Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บท-บรรยาย วิเคราะห์งาน

บท-บรรยาย วิเคราะห์งาน

Published by s6102032910029, 2021-08-02 18:33:29

Description: บท-บรรยาย วิเคราะห์งาน

Search

Read the Text Version

บท-บรรยาย Slide 1 Motivation ถา้ ผเู้ รียนสาเร็จการศึกษาออกไปแลว้ ไปเป็นครู แต่ไม่รู้วา่ จะสอนเน้ือหาอะไร หรือวิธีการหาหวั ขอ้ อะไรที่จะสอนใหแ้ ก่ผเู้ รียนมนั กจ็ ะลาบาก ฉะน้นั สิ่งสาคญั กค็ ือเรา ตอ้ งดูและทาความเขา้ ใจกบั หลกั สูตรเสียก่อน Slide 2 ก่อนอื่นเราตอ้ งรู้ก่อนกว่า หลกั สูตรทางอาชีวะและเทคนิคศึกษาคืออะไร ซ่ึงก็ คือหลกั สูตรที่จะมุ่งให้ผูส้ าเร็จการศึกษาไดอ้ อกไปประกอบอาชีพไดอ้ ย่างแทจ้ ริง จึง จาเป็นอยา่ งยิง่ ที่ผเู้ ก่ียวขอ้ งกบั การพฒั นาหลกั สูตรอาชีวและเทคนิคศึกษา จะตอ้ งรู้ว่า งานที่ผูท้ ่ีสาเร็จการศึกษาทาน้ันมีลักษณะรายละเอียดและองค์ประกอบอะไรบ้าง จะตอ้ งเรียนรู้หรือฝึกฝนดา้ นใด กวา้ งลึกมากนอ้ ยเพียงใด ซ่ึงเราเรียนสาขาวิศวกรรมโยธาและการศึกษา เมื่อสาเร็จการศึกษาแลว้ ก็ตอ้ ง เป็ นครู ช่างก่อสร้าง

Slide 3 ถ้าเราครูสาขาวิชาช่างก่อสร้าง เราก็ต้องทาความเขา้ ใจกับจุดประสงค์ของ สาขาวชิ าก่อน เรามาดูจุดสาคญั ก่อนในขอ้ ท่ี 3 3. เพื่อให้มีความเขา้ ใจในหลกั การและกระบวนการทางานในกลุ่มงานพ้ืนฐาน ดา้ นการอา่ นแบบการเขียนแบบ ประมาณราคา เทคนิคก่อสร้าง สารวจ ฯลฯ ปฏิบตั ิงาน ที่เก่ียวกบั ช่างก่อสร้าง ความเขา้ ในในที่น้ีคือความรู้ในทฤษฎีและหลกั การ ต่อมาไปดู ขอ้ ที่ 4 4. เพื่อให้สามารถปฏิบตั ิงานช่างก่อสร้าง ไดเ้ หมาะสมกบั ความรู้ความสามารถ ของตน พร้อมท้งั เลือกใชเ้ ทคโนโลยใี นงานอาชีพช่างก่อสร้าง ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 5. เพ่ือให้สามารถปฏิบตั ิงานช่างก่อสร้าง ในสถานประกอบการและประกอบ อาชีพอิสระ รวมท้งั การใช้ความรู้และทักษะเป็ นพ้ืนฐานในการศึกษาต่อในระดับสูง ข้ึนได้ 7. เพื่อให้มีเจตคติท่ีดีต่องานอาชีพ มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรคซ์ ื่อสัตยส์ ุจริต มี ระเบียบวินยั มีความรับผิดชอบต่อสงั คม ส่ิงแวดลอ้ ม ตอ่ ตา้ นความรุนแรงและสารเสพ ติด ซ่ึงโดยหลกั ท่ีสาคญั จะมีอยู่ 3 ดา้ น ก็คือ - ผเู้ รียนจะตอ้ งมีความรู้ทางทฤษฎี - ผเู้ รียนจะตอ้ งมีทกั ษะในการปฏิบตั ิงาน - ผเู้ รียนจะตอ้ งมีเจตคติท่ีดีต่องานอาชีพ *ซ่ึงเม่ือรวมท้งั 3 ดา้ น กจ็ ะไดส้ มรรถนะในการทางาน

Slide 4 ดงั น้นั สรุปไดว้ า่ สมรรถนะของบคุ คลที่มีต่อการทางาน จะตอ้ งประกอบดว้ ย 1. ตอ้ งมีความรู้ ทฤษฎีเกี่ยวกบั วธิ ีการทางาน 2. ตอ้ งมีทกั ษะ ความคลอ่ งแคลว่ ในการปฏิบตั ิงาน 3. ตอ้ งมีเจตคติที่ดี ความรู้สึกที่ดี และความคิดดา้ นบวกกบั งานที่ทา ฉะน้นั เราจะสอนอยา่ งไรท่ีจะใหผ้ เู้ รียนมีสมรรถนะในการทางาน เราจะตอ้ งรู้ว่าจะให้ ความรู้อะไร ทกั ษะอะไร เจตคติที่ดีไดอ้ ยา่ งไรแก่ผเู้ รียน Slide 5 ถ้าเราได้รับมอบหมายให้เป็ นครูสอนในวิชา วัสดุและวิธีการก่อสร้างงาน โครงสร้าง เราจะสอนอะไรใหแ้ ก่ผเู้ รียน ก่อนอ่ืนต้องดูก่อนว่าวิชาน้ีเป็ นวิชาทฤษฎี หรือปฏิบตั ิ และเราก็มาทาความเขา้ ใจกบั ตวั เลขดงั กลา่ ววา่ มีความหมายวา่ อยา่ งไร 2 – 0 – 2 หมายความวา่ 2 ตวั แรก คือ จานวนชวั่ โมงเรียนทฤษฎีต่อสัปดาห์ 0 ตวั กลาง คือ จานวนชว่ั โมงเรียนปฏิบตั ิตอ่ สัปดาห์ 2 ตวั สุดทา้ ย คือ จานวนชว่ั โมงท่ีผเู้ รียนควรศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตวั เองต่อสัปดาห์ ซ่ึง จุดประสงค์รายวชิ า เพื่อให้ 1. มีความเขา้ ใจในหลกั การ เทคนิคคุณสมบตั ิของวสั ดุ-อุปกรณ์และวิธีการ ก่อสร้างอาคารงานฐานราก คาน เสา พ้ืน โครงหลงั คาของอาคารพกั อาศยั 2. สามารถนาหลกั การเทคนิคและวิธีการก่อสร้างอาคารคุณสมบตั ิของวสั ดุ อปุ กรณ์ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานก่อสร้างอาคารพกั อาศยั 3. มีเจตคติ มีความรับผดิ ชอบในการประกอบวิชาชีพก่อสร้าง

ตอ่ มา มาดูสมรรถนะรายวิชาวา่ เขาตอ้ งการอะไร สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั ชนิด ขนาด คุณสมบตั ิวสั ดุอปุ กรณ์ก่อสร้าง จดั เก็บรักษา และวธิ ีการก่อสร้างอาคาร งานฐานราก คาน เสา พ้ืน โครงหลงั คาของอาคารพกั อาศยั 2. สืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศเก่ียวกบั วสั ดุก่อสร้าง เทคนิคการก่อสร้างโครงสร้าง อาคารโดยใชอ้ ินเตอร์เน็ต 3. วิเคราะห์ เลือกใช้วสั ดุและอุปกรณ์ก่อสร้างตามหลกั การ เทคนิคและวิธีการ ก่อสร้าง วิชาน้ีเป็นวิชาทฤษฎี แตเ่ ราจะรู้ไดย้ งั ไงวา่ วิชาทฤษฎีน้ีเราจะสอนอะไรบา้ ง เราก็ มาดู คาอธิบายรายวชิ า ซ่ึงกเ็ หมือนกบั จุดประสงคข์ องรายวชิ า ซ่ึงเขาตอ้ งการให้ ศึกษาเก่ียวกบั คุณสมบตั ิของวสั ดุอุปกรณ์การก่อสร้าง งานโครงสร้างไมโ้ ลหะ คอนกรีต การนาไปใช้ เทคนิควิธีการก่อสร้างอาคาร งานฐานราก คาน เสา บนั ได พ้ืน หลงั คาและโครงหลงั คาของอาคารพกั อาศยั ซ่ึงเขาก็บอกเป็นแนวกวา้ งๆ ยงั ไม่มีรายละเอียดว่าในแต่ละสัปดาห์จะตอ้ งสอน อะไร

Slide 6 เพราะฉะน้นั เราเป็นครูเรากต็ อ้ งมาวางแผนว่าใน 1 เทอม เราจะสอนอะไรใหแ้ ก่ ผเู้ รียนบา้ ง ซ่ึงในตวั อยา่ งน้ีกไ็ ดท้ าการวิเคราะห์ในภาพรวมวา่ 1 เทอมมี 16 สัปดาห์ ใน รายวชิ า วสั ดุและวธิ ีการก่อสร้างงานโครงสร้าง ซ่ึงวิเคราะห์ไดต้ ามน้ี หลกั สูตร : โครงการสอน หน้าที่ รายวชิ า : วสั ดุและวิธีการก่อสร้างงานโครงสร้าง ต่อภาคเรียน ชื่อวชิ า : แผ่นที่ : ระดบั การศึกษา :  ปี 1  ปี 2  ปี 3  ปี 4  ปี 5 จานวน : ……… ชวั่ โมงต่อสัปดาห์ จานวน : ……… สัปดาห์ต่อภาคเรียน ภาคเรียนที่ : ……… สัปดาห์ หวั ขอ้ Teaching Point ส่ือ วดั ผล กิจกรรม 1 งานอ่านแบบ 2 งานเตรียมพ้ืนท่ีก่อสร้าง 3 งานวางผงั 4 งานเสาเขม็ ตอก 5 งานเสาเขม็ เจาะ 6 งานฐานราก 7 งานเสาตอม่อ 8 สอบกลางภาค 9 งานคานคอดิน 10 งานเสา 11 งานพ้ืนคอนกรีตหลอ่ ในที่ 12 งานพ้นื คอนกรีตสาเร็จรูป 13 งานโครงหลงั คา 14 งานมงุ หลงั คา 15 งานบนั ได 16 สอบปลายภาค

ซ่ึงหัวขอ้ ที่จะสอนน้ีก็มาจากคาอธิบายรายวิชา ซ่ึงเราเป็ นผูส้ อนก็ตอ้ งมาคิด วเิ คราะห์ดูวา่ ในงานก่อสร้างบา้ นพกั อาศยั มนั มีอะไรบา้ ง Slide 7 ซ่ึงใน 1 เทอมน้ีก็มีแต่หัวขอ้ อย่างเดียว เราจะรู้ไดอ้ ย่างไรว่าเราจะสอนอะไร ใหก้ บั ผเู้ รียนในแต่ละสัปดาหบ์ า้ ง ซ่ึงตอนน้ีเรามีแตห่ วั ขอ้ อยา่ งเดียว ฉะน้นั เราก็ตอ้ งเอา งานมาวิเคราะห์ ทาไมถึงใชค้ าวา่ งานกเ็ พราะวา่ เราจะสอนใหผ้ เู้ รียนจบไปแลว้ สามารถ ทางานเป็ น จึงตอ้ งเอางานเป็ นตวั ต้งั แลว้ ก็ตอ้ งวิเคราะห์งานออกมาว่าผูเ้ รียนจะตอ้ ง เรียนรู้อะไรบา้ งเก่ียวกบั งานน้นั ๆ ฉะน้ันเราจึงจาเป็ นต้องวิเคราะห์งานออกมาว่าในแต่ละงานน้ันมีข้นั ตอน อะไรบา้ งที่ผเู้ รียนจะตอ้ งศึกษาหาความรู้ถึงจะสามารถทางานได้ Slide 8 ซ่ึงก็มีความจาเป็ นที่จะตอ้ งเอางานมาวิเคราะห์เพ่ือใหไ้ ดเ้ น้ือหาที่จะตอ้ งเรียนรู้ ออกมา ซ่ึงในปัจจุบนั น้ีโลกก็เปลี่ยนแปลงไป ทาให้เทคโนโลยีทนั สมัยมากข้ึน ซ่ึง เทคโนโลยีน้ีก็มีผลต่องาน แต่จะทางานไดน้ ้นั เราจะตอ้ งใชค้ วามรู้ ใชท้ กั ษะอะไร ใช้ เจตคติอยา่ งไร ในเมื่อเทคโนโลยมี ีความทนั สมยั และเปล่ียนแปลงไปตลอดเวลา ความรู้ ก็ต้องมีการเปล่ียนแปลง ทักษะก็ต้องมีการเปล่ียนแปลง และเจตคติก็ต้องมีการ เปล่ียนแปลงไปตามสภาพงาน เราจึงตอ้ งเอางานเป็นตวั ต้งั และงานท่ีเราสอนในทุกๆ ปี บางหัวขอ้ ก็ตอ้ งมีการเปลี่ยนแปลงให้ดีข้ึน ให้มีความ สอดคลอ้ งไปตามเทคโนโลยที ี่มีการเปล่ียนแปลงไป มีความทนั สมยั มากข้ึน

เม่ือเราไดว้ ิเคราะห์ในส่วนดงั กลา่ วแลว้ ผเู้ รียนก็จะมารับความรู้ ทกั ษะ และเจต คติจากครูท่ีไดว้ ิเคราะห์ออกมาวา่ ผเู้ รียนจะตอ้ งเรียนอะไรบา้ งใน 3 ดา้ นน้ี แตใ่ นตอนน้ีท่ีเรากาลงั ทาการวเิ คราะห์อยนู่ ้ีเป็นวชิ าทางทฤษฎี เพราะฉะน้นั ก็จะ มีแต่ความรู้ที่จะต้องใส่เขา้ ไปให้กับผูเ้ รียน ส่วนด้านทกั ษะจะเป็ นอีกวิชาหน่ึงใน หลกั สูตรก็คือวิชาปฏิบตั ิงานก่อสร้าง ส่วนในด้านเจตคติเราสามารถสอดแทรกใน เน้ือหาความรู้ได้ และน่ีคือท่ีมาของความจาเป็นในการวเิ คราะหเ์ น้ือหา Slide 9 ต่อมาคือแหลง่ ขอ้ มลู ท่ีใชใ้ นการคน้ ควา้ วิเคราะห์เน้ือหา ไดม้ าจากไหนบา้ ง อนั ดบั แรกก็คือจากตวั ผสู้ อนเอง เราก็มาทาการวิเคราะห์ หรือถา้ เราคิดวา่ ประสบการณ์ ของตวั เองยงั ไม่เพียงพอ หรือไม่แน่ใจ เรากไ็ ปสอบถามหาขอ้ มูลเพิม่ เติมจากผเู้ ชี่ยวชาญ เช่น ผรู้ ับเหมา วศิ วกร เป็นตน้ หรือเราจะไปศึกษาคน้ ควา้ จากคู่มือการทางาน ตาราต่างๆ หรือหาความรู้จากหนงั สือและสื่อต่างๆ หรือสอบถามความรู้ ขอ้ มูลจากช่างผทู้ างานจริง หรือจากการสังเกตดูช่างท่ีทางานน้นั ๆ ถา้ เราใช้ขอ้ มูลหรือความรู้จากแหล่งเดียว อาจทาให้ขอ้ มูลท่ีไดม้ าไม่มากพอ หรือขอ้ มูลอาจไม่ถูกตอ้ งได้ เพราะฉะน้นั ขอ้ มูลท้งั หมดที่จะนามาวิเคราะห์น้นั เราจึง จาเป็นท่ีจะตอ้ งศึกษาหาความรู้ของขอ้ มูลจากหลายๆ แหล่ง ตามท่ีไดก้ ล่าวมาขา้ งตน้

Slide 10 เมื่อเราไดข้ อ้ มลู มาจากแหล่งขอ้ มลู ตา่ งๆ แลว้ ตอ่ มากม็ ารู้จกั กบั ความหมายของ การวเิ คราะหง์ าน (Job Analysis) ซ่ึงหมายถึง การนาเอางาน (Job) มาวิเคราะหร์ ายละเอียด วา่ ในงานน้นั ๆ ประกอบดว้ ยกิจกรรมยอ่ ยหรือข้นั ตอนการปฏิบตั ิงานกี่ข้นั ตอน จึงจะ สามารถทาใหง้ านน้นั สาเร็จได้ ซ่ึงถา้ เราวเิ คราะหง์ านออกมาไมค่ รบ ผเู้ รียนกไ็ ม่สามารถทางานน้นั ออกมาได้ สมบูรณ์ถกู ตอ้ ง ตาม Flow Chart น้ี สมมุติวา่ เราตอ้ งสอนเด็กเพอ่ื จบออกมาเป็นช่างก่อสร้าง ตาแหนง่ งาน หนา้ ท่ี หน้าที่ หน้าท่ี วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม เน้ือหา วธิ ีถา่ ยทอด ส่ือ ประเมินผล สมมตุ ิตาแหน่งงานตรงน้ีคือช่างก่อสร้างเบ้ืองตน้ ระดบั ปวช. ซ่ึงในการทางานน้ันก็มีหลายหน้าที่ ยกตัวอย่างเช่น หน้าที่ช่างควบคุมงาน ก่อสร้าง จะตอ้ งควบงานงานอะไรบา้ ง ซ่ึงในรายวิชาที่จะสอนคือ วัสดุและวิธีการ ก่อสร้างงานโครงสร้าง และมีงานอะไรบา้ งที่เราจะตอ้ งควบคุมงาน ยกตวั อยา่ งเช่น - Job 1 คือ งานอ่านแบบ

- งานเตรียมพ้นื ท่ีก่อสร้าง - งานวางผงั เป็นตน้ ซ่ึงตามตวั อยา่ งขา้ งตน้ ท่ีเราวิเคราะห์ออกมาน้นั ได้ 16 งาน (Job) ยกตวั อยา่ ง งานอ่านแบบ ตอ้ งอ่านแบบอะไรบา้ ง และตอ้ งใชค้ วามรู้อะไร ทกั ษะอะไร และเจตคติอะไร เช่น อ่านแบบงานสถาปัตยกรรม อ่านแบบงานโครงสร้าง อ่านแบบ งานระบบ เป็นตน้ ซ่ึงเราต้องทาการวิเคราะห์ออกมาว่าต้องใช้ความรู้อะไรบ้าง ถึงจะต้องไป กาหนดหรือเขียนเป็นวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมได้ ซ่ึงเราจะเรียนกนั ในเร่ืองตอ่ ไป ซ่ึง... K คือ Knowledge ความรู้ S คือ Skill ทกั ษะ A คือ Attitude เจตคติ Slide 11 ดว้ ยเหตุน้ี ก่อนที่จะเขียนวตั ถุประสงคส์ าหรับใชใ้ นการเรียนการสอน ผูส้ อน จึงมีความจาเป็นอยา่ งย่ิงที่จะตอ้ งมีความรู้ ทกั ษะในการแยกแยะรายละเอียดของงานที่ จะสอนวา่ จะตอ้ งใชค้ วามรู้ทางดา้ นทฤษฎี และดา้ นทกั ษะอะไรบา้ ง ถึงจะทาใหผ้ เู้ รียน ทางานน้นั ไดโ้ ดยสมบูรณ์ ซ่ึงกระบวนการที่ไดม้ าซ่ึงขอ้ มลู ดงั กลา่ วน้ีเรียกวา่ “การวเิ คราะห์งาน” (Job Analysis) ยกตวั อยา่ ง เช่น จะตอ้ งสอนหวั เรื่องอะไรบา้ ง ผเู้ รียนถึงจะมงุ หลงั คาทรงจวั่ ดว้ ย กระเบ้ืองลอนคูไ่ ด้

Slide 12 ก่อนที่จะตอ้ งสอนหัวเร่ืองอะไรบา้ งให้แก่ผูเ้ รียนน้นั ตอ้ งมารู้ความหมายของ งานกนั ก่อน ว่างานหมายถึงอะไร ซ่ึงงาน หมายถึง การกระทาใด ๆ ท่ีมีการเริ่มตน้ แลว้ ดาเนินการตามข้นั ตอนการปฏิบัติงานในช่วงระยะเวลาหน่ึง โดยใช้เคร่ืองมือและ อุปกรณ์ประกอบ และเม่ือสิ้นสุดข้นั ตอนสุดทา้ ยแลว้ จะได้ผลงาน หรือไดช้ ิ้นงาน ออกมาตามวตั ถุประสงคท์ ี่ต้งั ไว้ ก่อนอื่นเราตอ้ งต้งั ชื่องานก่อน ซ่ึงจะมีหลกั เกณฑใ์ นการต้งั ชื่องาน ดงั น้ี 1. งานน้นั ตอ้ งมีเพยี งกิจกรรมเดียวและไม่ใหญเ่ กินไป 2. ตอ้ งกาหนดเง่ือนไขท่ีชดั เจนหรือมีขอบเขตท่ีเฉพาะเจาะจงใหแ้ คบลง ตวั อยา่ ง เช่น ช่ืองาน เหตุผล ชื่องานท่เี หมาะสม 1. งานมุงหลงั คา 1.1 ช่ือกิจกรรมใหญ่เกินไป 1.1 งานมงุ หลงั คาโครงเหลก็ เน่ืองจากมีรายละเอียดปลีกยอ่ ยมาก ทรงจว่ั ดว้ ยกระเบ้ืองลอนคยู่ ดึ 2. งานตอกเสาเขม็ ดว้ ยขอ ป.ปลา 2.1 ช่ืองานยงั ขาดเงื่อนไขท่ีชดั เจนวา่ 2.1 งานตอกเสาเขม็ ดว้ ยป้ันจนั่ 3. งานวางผงั จะตอกเสาเขม็ อะไร แบบ Drop Hammer บา้ นพกั อาศยั ดว้ ย 2.2 ใชเ้ ครื่องมืออะไร ระดบั น้าและตอก 3.1 ชื่องานท่ีมีหลายกิจกรรม 3.1 วางผงั บา้ นพกั อาศยั ช้นั เสาเขม็ ดว้ ยป้ันจนั่ 3.2 ขาดเง่ือนไขบง่ ช้ีท่ีชดั เจน เดียวดว้ ยระดบั น้า 3.2 งานตอกเสาเขม็ ดว้ ยป้ันจน่ั Drop Hammer ตวั อยา่ งช่ืองานขอ้ 1. งานมงุ หลงั คา ซ่ึงหลงั คามีหลายประเภท เช่น หลงั คาทรง จว่ั หลงั คาทรงป้ันหยา หลงั คาทรงมะนิลา หลงั คาทรงเพิงหมาแหงน หลงั คาทรงปี ก

ผีเส้ือ เป็นตน้ และวสั ดทุ ่ีใชม้ งุ กม็ ีหลากหลายชนิด เช่น กระเบ้อื งลอนคู่ กระเบ้ืองซี แพคโมเนีย หลงั คาเมทลั ชีท เป็นตน้ ซ่ึงชื่อมนั กวา้ งเกินไป และช่ือที่เหมาะสมกค็ ือ งานมงุ หลงั คาโครงเหลก็ ทรงจ่วั ด้วยกระเบือ้ งลอนคู่ยดึ ด้วยขอ ป ปลา ซ่ึงเจาะจงลงไป เลยวา่ มุงหลงั คาทรงอะไร ดว้ ยวสั ดุกระเบ้ืองอะไร และยดึ ดว้ ยวสั ดุอะไร เป็นตน้ ตวั อยา่ งชื่องานขอ้ 2. งานตอกเสาเขม็ ซ่ึงช่ืองานก็มีความกวา้ งเกินไป และชื่อที่ เหมาะสมก็คือ งานตอกเสาเข็มด้วยป้ันจั่นแบบ Drop Hammer ซ่ึงเจาะจงลงไปเลยวา่ ตอกเสาเข็มดว้ ยป้ันจนั่ โดยใชว้ ิธี Drop Hammer ซ่ึงคือการปล่อยลูกตุม้ ตกกระทบลง มายงั หวั เสาเขม็ ตวั อยา่ งช่ืองานขอ้ 3. งานวางผงั บา้ นพกั อาศยั ดว้ ยระดบั น้าและตอกเสาเขม็ ดว้ ย ป้ันจั่น ซ่ึงมี 2 งานอยู่ในหัวขอ้ เดียวกัน ตามหลักเกณฑ์แลว้ งานน้ันจะต้องมีเพียง กิจกรรมเดียว และช่ือท่ีเหมาะสมก็คือ 3.1 วางผงั บา้ นพกั อาศยั ช้นั เดียวดว้ ยระดบั น้า 3.2 งานตอกเสาเขม็ ดว้ ยป้ันจนั่ Drop Hammer Slide 13 ตอนน้ีเราตอ้ งมาวิเคราะห์รายการความสามารถ (Task) ท่ีจาเป็ นตอ้ งใช้ของผู้ ทางานตามข้นั ตอนในการปฏิบตั ิงาน (Step of operation) โดยเรียงลาดบั จากข้นั ตอนแรก ถึงข้นั ตอนสุดทา้ ย ซ่ึงในตอนน้ีเรามีงานแลว้ ก็คือ งานมุงหลงั คาโครงเหลก็ ทรงจ่ัวด้วย กระเบื้องลอนคู่ยึดด้วยขอ ป ปลา ในแต่ละงานก็จะมีข้นั ตอนต่างๆ เช่น Task1 หรือ ข้นั ตอนท่ี 1 ตอ้ งทาอะไร Task2 ตอ้ งทาอะไร Task3 ตอ้ งทาอะไร เป็ นตน้ โดยตอ้ ง เรียงลาดบั จากข้นั ตอนแรกถึงข้นั ตอนสุดทา้ ยใหถ้ ูกตอ้ งตามข้นั ตอนการทางานจริงๆ

Task 6 Task 5 งานมงุ หลงั คาโครงเหล็ก Task 7 Task 1 ทรงจ่วั ดว้ ยกระเบอื้ งลอนคู่ Task 4 ยดึ ดว้ ยขอ ป.ปลา Task 3 Task 2 Slide 14 ต่อมาเรามาทาความเขา้ ใจกบั หลกั การวิเคราะหง์ าน การวเิ คราะหง์ านเป็นกระบวนการในการแยกแยะรายละเอียดของงาน เพ่อื ระบุ วา่ จะใหบ้ ุคคลสามารถปฏิบตั ิงานในงาน (Job) น้นั ๆ ได้ จาเป็นจะตอ้ งใชค้ วามสามารถ อะไรหรืออยา่ งไรบา้ ง โดยในข้นั แรกอาจจะใชป้ ระสบการณ์ของผูศ้ ึกษางานเอง ซ่ึง เคยทางาน (Job) น้นั ๆ มาเขียนเป็นรายการความสามารถ (Task) ต่าง ๆ ที่จาเป็นสาหรับ การทางานน้นั ก่อน ยกตวั อย่าง เช่น การวิเคราะห์ “งานมุงหลงั คาโครงเหล็กทรงจว่ั ดว้ ยกระเบ้ือง ลอนคู่ยดึ ดว้ ยขอ ป.ปลา” เตรียมเครอ่ื งมอื อา่ นแบบ ตดั มมุ มงุ หลงั คา ตรวจสอบ ยดึ กระเบอื้ ง ครบหรอื ยงั เนย่ี ! พจิ ารณาทศิ ทาง ของลมฝน

ใหเ้ รานึกข้นั ตอนไปก่อน เขียนและวเิ คราะห์ไปก่อนวา่ มีข้นั ตอนอะไรบา้ ง และ แนะนาวา่ คานาหนา้ ในแต่ละข้นั ตอนน้นั ใหใ้ ชค้ ากริยาข้ึนตน้ ประโยคตามตวั อยา่ ง เช่น มุง ตดั ตรวจสอบ เป็นตน้ ไม่ใช่ การมุงหลงั คา การตดั มุมกระเบ้ือง การตรวจสอบ ซ่ึง เราจะใชค้ ากริยาข้ึนตน้ ประโยค เพราะวา่ ถา้ ในวิชาน้นั เป็นวิชาท้งั ทฤษีและปฏิบตั ิ เรา สามารถนาท้งั ประโยคน้ันไปใชแ้ ละเติมคาว่า ได้อย่างถูกต้อง ลงไปก็จะกลายเป็ น วตั ถปุ ระสงคท์ างดา้ นความรู้หรือทกั ษะ Slide 15 หลังจากที่เราวิเคราะห์งานแล้ว เราจะได้รายการความสามารถหรือลาดับ ข้ันตอนในการปฏิบัติงาน (Task or Step of operation) หลายข้ันตอน ต่อมาก็ทาการใส่ หมายเลขเรียงลาดบั ข้นั ตอนในการปฏิบตั ิงานก่อนหลงั ใหถ้ กู ตอ้ ง 9. มงุ กระเบือ้ งลอนคู่ 13. ทาความสะอาด 3. เตรยี มกระเบอื้ ง และเกบ็ เครื่องมือ 8. ขนยา้ ยกระเบอื้ ง 1. อ่านแบบการมงุ 5. เตรียมอปุ กรณ์ 12. ตรวจสอบ 4.เตรยี มครอบสนั งานมงุ หลงั คาโครงเหล็ก 7. เตรียมเคร่ืองมอื ทรงจ่วั ดว้ ยกระเบอื้ งลอนคู่ และอปุ กรณใ์ นการ 2. ตรวจสอบ ยึดดว้ ยขอ ป.ปลา 10. มงุ ครอบสนั 11. ติดปิด นก 6. เตรยี มปิดนก

ซ่ึงตามตวั อยา่ งน้ีจะใชง้ านเป็นตวั ต้งั และในส่วนของ ข้นั ตอนในการปฏิบตั ิงาน (Task or Step of operation) จะใชค้ ากริยาข้ึนตน้ ประโยค และถา้ เติมคาวา่ ได้อย่างถูกต้อง ลง ไปกจ็ ะกลายเป็น วตั ถุประสงคท์ างดา้ นทกั ษะ Slide 16 หลงั จากที่เราไดเ้ รียบเรียงข้นั ตอนต่างๆ ในการทางานไดแ้ ลว้ ก็นามาเขียนเป็ น ข้นั ตอนในการปฏิบตั ิงาน (Task or Step of operation) ตามตวั อยา่ ง 1. อา่ นแบบ 2. ตรวจสอบโครงหลงั คา 3. เตรียมกระเบ้ืองลอนคู่ 4. เตรียมครอบสันกระเบ้ืองลอนคู่ 5. เตรียมอุปกรณ์ยดึ กระเบ้ืองลอนคู่ 6. เตรียมปิ ดนก 7. เตรียมเครื่องมือและอปุ กรณ์ในการมุงกระเบ้ืองลอนคู่ 8. ขนยา้ ยกระเบ้ืองข้นึ บนโครงหลงั คา 9. มงุ กระเบ้ืองลอนคู่ 10. มงุ ครอบสนั กระเบ้ืองลอนคู่ 11. ติดปิ ดนก 12. ตรวจสอบงานมุงกระเบ้ืองลอนคู่ 13. ทาความสะอาดพ้นื ท่ีและเก็บเคร่ืองมืออปุ กรณ์ เพื่อให้ได้มาซึงความถูกต้องของข้ันตอนในการปฏิบัติงาน (Task or Step of operation) น้นั ก็จะตอ้ งมีการตรวจสอบ ดงั น้ี

1. เป็นประโยคบอกเล่า 2. ข้ึนตน้ ดว้ ยคากริยาท่ีสงั เกตและวดั ได้ เช่น เตรียม หมุน คลาย และยก เป็นตน้ 3. ในแตล่ ะข้นั ตอนตอ้ งมีการกระทาเพียงอยา่ งเดียว 4. ประกอบดว้ ยข้นั ตอนใหญ่ ๆ 3 ส่วน คือ เตรียม ปฏิบตั ิ และตรวจสอบ ซ่ึงจะสังเกตเห็นไดว้ ่าในการปฏิบตั ิงานน้นั จะประกอบดว้ ยข้นั ตอนใหญ่ ๆ 3 ส่วน คือ เตรียม ปฏิบตั ิ และตรวจสอบ ซ่ึงเมื่อเราไดข้ ้นั ตอน 3 ส่วนน้ีแลว้ เราจาทาอะไรต่อไป เพ่ือท่ีจะสอนใหเ้ ด็กน้นั จบออกไปสามารถทางานได้ แต่ก็ยงั ไม่มีรายละเอียดของข้นั ตอนการทางาน เราจึง จาเป็นตอ้ งมาวิเคราะห์ต่อไป ดงั น้ี

Slide 17 จากตวั อยา่ ง งานมุงหลงั คาโครงเหล็กทรงจว่ั ดว้ ยกระเบ้ืองลอนคู่ยึดดว้ ยขอ ป. ปลา รูปภาพประกอบการปฏบิ ตั งิ าน ข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิงาน 1. อ่านแบบ 2. ตรวจสอบโครงหลงั คา 3. เตรียมกระเบ้ืองลอนคู่ 4. เตรียมครอบสนั กระเบ้ืองลอนคู่ ซ่ึงก็ไดย้ กตวั อยา่ งข้นั การปฏิบตั ิงานและรูปภาพประกอบการปฏิบตั ิให้ดู เพราะ เราจะไดม้ องเห็นภาพการปฏิบตั ิงานท่ีชดั เจนข้ึน และป้องกนั การลืมในแต่ละข้นั ตอน อีกดว้ ย

Slide 18 ท้ังน้ีแต่ละ Task แต่ละ Step ท้ัง 13 ข้อน้ี เราต้องสอนหมดเลยหรื อเปล่า เพราะฉะน้นั เราจึงมีความจาเป็ นที่จะตอ้ งประเมินความสาคญั ของ Task หรือ Step of operation ก่อนวา่ เราจาเป็นตอ้ งสอนในทุก 13 ข้นั ตอนน้ีหรือไม่ ดงั น้นั ก่อนท่ีจะตดั สินใจว่า Task ใดบา้ งควรหรือไม่ควรจดั การเรียนการสอน หรือการฝึ กสาหรับงานต่าง ๆ ในหลกั สูตรรายวิชา ก็ควรที่จะได้ทาการประเมิน ความสาคญั ของ Task ใหเ้ ด่นชดั เสียก่อน Slide 19 ฉะน้ันเราต้องมีเกณฑ์ในการประเมินความสาคัญของ Task หรื อ Step of operation ซ่ึงประเด็นท่ีสาคญั ในการพิจารณาตดั สินใจวา่ Task ใดควรจะจดั การเรียนการ สอนหรือฝึกมีหลกั เกณฑด์ งั น้ี 1. ความสาคญั ต่องาน 2. ความถี่ในการใชท้ างาน 3. ความยากในการเรียนการฝึก ตัวอย่าง การประเมินความสาคญั ของ Task X = ระดบั มาก I = ระดบั ปานกลาง O = ระดบั นอ้ ย 3 = ยากมาก = ค่อนขา้ งมาก 1 = ง่าย

Task / Step of operation ความสาคญั ความถี่ ความยาก 1. อา่ นแบบ XX2 2. ตรวจสอบโครงหลงั คา XX2 3. เตรียมกระเบ้ืองลอนคู่ I I2 4. เตรียมครอบสันกระเบ้ืองลอนคู่ I I2 5. เตรียมอปุ กรณ์ยดึ กระเบ้ืองลอนคู่ XX1 6. เตรียมปิ ดนก I X2 7. เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ในการมุง X X 2 กระเบ้ืองลอนคู่ 8. ขนยา้ ยกระเบ้ืองข้ึนบนโครงหลงั คา I I 2 9. มงุ กระเบ้ืองลอนคู่ XX1 10. มงุ ครอบสันกระเบ้ืองลอนคู่ XX1 11. ติดปิ ดนก XX2 12. ตรวจสอบงานมงุ กระเบ้ืองลอนคู่ X X 2 13. ทาความสะอาดพ้ืนที่และเกบ็ เคร่ืองมือ I I 1 อปุ กรณ์ ซ่ึงหลกั ๆ มีอยู่ 3 ช่อง คือ ช่องที่ 1 คือ ระดับความสาคญั ของงาน ว่าในงานน้ีมีความสาคญั มากน้อย เพียงใด ช่องท่ี 2 คือ ความถ่ีในการใชท้ างาน และ ช่องที่ 3 คือ ระดบั ความยากของงานน้นั ๆ ยกตวั อยา่ งใน Task ที่ 1 อ่านแบบ เราก็ดูว่าการอ่านแบบน้นั มีความสาคญั มาก นอ้ ยเพยี งใดในการทางาน ซ่ึงในที่น้ีคือ มีความสาคญั มาก

ต่อมา การอ่านแบบ มีความถี่ในการใชใ้ นการทางานมากนอ้ ยเพียงใด ซ่ึงในท่ีน้ี คือ มีความถ่ีในการใชท้ างานบ่อยมาก เพราะในการทางานน้นั ตอ้ งมีการอ่านแบบใน ทกุ ข้นั ตอน ต่อมา การอ่านแบบ มีความยากมากน้อยเพียงใดในการทางาน ซ่ึงในที่น้ีกาน อ่านแบบก็ไม่ยากเท่าไร ซ่ึงกค็ ือมีความยากในระดบั ปานกลาง ต่อมาตัวอย่างใน Task ท่ี 2 ตรวจสอบโครงหลังคา เราก็ดูว่าต้องทาการ ตรวจสอบทุกคร้ังหรือไม่ มีความสาคญั หรือไม่ ซ่ึงโครงหลงั คาน้นั ถา้ ไม่ได้ทาการ ตรวจสอบ แลว้ ทาการมุงหลงั คาเสร็จแลว้ หลงั คาเราอาจเอียง เบ้ียว ไม่ไดม้ าตรฐาน และความสวยงามได้ ฉะน้นั การตรวจสอบโครงหลงั คาจึงมีความสาคญั มาก ต่อมา การตรวจสอบโครงหลังคา มีความถี่ในการทางานหรือไม่ ซ่ึงก็ควร ตรวจสอบทุกคร้ังในการทางาน จึงมีความถี่ในระดบั มาก ตอ่ มา การตรวจสอบโครงหลงั คา มีความยากในการตรวจสอบหรือไม่ ซ่ึงการ ตรวจสอบโครงหลงั คาก็ไม่ไดย้ ากเทา่ ไร ฉะน้นั กม็ ีความยากอยใู่ นระดบั ปานกลาง เป็น ตน้ Slide 20 หลงั จากท่ีเราไดท้ าการประเมินตามเกณฑข์ า้ งตน้ ไปแลว้ ซ่ึงการการประเมินผล Task จากคะแนนที่ให้ไว้ อาจไม่เป็ นขอ้ สรุปท่ีเด่นชดั แน่นอนเหมือนตวั เลขทางคณิตศาสตร์ แต่ตอ้ งใชเ้ หตุผลหลาย ๆ ทางมาประกอบกนั วา่ Task ใดควรจดั การเรียนการฝึ กหรือไม่น้นั ให้ดทู ่คี วามสาคญั ต่องานเป็ นอนั ดับแรก หลงั จากน้ันจึงมาพิจารณาที่ความยากในการเรียนการฝึ ก และประเมินสุดทา้ ยดูท่ี ความถ่ีในการใช้ Task ในการทางาน

ซ่ึงนี่ก็คือเกณฑก์ ารตดั สินใจเลือก Task เพื่อการเรียนการสอน Slide 21 ตอ่ มาเราจะรู้ไดอ้ ยา่ งไรวา่ เราตอ้ งสอนความรู้อะไรใหก้ บั ผเู้ รียน TASK SKILL KNOWLEDGE ตอ้ งใชก้ ระเบอื้ ง 250 แผ่น ซ่ึง Task หรือ Step of operation น้ัน ในแต่ละ Step น้นั เราตอ้ งใชค้ วามรู้อะไร ใชท้ กั ษะอะไร แต่ในวิชาท่ีเราเลือกมาน้ีเป็นวิชาที่สอนทฤษฎี ซ่ึงไม่ไดส้ อนทกั ษะ ฉะน้นั เราก็ มาดูในส่วนของ Knowledge หรือความรู้ในแต่ละ Step น้นั เราจะสอนความรู้อะไรใหก้ บั ผเู้ รียนบา้ ง และในระดบั ความรู้น้ันก็ยงั มีความลึกซ้ึงหลายระดบั ก็คือ ข้นั แรกในระดับ ความรู้นนั่ ก็คือ ความจา ข้นั ที่ 2 คือความเขา้ ใจ ลึกลงไปอีกก็คือข้นั ท่ี 3 คือการนาไปใช้ เป็ นตน้ ซ่ึงความรู้ในระดบั ปวช. น้นั ก็คงใหเ้ น้ือหาแคร่ ะดบั ความรู้ ความจา ความเขา้ ใจ และการนาไปใช้

Slide 22 ฉะน้นั เรากใ็ หเ้ น้ือหากบั ผเู้ รียนแค่ 3 ระดบั การจาแนกปริมาณและระดับความยากของความรู้ (Knowledge) ความรู้ (Knowledge) ของคนเราสามารถจาแนกปริมาณและความยากง่ายของ สติปัญญาได้ 3 ระดบั 1 การฟื้ นคืนความรู้ (Recalled Knowledge) คือ การลอกเลียนความรู้เก่าหรือความรู้ เดิมท่ีไดศ้ ึกษามาแลว้ ออกมาใชง้ านในลกั ษณะเดิมทกุ อยา่ ง 2 การประยุกต์ความเข้าใจ (Applied Knowledge) คือ การนาเอาความรู้ซ่ึงไดศ้ ึกษา แลว้ มาใชแ้ กป้ ัญหาใหมใ่ นลกั ษณะเดิม ซ่ึงเคยมีประสบการณ์มาแลว้ 3 การส่ งถ่ายความรู้ (Transferred Knowledge) คือ การนาเอาความรู้ซ่ึงได้ศึกษา มาแล้วผนวกกับประสบการณ์เก่าบางอย่างท่ีเกี่ยวข้องมาใช้แก้ปัญหาใหม่ ซ่ึงมี ลกั ษณะแตกตา่ งไปจากส่ิงท่ีเคยมีประสบการณ์มาแลว้ Slide 23 ต่อมาคือดา้ นการใชท้ กั ษะ ซ่ึงหมายถึง การใชก้ ลา้ มเน้ือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทางานประกอบกับเครื่ องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพ่ือให้งานน้ันสาเร็จได้ตาม วตั ถปุ ระสงคท์ ่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งปลอดภยั การจาแนกปริมาณและระดับความยากของทกั ษะ (Skill) ด้านทกั ษะ (Skill) ของคนเราสามารถจาแนกตามระดับความยากง่ายของการ ปฏิบตั ิงานตา่ ง ๆ ไดด้ งั น้ี

1 ข้นั การเลยี นแบบ ข้นั เลยี นแบบ 2 ข้นั ทาได้ด้วยความถูกต้อง คือ การแสดงทักษะได้เหมือนกับ 3 ข้นั ทาด้วยความชานาญ ต้นแบบที่เคยได้ฝึ กหัด ตามที่ผู้สอน แ ส ด ง เ ป็ น ตัว อ ย่า ง ใ ห้ดู ห รื อ ได้มี ประสบการณ์มาแลว้ เท่าน้นั ข้ันทาได้ด้วยความถูกต้อง คือ การแสดงทักษะทาได้เหมือนกับ ตน้ แบบท่ีเคยไดฝ้ ึกหดั โดย ปราศจากการดูต้นแบบ แต่ยงั มีผู้สอน คอยกากบั ดูอยู่ ข้นั ทาด้วยความชานาญ คือ ทาไดถ้ ูกตอ้ ง รวดเร็วอยา่ งแบบผสม กลมกลืนด้วยความต่อเน่ืองอย่างคล่อง แคลว้ ชานาญ โดยไม่ตอ้ งมีตน้ แบบหรือ ผสู้ อนคอยกากบั ดูแล

Slide 24-25 ตอ่ มา ยกตวั อยา่ ง ตารางการวเิ คราะห์รายการความสามารถ วิชาท่ีสอนท้งั ทฤษฎี และปฏิบตั ิดว้ ย เพื่อใหผ้ เู้ รียนเขา้ ในมากข้ึน ประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 3 ส่วน ไดแ้ ก่ 1. รายการความสามารถ หรือลาดบั ข้นั การปฏิบตั ิงาน (Task or Step of Operation) 2. ความรู้ (Knowledge) 3. ทกั ษะ (Skill) Task / Step of operation Knowledge Skill 1. อ่านแบบงานมงุ หลงั คาโครง 1.1 รายการประกอบแบบ 1.1 อ่านแบบการมุงหลงั คาโครง เหลก็ ทรงจว่ั ดว้ ยกระเบ้ืองลอนคู่ 1.2 แบบแปลนโครงหลงั คา เหล็กทรงจว่ั ดว้ ยกระเบ้ืองลอนคู่ ยดึ ดว้ ยขอ ป.ปลา 1.3 รูปตดั โครงหลงั คา ได้ 1.4 รูปขยายโครงหลงั คา 1.5 ขอ้ ควรระวงั 2. ตรวจสอบโครงหลงั คาเหลก็ 2.1 เครื่องมือและอปุ กรณ์ 2.1 ตรวจสอบโครงหลงั คาเหลก็ ทรงจวั่ ได้ ทรงจวั่ ดว้ ยกระเบ้ืองลอนคู่ยดึ ตรวจสอบโครงหลงั คา ดว้ ยขอ ป.ปลา 2.2 ตรวจสอบฉากโครงหลงั คา 2.3 ตรวจสอบระยะของแป 2.4 ตรวจสอบระดบั ของแป 2.5 ปรับแกโ้ ครงหลงั คา 2.6 ขอ้ ควรระวงั

Slide 26 เม่ือเราไดห้ วั ขอ้ ท่ีจะสอนในดา้ นความรู้ (Knowledge) แลว้ เราก็นาหวั ขอ้ น้นั มา กาหนดระดับความลึกซึ้งของความรู้และทักษะ ว่าในแต่ละหัวขอ้ น้นั มีความ ลึกซ้ึงอยใู่ นระดบั ไหน เราตอ้ งทาการวิเคราะห์วา่ ขอ้ ไหนเป็นความจา ขอ้ ไหนเป็นความเขา้ ใจ และขอ้ ไหนเป็ นการส่งถ่ายความรู้ ซ่ึงส่วนใหญ่สาหรับการเรียนของ ปวช. ก็จะอยู่แค่รับ ความจาและความเขา้ ใจ ซ่ึงตามตวั อยา่ งตารางการวิเคราะห์งานในแต่ละขอ้ น้นั จะใส่ระดบั ความลึกซ้ึง ของความรู้แคร่ ะดบั ความจา ฉะน้นั เราตอ้ งทาการวิเคราะห์วา่ ในแต่ละขอ้ น้นั ควรมีความลึกซ้ึงของความรู้อยู่ ในระดบั ใด ซ่ึงจะมีผลต่อการออกแบบทดความความรู้ใหก้ บั ผเู้ รียน R = การฟื้ นความรู้ I = เลยี นแบบ A = การประยุกต์เข้าใจ C = ทาด้วยความถกู ต้อง T = การส่ังด้วยความรู้ A = ทาด้วยความชานาญ

Slide 27 หลงั จากเราไดท้ าการวิเคราะห์และกาหนดระดบั ความลึกซ้ึงของความรู้และ ทกั ษะแลว้ จากน้นั ก็นามากาหนดเป็ นวตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรมในการสอนให้กบั ผเู้ รียนตอ่ ไป ซ่ึงเมื่อเราไดว้ ตั ถุประสงคแ์ ลว้ และวตั ถุประสงคน์ ้ีจะเป็นตวั กาหนดเน้ือหา ให้ เราสร้างเน้ือหาใหค้ รอบคลมุ ครบถว้ นตามวตั ถปุ ระสงคท์ ี่มี และวตั ถุประสงคน์ ้ีจะเป็นตวั กาหนดวิธีการสอน เช่น และเน้ือหาส่วนน้ีมีระดบั ความลึกซ้ึงในดบั ใด เช่น ระดบั ความจา เราก็ตอ้ งใชว้ ิธีการสอนแบบบรรยาย เน้ือหา ส่วนน้ีมีระดบั ความลึกซ้ึงในดบั ความเขา้ ใจ เราก็ตอ้ งใชว้ ิธีการสอนแบบถามตอบ เป็น ตน้ และเม่ือทราบวธิ ีการสอนแลว้ ว่าเราจะใชว้ ธิ ีการสอนแบบใด เราก็ตอ้ งสร้างส่ือ ซ่ึงเป็นเครื่องมือใหม้ ีความสอดคลอ้ งกบั เน้ือหาและวิธีการสอนที่กาหนดไว้ และหลงั จากท่ีเราสอนเสร็จแลว้ เราก็ตอ้ งอยากรู้ว่าผูเ้ รียนน้นั ไดร้ ับความรู้ไป มากนอ้ ยแค่ไหน เราก็ตอ้ งมีแบบทดสอบหรือเคร่ืองมือในการวดั ความรู้ของผูเ้ รียน ซ่ึง ในการวดั ความรู้ผเู้ รียนน้นั ก็เพื่อจะไดท้ ราบถึงขอ้ ผิดพลาด และทราบวา่ ผเู้ รียนน้นั ผา่ น เกณฑท์ ี่เราไดก้ าหนดไวห้ รือไม่ ซ่ึงท้งั หมดที่เราไดท้ าการวิเคราะห์มาน้นั ก็จะไดน้ ามาทาการวางแผนการสอนทฤษฎี ต่อไป

วตั ถุประสงคก์ ารสอน วตั ถุประสงคก์ ารสอน (ทฤษฎี) (ปฏิบตั ิ) ใบเนอื้ หา Operation วธิ ีการสอน Sheet ใบทดสอบ สอ่ื วิธีการสอน สื่อ Job Sheet Evaluation Sheet การวางแผนการสอนทฤษฎี การวางแผนสอนปฏิบัติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook