Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กรุงรัตนโกสินทร์

กรุงรัตนโกสินทร์

Description: กรุงรัตนโกสินทร์

Search

Read the Text Version

กรงุ รตั นโกสนิ ทร์

พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาจฬุ าลงกรณ์ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั

พระราชประวตั ิ

พระราชประวตั ิ • พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั เสด็จพระราชสมภพเมอ่ื วันท่ี 20 กนั ยายน พ.ศ. 2396 เปน็ พระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว ท่ีประสูติแต่พระนางเธอ พระองค์เจ้าราเพยภมราภริ มย์ (ในรัชกาลที่ 6 ไดม้ กี าร สถาปนาพระบรมอฐั เิ ป็นสมเดจ็ พระเทพศริ ินทราบรมราชนิ ี) ครัง้ นัน้ พระบรมวงศานุวงศเ์ สนาบดเี ขา้ ช่ือกนั กราบบังคมทลู วา่ ทกุ วันนเี้ จ้าฟา้ กไ็ ม่มีเหมือนแต่กอ่ น ขอใหย้ กขึ้นเป็นเจา้ ฟ้าอยา่ งสมัยก่อน จึงพระราชทานพระนามว่า เจา้ ฟ้าจุฬาลงกรณ์[4] ถึงวนั ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2404 จงึ ไดร้ บั พระราชทานสพุ รรณบฏั จารึกพระนามว่า สมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟา้ จุฬาลงกรณ์ บดนิ ทรเทพยมหามกฎุ บรุ ุษยรตั นราชรวิวงศ์ วรตุ มพงศบรพิ ตั ร สริ ิวัฒนราชกมุ าร แลว้ โปรดเกล้าฯ ให้ตง้ั เจา้ กรมเป็นหม่นื พิฆเนศวรสรุ สังกาศ[5] ซึ่งคาวา่ \"จฬุ าลงกรณ\"์ น้ันแปลว่า เครื่องประดบั ผม อนั หมายถงึ \"พระเกีย้ ว\" ทมี่ รี ูปเปน็ ส่วนยอดของ พระมหามงกุฎหรอื ยอดชฎา

บรมราชาภเิ ษกครงั้ ท่ี 1 • วนั ท่ี 1 ตลุ าคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวเสดจ็ สวรรคตภายหลังเสดจ็ ออกทอดพระเนตรสรุ ยิ ุปราคา 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 โดยก่อนทพ่ี ระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั จะสวรรคตนั้น ได้มพี ระราชหัตถเลขาไว้วา่ \"พระราชดารทิ รงเหน็ วา่ เจ้านายซึง่ จะสืบพระราชวงศ์ตอ่ ไปภายหน้า พระเจ้าน้องยาเธอก็ได้ พระเจา้ ลกู ยาเธอก็ได้ พระเจา้ หลานเธอกไ็ ด้ ใหท้ ่านผู้หลกั ผใู้ หญ่ ปรึกษากันจงพร้อม สดุ แล้วแต่จะเห็นดีพรอ้ มกันเถดิ ทา่ นผ้ใู ดมปี รีชาควรจะรกั ษาแผ่นดนิ ไดก้ ใ็ ห้เลอื กดูตามสมควร\" ดังนัน้ เม่ือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั เสด็จสวรคต จงึ ไดม้ ีการประชุมปรึกษาเรื่องการถวายสริ ิราชสมบตั แิ ด่พระเจา้ แผน่ ดินพระองค์ใหม่ ซ่งึ ในทป่ี ระชมุ นนั้ ประกอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการชัน้ ผใู้ หญ่ และพระสงฆ์ โดยพระเจา้ น้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศรว์ ัชรนิ ทร์ ไดเ้ สนอสมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจ้าฟ้าจฬุ าลงกรณ์ กรมขุนพินติ ประชานาถ

พระราชโอรสพระองคใ์ หญ่ในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวขน้ึ เป็นพระเจ้าแผน่ ดนิ ซง่ึ ที่ประชมุ นั้นมีความเหน็ พอ้ งเป็นเอกฉันท์ ดงั น้นั พระองค์จงึ ได้รบั การทลู เชญิ ใหข้ นึ้ ครองราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระราชบิดา[11] โดยในขณะน้นั มีพระชนมายุเพยี ง 15 พรรษา ดังน้นั จึงได้แตง่ ตั้งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสรุ ิยวงศ์ (ชว่ ง บนุ นาค) เป็นผู้สาเรจ็ ราชการแทนพระองค์ จนกวา่ พระองค์จะมพี ระชนมพรรษครบ 20 พรรษา โดยทรงประกอบพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกคร้งั แรก เมือ่ วันท่ี 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 โดยได้รับการเฉลมิ พระปรมาภไิ ธยว่า พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา จฬุ าลงกรณฯ์ พระจุฬาลงกรณเ์ กลา้ เจ้าอย่หู ัว โดยมพี ระนามตามจารกึ ในพระสบุ รรณบฎั ว่า

ผนวชและบรมราชาภเิ ษกครั้งที่ 2 • เม่ือพระองคม์ พี ระชนมายุครบ 20 พรรษาแล้ว เมื่อวันท่ี 15 กันยายน พ.ศ. 2416 จงึ ผนวชเปน็ พระภกิ ษุ ณ วัดพระศรรี ตั น ศาสดาราม แล้วเสดจ็ ไปประทับ ณ วัดบวรนเิ วศราชวรวิหารเป็นเวลา 15 วัน หลังจากทรงลาสิกขาแล้ว ได้มกี ารจดั พระ ราชพิธีบรมราชาภิเษกคร้งั ท่ี 2 ขึ้น เม่ือวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 โดยไดร้ ับการเฉลิมพระปรมาภิไธยในครง้ั น้ีว่า พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว มพี ระนามตามจารกึ ในพระสุบรรณบฎั วา่ [12]

สวรรคต • พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั เสดจ็ สวรรคตด้วยโรคพระวักกะ (ไต) เม่ือวนั ท่ี 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 เวลา 2.45 นาฬกิ า ณ พระที่น่งั อมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ิต สริ พิ ระชนมพรรษาได้ 57 พรรษา[13] นายแพทย์วิบูล วจิ ิตรวาท การ นกั เขียนเชิงประวัตศิ าสตร์ ได้ใหค้ วามเห็นระบโุ รคท่เี ปน็ ไปได้ คอื โรคน่ิวในไต, โรคไตอกั เสบ จากการติดเชื้อ และโรค ไตชนิด Chronic Glomerulonephritis อนั เกิดจากตอ่ มทอนซลิ อักเสบฉับพลัน อย่างไรก็ตาม ไมส่ ามารถระบไุ ด้ชัดเจน ว่าเป็นโรคไตชนดิ ใด[14] ทัง้ นี้ รฐั บาลไทยได้จดั ให้วนั ที่ 23 ตลุ าคม ของทุกปี เป็นวนั ปิยมหาราชและเป็นวันหยุดราชกา • กอ่ นสวรรคตเคยมีพระราชกระแสรบั สง่ั ในพระราชหตั ถเลขาวา่ ให้ยกเลกิ การพระเมรุใหญเ่ สีย ปลกู แตท่ ่เี ผาพอสมควรใน ท้องสนามหลวงแลว้ แตจ่ ะเห็นสมควร พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงเคารพตอ่ พระราชประสงค์ จงึ โปรดให้ จดั การตามพระราชดารินนั้

ผลงานโดดเดน่ เปน็ เอกลกั ษณ์

การเลิกทาส

ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจ้าอยหู่ วั นนั้ ประมาณว่าไทยมีทาสเป็นจานวนกวา่ หนง่ึ ในสามของพลเมืองของประเทศ[2] เพราะ เหตวุ า่ พอ่ แม่เป็นทาสแล้ว ลกู ที่เกิดจากพอ่ แม่ที่เป็นทาสก็ตกเป็นทาสอีกตอ่ ๆ กนั เรื่อยไป ทาสนนั้ จะต้องหาเงินมาไถ่ตวั เอง มิฉะนนั้ แล้วก็ จะต้องเป็นทาสไปตลอดชีวติ เพราะตามกฎหมายถือวา่ ยงั มีคา่ ตวั อยู่ ต่อมา พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงประกาศ \"พระราชบญั ญตั ิพิกดั เกษียณลกู ทาสลกู ไทย\" เม่ือวนั ที่ 21 สงิ หาคม พ.ศ. 2417 แก้พิกดั คา่ ตวั ทาสใหม่ โดยให้ลดคา่ ตวั ทาสลงตงั้ แตอ่ ายุ 8 ขวบ จนกระทง่ั หมดค่าตวั เม่ืออายไุ ด้ 20 ปี เมื่ออายไุ ด้ 21 ปี ผ้นู นั้ ก็จะเป็น อิสระ[1] มีผลกบั ทาสท่ีเกิดตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2411 เป็นต้นมา และห้ามมิให้มีการซอื ้ ขายบคุ คลท่ีมีอายมุ ากกวา่ 20 ปีเป็นทาสอีก เม่ือถึง พ.ศ. 2448 ก็ทรงออก \"พระราชบญั ญตั เิ ลิกทาส ร.ศ. 124\" ให้ลกู ทาสทกุ คนเป็นไทเมื่อวนั ท่ี 1 เมษายน พ.ศ. 2448 สว่ นทาสประเภท อ่ืนท่ีมิใช่ทาสในเรือนเบยี ้ ทรงให้ลดคา่ ตวั เดอื นละ 4 บาท นบั ตงั้ แตเ่ ดือนเมษายน พ.ศ. 2448 เป็นต้นไป[3] นอกจากนีย้ งั มีบทบญั ญตั ิ ป้ องกนั มิให้คนท่ีเป็นไทแล้วกลบั ไปเป็นทาสอีก และเมื่อทาสจะเปล่ียนเจ้าเงินใหม่ ห้ามมิให้ขนึ ้ คา่ ตวั

พระราชกรณยี กจิ

พระราชกรณยี กจิ • พระราชกรณียกิจด้านการไปรษณีย์โทรเลข • พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงเห็นการส่อื สารเป็นเร่ืองสาคญั และจาเป็นอยา่ งมากต่อไปในอนาคต พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงกลาโหม ดาเนินการก่อสร้างวางสายโทรเลขสาหรับสายโทรเลขสายแรกของประเทศเร่ิมก่อสร้างในปี พ.ศ.๒๔๑๘ จากกรุงเทพฯ - สมทุ รปราการ ระยะทาง ๔๕ กิโลเมตร และ ได้วางสายใต้นา้ ตอ่ ยาวออกไปจนถึงประภาคารที่ปากแมน่ า้ เจ้าพระยาสาหรับบอกข่าวเรือเข้า - ออก ตอ่ มาได้วางสายโทรเลขขนึ ้ อีกสายหนงึ่ จากกรุงเทพฯ - บางปะ อนิ และขยายไปทวั่ ถงึ ในเวลาตอ่ มา • สาหรับกิจการไปรษณีย์ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั โปรดเกล้าฯ ให้จดั ตงั ้ การไปรษณีย์ขนึ ้ เป็นครัง้ แรกในวนั ท่ี ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๒๔ มที ่ีทาการ เรียกวา่ ไปรษณียาคาร ตงั ้ อยรู่ ิมแมน่ า้ เจ้าพระยา และเปิดดาเนินการอยา่ งเป็นทางการครัง้ แรกในวนั ที่ ๔ สงิ หาคม พ.ศ.๒๔๒๖ หลงั จากนนั ้ จงึ โปรดเกล้าฯ ให้กรมโทร เลขรวมเข้ากบั กรมไปรษณีย์ชอ่ื วา่ กรมไปรษณีย์โทรเลข

พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการไปรษณียโ์ ทรเลข

พระราชกรณยี กิจด้านการขนส่งและสอื่ สาร พระราชกรณียกจิ ด้านการขนส่งและส่ือสาร ในปี พ.ศ. ๒๔๓๑ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คณะเสนาบดี และกรมโยธาธิการสารวจเส้นทาง เพ่ือวางรากฐานการสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ มีการวางแผนให้ทางรถไฟสายนีต้ ดั เข้าเมืองใหญ่ๆ ในบริเวณภาคกลางของประเทศแล้วแยก เป็นชมุ สายตดั เข้าสจู่ งั หวดั ใหญ่ทางแถบภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเป็ นหวั ลาโพง เมืองท่ีเป็นศนู ย์กลางธรุ กิจการค้า การสารวจเส้นทางในการวางเส้นทางรถไฟนีเ้สร็จสนิ ้ เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๓๔ และในวนั ท่ี ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๔ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ได้เสดจ็ พระราชดาเนินขดุ ดินก่อพระ ฤกษ์ เพื่อสร้างทางรถไฟครัง้ แรกที่เกิดขนึ ้ ในประเทศไทย โดยโปรดเกล้า ฯ ให้ทางรถไฟสายนี ้ เป็ นรถไฟหลวงแห่งแรกของไทย

พระราชกรณียกิจดา้ นการไฟฟ้า ดว้ ยสายพระเนตรทยี่ าวไกล พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั ทรงเล็งเหน็ วา่ ไฟฟา้ เป็นพลังงานทสี่ าคัญและมปี ระโยชน์อยา่ งมาก เมื่อมีโอกาสประพาส ตา่ งประเทศ ได้ทอดพระเนตรกิจการไฟฟ้า และทรงเห็นถึงประโยชน์มหาศาลท่จี ะ เกดิ จากการมไี ฟฟ้า พระองค์จึงทรงมอบหมายใหก้ รมหมื่นไวยวรนารถเปน็ ผรู้ ิเรมิ่ ใน การจา่ ยกระแสไฟฟ้าข้นึ ในปี พ.ศ. ๒๔๓๓ ซ่ึงเปน็ การเปิดใชไ้ ฟฟ้าครัง้ แรกของไทย และปีเดียวกนั (พ.ศ. ๒๔๓๓) มกี ารก่อตัง้ โรงไฟฟ้าทว่ี ัดเลียบ หรือวดั ราชบูรณะ จนกระทั่งถงึ พ.ศ. ๒๔๓๖ ต่อมาเพอื่ ใหก้ ิจการไฟฟ้าก้าวหน้าย่ิงข้นึ รฐั บาลไดโ้ อน กจิ การใหผ้ ู้ชานาญด้านนี้ ไดแ้ ก่ บริษัทอเมรกิ นั ช่อื แบงค็อค อิเลคตรกิ ซติ ้ี ซดิ แิ คท เขา้ มาดาเนนิ งานตอ่ และในปี พ.ศ. ๒๔๓๗ บรษิ ัทเดนมาร์กได้เขา้ มาต้งั โรงงานผลติ พลงั งานไฟฟ้าเพือ่ ใช้ในการเดนิ รถรางทบี่ ริษทั ได้รบั สมั ปทานการเดิน รถในเขตพระนคร ต่อมาบริษัทต่างชาตทิ ้ัง ๒ บริษัทได้รว่ มกนั รับชว่ งงานจากกรม หมืน่ ไวยวรนาถ และกอ่ ตั้งเปน็ บริษัทไฟฟา้ สยาม ขนึ้ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๔ นับเปน็ การ บุกเบิกไฟฟ้าครงั้ สาคญั ของประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ในการเริ่มมไี ฟฟา้ ใช้เป็นคร้งั แรก

แบบอย่างความดีส่กู ารปฏิบตั ติ น

-การมคี วามรบั ผดิ ชอบในหนา้ ที่ของตนเอง

การเสียสละคอื การเเบง่ ปนั -การเเบง่ ขนมให้น้อง -การเเบง่ ความรใู้ หค้ นอน่ื

-การที่ไดป้ ลอ่ ยปลาคอื การมี ความเมตตาทาใหร้ ูว้ า่ เราควรมี ความเมตตาตอ่ สัตว์ไมค่ วร ทาลายชีวิตของเขาเพราะเขาก็ คอื สิง่ มชี ีวิตเหมอื นกนั

การสามัคคี -ชว่ ยกนั ทางานกล่มุ สง่ อาจารย์

สมาชิกในกลมุ่ 1 สาวจตุพร เกตุแก้ว เลขท่ี 8 2 นางสาวอมีณา ผาผยุ เลขท9่ี 3 นางดามสิ า เพรชสูงเนิน เลขที่13 4 นางสาวศิริรัตน์ คงสมวยั เลขท3ี่ 8 5 นางสาว ปัทมาภรณ์ กรสี ธุ า เลขท4่ี 1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook