วิชาผลิตเอกสารเพื่ อสำนักงานของคุณครูอรินทยา หน่วยที่3 การออกแบบเอกสาร รับชมรับฟังได้เลยค่ะ������
1.ความหมายของการออกแบบ การออกแบบให้คำนิยามหรือคำจำกัดความไว้หลายรูปแบบ มากมาย แต่เราก็สามารถแบ่งความหมายได้ตามการ สื่อสารออกมาด้วยตัวอักษรของแต่ละแบบ เช่น 1.การออกแบบ คือ การรู้จักวางแผนจัดตั้งขั้นตอน และ รู้จักเลือกใช้วัสดุ วิธีการเพื่อทา ตาม ที่ต้องการนั้น โดยให้สอดคล้องกับลักษณะรูปแบบ และ คุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิด ตามความคิดสร้างสรรค์ และ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา 2. การออกแบบ หมายถึงการปรับปรุงแบบ ผลงานหรือ สิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสมและดูมีความ แปลกใหม่ขึ้น เช่น โต๊ะที่เราทำ ขึ้นมาใช้เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็ เกิดความเบื่อหน่ายในรูปทรง หรือสี 3. การออกแบบ หมายถึงการรวบรวมหรือการจัดองค์ ประกอบทั้งที่เป็น 2 มิติ และ 3 มิติ เข้าด้วยกัน อย่างมีหลักเกณฑ์ การน าองค์ประกอบของการออกแบบ มาจัดรวมกัน 4. –การออกแบบ หมายถึงกระบวนการที่สนองความ ต้องการในสิ่งใหม่ๆ ของมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่ เพื่อการดา รงชีวิตให้อยู่รอด และสร้างความสะดวกสบาย มากยิ่งขึ้น
3. องค์ประกอบมูลฐาน 1.จุด [ Dot ] หมายถึง รอยกด จุด แต้ม มีลักษณะกลมเป็นส่วนประกอบที่ ของการออกแบบ การจัด เล็กที่สุดเป็นพื้นฐานที่สำคัญในงานออกแบบทุกชนิด แม้แต่ตัวอักษร และ องค์ประกอบศิลป์ (Composition) ภาพจากเครื่องคอมพิวเตอร์ยัง ประกอบ ด้วยจุดหลายพันหลายหมื่นจุด เมื่อนำจุดมาเรียงกันในตำแหน่งที่เหมาะสมก็จะเกิดเป็นรูปร่าง รูปทรงระยะ ใกล้ ไกล ทำให้งานออกแบบสร้างความรู้สึกตื่นเต้น และดึงดูดความสนใจ ลักษณะจุดแบ่งได้ 2 ประเภทคือ
1.จุด [ Dot ] หมายถึง รอยกด จุด แต้ม มีลักษณะกลมเป็นส่วนประกอบที่เล็กที่สุดเป็นพื้นฐานที่สำคัญใน งานออกแบบทุกชนิด แม้แต่ตัวอักษร และภาพจากเครื่องคอมพิวเตอร์ยัง ประกอบ ด้วยจุดหลายพัน หลายหมื่นจุด เมื่อนำจุดมาเรียงกันในตำแหน่งที่เหมาะสมก็จะเกิดเป็นรูปร่าง รูปทรงระยะใกล้ ไกล ทำให้ งานออกแบบสร้างความรู้สึกตื่นเต้น และดึงดูดความสนใจ ลักษณะจุดแบ่งได้ 2 ประเภทคือ 1.1 จุดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จุดในลายของสัตว์ เช่น แมว หมา ปลา เปลือกหอย จุดที่พบเห็น ทั่วไปในส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ลำต้น ใบ และจุดในแมลงต่างๆ เช่น ผีเสื้อ เต่าทอง เป็นต้น 1.2 จุดที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น การแต้ม อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นพู่กัน วัสดุปลายแหลมหรเครื่องมืออื่น ๆมี อิทธิพลกับมนุษย์มากในการออกแบบ
เส้น (Line) เส้นมีความยาว และมีมิติเดียว ในทางเรขาคณิต เส้น หมายถึงจุดที่มาเรียงกัน จน สามารถแสดงเป็นแนวตั้ง แนวนอน เป็นเส้นโค้ง เป็นเส้นหัก แสดงทิศทางทำให้เกิดรูปร่าง เส้นสามารถแสดงให้เห็นความเคลื่อนไหว แสดงความเร็วได้ เส้นในลักษณะต่างๆ เมื่อนำมา บรรจบกันก็จะทำให้เกิดรูปร่างขึ้น เนื่องจากเส้นมีหลายลักษณะต่างกัน จึงมีความหมาย และคุณค่าไม่เหมือนกัน ซึ่งพอจะ แยกลักษณะ และคุณค่าของเส้นแต่ละชนิดได้ดังนี้
1. รูปร่าง ( Shape ) หมายถึงเส้นรอบนอก ( Out Line ) ของ วัตถุที่เรามองเห็น ซึ่งเป็นลักษณะ 2 มิติ มีความกว้างและความยาว ไม่มีความหนาหรือความลึกนำไปใช้ในงานออกแบบ 2 มิติ รูปร่างแบ่ง ออกเป็น 3 ประเภทคือ 1.1 รูปร่างตามธรรมชาติ ( Natural Shape) หมายถึง รูป ร่าง ที่เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติที่เราได้พบเห็นกันอยู่ทุกวัน เช่น คน สัตว์ พืช เป็นต้น 1.2 รูปร่างเรขาคณิต ( Geometrical Shape ) หมายถึงรูป ร่างที่มนุษย์สร้างขึ้น มีโครงสร้าง แน่นอน เช่น วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม เป็นต้น 1.3 รูปร่างอิสระ ( Free Shape ) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Abstract shape หมายถึงรูปร่างที่ถูก เปลี่ยนแปลงให้ง่ายขึ้น หรือตัดตอนให้ผิดเพี้ยนไปจากความจริงอาจจะขยายขึ้น ตัดทอน ดัดแปลง เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ 2.รูปทรง ( Form ) หมายถึง ลักษณะของวัตถุที่เรามองเห็นเป็นรูป 3 มิติ คือมีความกว้าง ความยาว และความหนา หรือความลึก เรามองไม่ เห็นเส้นขอบของวัตถุ แต่เราเห็น รูปได้จาก ความลึกของเส้น สี แสง และเงา ถ้าวัตถุนั้นมีปริมาตรเราจะเห็นเป็นรูป 3 มิติ
บันทึกสำหรับครู เรียกชื่อของนักเรียนให้ตอบคำถามแบบสุ่ม ให้เวลานักเรียนอย่างน้อย 1 นาทีเพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกของพวกเขา แสงเงา (LIGHT & SHADE) หมายถึง แสงจากธรรมชาติหรือ แสงไฟที่ส่องมากระทบวัตถุให้เกิดส่วนสว่างบริเวณที่แสงกระทบ และเกิดเงาบริเวณตรงกันข้ามกับแสง รวมทั้งเกิดเงาตกทอดของ วัตถุนั้นลงในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับแสงอีกด้วย ดังนั้นแสงเงาจึงมี ความสัมพันธ์กัน ช่วยส่งเสริมสร้างงานให้มีคุณค่าในการสร้างมิติ ตื้น ลึก มีระยะใกล้ไกลและมีคุณค่าทางความงามเหมือนจริง
ที่ว่าง (space) ตามปกติที่ว่างจะกว้างขวางจนหาขอบเขตไม่ได้ ที่ว่างเป็นทัศนธาตุที่มองไม่เห็น ที่ว่างจะปรากฏขึ้น เมื่อ มีทัศนธาตุอื่นเกิดขึ้น ที่ว่างจึงเหมือนสนามที่ทัศนาตุอื่นๆจะลงไปแสดงหรือปรากฎในบทบาท ของรูปทรง โดยงานศิลปะแต่ละประเภทจะใช้ที่ว่างต่างกันตามลักษณะของงาน เช่นจิตรกรรมใช้ที่ ว่างที่เป็น 2 มิติ แต่อาจทำให้เกิดการลวงตาเป็น 3 มิติ งานประติมากรรมใช้ที่ว่างจริงๆ โอบล้อม และเจาะทะลุรูปทรงที่ เป็น 3 มิติ การใช้ที่ว่าง ในการออกแบบบริเวณว่างโดยรอบวัตถุ (Object) เรียกว่า พื้นที่ว่างทางลบ (Negative Space) และบริเวณว่างที่ตัวของวัตถุเรียกว่า พื้นที่ว่างทาง บวก (Positive Space) ในการออกแบบงานต่างๆ จะต้องคำนึงถึงช่วงระยะ ให้มีความสัมพันธ์กัน
สี มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ สีชมพู แสดงถึงความรู้สึกอ่อนหวาน นุ่มนวล เป็นผู้หญิง สามารถดึงดูดความสนใจของเราไปที่ ความรัก ภาพนั้น สามารถสื่ออารมณ์และความ รู้สึก และยังสามารถสื่อสารได้โดยไม่ สีน้ำตาล แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ ความเก่าแก่ ความโบราณ ต้องใช้คำพูดหรือตัวอักษร เราจะรู้ได้ และไม้ อย่างไรว่าสีใดเข้ากันได้ คำตอบก็คือ ทฤษฎีสีนั้นเอง บรรดานักศิลปินและ สีฟ้า ทำให้รู้สึกถึงความสบาย โปร่งโล่ง นุ่มนวล นักออกแบบได้ศึกษาและใช้ทฤษฎีสีมา หลายศตวรรษซึ่งพวกเราก็สามารถ สีน้ำเงิน คือสีที่แสดงถึงความน่าเชื่อถือ แสดงอารมณ์ความ เรียนรู้ได้เช่นกัน สงบ สุขุม หนักแน่น หรูหรา มีราคา และมีความเป็นผู้ชาย สีเหลือง คือสีที่แสดงถึงความสดใส และดึงดูดสายตาได้ดีค่ะ สีเขียว อาจจะแสดงถึงความรู้สึกสดชื่น ชุ่มชื่น เย็นสบายหรือสบายตา สีเงิน เป็นสีทันสมัย ล้ำสมัย ดูไฮเทค สิ่งใหม่ๆ สีแดง คือสีที่มีพลัง แสดงอารมณ์รุนแรง เด็ดขาด ความร้อนแรง ซึ่ง สีทอง ดูหรูหรา มีราคา ดูแพง หากคุณเลือกใช้สีนี้ในงานออกแบบมากๆ ก็อาจทำให้ไม่สบายตา สีขาว ให้ความรู้สึกสะอาด บริสุทธิ์ เรียบง่าย โล่ง ว่างเปล่า สีเทา เป็นกลางๆ ที่ให้อารมณ์สุขุม เรียบร้อย และอารมณ์ สีส้ม เป็นสีที่ดูทันสมัย สดใส กระฉับกระเฉง สีม่วง เป็นสีที่หนักแน่น ในขณะเดียวกันก็ดูลึกลับ เศร้า หม่นหมอง ไร้ชีวิตชีวา สีดำ เป็นสีที่แสดงถึงความลึกลับ มืดมนต์ ความน่ากลัว น่าค้นหา มีเสน่ห์
ลักษณะพื้นผิว (Texture) เป็นการแสดงลักษณะพื้นผิวของรูปร่าง หรือรูปทรงต่างๆ ทั้งที่มีอยู่ในธรรมชาติ และที่ มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งผิวนอกของสิ่งต่างๆที่มี ลักษณะต่างๆกัน ทั้งที่มีลักษณะผิวหยาบ ผิว ขรุขระ ผิวด้าน ผิวละเอียด และผิวมัน ซึ่งเรา สามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้ด้วยการสัมผัส และ ทางตา พื้นผิวที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น เช่น พื้นผิวของ กระดาษทราย พื้นผิวของกระจก พื้นผิวของ โลหะ ผ้าที่มีพื้นผิว หรือ ปักเป็นลวดลายต่างๆ ฯลฯ 1. ผิวสัมผัสที่รับรู้ได้ด้วยตา (Visual Texture) ผิวสัมผัสที่รับรู้ได้ด้วยตา คือ ลักษณะงาน 2 มิติ ที่รู้สึกได้จากการมองเห็นด้วยตา 2. ผิวสัมผัสที่สัมผัสได้ด้วยมือ (Tactile Texture) ผิวสัมผัสประเภทนี้ไม่เพียงแต่มอง เห็นได้ด้วยตา แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยมือ
3.หลักการจัด องค์ประกอบศิลป์ เป็นคำที่มาจาก วางส่วนประกอบ ภาษาละติน ในการออกแบบ “Composition Comp” หมายถึง การรวมเข้าด้วยกัน Post หมายถึง การจัดวาง ดังนั้น Composition เกิดจากการ เอาส่วนประกอบของศิลปะมา รวมเข้าด้วยกัน
1.การซ้ำ การซ้ำ (repetition) เกิดจากองค์ประกอบที่มีลักษณะเหมือนกัน (repetition ตั้งแต่ 2 หน่วยขึ้นไป วางอยู่ในที่ว่าง โดยมี ที่คั่นอยู่ระหว่างหน่วยองค์ประกอบ ที่จะ น้ามาวางซ้ำเหล่านี้ ได้แก่ จุด เส้น น้ำหนัก รูปร่าง รูปทรง สี ลักษณะผิว รูปแบบของการซ้ำ 1.1 การซ้ำแบบเหมือนกัน เป็นการซ้ำขององค์ประกอบที่มีขนาด น้ำหนัก หรือ ลักษณะเดียวกัน เรียงต่อเนื่องกันไป 1.2 การซ้ำแบบลดหลั่น เป็นการซ้ำขององค์ประกอบที่มีขนาด น้ำหนัก หรือ ลักษณะแตกต่างกัน เรียงจาก มากไปน้อย หรือน้อยไปมาก 1.3 การซ้ำเป็นจังหวะ เป็นการซ้ำของชุดองค์ประกอบที่มีลักษณะเหมือนกันเรียง ต่อเนื่องกันไป ซึ่ง ภายใน ชุดองค์ประกอบ 1 ชุดนี้ จะประกอบด้วยหน่วยย่อยที่มีขนาด น้ำหนัก หรือลักษณะแตกต่าง กัน 1.4 การซ้ำแบบไม่เป็นจังหวะ เป็นการซ้ำของชุดองค์ประกอบลักษณะหนึ่งๆ อย่าง อิสระ
2. จังหวะ(rhythm) จังหวะ (rhythm)เกิดจากการซ้้ากันอย่างต่อเนื่อง และมีเอกภาพขององค์ประกอบ พื้นฐาน ที่มีลักษณะ เหมือนกันตั้งแต่ 2 หน่วยขึ้นไปบนที่ว่าง รูปแบบของจังหวะ 1. จังหวะซ า้ เป็นจังหวะขององค์ประกอบที่มีลักษณะเหมือนกันเรียงต่อเนื่องกันไป 2. จังหวะสลับ เป็นจังหวะขององค์ประกอบที่มีลักษณะ สลับกันไปมาอย่างเป็นระเบียบ 3. จังหวะแปร เป็นจังหวะขององค์ประกอบที่มีการ เปลี่ยนแปลงของลักษณะไปทีละเล็กละน้อย
3. การลดหลั่น(gradation) การลดหลั่น (gradation)คือ การจัดล้าดับขององค์ประกอบต่างๆ เช่น เส้น รูปร่าง รูปทรง สี ลักษณะผิว ฯลฯ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามล้าดับ เช่น ระดับสีอ่อนไปสีแก่ ลักษณะผิวเรียบไปสู่ขรุขระ รูปทรงเล็กไปหารูปใหญ่
4. ทิศทาง(direction) ทิศทาง (direction)หมายถึง ความรู้สึกเคลื่อนไหวที่เกิดจาก การ พิจารณาองค์ประกอบในงานศิลปะ ซึ่งองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เส้น รูปร่าง รูปทรง ฯลฯ สามารถ ชักน้าสายตาให้เกิดความรู้สึก เคลื่อนไหว
5.ความกลมกลืน (harmony) ความกลมกลืน (harmony)หมายถึง การน้าองค์ประกอบพื้นฐานที่มีความ คล้ายกัน หรือเหมือนกันมาจัดวาง อย่างสัมพันธ์กัน เกิดการประสานกันอย่าง เหมาะสม และลงตัวในผลงานดูแล้วไม่ขัดตา หวังว่าคุณจะสนุกไปกับการทำความรู้จัก กับเพื่ อนร่วมชั้นของคุณ
6.การตัดกัน หรือความขัดแย้ง(contrast) การตัดกัน (contrast) หรือการขัดแย้งกัน หมาย ถึง การจัดองค์ประกอบพื้นฐาน ที่มีคุณสมบัติต่างกันมา ไว้ด้วยกัน ความแตกต่าง กันนั้น มีหลายระดับตั้งแต่ เล็กน้อยจนถึงแตกต่างกับอย่างสิ้นเชิง จนท้าให้งาน เกิด ความขัดแย้งไม่เป็น ระเบียบ การตัดกันถ้าหากใช้ด้วยความเหมาะสม จะท้าให้เกิดความเด่นปรากฏ ชัดเจนขึ้นในผลงาน กลายเป็นจุดรวมของความสนใจ (focal point) นอกจากนี้ ยังช่วยลดความน่าเบื่อจากความกลมกลืนที่มีมาก เกินไป
7.การประสาน หรือความ กลมกลืน(transition) การประสาน (transition)คือ การ ท้าให้องค์ประกอบต่างๆ เกิด ความเชื่อมโยง และมีความ กลมกลืนกัน เป็นหลักการพื้นฐาน ในการท้างานศิลปะที่ช่วยลด ปัญหาความขัดแย้งลง
เอกภาพ (unity) หมายถึง 1. ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือความเป็นระเบียบของภาพ 2. ความกลมกลืนขององค์ประกอบพื้นฐาน 3. ความสมดุลของภาพ 4. การรวมกันของรูปทรงในภาพเป็นจุดเด่น
4 หลักการออกแบบที่ดี 2.4.1 ควรจะเป็นการออกแบบที่มีลักษณะเหมาะสมตรงกับ ความมุ่งหมายตาม ประโยชน์ใช้สอย มีความกลมกลืนตามหลักเกณฑ์ความงามของสังคม และ ความสามารถปรับปรุง เปลี่ยนแปลงได้ 2.4.2 ควรเป็นการออกแบบที่มีลักษณะง่าย มีจำนวนผลิตผล ตามความต้องการของสังคมและ มีกระบวนการผลิตไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน 2.4.3 ควรจะมีสัดส่วนที่ดีมีความกลมกลืนกันทั้งส่วนรวม เช่น รูปแบบ ลักษณะผิว เส้น สี เป็ นต้น และมีสัดส่วนที่เหมาะสมในการใช้งานด้วย 2.4.4 ควรมีความเหมาะสมกับวัสดุและวิธีการ มีคุณภาพ มีวิธีการใช้ง่ายสะดวก สามารถผลิตได้ตรง ตามความต้องการของสังคมปัจจุบัน 2.4.5 ควรมีลักษณะของการตกแต่งอย่างพอดี
5 หน้าที่และ คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบมีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ ประโยชน์ของการ ประการแรกคือ อำนวยความสะดวก ออกแบบด้วย เทคโนโลยี ในการเขียนแบบ (drafting) ของชิ้นงานที่ต้องการบนจอภาพ การใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ จะตัดความยุ่งยาก ในการเขียนแบบบนกระดาษด้วยมือ ซึ่งเป็นงานที่ละเอียด คอมพิ วเตอร์สามารถแสดงภาพบนจอจากข้อมูลที่ผู้ออกแบบ ต้องการความสามารถสูงและกินเวลานานออกไป ทั้งนี้ ป้อนให้เป็นภาพ ทั้งในระบบ 2 มิติ และ3 มิติ ได้ คอมพิ วเตอร์ สามารถออกแบบได้ทุกชนิด ตั้งแต่แบบอาคารแบบบ้านที่อยู่ อาศัยขนาดสะพาน รถยนต์เครื่องบิน วงจรไฟฟ้า เรียกแบบที่เก็บไว้นี้ออกมาแสดงบนจอภาพได้ทันทีที่ต้องการ และอาจพิ จารณาปรับปรุงแก้ไขใหม่ หน้าที่สำคัญประการที่ 2ของคอมพิวเตอร์ในงานออกแบบ ได้แก่การจา ลอง (simulation) สภาพการท างานจริง ของเล่น ตลอดจนแบบโฆษณาต่าง ๆ แบบเหล่านี้ ของชิ้นงานที่ได้ออกแบบไว้ในสภาวะต่าง ๆ เพื่อศึกษาราย จะเก็บอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้ ละเอียดของชิ้นงาน และวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ และคุณภาพของชิ้นงานนั้น ใช้สามารถ
ประโยชน์ของการใช้ คอมพิวเตอร์ช่วยในการ ออกแบบสรุปได้เป็น 4 ประการสำคัญดังนี้ 4. เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลต่างๆในการออกแบบ -ตามปกติงานออกแบบโดยทั่วไป เมื่อทา เสร็จแล้ว เรายัง สามารถนา ข้อมูลมาใช้ในการออกแบบ ครั้งต่อไปได้ความต้องการ หรือความสนใจของสังคมมนุษย์ มักจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และเทคโนโลยี 1. เพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบ -ในการเขียนแบบ คอมพิวเตอร์สามารถช่วยผู้ใช้วาดรูปต่าง ๆ 2. เพิ่มคุณภาพของงานออกแบบ 3. ลดต้นทุนการออกแบบและการผลิต -การที่คอมพิ วเตอร์สามารถรับภาวะทางด้านการ ใช้คอมพิ วเตอร์ช่วยเป็นการออกแบบที่ไม่สิ้นเปลือง คำนวณตัวเลขต่าง ๆ การแสดงผล และการเขียน ทั้งสัดุและเวลา เพราะ แบบ คอมพิวเตอร์สามารถจา ลองการทา งาน หรือ วิเคราะห์งานออกแบบใหได้โดยผู้ออกแบบไม่ต้อง สร้างชิ้นงานต้นแบบขขึ้นมาทดสอบจริง ๆ
ขอจบการนำเสนอเพียงเท่านี้ ขอบคุณค่ะ ������������ นางสาวคำ ยานนะ เลขที่3 ปวส.1
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: