โลกเกิดข้ ึนมาไดอ้ ยา่ งไร • โลกเป็ นดาวเคราะหท์ ี่หา่ งจากดวงอาทิตยเ์ ป็ นลาดบั ที่สาม • มีอุณหภูมิที่เหมาะสมที่ทาใหน้ ้าคงสภาพอยไู่ ด้ • เป็ นดาวเคราะหด์ วงเดียวท่ีมีววิ ฒั นาการจนมอี อกซิเจนในบรรยากาศ ปัจจยั ท้งั สอง ประการสง่ ผลให้ \"โลก\" มีสิ่งมีชวี ิตเกิดข้ ึน • “โลกเกิดข้ ึนมาไดอ้ ยา่ งไร” สมมติฐานท่ีไดร้ บั การยอมรบั มากท่ีสุดคือ โลกรวมท้งั ระบบสุริยะจกั รวาลเกดิ จากกลุ่มกา๊ ซและฝ่ ุนขนาดยกั ษ์ท่ีเรียกวา่ “เนบิวลา่ ”(Nebular)
สมมตฐิ านเก่ียวกบั การกาเนิดโลก
แสดงการเกดิ ของสุริยจักรตามสมมตฐิ านเนบิวล่าร์ (ก.) กลุ่มกา๊ ซและฝ่ นุ ละอองในอวกาศมีการยบุ ตวั และ หมุนชา้ ๆ (ข.) กลุ่มก๊าซหมุนเร็วข้ึน ทาใหม้ ีลกั ษณะแบนคลา้ ยเลนส์ นูนบางๆ (ค.) มวลสารบริเวณรอบนอกถูกสกดั ออกมาเป็นวง แหวนทีละช้นั (ง.) มวลก๊าซและฝ่ นุ เกาะกนั รวมตวั เป็นดาวเคราะห์มีดวง อาทิตยอ์ ยตู่ รงกลาง
สมมตฐิ านเกี่ยวกบั การกาเนิดโลก • สมมติฐานเนบลู าร์ (Nebular Hypothesis) เช่ือวา่ หลายพนั ลา้ นปี ที่ผ่านมาไดม้ ีกลุม่ กา๊ ซ และสสารจานวนมาก หมุนรอบดวงอาทิตย์ ที่เกิดข้ ึนใหม่ ต่อมาในราว 4,600 ลา้ นปี กลุ่มกา๊ ซ และสสารดงั กล่าวไดร้ วมตวั กนั เกิดเป็ นโลก และดาวเคราะหต์ ่างๆ ที่ เป็ นบริวารของดวงอาทิตย์ โดยเร่ิมจากกลุ่มกา๊ ซ และสสารไดร้ วมตวั กนั มีขนาดเล็กลง และรอ้ นยง่ิ ข้ ึนตามลาดบั จนกลายเป็ นดวงไฟ ต่อมาเยน็ ตวั ลงเกิดการแข็งตวั ในสว่ นที่เป็ นเปลือกโลกหมุ้ ส่วนท่ีเป็ นของเหลวไวภ้ ายในและมีกลุ่มกา๊ ซและสสารท่ีมีความหนาแน่นตา่ เกิด เป็ น บรรยากาศหอ่ หมุ้ อยรู่ อบโลกข้ ึนก่อน ภายหลงั ไดเ้ กิดกระบวนการภูเขาไฟ ข้ ึนอยา่ งมากมาย หลงั จากน้ันเมื่อโลก เยน็ ตวั ลงมากเขา้ สว่ นที่เป็ นกา๊ ซและน้าจะรวมตวั กนั เป็ นเมฆ และกลนั่ เป็ นฝนตกลงมา ก่อใหเ้ กิดเป็ นทะเลและมหาสมุทร พรอ้ มกบั เกิดกระบวนการต่างๆ เชน่ การเกิดภเู ขาไฟ การเกิดแผ่นดินไหว การเกิดเทือกเขา การผุพงั อยกู่ บั ที่ การกร่อน เป็ นตน้ รวมถึงการเกิดและววิ ฒั นาการของสิ่งมีชีวิต
สมมตฐิ านเก่ียวกบั การกาเนิดโลก • สมมติฐานพลาเนตติซิมลั (Planetesima ; Hypothesis) ไดอ้ ธิบายวา่ โลกและดาวเคราะหท์ ่ีเป็ นบรวิ ารของดวงอาทิตย์ เคยเป็ นหนึ่งของดวงอาทิตย์ มาก่อน ภายหลงั ไดห้ ลุดออกมา เป็ นดาวเคราะหต์ ่าง ๆ โคจรอยรู่ อบดวงอาทิตยเ์ น่ืองจาก แรงดึงดูดของดาวดวงหน่ึงที่โคจรผ่านเขา้ มาใกลด้ วงอาทิตยน์ ้ัน ทฤษฎีพลาเนตติซิมลั (planetesimal hypothesis) อธิบายวา่ โลก แยกตวั จากดวงอาทิตย์ โดยเกิดจากการโคจรผา่ นเขา้ มาของดาวขนาดใหญ่มากดวง หน่ึง แรงดึงดูดของดาวดวงน้ีไดด้ ึงเอาส่วนหน่ึงของดวงอาทิตยแ์ ยกออกไปเกิด เป็นดาวเคราะห์ต่างๆ ข้ึน กรณีน้ีโลกของเรามีอายนุ อ้ ยกวา่ ดวงอาทิตย์
สมมตฐิ านเก่ียวกบั การกาเนิดโลก • สมมติฐานพลาเนตติซิมลั (Planetesima ; Hypothesis)
วิทยาศาสตรเ์ ก่ียวกบั โลก แรงยดึ เหน่ียวเน้ ือสารของโลกใหเ้ ป็ นกอ้ น - แรงโนม้ ถ่วง(Gravity force) ซ่ึงมที ิศทางเขา้ สูศ่ ูนยก์ ลางของโลก - แรงเหวยี่ ง (Centrifugal force) ที่เกดิ จากการหมุนและแรงดนั จาก ภายใน ท้งั สองแรงมีค่าเท่ากนั โลกจงึ อยูใ่ นสมดุล สณั ฐานของโลกเป็ นรปู เอลลิปซอยด์ (Ellipsoid)
โลกของเรา - เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 12,756 กโิ ลเมตร - จากขว้ั โลกเหนือไปยงั ข้วั โลกใต้ 12,713 กโิ ลเมตร - เสน้ รอบวงประมาณ40,250 กโิ ลเมตร - แกนของโลกเอียงเป็ นมุม 23.5 องศา - หมุนรอบตวั เองภายในเวลา 23 ชวั่ โมง 56 นาที -โคจรรอบดวงอาทิตยภ์ ายในเวลา 365.24 วนั หมุนรอบตวั เองโดยมคี วามเร็วสงู สุดที่เสน้ ศูนยส์ ูตรประมาณ 1,600 กโิ ลเมตรต่อชวั่ โมง แต่ความเร็วท่ีข้วั โลกท้งั สองจะเป็ นศนู ย์
สณั ฐานโลกของเรา a) เสน้ ละตจิ ดู b) เสน้ ลองตจิ ดู บนโลก
การเคลื่อนที่ของโลก มี 2 ลกั ษณะ คือ การหมุนรอบตวั เอง และโคจรรอบดวงอาทิตย์
การเคลือ่ นที่ของโลก 1. การหมุนรอบตวั เอง(Rotation) เป็ นการหมุนของโลกรอบแกนสมมติ โดยหมุนจากทิศตะวนั ตกไปทิศตะวนั ออก(หมุน ทวนเขม็ นาฬกิ า) แกนสมมติจะช้ ีไปบนฟ้าตรงจุดเหนือข้วั โลกเหนือเรียกวา่ ขว้ั ฟ้าเหนือ และตรงจดุ เหนือข้วั โลกใตเ้ รียกวา่ ขว้ั ฟ้าใต้
กากราแรบแ่งเบขตง่ วเขนั ตวนั แผนภาพแสดงการนับวนั และเวลา
การแบ่งเขตวนั ในปี พ.ศ. 2427 ท่ีประชุมคองเกรสนักดาราศาสตร์ ไดก้ าหนดระบบเวลาสาหรบั ใชท้ วั่ โลก เรียกวา่ เวลาเขต (Zone Time) เวลาเขต (Zone Time)หรือเวลามาตรฐาน (Standard Time) เป็ นการกาหนดขอบเขต อาณาบริเวณบนโลกข้ ึน เพ่ือใหต้ กลงใชเ้ วลาเดียวกนั โดยใชเ้ สน้ เมอริเดียนแบง่ โลกออกเป็ นเขตเวลา (Time Zone) 24 เขต แต่ละเขตมีความกวา้ ง 15 องศา หรือเทียบเวลาไดเ้ ทา่ กบั 1 ชวั่ โมง • กาหนดใหเ้ ขตเสน้ เมอริเดียนกลางผ่านเมืองกรีนิชเป็ นเขตศูนย์ แลว้ นับไปเรื่อย ๆ ทางตะวนั ตกของกรีนิช จะเป็ นเขต +1, +2, +3,….. • สว่ นทางตะวนั ออกของกรีนิชจะเป็ นเขต -1, -2, -3,….. ประเทศไทยใชเ้ มอริเดียนศูนยก์ ลางท่ีผ่านจงั หวดั อุบลราชธานี มีค่าลองจิจดู 105 องศา หรอื 7 ชวั่ โมง ตะวนั ออก จึงเป็ นเขต –7
การแบ่งเขตวนั
การแบง่ เขตวนั การแบง่ เขตแบบน้ ีทาใหเ้ ขต +12 กบั เขต –12 ทบั กนั จงึ ตกลงแบง่ ครึ่งแถบท่ีอยทู่ างตะวนั ตกเป็ นเขต +12 สว่ นคร่ึงแถบท่ีอยทู่ างตะวนั ออกเป็ นเขต –12 และเรียกเมอริเดียนที่อยตู่ รงกบั ชวั่ โมงที่ 12 น้ ีวา่ เสน้ เขตวนั (International date line) อยทู่ ี่บริเวณหมเู่ กาะฮาวาย
เวลา(Time) เวลาเที่ยง (noon) กาหนดจากการที่ดวงอาทิตยผ์ ่านเสน้ เมอริเดียนพอดี เวลาเชา้ (Ante Meridien :A.M.) เวลาท่ีดวงอาทิตยเ์ คลื่อนที่ก่อนที่จะถึงเสน้ เมอริเดียน เวลาบ่าย (Post Meridien : P.M.) คือเวลาที่ดวงอาทิตยผ์ ่านเสน้ เมอริเดียนไปแลว้
การโคจรรอบดวงอาทิตย(์ Revolution)
การโคจรรอบดวงอาทิตย(์ Revolution)
การโคจรรอบดวงอาทติ ย(์ Revolution) 1. วสนั ตวษิ ุวตั (วะ-สนั -ตะ-ว-ิ สุ-วดั ) (Vernal Equinox) ตรงกบั วนั ที่ 21 มี.ค. เป็ นวนั ที่ดวงอาทิตยข์ ้ นึ ทาง ทิศตะวนั ออกและตกทางทิศตะวนั ตกพอดี ส่งผลใหช้ ว่ งเวลากลางวนั เท่ากบั กลางคืนพอดี นับเป็ นวนั ท่ี ประเทศทางซีกโลกเหนือเขา้ ยา่ งสู่ฤดูใบไมผ้ ลิ สว่ นซีกโลกใตเ้ ขา้ สู่ฤดูใบไมร้ ว่ ง 2. ครีษมายนั (คร-ี สะ-มา-ยนั ) (Summer Solstice) ตรงกบั วนั ที่ 21 มิ.ย.หรอื 22 มิ.ย. เป็ นวนั ที่ดวงอาทิตย์ ข้ นึ ทางทิศตะวนั ออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวนั ตกเฉียงไปทางเหนือมากท่ีสุด สง่ ผลให้ ชว่ งเวลากลางวนั ยาวที่สุดในรอบปี สาหรบั ประเทศทางซีกโลกเหนือ นับเป็ นวนั ท่ียา่ งเขา้ สู่ฤดูรอ้ น ส่วนประเทศ ทางซีกโลกใตช้ ว่ งกลางวนั จะส้นั ท่ีสุดในรอบปี นับเป็ นวนั ที่ยา่ งเขา้ สฤู่ ดูหนาว 3. ศารทวษิ ุวตั (สาด-ทะ-ว-ิ สุ-วดั ) (Autumnal Equinox) ตรงกบั วนั ท่ี 23 ก.ย. เป็ นวนั ท่ีดวงอาทิตยข์ ้ นึ ทาง ทิศตะวนั ออกและตกทางทิศตะวนั ตกพอดี ส่งผลใหช้ ว่ งเวลากลางวนั เท่ากบั กลางคืนพอดี นับเป็ นวนั ท่ีประเทศ ทางซีกโลกเหนือเขา้ ยา่ งสู่ฤดูใบไมร้ ่วง ส่วนซีกโลกใตเ้ ขา้ ส่ฤู ดูใบไมผ้ ลิ 4. เหมายนั (เห-มา-ยนั ) (Winter Solstice) ตรงกบั วนั ที่ 21 ธ.ค.หรอื 22 ธ.ค. เป็ นวนั ท่ีดวงอาทิตยข์ ้ ึนทางทิศ ตะวนั ออกเฉียงไปทางใตม้ ากที่สุด และตกทางทิศตะวนั ตกเฉียงไปทางใตม้ ากท่ีสุด สง่ ผลใหช้ ว่ งเวลากลางวนั ส้นั ท่ีสุดและกลางคนื ยาวที่สุดในรอบปี หรอื ที่คนไทยเรยี กวา่ “ตะวนั ออ้ มขา้ ว” สาหรบั ประเทศทางซีกโลกเหนือ นับเป็ นวนั ที่ยา่ งเขา้ สู่ฤดูหนาว สว่ นประเทศทางซีกโลกใต้ ชว่ งกลางวนั จะยาวท่ีสุดในรอบปี นับเป็ นวนั ท่ียา่ งเขา้ สู่ ฤดูรอ้ น
การหมุนรอบตวั เองของโลก ทาใหเ้ กิดกลางวนั กลางคืน การโคจรของโลก รอบดวงอาทิตย์ ทาใหเ้ วลาและฤดูกาลผ่านไป โลกโคจรรอบดวงอาทิตยห์ นึ่งรอบ กินเวลา 1 ปี ขณะท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ จากทิศตะวนั ตกไปทาง ทิศตะวนั ออกน้ัน เม่ือเราสงั เกตดูการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ เราจะเห็น ดวงอาทิตยเ์ คล่ือนท่ีไปตาม กลุ่มดาวกลุม่ ต่าง ๆ กลางทอ้ งฟ้า เสน้ ทางท่ี ดวงอาทิตยป์ รากฏโคจรไปบนทอ้ งฟ้าผ่านกลุ่มดาวต่าง ๆ ในรอบปี หน่ึง น้ัน เรียกวา่ เสน้ อิคลิพติค (Ecliptic) เสน้ น้ ีพาดจากขอบฟ้าทิศตะวนั ออก ผ่านกลาง ฟ้าเหนือ ศีรษะไป ทางขอบฟ้าทิศตะวนั ตก บรรดาดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และ ดวงนพเคราะห์ ต่างก็เคลื่อนท่ีในแนวแถบเสน้ Ecliptic น้ ีท้งั ส้ ิน
จกั ราศี (Zodiac)
คาถาม 1. จงอธิบายการกาเนิดและววิ ฒั นาการของโลก 2. เสน้ แบง่ เขตวนั อยทู่ ่ีใด 3. จงอธิบายความหมายของ A.M. และ P.M. 4. กลุ่มดาวจกั ราศีคืออะไร 5. ถา้ ท่ีรฐั วอชิงตงั ดีซี เป็ นเวลา 12.00 น. สถานที่ต่อไปน้ ีตรงกบั เวลาใด กรุงลอนดอน กรุงมอสโคว์ กรุงเทพมหานคร
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทติ ย์ การเกิดขา้ งข้ ึน – ขา้ งแรม เกิดข้ ึนเนื่องจากดวงจนั ทร์ ซ่ึงไมม่ ีแสงสวา่ งในตวั เองเคล่ือนท่ีรอบโลก ทาใหส้ ่วนสวา่ ง ข้ ึนไดร้ บั แสงจากดวงอาทิตยห์ นั มาทางโลกไมเ่ ท่ากนั ในแต่ละวนั
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทติ ย์ การเกิดน้าข้ ึน - น้าลง โลกและดวงจนั ทรม์ ีแรงดึงดูดระหวา่ งกนั น้าซึ่งเป็ นของเหลวท่ีไหลไดง้ ่ายจะเคล่ือนที่ไปดว้ ย
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตย์ การเกิดอุปราคา อุปราคาแปลวา่ มืดมวั ลง มี 2 อยา่ งคือจนั ทรุปราคาและสุริยุปราคา เป็ นปรากฏการณท์ ่ี เกยี่ วกบั เงา เงาของโลกและดวงจนั ทรม์ ี 2 ชนิดคือ - เงามืด(umbra) เป็ นบริเวณท่ีแสงอาทิตยส์ ่องไมถ่ ึง - เงามวั (penumbra) เป็ นบริเวณที่ยงั มีแสงอาทิตยส์ อ่ งไปถึงบา้ ง
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทติ ย์ จนั ทรุปราคา สุริยุปราคา จนั ทรุปราคา เกิดจากการท่ีดวงจนั ทรเ์ คล่ือนที่ เขา้ ไปอยใู่ นเงาของโลกโดยท่ีโลกอยูร่ ะหวา่ งดวง อาทิตยก์ บั ดวงจนั ทร์ สุริยุปราคา เป็ นปรากฏการณท์ ี่ดวงจนั ทร์ โคจรมาอยบู่ นระนาบทางโคจรของโลกรอบดวง อาทิตย์ ดวงจนั ทรจ์ ะไปอยรู่ ะหวา่ งโลกกบั ดวง อาทิตย์ ดงั น้ันดวงจนั ทรจ์ ึงทอดเงามายงั โลก
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตย์ จนั ทรุปราคาเตม็ ดวง แบง่ ออกไดเ้ ป็ น 5 ระดบั ดงั น้ ี ระดบั 0 ดวงจนั ทรม์ ดื จนแทบมองไมเ่ ห็น ระดบั 1 ดวงจนั ทรม์ ืด เห็นเป็ นสีเทาหรอื สีน้าตาลแต่มองไมเ่ หน็ รายละเอียด ระดบั 2 ลกั ษณะพ้ นื ผิวของดวงจนั ทร์ ระดบั 3 ดวงจนั ทรม์ สี ีแดงเขม้ บรเิ วณดา้ นในของเงามืด และมีสีเหลืองสว่าง ระดบั 4 บริเวณดา้ นนอกของเงามืด ดวงจนั ทรม์ สี ีแดงอิฐและมสี ีเหลืองสวา่ งบรเิ วณขอบของเงามืด ดวงจนั ทรส์ วา่ งสีทองแดงหรอื สีสม้ ดา้ นขอบของเงาสวา่ งมาก
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตย์ จนั ทรุปราคา จนั ทรุปราคาเตม็ ดวง (ระดบั 4) จนั ทรุปราคาบางส่วน (ราว 1 ใน 5) ใน กรุงเทพฯ เมื่อ 8 ก.ย. 2549 เวลา 01.25 น.
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทติ ย์
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทติ ย์
ภาพชุดสุรยิ ปุ ราคาเตม็ ดวง 21 มิถนุ ายน 2544 ปรากฏการณแ์ หวนเพชร โดยมคี อโรนาส่องแสงสลวั ๆ อยรู่ อบๆ ตวั ดวง ดา้ นบนท่ีเป็ นสีชมพู คือ โพรมิเนนซห์ รือเปลวสุรยิ ะ บรรยากาศช้นั นอกของดวงอาทิตยท์ ี่เรียกวา่ \"คอโรนา\" ปรากฏใหเ้ ห็นดว้ ยตาเปล่า เมือ่ ดวงจนั ทรบ์ ดบงั ดวงอาทิตยไ์ วท้ ้งั ดวง ในชว่ งท่ีดวงอาทิตยม์ ปี ฏกิ ิริยารุนแรงสงู สุด
ปรากฏการณเ์ อริ ธ์ ชายน์ (Earth shine) วนั ที่ 1 ธนั วาคม 2551 น้ ี จะมปี รากฏการณพ์ ระจนั ทรย์ ้ มิ เรียกวา่ \"เอิรธ์ ชายน\"์ เอิรธ์ ชายน์ คือปรากฏการณ์ แสงอาทิตยท์ ่ีส่องมายงั โลก สะทอ้ นไปยงั ดวงจนั ทรท์ าใหด้ วง จนั ทรข์ ้ ึน 3 คา่ ท่ีตอ้ งเหน็ เป็ นเส้ ียว กลบั เหน็ เป็ นเต็มดวงสามารถถ่ายภาพไดด้ ว้ ยกลอ้ งถ่ายภาพทุก ชนิด สามารถมองไดด้ ว้ ยตาเปล่า ต้งั แต่เวลา17.40 น. ถึง 20.30 น. โดยจะเห็นดาวพฤหสั บดี และดาวศุกร์ มาอยู่ ใกลก้ นั และมดี วงจนั ทรม์ าอยใู่ กลเ้ คียงดว้ ย ดาวศุกรอ์ ยเู่ คียงกบั ดาวพฤหสั บดี มองใกลก้ นั เพียง 2 องศาในระยะบนทอ้ งฟ้า และจะมีดวงจนั ทรข์ ้ ึน 3คา่ อยู่ ขา้ งล่างดาวท้งั สองดวง หา่ งดาว เพียง 2 องศา ในระยะทอ้ งฟ้าเช่นกนั เม่ือมองข้ ึนไปแลว้ ปรากฏการณน์ ้ ี มองภาพของดาวคูแ่ ละดวงจนั ทรบ์ นทอ้ งฟ้า จะดูเหมือนหน้าคนกาลงั ย้ มิ
ภาพคดั ลอกจาก (วภิ ู รุโจปการ , เอกภพเพื่อความเขา้ ใจในจกั รวาล , 2547 , หนา้ 187)
Earth shine คือปรากฏการณแ์ สงอาทิตยท์ ี่ส่องมายงั โลกและสะทอ้ นไปยงั ดวง จนั ทรท์ าใหด้ วงจนั ทรใ์ นวนั ข้ ึน ๓ คา่ ที่จะตอ้ งมองเหน็ เป็ นจนั ทรเ์ ส้ ียว แต่กลบั มองเห็นเป็ นจนั ทรเ์ ต็มดวง ซ่ึงสวยงามมากน้ัน
ปรากฏการณ์ \"perigee-syzygy\" ปรากฏการณ์ \"perigee-syzygy\" เราเรียกซเู ปอรม์ นู คาวา่ \"perigee\" เปน็ จุดที่ดวงจันทร์อยใู่ กลโ้ ลกท่ีสุดในวงโคจร \"syzygy\" เป็นจันทรเ์ พญ็ หรือจันทรด์ ับ โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ทง้ั หมดเรยี งตัวอยู่ในแนวเดียวกัน โดยดวงจนั ทร์อยู่ ในระยะใกลโ้ ลกท่ีสุด
ดวงจนั ทรม์ ีระยะหา่ งจากโลกไมเ่ ทา่ กนั ในแต่ละคืน เพราะไมไ่ ดโ้ คจรรอบโลก เป็ นวงกลม ทาใหแ้ ต่ละเดือน จะมีชว่ งท่ีดวงจนั ทรโ์ คจรเขา้ ใกลโ้ ลกมากที่สุด หรือท่ีเรียกวา่ Perigee ในระยะหา่ งประมาณ 363,104 กิโลเมตร และชว่ งที่ดวงจนั ทรโ์ คจรหา่ งโลกมากที่สุด หรือ Apogee อยทู่ ี่ระยะหา่ ง ประมาณ 405,696 กิโลเมตร แต่ชว่ งเวลาท่ีมนั โคจรเขา้ ใกลโ้ ลกมากท่ีสุด และยงั เป็ นดวงจนั ทรเ์ ต็มดวงดว้ ย จะมีใหเ้ หน็ 2-3 ปี ต่อ 1 คร้งั เท่าน้ัน
ปรากฏการณ์ พระจนั ทรย์ ้ มิ \" ระหวา่ งวนั ที่ 19-21 มิถุนายน 2558 ดาวศุกรแ์ ละดาวพฤหสั บดีอยหู่ า่ งกนั เพยี ง 6 องศา
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: