ของดีประจำชุมชน ของฉัน At Pra Nakhon Sri Ayutthaya
คำนำ e-book เล่มนี้จัดเป็นส่วนหนึ่งของโครงงานวิชา IS ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/9 เพื่อให้ได้นำมาเสนอข้อมูลของ ของดีประจำชุมชนของฉัน เพื่อให้ได้ศึกษาอย่างเข้าใจ และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน คณะผู้จัดทำ e-book เล่มนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์ แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย Next page
สาร บัญ ของดีประจำชุมชนของฉัน ภูมิปัญญาไทย -ประวัติความเป็นมา -ประเภทของภูมิปัญญา -ลักษณะของภูมิปัญญา ปลาตะเพียนใบลาน -ประวัติความเป็นมา -ปลาตะเพียนกับความเชื่อ -องค์ประกอบของปลาตะเพียนใบลาน -วิธีการสานปลาตะเพียนใบลสย ผลิตภัณฑ์เป่าแก้ว -ประวัติความเป็นมา -จุดเด่นของผลิตภัณฑ์เป่าแก้ว -วัตถุดิบที่สะท้อนความเป็นภูมิปัญญา -วัตถุดิบและส่วนประกอบ ขนมบ้าบิ่น -ประวัติความเป็นมา -ส่วนผสม -วิธีการทำขนมบ้าบิ่น
ของดีประจำชุมชนของฉัน ของประจำชุมชนเเต่ละเเห่งในจังหวัดอยุธยานั้นจะมี ความแตกต่างกันตามเเล้วเเต่เเหล่งที่อยู่หรือความอุดม สมบูรณ์ของชุมชน โดยบางที่ก็จะเป็นอาหาร บางที่อาจ จะเป็นสิ่งของ หรือบางที่อาจจะเป็นอาวุธ จากความ หลากหลายของวัฒนธรรมเเต่ละที่นี้เอง การนำสิ่งของ จากเเต่ละชุมชนมาให้ผู้คนได้รับความสนใจจึงเป็นการ ช่วยสานต่อและเผยแพร่วัฒนธรรมนั้นๆได้ด้วย ๑
ภูมิปัญญา ภูมิปัญญา เป็นองค์ความรู้ ทักษะต่าง ๆ และ ประสบการณ์ของมนุษย์ ผ่านการลองผิด ลองถูก เป็นสิ่งที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีต โดย ผ่านกระบวนการศึกษา สังเกต คิดวิเคราะห์ ๒
ภูมิปัญญา •ประเภทของภูมิปัญญา 1. ภูมิปัญญาระดับชาติ เป็นองค์ความรู้ ทักษะและความสามารถ ต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับชาติและช่วยให้ชาติผ่านพ้น วิกฤตต่าง ๆ ช่วยแก้ปัญหาในการดำรงชีวิต ในสังคมของคนส่วนใหญ่ รวมถึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางใน สังคม เช่น การกอบกู้เอกราชและการช่วยให้ประเทศไทย รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม ของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต 2. ภูมิปัญญาระดับท้องถิ่น เป็นองค์ความรู้ ทักษะและความ สามารถต่าง ๆของประชาชนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นต่าง ๆ ภูมิปัญญาในระดับท้องถิ่นมีส่วนคล้ายกันและแตก ต่างกันออกไปตามสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่นซึ่งช่วยแก้ไข ปัญหาหรืออำนวยความสะดวกในการดำนินชีวิตประจำวันของ ประชาชนใน ท้องถิ่น ๆ นั้น เช่น การอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ เป็นต้น ๓
ภูมิปัญญา •ลักษณะของภูมิปัญญาไทย มีดังนี้ 1 . ภูมิปัญญาไทยมีลักษณะเป็นความรู้ ทักษะ ความเชื่อ และพฤติกรรม 2 . ภูมิปัญญาไทยแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคน กับคน คนกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และคนกับสิ่งเหนือ ธรรมชาติ 3 . ภูมิปัญญาไทยเป็นองค์รวมหรือกิจกรรมทุกอย่าง ในวิถีชีวิตของมนุษย์ 4 . ภูมิปัญญาไทยเป็นเรื่องของการแก้ปัญหา การ จัดการ การปรับตัว รวมถึงการเรียนรู้ เพื่อความอยู่รอดของ บุคคล ชุมชน และสังคม 5 . ภูมิปัญญาไทยเป็นพื้นฐานสำคัญในการมองชีวิต เป็นพื้นฐานความรู้ในเรื่องต่างๆ 6 . ภูมิปัญญาไทยมีลักษณะเฉพาะ หรือมีเอกลักษณ์ เป็นตัวเอง 7 . ภูมิปัญญาไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อ ปรับสมดุลตามพัฒนาการทางสังคม ๔
ปลาตะเพียนใบลาน ประวัติความเป็นมา ของปลาตะเพียนใบลาน การสานปลาตะเพียนใบลานเป็น อาชีพเก่าแก่ที่ทําสืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษนานกว่า ๑๐๐ ปี โดยสันนิษฐานว่า ชาวไทยมุสลิมซึ่งล่องเรือขายเครื่องเทศ อยู่ตามแม่น้ําเจ้าพระยาและอาศัยอยู่ในเรือเป็นผู้ประดิษฐ์ ปลาตะเพียนสานด้วยใบลานขึ้นเป็นครั้งแรก แรงบันดาลใจ อาจจะมาจากความรู้สึกผูกพันอยู่กับท้องน้ำ สิ่งแวดล้อมร อบๆ ตัว และความคุ้นเคยกับรูปร่างหน้าตาของปลาตะเพียน เป็นอย่างดี โดยใช้วัสดุจากท้องถิ่น เช่น ใบมะพร้าว ใบลาน ใบตาล ปลาตะเพียนที่สานด้วยใบลานในสมัยก่อนนั้น ไม่ สวยงามและมีขนาดใหญ่โตเช่นปัจจุบันนี้ ปลาตะเพียนรุ่น แรกที่สร้างขึ้นเรียกว่า “ปลาโบราณ” โดยจะทําเป็นตัวปลา ขนาดเล็กๆ ขนาด ๑ – ๓ ตัวเท่านั้น ปลาตะเพียนใบลาน มัก ทาด้วยสีเหลืองซีดๆ ที่ทำด้วยวัตถุดิบตามธรรมชาติที่เรียก ว่า “รงค์” ผสมกับน้ํามันวานิช แล้วนําไป เสียบไม้สําหรับ แขวนและปลาตะเพียนใบลานในสมัยก่อนยังมีจํานวนน้อย มากถ้าเทียบกับปัจจุบัน ๕
ปลาตะเพียนใบลาน •ปลาตะเพียนใบลานกับความเชื่อ คนไทยรู้จักปลาตะเพียนใบลานหรือปลาโบราณ ในรูปของเล่นเด็ก โดยพ่อแม่จะนํามา ด้วยแปขเปวล็นนาตไกวาะ้เเรหพสีนยืร้อนาเงใปบคลลวทาีา่ลมนูกเทีพ่นห้ล้อิอดยยเนอพอยลู่นิกน็ยจใาะจมพใหทล้ีิ่้แเวปกไ่หลเดวแ็กตกาว่มงไไปกว เพื่อจะได้ไม่ร้องไห้โยเยกวนใจพ่อแม่ ๖
ปลาตะเพียนใบลาน •องค์ประกอบของปลาตะเพียนใบลาน ปลาตะเพียนสานเป็นเครื่องแขวนที่ประกอบด้วยชิ้นส่วน สําคัญ ๖ ชิ้นคือ กระโจม แม่ ปลา กระทงเกลือ ปักเป้า ใบโพธิ์ และลูกปลา มี๒ ชนิด คือ ชนิดที่เขียนเป็นลวดลายตกแต่ง สวยงามสําหรับแขวนเหนือเปลลูกผู้มีบรรดาศักดิ์ และ ชนิดเป็นสีใบลานเรียบๆ ไม่มีการตกแต่งอย่างใด ใช้แขวนเหนือเปลลูกชาวบ้านธรรมดาสามัญ ปลา ตะเพียนใบลานที่มีลวดลายสีสันต่างๆ อย่างที่เห็นใน ปัจจุบัน ๗
ขั้นตอนการสาน ปลาตะเพียน 1. นำใบลานมาตัดเป็นเส้นยาว จำนวน 2 เส้น 2. นำใบลานเส้นที่ 1 มาพันมือ 2 รอบ 3. นำใบลานหั่นได้แล้วดึงมือที่พันออก ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับไว้ 4. นำใบลานใบที 2 มาพับครึ่งแล้วสอดเข้าไปในใบมะพร้าวที่พันไว้ ในรอบแรก 5. เสร็จแล้วให้ใช้ใบลานเส้นที่ 2 เส้นล่างสอดช่องใบลานเส้นที่ 1 ห่วงแรก 6. กลับด้านหลังขึ้นมานำใบลานเส้นที่ 2 ปลายด้านล่างสอดช่อง แล้วดึงจัดให้สวยงาม 7. ใช้กรรไกรตกแต่ง ครีบและหาง 8. สานใบลานส่วนที่เป็นองค์ประกอบอื่นๆ เช่น กระโจม กระทง เกลือ ใบไพ เม็ดปักเป้า และลูกปลานำตัวปลาและเครื่องประกอบอื่นๆระบายสีให้สวยงาม 9. นำลูกปลาเละเครื่องประกอบอื่นๆที่ตกแต่งแล้วมาประกอบกับ ปลาตัวใหญ่ จะได้ปลาตะเพียนเป็นพวงสวยงาม ๘
๙ ผลิตภัณฑ์เป่าแก้ว
๑๐ ผลิตภัณฑ์เป่าแก้ว ประวัติความเป็นมา ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชาวอียิบ โบราณเป็นชนกลุ่มแรกที่รู้จักทำแก้ว เมื่อประมาณ 4 พันปีก่อน สมัยนั้นการทำแก้วใช้วิธีการที่เรียกว่า การขึ้นรูปแก้วจากหุ่นแกน การทำภาชนะเล็ก ๆ สักใบ หนึ่งต้องใช้เวลานาน และ เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ชาวอียิปต์โบราณยังรู้จักการทำแก้วด้วยวิธีการอื่น ๆ อีก เช่น การหล่อ การเจาะ การตัด และ การแกะสลัก ลวดลายลงบนแก้ว ซึ่งกรรมวิธีเหล่านี้ต้องใช้เวลานาน กว่าจะได้ชิ้นงานที่ต้องการ ต่อมาในสมัยกรีกและโรมัน กรรมวิธีการทำแก้วได้มีการพัฒนาให้ดีขึ้น ชาวโรมัน หรืออาจเป็นชาวโฟนีเซีย ในปัจจุบันก็คือ เลบานอน ได้ ค้นพบวิธีการเป่าแก้ว โดยการใช้ท่อโลหะกลวงม้วน เอาแก้วเหลวให้ติดกับปลายอีกข้างหนึ่งแล้วใช้ปากเป่า ลมเข้าไปทางปลายท่ออีกด้านหนึ่ง ทำให้ก้อนแก้วเหลว พองออกมา กลายเป็นภาชนะรูปร่างต่างๆ ซึ่งสามารถ ผลิตแก้วได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เทคนิคการเป่าแก้วได้ รับการพัฒนาเรื่อยเป็นลำดับ จนเป็นกระบวนการผลิต แก้วที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน
อัตลักษณ์/จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ สินค้าได้มาตรฐานเดียวกันทุกชิ้นงาน สีสัน สวยงาม มีหลากหลายรูปแบบทั้งที่เป็นรูปแบบ ทั่วไป เช่น รูปสัตว์ต่าง ๆ และยังมีสินค้าที่ดีไซน์ เฉพาะตามความต้องการของลูกค้า และนำแนว ความคิด ความเชื่อ มาร้อยเรียงเป็นผลิตภัณฑ์ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น วัตถุดิบสะท้อนความเป็นภูมิปัญญา วัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานส่วนใหญ่ใช้ทรัพยากรจากโรงงาน อุตสาหกรรมเช่นขั้วหลอดไฟที่เหลือจากโรงงานแล้วทิ้ง ขวดเบียร์ ขวด แก้วสี ของเหลือใช้เหล่านี้สามารถนำมาหลอมแล้วขึ้นรูปเป็นงานศิลปะ ได้โดยมีต้นทุนตำและยังช่วยกำจัดขยะทีไม่สามารถย่อยสลายได้อีกทาง หนึ่ง ส่วนวัตถุดิบบางอย่างก็อาศัยจากการนำเขามาจากต่างประเทศ เนื่องประเทศไทยไม่สามารถผลิตเองได้ เช่น น้ำทองคำแท้ แก้วกลวง รูปแบบในการทำงานผสมผสานระหว่างจินตนาการและความชำนาญ คือสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นฝีมือคนไทยได้อย่างชัดเจน ๑๑
ผลิตภัณฑ์เป่าแก้ว วัตถุดิบและส่วนประกอบ 1.แท่งแก้วตันแบบทนความ ร้อน(Borosilicate) 2.หัวเป่าแก้วแบบธรรมดา 3.คีมหนีบ 4.แผ่นกราไฟล์ 5. แก๊ส,ออกซิเจน 6.แว่นตาป้องกันแสง 7.สีเขียนแก้ว 8.ตู้อบ ๑๒
๑๓ •ขนมบ้าบิ่น ประวัติความเป็นมา ขนมบ้าบิ่น ขนมไทยอย่างหนึ่ง ทำจากแป้งข้าวเหนียว ผสมกับมะพร้าวและนํ้าตาลทรายรวมถึงไข่ไก่ ทำให้สุกด้วย การผิงไฟล่างไฟบน มีลักษณะเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบน ๆ เป็นขนมที่ มีที่มาจากขนมโปรตุเกสเช่นเดียวกับขนมไทยอีกหลาย ๆ ประเภท แต่ขนมบ้าบิ่นน่าจะถือกำเนิดในยุครัตนโกสินทร์ ที่มาของชื่อ \"บ้าบิ่น\" มีที่มาด้วยกันสองกระแส บ้างก็ว่ามาจาก ผู้ที่เป็นเจ้าของตำรับซึ่งเป็นชาวชุมชนกุฎีจีนชื่อ \"แม่บิ่น\" โดย ครั้งแรกใช้ชื่อว่า \"ขนมป้าบิ่น\" และเรียกเพี้ยนจนกลายเป็นบ้า บิ่นในที่สุด ขณะที่อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่า ด้วยความที่ขนมบ้า บิ่นมีที่มาจากขนมโปรตุเกสชื่อ กลชาดาซ เดอ กรูอิงบรา (Queijadas de Coimbra) ซึ่งใช้เนยแข็งเป็นวัตถุดิบ แต่เรียก กันติดปากเพียงคำสุดท้าย คือ \"บรา\" และต่อมาเพิ่มคำว่า \"บิ่น\" เข้าไป จนกลายมาเป็นขนมบ้าบิ่นในที่สุด โดยแหล่งของ ขนมบ้าบิ่นที่ขึ้นชื่อ คือ อำเภอท่าเรือ จังหวัด
๑๔ •ขนมบ้าบิ่น ส่วนผสม 1.มะพร้าวทึนทึกขูด 3 ถ้วยตวง 2.แป้งข้าวเหนียว ½ ถ้วยตวง 3.น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง 4.เกลือ ¼ ช้อนชา 5.กะทิ ¼ ถ้วยตวง
๑๕ •ขนมบ้าบิ่น ขั้นตอนการทำขนมบ้าบิ่น 1.เทแป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย เกลือ และกะทิ ลงในชามผสม แล้วคนผสมให้เข้ากัน ใส่มะพร้าวขูดลงไป นวดผสมให้เข้ากันดี 2.ตั้งกระทะให้ร้อน ทาน้ำมันเล็กน้อยจากนั้นตัก ส่วนผสมลงกระทะ แล้วกดให้เป็นชิ้นแบน 3.พลิกกลับด้านขนมให้สุกและเหลืองทองเท่ากัน ทั้งสองด้าน
แบบสอบถามความพึงพอใจ
THANK YOU
จัดทำโดย 1.นาย พิชญะ โพธี เลขที่ 13 2.นาย พุฒิพงศ์ ลาภสอาดพร เลขที่ 14 3.นางสาว สลิลทิพย์ ทองอยู่ เลขที่ 22 4.นาย ธนกร ตริระวิจารณะ เลขที่ 25 5.นางสาว ภัทรภร ธนทรไกรกุล เลขที่ 31 6.นางสาว สาวิตรี ใบบัวทอง เลขที่ 33 7.นางสาว สุดารัตน์ รัศมีนา เลขที่ 34 8.นาย นิฐิกร ธาดาลิมะวัฒน์ เลขที่ 40 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 เสนอ อาจารย์ ดวงแก้ว สุหลง โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: