Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บท-บรรยาย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม

บท-บรรยาย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม

Published by s6102032910029, 2021-08-14 19:11:01

Description: บท-บรรยาย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม

Search

Read the Text Version

บท-บรรยาย Slide 1 Motivation Slide 2 วนั น้ีเราจะมาเรียนเรื่อง การเขียนวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมกนั หลงั จากที่เรา ไดว้ ิเคราะห์เน้ือหามาแลว้ เราก็จะไดข้ ้นั ตอนตา่ งๆ มา เราจะยกตวั อยา่ ง 1 ข้นั ตอน ข้นั ตอนมุงกระเบ้ืองลอนคู่ ในข้นั ตอนน้ีเราไดว้ ิเคราะห์ออกมาแลว้ ว่าตอ้ งใช้ ความรู้อะไร ส่วนดา้ นทกั ษะเรายงั ไม่ตอ้ งสนใจ เพราะว่าตอนน้ีเราสอนวิชาทฤษฎี ซ่ึง ก็คือเราตอ้ งสอนความรู้ใหแ้ ก่ผเู้ รียน ในข้นั ตอนท่ี 9 มงุ กระเบ้ืองลอนคู่ เราไดว้ เิ คราะห์ ออกมาแลว้ ว่าได้ 9 หัวขอ้ แลว้ เราก็วิเคราะห์ระดับความลึกซ้ึงของเน้ือหาว่าอยู่ใน ระดบั ใด เช่น อยใู่ นระดบั ความจา ความเขา้ ใจ หรือการส่งถ่าย ซ่ึงในแต่ละหัวขอ้ น้นั ก็ มีระดบั ความลึกซ้ึงของเน้ือหาที่แตกตา่ งกนั

Slide 3 ต่อมาก็จะมาเขียนวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมดา้ นทฤษฎี ซ่ึงวตั ถุประสงคเ์ ชิง พฤติกรรมน้นั กจ็ ะเป็นตวั กาหนดดา้ นเน้ือหา ท่ีเราจะตอ้ งสร้างใหก้ บั ผเู้ รียน ดา้ นวิธีการ สอนว่าจะเลือกใชว้ ิธีการสอนแบบใด เช่น สอนบรรยาย ถามตอบ ส่วนดา้ นส่ือน้นั ก็ จะตอ้ งเลือกใชใ้ ห้มีความสอดคลอ้ งกบั เน้ือหาและวิธีการสอน และเมื่อสอนเสร็จแลว้ เราก็ตอ้ งการทราบวา่ ผเู้ รียนน้นั มีความรู้มากนอ้ ยเพียงใด เราก็ตอ้ งมีใบทดสอบเพื่อวดั ผเู้ รียน ซ่ึงใบทดสอบน้นั ก็ตอ้ งมีความสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรมที่เราได้ กาหนดไว้ ซ่ึงท้งั หมดท่ีกลา่ วมาน้นั ก็จะไดน้ าไปวางแผนการสอนทฤษฎีตอ่ ไป Slide 4 และจึงตอ้ งมีเหตผุ ลและความจาเป็นที่ตอ้ งมีวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมจากท่ี กล่าวมาขา้ งตน้ Slide 5 ซ่ึงวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมน้นั ก็จะเป็นตวั กาหนดดา้ นเน้ือหา ดา้ นวิธีการ สอน ดา้ นการใชส้ ่ือ และ ดา้ นการวดั และประเมินผล ซ่ึงท้งั 4 ดา้ นน้ีกจ็ ะตอ้ งมีความ สอดคลอ้ งหรือยดึ วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรมเป็นหลกั

Slide 6 วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1.เป็นตวั บ่งบอกถึงขอบเขตและความละเอียดลึกซ้ึงของเน้ือหาท่ีจะใหแ้ ก่ ผเู้ รียน 2. เป็นแนวทางใหค้ รูพจิ ารณาเลือกวธิ ีสอน การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนให้ เหมาะสม 3. เป็นแนวทางในการพจิ ารณาจดั เตรียมสื่อท่ีจะใชใ้ นการเรียนการสอน 4. เป็ นแนวทางในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของผูเ้ รียนว่าบรรลุผลตาม วตั ถุประสงค์ ซ่ึงท้ังหมดท่ีกล่าวมาข้างต้นน้ันก็คือเหตุผลและความจาเป็ นที่ต้องมี วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม Slide 7 ก่อนท่ีเราจะเขียนวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมไดน้ ้นั ตอ้ งทราบความหมายก่อน วา่ วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรมน้นั คืออะไร วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม หมายถึง ขอ้ ความซ่ึงบง่ บอกถึงพฤติกรรมที่ตอ้ งการ ให้ผูเ้ รียนแสดงออกหลงั จากไดผ้ ่านการเรียนรู้มาแลว้ ว่าผูเ้ รียนจะตอ้ งทาอะไรไดบ้ า้ ง โดยพฤติกรรมท่ีแสดงออกน้นั ตอ้ งสามารถสงั เกตและวดั ผลได้ แลว้ จะรู้ไดไ้ งว่าหลงั เสร็จจากการเรียนการสอนแลว้ ผูเ้ รียนมีความรู้หรือเปล่า เราก็ตอ้ งให้ผูเ้ รียนแสดงออกมา เช่น ด้านความรู้ ให้ผูเ้ รียนบอก อธิบาย หรือเขียน ออกมา ด้านทกั ษะ ก็ให้ผูเ้ รียนปฏิบตั ิให้ดู เราจึงจะตดั สินได้ว่าผูเ้ รียนน้ันมีความรู้ หรือไม่โดยเทียบกบั เกณฑม์ าตรฐานวา่ เทา่ ไรจึงจะผา่ นเกณฑท์ ี่กาหนดไว้

Slide 8 แต่ก่อนท่ีเราจะเขียนวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมไดน้ ้นั ก็ตอ้ งรู้ว่า องค์ประกอบ ของวตั ถุประสงค์เชิงพฤตกิ รรม น้นั จะตอ้ งประกอบไปดว้ ยอะไรบา้ ง 1.พฤติกรรมท่ีคาดหวงั (Terminal Behavior) คือ หลงั จากเรียนจบบทเรียนแลว้ เราคาดหวงั วา่ ผเู้ รียนจะตอ้ งมีความรู้อะไร และทาอะไรไดบ้ า้ ง 2. สถานการณ์หรือเงื่อนไข (Conditioner) 3. เกณฑ์ (Criteria or Standard) คือ เกณฑ์ข้นั ต่าของความรู้ว่าเท่าไรจึงจะผ่าน เกณฑ์ Slide 9 ทีน้ีมาทาความเขา้ ใจกบั องค์ประกอบของวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมในแต่ละ ขอ้ กนั 1. พฤตกิ รรมทีค่ าดหวงั ( Expected Behavior) คือ พฤติกรรมที่คาดหวงั วา่ เม่ือ สิ้นสุดการเรียนการสอนแลว้ ผเู้ รียนจะตอ้ งทาอะไรไดบ้ า้ ง โดยสามารถสังเกตและ วดั ผลได้ ซ่ึง คากริยาทใี่ ช้ต้องบ่งบอกถงึ การกระทา (Action verb) เช่น บอก อธิบาย จาแนก สร้าง คานวณ แกไ้ ข เป็นตน้ ซ่ึงคากริยาที่ใชน้ ้ีสามารถบอกถงึ การกระทาของ ผเู้ รียนท่ีสงั เกตและวดั ได้ และในคากริยาน้ียงั สามารถแยกไดอ้ ีกวา่ อยใู่ นส่วนของ ทฤษฎี ทกั ษะ หรือเจตคติ เป็นตน้

Slide 10 2. เงื่อนไขท่ีทาให้เกิดพฤติกรรมน้ัน (Situation of condition) คือ ขอ้ ความบ่ง บอกถึงสิ่งแวดลอ้ มสถานการณ์ หรือเงื่อนไขท่ีจะให้ผเู้ รียนแสดงพฤติกรรมท่ีคาดหวงั ออกมา เช่น วิธีการยึดกระเบ้ืองลอนคู่ ซ่ึงมนั ก็มีหลายแบบ เช่น ใชต้ ะปูเกลียว ใชข้ อ ปอปลา หรือใช้ขอเกี่ยว ท้งั น้ีเพื่อความชดั เจนของเง่ือนไขน้นั เราตอ้ งระบุให้ชดั เจน เช่น งานมุงหลงั คาโครงเหลก็ ทรงจั่วด้วยกระเบื้องลอนคู่ยดึ ด้วยขอ ป.ปลา เป็นตน้ Slide 11 3. มาตรฐานของสมรรถนะที่ต้องการ (Criteria or Standard) คือ ขอ้ ความบ่งบอก ถึงเกณฑ์ข้นั ต่าของผูเ้ รียนว่า จะตอ้ งทาไดเ้ พียงใดจึงจะเป็ นท่ียอมรับว่าผูเ้ รียนบรรลุ วตั ถุประสงคแ์ ลว้ เช่น มุงหลังคาโครงเหล็กทรงจ่ัวด้วยกระเบื้องลอนคู่ยึดด้วยขอ ป. ปลาได้อย่างถูกต้อง เพราะถา้ เรามุงหลงั คาไม่ถูกตอ้ งน้นั ก็จะเกิดปัญหาตามมา เช่น หลงั คาพงั เป็ นตน้ ฉะน้นั เราตอ้ งกาหนดมาตรฐานของสมรรถนะท่ีตอ้ งการเอาไวว้ ่า ทาได้อย่างถูกต้อง ถา้ ยงั ไม่ถกู ตอ้ งกย็ งั ไมผ่ า่ นเกณฑม์ าตารฐานที่ไดก้ าหนดไว้

Slide 12 การต้งั เกณฑจ์ ะตอ้ งคานึงถงึ องคป์ ระกอบดงั น้ี 1. ความสาคญั ของวตั ถุประสงค์ ตอ้ งดูวา่ งานที่เราทาน้นั มีความสาคญั มากนอ้ ย แค่ไหน ส่งผลต่อชีวิตและทรัพยส์ ินของตนเองและผูอ้ ่ืนหรือไม่ เช่น มุงหลังคาโครง เหล็กทรงจั่วด้วยกระเบื้องลอนคู่ยึดด้วยขอ ป.ปลา ถา้ เรามุงหลงั คาไม่ถูกตอ้ งน้นั ก็จะ เกิดปัญหาตามมา เช่น หลงั คาพงั ส่งผลต่อชีวิตและทรัพยส์ ินได้ ฉะน้นั เราตอ้ งกาหนด มาตรฐานของสมรรถนะที่ตอ้ งการเอาไวว้ า่ ทาได้อย่างถูกต้อง 100% เท่าน้นั ถา้ เน้ือหา ประเภทใชค้ วามจาอาจใชเ้ กณฑแ์ ค่ 80% หรือ 8/10 ขอ้ กไ็ ด้ 2. ความยากง่ายของวตั ถุประสงค์ ตอ้ งดูความยากง่ายดว้ ยว่างานน้นั ง่ายหรือ ยาก ถา้ มีความยากและเป็ นเน้ือหาประเภทใชค้ วามจาและความเขา้ ใจ ก็ใช้เกณฑ์แค่ 70% หรือ 7/10 ขอ้ กไ็ ด้ ท้งั น้ีแลว้ แต่ผสู้ อนกาหนด แตถ่ า้ มีความง่ายกอ็ าจใชเ้ กณฑ์ 90% หรือ 9/10 ขอ้ Slide 13 ยกตวั อยา่ ง เช่น ตัดกระเบือ้ งลอนคู่ ด้วยไฟเบอร์มือถือ ซ่ึงเราจะสงั เกตวา่ การมุง หลงั คาดว้ ยกระเบ้ืองลอนคู่น้ันเวลาซ้อนทบั กันของกระเบ้ืองจะเกิดความหนาถึง 4 แผน่ ฉะน้นั จึงจาเป็นตอ้ งตดั มมุ กระเบ้ืองออก แตถ่ า้ ตดั ผดิ ระยะ ส้นั ไปหรือยาวไป เมื่อ นากระเบ้ืองแต่ละแผน่ มาประกบกนั จะไมส่ นิท ทาใหน้ ้าเกิดการรั่วซึมได้ ฉะน้นั ผเู้ รียน ตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจอยา่ งถูกตอ้ ง 100%

Slide 14 ตัวอย่าง การเขียนวตั ถปุ ระสงค์เชิงพฤตกิ รรม (ทฤษฎี ) อธิบายวธิ ีการตดั มมุ กระเบ้ืองลอนคู่งานมงุ หลงั คาทรงจว่ั ดว้ ยเคร่ืองตดั ไฟเบอร์มือ ถือไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง เรามาดูวา่ ส่วนไหนคือ พฤติกรรมที่คาดหวงั ส่วนไหนคือเง่ือนไข ส่วนไหนคือ เกณฑม์ าตรฐาน พฤติกรรมท่ีคาดหวงั หลงั จากเรียนจบบทเรียนแลว้ ผเู้ รียนสามารถ อธิบายวธิ ีการตัดมุมกระเบือ้ ง ลอนคู่งานมงุ หลงั คาทรงจ่วั นี่คือสิ่งท่ีเราคาดหวงั ไว้ และเราจะตดั มุมกระเบ้ืองลอนคู่ งานมงุ หลงั คาทรงจว่ั ดว้ ยอะไร ใชอ้ ะไรตดั ฉะน้นั เราก็ตอ้ งบอกเง่ือนไขที่ใชก้ นั เง่ือนไข โดยใช้ เคร่ืองตดั ไฟเบอร์มือถือ มาตรฐาน มาตอ้ งบอกมาตรฐานของความรู้ดว้ ยวา่ วตั ถปุ ระสงคน์ ้ีตอ้ งทาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 100% ซ่ึงท้งั 3 องคป์ ระกอบของวตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรมดา้ นทฤษฎี ขอ้ น้ี คือ อธิบายวธิ ีการตัดมุมกระเบื้องลอนคู่งานมงุ หลงั คาทรงจ่ัวด้วยเครื่องตัดไฟเบอร์ มือถือได้อย่างถูกต้อง

Slide 15 ตวั อย่าง การเขยี นวตั ถุประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ( ปฏิบัติ ) ตัดมุมกระเบ้ืองลอนคู่งานมุงหลงั คาทรงจวั่ 1แผ่นดว้ ยเคร่ืองตดั ไฟเบอร์มือถือ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งภายใน 1 นาที TERMINAL CONDITION STANDARD BEHAVIOR ดว้ ยเครื่องตดั ไฟ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ตั ด มุ ม ก ร ะ เ บ้ื อ ง เบอร์มือถือ ภายใน 1 นาที ลอนคู่งานมุงหลงั คาทรง จว่ั 1 แผน่ ซ่ึงจะมีความแตกต่างกนั ในดา้ นทฤษฎีจะใชค้ าวา่ อธิบาย ส่วนดา้ นทกั ษะหรือ ปฏิบตั ิ จะเป็นการลงมือปฏิบตั ิ กค็ ือใชค้ าวา่ ตดั นน่ั เอง หลงั จากเรียนจบบทเรียนแลว้ ผูเ้ รียนสามารถ ตัดมุมกระเบ้ืองลอนคู่งานมุง หลงั คาทรงจวั่ 1แผน่ ดว้ ยเครื่องตดั ไฟเบอร์มือถือไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งภายใน 1 นาที ซ่ึงขอ้ สังเกตในดา้ นทกั ษะหรือปฏิบตั ิน้นั จะมีการคาดหวงั เพ่ิมข้ึน คือ ตดั มุม กระเบ้ืองลอนคู่งานมุงหลงั คาทรงจวั่ 1 แผ่น และเกณฑ์มาตรฐานเพิ่มมา คือ มีเวลา กาหนดภายใน 1 นาที เพราะทกั ษะของแต่ละคนน้นั แตกต่างกนั บางคนตดั กระเบ้ือง 1 แผ่น ใช้เวลา 1 นาที บางคนใช้เวลา 2 นาทีเป็ นตน้ ฉะน้ันจึงตอ้ งมีเกณฑ์มาตรฐาน ข้ึนมากาหนดไว้ ใครทาไดใ้ นเวลาที่กาหนดก็มีทกั ษะมากกว่าคนที่ใชเ้ วลาเกินเวลาที่ กาหนดไว้

Slide 16 ตอ่ มามาดูวา่ ในการเขียนวตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรมน้นั จะตอ้ งคานึงถึง อะไรบา้ ง ข้อควรคานึงถึงในการเขยี นวตั ถปุ ระสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. ข้ึนตน้ ดว้ ยคากริยาท่ีสามารถสงั เกตและวดั ผลได้ 2. ประกอบดว้ ยพฤติกรรมที่คาดหวงั เง่ือนไขท่ีทาใหเ้ กิดพฤติกรรม และ มาตรฐานของสมรรถนะท่ีตอ้ งการ 3. เป็นประโยคบอกเล่า Slide 17 ลกั ษณะของวตั ถปุ ระสงค์เชิงพฤตกิ รรมทีด่ ี 1. เขียนวตั ถปุ ระสงคใ์ หส้ มบรู ณ์ ครบ 3 ส่วน โดยระบพุ ฤติกรรมที่คาดหวงั เงื่อนไขและมาตรฐานที่ตอ้ งการใหช้ ดั เจน 2. เขียนวตั ถปุ ระสงคแ์ ต่ละขอ้ ใหม้ ีเพียงพฤติกรรมเดียว 3. เรียงลาดบั วตั ถปุ ระสงคก์ ่อนหลงั ใหเ้ หมาะสม Slide 18 ต่อมาคือ คากริยาทเี่ หมาะจะนามาใช้ในการเขียนวตั ถุประสงค์เชิงพฤตกิ รรม

Slide 19 ซ่ึงเราทราบดีแลว้ วา่ ความรู้น้นั มีอยู่ 3 ดา้ น เรามาดูดา้ นความรู้ พทุ ธิพสิ ยั ซ่ึงในดา้ นความรู้หรือทฤษฎีน้นั ก็จะมีระดบั ความลึกซ้ึงต่างกนั ดงั น้ี พทุ ธิพสิ ยั (Cognitive domain) - การฟ้ืนคืนความรู้ - การประยกุ ตค์ วามรู้ - การส่งถา่ ยความรู้ ส่วนดา้ นทกั ษะจะมีระดบั ความลึกซ้ึงต่างกนั ดงั น้ี ทกั ษะพสิ ัย (Psychomotor domain) - ข้นั การเลียนแบบ - ข้นั ทาดว้ ยความถูกตอ้ ง - ข้นั ชานาญ ส่วนดา้ นเจตคติจะมีระดบั ความลึกซ้ึงต่างกนั ดงั น้ี จิตพสิ ยั (Affective domain) - การยอมรับ - การตอบสนอง - ลกั ษณะนิสัย เช่นตอ้ งยอมรับว่ามาสายเป็ นสิ่งไม่ดี โดยตอ้ งตอบสนองโดยการต่ืนเชา้ ซ่ึงทา บ่อยๆ ก็จะกลายเป็นนิสยั ที่ตรงต่อเวลา ไม่ว่าจะเป็ นความรู้ในดา้ นพุทธิพิสัย ดา้ นทกั ษะ หรือดา้ นเจตคติ ก็จะมีระดบั ความลึกซ้ึงของการฝึกท้งั สิ้น

Slide 20 ต่อมาคือการจาแนกวตั ถุประสงคด์ า้ นต่างๆ ซ่ึงสรุปของสไลดท์ ี่ผา่ นมาเป็นโฟร์ ชาร์ต Slide 21 คากริยาท่ีควรนามาใชใ้ นดา้ นพุทธิพิสยั Slide 22 คากริยาที่ควรนามาใชใ้ นระดา้ นทกั ษะพิสัย Slide 23 คากริยาที่ควรนามาใชใ้ นระดา้ นจิตพิสยั Slide 24 คากริยา ท่ี ไม่ควรนามาใชใ้ นการเขียนวตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook