Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มัสยิดเรือนไม้สัก 100 ปี สายสัมพันธ์มุสลิม พระนครและฝั่งธนฯ

มัสยิดเรือนไม้สัก 100 ปี สายสัมพันธ์มุสลิม พระนครและฝั่งธนฯ

Description: มัสยิดเรือนไม้สัก 100 ปี สายสัมพันธ์มุสลิม พระนครและฝั่งธนฯ

Search

Read the Text Version

มัสยิดเรือนไม้สัก 100 ปี สายสัมพันธ์มุสลิม พระนครและฝั่ งธนฯ ผู้เขียน: สาวิิตรีี แสงมณีี และ นิิชาพร ยอดมณี ภาพ: มัสยิดนูรุลหุดา โดย วิศรุต วีระโสภณ/National Geographic Thailand มัสยิดนูรุลหุดา บางมด เป็นมัสยิดลำดับที่ 13 ของมัสยิดในฝั่งธนบุรี ตั้งอยู่ในซอยพุทธบูชา 36 แยก 8 แขวงทุ่งครุ เขตบางมด กรุงเทพมหานคร

ความสำคัญของมัสยิดต่อชาวมุสลิม มัสยิดมีความสำคัญต่อชาวมุสลิมเพราะเป็นศูนย์กลางของชุมชน คำว่า มัสยิด หรือสุเหร่านั้นอาจมีความหมายต่างกันเล็กน้อย โดยคำว่า มัสยิด เป็นคำยืม จากภาษาอาหรับ ส่วน สุเหร่า เป็นคำยืมจากภาษามลายู อย่างไรก็ตามเมื่อดูจาก ความหมายและการใช้แล้ว ทั้งสองคำมีความหมายเดียวกัน คือ เป็นสถานที่ ประกอบศาสนกิจร่วมกันของชาวมุสลิม เมื่อชาวมุสลิมอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน จะมีการสร้างสถานที่ประกอบศาสนกิจขึ้น ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มคนจำนวนน้อยอาจ เป็นเพียงการใช้บ้านหลังใดหลังหนึ่ง หรืออาจมีการสร้างบาแล (มาจากคำว่า บาลัยในภาษามลายู) หมายถึงพื้นที่ขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำกิจกรรมทาง ศาสนาต่าง ๆ เช่น ประกอบศาสนกิจหรือสอนหนังสือ เมื่อชุมชนมีขนาดใหญ่ ขึ้นจะสร้างมัสยิดขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับจำนวนคนในชุมชน ชาวมุสลิมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับมัสยิดตลอดชีวิต เพราะนอกจากจะ เป็นสถานที่ที่ใช้ทำละหมาดร่วมกัน 5 เวลาต่อวันแล้ว มัสยิดยังเป็นสถานที่ จัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเรียนการสอนศาสนาและอัลกุรอ่าน (คัมภีร์สำคัญ ของศาสนาอิสลาม) การทำบุญ การแต่งงาน การละหมาดร่วมกันในวันตรุษอีดิ้ลฟิตริ หรือวันตรุษอีดิ้ลอัดฮาซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาที่ชาวมุสลิมจะเฉลิมฉลองกัน หรือเมื่อมีคนเสียชีวิตจะมีการประกาศในชุมชน และคนในชุมชนก็จะเดินทางไป เยี่ยมที่บ้าน และมาร่วมกันละหมาดญะนาซะห์ คือการละหมาดที่มัสยิดให้แก่ ผู้ตายอีกด้วย ซึ่งชุมชนของชาวมุสลิมในบริเวณมัสยิดนูรุลหุดาก็เป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ในแต่ละมัสยิดจะเลือกอิหม่ามเป็นผู้นำละหมาด และ ประกอบศาสนกิจต่าง ๆ อีกทั้งยังทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของสมาชิกในชุมชนอีกด้วย ในอดีตชาวมุสลิมมักก่อตั้งชุมชนอยู่บริเวณริมน้ำ และจะใช้แม่น้ำลำคลอง เป็นเส้นทางคมนาคมหลัก บ้านเรือนของชาวมุสลิมจึงมักสร้างอยู่บริเวณสอง ฝั่งแม่น้ำหรือสองฝั่งคลอง และสร้างบ้านอยู่บริเวณรอบ ๆ มัสยิดมากกว่าบริเวณ ที่ห่างออกไป ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการประกอบศาสนกิจร่วมกันตาม หลักคำสอนของศาสนา

ความเป็นมา มัสยิดอัลอะติ๊กในอดีต มัสยิดนูรุลหุดาเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน จุดเริ่มต้นของการสร้างมัสยิดนูรุลหุดา มาจากเจตจำนงของคนในชุมชนที่ต้องการ สร้างสถานที่ละหมาดร่วมกัน ในอดีตชาวมุสลิมในชุมชนนี้ยังมีจำนวนไม่มากนัก แต่เดิมจึงยังไม่มีมัสยิดมีเพียงบาแล (พื้นที่ขนาดเล็กสำหรับทำกิจกรรมทางศาสนา) โดยตำแหน่งที่เคยเป็นบาแลปัจจุบันได้กลายมาเป็นศาลาริมน้ำ เมื่อชุมชนขยายตัว และมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการย้ายถิ่นฐานจากแหล่งอื่น ๆ เข้ามาอยู่ เช่น ปัตตานี พระประแดง (สมุทรปราการ) และเจริญกรุง ถนนตก และจาก การแต่งงานและการขยายครอบครัวของคนในชุมชน จึงได้ริเริ่มการสร้างมัสยิดขึ้น โดยได้รับบริจาคที่ดินจากคนในชุมชนเพื่อสร้างมัสยิดรวมทั้งพื้นที่สำหรับกุโบร์ หรือสถานที่ที่ใช้สำหรับฝังศพคนในชุมชนซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน โดยสร้างมัสยิด ขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงกับบาแลเดิม และเมื่อสืบค้นความเป็นมาพบว่าตัวเรือน มัสยิดหลังนี้สร้างด้วยไม้สักทองที่มีอายุมากกว่า 100 ปี และมีประวัติเชื่อมโยง กับมัสยิดอัลอะติ๊ก

มัสยิดอัลอะติ๊ก หรือชื่อเดิม “สุเหร่าเก่า” หรือ “สุเหร่าเก่าสวนหลวง” ต่อมาเมื่อมีการกำหนดให้ขึ้นทะเบียนมัสยิด สุเหร่าเก่าสวนหลวงจึงได้เปลี่ยนชื่อ เป็นมัสยิดอัลอะติ๊ก ดังที่เห็นในปัจจุบัน มัสยิดอัลอะติ๊กตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ก่อตั้งขึ้นราวปี พ.ศ. 2352 ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นมัสยิดเรือนไม้แห่งแรกในย่านถนนตก และเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ ของมุสลิมทั้งสองชุมชนในอดีต มัสยิดนูรุลหุดาได้รับการบูรณะเรื่อยมา มัสยิดนูรุลหุดาในปัจจุบัน

บริเวณที่เป็นที่ก่อตั้งมัสยิดอัลอะติ๊ก เดิมทีได้มีชาวมุสลิมมาตั้งรกรากตั้งแต่ ในสมัยรัชกาลที่ 1 และได้รับพระราชทานที่ดินเพื่อสร้างมัสยิดให้ชาวมุสลิมได้ใช้ เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจ หลังจากนั้นราวปลายสมัยรัชกาลที่ 6 ชุมชน มัสยิดอัลอะติ๊กได้เริ่มขยายตัว รวมทั้งต้องการบูรณะมัสยิดเดิมเพื่อปรับปรุง โครงสร้างจากเรือนไม้เป็นเรือนปูน จึงได้ซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อสร้างมัสยิดใหม่ แต่เนื่องจากไม้ของอาคารมัสยิดเดิมยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี จึงได้ส่งต่อไม้มายัง ชุมชนมัสยิดนูรุลหุดา เนื่องจากทั้งสองชุมชนนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ซึ่งอาจมาจากความสัมพันธ์ฉันเครือญาติ การแต่งงานระหว่างคนในสองชุมชน รวมถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างอิหม่ามของมัสยิดทั้งสองแห่ง จึงได้ส่งมอบไม้ จากที่เคยสร้างมัสยิดอัลอะติ๊ก เพื่อมาสร้างมัสยิดนูรุลหุดา โดยการลำเลียงไม้ มาทางน้ำ เพราะในอดีตยังไม่มีถนนเช่นปัจจุบัน และที่ตั้งของทั้งสองชุมชนอยู่ ใกล้กับน้ำ จึงได้ล่องไม้ออกจากมัสยิดอัลอะติ๊กฝั่งพระนคร ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา มาฝั่งธนบุรี เข้าคลองบางปะแก้ว ล่องมาออกคลองบางมด เพื่อนำไม้มาใช้สร้าง มัสยิดนูรุลหุดาดังที่ปรากฏ ณ สถานที่ปัจจุบัน เส้นทางการล่องไม้จากมัสยิดอัลอะติ๊กมายังมัสยิดนูรุลหุดา มัสยิดอัลอะติ๊ก (ก) คลองบางปะแก้ว (ข) คลองบางมด (ค)

สถาปัตยกรรม ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้น มัสยิดส่วนใหญ่สร้างขึ้นโดยได้รับ อิทธิพลจากความคิดของชาวสยาม จึงมักสร้างในรูปแบบศิลปะและ สถาปัตยกรรมท้องถิ่นของสยาม เช่น เรือนไทย หรือศาลาการเปรียญ เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและ สภาพอากาศตามท้องถิ่นโดย การสร้างจะยึดตามหลักการของ ศาสนาอิสลาม เช่น ไม่มีการสร้าง รูปปั้นต่าง ๆ ไม่ใช้สื่อสัญลักษณ์ หรือการใช้รูปสิ่งมีชีวิต เป็นต้น อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏข้อมูลหลักฐาน แน่ชัดว่าลักษณะของมัสยิดนูรุลหุดา เมื่อแรกก่อสร้างมีแนวคิดทาง สถาปัตยกรรมเช่นไร แต่อาคารหลังปัจจุบัน เป็นอาคารไม้สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น กรุงเทพมหานครเหมือนที่อยู่อาศัย โดยทั่วไป หลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า การสร้างมัสยิดนี้ได้รับอิทธิพล จากความคิดของชาวสยามคือ โครงสร้างสถาปัตยกรรมทรงไทย และฝาผนังที่ทำจากไม้เป็นรูปแบบ ของฝาลูกฟัก ซึ่งเป็นการเข้าไม้ ตามรูปแบบการสร้างเรือนไทยโบราณ

ทั้งนี้นอกจากตัวไม้สักทอง อายุเก่าแก่กว่า 100 ปีของมัสยิด ที่ได้รับจากมัสยิดอัลอะติ๊กแล้ว ก็ยังปรากฏร่องรอยสถาปัตยกรรมเก่า ซึ่งเป็นศิลปะอิสลาม ได้แก่ ลายเรขาคณิต (geometric form) ของซุ้มประตูโค้ง และกระจกสี ลายพรรณพฤกษา (arabesque) และไม้ฉลุ ชาวมุสลิมในชุมชนได้ ดูแลรักษาและบูรณะซ่อมแซม มัสยิดนูรุลหุดาอย่างต่อเนื่อง เรื่อยมา และเรื่องราวการส่งต่อ ไม้สักทองที่ได้รับสืบทอดมาจาก มัสยิดอัลอะติ๊กก็ได้กลายมาเป็น เรื่องเล่าขานของคนในชุมชนแห่งนี้ จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดง ให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบ “สุเหร่าพี่ สุเหร่าน้อง” และ ความผูกพันที่แน่นแฟ้นของพี่น้อง มุสลิมได้เป็นอย่างดี

ที่ตั้ง ซ.พุทธบูชา 36 แยก 8 แขวงทุ่งครุ เขตบางมด กรุงเทพมหานคร การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ รถโดยสารประจำทางสาย 75 รถกระป๋องสาย 70 และ 77 (ลงปากซอยพุทธบูชา 36 และต่อรถจักรยานยนต์รับจ้างไปที่มัสยิดนูรุลหุดา) การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล มีบริการที่จอดรถด้านหน้ามัสยิดนูรุลหุดา

บ ร ร ณ า นุ ก ร ม จงทําดีครีเอชั่น บรรยายธรรมอิสลาม บรรยายมุสลิม. (2559). ประวัติศาสตร์มัสยิดอัลอะตี๊ก เจริญกรุง หรือ สุเหร่าเก่า ถนนตก. เข้าถึงได้จาก https://www.youtube.com/watch?v= EFsmhgELjpE จงทําดีครีเอชั่น บรรยายธรรมอิสลาม บรรยายมุสลิม. (2562). ประวัติมุสลิม ในชุมชนคลองบางมด มัสยิดนูรุ้ลหุดา ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เล่าเรื่องโดย อ.ศุกรีย์ สะเร็ม. เข้าถึงได้จาก https://www.youtube.com/watch?v= Zu3cYgaofM4 ตลาดมดตะนอย. (2561). เพจตลาดมดตะนอย. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/ Taladmodtanoi/photos ปลาทองสยองเมือง. (2554). ฝาเรือนไทย. เข้าถึงได้จาก https://www.bloggang.com/ m/viewblog.php?id= มูลนิธิสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน. (2554). สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๓๖ / เรื่องที่ ๑ มัสยิด / มัสยิดในประเทศไทย. เข้าถึงได้จาก https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php? book=36&chap=1&page=t36-1-i nfodetail07.html วิศรุต วีระโสภณ. (2564). เพจ National Geographic Thailand. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/311725700037/posts/10165912405865038/ สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย. (ม.ป.ป). มัสยิดอัลอะติ๊ก (สุเหร่าเก่า). เข้าถึงได้จาก https://www.cicot.or.th/th/mosque/detail/322/2/ เสาวนีย์ จิตหมวด. (ม.ป.ป.). มุสลิมธนบุรี. เข้าถึงได้จาก http://thi.al-shia.org/ page.php?id=270&page=1 อาลี เสือสมิง. (2553). อ.อาลี เสือสมิง ถามตอบปัญหา. เข้าถึงได้จาก https://alisuasaming.org/webboard/index.php?topic=1161.0 Chaiwat Meesanthan. (2564). สุเหร่า ไม่เท่ากับ มัสยิด. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/chaiwat.pnpsu/posts/6287057854667915