Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภูมิปัญญาเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาสู่การสร้างอาชีพบ้านด่านชัย

ภูมิปัญญาเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาสู่การสร้างอาชีพบ้านด่านชัย

Published by suchada, 2018-07-23 22:31:27

Description: บทความนี้เป็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับภูมิปัญญาเครื่องปั้นดินเผาสู่การสร้างอาชีพของชาวบ้านบ้านด่านชัย มีจุดประสงค์ในการเผยแพร่ข้อมูลให้ผู้ที่สนใจ เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความหมายของเครื่องปั้นดินเผา ประวัติความเป็นมาของการทำเครื่องปั้นดินเผาที่ถูกถ่ายทอดจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เอกลักษณ์ที่โดดเด่น วัตถุดิบและส่วนผสม วิธีการทำ วัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคของการประกอบอาชีพเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา

Search

Read the Text Version

ภูมปิ ัญญาเกยี่ วกบั เคร่ืองป้ันดนิ เผาสู่การสร้างอาชีพบ้านด่านชัย จิราภรณ์ สุดมี นิชนนั ท์ เอกอมร นิชาภา แก้วว่นุ เพญ็ ศิริ วอนทองหลาง ยมลพร ปรียานุภาพ ศิรินทิพย์ ศรีหาบุญทัน ศิริวรรณ เวทสันเทียะ สุภสั สร พันธ์บตุ ร อภิชญา โคตรแสนลี* บทคดั ย่อ บทความน้ีเป็ นการนาเสนอขอ้ มูลเกี่ยวกบั ภูมิปัญญาเคร่ืองป้ันดินเผาสู่การสร้างอาชีพของชาวบา้ นบ้านด่านชัย มีจุดประสงค์ในการเผยแพร่ ข้อมูลให้ผู้ที่สนใจ เพื่อศึกษาเก่ียวกับความหมายของเคร่ืองป้ันดินเผา ประวตั ิความเป็ นมาของการทาเคร่ืองป้ันดินเผาท่ีถูกถ่ายทอดจากอดีตจนถึงปัจจุบันเอกลกั ษณ์ท่ีโดดเด่น วตั ถุดิบและส่วนผสม วิธีการทา วสั ดุอุปกรณ์ รวมท้งั ปัญหาและอุปสรรคของการประกอบอาชีพเก่ียวกบั เครื่องป้ันดินเผา ผลการศึกษาพบว่าชาวบา้ นบา้ นด่านชยั ยงั คงป้ันเครื่องป้ันดินเผาเหมือนในอดีต แต่ไดม้ ีการพฒั นากรรมวิธีของการทาในส่วนของรูปแบบ ลวดลายผลิตภณั ฑ์ และวตั ถุดิบเพื่อปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั เศรษฐกิจและความตอ้ งการของคนในปัจจุบนั จนกลายเป็ นสินคา้ OTOP ที่ข้ึนช่ือของจงั หวดั นครราชสีมา ตลอดจนปัจจุบนั น้ีชาวบา้ นบา้ นด่านชยั ยงั ไดป้ ระกอบอาชีพเก่ียวกบั เคร่ืองป้ันดินเผาเป็ นอาชีพหลกัคาสาคัญ: ภูมิปัญญา เคร่ืองป้ันดินเผา อาชีพ ชาวบา้ นบา้ นด่านชยั*นกั ศึกษาพยาบาลศาสตรบณั ฑิต ช้นั ปี ท่ี 1 วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา

2บทนา จงั หวดั นครราชสีมานบั วา่ เป็ นอีกหน่ึงจงั หวดั ท่ีมีวฒั นธรรมและภูมิปัญญาท่ีโดดเด่นและน่าสนใจวฒั นธรรมและภูมิปัญญาต่าง ๆ ไดร้ ับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็ นเวลายาวนาน โดยหน่ึงในภูมิปัญญาท่ีน่าสนใจอย่างมาก คือ การป้ันเคร่ืองป้ันดินเผาของชาวบ้านด่านชัย ตาบลด่านเกวียน อาเภอโชคชัยจงั หวดั นครราชสีมา ในอดีตบา้ นด่านเกวียนเป็ นเพียงหมู่บา้ นหน่ึง แต่เม่ือปี พุทธศกั ราช 2530 หมู่บา้ นด่านเกวียนไดร้ ับการก่อต้งั ให้เป็ นตาบลด่านเกวียน อาเภอโชคชัย โดยในตาบลด่านเกวียนน้ันประกอบด้วย 11 หมู่บา้ นหน่ึงในน้นั คือ หมู่บา้ นด่านชยั หมู่ที่ 7 และยงั คงมีภูมิปัญญาเดียวกนั คือ กระบวนการป้ันเคร่ืองป้ันดินเผาที่ได้รับการเรียนรู้และสืบทอดมาจากชาวข่า (ชาวเขาเผ่าหน่ึงตระกูลมอญ-เขมรเป็ นชนพ้ืนเมืองเดิมท่ีมีถ่ินฐานอาศยั อยูแ่ ถบลุ่มแม่น้าโขง) ต้งั แต่สมยั โบราณ ในยคุ แรกที่ไดร้ ับภูมิปัญญามาน้นั ชาวด่านเกวยี นเริ่มจากการป้ันของเครื่องใชเ้ พ่ือใชภ้ ายในครัวเรือนจานวน 11 อยา่ ง เช่น โอ่ง ครก กระถางตน้ ไม้ รอฝนยา ไหเป็ นตน้ ต่อมาไดพ้ ฒั นารูปแบบจากการป้ันของใชใ้ นครัวเรือนมาเป็ นของท่ีใชต้ กแต่งบา้ น จดั สวน จนเป็ นท่ีสนใจต่อผูค้ นจานวนมาก ทาให้เกิดเป็ นสินคา้ OTOP ที่ข้ึนชื่อของด่านเกวียนและเกิดเป็ นธุรกิจภายในครัวเรือน ตลอดจนการส่งออกจาหน่ายไปยงั ตา่ งประเทศ ดว้ ยคุณสมบตั ิของดินด่านเกวยี นที่แตกตา่ งไปจากดินทวั่ ไป คือ ดินด่านเกวยี น เป็ นดินเหนียวผสมดินทรายท่ีมีแร่เหล็กเป็ นจานวนมาก เม่ือเผาแลว้ ทาให้เกิดสีสัมฤทธ์ิและมีความแข็งแรงทนทานกว่าเคร่ืองป้ันดินเผาทวั่ ไป ดงั น้ัน จึงก่อให้เกิดการศึกษาเพื่อการเผยแพร่อนุรักษไ์ วซ้ ่ึงภูมิปัญญาท่ีดีงาม และสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงปัญหาดา้ นเศรษฐกิจที่มีผลตอ่ ชาวบา้ นด่านชยัความหมายของเครื่องป้ันดนิ เผา คาว่า “เครื่องป้ันดินเผา” ในภาษาองั กฤษใชค้ าวา่ “เซรามิก (ceramic) ” เป็ นสิ่งท่ีผลิตข้ึนโดยการนาเอาดินหรือดินเหนียว หิน ทรายและแร่ธาตุต่าง ๆ มาผสมน้า ป้ันข้ึนรูปตามรูปร่างท่ีตอ้ งการ จากน้นั นามาแกะลวดลาย แลว้ เผาใหแ้ ข็งตวั เพื่อให้คงรูปร่างอยูไ่ ด้ โดยมีนกั วิชาการหลายท่านให้ความหมายที่แตกต่างกนั ออกไป ดงั ตอ่ ไปน้ี พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน (2554) ให้ความหมายเครื่องป้ันดินเผา ว่า เป็ นภาชนะที่ป้ันดว้ ยดินแลว้ นาไปเผาไฟ สนิท ปิ่ นสกุล (2554; อ้างถึงใน วรนัทน์ กิตติอมั พานนท์, 2531) อธิบายว่า เคร่ืองป้ันดินเผาหมายถึง ผลิตภณั ฑ์นานาชนิด ท่ีทาจากดินและหิน โดยผ่านวิธีการเผาทาให้มีความแข็งแรงคงทนถาวร ทรงพนั ธ์ วรรณมาศ (2530) กล่าวว่า เครื่องป้ันดินเผา หมายถึง สิ่งที่ทาข้ึนดว้ ยดินรูปทรงต่างๆสิ่งของ เครื่องใชต้ า่ งๆ แลว้ นามาเผาเพือ่ นาไปใชง้ านตอ่ ไป

3 มณแทน ตนั บุญต่อ (2542; อา้ งถึงใน ทวี พรหมพฤกษ์, 2523) กล่าวว่า เคร่ืองป้ันดินเผา หรือเซรามิกส์ คือ ผลิตภณั ฑน์ านาชนิดที่ทามาจากดินและหิน โดยผา่ นกรรมวิธีการเผา (Firing procress) ทาให้ผลิตภณั ฑม์ ีความแขง็ แกร่ง (Strength) และความคงทน มณแทน ตนั บุญต่อ (2542; อา้ งถึงใน เป่ี ยมสุข เหรียญรุ่งเรือง, 2526) กล่าวว่า เคร่ืองป้ันดินเผาหมายถึง ผลิตภณั ฑท์ ี่เกิดจากการใชค้ วามร้อนในอุณหภูมิตา่ ง ๆ เผาไหมต้ อ่ ดิน หิน และแร่ธาตุ ที่ถูกเลือกให้เหมาะกบั การผลิตลกั ษณะต่าง ๆ ทาใหเ้ กิดผลอนั ถาวร วชิรญา ตติยนันทกุล และดลฤทัย โกวรรธนะกุล (ม.ป.ป.) ได้อธิบายว่า เครื่องป้ันดินเผาภาษาองั กฤษใชค้ าวา่ เซรามิก (ceramics) มีความหมายที่ใชแ้ ทนกนั ได้ คือ สิ่งที่ผลิตจากดินเป็นส่วนประกอบที่สาคญั ป้ันข้ึนตามความตอ้ งการและนาไปผา่ นกระบวนการความร้อนใหค้ งรูปแขง็ แรง สนิท ปิ่ นสกลุ (2554; อา้ งถึงใน อารี ธนบุญสมบตั ิ, 2554) กล่าววา่ เซรามิก หมายถึง การนาดินหรือหินซ่ึงเกิดข้ึนตามธรรมชาติมาทาปฏิกิริยากบั ไฟโดยการเผาไดผ้ ลิตภณั ฑ์สาเร็จรูปออกมา บางคร้ังหมายถึงศิลปะของการป้ันและผลิตภณั ฑ์นานาชนิดที่ทามาจากดินและหิน โดยผา่ นกรรมวธิ ีทาใหม้ ีความแข็งแกร่งและคงทนถาวร จากความหมายขา้ งตน้ ของคาวา่ เครื่องป้ันดินเผา หรือเซรามิก ท่ีนกั วิชาการท่านต่าง ๆ ไดม้ ีการกล่าวถึงนิยามความหมายไว้ อาจสรุปไดว้ า่ เครื่องป้ันดินเผา หมายถึง การประดิษฐ์ งานฝี มือ วตั ถุให้เป็ นรูปภาชนะต่าง ๆ โดยการนาดินซ่ึงเกิดข้ึนตามธรรมชาติมาป้ันให้มีรูปร่าง ลกั ษณะต่าง ๆ และนาไปเผาด้วยอุณหภูมิสูง เพอ่ื ใหไ้ ดเ้ ป็นผลิตภณั ฑส์ าเร็จรูปออกมาประวตั ิความเป็ นมาของเคร่ืองป้ันดนิ เผาด่านเกวยี น เคร่ื องป้ันดินเผาของชาวบ้านด่านชัยน้ัน นอกจากมีเอกลักษณ์ท่ีโดดเด่นแล้ว ยังมีประวตั ิความเป็ นมาท่ีน่าสนใจ ซ่ึงมีพฒั นาการแรกเริ่มต้งั แต่การรับวฒั นธรรมเขา้ มาและการประดิษฐ์ใช้ภายในครัวเรือนตลอดจนพฒั นาเป็นอาชีพคา้ ขายในปัจจุบนั บรรพบุรุษของชาวบา้ นด่านชัยได้เล่าเร่ืองราวสืบต่อกนั มาว่า เดิมชาวด่านเกวียนมีอาชีพหลกัเป็ นเกษตรกรอยู่บริเวณริมฝ่ังแม่น้ามูล ต่อมาไดม้ ีชาวข่าซ่ึงเป็ นชาวเขาเผ่าหน่ึงตระกูลมอญ-เขมร เป็ นชนพ้นื เมืองเดิมท่ีมีถ่ินฐานอาศยั อยแู่ ถบลุ่มแมน่ ้าโขง เดินทางเขา้ มามาติดตอ่ คา้ ขายกบั พอ่ คา้ ชาวโคราช และไดพ้ กั อาศยั อยูท่ ี่หมู่บา้ นด่านเกวียนซ่ึงเป็ นเมืองหนา้ ด่านของจงั หวดั นครราชสีมา ขณะที่พกั ผอ่ นไดน้ าดินจากสองฝ่ังแม่น้ามูลมาป้ันและนาไปเผาเพื่อเป็นเคร่ืองใชใ้ นการดารงชีพ ไดแ้ ก่ เคร่ืองใช้ 11 อยา่ ง เช่น โอ่งตุ่ม กระถาง ไห ครก แป้ เป็ นตน้ ชาวบา้ นด่านเกวียนในสมยั น้นั ไดเ้ ห็นชาวข่าทาเครื่องป้ันดินเผา จึงเกิดความสนใจ และเร่ิมการฝึ กทาเคร่ืองป้ันดินเผากับชาวข่า จนสามารถทาได้ด้วยตนเอง ซ่ึงนับเป็ นการแลกเปล่ียนวฒั นธรรมระหวา่ งกนั ภายหลงั เม่ือชาวข่ากลบั ไป ชาวบา้ นด่านเกวียนจึงเรียกบริเวณที่ชาวข่าเคยพกั อาศยั อยูว่ า่ “ตะกุดข่า” จากการท่ีชาวข่าไดเ้ ขา้ มาที่หมู่บา้ นด่านเกวยี นและไดน้ าเอาภูมิปัญญาการป้ัน

4เคร่ืองป้ันดินเผามาสู่ชาวบา้ นด่านเกวยี น เกิดข้ึนในสมยั กรุงศรีอยธุ ยาตอนปลาย ทาให้เกิดพิธีกรรมไหวค้ รูของชาวด่านเกวยี น กล่าวคือเมื่อป้ันดินเสร็จก่อนที่จะทาการเผา จะมีพิธีการบูชาครูดว้ ยดอกไม้ ยาสูบ หมากพลู ธูปเทียน จากน้นั จึงเร่ิมการกล่าวเชิญครูชาวข่าสองท่านซ่ึงเป็ นที่เคารพของชาวบา้ น แลว้ พูดวา่ “เจา้ ขา้เอ๊ย วนั น้ีลูกจะเผาโอ่ง เผาไห ขอให้ลูกเผาได้ด้วยดีเด้อ” หลังจากน้ันจึงทาการจุดไฟเผาเคร่ืองป้ัน(ศูนยช์ ่วยเหลือทางวชิ าการพฒั นาชุมชน เขตที่11 นครราชสีมา, ม.ป.ป.; อา้ งถึงใน นริศศรี แววคลา้ ยหงส์,2539) มานิต งามตรง (สัมภาษณ์, 5 มกราคม 2561) กล่าวว่า ช่างป้ันคนแรกในหมู่บา้ นด่านเกวียน คือตาลอย ตานาค ไดฝ้ ึ กฝนฝี มือในการทาเคร่ืองป้ันดินเผาจนชานาญ นอกจากน้ี ยงั มีปราชญช์ าวบา้ นคนอื่น ๆท่ีสนใจ ไดแ้ ก่ อาจารยพ์ ิศ ป้อมสินทรัพย์ ตาป่ัน บุญเนตร และตาหยวก ปอกระโทก บุคคลเหล่าน้ีสนใจเรียนรู้กระบวนการทาเคร่ืองป้ันดินเผาในทุกข้นั ตอน จึงนบั ไดว้ ่าเป็ นผูส้ ืบทอดภูมิปัญญาและถ่ายทอดใหล้ ูกหลานไดม้ ีวชิ าติดตวั วิธีการป้ันเคร่ืองป้ันดินเผาของชาวด่านชัยได้ถูกถ่ายทอดความรู้ไปสู่ลูกหลาน เพ่ือทาใช้ในครัวเรือนแบบพ่งึ พาตนเอง เมื่อเหลือกจ็ ะนามาแบ่งปันหรือแลกเปล่ียนกบั ส่ิงที่ขาดแคลนในบางโอกาส เช่นอาหาร ยารักษาโรค ข่า เกลือ เป็ นตน้ โดยเหตุท่ีชาวบา้ นในสมยั ก่อนตอ้ งนาเอาภาชนะเครื่องป้ันไปแลกกบัส่ิงของที่ขาดแคลนน้นั เป็ นเพราะ สภาพชุมชนด่านเกวียนเม่ือสมยั ก่อนเป็ นชุมชนขนาดใหญ่ ชาวบา้ นมีการประกอบอาชีพเกษตรกรรมอยูใ่ นเฉพาะบริเวณริมฝ่ังแม่น้ามูลและบริเวณที่เป็ นร่องลุ่มต่า เม่ือถึงฤดูฝนจะเกิดน้าท่วมทุกปี นาในที่ลุ่มเกิดการเสียหายเป็ นอยา่ งมาก ทาใหไ้ ดข้ า้ วไม่เพียงพอต่อความตอ้ งการ หรืออาจไม่ไดข้ า้ วเพราะขา้ วลม้ ตายเป็ นจานวนมาก เวน้ แต่คนที่ทานาในบริเวณริมฝั่งมูลจะมีระหดั วดิ น้า ซ่ึงเม่ือน้าลดก็สามารถทานาใหม่ได้ ดว้ ยเหตุน้ีชาวบา้ นด่านเกวียนจึงจาเป็ นตอ้ งนาเอาภาชนะเคร่ืองป้ันดินเผาที่มีไปแลกกบั สินคา้ อ่ืน ๆ ในต่างถิ่น ทาให้เครื่องป้ันดินเผาด่านเกวียนเป็ นที่รู้จกั กนั อย่างแพร่หลาย มีผูค้ นสนใจเป็นจานวนมาก นบั เป็นจุดเร่ิมตน้ ของการพฒั นาเป็ นอาชีพหลกั ในปัจจุบนั เครื่องป้ันดินเผาด่านเกวียน ในอดีตมีวตั ถุประสงค์หลกั เพื่อใช้ในการดารงชีพ เป็ นเครื่องใช้ในครัวเรือน ซ่ึงมีเทคนิค ลวดลายและวตั ถุดิบกรรมวิธีการทาที่เป็ นเอกลกั ษณ์ เนื่องมาจากคุณสมบตั ิพิเศษของดินลุ่มน้ามูลท่ีมี “แร่เหล็ก” ผสมอยูเ่ ป็ นจานวนมาก เมื่อเผาแลว้ จะมีความแข็งแกร่งทนทานและพ้ืนผิววตั ถุมีความมนั วาว เน้ือดินป้ันง่าย สะดวกต่อการข้ึนรูป ทนทานต่อการเผา ไม่บิดเบ้ียวเสียทรง หรือแตกหกัง่าย และเม่ือเผาดว้ ยความร้อนสูง แร่เหล็กและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่เป็นส่วนผสมจะหลอมละลายเคลือบผิวภาชนะไปในตวั ทาใหไ้ ดช้ ิ้นงานที่มีสีเป็ นธรรมชาติออกสีดามนั หรือสีน้าตาลแดง หรือสีเลือดปลาไหล ซ่ึงเป็ นสีท่ีไดร้ ับความนิยมวา่ สวยท่ีสุด ดว้ ยเหตุน้ีเองทาให้เป็ นเครื่องป้ันดินเผาด่านเกวียน ที่รู้จกั ท้งั ในประเทศและต่างประเทศ (ณรายุ ตีบจนั ทร์, 2558; อา้ งถึงใน ปาริชาติ ดีผกั แว่น, 2547) ต่อมามีผูส้ นใจท้งั ชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางมาซ้ือเคร่ืองป้ันดินเผาจากชาวบา้ นเพื่อนาไปประดบั ตกแต่ง และนาไปขายเป็ นจานวนมาก จึงทาใหว้ ิถีชีวิตของชาวด่านเกวียนเริ่มเปล่ียนแปลงไปจากเดิมที่เคยผลิตเคร่ืองป้ันดินเผาไวใ้ ชส้ อยในชีวติ ประจาวนั ของตนเอง ก็พฒั นาดดั แปลงมาเป็ นเคร่ืองประดบั ตกแต่งบา้ น และปรับเปล่ียนใหเ้ ป็ นสินคา้

5เพ่ือสร้างรายไดภ้ ายในชุมชน จึงทาให้มีผสู้ นใจเรียนรู้กระบวนการทาเครื่องป้ันดินเผาเพ่อื นาไปจดั จาหน่ายโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต เพ่ือตอบสนองต่อความตอ้ งการของตลาดตามสมยั นิยมมากย่ิงข้ึน ทาให้งานเคร่ืองป้ันดินเผาด่านเกวียนมีความหลากหลาย แต่ยงั คงไวซ้ ่ึงเอกลักษณ์และความสวยงามในแบบด้ังเดิม ส่งผลให้เกิดเป็ นสถานที่ท่องเท่ียวในชุมชนด่านเกวียน (ณรายุ ตีบจันทร์ , 2558) หมู่บ้านเคร่ืองป้ันดินเผาด่านเกวียน ไดร้ ับคดั เลือกจากสานกั งานพฒั นาการท่องเท่ียวกระทรวงท่องเท่ียวและกีฬาจดั ต้งั ให้เป็ นหมู่บา้ นท่องเท่ียว OTOP เม่ือปี พ.ศ.2547 ทารายได้ให้กบั ผูผ้ ลิตเป็ นอย่างมาก จากธุรกิจในครัวเรือนขยายสู่ชุมชนไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ระดบั ประเทศได้ (OTOP.Tourism village, 2547) โรงเรียนด่านเกวยี นวทิ ยาไดเ้ ล็งเห็นถึงความสาคญั ของภูมิปัญญาเหล่าน้ี จึงไดม้ ีการบรรจุเป็นหลกั สูตรเฉพาะข้ึนเป็ นวชิ าเรียน ในรายวชิ า เครื่องป้ันดินเผา นบั เป็นการถ่ายทอดองคค์ วามรู้อยา่ งหน่ึง เพื่อใหเ้ ด็กนกั เรียนมีความรู้ติดตวั และเกิดความคิดริเริ่มสามารถนามาปรับใชใ้ หเ้ ขา้ กบั สงั คมในปัจจุบนั ได้เคร่ืองป้ันดนิ เผา 11 อย่างในอดตี สมัยก่อนชาวบ้านท่ีทาเครื่องป้ันดินเผา มีวตั ถุประสงค์ของการผลิตเพ่ือใช้สอยในครัวเรือนซ่ึงผลิตภัณฑ์เหล่าน้ันล้วนเกี่ยวข้องกับการดาเนินชีวิตประจาวัน เพื่อช่วยอานวยความสะดวกในการดารงชีวติ ผลิตภณั ฑด์ งั กล่าว ชาวบา้ นเรียกวา่ ของ ใช้ 11 อยา่ ง มีดงั น้ี 1. โอง่ มอญ เป็นภาชนะเกบ็ น้าสาหรับใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 2. ตุ่ม เป็นภาชนะสาหรับใส่น้าดื่มและสามารถช่วยเกบ็ ความเยน็ ของน้าไดด้ ี 3. กระถางจีน หรือภาษาชาวบา้ นเรียกวา่ “กระถางรินน้าขา้ ว” มีประโยชน์ คือ เป็ นกระถางที่ใช้สาหรับรองน้าขา้ วจากการหุงขา้ วแบบเช็ดน้าเพ่อื นาน้าขา้ วท่ีไดม้ าใหส้ ัตวเ์ ล้ียงกิน เช่น สุนขั แมว เป็นตน้ 4. กระบะ เป็ นภาชนะท่ีเอาไวส้ าหรับลา้ งจานชาม ซักผา้ หรือยีขนมจีน ซ่ึงปัจจุบนั น้ีไดพ้ ฒั นามาเป็น “กะละมงั ” ที่ทาจากพลาสติกนนั่ เอง 5. รอฝนยา เมื่อเจบ็ ป่ วยชาวบา้ นจะนารอมาฝนรากไมส้ มุนไพร เพ่ือรักษาอาการเจบ็ ป่ วย 6. โทน เป็ นเครื่องดนตรีที่ใชป้ ระกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น แห่นางแมว แห่นางกระดง้ หรือราโทนซ่ึงจะใชห้ นงั ตะกวั่ หนงั ตวั เงินตวั ทองหรือหนงั งูเหลือม ขึงดา้ นหนา้ ทาใหเ้ ป็นเครื่องดนตรีชนิดหน่ึง 7. ไหปลาร้า เมื่อมีปลาชาวบา้ นจะนาปลามาหมกั ในไหปลาร้าเพ่อื เกบ็ ไวร้ ับประทานในระยะยาว 8. กระโถน เป็นภาชนะที่ใชส้ าหรับบว้ นน้าหมากหรือบว้ นน้าลาย ซ่ึงปัจจุบนั น้ีเปลี่ยนจากใชด้ ินเผามาใชส้ ังกะสีผลิตแทน 9. ครก เป็นภาชนะท่ีใชส้ าหรับตาน้าพริกในครัวเรือน ทุกวนั น้ียงั นิยมใชค้ รกจากเคร่ืองป้ันดินเผา 10. แป้ใส่น้า เป็นภาชนะสาหรับใส่น้าด่ืม เม่ือเขา้ ป่ าชาวบา้ นจะนาเอาแป้ใส่น้าและนาข้ึนเกวยี นเพื่อดารงชีวติ ขณะอยปู่ ่ า 11. ท่ีรองขาตู้ เป็นภาชนะที่ใชร้ องขาตูใ้ ส่กบั ขา้ วเพื่อป้องกนั มดหรือแมลงข้ึนอาหาร

6 ในแต่ละปี จะมีผสู้ นใจท้งั ชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางมาซ้ือเคร่ืองป้ันดินเผาจากชาวบา้ นเพ่ือนาไปใชป้ ระโยชน์และนาไปขายเป็ นจานวนมาก จึงทาให้วิถีชีวิตของชาวด่านเกวียนเร่ิมเปล่ียนแปลงไปจากเดิมที่เคยผลิตเคร่ื องป้ันดินเผาไว้ใช้สอยในชีวิตประจาวนั ของตนเองก็พัฒนาดัดแปลงมาเป็ นเคร่ืองประดบั ตกแต่งบา้ นและปรับเปลี่ยนให้เป็ นสินคา้ เพ่ือสร้างรายได้ภายในชุมชน จึงทาให้มีผูส้ นใจเรียนรู้กระบวนการทาเครื่องป้ันดินเผาเพ่ือนาไปจดั จาหน่าย โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต เพื่อตอบสนองต่อความตอ้ งการของตลาดตามสมยั นิยมมากย่ิงข้ึน ทาให้งานเครื่องป้ันดินเผาด่านเกวียนมีความหลากหลายแต่ยงั คงไวซ้ ่ึงเอกลักษณ์และความสวยงามในแบบด้ังเดิม ส่งผลให้เกิดเป็ นสถานที่ท่องเที่ยวในชุมชนด่านเกวียน (ณรายุ ตีบจนั ทร์, 2558) หมู่บ้านเคร่ืองป้ันดินเผาด่านเกวียน ได้รับคดั เลือกจากสานักงานพฒั นาการท่องเท่ียวกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จดั ต้งั ให้เป็ นหมู่บา้ นท่องเที่ยว OTOP เม่ือปี พ.ศ. 2547ทารายได้ให้กับผูผ้ ลิตเป็ นอย่างมากจากธุรกิจในครัวเรื อนขยายสู่ชุมชนไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ระดบั ประเทศได้ (OTOP.Tourism village, 2547)อตั ลกั ษณ์เคร่ืองป้ันดินเผาด่านเกวยี น ภาพที่ 1 เอกลกั ษณ์ของเคร่ืองป้ันดินเผา. (ภาพถ่าย: จิราภรณ์ สุดมี) เนื่องจากเอกลกั ษณ์ที่น่าสนใจของเครื่องป้ันดินเผาชาวด่านเกวียน มีความโดดเด่นในดา้ นของวตั ถุดิบกล่าวคือดินด่านเกวยี น แมน่ ้ามูลเป็นแม่น้าหลกั ท่ีก่อใหเ้ กิดภูมิปัญญา ซ่ึงพดั พาตะกอนและแร่เหล็กมาทบั ถมเป็นดินเหนียวเน้ือละเอียดสีสนิม เหมาะสาหรับการนามาป้ันเครื่องป้ันดินเผาเป็ นอยา่ งย่ิง มีคุณสมบตั ิที่แขง็ แกร่งทนทานต่อการใช้งาน การเผาจึงเป็ นปัจจยั สาคญั ที่ทาให้ศิลปะแต่ละชิ้นเป็ นไปตามความตอ้ งการ ดว้ ยความพิเศษของเน้ือดินที่อุม้ น้าไดด้ ี ดินละเอียดมีสีแดงของแร่เหล็กและสัมฤทธ์ิ เม่ือผ่านการเผาจะทาให้เน้ือดินแกร่งมีสีดามันเงา ทาให้งานทุกชิ้นของช่างยุคแรกมีช่ือเสียงเรื่องความแข็งแรงละทนทานต่อการใช้งาน

7จนกลายเป็ นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเคร่ื องป้ันดินเผาด่านเกวียน (ศูนย์การเรียนรู้เคร่ืองป้ันดินเผาด่านเกวียน, 2555) เม่ือเคาะดูจะมีเสียงดังกงั วานเหมือนเคาะโลหะ เพราะมีแร่เหล็กผสมอยู่มากมาเป็ นส่วนประกอบในการผลิตเมื่อผ่านข้นั ตอนการเผา แร่เหล็กและธาตุอ่ืน ๆ ท่ีเป็ นส่วนผสมจะหลอมละลายท้งั ยงั เคลือบผิวให้ความมนั เงาและให้สีสวยแก่เคร่ืองป้ันดินเผาคือ สีสัมฤทธ์ิ เมื่อผนวกกบั การออกแบบอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ มีพฒั นาการดา้ นการผลิต และความใส่ใจทุกข้นั ตอน เครื่องป้ันดินเผาด่านชัยจึงเป็ นสิ่งที่ชื่นชอบของคนท่ีชอบการตกแต่ง และชอบของสวยงาม ที่ต้องการสรรหามาครอบครองเครื่องป้ันดินเผาด่านเกวียนมีชื่อเสียงเลื่องลือดา้ นผลงานเครื่องป้ันดินเผาขนาดใหญ่ (สานกั งานเทศบาลตาบลด่านเกวียน, ม.ป.ป.) แต่ในขณะเดียวกนั ก็มีเครื่องป้ันดินเผาขนาดต่าง ๆ นานาประเภทและรูปแบบไว้ใหเ้ ลือก ไม่วา่ จะเป็นของประดบั ของที่ระลึก จนไปถึงของตกแตง่ ท้งั ภายในและภายนอกอาคาร เคร่ืองป้ันดินเผาด่านชยั ดา้ นเอกลกั ษณ์และรูปแบบของงานป้ันที่มีความหลากหลายกาลงั เป็นสินคา้ที่นิยมของตลาด สาหรับผลงานเครื่องป้ันดินเผาด่านเกวียนน้ัน มีความแปลกใหม่ของการออกแบบรูปลกั ษณ์ผลิตภณั ฑ์ มีกระบวนการเผาจะมีข้ีเถา้ มาเคลือบผิวทาให้เกิดความมนั วาวในตวั เองโดยธรรมชาติมีคุณสมบตั ิพิเศษของดินเฉพาะตวั คือ เน้ือละเอียด เหนียว มีแร่เหล็กเจือปนในปริมาณมาก เป็ นดินท่ีเหมาะแก่การป้ันเคร่ืองป้ันดินเผา สามารถอุ้มน้าได้ดี เมื่อนาไปเผาในอุณหภูมิสูง ต้งั แต่ 1,050-1,500องศาเซลเซียส จะทาให้ได้เคร่ืองป้ันที่แข็งแกร่ง มีสีลกั ษณะออกแดงดา เป็ นเงามนั โดยไม่ตอ้ งลงสีหรือเคลือบเงา มีความทนทานต่อการใช้งาน (วชิรญา ตติยนันทกุล และดลฤทยั โกวรรธนะกุล, 2555)มีการออกแบบการป้ันและแกะลวดลายผลิตภณั ฑ์ท่ีคงความเป็ นเอกลกั ษณ์ของสมยั ก่อนและผสมผสานลวดลายสมยั ใหม่อยา่ งลงตวั เกิดความโดดเด่นและน่าสนใจแก่ผพู้ บเห็นกระบวนการในการผลติ ศิลปะของเครื่องป้ันดินเผาด่านชัยท่ีสวยงามและโดดเด่นดา้ นเอกลกั ษณ์น้ีถูกถ่ายทอดต่อกันมาโดยผา่ นกรรมวิธี 6 ข้นั คือ การสร้างเตา การสร้างโรงป้ัน การเตรียมดิน การข้ึนรูป และการนาไปเผา ซ่ึงในปัจจุบนั ไดล้ ดข้นั ตอนในการสร้างเตา การสร้างโรงป้ัน และเพ่ิมการตกแต่ง สร้างลวดลาย เพ่ือให้เขา้ กบัความตอ้ งการของยคุ สมยั ท่ีเปล่ียนแปลงไป ในกระบวนการผลิตจะตอ้ งใชว้ สั ดุอุปกรณ์ตา่ ง ๆ มากมาย ดงั น้ี อุปกรณ์เตรียมดิน ไดแ้ ก่ จอบขดุ ดินปุ้งกี๋ไมค้ าน ผืนหนงั ควาย (ต่อมาใชแ้ ผน่ กระดานแทน) อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการข้ึนรูป ไดแ้ ก่ พะมอน เป็ นแป้นหมุนกลมแบน ทาจากไม้เน้ือแข็ง มีลกั ษณะเหมือนหมวกปี กวางหงายข้ึนตรงกลางเจาะรูเพ่ือวางสวมบนเดือยไมแ้ หลม ผา้ ข้ีริ้ว 2 ผืน สาหรับชุบน้ารองมือท้งั สองขา้ งเพ่ือให้ลื่นเวลารีดดินข้ึนรูป หวี ที่ทาจากไมไ้ ผ่ทาเป็ นแผ่นบาง ๆ ที่ไม่มีซี่เหมือนฟันหวีเพื่อใช้สาหรับขูดผิดภาชนะที่ป้ันให้เรียบ น้าเช่ือมประสานดิน(น้าสลิป น้าที่ทาจากน้าผสมดินเหนียวจนเหลว) ใช้สาหรับเช่ือมดินตรงรอยต่อให้ติดกนั กระดานวางดินและโอ่งใส่น้าขนาดเล็ก สาหรับในการอุปกรณ์ตกแต่ง ไดแ้ ก่ ไมล้ าย เป็ นไมท้ ี่ทาปลายแบบฟันปลา ใชส้ ักหรือเขียนลาย และลูกกลิ้งลูกพู เป็นไมเ้ พอ่ื ใชส้ กั ลายชนิดหน่ึงปลายขา้ งหน่ึงเป็นลูกกลิ้งอีกขา้ งหน่ึงเป็นลูกพู

8ลายท่ีเกิดข้ึนเหมือนรอยลอ้ รถบดถนนที่เป็ นป่ ุม ๆ ลายลูกกลิ้งจะมีป่ ุม 2 แถว ลายลูกพเู ป็นป่ ุม 6 แถว สาหรับวสั ดุท่ีใชใ้ นการป้ัน ไดแ้ ก่ ดินเหนียว เน้ือละเอียด มีกรวด หิน หินปูน หรือเศษวสั ดุเจือปน ดินท่ีมีคุณภาพดีจะมีสีแดงหรือสีน้าตาลดา เม่ือเผาแลว้ จะไดส้ ีแดง เรียกวา่ สีเลือดปลาไหล ดินทราย เป็ นดินทรายละเอียดชาวบา้ นเรียกวา่ ดินขาว และน้า เมื่อมีวสั ดุอุปกรณ์สาหรับการป้ันพร้อมแลว้ จึงทาการเตรียมวตั ถุดิบโดยการนาไดด้ ินเหนียวและดินทรายที่ไดจ้ ากการขดุ มาจากริมฝ่ังแม่น้ามูลมาพกั ไวใ้ หแ้ ห้งสนิทประมาณ 1 สัปดาห์จากน้นั นาดินลงบ่อหมกั ลงบ่อหมกั โดยใส่ดินทรายไวด้ า้ นล่างของบ่อหมกั ซ่ึงจะใชด้ ินทรายและดินเหนียวในปริมาณ 1 ต่อ 2 ส่วน แตห่ ากจะผลิตครกจะใชด้ ินทรายและดินเหนียวในปริมาณ 2 ต่อ 1 ส่วน ใส่น้าใหช้ ุ่มพอประมาณและหมกั ทิ้งไว้ 1-2 คืน จากน้นั นาดินที่ไดเ้ ขา้ เคร่ืองนวดดินหรือเคร่ืองโม่ดินประมาณ 2-3 รอบเพ่ือบดให้ดินละเอียดและคลุกเคลา้ ให้เขา้ กนั เป็ นเน้ือเดียวและมีความช้ืนเท่ากนั (ศูนยค์ วามช่วยเหลือทางวชิ าการพฒั นาชุมชน เขตที่ 11 นครราชสีมา, ม.ป.ป.) กระบวนการทาเคร่ื องป้ันดินเผาได้แบ่งเป็ นการทาเครื่ องป้ันดินเผาในอดีตมีและการกาเครื่องป้ันดินเผาในปัจจุบนั ข้นั ตอนการผลิต โดยบางข้นั ตอนของการทาเคร่ืองป้ันดินเผาในอดีตและปัจจุบนัมีความแตกต่างกัน โดยความแตกต่างน้ีได้ถูกปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาเพ่ือให้เกิดความสะดวก ซ่ึงกระบวนการในการทาเครื่องป้ันดินเผาในอดีตจะเริ่มตน้ ดว้ ย การสร้างเตาเผา โดยเตาเผาท่ีสร้างข้ึนได้จากการขดุ จอมปลวกที่มีขนาดใหญ่ รูประฆงั คว่า ซ่ึงอยใู่ นบริเวณที่ใกลแ้ หล่งน้า โดยบริเวณน้นั จะเป็นแหล่งดินท่ีมีความอุดมสมบูรณ์และมีป่ าไมเ้ พื่อใช้เป็ นแหล่งฟื นสาหรับเผาเคร่ืองป้ัน โดยเริ่มจากการขดุ เจาะบริเวณฐานจอมปลวกให้เป็ นปากเตามีความกวา้ ง 1 เมตร สูง 1 เมตร แล้วลาดต่าลงลึกเขา้ ไปประมาณ 1 เมตรจากน้นั เปิ ดช่องช่วงตน้ ของปากเตาใหก้ วา้ งออกลกั ษณะเป็นโพลงคลา้ ยโพลงถ้า ในส่วนของพ้ืนลาดต่าท่ีลึกลงไปประมาณ 1.5-2 เมตร ถูกใชเ้ ป็ นท่ีสาหรับใส่ฟื น จากน้นั เจาะเป็ นช่องเพื่อใช้เป็ นช้นั สาหรับวางเครื่องป้ันโดยจะเผาแยกออกเป็น 2 ช่อง พ้ืนช้นั น้ีสูงกวา่ พ้ืนเรือนไฟประมาณ 1 เมตร เวน้ ส่วนของดินตรงกลางไว้เพ่อื ใชเ้ ป็นเสาค้าหลงั เตา สาหรับช่องวางเคร่ืองป้ันท้งั สองขา้ งน้นั จะเจาะทะลุลงไปถึงบริเวณทา้ ยเตา จากน้นัจึงเจาะบริเวณทา้ ยเตาเป็ นปล่องเตาทรงกระบอก ทะลุข้ึนมาบนพ้ืนดิน โดยมีเส้นผ่าศูนยก์ ลาง ประมาณ60 เซนติเมตร สูงจากพ้ืนเตาประมาณ 2-2.5 เมตร ในส่วนของผนงั และเพดานภายในของเตาจะโคง้ คลา้ ยหลงั เต่าทาให้ไฟสามารถเคลื่อนถึงกนั ไดด้ ี เตาแต่ละเตาจะใชจ้ านวนคนในการขุดผลดั ละ 2-3 คน ในหน่ึงเตาสามารถจุโอ่งเผาได้ 55-60 ลูก ระหว่างช่องวา่ งของโอ่งใช้เป็ นที่สาหรับวางภาชนะชิ้นเล็กๆ เช่น ครกไดป้ ระมาณ 250 ใบ และภาชนะชนิดอ่ืนๆอย่างละ 10-20 ใบ หากเผาเฉพาะครกจะได้ 1,200 ใบต่อการเผาหน่ึงคร้ัง ต่อจากน้นั ชาวบา้ นจะทาการสร้างโรงป้ันและการผ่งึ ในขณะท่ีขดุ เจาะเตา กาลงั คนอีกส่วนหน่ึงจะเก่ียวหญา้ คามารองเป็ นตบั หญา้ แลว้ ขุดตน้ ไมท้ ี่มีอยู่ในบริเวณท่ีจะทาโรงป้ันออก จากน้นั จึงปรับพ้ืนดว้ ยดินทราย แล้วใช้ไมท้ ี่ขุดเตรียมไวม้ าทาโครงสร้างโรงเรือน มีลักษณะเป็ นหลงั คาทรงหน้าจั่ว ชายคาถึงพ้ืน มุงหลงั คาด้วยตบั หญา้ คาที่เตรียมไว้ ทาแผงกรุดว้ ยตน้ หญา้ ฟาง หรือใบพลวง บงั ลมไวร้ อบดา้ นหากไม่ใชก้ ็ยกวางซอ้ นกนั บนช้นั ใตห้ ลงั คาได้ โรงเรือนแต่ละหลงั จะกวา้ งประมาณ 10 เมตร ยาวประมาณ

910-20 เมตร ขา้ งโรงเรือนดา้ นหน่ึงที่แสงแดดสามารถส่องถึงได้ จะใชเ้ ป็ นลานสาหรับตากดินและขุดหลุมหมกั ดิน หนา้ โรงเรือนปรับพ้ืนใหเ้ รียบเพ่ือใชเ้ ป็นที่สาหรับเหยยี บดิน ภาพท่ี 2 เตาเผาเคร่ืองป้ันดินเผา. (ภาพถ่าย: จิราภรณ์ สุดมี) เม่ือสร้างโรงป้ันเสร็จสิ้นแลว้ ชาวบา้ นจะทาการเตรียมดินโดยในสมยั ก่อน ตอ้ งขุดดินเหนียวหรือดินทรายจานวนมากบรรทุกเกวยี นมาแลว้ นามากองแยกกนั ตากแดดให้แห้ง เพราะหากตากไม่แห้งเม่ือนาดินไปหมกั ดินจะไม่เปื่ อย เมื่อดินแห้งแล้วจึงนาดินทราย 1 ส่วนมาปูลงในหลุมดินท่ีเตรียมไว้ แล้วใช้ดินเหนียว 2 ส่วน ปูทบั ไวด้ ้านบน จากน้ันรดน้าที่ดิน หมกั ทิ้งไวเ้ ป็ นเวลา 2 วนั 2 คืน แลว้ จึงโยงดิน คือการใช้มือคลุกเคลา้ ให้ดินเหนียวกบั ดินทรายผสมจนเขา้ เป็ นเน้ือเดียวกนั หมกั ไวอ้ ีกเป็ นเวลา 1 วนั 1 คืนจากน้นั นาดินมาวางกองเป็ นแท่งสี่เหล่ียม หนาประมาณ 40-50 เซนติเมตร แลว้ จึงค่อย ๆ เหยยี บดิน ใหเ้ ทา้ไถลไปบนผืนหนังหากเหยียบถูกกรวดหรือตอน (ดินที่จบั กนั เป็ นก้อนไม่เปื่ อย) ให้หยิบออกให้หมดเม่ือเหยียบดินกลบั ไปกลบั มาจานวน 3 รอบ จึงนามามว้ นเป็ นแท่งกลมทรงกระบอก แลว้ หุ้มด้วยกาบกลว้ ยเพ่ือเก็บความช้ืน โดยสามารถเก็บดินไวป้ ้ันไดน้ านไม่ต่ากวา่ 1 สัปดาห์ ผูท้ ่ีทาหน้าที่น้ีมกั จะเป็ นศิษยท์ ่ีมาเรียนการป้ันเป็ นผูท้ า ซ่ึงลูกศิษยจ์ ะเรียกช่างป้ันว่า “นายช่าง” และในข้นั ตอนที่สาคญั เพื่อให้ออกมาเป็ นผลิตภณั ฑ์นน่ั ก็คือ การข้ึนรูปหรือโดยการป้ัน โดยชาวบา้ นจะแบ่งดินที่เตรียมไว้ ป้ันเป็ นท่อนๆ ขนาดใหญ่เท่าข้อมือ ความยาวประมาณ 1 คืบ ไวใ้ ห้เพียงพอสาหรับป้ันของได้คราวละ 1 ลูก จากน้ันใช้ข้ีเถา้ โรยแป้นป้ันเพ่ือไม่ใหด้ ินติดแป้นป้ันแลว้ จึงนาดินท่ีเตรียมไวม้ าแผต่ ้งั ตรงศูนยก์ ลางเพ่อื เป็ นกน้ ของภาชนะก่อนเพื่อหาตาแหน่งจุดศูนย์กลางของภาชนะ ศูนย์ช่วยเหลือทางวิชาการพฒั นาชุมชน (2555; อ้างถึงในศุภชยั สิงห์ยะบุศย,์ 2544) สังเกตดูวา่ ขณะท่ีพะมอนหมุนอยนู่ ้นั ดินท่ีแผต่ ้งั ศูนยจ์ ะหมุนนิ่งอยูก่ บั ท่ีไม่แกวง่ไปขา้ งใดขา้ งหน่ึง จากน้นั จึงข้ึนรูปโดยใช้เทา้ ขา้ งหน่ึงแตะให้พะมอน หมุนไปรอบ ๆ ใช้มือบีบดินขดไปตามรอบการหมุนของแป้นพะมอนเรียกวา่ “ผดั ดิน” เม่ือขดดินจะไดข้ นาดพอดีท่ีจะข้ึนรูปไดใ้ หใ้ ชผ้ า้ ชุบน้าประกบมือไวข้ า้ งในภาชนะดว้ ยมือขา้ งหน่ึง ขา้ งนอกดว้ ยมืออีกขา้ งหน่ึง รีดดินใหเ้ ป็ นรูปร่างตามที่ตอ้ งการมีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตรข้นั ตอนน้ี ตอ้ งมีลูกศิษยม์ าหมุนแป้นให้ ตามเพลงบอกว่า “คลึงล้อ”

10หากเป็ นภาชนะทรงสูง กน้ แคบ แลว้ ป้านออกตรงกลาง ตอ้ งทาเป็ น 2 ข้นั ตอน คือ เม่ือทาข้นั ตอนแรกได้ความสูงประมาณ 18-20 นิ้ว ตอ้ งนาไปผ่ึงในที่ร่ม อบั ลมให้หมาด แลว้ จึงต่อส่วนบนโดยการเชื่อมรอยต่อดว้ ยน้าเช่ือมดินหรือน้าสลิป จากน้นั ใชห้ วีขุดผิวภาชนะให้เรียบ จากน้นั ผ่งึ พอหมาดแลว้ จึงนามาทาลวดลายโดยใชไ้ มล้ ายหรือลูกกลิ้งลูกพู แลว้ ปล่อยใหค้ ่อย ๆ แหง้ ในโรงเรือนอบั ลม ภาพท่ี 3 เคร่ืองโม่ดิน. (ภาพถ่าย: จิราภรณ์ สุดมี) ในข้นั ตอนสุดทา้ ยของกระบวนการทาเคร่ืองป้ันดินเผาคือข้นั ตอนการเผา โดยในอดีตมีเฉพาะการเผาแกร่ง หรือเผาดา โดยเริ่มจากการลาเลียงเครื่องป้ันที่แหง้ ดีแลว้ เขา้ ไปวางบนช้นั สาหรับวางเคร่ืองป้ันที่จะเผา เวน้ ช่องวา่ งของเคร่ืองป้ันแต่ละชิ้นให้ห่างกนั เล็กนอ้ ยเพื่อเป็ นช่องใหเ้ ปลวไฟเคล่ือนผา่ นเขา้ ไปได้ทว่ั ถึง ส่วนใหญ่จะวางของชิ้นใหญ่ก่อน เช่น โอ่ง ส่วนช่องว่างระหวา่ งกน้ โอ่ง จะใช้วางของชิ้นเล็ก เช่นครก กระอวยใส่น้าออ้ ย ไหปลาร้า แป้ใส่น้า หรือกระถางรินน้าขา้ วตามแต่ความเหมาะสมของพ้ืนท่ีวา่ งและเครื่องป้ันท่ีทาเสริม จากน้นั ก็นาโอ่งวางต่ออีก สลบั ของชิ้นใหญ่กบั ชิ้นเล็ก นาเขา้ จนเต็มพ้ืนท่ี จะไม่มีการวางของซอ้ นกนั เหมือนในปัจจุบนั เพราะจะทาใหส้ ุกชา้ ลง การเผาระยะแรกเรียกวา่ “เผาลุ่ม” จะเริ่มเผาช่วงหวั ค่าเวลาประมาณ 18.00-19.00 น. โดยก่อไฟไวท้ ่ีปากเตา และมกั จะใช้ฟื นขนาดใหญ่เป็ นท่อนส้ันๆเป็ นเช้ือเพลิง เม่ือฟื นติดไปแลว้ ก็ปล่อยให้ไฟอ่อนลงใชไ้ ฟอ่อน ๆ ค่อย ๆ ใหค้ วามร้อนถูกดูดเขา้ ไปในเตาเพิ่มข้ึนอยา่ งชา้ ๆ เม่ือความร้อนไดท้ ี่ผูเ้ ผาจะดูที่ปล่องถา้ ของที่เผามีสีดาถึงพ้ืนก็รอไฟใหค้ งท่ีไวเ้ ป็ นเวลา 1 ชว่ั โมง หลงั จาก 1 ชว่ั โมง ใหด้ ูที่ปล่องจะเห็นภาชนะท่ีเผาเกิดสีเทาขาว (ข้ีเถา้ เกาะไหล่เคร่ืองป้ันท่ีเผา) เรียกวา่ จบั ส่า การเผารุ่มถึงข้นั ตอนน้ีจะใชเ้ วลา 1 วนั 1 คืนหรือ 24 ชวั่ โมง การเผาระยะที่สองเรียกวา่ “อุดเตา” เมื่อเผาลุ่มไดท้ ่ีแลว้ ใชฟ้ ื นใส่อุดใหเ้ ตม็ ปากเตา ช่างเผาตอ้ งคอยดูแลให้ฟื นเต็มปากเตาอยู่เสมอโดยใช้ฟื นขนาดกลางและฟื นขนาดเล็ก คอยอุดให้อากาศภายนอกเข้าไดน้ อ้ ยที่สุด ถา้ ลมเขา้ เตาไดม้ ากจะทาใหเ้ คร่ืองป้ันแตก

11 การเผาระยะท่ีสามเรียกว่า “ข้ึนปล่อง” ในระยะน้ีช่างเผาจะใส่ถ่านและฟื นท้งั หมดเขา้ ไปในเตาตรงบริเวณท่ีเรียกวา่ “เรือนไฟ” จากน้นั จะใส่ฟื นท่อนยาว ๆ เขา้ ไปในเตาให้เต็มปากเตาใช้เวลาประมาณ30 นาที ไฟจะข้ึนที่ปล่อง จากน้นั ใส่ฟื นต่อไปอีก 3 ชว่ั โมง สังเกตดูสีของเปลวไฟ ถา้ เปลวไฟเป็ นสีส้มแก่แสดงถึงเคร่ืองป้ันดินเผาน้นั สุกแลว้ (เผาแกร่งแลว้ ) คนที่ดวงตาปกติจะเป็ นผทู้ ี่สังเกตไดว้ า่ ดินท่ีกาลงั เผาสุกหรือไม่ แต่สาหรับคนตาบอดจะมีวิธีสังเกตโดยการฟังเสียง กล่าวคือเอาเศษก้อนดินท่ีเผาแลว้ หย่อนลงในปล่อง ถา้ เกิดเสียงดงั “ก๊อง” แสดงวา่ ดินเผาเริ่มสุกแลว้ จากน้นั หยดุ ใส่ฟื น รอคร่ึงชวั่ โมงให้ไฟงวดหรือมอดลง ใชต้ น้ กลว้ ยผ่า 2 ซีกปิ ดปากเตาหนา 3 ช้นั เรียกวา่ “ปิ ดเตา” ทิ้งไว้ 3 วนั 3 คืน ค่อย ๆ ดึงตน้ กลว้ ยออกชา้ ๆ ใหล้ มผา่ นเขา้ ทีละนอ้ ย ถา้ ของท่ีเผาไมเ่ ล่ือนไม่ดงั จะใชน้ ้าพรมบริเวณปากเตาไปเรื่อย ๆ จนเปี ยกเมื่อไฟดบั จะใชไ้ มค้ ุย้ ข้ีถ่านบริเวณปากเตาออก แลว้ จึงใชต้ น้ กลว้ ยท่ีปิ ดปากเตา ทิ้งไวจ้ นอุณหภูมิภายในเตาลดลงจึงจะนาเอาเครื่องป้ันดินเผาออกมาได้ ภาพท่ี 4 การเผาเคร่ืองป้ันดินเผา. (ภาพถ่าย: นิชาภา แกว้ วนุ่ ) กระบวนการผลิตดงั ท่ีกล่าวมาน้ีเป็ นกระบวนการผลิตในสมยั อดีตซ่ึงในปัจจุบนั ได้มีการพฒั นากระบวนการผลิตที่มีความแตกต่าง ทาให้มีความทนั สมยั มากยิง่ ข้ึนเพื่อความสะดวก รวดเร็ว ไดผ้ ลิตภณั ฑ์เป็นจานวนมาก โดยมีข้นั ตอนการทา คือ เร่ิมแรกชาวบา้ นจะนาดินที่เตรียมไว้ นามาแยกเศษไม้ เศษหินออกจากดิน จากน้นั รดน้าให้ชุ่มแลว้ นาไปหมกั ในหลุมขนาด 1×1 เมตร ลึก 20 เซนติเมตร โดยใชเ้ วลาในการหมกั 24 ช่ัวโมง นาดินท่ีได้ไปเข้าเครื่องนวดดิน เครื่องนวดจะรีดดินออกมาเป็ นท่อน ๆ ยาว 25-30เซนติเมตร กวา้ งประมาณ 8 เซนติเมตร เรียกวา่ ล่อ ซ่ึงเป็นตวั กาหนดขนาดของภาชนะท่ีจะป้ัน สุดทา้ ยรดน้าใหช้ ุ่มห่อดว้ ยพลาสติกเกบ็ ไว้ 2 วนั หลงั จากทาการเตรียมดินแล้วชาวบา้ นจะนาดินที่ไดม้ าข้ึนรูป โดยใช้เคร่ืองมือท่ีมีลกั ษณะเป็ นแป้นหมุนวงกลมซ่ึงเรียกวา่ พะมอน ช่างป้ันและลูกศิษยจ์ ะทางานร่วมกนั โดยช่างป้ันจะนาล่อไล่รูปทรงข้ึนตามความตอ้ งการของขนาดภาชนะ ในขณะที่ลูกศิษยจ์ ะทาหน้าท่ีหมุนพะมอนตามจงั หวะที่ช่างป้ัน

12ตอ้ งการให้สัมพนั ธ์กนั และตลอดเวลาท่ีข้ึนรูปน้นั ช่างป้ันจะตอ้ งใช้ผา้ ชุบน้าซับดินท่ีข้ึนรูปเพื่อป้องกนัไม่ใหด้ ินแหง้ ภาพที่ 5 การข้ึนรูป. (ภาพถ่าย: จิราภรณ์ สุดมี) เมื่อทาการข้ึนรูปผลิตภณั ฑ์เสร็จแลว้ ชาวบา้ นจะมีการเพิม่ ลวดลายตา่ ง ๆ ตามจินตนาการ โดยทาได้หลายวธิ ี โดยอาจจะใชน้ ิ้วมือ ไมข้ ีดเป็ นลายเส้น ใชล้ ูกกลิ้งวางบนผิวโอ่งแลว้ หมุนพะมอน ก็จะไดล้ วดลายรอบ ๆ โอ่ง หรือใช้เครื่องมือขูดดิน ใช้มีดปลายแหลมคม ขูดดินให้ลึกพอให้เห็นลวดลายท่ีออกแบบไว้ในบางคร้ังช่างป้ันอาจจะใชด้ ินเหนียวป้ันประดบั ติดแปะ โดยแปะขณะเน้ือดินของโอ่งยงั ไม่แห้ง ถา้ ดินหมาดใชน้ ้าดินขน้ ทาบริเวณที่จะติดเสียก่อน จะทาใหด้ ินท่ีนามาติดไม่หลุดร่อนออก หลงั จากไดท้ าการเพิ่มลวดลายผลิตภณั ฑ์ตามที่ตอ้ งการแลว้ จะนาผลิตภณั ฑ์ที่ไดไ้ ปผ่ึง ถา้ หากผ่ึงในท่ีท่ีมีลมผ่านมากเกินไป จะทาให้เคร่ืองป้ันดินเผาแห้งเร็ว และแตกเสียหายไดง้ ่าย ดงั น้ันจึงตอ้ งสร้างโรงผ่ึงดินโดยเฉพาะ โดยทวั่ ไปแล้วโรงผ่ึงหรือโรงเก็บจะทาเป็ นโรงเรือน หลงั คาแหลมลาดเทลงมาท้งั สองขา้ ง มุงดว้ ยหญา้ แฝก หญา้ คา หรือใบจาก ดา้ นสกดั ทาเป็ นประตูทางเขา้ โดยก้นั แบ่งเป็ นส่วนป้ันดินไวพ้ อประมาณ นอกน้ันก้นั เป็ นโรงผ่ึงดิน พ้ืนล่างโรยทรายไวค้ ่อนขา้ งหนา เพื่อใช้รองเครื่องป้ันดินเผาไม่ให้แตกและเพ่ือให้ดินแห้งสม่าเสมอกนั นาภาชนะท่ีข้ึนรูปเสร็จแลว้ ไปผ่ึงที่โรงเรือนหลงั คาคลุมถึงพ้ืนป้องกนั ลม แดด ฝน พ้ืนเป็นทรายใชเ้ วลาผ่งึ ตามฤดูกาล ฤดูร้อนใชเ้ วลา 15-20 วนั ฤดูฝนใชเ้ วลา 30 วนั

13 ภาพที่ 6 การผ่งึ . (ภาพถ่าย: จิราภรณ์ สุดมี) เม่ือผ่ึงเคร่ื องป้ ั นได้ตามระยะเวลาท่ีเหมาะสมแล้วชาวบ้านจะนาเคร่ื องป้ ั นดิ นเผาไปทาการเผาซ่ึงนบั วา่ เป็นข้นั ตอนที่มีความสาคญั มาก โดยเตาเผาที่นามาเผาจะใชเ้ ตาท่ีทาจากอิฐดิบ แตย่ งั คงลกั ษณะของเตาเป็ นแบบด้งั เดิมอยู่ เพียงแต่เตาเผาในปัจจุบนั อยู่บนผิวดิน การเผาแบ่งออกเป็ น 3 ข้นั ตอน โดยแบ่งตามอุณหภูมิของไฟ ในข้ันแรกชาวบ้านจะใช้ไฟต่า หรื อเรี ยกว่า ไฟลุ่ม คือ ไฟที่มีอุณหภูมิประมาณ0-300 องศาเซลเซียส โดยใช้ท่อนไมข้ นาดใหญ่ 3 ท่อน เผาหนา้ ปากเตาประมาณ 12 ชว่ั โมง จากน้นั จะใช้เป็ นไฟกลาง หรือที่เรียกว่า ไฟอุด ใช้อุณหภูมิประมาณ 300-900 องศาเซลเซียส โดยใช้ไมเ้ ล็ก ๆ เผาต่อบริเวณปากเผาประมาณ 6 ชวั่ โมง และข้นั สุดทา้ ยใชไ้ ฟใหญ่ หรือชาวบา้ นเรียกวา่ ลงไฟ ใชไ้ ฟที่มีอุณหภูมิประมาณ 900-1,300 องศาเซลเซียส โดยใชท้ ่อนไมเ้ ผาภายในเตาประมาณ 6 ชว่ั โมง หลงั จากไฟไหมท้ ่อนไม้จนหมด ใชอ้ ิฐดิบปิ ดปากเตาทิ้งไว้ เป็นเวลา 48 ชว่ั โมง กระบวนการผลิตเคร่ืองป้ันดินเผาของชาวบา้ นบา้ นด่านชยั น้นั ไดม้ ีการสืบทอดมาอยา่ งยาวนานอย่างไรก็ตาม กระบวนการต่างได้มีการเปลี่ยนแปลง พฒั นาไปตามยุคสมยั เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการผลิต เช่น เตาเผาในอดีต จะตอ้ งใช้เตาเผาที่เกิดจากจอมปลวกขนาดใหญ่และอยู่ในบริเวณท่ีมีความอุดมสมบูรณ์แต่สาหรับในปัจจุบนั ไม่จาเป็ นตอ้ งสร้างเตาเผาในพ้ืนที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์สามารถสร้างได้ตามบริเวณที่สะดวกสาหรับผผู้ ลิต ในส่วนของการนวดดินน้นั อดีตจะใชเ้ ทา้ เหยยี บดินถึง 3 รอบและยงั ตอ้ งนาดินที่นวดเสร็จมาป้ันเป็ นท่อนเพื่อใชส้ าหรับการป้ัน แต่ในปัจจุบนั มีเครื่องมือนวดดินท่ีมีความสะดวกเพียงแค่ผสมดินแล้วนาไปใส่ในเครื่ องนวดเท่าน้ัน จากน้ันจะทาให้ได้ดินเป็ นท่อนที่ออกมาและพร้อมนาไปใช้ป้ัน ในส่วนของลกั ษณะของเคร่ืองป้ันที่ปัจจุบนั มีสีสันและลวดลายท่ีสวยงาม เพราะในปัจจุบนั เป็ นการผลิตเพ่ือการคา้ แต่ในอดีตเป็ นการผลิตเพื่อการใชง้ านภายในครัวเรือนจึงไม่จาเป็ นต้องมีลวดลาย เป็ นเพียงเครื่องป้ันท่ีมีลกั ษณะเรียบง่ายแต่มีความสวยงามในอีกรูปแบบหน่ึงซ่ึงสวยงามไม่ต่างจากปัจจุบนั

14ปัญหาและอปุ สรรคในการประกอบอาชีพ ภาพที่ 8 ปัญหาที่เกิดกบั การทาและคา้ ขายเครื่องป้ันดินเผา. (ภาพถ่าย: จิราภรณ์ สุดมี) เครื่องป้ันดินเผาด่านเกวียน เป็ นอาชีพหลักที่ชาวบ้านได้ทากันมาต้ังแต่โบราณจนมีช่ือเสียงเป็ นที่รู้จกั ของคนทวั่ ไป ถือเป็ นมรดกทางศิลปวฒั นธรรมที่สืบทอดกนั มา และเป็ นทุนทางสังคมซ่ึงไดน้ าภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นมาพฒั นาชุมชน แต่เนื่องจากสภาพแวดลอ้ มไดเ้ ปลี่ยนไปท้งั ทางเศรษฐกิจและสงั คมทาให้งานหตั ถกรรมเครื่องป้ันดินเผาลดนอ้ ยลงเร่ือย ๆ (มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, ม.ป.ป.) เป็นที่น่าเสียดายเนื่องจากเกิดปัญหาต่าง ๆ ข้ึน ซ่ึงปัญหาท่ีเกิดข้ึนมีอยู่ 2 ดา้ น คือ ปัญหาท่ีเกิดจากการผลิต และการจาหน่าย ปัญหาด้านการผลิต คือ ต้นทุนวตั ถุดิบในการผลิต มีราคาสูงข้ึน แม้ว่าดินด่านเกวียนจะมีอยู่อย่างเพียงพอ เม่ือก่อนผูผ้ ลิตเคร่ืองป้ันดินเผาจะไปขุดดินบริเวณริมฝ่ังแม่น้ามูลมาเป็ นวตั ถุดิบพ้ืนฐานแตใ่ นปัจจุบนั มีผทู้ ี่มีทุนทรัพยไ์ ดซ้ ้ือที่ดินไวเ้ ป็ นจานวนมากและขายดินที่เหมาะแก่การนามาใชป้ ้ันเครื่องป้ันใหก้ บั ผผู้ ลิตรายยอ่ ยในราคาท่ีสูง แตร่ าคาเคร่ืองป้ันดินเผาท่ีจาหน่ายน้นั เพม่ิ ข้ึนไม่มากนกั ทาใหไ้ ดก้ าไรนอ้ ยและเมื่อถึงฤดูหนาว ดินท่ีใช้เป็ นวตั ถุดิบจะแห้ง แตกง่าย จึงทาให้การเตรียมดินหรือการข้ึนรูปได้ยากดินไม่ประสานติดกนั และหลงั การเผาจะใหเ้ กิดรอยร้าวข้ึนบริเวณน้นั ปัญหาด้านการจาหน่าย คือ มีการแข่งขนั ในระบบตลาดสูง เน่ืองจากชุมชนด่านชัยเป็ นชุมชนท่ีอยู่ในกระแสเศรษฐกิจสมยั ใหม่ ซ่ึงมีการแข่งขนั ทางดา้ นการคา้ ทาให้ชิ้นงานภูมิปัญญาอ่อนคุณค่าลงมีตวั อยา่ งใหเ้ ห็นหลายกรณี เช่น การผลิตเครื่องป้ันดินเผาท่ีมีจานวนการผลิตซ้ามาก ๆ เมื่อผลิตงานประเภทเดียวกนั เป็นจานวนมากผูผ้ ลิตมีการขายตดั ราคาแยง่ ลูกคา้ กนั ทาให้ราคางานเครื่องป้ันดินเผาลดลง ไมค่ ุม้ ทุน(ศูนย์ช่วยเหลือทางวิชาการพฒั นาชุมชน เขตที่ 11 กรมการพัฒนาชุมชน, 2548) และอีกสาเหตุที่ผูป้ ระกอบการประสบอยู่ คือ ภาวะเศรษฐกิจตกต่า เน่ืองจากสินคา้ อุปโภคบริโภคมีราคาสูงข้ึน จึงทาให้ประชาชนใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั ลดรายจ่ายท่ีไม่จาเป็ น ซ่ึงเครื่องป้ันดินเผาส่วนใหญ่ท่ีผลิตออกมาจาหน่ายน้ันเป็ นสินค้าที่ไม่จาเป็ นหรื อของที่ต้องซ้ือใหม่อยู่ตลอด เปรี ยบเสมือนศิลปิ นที่มีช่ือเสียงโด่งดังเมื่อเวลาผา่ นไปก็ไม่เป็นที่นิยมอีกตอ่ ไป เพราะมีศิลปิ นหนา้ ใหม่มาแทนที่ เคร่ืองป้ันดินเผาก็เช่นกนั เม่ือก่อน

15เศรษฐกิจดีเคร่ืองป้ันดินเผาเป็ นท่ีนิยมมากสร้างรายไดใ้ ห้กบั คนในชุมชน แต่ในปัจจุบนั น้ีเศรษฐกิจไม่ดีทาให้คนในชุมชนหนั ไปประกอบอาชีพอ่ืนมากข้ึน เช่น ทางานโรงงาน ผรู้ ักษาความปลอดภยั แม่บา้ น เป็ นตน้หากเศรษฐกิจยงั เป็ นแบบน้ีอีกต่อไป ในอนาคตภายภาคหนา้ คนในชุมชนอาจเลิกทาอาชีพน้ี ภูมิปัญญาและวฒั นธรรมของท่ีนี่อาจเลือนหายไป เม้ียน สิงห์ทะเล (สัมภาษณ์, 5 มกราคม 2561) ภูมิปัญญาที่ได้รับการเรียนรู้มาจากชาวข่า ถูกถ่ายทอดจากอดีตจนถึงปัจจุบนั ซ่ึงคงความเป็ นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั อาจมีการเปล่ียนแปลงตามกาลเวลา มีการประยุกต์ให้เขา้ กบั วิถีชีวิตของคนในสังคมและปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั ปัญหา เพอื่ เป็นประโยชนใ์ นการอุปโภคศิลปะเครื่องป้ันดินเผาชาวด่านชยับทสรุป จากการศึกษาเร่ือง ภูมิปัญญาเคร่ืองป้ันดินเผาสู่การสร้างอาชีพบา้ นด่านชยั ทาให้ทราบวา่ ในอดีตชาวบ้านได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาการป้ันเครื่องป้ันดินเผามาจากชาวข่า ซ่ึงในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงและพฒั นาในดา้ นต่าง ๆ เช่น การออกแบบลวดลายท่ีเป็ นเอกลกั ษณ์ เพื่อตอบสนองความตอ้ งการของคนในปัจจุบนั และเพ่ือเป็ นการประยุกตใ์ ห้เขา้ กบั วิถีชีวิตของคนในสังคมไทย แมว้ า่ จะมีการเปล่ียนแปลงและพฒั นาในด้านต่าง ๆ ชาวบ้านด่านชัยยงั คงสืบทอดภูมิปัญญาการป้ันเคร่ืองป้ันดินเผาเร่ือยมา แตใ่ นปัจจุบนั เกิดปัญหาและอุปสรรคในการประกอบอาชีพ เช่น ปัญหาดา้ นการผลิต ปัญหาดา้ นการจาหน่าย และประสบกบั ปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่า ทาให้คนในชุมชนหันไปประกอบอาชีพอ่ืนมากข้ึนดว้ ยปัญหาเหล่าน้ีอาจทาใหภ้ ูมิปัญญาการป้ันเครื่องป้ันดินเผาเลือนหายไป วถิ ีการดาเนินชีวติ ของคนในชุมชนมีความสัมพนั ธ์กบั ส่ิงแวดลอ้ มโดยการนาดินเหนียวบริเวณริมฝ่ังแม่น้ ามูลมาป้ันเพ่ืออานวยความสะดวกในการดารงชีวิต มีการจัดการกับสิ่งแวดล้อมท่ีเหมาะสมความต้องการของมนุษย์ไม่มีท่ีสิ้นสุด ดังน้ันมนุษย์จึงตอบสนองความต้องการของตนเอง เม่ือสังคมเปลี่ยนไปความตอ้ งการของมนุษยเ์ พ่ิมข้ึน ทาให้มีการพฒั นารูปแบบของเครื่องป้ันดินเผา เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์ ภูมิปัญญาเหล่าน้ีไดร้ ับการสืบทอดมาเป็ นระยะเวลานาน จึงถือเป็นวฒั นธรรมอยา่ งหน่ึงและวฒั นธรรมเหล่าน้ีจะเปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลา เมื่อกลุ่มคนมาอยรู่ ่วมกนั ก่อให้เกิดวฒั นธรรมท่ีหลากหลายในสังคม การรับรู้ การยอมรับและการเคารพต่อบุคคลในสังคมเดียวกนั รู้จกั การอยู่ร่วมกนัอยา่ งกลมกลืน เกิดความภาคภูมิใจในวฒั นธรรมของตนเองและผอู้ ่ืน ทาใหอ้ ยรู่ ่วมกนั อยา่ งสงบสุขเอกสารอ้างองิจาริณี จงปล้ืมปิ ติ และเกียรติฟ้า ต้งั ใจจิต. (2554). การจาลองแบบการกระจายอุณหภูมิท่ีไมม่ ีผลิตภณั ฑ์ เคร่ืองป้ันดินเผาอยภู่ ายในเตาเผาด่านเกวยี น. วารสารวิจัย มหาวิทยาลยั ขอนแก่น, 16(2) ,127-135.ณธายุ ตีบจนั ทร. (2558). แนวทางการเช่ือมโยงสินคา้ โอทอปเพือ่ การท่องเท่ียวชุมชนด่านเกวยี น. จงั หวดั นครราชสีมา. Veridian E-Journal, Slipakorn University, 8(2), 1842-1558.

16ทวี กองศรีมา และศิริพร พลู สุวรรณ.(ม.ป.ป.). ของดีโคราช เล่ม5 สาขาการช่างฝี มือ. นครราชสีมา : ศูนยศ์ ิลปวฒั นธรรม สถาบนั ราชภฏั นครราชสีมา ศูนยว์ ฒั นธรรมจงั หวดั นครราชสีมา.ทวี พรหมพฤกษ.์ (2523). ประวตั ิเคร่ืองป้ันดินเผา. ใน มณแทน ตนั บุญตอ่ . (หนา้ 23).ทรงพนั ธ์ วรรณมาศ. (2530). เครื่องป้ันดินเผา. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พค์ ุรุสภาลาดพร้าว.ปัญจลกั ษณ์ หรีรักษ.์ (2558). การออกแบบและพฒั นารูปแบบเครื่องประดบั ดินเผาด่านเกวยี น. วารสารศิลปกรรมศาสตร์วิชาการ วิจัย และงานสร้างสรรค์, 2(2), 207-236.เปี่ ยมสุข เหรียญรุ่งเรือง. (2526). ประวตั ิเครื่องป้ันดินเผา. ใน มณแทน ตนั บุญตอ่ . (หนา้ 23).พุฒิพทั ธ์ ราชคา และธีรวฒั น์ สินศิริ. (2559). การศึกษาคุณสมบตั ิของอิฐดินเหนียวมวลเบาผสมเถา้ ลอย และแคลเซียมไฮดรอกไซด.์ วารสารวิชาการ วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 9(1), 70-82.มานะ เอ่ียมบวั .(2559). การออกแบบและพฒั นาเพ่ือเพม่ิ มูลค่าผลิตภณั ฑเ์ คร่ืองป้ันดินเผา ในเขตจงั หวดั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ์, 11(1), 83-95.มานิตย์ งามตรง. ประชาสมั พนั ธ์ศูนยก์ ารเรียนรู้เครื่องป้ันดินเผาบา้ นด่านเกวยี น ต.ด่านเกวยี น อ.ด่านเกวยี น จ.นครราชสีมา. (5 มกราคม 2561). สมั ภาษณ์.มณแทน ตนั บุญต่อ. (2542). ประวตั ิเครื่องป้ันดินเผา. มหาสารคาม: ศูนยผ์ ลิตตารา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม.เม้ียน สิงห์ทะเล. ผใู้ หญบ่ า้ น บา้ นด่านชยั ต.ด่านเกวยี น อ.ด่านเกวยี น จ.นครราชสีมา. (5 มกราคม 2561). สมั ภาษณ์.วชิรญา ตติยนนั ทกุล และดลฤทยั โกวรรณนะกลุ . (ม.ป.ป.). ภูมิปัญญาเครื่องป้ันดินเผาท้องถิ่นอีสาน หม่บู ้านด่านเกวยี น จังหวดั นครราชสีมา สู่การพฒั นาธุรกิจครัวเรือน. ขอนแก่น: มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น.วรนทั น์ กิตติอมั พานนท.์ (2531). กระบวนการผลิตเคร่ืองปั้นดินเผาเบือ้ งต้น. ใน สนิท ปิ่ นสกลุ . (หนา้ 16). พษิ ณุโลก: มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั พิบูลสงคราม.ศูนยช์ ่วยเหลือทางวชิ าการพฒั นาชุมชน เขตที่ 11 นครราชสีมา. (ม.ป.ป.). เคร่ืองป้ันดินเผาด่านเกวยี น ภมู ิปัญญาท้องถ่ินอีสาน. นครราชสีมา: โครงการบนั ทึกและเผยแพร่ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน.สนิท ป่ิ นสกุล. (2554). กระบวนการผลิตเคร่ืองป้ันดินเผาเบ้ืองตน้ . พิษณุโลก: มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั พบิ ูล สงคราม.

17สุขมุ าล เล็กสวสั ด์ิ. (2548). เคร่ืองป้ันดินเผา: ฐานการออกแบบและปฏิบตั ิ. กรุงเทพฯ: แอคทีพ พริ้นท.์สุรกานต์ รวยสูงเนิน และธนสิทธ์ิ จนั ทะรี. (2558). โครงการการออกแบบเพอ่ื เพิ่มมูลคา่ ผลิตภณั ฑ์ เครื่องป้ันดินเผาไฟต่าอีสาน. วารสารวิชาการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 10, 117-125.สานกั งานพฒั นาชุมชนจงั หวดั นครราชสีมา. (2560). หมูบ่ า้ น OTOP เพ่ือการท่องเที่ยว บา้ นด่านเกวยี น ตาบลโชคชยั อาเภอโชคชยั จงั หวดั นครราชสีมา. เขา้ ถึงเม่ือ 24 ธนั วาคม 2560, จาก http://korat.cdd.go.th/services/หมูบ่ า้ น-otop-เพ่ือการท่องเที่ยว.