง ประเพณีส่าคัญทีมาคู่กับวันสงกรานต์เสมอก็คือ ประเพณีรดน่้าด่าหัวผู้ใหญ่ เป็นประเพณีทีท่าต่อเนืองกันมา ยาวนาน เปน็ การแสดงถงึ ความเคารพ ความกตญั ญตู ่อ บดิ า มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ผใู้ หญ่ และผมู้ พี ระคุณ โดย ผู้น้อยจะขอขมาลาโทษผู้ใหญ่ทีอาจเคยล่วงเกิน พร้อมท้ังรับค่าอวยพรเพือเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและ ครอบครวั ประเพณีรดน้า่ ดา่ หัวผู้ใหญ่ ส่วนใหญจ่ ะทา่ กนั ในวนั สุดทา้ ยของเทศกาลสงกรานตเ์ พยี งวันเดียว หรือ วนั เถลิงศก (วันที ๑๕ เมษายน) ซงึ ประเพณีน้ยี ังมีความส่าคัญ และยดึ ถือปฏิบัติมาจนทกุ วันน้ี
22 2.5 ประเพณี : ประเพณแี ห่เทยี นพรรษา เดอื นทจ่ี ดั ประเพณี : จัดในวันขึน้ 15 ค่า เดือน 8 (วนั เขา้ พรรษา) ควำมเป็นมำ : ประเพณีแห่เทียนพรรษา เป็นงานประเพณีท่ีรวมความผูกพันของชุมชนท้องถ่ิน โดยเร่ิมตั้งแต่ การที่ชาวบ้านร่วมบริจาคเทียนเอามาหลอมหล่อเป็นเทียนเล่มใหญ่เล่มเดียวกัน เป็นการแสดงออกถึงความ สามัคคีกลมเกลียวในหมู่คณะ การสรรหาภูมิปัญญาชาวบ้าน ท่ีมีฝีมือทางช่าง มีความรู้ ความชานาญในเร่ือง การทาลวดลายไทย การแกะสลักลวดลายลงบนต้นเทียน การทาเทียนให้เป็นลายไทย แล้วนาไปติดบนต้น เทียน การประดับด้วยผ้าฝ้าย ผ้าไหม ดอกไม้สด ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของช่างในท้องถิ่น งานแห่เทียนพรรษา เป็นงานท่ีทาให้คนวัยรุ่น หนุ่มสาว ได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดและสัมผัส กับศิลปวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด นับต้ังแต่ การเข้าเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือ เป็นลูกมือช่างของทางวัดในการแกะสลักทาลวดลายต้นเทียน ค้นคว้าหา วิธีการทาเทียนพรรษาให้วิจิตรพิสดาร งดงาม แต่ประหยัดการเข้าร่วมในขบวนแห่จะเป็นการผสมผสาน ระหว่างคนรุ่นเก่ากบั คนรนุ่ ใหม่ เชน่ การเล่นดนตรพี น้ื บ้าน โปงลาง หรอื เป่าแคน จะมีท้ังผสู้ ูงอายุและคนหนุ่ม สาว ส่วนขบวนฟ้อนรา จะใช้เด็กๆ รุ่นเยาว์ ถึงวัยหนุ่มสาวมากกว่าคนสูงวัย ซ่ึงคาดหวังได้ว่า ประเพณี วัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ จะสบื ทอดตอ่ ไปอกี ยาวไกล
23 2.6 ประเพณี : ประเพณลี อยกระทง เดอื นที่จัดประเพณี : วนั เพ็ญเดอื น ๑๒ หรือวนั ขน้ึ ๑๕ ค่าเดือน ๑๒ ควำมเป็นมำ : การลอยกระทงชือพิธีอย่างหนึงท่าตรงกับคืนวันเพ็ญเดือน ๑๒ หรือวันข้ึน ๑๕ ค่าเดือน ๑๒ อันเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง และเป็นช่วงทีน่้าหลากเต็มตลิง จุดธูปเทียนปักบนสิงทีไม่จมน่้า ประดิษฐ์เป็นรปู ต่างๆ เช่น กระทงเรือ ดอกบัว ฯลฯ แล้วน่าไปปล่อยลงให้ลอยไปตามล่าน้่า ในเมืองไทย มีมาต้ังแต่คร้ังกรุง สุโขทัย เรียกว่า การลอยพระประทีป หรือลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์รืนเริงของประชาชนทัวไป อันทีจริง ลอยกระทงเป็นประเพณีขอขมาธรรมชาติมาแต่ดึกด่าบรรพ์ เพราะชาวบ้านทัวไปรู้จากประสบการณ์ว่า ถึง เดือนสิบเอด็ (หรือราวเดอื นตุลาคม) น้า่ จะข้นึ นองหลาก พอถึงเดือนสบิ สอง (หรือราวเดอื นพฤศจิกายน) น่้าจะ ทรงตัวคือไม่ข้ึนไม่ลง คร้ันเดือนอ้าย (หรือราวเดือนธันวาคม) ต่อเดือนยี (หรือราวเดือนมกราคม) น่้าจะลดลง ประเพณีการลอยกระทงจึงเป็นประเพณีเก่าแก่อย่างหนึงของไทย ประเพณีการลอยกระทง น่าจะเป็นคติของ ชนชาติทปี ระกอบกสกิ รรม ซึงต้องมนี ่า้ ตามกระแสน้่า เพอื ขอบคุณพระแม่คงคา หรือเทพเจ้าแห่งน้า่
24 7. ประเพณี : ประเพณีสวดมนตข์ า้ มปี เดอื นที่จดั ประเพณี : จัดในวันที ๓๑ ธันวาคม – ๑ มกราคม ซึงเป็นส่งท้ายปีและวนั ขึ้นปใี หม่ ควำมเป็นมำ : การสวดมนต์ข้ามปีนั้นเป็นประเพณีนิยมของชาวไทยมาแต่เดิม โดยก่อนสิ้นปี พระสงฆ์จะไป เจริญพระพุทธมนต์บทนพเคราะหท์ ีกรมประชาสมั พันธ์ จากนั้นกจ็ ะรอเวลาเทยี งคนื เพือเจริญพระพทุ ธมนต์บท ชัยมงคลคาถา ออกอากาศไปทัวประเทศ ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ต่อมา เจ้าประคุณ สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบตั หิ นา้ ทสี มเดจ็ พระสังฆราช ได้น่าคณะสงฆว์ ดั สระเกศ ประกอบพิธี เจริญพระพุทธมนต์ข้ามปีข้ึน ณ พระอุโบสถ วัดสระเกศ โดยอนุวัติตามโบราณพระราชประเพณีแห่ง พระบาทสมเด็จพระนังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที ๓ เคยประกอบพิธีในชว่ งเทศกาลสงกรานต์ อนั เปน็ ประเพณีปี ใหมข่ องไทยทีมมี าแต่เดิม การสวดมนตข์ ้ามปี จึงถือไดว้ ่าเริมจัดขึ้นทีวัดสระเกศ ราชวรมหาวหิ าร เป็นคร้ังแรก และ ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ กรุงเทพมหานคร โดยส่านักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ได้เห็นความส่าคัญของ การสวดมนต์ขา้ มปี จึงไดร้ ว่ มกบั คณะสงฆว์ ัดสระเกศ จดั สวดมนตข์ า้ มปีขึ้นอยา่ งเป็นทางการ และ ต่อมา คณะ สงฆ์มีความเห็นร่วมกันว่า การสวดมนต์ข้ามปีเป็นทีนิยมของประชาชนอย่างแพร่หลาย และเป็นค่านิยมที งดงาม ควรแก่การส่งเสริม
25 2.7 ประเพณี : ประเพณตี ักบาตรเทโว เดือนท่ีจดั ประเพณี : วันขึ้น ๑๕ ค่า เดอื น ๑๑ หรอื วันออกพรรษา ควำมเป็นมำ : การตักบาตรเทโว เป็นการระลึกถึงวันท่ีพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ ช้ันดาวดึงส์เสด็จ หลังจากที่พระองค์แสดงพระอภิธรรมโปรดพระมารดา ทรงจาพรรษาที่นั้นเป็นเวลา 3 เดือน และกลับจาก เทวโลกพอออกพรรษา พระพุทธเจ้าก็จะเสด็จลงจากเทวโลกกลับมายังโลกมนุษย์ โดยเสด็จลงที่เมืองสังกัสส์ ใกล้เมืองพาราณสี ชาวบ้านชาวเมืองทราบข่าวก็พากันไปทาบุญตักบาตรพระพุทธองค์ที่น่ัน และเป็นการรับ เสด็จพระพุทธองค์ด้วยการตักบาตรรับเสด็จพระพุทธเจ้า จึงได้ปฏิบัติสืบเน่ืองต่อกันมาเป็นประเพณีจนถึง เมอื งไทย จงึ เรยี กประเพณีน้ีว่า การตักบาตรเทโวโรหณะ นิยมส้นั ๆ ว่า การตกั บาตรเทโว มาจนถึงปัจจบุ ัน การ ตักบาตรเทโวด้วยเหตุน้ี วันเทโวโรหณะจึงเรียกอีกช่ือหนึ่งว่า วันตักบาตรเทโว และเมื่อถึงวันตักบาตรเทโ ว พทุ ธศาสนิกชน นิยมไปทาบญุ ตักบาตรกนั ที่วัด โดยแตล่ ะท่ีจะเตรียมของไปทาบุญ ในแบบที่อาจจะแตกต่างกัน ไปขนึ้ อยู่กับในแตล่ ะท่ี เช่น เตรยี มอาหารในตอนเช้า อาหารท่ีเตรยี มเพอ่ื ตกั บาตรเป็นพิเศษในวันนี้ คือ ข้าวต้ม มัด และข้าวต้มลูกโยน วัดบางวัดอาจจะจาลองสถานการณ์วันที่ พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลกชั้นดาวดึงส์ คอื ประชาชนจะน่งั หรอื ยนื สองฝั่งทางลงจากอุโบสถ หรือศาลา ใหพ้ ระสงฆเ์ ดินเขา้ แถวเรียงลาดับรบั บาตรตรง กลาง โดยมีมัคนายก เดินอัญเชิญพระพุทธรูปนาหน้าแถวพระสงฆ์ หลังจากตักบาตรแล้ว มีการอาราธนาศีล สมาทานศีล และรักษาศีล ฟังธรรมและทาสมาธิตามโอกาส เพ่ือทาให้จิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส แผ่เมตตา และ กรวดน้าอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติ ผู้ล่วงลับ และสรรพสัตว์ การตักบาตรเทโว จะจัดข้ึนในวันข้ึน 15 ค่า เดือน 11 หรือ วันออกพรรษา ของทกุ ปี ซึง่ เปน็ ประเพณีที่ปฏบิ ตั สิ ืบทอดกนั มาอยา่ งยาวนาน
26 3. ภมู ิปัญญำท้องถิ่น และภำษำถ่นิ 3.1 ภมู ิปัญญำท้องถิ่น เช่น การนวดแผนโบราณ หมอพ้ืนบ้าน 3.2 ภำษำถน่ิ ชื่อภูมปิ ัญญำ : โครงการรูร้ กั ษ์ ร้คู ณุ คา่ สืบสานวฒั นธรรมภูมปิ ัญญาท้องถ่ินตาบลตะโก รุ่นท่ี 1 เจ้ำของภมู ปิ ัญญำ : องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลตะโก อาเภอท่งุ ตะโก จังหวัดชมุ พร สถำนที่ต้งั : โรงเรียนวัดเทพนมิ ติ วนาราม ควำมเป็นมำ : เพื่อเป็นการอนุรักษ์คุณค่าวัฒนธรรมของตาบลตะโก และเพ่ือให้เด็กๆ รู้จักจารีตประเพณีที่ได้ สืบทอดกันมา และยังมีภูมิปัญญาอื่นๆ เช่น ประชาชนในตาบลได้อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกอย่าง คือ นวด แผนโบราณหมอภูมิ เปน็ ต้น อีกทัง้ ภาษาถ่ิน สว่ นมากร้อยละ 90% พูดภาษาใต้ เชน่ ภำษำใต้ ควำมหมำย เฉยี วฉาว, เชียวชาว ไม่ค่อยสบายตวั สบั ปลบั พูดจาโกหกกลบั ไปกลับมา ขีห้ ก โกหก หึงสา อจิ ฉา รถถีบ รถจักรยาน แหลง พูด แลหวนั มองหรือดูตะวนั ไซร้ ทาไม
27 ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนของตาบลตะโก เคร่ืองแกงคลองโก และไตปลาค่ัวกล้ิง หมู่ 14 บำ้ นสำมแยกจำปำ ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จงั หวดั ชมุ พร ประวัติควำมเปน็ มำของผลิตภณั ฑช์ ุมชน ปี พ.ศ. 2562 ผลิตภัณฑ์ชุมชนของตาบลตะโก ได้แก่ เคร่ืองแกงคลองโก และไตปลาค่ัวกลิ้ง ก่อต้ัง ข้ึนมาเม่ือปี พ.ศ. 2562 เกิดจากการรวมกลุ่มกันของ กลุ่มเคร่ืองแกงบ้านสามแยกจาปา ท่ีอยู่ 154 หมู่ 14 บ้านสามแยกจาปา ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร โดยมี นางรุ่งฤดี บุญทอง เป็นประธานกลุ่ม ร่วมกับชาวบ้านหมู่ 14 บ้านสามแยกจาปา และได้ช่วยกันทาสินค้าประจาชุมชนขึ้นมา เพื่อเป็นสินค้า OTOP ของตาบล
28 กำรดำเนนิ งำนโครงกำรยกระดบั เศรษฐกจิ และสงั คมรำยตำบลแบบบูรณำกำร (1 ตำบล 1 มหำวทิ ยำลยั ) มหำวิทยำลัยรำชภัฏสรุ ำษฎร์ธำนี ตำบลตะโก อำเภอทงุ่ ตะโก จังหวัดชมุ พร รำยละเอียดกำรดำเนนิ กิจกรรม 1. พน้ื ทีร่ บั ผิดชอบ ตำบลตะโก อำเภอทงุ่ ตะโก จังหวัดชุมพร 2. ควำมตอ้ งกำรของชุมชน/พน้ื ทีท่ ่ีรบั ผดิ ชอบ 2.1 วเิ ครำะหบ์ ริบทชุมชน ตาบลตะโก อาเภอทงุ่ ตะโก จังหวดั ชุมพร เดิมนัน้ ตาบลตะโก เป็นตาบลที่ข้ึนกบั อาเภอสวี ตอ่ มา พ.ศ. 2518 ส.ส. เมืองชุมพร ได้เสนอแยกตาบลตะโก ตาบลปากตะโก ตาบลทุ่งตะไคร ออกจากอาเภอสวี และได้ ตงั้ เปน็ ก่งิ อาเภอทุง่ ตะโกอยา่ งเปน็ ทางการ เมอื่ วนั ที่ 6 กนั ยายน 2519 ตาบลตะโกเป็นตาบลหนง่ึ ใน 4 ตาบล ของอาเภอทงุ่ ตะโก ตงั้ ช่อื ตามคลองโกและตน้ ไมช้ นิดหนงึ่ คือ ตน้ ตะโก โดยขนุ ผาซ่งึ เป็นกานนั ในขณะนน้ั ได้ต้ัง ชื่อตาบลเป็นตาบลตะโกจนถึงปัจจุบัน ประชาชนส่วนใหญ่พูดภาษาไทยภาคใต้ นับถือศาสนาพุทธ ปัจจุบัน ตาบลตะโกมีทั้งหมด 14 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านท่าทอง บ้านท่า บ้านคลองเพรา บ้านแหลมยางนา บ้านทับช้าง บ้านควนดิน บ้านดอนเมา บ้านเขาเหรง บ้านควนเสาธง บ้านฉานเรน บ้านเนินทอง บ้านห้วยคล้า บ้านคลอง ลาด บา้ นสามแยกจาปา ประชาชนสว่ นใหญป่ ระกอบอาชีพ เกษตรกรรม เช่น การเพาะปลูกไม้ผล ไดแ้ ก่ เงาะ ทุเรียน มังคุด ส้มโชกุน กาแฟ ปาล์ม ยางพารา การปศุสัตว์ การเลี้ยงกุ้ง การเล้ียงปลา การเล้ียงสุกร การ เลยี้ งโค อาชพี ทางด้านการเกษตรกรรมจงึ ถือเป็นอาชีพและรายไดห้ ลักของประชาชนในพ้นื ท่ี นอกจากนตี้ าบล ตะโก ยังมีแหล่งท่องเท่ียวตามธรรมชาติ และแหล่งท่องเท่ียวทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามหลายแห่ง อาทิเช่น น้าตกคลองเพรา และแหลง่ โบราณคดถี ้าฉานเรน เป็นต้น 2.2 ทุนของชุมชน ทุนทำงสังคม ทุนทำงควำมรู้ ทุนของชุมชน ชุมชนมีแหล่งท่องเท่ียวที่สาคัญ เช่น น้าตกคลองเพรา ถ้าฉานเรน สระน้าบ้านควนดิน สวนนายดา รอยพระพุทธบาทจาลอง น้าตกฉานเรน ถ้าพระ เขาตาก้า น้าตกธารศิลา และทุนทางสังคม ประกอบไปด้วย (1) ทุนวัฒนธรรมชุมชน ได้แก่ ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีแห่เทียนพรรษา ประเพณีลอย กระทง ประเพณีปิดทองรอยพระพุทธบาท (จาลอง) ประเพณีขึ้นปีใหม่ (2) ทุนด้านบุคคล ได้แก่ กานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์การบริหารส่วนตาบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาบล และ คณะกรรมการหมบู่ า้ นในชมุ ชน (3) ทนุ ด้านองค์กรของชุมชน ได้แก่ ชมรมผสู้ ูงอายุ กล่มุ แมบ่ ้านเกษตรกรบ้าน แหลมยางนา กลุ่มเครอื่ งแกงบ้านสามแยกจาปา ชมรมกานันผใู้ หญบ่ า้ น ชมรมอาสาสมัครสาธารณสขุ
29 (4) ทุนเครอื ข่ายของชุมชน ไดแ้ ก่ เครือขา่ ยคุ้มครองเดก็ ในระดับตาบล จงั หวัดชมุ พร นอกจากนี้ตาบลตะโกยัง มที ุนทางความรู้ ได้แก่ ภมู ิปัญญาการนวดแผนโบราณ หมอพ้ืนบา้ น 2.3 ปญั หำสงั คม เศรษฐกิจและส่ิงแวดล้อมของชุมชน ปญั หามลพษิ ทางน้า การท้ิงสารเคมลี ง แม่น้า ลาคลอง ปัญหาการบุกรกุ พ้ืนที่ป่าไม้ 2.4 วิเครำะห์ควำมต้องกำรของชุมชน ประชาชนตาบลตะโก มีความต้องการท่ีจะพัฒนาสถานท่ีท่องเท่ียวทางธรรมชาติในเชิงอนุรักษ์ และ เป็นที่รู้จักของนักท่องเท่ียวต่างถ่ิน โดยเฉพาะน้าตกคลองเพรา และแหล่งโบราณคดีถ้าฉานเรน รวมถึงการ พัฒนาผู้นาท่องเท่ียวชุมชน เพื่อสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวมาเท่ียวชมธรรมชาติของสถานท่ีท่องเที่ยวภายใน ตาบลตะโก นอกจากน้ีประชาชนยังมีความต้องการท่ีจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนของตาบลตะโก ได้แก่ เครื่องแกง และไตปลาค่ัวกลิ้ง ต้องการพัฒนาในเร่ืองของบรรจุภัณฑ์ การเก็บรักษา และการส่งเสริมการ จาหน่ายผลิตภัณฑ์ให้มีทางเลือกท่ีหลากหลายเพ่ือเพ่ิมรายได้ให้ประชาชนในตาบล นอกจากน้ียังมีความ ต้องการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ชุมชน รวมถึงการพัฒนาอาชีพให้ประชาชนในตาบลเพ่ือสร้างรายได้และแก้ปัญหา ความยากจน ผู้เสนอโครงการจึงมีแนวคิดสาคัญในการส่งเสริม พัฒนา ยกระดับเศรษฐกิจและสังคมชุมชนตาบล ตะโก โดยการพัฒนาสัมมาชีพ สร้างอาชีพใหม่ การยกระดับการท่องเที่ยว การนาองค์ความรู้ไปช่วยบริการ ชมุ ชนและการส่งเสริมด้านสงิ่ แวดล้อม ซึง่ มาจากความต้องการและศักยภาพของชุมชนและให้ชมุ ชนมสี ว่ นร่วม โดยการดาเนินโครงการตามรูปแบบการดาเนินกจิ กรรมตามวิศวกรสังคมโมเดล สามารถสรุปกรอบแนวคิดการ ดาเนนิ งานตาบลตะโก ได้ดังนี้ กจิ กรรม การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและการยกระดบั การท่องเที่ยว อยา่ งเปน็ ระบบเพื่อพฒั นาศักยภาพชมุ ชนและใหช้ มุ ชนมสี ่วนรว่ ม เพิม่ องคค์ วามรู้ เพมิ่ องคค์ วามรู้ สารวจพืน้ ที่ ออกแบบการ พฒั นา การจัดการ กลยทุ ธ์การ “เปรยี บเทียบ เรยี นรู้ แบบมี นวัตกรรมการ ยกระดบั แหล่ง เรยี นรู้สู่การ ส่วนร่วมจาก ทรัพยากรธรรม ท่องเท่ียว: ลด พัฒนาการ ทอ่ งเที่ยว ชาติและการ จดุ ออ่ น สร้าง ท่องเทยี่ วโดย ชุมชน ชุมชนตาบล จดุ แข็ง สรา้ ง อนรุ กั ษ์ รายได้ ชุมชน ตะโก ส่ิงแวดล้อม อยา่ งยัง่ ยืน กิจกรรม ยกระดบั สนิ ค้าชมุ ชน เพิ่มยอดขาย สร้างรายได้ สรา้ งความ เขม้ แข็งแกช่ ุมชน เพิ่มองค์ความรู้ พฒั นาสินคา้ การ การบริหารจดั การ การเพิ่มชอ่ ง ด้านการจัดทาธุรกจิ ออกแบบบรรจุ คณุ ภาพสนิ ค้า ทางการจาหน่าย เพื่อใหต้ รงความ และกระจายสินคา้ ในชมุ ชน ภณั ฑ์ การ ตอ้ งการของตลาด ออกแบบโลโกส้ ินคา้
30 กจิ กรรม พัฒนา “ยวุ มัคคเุ ทศกช์ มุ ชน” เพิม่ ทักษะและองคค์ วามรสู้ ู่ผูน้ าการ ท่องเทีย่ ว เพอ่ื สง่ เสรมิ การทอ่ งเทีย่ วทอ้ งถิ่น การเพม่ิ องค์ ถอดบทเรยี น สารวจเส้นทาง พัฒนารูปแบบ การฝึกปฏิบตั ิ ความรู้ อบรม ความเปน็ มา และแหลง่ การเปน็ ยวุ นาเทีย่ วโดยยวุ ยวุ มัคคุเทศก์ วิถีชีวิต เลา่ ท่องเท่ยี ว มัคคเุ ทศก์ มัคคเุ ทศก์ (เชิง เร่ืองวถิ ีชุมชน เพือ่ ใหไ้ ด้ ใหก้ ับเยาวชน ประวตั ศิ าสตร์ ท้องถน่ิ ตาบลตะโก คนตะโก แนวคดิ ในการ เชิงเกษตร) พฒั นายวุ มคั คเุ ทศก์ สรา้ งศูนย์การ เรียนร้ชู มุ ชน กจิ กรรม พัฒนาสมั มาชีพ แกป้ ญั หาครวั เรือนยากจน สกู่ ารยกระดบั รายได้ วเิ คราะหช์ ุมชน สารวจค้นหาวัย ออกแบบการเรียนรู้ ฝึกทักษะอาชีพตาม สารวจทนุ เดมิ อย่าง แรงงาน วา่ งงาน ผู้ แบบมีส่วนรว่ มกับ ความต้องการของ แทจ้ ริง เพ่อื ค้นหา ขาดแคลนทนุ ทรัพย์ ทรพั ยากรชุมชน ผู้ด้อยโอกาสหรอื ผู้ ชมุ ชน ชมุ ชน ขาดรายได้จาก ผลกระทบของโรค ระบาด 3. ชือ่ โครงกำร/กิจกรรมในกำรดำเนนิ กำร โครงการยกระดับศักยภาพชุมชนตาบลตะโก ด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาสินค้าชุมชน การพัฒนา อาชพี ตามความตอ้ งการและศกั ยภาพของชุมชนและใหช้ ุมชนมีส่วนร่วม 3.1 วตั ถุประสงคข์ องโครงกำร/กจิ กรรมในกำรดำเนินกำร 1) เพอ่ื เพิ่มศักยภาพของชุมชนให้มีสมรรถนะในการจัดการทรัพยากรธรรมชาตไิ ดอ้ ย่างเป็น ระบบและพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาตขิ องชุมชนนาไปส่กู ารยกระดับ 2) เพ่ือพัฒนาสินค้าชุมชน ให้ตรงความต้องการของตลาด สามารถเพิ่มยอดขาย และสร้างรายได้แก่ ชุมชน 3) เพ่อื นาองค์ความรู้บริการชุมชน ในการพฒั นา “ยวุ มคั คุเทศก์ชุมชน” ให้สามารถส่งเสรมิ การ ท่องเทย่ี วของชุมชนได้ 4) เพ่ือพัฒนาสัมมาชีพแก่ผู้ว่างงาน ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ผู้ด้อยโอกาสหรือผู้ขาดรายได้จาก ผลกระทบของโรคระบาด
31 3.2 ประเภทกิจกรรมท่ีจะเขำ้ ไปดำเนินกำรในพืน้ ที่ (ระบุรอ้ ยละของกจิ กรรม) 1) การพฒั นาสมั มาชีพและสรา้ งอาชีพใหม่ (การยกระดับสินค้า OTOP/อาชีพอน่ื ๆ) คิดเป็นร้อยละ 30 ของกิจกรรมทงั้ หมด 2) การสร้างและพฒั นา Creative Economy (การยกระดับการทอ่ งเท่ียว) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 30 ของกจิ กรรมทั้งหมด 3) การนาองคค์ วามรไู้ ปชว่ ยบริการชุมชน (Health Care/เทคโนโลยีด้านต่างๆ) คดิ เป็นร้อยละ 25 ของกิจกรรมทงั้ หมด 4) การส่งเสริมด้านส่ิงแวดล้อม/Circular Economy (การเพม่ิ รายไดห้ มนุ เวียนใหแ้ กช่ มุ ชน) คิดเปน็ ร้อยละ 15 ของกิจกรรมทัง้ หมด 3.3 รูปแบบกจิ กรรมท่จี ะเข้ำไปดำเนินกำรในพืน้ ท่ี 1) การจ้างงานตามภารกจิ ตา่ ง ๆ ของมหาวทิ ยาลัย 2) การวิเคราะห์ข้อมูลศักยภาพตาบล การกากับ ติดตามและประเมินผล ระดับ National System Integrator 3) การวิเคราะห์ข้อมูลศักยภาพตาบล การกากับ ติดตามและประเมินผล ระดับ Regional System Integrator 4) การสนบั สนุนการดาเนนิ กจิ กรรมของโครงการรายตาบล (ระดบั System Integrator) 5) กิจกรรมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการยกระดับการท่องเท่ียวอย่างเป็นระบบเพ่ือ พฒั นาศกั ยภาพชมุ ชนและให้ชุมชนมสี ่วนร่วม 6) กจิ กรรม ยกระดบั สนิ คา้ ชุมชน เพมิ่ ยอดขาย สรา้ งรายได้ สรา้ งความเข้มแข็งแกช่ ุมชน 7) กิจกรรมพัฒนา “ยุวมัคคุเทศก์ชุมชน” เพ่ิมทักษะและองค์ความรู้สู่ผู้นาการท่องเที่ยว เพ่ือ สง่ เสรมิ การทอ่ งเทีย่ วท้องถน่ิ 8) กิจกรรมพฒั นาสมั มาชพี แกป้ ญั หาครัวเรือนยากจน สู่การยกระดับรายได้
32 3.4 ผลผลติ และผลลัพธ์ของโครงกำร/กิจกรรมในกำรดำเนินกำร กจิ กรรม รำยกำร เชงิ ปรมิ ำณ เชิงคุณภำพ 1 การจดั การ - ประชาชนตาบล - ผู้เขา้ รว่ มโครงการมีความพึงพอใจใน ทรพั ยากรธรรมชาติ ตะโก จานวน 40 คน กระบวนการจดั โครงการ/กจิ กรรม รอ้ ยละ 80 และการยกระดบั การ - แผนการยกระดับ - ผู้เขา้ รว่ มโครงการมคี วามรู้ความเข้าใจ หลงั ท่องเที่ยวอยา่ งเป็น หรอื โปรแกรมการ การอบรม ร้อยละ 80 ระบบเพื่อพัฒนา ทอ่ งเที่ยวชมุ ชนตาบล - ผู้เขา้ ร่วมโครงการสามารถต่อยอด และ ศกั ยภาพชมุ ชนและให้ ตะโก อยา่ งน้อย 1 ถ่ายทอดองคค์ วามรู้ทไ่ี ด้รับการถา่ ยทอดใหก้ ับ ชมุ ชนมสี ว่ นร่วม แผน ผู้อื่นได้ 2 ยกระดับสินค้าชมุ ชน - ประชาชนตาบล - ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการมคี วามพงึ พอใจใน เพมิ่ ยอดขาย สร้าง ตะโก จานวน 40 คน กระบวนการจดั โครงการ/กจิ กรรม ร้อยละ 80 รายได้ สร้างความ - มีสนิ คา้ ชุมชนอยา่ ง - ผ้เู ขา้ รว่ มโครงการมีความร้คู วามเข้าใจ หลัง เข้มแข็งแก่ชุมชน นอ้ ย 1 ผลิตภณั ฑ์ การอบรม ร้อยละ 80 - ชุมชนพฒั นาสินคา้ ใหต้ รงความตอ้ งการของ ตลาด สามารถเพ่ิมยอดขาย และสร้างรายไดแ้ ก่ ชมุ ชน และสามารถถ่ายทอดความร้สู ูล่ กู หลาน ในชุมชนได้ 3 พฒั นา “ยวุ มัคคเุ ทศก์ - ยวุ มัคคเุ ทศก์ชมุ ชน - ผู้เขา้ รว่ มโครงการมคี วามพงึ พอใจใน ชมุ ชน” เพม่ิ ทักษะ 40 คน กระบวนการจัดโครงการ/กิจกรรม รอ้ ยละ 80 และองคค์ วามร้สู ผู่ ้นู า - หนังสือ - ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ หลัง การท่องเทย่ี ว เพื่อ ประวัตศิ าสตร์ชุมชน การอบรม ร้อยละ 80 ส่งเสริมการท่องเที่ยว - ศนู ย์การเรียนรู้ - การทอ่ งเทีย่ วชุมชนมีความย่ังยืน จากการทา ทอ้ งถ่ิน ชมุ ชน 1 ศูนย์ หนา้ ทีข่ องยุวมคั คุเทศก์ชุมชน 4 พัฒนาสมั มาชีพ - ประชาชนตาบล ผวู้ า่ งงาน ผ้ขู าดแคลนทุนทรัพย์ ผดู้ อ้ ยโอกาส แก้ปัญหาครัวเรือน ตะโก จานวน 40 คน หรือผขู้ าดรายได้จากผลกระทบของโรคระบาด ยากจน สกู่ ารยกระดบั ตาบลตะโก มีอาชพี ใหมส่ ามารถเพมิ่ รายได้เพอ่ื รายได้ การพ่ึงพาตนเองในการดารงชีวติ ได้ และ สามารถถา่ ยทอดความรู้สลู่ ูกหลานในชมุ ชนได้
33 โครงการ/กิจกรรม ที่ได้ดาเนินการเสร็จสน้ิ ภายในตาบลตะโก โครงกำรพัฒนำ “ยุวมัคคุเทศก์ชุมชน” เพ่ิมทักษะและองคค์ วำมรู้สผู่ ู้นำกำรทอ่ งเท่ยี ว เพื่อส่งเสริมกำร ทอ่ งเที่ยวท้องถ่นิ กิจกรรม 1) เพม่ิ องค์ความรู้ สู่การเปน็ ยุวมคั คเุ ทศกท์ ้องถิน่ 2) วางรากฐานการเป็นยวุ มัคคเุ ทศก์ที่ดี 3) สร้างยวุ มคั คุเทศก์ทีม่ คี วามเตม็ ใจให้บริการ 4) นาความรสู้ กู่ ารฝกึ ปฏิบตั ภิ าคสนาม 5) จัดทาหนงั สอื ประวตั ิศาสตรช์ ุมชน สรา้ งศูนยก์ ารเรยี นรู้ชุมชน เพอ่ื การ ทอ่ งเที่ยวอยา่ งย่งั ยืน วัน เดือน ปี 30-31 ตุลาคมและ 1-3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 สถำนทจ่ี ัดโครงกำร ศาลาหมู่บา้ น หมู่ 6 บ้านควนดนิ ตาบลตะโก อาเภอทุง่ ตะโก จังหวดั ชุมพร เป้ำหมำย 1) เยาวชนและประชาชนในชุมชน จานวน 40 คน 2) หนงั สอื ประวตั ิศาสตร์ชุมชน 3) ศนู ย์การเรยี นรชู้ ุมชน 1 ศูนย์
34 ขน้ั ตอนกำรดำเนินงำน กำรดำเนินงำน ระยะเวลำ (พ.ศ. 2564) ขั้นวำงแผน 1-31 1-30 1-31 1-31 1-30 1-31 1. วิเคราะหช์ ุมชนเบอ้ื งตน้ มิถนุ ำยน กรกฎำคม สงิ หำคม กันยำยน ตลุ ำคม พฤศจิกำยน 2.ประชุมวางแผน ออกแบบ รปู แบบการจัดอบรม 3. กาหนดหลกั สูตร ตามความ ต้องการของชมุ ชน ขั้นเตรยี มกำร 1. เขยี นโครงการกจิ กรรม 2. นาเสนอโครงการกิจกรรม ขนั้ ดำเนินกำร 1. ดาเนินการจัดโครงการ ขั้นสรุปผลกำรดำเนินงำน 1. สรุปผลการดาเนินงาน 2. ทารายงานผลการดาเนนิ งาน
35 กาหนดการ โครงกำรพฒั นำ “ยุวมัคคุเทศก์ชุมชน” เพิ่มทักษะและองค์ควำมรู้ส่ผู นู้ ำกำรทอ่ งเทย่ี ว เพอ่ื สง่ เสริมกำร ทอ่ งเที่ยวท้องถิน่ วันที่ 30-31 ตลุ าคมและ 1-3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ณ ศาลาหมูบ่ ้าน หมู่ 6 บ้านควนดิน ตาบลตะโก อาเภอทุ่งตะโก จงั หวัดชมุ พร วนั ท่ี 30 ตลุ ำคม 2564 : กำรเพิ่มองค์ควำมรู้ สกู่ ำรเป็นยวุ มคั คเุ ทศกท์ อ้ งถนิ่ 08.30 – 08.50 น. ลงทะเบยี น 08.50 – 09.00 น. พธิ ีเปดิ กลา่ วเปดิ กิจกรรมโดยตัวแทนวิศวกรสังคม 09.00 – 12.00 น. การบรรยายหวั ข้อ “สร้างทกั ษะและองค์ความรูผ้ ู้นาการท่องเทย่ี ว “มัคคุเทศก์ ชุมชน” กรณศี กึ ษา การท่องเที่ยวเชงิ ประวัติศาสตรจ์ ากปราชญช์ ุมชน โดยคณุ ทศพร ชรู าศรี และคุณสวุ ทิ ย์ วงศ์สวุ ัฒน์ 12.00 – 13.00 น. พกั รับประทานอาหารกลางวัน 13.00 – 16.00 น. การบรรยายหวั ข้อ “จรรยาบรรณวิชาชีพมคั คเุ ทศก์ชมุ ชน” กรณีศึกษา การ ท่องเทยี่ วเชงิ เกษตรจากปราชญ์ชุมชน โดยคณุ ทศพร ชรู าศรี และคุณสุวิทย์ วงศส์ ุวัฒน์ 16.00 – 17.00 น. แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ สรปุ กจิ กรรม มอบหมายงานและเดนิ ทางกลบั วนั ที่ 31 ตุลำคม 2564 : กำรวำงรำกฐำนกำรเป็นยวุ มคั คเุ ทศกท์ ด่ี ี 08.30 – 08.50 น. ลงทะเบียน 08.50 – 09.00 น. กลา่ วเปดิ กิจกรรมโดยตวั แทนวศิ วกรสงั คม 09.00 – 12.00 น. การบรรยายหัวข้อ “บทบาทหนา้ ท่ีของมคั คเุ ทศก์ชุมชนที่ดี” กรณีศึกษา การ ท่องเทีย่ วเชงิ สขุ ภาพจากปราชญ์ชมุ ชน โดยคณุ ทศพร ชูราศรี และคุณสวุ ิทย์ วงศส์ วุ ฒั น์ 12.00 – 13.00 น. พกั รับประทานอาหารกลางวนั 13.00 – 16.00 น. การบรรยายหวั ข้อ “วธิ ีปฏบิ ตั ิงานทด่ี ขี องมัคคเุ ทศก์ชมุ ชน” กรณีศึกษา การ ทอ่ งเที่ยวเชิงอาหารจากปราชญช์ ุมชน โดยคณุ ทศพร ชูราศรี และคุณสวุ ทิ ย์ วงศ์สุวฒั น์ 16.00 – 17.00 น. สรุปกิจกรรม มอบหมายงานและเดนิ ทางกลบั
36 วันที่ 1 พฤศจกิ ำยน 2564 : กำรสร้ำงยวุ มัคคเุ ทศกท์ ี่มีควำมเตม็ ใจให้บริกำร 08.30 – 08.50 น. ลงทะเบยี น 08.50 – 09.00 น. กล่าวเปิดกิจกรรมโดยตัวแทนวิศวกรสงั คม 09.00 – 12.00 น. การบรรยายหวั ข้อ “ทกั ษะการพดู และการสอ่ื สารของมคั คุเทศก์ชุมชน วิธีการ อานวยความสะดวกแก่นักท่องเท่ยี ว” กรณีศกึ ษา ถอดบทเรียน เล่าวิถีชวี ติ ชมุ ชน โดยคณุ ทศพร ชรู าศรี และคุณสวุ ทิ ย์ วงศ์สวุ ฒั น์ 12.00 – 13.00 น. พกั รบั ประทานอาหารกลางวนั 13.00 – 16.00 น. การบรรยายหวั ข้อ “วิธกี ารอานวยความสะดวกแกน่ ักท่องเทีย่ ว การให้ความ ปลอดภยั แก่นักท่องเทย่ี วในฐานะมคั คเุ ทศกช์ ุมชน” กรณศี ึกษา ถอดบทเรยี นประวัติ ภัยอตั รายจากการท่องเทีย่ วที่ผ่านมาของชมุ ชน โดยคุณทศพร ชรู าศรี และคุณสวุ ิทย์ วงศ์สวุ ฒั น์ 16.00 – 17.00 น. สรุปกจิ กรรม มอบหมายงานและเดินทางกลบั วันท่ี 2 พฤศจิกำยน 2564 : นำควำมรูส้ กู่ ำรฝึกปฏบิ ัติภำคสนำม 08.30 – 08.50 น. ลงทะเบียน 08.50 – 09.00 น. กลา่ วเปิดกิจกรรมโดยตวั แทนวศิ วกรสงั คม 09.00 – 12.00 น. การบรรยายเชงิ ปฏิบัติการ หัวขอ้ “การวางแผนเรอ่ื งเสน้ ทางและข้อมูลในการนา เท่ียวของมคั คุเทศกช์ ุมชน” กรณีศกึ ษา เลา่ เส้นทางการท่องเทย่ี วตามรอยวัฒนธรรม โดยคณุ ทศพร ชรู าศรี และคุณสุวิทย์ วงศ์สุวัฒน์ 12.00 – 13.00 น. พักรบั ประทานอาหารกลางวนั 13.00 – 16.00 น. ฝกึ ปฏบิ ัตภิ าคสนามของมัคคุเทศก์ชุมชน การนาชมและการบรรยายแหลง่ ทอ่ งเทีย่ ว โดยคุณทศพร ชูราศรี และคุณสวุ ิทย์ วงศส์ ุวฒั น์ 16.00 – 17.00 น. สรุปกิจกรรม และเดนิ ทางกลับ
37 วันที่ 3 พฤศจกิ ำยน 2564 : จดั ทำหนงั สือประวตั ศิ ำสตร์ชุมชน สรำ้ งศนู ย์กำรเรยี นรู้ชุมชน เพื่อกำร ท่องเที่ยวอยำ่ งย่ังยนื 08.30 – 08.50 น. ลงทะเบียน 08.50 – 09.00 น. กลา่ วเปิดกิจกรรมโดยตัวแทนวศิ วกรสังคม 09.00 – 12.00 น. ระดมสมอง รวบรวมความคิด รวบรวมข้อมลู ประวัติศาสตร์ชุมชน โดยคุณทศพร ชูราศรี และคุณสวุ ิทย์ วงศ์สวุ ฒั น์ 12.00 – 13.00 น. พักรบั ประทานอาหารกลางวัน 13.00 – 16.00 น. รว่ มคิด รวมทา ร่วมสร้างศนู ย์การเรียนรูช้ ุมชน โดยคุณทศพร ชรู าศรี และคุณสวุ ทิ ย์ วงศส์ วุ ัฒน์ 16.00 – 17.00 น. พธิ ีมอบเกยี รติบตั ร ตวั แทนวิศวกรสงั คมกลา่ วปิดการอบรม และเดนิ ทางกลบั หมำยเหตุ : รับประทานอาหารวา่ ง 10.30 - 10.45 น./14.30 - 14.45 น. รับประทานอาหารกลางวนั 12.00 - 13.๐0 น. กาหนดการอาจเปลยี่ นแปลงได้ตามความเหมาะสม
38 ภำพกำรดำเนนิ กจิ กรรม
39 ภำพกำรดำเนนิ กจิ กรรม
๔๐ จัดทำโดย วิศวกรสังคมตำบลตะโก อำเภอท่งุ ตะโก จังหวัดชุมพร โครงกำรยกระดบั เศรษฐกิจและสงั คมรำยตำบลแบบบูรณำกำร (1 ตำบล 1 มหำวทิ ยำลยั ) มหำวิทยำลัยรำชภฏั สุรำษฎร์ธำนี : U2T SRU วิศวกรสังคมตาบลตะโก อำจำรยท์ ีป่ รกึ ษำโครงกำร : อำจำรย์นภิ ำพร นบนอบ สำขำวิชำสำธำรณสุขชมุ ชน คณะวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี มหำวิทยำลยั รำชภฏั สรุ ำษฎร์ธำนี
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: