Education innovation

EDUCATION INNOVATION นวัตกรรมทางการศึกษา เรียบเรยี งโดย ลลิตา เลยี่ มประวัติ รหัสนสิ ติ 62206242 เอกหลักสตู รและการสอน วทิ ยาลัยการศึกษา จังหวดั พะเยา

คำนำ ในโลกทกี่ ำลงั เปล่ียนแปลงไป สิ่งที่จำเปน็ อย่างมากคอื การปรบั ตวั โดยเฉพาะ ในยคุ ท่ีเทคโนโลยีเขา้ มามบี ทบาทสำคญั เป็นอยา่ งมากในทกุ มติ ิของชวี ติ การเปิดใจรับ การเปลยี่ นแปลงเพ่ือให้กา้ วทนั เทคโนโลยนี น้ั จึงเป็นเรอ่ื งสำคัญในทกุ วงการ รวมถึง วงการการศกึ ษา การเปล่ียนแปลงทางวงการการศึกษาในปจั จบุ นั เร่ิมจากการเปล่ยี นวิธีการ สอน จากทเ่ี นน้ ความร้เู ป็นอย่างเดยี ว เปน็ ใหน้ กั เรยี นไดเ้ รียนรู้ชวี ิต จรยิ ธรรม และมิติ ด้านอื่นๆ ไปพรอ้ มกนั ด้วย จึงกลา่ วได้ว่านวตั กรรมการศึกษา จงึ เป็นหนทางในการ ยกระดับการศึกษา ดว้ ยการพฒั นาเครือ่ งมือ แนวคดิ วิธกี ารใหม่ๆ ทำใหก้ ารเรียนการ สอนมปี ระสิทธผิ ลมากกว่าเดมิ รวมถึงการพฒั นาบคุ ลากรและระบบ ทง้ั นักเรยี น ครู โรงเรียนไปพรอ้ มกัน เพือ่ เป็นการเตรยี มพรอ้ มในการสร้างทรัพยากรมนุษย์และสงั คม ที่เขม้ แข็งตอ่ ไป ลลิตา เลย่ี มประวัติ (62206242)

สารบญั 1 1 นวัตกรรมการศึกษาคอื อะไร 2 ประเภทของนวตั กรรมการศึกษา 2 การพฒั นาและการนำนวัตกรรมไปใช้ 4 การยอมรบั นวัตกรรม 5 ข้ันตอนการพัฒนานวัตกรรม 6 การเขียนรายงานการพฒั นานวัตกรรม บรรณานุกรม

นวตั กรรมการศกึ ษาคืออะไร นวตั กรรม แปลว่า การทดลองใชส้ งิ่ ใหมๆ่ เพือ่ ให้เกิดประโยชน์ หรือสามารถแกป้ ญั หาที่มอี ยู่ นวตั กรรมการศกึ ษา คอื การทดลองใชส้ ิ่งใหม่ๆ เพอ่ื ให้เกิดประโยชน์ทางการเรยี นการสอน ประเภทของนวัตกรรมการศกึ ษา นวัตกรรมการศกึ ษา แบ่งเป็น 5 ด้าน ตามประเภทของปัญหาทพ่ี บเกีย่ วกบั การเรียนการสอน ซึ่งนวตั กรรมจะแตกตา่ งกนั ไปข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมของบรบิ ทแตล่ ะโรงเรยี น โดยนวตั กรรมในสถานทหี่ นึ่ง อาจจะไมใ่ ชน่ วัตกรรมทเ่ี หมาะสมกับอกี สถานทีก่ ไ็ ด้ ส่ือการสอน เช่น หนงั สอื เกม เพลง ส่อื ผสม แบบฝึกหดั วธิ ีการจดั การเรยี นการสอน เช่น การสอนแบบบูรณาการ การทาโครงงาน การทดลอง หลกั สูตร เช่น หลกั สูตรทอ้ งถน่ิ หลกั สูตรสาระเพม่ิ เติม หลกั สูตรอบรมบุคลากร การวดั และประเมินผล เช่น การสรา้ งแบบวดั การสรา้ งเคร่อื งมอื การใชโ้ ปรแกรม การบริหารจดั การ เช่น การบรหิ ารเชงิ ภาคีเครอื ข่าย การบรหิ ารเชงิ วจิ ยั ปฏบิ ตั ิการ นวตั กรรม ไมใ่ ชเ่ พยี งการคิดค้นสรา้ งสรรคส์ ่ิงใหม่ 100% เท่านน้ั แต่รวมถงึ การตอ่ ยอดพฒั นาจากสง่ิ ท่ีมีอยู่เดมิ ให้ดขี ้ึนและมปี ระสทิ ธภิ าพมากยิง่ ข้ึน

การพัฒนาและการนำนวตั กรรมไปใช้ การพฒั นาและนำนวัตกรรมไปใช้ มี”ระยะ” ของการสรา้ งนวัตกรรมอย่างเปน็ ขน้ั ตอน โดย แบ่งเป็น 2 ระยะ ได่แก่ 1. ระยะพฒั นาการ เร่มิ จากการศกึ ษาปัญหา การศกึ ษาวธิ ีแกไ้ ขปญั หา เรียนรแู้ ละทำความ เข้าใจทดลองนวัตกรรมนั้นและปรับแกจ้ นกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สามารถใช้การได้ 2. ระยะการยอมรบั นวัตกรรม เมอ่ื มกี ารนำนวัตกรรมไปใช้แลว้ จะต้องมีการกระจายขอ้ มลู ใหค้ นสว่ นใหญร่ ับทราบถึงประโยชน์ หรอื ขอ้ ดี การยอมรับนวตั กรรม การยอมรบั นวัตกรรมน้นั จำเปน็ ตอ้ งใช้เวลาเพอ่ื พสิ จู น์ว่าประสิทธภิ าพมากขึ้นจริง จึงจะ นำไปสกู่ ารใชง้ านอยา่ งแพร่หลาย ซ่งึ บคุ คลแตล่ ะบคุ คลอาจจะมรี ะดบั ของความพรอ้ มในการเตรียม ตวั รับความเปล่ียนแปลงแตกต่างกนั ไป เนอื่ งจากสังคมจะเกดิ การลองใชน้ วตั กรรมก็ตอ่ เมื่อไดเ้ หน็ ประโยชนห์ รอื ข้อดีของนวัตกรรมนัน้ อยา่ งชัดเจน ซ่ึงระดับการยอมรบั นวตั กรรมของบคุ คลสามารถ แบง่ ได้เปน็ 5 ประเภทดงั นี้ Innovation Early Early Late Laggard Adopter Majority Majority

Innovator ยอมรบั ปญั หาทีอ่ าจเกดิ ข้นึ ในระยะพัฒนาได้ กระตือร้นอยากใช้ Early Adopter นวัตกรรมใหม่ๆ ชอบการเปลี่ยนแปลง Early Majority ตระหนักถึงความจำเปน็ ของการเปล่ียนแปลง จะรสู้ ึกอยาก เปลี่ยนแปลงข้ึนมาเองเมอ่ื เหน็ ผู้อนื่ เรมิ่ เปลีย่ น Late Majority อยากเปล่ียนแปลง อยากลองแตย่ งั ระมัดระวังและคิดมากกอ่ น ลองใช้นวตั กรรม มักรวบรวมความคิดเหน็ จากผูใ้ ช้งานอน่ื กอ่ นแล้ว Laggard จึงตดั สนิ ใจ เป็นคนกลุ่มใหญ่ในสังคมทีต่ นื่ ตวั เรอื่ งการเปลย่ี นแปลงน้อยท่สี ดุ ต้องใหเ้ กิดความกดดันอย่างยิ่งยวดจากสังคมก่อน เปล่ยี นแปลง เพราะกลวั การตกยุคมากกว่าเพราะเห็นประโยชนข์ องนวัตกรรม ผลู้ า้ หลัง ใช้สง่ิ เก่าๆ เดมิ ๆ จนเคยชนิ ไมช่ อบการเรียนร้สู ิง่ ใหมๆ่ ไม่เชือ่ วา่ นวตั กรรมจะนำมาซึ่งสิ่งท่ดี ีกวา่ และต่อต้านในการ เปล่ียนแปลง ดงั น้นั การศึกษาธรรมชาติของผู้คนในสงั คมประเภทตา่ งๆ ข้างต้น จะทำใหส้ ามารถประยกุ ต์ การใช้วิธีการทางจติ วทิ ยาทแ่ี ตกต่างกันเพื่อทำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงในการใชน้ วัตกรรมใหม่ๆ และ นำมาซ่งึ การยอมรบั นวัตกรรม โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงนวตั กรรมการศกึ ษา ซง่ึ หากใช้กนั อยา่ งแพรห่ ลาย ปรบั เปลย่ี นรูปแบบให้ทนั สมยั จะสามารถทำให้พัฒนาศกั ยภาพของนกั เรียนไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ มากย่งิ ข้นึ

ข้นั ตอนการพฒั นานวตั กรรม ขัน้ ตอนการวิจัยเชิงการพัฒนา (Research and Development) โดยท่ัวไปมักกำหนดเปน็ 3 ขน้ั ตอนดงั น้ี ข้นั ท่ี1 การสรา้ งและหาประสิทธภิ าพ 1. ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วข้อง 2. ยกรา่ งนวตั กรรม (ส่อื วิธกี ารสอน หลกั สูตร การวัดและการประเมินและกระบวนการบรหิ าร) 3. เสนอผู้เช่ยี วชาญ 4. ทดลองใชก้ ับกลุ่มตัวอยา่ ง/เป้าหมาย 1, 2,....... 5. (อาจจะหาประสิทธภิ าพ E1/E2) ข้นั ท่ี2 ศกึ ษาผลการนำนวัตกรรมไปใช้ 1. นำไปใชก้ ับกลมุ่ ตวั อยา่ ง/กลุ่มเป้าหมาย 2. ทำการทดสอบผลและประเมนิ ผลการใช้ ทำได้หลายวธิ ี เช่น - เปรยี บเทียบกอ่ นใชแ้ ละหลังใช้ ( ใช้t-test แบบ t-pair) - เปรยี บเทยี บกับเกณฑ์ทกี่ ำหนด ( ใช้t-test แบบ one-sample) ขน้ั ที่ 3 ประเมนิ ผล ใช้แบบวดั ความพึงพอใจ แบบวดั ทศั นคติแบบวัดความคดิ เห็น หรือใช้รปู แบบประเมินใดก็ได้ เพอ่ื การ ประเมินผลการใช้นวัตกรรมนน้ั การพฒั นานวตั กรรมเรม่ิ ตน้ ดว้ ยการสร้าง การพัฒนา การยกร่างนวตั กรรมขน้ึ มาใหม่ หรอื การ พฒั นานวตั กรรมท่ีมอี ยู่แลว้ ให้ดขี น้ึ จากน้ันขน้ั ตอนการนำนวตั กรรมไปใช้กบั กลุ่มเป้าหมาย เพ่ือ รบั รองผลว่ามผี ลการใช้อยใู่ นระดับดี โดยยนื ยนั จากผลการทดสอบ และในขนั้ ตอนสุดท้ายคือ การ ประเมินผลการใช้นวัตกรรม การสอบถามความคดิ เหน็ หรอื ความพงึ พอใจที่มีตอ่ นวัตกรรมนนั้ ๆ ว่าได้ ประสิทธภิ าพท่ีนา่ พงึ พอใจ โดยยืนยนั จากเครอื่ งมือการวัดและประเมนิ ผลนวตั กรรมน้นั

การเขยี นรายงานการพฒั นานวัตกรรม การเขียนรายงานนวัตกรรม มสี ว่ นสำคญั 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนนำ เนอ้ื หา ส่วนอา้ งองิ ดังน้ี สว่ นนา ชอ่ื เรื่อง บทคัดย่อ กติ ตกิ รรมประกาศ สารบญั เนื้อหา บทนา เอกสารอ้างอิง วธิ ดี าเนินการ ผลการวเิ คราะห์ อภิปรายข้อสรุป สว่ นอ้างองิ บรรณานุกรม อธบิ ายเชงิ อรรถ ภาคผนวก ประวตั ิผ้แู ต่ง