Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อ 05. ขั้นสนใจปัญหา

สื่อ 05. ขั้นสนใจปัญหา

Published by s6102032910029, 2020-08-16 08:34:09

Description: สื่อ 05. ขั้นสนใจปัญหา

Search

Read the Text Version

บทท่ี 5 ข้ันสนใจปัญหา

ข้นั สนใจปัญหา ข้ันสนใจปัญหา (Motivation) เป็นจุดเร่ิมตน้ ของการเรียนรู้ เพราะการเรียนรู้ท่ีดีจะเกิดข้ึนได้ เม่ือผเู้ รียนมีความพร้อมท่ีจะ เรียน มีความต้งั ใจและสนใจท่ีจะเรียน ในข้นั ตอนน้ีผเู้ รียนเกิดการจูงใจใหม้ ีความตอ้ งการ ท่ีจะเรียน เมื่อผเู้ รียนตอ้ งการทาอะไรบางอยา่ งที่แปลกใหม่ หรือผเู้ รียนไดร้ ับมอบหมาย งานซ่ึงยงั ไม่เคยทามาก่อนไดเ้ ลย เขาประสบปัญหาและมีความสนใจท่ีจะแกป้ ัญหาน้นั (สุชาติ ศิริสุขไพบูลย,์ 2527 : 2)

1. ความจาเป็ นในการสร้างแรงจูงใจในการเรียนการสอน แรงจูงใจเป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั อยา่ งยงิ่ ที่มีผลต่อการเรียนการสอน เป็นแรงขบั ภายใน ของบุคคลท่ีจะกระตุน้ ใหบ้ ุคคลน้นั แสดงพฤติกรรมในส่ิงที่ตอ้ งการออกมา ซ่ึงเป็นจุดเริ่มตน้ ของการเรียนรู้ ถา้ เราลองสงั เกตและทบทวนในแต่ละข้นั ตอนก่อนที่เราจะทาสิ่งต่าง ๆไดแ้ ละประสบ ผลสาเร็จ เช่น เราข่ีจกั รยานได้ วา่ ยน้าได้ พายเรือได้ หรือเขียนแบบบา้ นได้ เราจะพบวา่ ตวั เราเองตอ้ งมีความอยากท่ีทาและอยากที่เรียนรู้ในเร่ืองน้นั ๆเป็นแรงผลกั ดนั เป็นอนั ดบั แรกอยู่ ก่อนเสมอ

1. ความจาเป็ นในการสร้างแรงจูงใจในการเรียนการสอน สุพนิ บุญชูวงศ์ (2531 : 100) ไดก้ ล่าวถึงการนาเขา้ สู่บทเรียนไวว้ า่ “การนาเขา้ สู่ บทเรียนทาไปเพอื่ เป็นการเตรียมนกั เรียนใหม้ ีความคิดวา่ กาลงั เรียนเรื่องอะไร สามารถ นาเอาความรู้และทกั ษะที่นกั เรียนมีอยเู่ ดิมมาสมั พนั ธ์กบั บทเรียนที่ครูสอนได้ นอกจากน้ียงั ทาใหน้ กั เรียนเขา้ ใจความมุ่งหมายของบทเรียนไดช้ ดั เจนยงิ่ ข้ึน” สุรพนั ธ์ ตนั ศรีวงษ์ (2538 : 71) การจูงใจจะช่วยในการสร้างความพร้อม ความพร้อมก็ คือใจพร้อมท่ีจะรับและเมื่อใจพร้อมท่ีจะรับแลว้ กระบวนต่างๆที่จะปฏิบตั ิต่อเนื่องก็ เป็ นเรื่ องง่ายข้ึน

2. ประโยชน์ของการเร้าความสนใจ อาภรณ์ ใจเที่ยง (2540 : 193) ไดก้ ล่าวถึง ประโยชน์ของการเร้าความสนใจมีประโยชน์ ดงั น้ี 1. ทาใหผ้ เู้ รียนเกิดความพร้อมที่จะเรียนบทเรียนน้นั 2. ทาใหผ้ เู้ รียนมีความสนใจในบทเรียนอยา่ งสม่าเสมอ ตลอดเวลาชว่ั โมงเรียนน้นั 3. ทาใหผ้ เู้ รียนเกิดความเขา้ ใจในบทเรียนอยา่ งแจ่มแจง้ และมีเจตคติท่ีดีต่อการเรียน 4. ทาใหผ้ เู้ รียนไดผ้ อ่ นคลายความเครียดและตื่นตวั ข้ึนจากความรู้สึกเฉยเมย 5. ช่วยสร้างบรรยากาศในช้นั เรียนใหเ้ ป็นบรรยากาศของการเรียนรู้ท่ีคึกคกั กระตือรือร้น

3. วตั ถุประสงค์การนาเข้าสู่บทเรียน สุชาติ ศิริสุขไพบูลย์ (2527 : 22) กล่าวถึง วตั ถุประสงค์ในการดาเนินข้ันสนใจปัญหา ไวด้ งั น้ี 1. กระตุน้ ความสนใจของผเู้ รียน 2. รักษาความต้งั ใจในระหวา่ งการเรียน 3. นาผเู้ รียนเขา้ สู่หวั เรื่องท่ีจะเรียนดว้ ยความต้งั ใจ

3. วตั ถุประสงค์การนาเข้าสู่บทเรียน เสาวนีย์ สิกขาบณั ฑิต (2528 : 124) ไดก้ ล่าวถึง วตั ถุประสงค์การนาเข้าสู่บทเรียน ไวด้ งั น้ี 1. เพื่อทบทวนพืน้ ฐานความรู้เดมิ ใหส้ มั พนั ธก์ บั การสอนเน้ือหาใหม่หรือ แนวความคิดใหม่หรือหหลกั การใหม่ ซ่ึงจะเป็นการช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดการระลึก ได้ 2. เพื่อวางแผนการเรียนการสอนร่วมกนั ระหว่างผู้สอนกบั ผู้เรียน ซ่ึงจะเป็นการช่วยให้ ผเู้ รียนไดม้ ีส่วนร่วมในการในการกาหนดงานที่จะปฏิบตั ิวา่ จะตอ้ งทาอะไร อยา่ งไร เม่ือไร 3. เพื่อแจ้งวตั ถุประสงค์ของบทเรียนให้ผ้เู รียนทราบโดยตรงหรือโดยทางออ้ มกไ็ ด้ ซ่ึงเป็น การช่วยใหผ้ เู้ รียนไดท้ ราบวา่ เม่ือเรียนจบบทเรียนแลว้ จะเกิดการเรียนรู้อะไรต่อตนเองบา้ ง

4. ความหมายของการจูงใจ Mc. Geoch ไดใ้ หค้ วามหมายของ แรงจูงใจ “แรงจูงใจเป็นสภาพของบุคคลท่ีเป็นเครื่องมือนาใหเ้ ขาสามารถทางานท่ี ไดร้ ับมอบหมาย และเป็นสภาพการณ์ท่ีเป็นเคร่ืองอานวยความสะดวกให้ กิจกรรมสาเร็จลุล่วงไปดว้ ยดี” ชาญชยั อินทรประวตั ิ (2523 : 37) ไดใ้ หค้ วามหมาย การจูงใจ คือ การท่ีบุคคลหน่ึงกระทาการเพือ่ ใหบ้ ุคคลหน่ึงหรือหลาย ๆคนมีความเห็นคลอ้ ย ตามไปกบั ตน กฤษมนั ต์ วฒั นาณรงค์ (2554 : 149) ไดใ้ หค้ วามหมายของ การจูงใจ ไวว้ า่ “แรงจูงใจเป็นการช้ีนาใหผ้ เู้ รียนหรือผฟู้ ังคลอ้ ยตามไปในทิศทางที่ตอ้ งการ

5. การจาแนกประเภทของแรงจูงใจ กาญจนา เกียรติประวตั ิ ไดก้ ล่าววา่ แรงจูงใจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. แรงขับทางสรีรวทิ ยา (Physiological drives) 2. แรงจูงใจทางสังคม (Social motives)

5. การจาแนกประเภทของแรงจูงใจ 1. แรงขับทางสรีรวทิ ยา (Physiological drives) นกั จิตวทิ ยาส่วนมากเชื่อวา่ แรงขบั ทางสรีรวิทยาเป็นส่วนหน่ึงของกลไกแห่งการควบคุมการ ปรับตวั (Homeostasis) เซลลจ์ ะชีวติ อยไู่ ดก้ ต็ ่อเม่ืออินทรียน์ ้นั ถูกกระตุน้ ใหเ้ กิดความตอ้ งการ อาหาร น้า เกลือแร่ และอ่ืน ๆ เช่ือวา่ เมื่อสารบางอยา่ งขาดไปสมดุลกจ็ ะเสียไป ความเครียดให้ คนเกิดความกระหายยอ่ มเป็นผลจากความเครียดท่ีคนขาดน้า แรงขบั ทางสรีรวิทยา เช่น ความ หิว ความกระหาย การพกั ผอ่ นหลบั นอน การเลี่ยงความเจบ็ ปวด แรงขบั ทางเพศ และอ่ืน ๆ

5. การจาแนกประเภทของแรงจูงใจ 2. แรงจูงใจทางสังคม (Social Motives) • ความตอ้ งการที่จะไดร้ ับการยอมรับนบั ถือ (Recognition) คนเรายอ่ มปรารถนาจะ ใหค้ นอื่นยอมรับนบั ถือ ความรู้สึกวา่ ไดร้ ับการยอมรับนบั ถือน้ียอ่ มก่อใหเ้ กิด ความรู้สึกมน่ั คงปลอดภยั • ความตอ้ งการท่ีจะใหเ้ ป็นท่ีตอ้ งการของคนอื่นๆ (Need to be needed) บุคคลเรามิได้ หยดุ อยทู่ ี่เพียงแต่จะใหเ้ ป็นท่ียอมรับนบั ถือเท่าน้นั แต่เราตอ้ งการจะกระทาส่ิงซ่ึง เป็นความจาเป็นของกลุ่มเราปรารถนาจะใหก้ ลุ่มตอ้ งการเราและเห็นเรามี ความสาคญั ต่อกลุ่ม

6. แรงจูงใจกบั การเรียนการสอน กาญจนา เกียรติประวตั ิ กล่าววา่ ครูจะตอ้ งสร้างการจูงใจในดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ี 1. กระตุน้ นกั เรียนเก่ียวกบั การเรียน นนั่ คือ การเร่งเร้าใหต้ ่ืนตวั หรือท่ีเรียกวา่ Arousal function 2. การอธิบายใหน้ กั เรียนรู้อยา่ งชดั เจนวา่ เม่ือนกั เรียนเรียนจบตอนไปแลว้ นกั เรียนจะทาอะไร ไดบ้ า้ งการกระทาอยา่ งน้ีในการสร้างการจูงใจเรียกวา่ Expectancy function 3. ใหร้ างวลั แก่สมั ฤทธ์ิผลในปัจจุบนั เพอื่ กระตุน้ ใหเ้ กิดสมั ฤทธ์ิผลในอนาคต หรือที่เรียกวา่ ให้ รางวลั (Incentive function)

7. ปัจจัยทที่ าให้เกดิ ความสนใจ ส่ิงเร้าจากภายในและภายนอกเป็นตวั กระตุน้ ทาใหผ้ เู้ รียนมีความสนใจอยากจะเรียนรู้และ อยากท่ีจะปฏิบตั ิงานใหส้ าเร็จผลไดง้ ่ายข้ึน โดยสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดงั น้ี 1. ปัจจยั ทที่ าให้เกดิ แรงจูงใจภายในตวั ผู้เรียน 1.1 ความต้องการนาไปใช้ในการประกอบอาชีพ เป็นปัจจยั หน่ึงที่ทาใหผ้ เู้ รียนมีความสนใจอยา่ งมากและเป็นแรงผลกั ดนั เพือ่ ทาใหส้ าเร็จ การศึกษาไดเ้ ร็ว สามารถประกอบอาชีพและมีรายไดใ้ นการดารงชีวิตที่ดีข้ึน ถึงแมผ้ สู้ อน ไม่ไดต้ ้งั สอนหรือสอนไม่ดี ผเู้ รียนประเภทน้ีกย็ งั คงความต้งั ใจเรียนและขยนั อยเู่ สมอ

7. ปัจจยั ทท่ี าให้เกดิ ความสนใจ 1.2 ใจรักในวชิ า ผเู้ รียนมีความชอบไม่เท่ากนั เช่น ผเู้ รียนบางคนชอบวชิ าออกแบบโครงสร้าง แต่ไม่ค่อยชอบวชิ าสารวจ หรือผเู้ รียนบางคนชอบวิชาวดั และประเมินผลแต่ไม่ค่อยชอบวิชา ปฏิบตั ิการสอน เป็นตน้ 1.3 ค่านิยมในวชิ าหรือสาขาทเ่ี รียน ผเู้ รียนมีความสนใจอยากท่ีจะเรียนในสาขาวชิ าหรือ บางวิชาถึงแมน้ ตนเองกไ็ ม่ไดม้ ีความชอบหรือรักในวชิ าน้นั แต่กม็ ีความสนใจและอยากที่ จะเรียน เพราะวา่ ในสาขาวชิ าหรือบางวิชาเป็นท่ียอมรับในสงั คมไดร้ ับการยกยอ่ งนบั ถือ และใหค้ วามสาคญั เช่น แพทย์ วศิ วกรรมศาสตร์ เทคโนโลยสี ารสนเทศ นิเทศศาสตร์ บญั ชี เป็นตน้ คา่ นิยมน้ีกม็ ีการเปล่ียนแปลงไปตามยคุ ตามสมยั

7. ปัจจยั ทท่ี าให้เกดิ ความสนใจ 1.4 ค่านิยมในตวั ผู้สอน ผสู้ อนแต่ละคนเป็นท่ีถูกใจของผเู้ รียนในแต่ละคนไม่ เหมือนกนั ตามแต่ทศั นะของผเู้ รียน ผสู้ อนบางคนมีการสอนเป็นที่ชื่นชอบของผเู้ รียน บางคนกใ็ จดี มีฐานะทางเศรษฐกิจหรือทางสงั คมดี หรือบางคนมีพฤติกรรมเป็นท่ี ประทบั ใจ สิ่งต่าง ๆท่ีกล่าวมาเป็นเหตุปัจจยั ทาใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจและมีความ ต้งั ใจเรียน 1.5 ความต้องการคะแนนทีด่ ี ในบางวชิ าผเู้ รียนจะไม่ชอบในวชิ าน้นั หรือไม่มีค่านิยมในตวั ผสู้ อนกต็ าม หากเรียนไม่ดีหรือไม่ไดต้ ้งั ใจเรียนกท็ าใหไ้ ม่สามารถสาเร็จการศึกษาได้ หรือ อาจตอ้ งการรางวลั จากการสอบไดค้ ะแนนดี หรือแขง่ ขนั ในการเรียน เป็นตน้

7. ปัจจัยทที่ าให้เกดิ ความสนใจ 2. ปัจจยั ทท่ี าให้เกดิ แรงจูงใจภายนอกตวั ผู้เรียน (จากผสู้ อน) ปัจจยั ท่ีผสู้ อนสามารถสร้างความสนใจใหเ้ กิดข้ึนไดม้ ี ดงั น้ี 2.1 ความต้ังใจจากการสอน ผสู้ อนตอ้ งช้ีแนะใหผ้ เู้ รียนเห็นประโยชน์ในเร่ืองท่ีจะเรียนและ ไม่ยากสามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งไร และทาการสอนใหด้ ีท่ีสุด และจดั กิจกรรมต่างๆใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีส่วนร่วมในการเรียนสนุกสนานไม่เครียดในเรื่องที่สอน

7. ปัจจยั ทที่ าให้เกดิ ความสนใจ 2.2 ความสาเร็จในการเรียน จากหลกั การเรียนรู้ผเู้ รียนจะมีความต้งั ใจเรียนมากถา้ หากผเู้ รียนไดม้ ีส่วนร่วมกิจกรรมลงมือทาแบบฝึกหดั หรือปฏิบตั ิงาน ถา้ หากผลงานท่ี ทาประสบความสาเร็จหรือเรียนแลว้ เขา้ ใจกจ็ ะกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนมีความต้งั ใจและ สนใจอยากที่จะเรียนรู้ต่อไป ดงั น้นั ผสู้ อนจะตอ้ งหาเทคนิควิธีการสอนต่าง ๆที่จะทา ใหผ้ เู้ รียนประสบผลสาเร็จในการเรียน

8. สภาวะพืน้ ฐานของการเกดิ แรงจูงใจ 1. ความพร้อมทางด้านร่างกาย ผเู้ รียนควรมีสภาพร่างกายท่ีสมบรูณ์พร้อมที่จะรับเน้ือหา ความรู้ แต่ถา้ ร่างกายของผเู้ รียนไม่พร้อมหรือเจบ็ ไขไ้ ดป้ ่ วยกจ็ ะทาใหก้ ารจูงใจไม่คอ่ ยจะ สาเร็จผล ยกเวน้ ผเู้ รียนคนน้นั จะมีจิตใจท่ีมุ่งมน่ั อยากท่ีจะเรียนรู้กส็ ามารถเรียนและรับเน้ือหา 2ไ.ดค้ วามพร้อมทางด้านจิตใจ มีความสาคญั มากในการจูงใจ เพราะแรงจูงใจเกิดข้ึนจากจิตใจ เป็นอนั ดบั แรกเสมอ ถา้ ผเู้ รียนมีปัญหาหรือมีเรื่องมารบกวนจิตใจกจ็ ะทาใหผ้ เู้ รียนไม่เกิด ความอยากเรียนรู้ การจูงใจกไ็ ม่สาเร็จผล 3. ความพร้อมทางการจดั การเรียนการสอน การจดั สภาวะแวดลอ้ มต่างๆท่ีในการอานวย ความสะดวกใหแ้ ก่ผเู้ รียน กจ็ ะช่วยในการสร้างการจูงใจไดง้ ่าย เช่น การสร้างบรรยากาศใน ช้นั เรียน การสร้างบทเรียนท่ีดีใหก้ บั ผเู้ รียน เป็นตน้

9. ความหมายทกั ษะการนาเข้าสู่บทเรียน สุพิน บุญชูวงศ์ (2531 : 100) ไดใ้ หค้ วามหมาย ทกั ษะการนาเข้าสู่บทเรียน หมายถึง ทกั ษะท่ีครูใชใ้ นการจดั กิจกรรมก่อนเร่ิมสอนเน้ือหาในทุกวิชา เพอื่ เป็น การเตรียมนกั เรียนใหม้ ีความคิดวา่ กาลงั เรียนเร่ืองอะไร สามารถนาเอาความรู้และ ทกั ษะที่นกั เรียนมีอยเู่ ดิมมาสมั พนั ธ์กบั บทเรียนที่ครูสอนได้ นอกจากน้ียงั ทาให้ นกั เรียนเขา้ ใจความมุ่งหมายของบทเรียนไดช้ ดั เจนยงิ่ ข้ึน

10. เทคนิคการเร้าความสนใจ สุพนิ บุญชูวงศ์ (2531 : 106) ไดก้ ล่าวถึง เทคนิคหรือวธิ ีการกระตุน้ ใหน้ กั เรียนสนใจการสอนของครู น้นั ทาไดห้ ลายวิธี ดงั น้ี 1. การเคล่ือนทขี่ องครู อาจจะเป็นการเดินจากที่หน่ึงไปท่ีหน่ึงอยา่ งมีจุดหมาย ไมใ่ ช่เคล่ือนไปมาอยา่ ง เล่ือนลอย หรือเดินไปมาอยตู่ ลอดเวลา เช่น เดินไปท่ีกระดานดา เดินไปดูงานของนกั เรียน ลลล 2. การใช้ท่าทางของครู ไดแ้ ก่ การแสดงท่าทางดว้ ย มือ ตวั หรือศีรษะเพ่อื ประกอบคาพดู ให้ เห็นภาพ ใหเ้ ห็นความสาคญั ใหเ้ ขา้ ใจอารมณ์ หรือบอกรูปร่าง ขนาด ลลล

10. เทคนิคการเร้าความสนใจ 3. การเปลย่ี นลลี าในการพดู ของครู ไดแ้ ก่ การเปล่ียนวธิ ีพดู ดว้ ยจงั หวะเร็ว ชา้ สูง ต่า หนกั เบา รวมท้งั เนน้ คา วลี หรือหยดุ การพดู ชวั่ ครู่ 4. การเปลย่ี นประสาทสัมผสั ไดแ้ ก่ การแปรเปลี่ยนประสาทการรับรู้ของนกั เรียน เช่น เปล่ียนจากฟังเป็นดู จากอ่านเป็นเขียน จากอภิปรายเป็นลงมือทา หรือเปล่ียนจาก กระดานดาเป็นดูภาพยนตร์ ซ่ึงจุดที่จะตอ้ งเพง่ ดูต่างกนั เป็นตน้

10. เทคนิคการเร้าความสนใจ 5. การให้นักเรียนมีส่วนร่วมพดู ไดแ้ ก่ การเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนพดู ถามและตอบ คาถาม ออกความคิดเห็น เสนอแนะ เป็นตน้ 6. การให้นักเรียนเคลื่อนท่ี ไดแ้ ก่ การจดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ เช่น ทดลองเล่น ละคร ร้องเพลง ไปหาขอ้ มูลจากจุดที่กาหนด ทางานกลุ่ม เป็นตน้

11.ข้อเสนอแนะในการนาเข้าสู่บทเรียน อาภรณ์ ใจเท่ียง (2540 : 193 -194) กล่าววา่ การเร้าความสนใจผู้สอนควรคานึงถึงประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี 1. บุคลกิ ลลี าท่าทางการสอนของครู ครูที่มีความแคล่วคล่อง กระฉบั กระเฉง ร่าเริง และ มีอารมณ์ขนั จะช่วยเร้าความสนใจของผเู้ รียนไดด้ ี 2. ความต้ังใจในการสอนของครู ครูที่มีความมุ่งมน่ั มีความต้งั ใจในการสอน มีกาลงั ใจ และความปรารถนาดีต่อผเู้ รียน จะมีความพยายามในการเร้าความสนใจผเู้ รียนไดด้ ี 3. การเตรียมความพร้อมของครู ถา้ ครูไดเ้ ตรียมเพลง เตรียมเกม เตรียมคาถาม เตรียม เร่ืองส้นั หรือนิทาน ลลล เพื่อนามาใชใ้ นยามท่ีนกั เรียนรู้สึกตึงเครียด หรือง่วงเหงา หาวนอน การเร้าความสนใจจะกระทาไดท้ นั ที

12. หลกั การนาเข้าสู่บทเรียน สุชาติ ศิริสุขไพบูลย์ (2527 : 27) ไดก้ ล่าวถึง หลกั การสร้างข้นั สนใจปัญหา ไวด้ งั น้ี 1. ยกประเดน็ ปัญหาหรือตวั อยา่ งงาน 2. ควรเป็นปัญหาท่ีสามารถใชค้ วามรู้จากส่ิงที่จะเรียนมาแกไ้ ด้ 3. ใชส้ ่ือช่วยสอนที่จะดึงดูดใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจ 4. ดาเนินกิจกรรมใหผ้ เู้ รียนเห็นปัญหาไดช้ ดั เจน 5. สรุปเป็นหวั ขอ้ เร่ืองที่จะสอนในบทเรียน 6. ใชเ้ วลาในการนาเขา้ สู่บทเรียนอยา่ งส้นั ๆ

12. หลกั การนาเข้าสู่บทเรียน สุพิน บุญชูวงศ์ (2531 : 100 - 101) ไดก้ ล่าวถึง วธิ ีนาเข้าสู่บทเรียน 1. ใชอ้ ุปกรณ์ที่สมั พนั ธ์กบั เน้ือหา เช่น ฉายวดี ีโอ ใหด้ ูภาพ ใหด้ ูของจริง 2. ใชค้ าถาม เพ่อื เชื่อมประสบการณ์เดิมของนกั เรียนไปสู่ประสบการณ์ใหม่ 3. ใหน้ กั เรียนสาธิตกิจกรรมที่สมั พนั ธก์ บั บทเรียน เช่น ใหน้ กั เรียนสาธิตการกราบ แบบเบญจางคประดิษฐ์ สาธิตการอาบน้าเดก็ เป็นตน้ 4. เล่านิทาน หรือ เรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆใหส้ มั พนั ธ์กบั เร่ืองท่ีเรียน

12.หลกั การนาเข้าสู่บทเรียน 5. ร้องเพลง ใหส้ มั พนั ธ์กบั เรื่องที่จะเรียน เช่น ร้องเพลงฟัน เป็นการนาเขา้ สู่บทเรียน เรื่อง การแปรงฟัน 6. ต้งั ปัญหาหรือเล่นเกมทายปัญหา 7. การแสดงบทบาทสมมติ หมายถึง การที่ครูกาหนดสถานการณ์หรือเงื่อนไขให้ แลว้ ใหน้ กั เรียนคิดวา่ จะทาอยา่ งไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook