1 แฟมสะสมผลงานของ 3 ชนั มธั ยมศึกษาปที 4/13 รายวชิ าศิลปะ2 ศ31102 (นาฏศิลปและการละคร) โรงเรยี นมหาวชริ าวุธ จงั หวดั สงขลา สาํ นกั เขตพนื ทีการศึกษามธั ยมศึกษาสงขลา สตลู
คำถำมหัวข้อพ้ืนฐำนนำฏศลิ ป์ 1.นาฏศลิ ปห์ มายถงึ อะไร ก. ศิลปะการฟอ้ นราท่มี นุษยส์ รา้ งขน้ึ เพ่อื ความบันเทิง หรือใชใ้ นการทาพธิ ี ข. เปน็ การรอ้ งบรรเลงเพลงประกอบการแสดง ค. เปน็ การแสดงอารมณผ์ า่ นการราเพยี งอยา่ งเดยี ว ง. เป็นการแสดงทไี่ มไ่ ด้พยายามใหผ้ คู้ นสนใจหรอื คลอ้ ยตาม (รตกิ ำนท์ ปรำงสุวรรณ เลขท่ี 32) 2.นาฏศิลป์ไทยได้รบั อทิ ธิพลมาจากประเทศอะไร ก.จนี ข.ฟิลปิ ปินส์ ค.อนิ เดยี ง.กัมพชู า (ธนวตั คงพนั ธุ์ เลขท่ี 15) 3.เซิง้ เป็นการเเสดงพืน้ เมอื งของภาคอะไร ก.ภาคเหนือ ข.ภาคอีสาน ค.ภาคใต้ ง.ภาคกลาง (สุรเชษฐ์ จนั ทรัตน์ เลขที่ 2) 4.ข้อใดคอื ประเภทของนาฏศลิ ปไ์ ทย ก.การแสดงโขน ข.การแสดงละคร ค.การแสดงราและระบา ง.ถูกทุกขอ้ (เขมิสรา เกษตรกาลาม์ เลขที่ 29) 5.รูปแบบของนาฏศลิ ปไ์ ทยมีกีป่ ระเภท ก.2ประเภท รา ระบา ข.5ประเภท ฟอ้ น ละคร เซิง้ โขน รา ค.3ประเภท รา ฟ้อน โขน ง.6 ประเภท ระบา รา ฟ้อน เซง้ิ ละคร โขน (สริ มิ า จันทร์สารคาม เลขท่ี 39 และ อัฑฒค์ ณนิ บญุ ชว่ ย เลขท่ี 20) ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 4/13
ขนั ต้น เกิดแต่วสิ ัยสัตว์ เมือเวทนาเสวยอารมณ์ วนั ทีเอกสารถูกสรา้ ง: ไม่วา่ จะเปนสุขเวทนาหรอื ทุกขเวทนาก็ตาม 03/04/2008 ถ้าอารมณ์แรงกล้าไม่กลันไวไ้ ด้ นาฏศิลปไทยมีกําเนิดมาจาก ทีมา: ก็แสดงออกมาใหเ้ หน็ ปรากฏ เชน่ เด็กทารกเมือพอใจ ๑ การเลียนแบบธรรมชาติ แบ่งเปน ๓ ขัน คือ http://www.banramthai. ประเทศไทยมีประเพณีแบบอยา่ งทางศิลปการแสดงมาชา้ น ก็หวั เราะตบมือ กระโดดโลดเต้น เมือไม่พอใจก็รอ้ งไห้ com/ าน ซึงได้ผ่านมาหลายศตวรรษและหลายชวั อายุคน 1. ระบํา ดินรน การถ่ายทอดศิลปะนีได้ผ่านมาหลายทาง จากทีเปนคําพูด ขันต่อมา เมือคนรูค้ วามหมายของกิรยิ าท่าทางมากขึน จนถ่ายทอดมาเปนเอกสารจากเรอื งราวต่างๆ ร น ก็ใชก้ ิรยิ าเหล่านันเปนภาษาสือความหมาย จนมาเปนกิจกรรมทางการศึกษาอยา่ งมีระบบ ใหผ้ ูอ้ นื รูค้ วามรูส้ ึกและความประสงค์ เชน่ แต่กระนันประเพณีทางศิลปะของการแสดงนีก็ได้ผา่ นจากยุ ต้องการแสดงความเสน่หาก็ยมิ แยม้ กรุม้ กรมิ ชม้อยชม้ายชายตา ครุง่ เรอื งและยุคเสือม หรอื โกรธเคืองก็ทําหน้าตาถมึงทึง กระทืบ กระแทก 2. ร ต่อมาอกี ขันหนึง มีผูฉ้ ลาดเลือกเอากิรยิ าท่าทาง ๒ การเซ่นสรวงบูชา ซึงแสดงอารมณ์ต่างๆ นันมาเรยี บเรยี งสอดคล้อง ๓ การรบั อารยธรรมของอนิ เดีย 3. ติดต่อกันเปนขบวนฟอนราํ ใหเ้ หน็ งาม จนเปนทีต้องตาติดใจคน สืบค้นเมือ 20 มิถุนายน กําเนิด นาฎศิลป พืนฐานนาฎศ 2564https://th.wikipedia.org/wiki/ มนษุ ยแ์ ต่โบราณมามีความเชอื ถือในสิงศักดิสิทธิ สืบค้นเมือ 20 มิถุนายน 2564แหล่งขอ้ มูล จึงมีการบูชา เซ่นสรวง สืบค้นเมือ 20 มิถุนายน http://guru.sanook.com/4062/ 2564https://sites.google.com/site/kalyasukhci/ เพอื ขอใหส้ ิงศักดิสิทธปิ ระทานพรใหต้ นสมปรารถนา พนื ฐานนาฎศิลป หรอื ขอใหข้ จัดปดเปาสิงทีตนไม่ปรารถนาใหส้ ินไป natsilp/bth-thi1-prapheth-khxng-kar-ra-thiy หมายถึง การบูชาเซ่นสรวง มักถวายสิงทีตนเหน็ วา่ ดีหรอื ทีตนพอใจ เชน่ นาฏศิลป หมายถึง ศิลปะการฟอนราํ ข้าวปลาอาหาร ขนมหวาน ผลไม้ ดอกไม้ จนถึง หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอนราํ การขบั รอ้ ง ฟอนราํ เปนสิงทีมนษุ ยป์ ระดิษฐ์ขนึ ด้วยความประณีตงดง เพือใหส้ ิงทีตนเคารพบูชานันพอใจ ต่อมามีการฟอนราํ บําเรอกษัตรยิ ด์ ้วย าม ใหค้ วามบันเทิง ถือวา่ เปนสมมุติเทพทีชว่ ยบําบัดทุกข์บํารุงสุขให้ อนั โน้มน้าวอารมณ์และความรูส้ ึกของผูช้ มใหค้ ล้ มีการฟอนราํ รบั ขวญั ขุนศึกนักรบผู้กล้าหาญ ทีมีชยั ในการสงครามปราบขา้ ศึกศัตรู อยตาม ต่อมาการฟอนราํ ก็คลายความศักดิสิทธลิ งมา ศิลปะประเภทนีต้องอาศัยการบรรเลงดนตรี กลายเปนการฟอนราํ เพอื ความบันเทิงของคนทัวไป และการขับรอ้ งเขา้ รว่ มด้วย เพอื ส่งเสรมิ ใหเ้ กิดคุณค่ายงิ ขนึ หรอื เรยี กวา่ เมือไทยมาอยูใ่ นสุวรรณภูมิใหม่ๆ นัน มีชนชาติมอญ ศิลปะของการรอ้ งราํ ทําเพลง และชาติขอมเจรญิ รุง่ เรอื งอยูก่ ่อนแล้ว การศึกษานาฏศิลป ชาติทังสองนันได้รบั อารยธรรมของอนิ เดียไวม้ ากม เปนการศึกษาวฒั นธรรมแขนงหนึง นาฏศิลปเปนส่วนหนึงของศิลปะสาขาวจิ ิตรศิล ายเปนเวลานาน ป อนั ประกอบด้วย จิตรกรรม สถาปตยกรรม เมือไทยมาอยูใ่ นระหวา่ งชนชาติทังสองนี วรรณคดี ดนตรี และนาฏศิลป ก็มีการติดต่อกันอยา่ งใกล้ชดิ ไทยจึงพลอยได้รบั อารยธรรมอนิ เดียไวห้ ลายด้าน เชน่ ภาษา ประเพณี ตลอดจนศิลปการละคร ได้แก่ ระบํา ละครและโขน นาฏศิลป นอกจากจะแสดงความเปนอารยะของประเทศแ ล้ว ยงั เปนเสมือนแหล่งรวมศิลปะและการแสดงหล ายรูปแบบเข้าด้วยกัน โดยมีมนษุ ยเ์ ปนศูนยก์ ลาง ในการทีจะสรา้ งสรรค์ อนรุ กั ษ์ และถ่ายทอดสืบต่อไป 1.1 ความหมาย พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 ได้ใหค้ วามหมายของคําวา่ “ นาฏศิลป ” ไวว้ า่ “ เปนศิลปะแหง่ การละครหรอื การฟอนราํ ” นอกจากนี ยงั มีนักการศึกษา และท่านผูร้ ูไ้ ด้ใหน้ ิยามความหมายของนาฏศิลป แตกต่างกันออกไป ดังนี ความชาชองในการละครและฟอนราํ ศิลปะการละครหรอื การฟอนราํ ของไทย การรอ้ งราํ ทําเพลง เพอื ใหเ้ กิดความบนั เทิงเรงิ ใจ การฟอนราํ ทีมนุษยป์ ระดิษฐข์ นึ โดยการเลียนแบบท่าธรรมชาติดว้ ยความประณีตลึกซงึ ศิลปะการฟอนราํ หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอนราํ ซงึ เปนสงิ ทีมนุษยป์ ระดษิ ฐข์ นึ ดว้ ยความงามอยา่ งมแี บบแผน แหล่งอา้ งองิ นางสาวกัลยา สุขใจ ชอื เล่น มินท์ รหสั 5602063805024 ทีอยูป่ จจุบนั 79 หมู่18 ตําบลท่าส่วาง อาํ เภอเมือง จังหวดั สุรนิ ทร์ : [email protected] E-mail : [email protected] สาขา คอมพิวเตอร์ ปจจุบันศึกษาอยูท่ ีวทิ ยาลัยชุมชนพิจิตร หน่วยจัดอบต ปากทาง สืบค้นเมือ 20 มิถุนายน 2564
บทเรยี นออนไลน์วชิ านาฏศิลปการแสดง //(2564).//ประเภทของนาฏศิลปไทย //สืบค้นเมือ 20 มิถุนายน 2564,/จาก/https://sites.google.com/site/sciencechutimakuna/content01/content02/content02-1 1.ระบํา หมายถึง ศิลปะการรา่ ยราํ ทีแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่ ไม่ดําเนินเรอื งราว ใชเ้ พลงบรรเลง อาจมีเนือรอ้ งหรอื ไม่มีเนือรอ้ งก็ได้ เน้นการแปรแถวในลักษณะต่าง ๆ อยา่ งมีระเบียบงดงามและเน้นความพรอ้ มเพียงเปนหลัก เชน่ ระบําโบราณคดี ระบํานกสามหมู่ ระบําเชยี งแสน เปนต้น รูปเเบบของ 2.ราํ หมายถึง การแสดงท่าทางการเคลือนไหวรา่ งกายประกอบจังกวะเพลงรอ้ งหรอื เพลงบรรเลงจะเปนศิลปะการราํ เดียว ราํ คู่ นาฏศิลปไทย ราํ ประกอบเพลง ราํ อาวธุ ราํ ทําบทหรอื ราํ ใชบ้ ท โดยเน้นท่วงท่าลีลาการรา่ ยราํ ทีงดงาม เชน่ ราํ สีนวล ราํ ฉุยฉาย เปนต้น ราํ 3.ฟอน หมายถึง ระบําทีมีนักแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่ . ฟอน เปนศิลปะการรา่ ยราํ ทีมีลีลาเฉพาะในท้องถินล้านนา ทีเปนการเคลือนไหวแขน ขา ยดื ยุบเข่าตามจังหวะ ศิลปไทย เพือความออ่ นชอ้ ยสวยงาม เชน่ ฟอนเมือง ฟอนเงยี ว ฟอนม่านมุ้ยเชยี งตา เปนต้น 4. เซิง 4.เซิง หมายถึง การรอ้ งราํ ทําเพลงแบบพืนเมืองอสี าน ลีลาและจังหวะการรา่ ยราํ จะรวดเรว็ กระฉับกระเฉง การแต่งกาย 5. ละคร จะแต่งกายตามแบบพนื เมืองของชาวอสี าน 6. โขน ส่วนใหญก่ ารเซิงจะใชส้ ําหรบั นํากระบวนแหต่ ่าง ๆ แต่ต่อมาภายหลังได้มีการปรบั ปรุงการเซิงแบบใหม่เพมิ เติมขนึ มาอกี บุคคลสําคัญของ เชน่ เซิงสวงิ เซิงกระติบข้าว เซิงโปงลาง เซิงตังหวาย เปนต้น นาฏศิลปไทย 5.ละคร หมายถึง มหรสพอยา่ งหนึงทีแสดงเปนเรอื งราว โดยนําภาพจากประสบการณ์และจิตนาการของมนษุ ยม์ าผูกเปนเรอื ง มีจุดมุ่งหมายเพือแสดงอารมณ์ความรูส้ ึกก่อใหเ้ กิดความบันเทิง และความสนกุ สนาน เพลิดเพลินโดยมีนักแสดงเปนผูส้ ือความหมาย และเรอื งราวต่อผู้ชม 6.โขน หมายถึง ศิลปะการแสดงนาฏศิลปของไทยรูปแบบหนึง อากัปกิรยิ าของตัวละครจะมีทังการราํ และการเต้นทีออกท่าทางเข้ากับดนตรี นักแสดงจะถูกสมมติใหเ้ ปนตัวยกั ษ์ ตัวลิง มนษุ ย์ เทวดา โดยการสวมหน้ากากหรอื เรยี กวา่ “หวั โขน” นักแสดงไม่ต้องรอ้ งหรอื เจรจาเอง เพราะจะมีผูพ้ ากยเ์ จรจาขับรอ้ งแทน มีนามเดิมวา่ แผ้ว สุทธบิ ูรณ์ เกิดเมือวนั ที ๒๕ ธนั วาคม ๒๔๔๖ เมืออายุ ๘ ขวบ ได้ถวายตัวในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา และได้รบั การฝกหดั นาฏศิลป กับครูอาจารยผ์ ู้ทรงคุณวุฒิในราชสํานักจนมีความรูค้ วามสามาร ถการแสดงนาฏศิลปไทย \"ลาวกระทบไม้\" ซึงลีลาท่าราํ ส่วนหนึง เปนการคิดประดิษฐ์ของท่านผู้หญงิ แผ้ว สนิทวงศ์เสนี ผลงานดีเด่น/ผลงานทีสรา้ งชอื เสียง ได้แก่การคิดประดิษฐ์ท่าราํ สุโขทัย ท่าราํ ทีปรบั ปรุงมาจากการแสดงละครตอนหนึง ในเรอื งอเิ หนา ท่านผู้หญิงแผว้ สนิทวงศ์เสนี เกิดเมือวนั ที 14 สิงหาคม พ ศ 2442 ทีจังหวดั นครปฐม เปนบุตรของจางวางจอนและนางพรงิ : ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ครูรงภักดีฝกหดั โขน (ยกั ษ์) กับพระยานัฏกานรุ กั ษ์และคุณหญิงนัฏกานรุ กั ษ์ เมืออายุ 13 ปทีกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 6 ต่อมาเข้ารบั ราชการเปนศิลปนในกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 7 นอกจากรบั ราชการเปนตํารวจหลวงแล้ว ท่านยงั มีหน้าทีเปนครูสอนนาฏศิลปโขนอกี ด้วย : ครูอาคม สายาคม ผลงานด้านการแสดง : ครูอาคม สายาคม แสดงเปนตัวเอก เชน่ พระราม อเิ หนา พระรว่ ง พระอภัยมณี ขุนแผน พระไวย ไกรทอง ฮเนา (เรอื งเงาะปา) พระลอ อุณรุท พระสังข์ เปนต้น ผลงานด้านประดิษฐ์ท่าราํ : ได้แก่ เพลงหน้าพาทยต์ ระนาฏราช เพลงหน้าพาทยโ์ ปรยข้าวตอก เพลงเชดิ จีน ลีลาประกอบท่า เชอื ม ตําราท่าราํ ครูอาคม สายาคม เดิมชอื บุญสม เกิดเมือวนั ที 26 ตุลาคม พ ศ 2406 ณ บ้านสีแยกหลานหลวง จังหวดั พระนคร เปนบุตรของนายเจือ ศรยี าภัยและนางผาด ศรยี าภัย สกุลเดิม อศิ รางกูร ณ อยุธยา (นามสกุลสายาคมเปนนามสกุลทีได้รบั พระราชทานจากรชั กาลที 6) ครูอาคมได้รบั การฝกหดั โขนพรอ้ มกับเรยี นหนังสือจนจบชนั มัธยม ปที 3 จากนัน เข้ารบั ตําแหน่ง “พระ” แผนกโขนหลวง กรมพิณพาทยแ์ ละโขนหลวง กระทรวงวงั ครูลมุล ยมะคุปต์ เกิดเมือวนั ที 2 มิถุนายน พ ศ 2448 ผลงานด้านการแสดง เปนชาวจังหวดั น่าน เปนธดิ าของรอ้ ยโทนายแพทยจ์ ีน ท่านแสดงเปนตัวเอกเกือบทุกเรอื ง เพราะมีฝมือเปนเยยี ม บทบาททีท่านเคยแสดง อญั ชญั ภาติกับนางคํามอย เชน่ พระสังข์ เขยเล็ก เจ้าเงาะ ฮเนา ซมพลา บิดาพาไปถวายตัวเปนนางละคร ณ วงั สวนกุหลาบ เปนต้น เรมิ ฝกหดั นาฏศิลปตังแต่อายุ 5 ขวบและยา้ ยไปศึกษาด้านละครใน ณ วงั เพชรบูรณ์ ครูเฉลย ศุขะวณิช ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ และระบํา ระบํากินนร ระบําโบราณคดี ๔ ชุด คือ ระบําทวารวดี ระบําศรวี ชิ ยั คุณครูเฉลย ศุขะวณิช เกิดเมือวนั ที ๑๑ ระบําลพบุรี และเชยี งแสน ฟอนแคน เซิงสัมพันธ์ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๔๗ ระบําฉิงธเิ บต ระบํากรบั ราํ กิงไม้เงนิ ทองถวาย (บทประพันธข์ อง นางสาว ปราณี สําราญวงศ์) เปนผูเ้ ชยี วชาญการสอนและออกแบบนาฏศิลปไ เซิงสราญ ระบําสวสั ดิรกั ษา ระบํามิตรไมตรซี ีเกมส์ ทย แหง่ วทิ ยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ระบําศรชี ยั สิงห์ ระบําขอม ซึงมีความรูค้ วามสามารถสูงในกระบวนท่าราํ ทุก ประเภท ทางราชการได้มอบหมายใหเ้ ปนผูว้ างรากฐานจัด สรา้ งหลักสูตรการเรยี นการสอนวชิ านาฏศิลปตัง แต่ระดับต้นจนถึงขนั ปรญิ ญา ได้รบั ปรญิ ญาครุศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ สาขานาฏศิลป สหวทิ ยาลัยรตั นโกสินทร์ วทิ ยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา sittipanareerat422.//(2564).//บุคคลสําคัญในวงการนาฏศิลปของไทย //สืบค้นเมือ 20 มิถุนายน 2564,/จาก/https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/bth-thi2-kar-saedng-natsilp-thiy/kar- pradisth-tha-ra-ni-kar-saedng-natsilp
หวั หน้ากลุ่ม นางสาวรติการท์ ปรางสุวรรณ เบอรโ์ ทร/line 0943519042 facebook รติกานท์ ปรางสุวรรณ อเี มล [email protected] นางสาวสิรมิ า จันทรส์ ารคาม กGลุ่มRO: เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0887825468 Line : 0887825468 Facebook : Sirima Chansarakham Email : [email protected] รองหวั หน้ากลุ่ม นางสาวเขมิสรา เกษตรกาลาม์ สมาชกิ กลุ่ม เบอรโ์ ทรศัพท์:0808002868 Facebook:Khemisara Rodruayruen Line:0622077655 อเี มล[email protected]
เลขากลุ่ม ธนวตั คงพนั ธุ์ Facebook: Tanawat khongphan เบอรโ์ ทร093-7304255 Line:runinto66 อเี มล[email protected] OสUาPมัคWคOีคRือนKอ:น นาย อฑั ฒ์คณิน บุญชว่ ย สมาชกิ ในกลุ่ม Email [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 0972356448 Line hugo_akanin Facebook Akanin boonchuay สมาชกิ ในกลุ่ม นายสุรเชษฐ์ จันทรตั น์ Facebook : Surachet Chuntarat เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0620936494 ID LINE : oppagame Email : [email protected]
พบหลักฐาน การละครและฟอนราํ ปรากฏอยูใ่ นศิลาจารกึ ของพ่อขุนรามคําแหง กล่าววา่ \"เมือจักเข้ามาเรยี งกัน แต่อรญั ญิกพู้นเท้าหวั ลานด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลือน เสียงขับ ใครจักมักเหล้น เหล้น ใครจักมักหวั หวั ใครจักมักเลือน เลือน\" บุคคลสําคัญ คือ พอ่ ขุนรามคําแหง จากหลักฐานทางศิลาจารกึ แม้จะไม่มีคําใดทีแสดงถึงนาฏศิลปไทย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรนื เรงิ สนกุ สนาน อยูอ่ ยา่ งมีความสุขเปนอยา่ งมาก ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว ดากานดา หนนู ่นุ เลขที 37 สมัย มีนิยาย เรอื ง นามาโนหร์ า สมัยน่านเจ้า ววิ ฒั นาการ เปนนิยายของพวกไตหรอื คนไทย ครไทย ย ในสมัยน่านเจ้าทีมีปรากฏอยูก่ ่อนหน้านี คือ กรุงศ การแสดงจําพวกระบํา เชน่ ระบาํ หมวก ระบาํ นกยูง แ ไม่พบหลักฐานเกียวกับบุคลสําคัญในยุคสมัยนี ผูร้ บั ผดิ ชอบ นาย อรยิ ธ์ ชั จันทรส์ องแก้ว สมัยธนบุรี เลขที9และนาย ปรมิน กาเลียง เลขที4 สมัยนีบทละครในสมัยอยุธยาได้สูญหายไป สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรอื สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงรวบรวมศิลปน บทละครทีเหลือมาทรงพระราชนิพนธบ์ ทละคร เรอื ง รามเกียรติ อกี 5 ตอนได้แก่ 1.ตอนอนมุ านเกียวนางวานรนิ 2.ตอนท้าวมาลีวราชวา่ ความ 3.ตอนทศกันฐ์ตังพิธที รายกรด 4.ตอนพระลักษมณ์ถูกหอกกบิลพัท 5.ตอนปล่อนม้าอุปการ นอกจากทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครใน เรอื ง รามเกียรติด้วยพระองค์เองแล้ว พระองค์ยงั ทรงฝกซ้อมด้วยพระองค์เองอกี ด้วย บุคคลสําคัญ คือ พระเจ้าตากสินเมมือสหมาเรดา็จพชระเจ้ากรุงธนบุรที รงกู้เอกราชเปนผลสําเรจ็ และบา้ นเมืองค่อยกลับคืนเข้าสู่สภาวะเปนปรกติแล้ว พระองค์ท่านก็ได้ทรงเอาพระทัยใส่ เพยี รพยายามฟนฟูศิลปวฒั นธรรมของชาติทางด้านนีเปนอยา่ งมาก ปรากฏวา่ พระองค์ท่านทรงได้ ละครผู้หญงิ ของเจ้านครศรธี รรมราช เมือคราวเสด็จลงไปปราบชุมนมุ เจ้านครเมือ ป พ ศ 2312 นันเข้ามาเปนครูฝกหดั ขึนใหม่ สมทบกับพวกละครต่างๆ ทีทรงรวบรวมได้มาจากทีอนื มาฝกหดั จัดเปน ละครหลวง ขึนใหม่ในกรุงธนบุรโี ดยยดึ ถือแบบอยา่ งครงั กรุงศรอี ยุธยา เปนแบบฉบับในการฝกหดั จึงเปนเหตุใหก้ ารนาฏศิลปโขน ละครของไทย ได้ฟนตัวขึนมาใหม่ตังแต่บัดนันเปนต้นมา แต่ละครของเมืองนครกับละครของกรุงเก่า (กรุงศรอี ยุธยา) มีแบบแผนการแสดงแตกต่างกันไปบ้าง ละครของกรุงเก่ามีเจ้าฟาพนิ ทวดีพระราชธดิ าในพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศเปนต้นแบบ เครง่ ครดั ในการแสดงอยา่ งละครใน ส่วนละครของเมืองนครซึงไม่ใชเ่ มืองหลวงนัน ผ่อนผันตามความนิยมของผู้ชมโดยทัวไปบา้ ง
ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว กานดิศา มานีมาน เลขที36 ยสุโขทัย ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว จิรวรรณ คงชว่ ย เลขที39 และนาย ธฤต บุราญคุณ เลขที 12 รของนาฏศิลปและการละ สมัยอยุธยา มีการแสดงละครชาตรี ละครนอก ละครใน ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย แต่เดิมทีเล่นเปนละครเร่ ศรอี ยุธยา กรุงธนบุรี จะแสดงตามพืนทีวา่ งโดยไม่ต้องมีโรงละคร เรยี กวา่ และบุคคลสําคัญ ละครชาตรี ต่อมาได้มีการววิ ฒั นาการเปนละครราํ เรยี กวา่ ละครใน ละครนอก : โดยปรบั ปรุงรูปแบบใหม้ ีการแต่งกายทีประณีตงดงามมากขึน มีดนตรี บทรอ้ ง และมีการสรา้ งโรงแสดง ละครในแสดงในพระราชวงั จะใชผ้ ูห้ ญิงล้วน หา้ มไม่ใหช้ าวบ้านเล่น เรอื งทีนิยมมาแสดงมี 3 เรอื งคือ อเิ หนา รามเกียรติ และอุณรุท ส่วนละครนอก ชาวบ้านจะแสดง ใชผ้ ูช้ ายล้วน ดําเนินเรอื งอยา่ งรวดเรว็ สมัยสมเด็จพระบรมราชาธริ าชที 3 เปนสมัยทีโขนเจรญิ รุง่ เรอื งเปนอยา่ งมาก ีละครเรอื งใหญ่ๆ อยู่ 4 เรอื ง คือ อเิ หนา รามเกียรติ อุณรุท และดาหลัง บุคคลสําคัญ คือ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชที 3 ทรงเปนผู้นิพนธ์ กําสรวลสมุทร (นิยมเรยี กกันวา่ กําสรวลศรปี ราชญ)์ ก่อนขึนครองราชย์ เนืองในการเสด็จทางชลมารค ล่องลํานาเจ้าพระยา จากกรุงศรอี ยุธยาไปยงั หวั เมืองชายทะเลแถวปากแม่นา พระราชนิพนธน์ ีได้กล่าวถึงความยงิ ใหญ่ของกรุงศรอี ยุธยา แหล่งอา้ งองิ ววิ ฒั นาการของการละครไทยตังแต่อดีตถึงปจจุบั (ขอ้ มูลทังหมดนํามาจากเวบ็ ไซต์นี) น (ออนไลน์). 2559, แหล่งทีมา : https://sites.google.com/site/bluestampnew/ system/app/pages/recentChanges (15 มิถุนายน 2564 )
แบบทดสอบ เรื่อง ววิ ฒั นาการของนาฏศลิ ป์และการละครไทย ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย กรุงศรอี ยุธยา กรุงธนบรุ ี 1. การเเสดงใดในสมัยอยธุ ยาใชผ้ หู้ ญงิ ล้วนในการเเสดงหา้ มใหช้ าวบา้ นเลน่ เรื่องทน่ี ิยมเเสดง คอื อิเหนา รามเกยี รต์ิ และอณุ รุท ก.ละครใน ข.ละครนอก ค.ละครโขน ง.ละครดึกดาบรรพ์ ตอบ ก.ละครใน 2.พระเจา้ ตากสินมหาราชได้รวบรวมศิลปินทเ่ี หลอื มาเเตง่ บทละคร เร่อื ง รามเกียรติ์ มีก่ีตอน ชือ่ ตอน อะไรบา้ ง ก. 5 ตอน ตอน อนมุ านเกี้ยวนางวานรนิ ตอน ทา้ วมาลีวราชวา่ ความ ตอน ทศกณั ฐ์ตั้งพิธี ทรายกรด ตอน พระลักษมณถ์ ูกหอกกบลิ พัท และตอน ปลอ่ ยม้าอุปการ ข. 4 ตอน ตอน อนุมานเกี้ยวนางวานรนิ ตอน ท้าวมาลีวราชวา่ ความ ตอน พระลกั ษมณ์ถกู หอกกบลิ พทั และตอน ปลอ่ ยม้าอปุ การ ค. 3 ตอน ตอน ศึกไมยราพ ตอน อนุมานเกย้ี วนางวานรนิ และตอน ทา้ วมาลวี ราชวา่ ความ ง. 5 ตอน ตอน อนมุ านเกยี้ วนางวานริน ตอน ทา้ วมาลวี ราชว่าความ ตอน ทศกันฐ์ตง้ั พธิ ี ทรายกรด ตอน พระลักษมณถ์ กู หอกกบิลพัท และตอน ศึกไมยราพ ตอบ ก.5 ตอน ตอน อนมุ านเกีย้ วนางวานริน ตอน ทา้ วมาลีวราชว่าความ ตอน ทศกณั ฐต์ ั้งพิธีทราย กรด ตอน พระลกั ษมณถ์ ูกหอกกบิลพัท และตอน ปลอ่ ยมา้ อปุ การ 3.สมยั ใดท่โี ขนมคี วามเจริญอย่างมาก ก.สมยั ธนบรุ ี ข.สมยั นา่ นเจา้ ค.สมยั สุโขทยั ง.สมัยอยุธยา ตอบ ง.สมยั อยุธยา 4. หลกั ฐานการละครและฟ้อนราที่ปรากฏอยูใ่ นศิลาจาลึกของพ่อขนุ รามคาแหงได้รบั วฒั นธรรมของ ชาตใิ ดผสมผสานกบั วฒั นธรรมไทย ก.จีน ข.ลาว ค.อนิ เดยี ง.เมยี นมา ตอบ ค.อนิ เดยี
5.นิยายเร่อื งนามาโนห์รา เป็นนิยายของพวกไตหรือคนไทยเปน็ การแสดงจาพวกระบา เชน่ ระบาหมวก ระบานกยูง เกดิ ขน้ึ ในสมยั ใด ก.สมัยอยุธยา ข.สมยั นา่ นเจ้า ค.สมัยสุโขทัย ง.สมัยธนบรุ ี ตอบ ข.สมัยน่านเจ้า สมาชกิ ในกล่มุ นายปรมินทร์ กาเลยี่ ง ชั้น ม.4/12 เลขที่ 4 นายอรยิ ์ธชั จัทร์สองแกว้ ชนั้ ม.4/12 เลขท่ี 9 นายธฤต บรุ าญคุณ ชน้ั ม.4/12 เลขที่ 12 นางสาวกานดศิ า มานมี าน ช้นั ม.4/12 เลขท่ี 36 (หัวหน้ากลมุ่ ) นางสาวากานดา หนูนนุ่ ชนั้ ม.4/12 เลขที่ 37 นางสาวจิรวรรณ คงช่วย ชนั้ ม.4/12 เลขท่ี 39
Group work กลุ่ม: ชาย4หมีเกียว นายวศิ ิษฏ์กุล แ หวั หน้ากลุ่ม Email:50 เบอรโ์ ทร Faceboo Line:094 รองหวั หน้ากลุ่ม นาย Em เบอ Fac Line เลขากลุ่ม นายก Email เบอรโ์ Faceb Line:0 นายตฤณ สวสั ดี (เเชมป) Em เบอ Fac Line
แซ่เฮา่ (เฟรส์ ) [email protected] รศัพท์:094-8040854 ok:Wisitkun Saehao 4-8040854(เบอรโ์ ทร) ยชาติสยาม รุง่ เรอื ง (โฟกัส) mail:[email protected] อรโ์ ทรศัพท์:083-0732483 cebook:Chartsiam Rungruang e:083-0732483(เบอรโ์ ทร) ษิดิศ ประจันตะเสน (บอส) l:[email protected] โทรศัพท์:062-3739476 book: Kasidit Prajuntasen 062-3739476(เบอรโ์ ทร) mail:[email protected] อรโ์ ทรศัพท์:091-8468984 cebook:Trin sawasdee e lD : champzxc1234
รตั นโ์ กสนิ ทร(์ ตอนตน้ ) 1.ในรชั กาลท่ี1มีบทประพนั ธ์ที่กล่าวขานมาจนถึงวนั น้ีคอื เรื่องอะไร? ก.สามกก๊ ข.พระอภยั มณี ค.โขน ง.นิราศภูเขาทอง 2.สมยั รัชกาลที่2เป็ นยคุ อะไรของนาฏศิลป์ ? ก.ยคุ ทอง ข.ยคุ หิน ค.ยคุ สมยั ใหม่ ง.ยคุ ดึกดาบรรพ์ 3.กษตั ริยอ์ งคใ์ ดสั่งใหย้ กเลิกละครหลวง? ก.พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ข.พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั ค.พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ง.พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั 4.เพราะเหตใุ ดละครในที่แต่เดิมพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เป็ นผฟู้ ้ื นฟจู ึงมแี ตภ่ ายในราชวงั ก.พระราชวงั เป็ นสถานที่เหมาะสมแกก่ ารแสดงละครใน ข.ละครในอาจแพร่หลายไปสู่ประชาชนมากข้นึ เยอะข้ึน ค.ประชาชนไม่ตอ้ งการท่ีจะชมละครในเพราะเป็ นละครที่ไมส่ รา้ งสรรค์ ง.ละครในเป็ นละครที่สะทอ้ นสงั คมหรือเสียดสีสงั คม 5.ยเู นสโก้ไดถ้ วายพระเกยี รติคุณเเด่พระองคใ์ หใ้ นฐานะบุคคลสาคญั ที่มผี ลงานดีเด่นทางวฒั นธรรมระดบั โลก คอื พ.ศ.ใด? ก.พ.ศ2509 ข.พ.ศ.2510 ค.พ.ศ.2511
รตั นโ์ กสนิ ทร(์ ตอนตน้ ) ง.พ.ศ.2512
เจา้ ฟากรมหลวงพทิ ักษ์ บุคคลสําคัญรชั กาลที1 มนตรี นายทองอยู่ แสดงเปนตัวพระ นายรุง่ แสดงเปนตัวนาง (ครลู ะครใน) เจา้ ฟากรมหลวงเทพบรริ ั 1.รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลก บุคคลสําคัญรชั กาลที2 เจา้ จอมมาดาแยม้ กษ์ โปรดรวบรวมตําราฟอนราํ แสดงเปนอิเหนา ผวู้ างรากฐานละครใน 2.รชั สมัยสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย เปนยุคของนาฏศิลปไทย และเขียนภาพท่าราํ แม่บทบนั ทึกไวเ้ ปนหลักฐาน เนืองจากพระมหากษัตรยิ ท์ รงโปรดละครราํ นายพนั นายทองอยู่ รวบรวมสิงทีสูญหายใหม้ ีความสมบูรณ์มากขึน ท่าราํ งดงามตามประณีตแบบราชสํานัก มีการฝกหดั ทังโขน ละครใน แสดงเปนอินทรชติ กับนายทองรุง่ มีการพฒั นาโขนเปนรูปแบบละครใน ละครนอกโดยได้ฝกผู้หญิงใหแ้ สดงละครนอกของหลวงและมีการปรั ผเู้ ชยี วชาญละครใน โดยใหผ้ ู้แสดงเปดหน้าและสวมมงกุฎ หรอื ชฏา บปรุงเครอื งแต่งกายยนื เครอื งแบบละครใน นายภู่ แสดงเปนหนุมาน มีการปรบั ปรุงระบําสีบท สมัยนีวรรณคดี และละครเจรญิ ถึงขีดสุด ทีมาของภาพ: ซึงเปนระบํามาตฐานตังแต่สุโขทัย พระองค์ทรงเปลียนแปลงการแต่งกาย ใหเ้ ปนการแต่งยนื เครอื ง พระเจา้ ลกู ยาเธอกรมหมนื เจษฎาบดนิ ทร์ ในสมัยนีได้เกิดนาฏศิลปขึนมาหลายชุด เชน่ แบบในละครใน ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งอเิ หนา ผแู้ ต่งบทละครนอกแบบหลวงเรอื งสงั ขศ์ ิ ซึงเปนละครทีได้รบั การยกยอ่ งจาก วรรณคดีสโมสร ลปชยั ระบาํ เมขลา-รามสูร ในราชนิพนธร์ ามเกียรติ วา่ เปนยอดของบทละครราํ คือแสดงได้ครบองค์ 5 คือ ตัวละครงาม ราํ งาม รอ้ งเพราะ พิณพาทยเ์ พราะ และกลอนเพราะ เมือป กรมพระราชวงั บวรมหาเสนานุรกั ษ์ พ ศ 2511 ยูเนสโก ได้ถวายพระเกียรติคุณแด่พระองค์ ผรู้ เิ รมิ งิวผหู้ ญิง ใหใ้ นฐานะบุคคลสําคัญ ทีมีผลงานดีเด่นทางวฒั นธรรม ระดับโลก 1.รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลก นายกษิดิศ ประจันตเสน ม 4/13 เลขที3 เจา้ จอมมารดาวาด อา้ งองิ มาจาก: › แสดงเปนอิเหนา art_m6 › 4-smay-ratnkosinthr นายคุ้ แสดงเปนพระราม อา้ งองิ มาจาก: › site › bth- thi-1-kar-lakhr-thiy นายบวั แสดงเปนทศกัณฐ์ บุคคลสําคัญรชั กาลที4 4.พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ววิ ฒั นาการนาฏศิลปรั 2.รชั สมัยสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย กรมหมนื มเหศวรศิววลิ าศ นายชาติสยาม รุง่ เรอื ง ม 4/13 เลขที14 ตนโกสินทรต์ อนต้น นายวศิ ิษฏ์กุล แซ่เฮา่ ม 4/13 เลขที5 มคี ณะละครโรงใหญ่ คณะละครของเจา้ จอมมารดาจนั 4.รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั อา้ งองิ มาจาก: › อา้ งองิ มาจาก: › site › โปรดใหม้ ีละครราํ ผู้หญงิ ในราชสํานักตามเดิมและในเ art_m6 › 4-smay-ratnkosinthr bth-thi-1-kar-lakhr-thiy อกชนมีการแสดงละครผู้หญิงและผู้ชาย ในสมัยนีมีบรมครูทางนาฏศิลป ได้ชาํ ระพิธโี ขนละคร ทีมาของภาพ: อา้ งองิ มาจาก: › ทูลเกล้าถวายตราไวเ้ ปนฉบบั หลวง อา้ งองิ มาจาก: › 3.รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระนังเกล้าเจ้าอยูห่ วั art_m6 › 4-smay-ratnkosinthr site › bth-thi-1-kar-lakhr-thiy โปรดใหย้ กเลิกละครหลวง และมีการดัดแปลงการาํ เบกิ โรงชุดประเรงิ มาเปน ทําใหน้ าฏศิลปไทยเปนทีนิยมแพรห่ ลายในหมู่ประชา หมอ่ มแยม้ แสดงเปนอิเหนา ชน และเกิดการแสดงของเอกชนขึนหลายคณะ ราํ ดอกไม้เงนิ ทอง ศิลปนทีมีความสามารถได้สือทอดการแสดงนาฏศิล ปไทยทีเปนแบบแผนกต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอ นายเกษ แสดงเปนพระราม ยูห่ วั (รชั กาลที4) พระบาทสมเด็กพระนังเกล้าเจ้าอยูห่ ั (ครผฝู้ ก) ว(รชั กาลที3) ได้ฟนฟูละครหลวง ขึนใหม่อนญุ าตใหร้ าษฎรฝกละครในได้ บุคคลสําคัญรชั กาลที3 กรมหลวงรกั ษ์รณเรศ ซึงแต่เดิมละครในจะแสดงได้แต่เฉพาะในพระราชวงั เท่านัน ทรงมคี ณะละครผชู้ ายจดั แสดงเรอื งอิเหนาบทพระราชนิพนธข์ องรชั กาลที 1 ด้วยเหตุทีละครแพรห่ ลายไปสู้ประชาชน มากขึน จึงมีการบัญญัติข้อหา้ มในการแสดงลําครทีมิใชล่ ะครหลวง ดังต่อไปนี 1.หา้ มฉุดบุตรชาย-หญงิ ผู้อนื มาฝกละคร 2.หา้ มใชร้ ดั เกล้ายอดเปนเครอื งประดับศีรษะ สมัยนีพระองค์ ใหย้ กเลิกละครหลวง พระบรมวงศานวุ งศ์ จึงพากันฝกหดั โขนละคร พระองค์เจา้ ทินกร คณะละครทีมีแบบแผนในเชงิ ฝกหดั และแสดง ทางโขน ละครถือเปนแบบแผนในการปฏิบัติสืบต่อมา ทรงมคี ณะละครผชู้ ายและทรงแต่งบทละครนอกหลายเรอื 3.หา้ มใชเ้ ครอื งประกอบการแสดงทีเปนพานทอง ถึงปจจุบันได้แก่ ง หบี ทอง 1.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ 4.หา้ มใชเ้ ครอื งประดับลงยา พระองค์เจ้าลักขณาคุณ 5.หา้ มเปาแตรสังข์ 2.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพนมวนั 6.หวั ชา้ งทีเปนอุปกรณ์ในการแสดงหา้ มใชส้ ีเผอื ก กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ ยกเวน้ ชา้ งเอราวณั 3.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ สมัยรตั นโกสินทร์ ระบําและราํ มีความสําคัญต่อราชพิธตี ่างๆ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรกั ษ์รณเรศ ในรูปแบบของพิธกี รรม 4.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ 3.พระบาทสมเดจ็ พระนังเกล้าเจ้าอยูห่ วั โดยถือปฏิบัติเปนกฏมณเฑียรบาลมาจนถึงสมัยรตั นโกสินทรต์ อนต้ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ นายตฤณ สวสั ดี ม 4/13 เลขที4 น ( สมัยราชกาลที1 – ราชกาลที 4 ) อา้ งองิ มาจาก: › art_m6 › 4-smay- 5.ละครของพระเข้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทรนกร อา้ งองิ มาจาก: › ratnkosinthr กรมหลวงภูวเนตรนรนิ ทรฤทธิ site › bth-thi-1-kar-lakhr-thiy 6.ละครของเจ้าพระยาบดินทรเ อา้ งองิ มาจาก: › ดชา art_m6 › 4-smay-ratnkosinthr 7.ละครของเจ้าจอมมารดาอมั พา 8.ละครเจ้ากรบั
สมาชกิ ในกลุ่ม Group work ฑิตยาภร ไพศาล(แพร) กลุ่ม : มรดก E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 062-545-1509 Facebook : ฑิตยาภร ไพศาล Line : pearthitayaporn รองหวั หน้ากลุ่ม นางสาวศิรภัสสร อุไรรตั น์ (เพลง) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 091-8215837 Facebook : Sirapatsorn Aurairat Line : plang_8843
หวั หน้ากลุ่ม เลขานกุ าร นางสาวธวิ าภรณ์ จันทเลิศ (แก้ม) นางสาว ศศิด้า หเุ้ อยี ด (นาดา) E-mail : [email protected] E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 090-2296972 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0620623492 Facebook : ธวิ าภรณ์ จันทเลิศ Facebook : Sasida Hoonaied Line : 247811254826 Line : nada15555 สมาชกิ ในกลุ่ม สมาชกิ ในกลุ่ม น ส อสั มา ไกรรกั ษ์ (มาร)์ นางสาวฉัฏธดิ า ไมตรี (นาฝน) E-mail : [email protected] E-mail: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 064-9263342 เบอรโ์ ทรศัพท์: 0936902768 Facebook: Assama Kairak Facebook: Chatthida Maitree Line : assama0649263342 Line: 0936902768
แบบทดสอบ 1.ข้อใดไม่ใชเ่ ร่อื งทแี่ สดงในละครใน (น.ส.ศศิด้า ห้นุ เอยี ด ม.4/13 เลขที่ 44) ก.อุณรุท ข.อเิ หนา ค.สังขศ์ ลิ ปช์ ยั ง.รามเกยี รติ์ 2.ข้อใดเปน็ เรือ่ งท่ีใช้เล่นละครนอกและละครเสภา(น.ส.อสั มา ไกรรักษ์ ม.4/13 เลขที่ 36 และ น.ส.ฉฏั ธิดา ไมตรี เลขท่ี 37) ก.อณุ รุท,ดาหลัง ข.อเิ หนา,สังขศ์ ลิ ปช์ ัย ค.มณพี ิชยั ,ขุนชา้ งขนุ แผน ง.รามเกยี รต,ิ์ สงั ขท์ อง 3.ขอ้ ใดคอื ลักษณะของละครพนั ทาง(น.ส.ศริ ภสั สร อุไรรัตน์ ม.4/13 เลขที่ 34 ) ก.เปน็ ละครราของไทยประเภทหนึง่ ทเ่ี กดิ จากการผสมผสานระหวา่ งโนราของภาคใต้กบั ละครนอก ของภาคกลาง ข.เป็นละครราแบบละครนอกผสมละครในมีศิลปะของชาติตา่ ง ๆ เขา้ มาปะปนตามทอ้ งเร่อื ง ค.ละครทม่ี ลี กั ษณะการแสดงคล้ายละครนอก รวมทง้ั เพลงร้องนา ทานองดนตรี และการแตง่ กายของตวั ละคร ง.การแสดงท่ดี าเนินเปน็ เรื่องราว โดยใชศ้ ิลปะการร่ายราประกอบการขับรอ้ ง และมวี งปี่พาทย์ บรรเลงประกอบการแสดง 4.ละครชาตรเี ปน็ ละครราท่ีเกดิ จากการผสมผสานระหว่างภาคไหนกบั ภาคไหนและมเี รื่องอะไรบ้าง (น.ส.ธิวาภรณ์ จันทเลศิ ม.4/13 เลขที่ 33 ) ก.ภาคเหนือกับภาคกลาง เช่น ไกรทอง ข.ภาคอีสานปกับภาคใต้ เช่น ดาหลงั และอิเหนา ค.ภาคใตก้ บั ภาคเหนือ เชน่ ระบาเชียงแสน ง.ภาคกลางกบั ภาคใต้ เชน่ เรอ่ื งพระสุธนนางมโนห์รา 5.ละครดกึ ดาบรรพน์ ้ันเกดิ ขนึ้ ในสมยั รัชกาลทเี่ ท่าไหร(น.ส.ฑิตยาภร ไพศาล ม.4/13 เลขที่ 41) ก.3 ข.4 ค.5 ง.6
นางสาวฉัฏธดิ า ไมตรี ม 4 นางสาวฑิตยาภร ไพศาล ม 4/13 เลขที41 ครูอาคม สายาคม ผล ครูอาคมแสดงเปนตัวเอก เช ครูเฉลย ศุขะวณิช ผลงาน ของครูเฉลย ศุขะวณิชการประดิษฐ์ท่าราํ และระบาํ ระบาํ กินนร อเิ หนาและประดิษฐ์ท่าร เพลงหน้าพาทยต์ ระนา ระบาํ โบราณคดี ๔ ชุด คือ ระบําทวารวดี ระบําศรวี ชิ ยั ระบําลพบุรี และเชยี งแสน เปนต้น บุคคลสําคัญ นางสาวศิรภัสสร อุไรรตั น์ 4/13 เลขที34 ละครไทย ประเภทละคร : ครูลมุล ยมะคุปต์ ผลงาน ท่านแสดงเปนตัวเอกเกือบทุกเรอื ง อา้ งองิ นางสาวฑิตยาภร ไพศาล ม 4/13 เลขทีี41 นางสาวกิติยา คําครู ละคร- เพราะมีฝมือเปนเยยี ม เวบ็ ประเภทนาฏศิลปไทย(ออนไลน ประดิษฐ์ท่าราํ ใหก้ รมศิลปากรในฐานะผู้เชยี วชาญ เข้าถึงเมือ 1 เชน่ ราํ แม่บทใหญ่ sittipanareerat422. บุคคลสําคัญในวงการนาฏศิลปของ ละครดึกดําบรรพ์ sittipanareerat422(ออนไลน์). สืบ เปนการแสดงละครแบบหนึงในประเภทละครราํ เกิ ดขึนในสมัยรชั กาลที 5เนืองมาจากในสมัยรชั กาลที เข้าถึงเมือ 15 5 โดยเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์ววิ ฒั น์ (ม ร ว หลาน กุญชร) ได้คิดการแสดงในรูปแบบคอนเสิรต์ โดยเนือเรอื งตั ดตอนมาจากวรรณคดีไทย โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟากรมพระยา นรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ ทรงเลือกเพลงและอาํ นวยการซ้อม ละครดึกดําบรรพ์ทีนิยมเล่นได้แก่เรอื ง สังข์ทอง คาวี ฯลฯ ดนตรี ประกอบการแสดง ใชว้ งปพาทยด์ ึกดําบรรพ์ ดัดแปลงมาจากวงปพาทยไ์ ม้นวมเครอื งใหญ่ นางสาวศิรภัสสร อุไรรตั น์ ม 4/13 เลขที 34 ละครพนั ทาง เกิดหลังละครดึกดําบรรพ์ ละครราํ แบบปรบั ปรุง เปนละครราํ แบบละครนอกผสมละครในมีศิลปะของชาติต่า ง ๆ เข้ามาปะปนตามท้องเรอื ง ทังศิลปะการรอ้ ง การราํ และการแต่งกาย ผสมกับศิลปะไทย โดยยดึ ท่าราํ ไทยเปนหลัก นิยมแสดงเรอื งทีเกียวกับต่างชาติ เชน่ พระอภัยมณี จึงมีลีลาของต่างภาษาตามท้องเรอื ง ละครเสภา ละครทีมีลักษณะการแสดงคล้ายละครนอก รวมทังเพลงรอ้ งนํา ทํานองดนตรี และการแต่งกายของตัวละครแต่มีข้อบงั คับอยูอ่ ยา่ งหนึงคือต้องมีขับเสภาแทรกอยูด่ ้วยจึงจะเปนละค รเสภา เปนละครทีดําเนินเรอื งด้วยการราํ ประกอบบทรอ้ ง และบทขับเสภา มีเครอื งประกอบจังหวะพิเศษคือ “ กรบั เสภา ” เชน่ เรอื งขุนชา้ งขุนแผน นางสาวฉัฏธดิ า ไมตรี ม 4/13เลขที37 :
4/13เลขที37 ลงาน ชน่ พระราม ราํ ได้แก่ าฏราช ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) น ส ธวิ าภรณ์ จันทเลิศ เลขที 33 ม 4/13 ผลงาน ครูรงภักดีได้เปนผู้สืบทอดเพลงหน้าพาทยส์ ูงสุดขอ งวชิ านาฏศิลปไวเ้ ปนมรดกของแผ่นดินแสดงโขนเ ปนตัวเอกในเรอื งรามเกียรติ เชน่ พิราพ, รามสูร ท่านผู้หญงิ แผ้ว สนิทวงศ์เสนี ผลงาน เชน่ น ส ธวิ าภรณ์ จันทเลิศ เลขที 33 ม 4/13 ท่าราํ ของตัวพระ นาง ยกั ษ์ ลิง และตัวประกอบ การแสดงโขน ละครชาตรี ละครนอก ละครชาตรี น ส ธวิ าภรณ์ จันทเลิศ เลขที 33 ม 4/13 เปนละครราํ ของไทยประเภทหนึงทีเกิดจากการผสมผสา ญ นระหวา่ งโนราของภาคใต้กับละครนอกของภาคกลาง ใชผ้ ู้หญงิ แสดงเปนตัวเอก รราํ ผูช้ ายแสดงเปนตัวตลกและตัวเบ็ดเตล็ด แต่งกายแบบละครนอกรอ้ งราํ ไปตามคํากลอน น์). สืบค้นจาก : นิยมแสดงเรอื งจักรๆวงศ์ๆ 15 มิถุนายน 2564 โดยเฉพาะเรอื งพระสุธนนางมโนหร์ ากับนางสิบสอง งไทย- บค้นจาก : ละครนอก มีมาตังแต่ครงั กรุงศรอี ยุธยา เปนละครทีแสดงกันนอกราชธานี น ส อสั มา ไกรรกั ษ์ เลขที 36 5 มิถุนายน 2564 แต่เดิมคงมาจากการละเล่นพืนเมือง และรอ้ งแก้กัน ละครราํ แบบดังเดิม แล้วต่อมาภายหลังจับเปนเรอื งเปนตอนขึน เปนละครทีดัดแปลงววิ ฒั นาการมาจากละคร \"โนหร์ า\" หรอื \"ชาตร\"ี โดยปรบั ปรุงวธิ แี สดงต่างๆ ตลอดจนเพลงรอ้ ง และดนตรปี ระกอบใหแ้ ปลกออกไป เชน่ เรอื งไชยเชษฐ์ สังข์ทอง มณีพชิ ยั คาวี และไกรทอง ละครใน การแสดงทีดําเนินเปนเรอื งราว โดยใชศ้ ิลปะการรา่ ยราํ ประกอบการขับรอ้ ง และมีวงปพาทยบ์ รรเลงประกอบการแสดง ละครในเปนละครผู้หญงิ ทีมีกําเนิดในราชสํานัก มีประวตั ิความเปนมาทียาวนานตังแต่สมัยกรุงศรอี ยุธยา เรอื งทีใชแ้ สดงมีเพียง ๔ เรอื งเท่านัน คือ รามเกียรติ อุณรุท ดาหลังและอเิ หนา น ส ศศิด้า หุน้ เอยี ด ม 4/13 เลขที 44 :
นางสาวกชกร คล้ายแก้ว(กิฟ) หวั หน้ากลุ่ม Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0620821719 Facebook : Gift Kotchakorn Line : 0648202537 นายพรี ณัฐ ดํามาก(นาย) สมาชกิ ในกลุ่ม GR Email: [email protected] กลุ่ม เบอรโ์ ทรศัพท์:0992739293 Facebook: นาย Line:0640054243 นายศุภภณ พรหมเดชะษา(พซี ี) สมาชกิ ในกลุ่ม Email: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0933349610 Facebook : Supapon Promdechasaa Line:0933349610
รองหวั หน้า นางสาววธู ฤทธาอคั รพงศ์ (บัว) Email: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0610511562 Facebook : watoo Rittha Line : 0610511562 bua ROUP WORK เลขาธกิ าร นางสาวพรสิ ร ธรี ภาพพงศ์(มาย) ม: CRAZYYY Email:[email protected] เบอร:์ 0887821199 Facebook:มายพรสิ ร Line:mildparisorn สมาชกิ ในกลุ่ม นายปณณวชิ ญ์ ทิพยร์ ตั น์(โฟกัส) Email: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0828202440 Facebook:Pannawit Thiprat Line:0828202440
คำถำมละครท่ีพฒั นำขนึ้ ใหม่ 1.ละครพดู แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆไดก้ ่ีประเภท (นำงสำวพริสร ธีรภำพพงศ์ ม.4/13 เลขที่ 38) ก.5ประเภท ข.7 ประเภท ค.3ประเภท ง.2ประเภท ตอบ ง.2ประเภท 2.ในกำรแสดงละครพดู จะตอ้ งใชว้ งดนตรีเลน่ ประกอบกำรแสดงเมอื่ ใด (นำยศภุ ภณ พรหมเดชะษำ ม.4/13 เลขที่ 8) ก.ตอนเปิดฉำก ข.ตอนปิดฉำก ค.ขณะดำเนินเรื่อง ง.ตลอดเวลำ ตอบ ข.ตอนปิดฉำก 3.ละครรอ้ งสลบั พดู ใชผ้ ใู้ ดเป็นตวั ละครเอก (นำงสำวกชกร คลำ้ ยแกว้ ม.4/13 เลขที่ 21) ก.ผหู้ ญิง ข.ผชู้ ำย ค.ทง้ั ผชู้ ำยและผหู้ ญิง ง.ผใู้ ดจะแสดงก็ได้ ตอบ ก.ผหู้ ญิง 4.วงดนตรที ี่ใชป้ ระกอบกำรแสดงละครสงั คตี คอื วงดนตรีไทยประเภทใด (นำยพีรณฐั ดำมำก ม.4/13 เลขที่ 7) ก.วงปี่พำทยเ์ ครื่องใหญ่ ข.วงป่ีพำทยเ์ คร่อื ง5 ค.วงปี่พำทยเ์ ครอื่ งคู่ ง.วงป่ีพำทยไ์ มน้ วม ตอบ ง.วงปี่พำทยไ์ มน้ วม 5.บิดำแห่งละครพดู คอื ใคร (นำยปัณณวิชญ์ ทิพยร์ ตั น์ ม.4/13 เลขท่ี 6) ก.พระบำทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั ข.พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟำ้ จฬุ ำโลมหำรำช ค.พระบำทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั ง.พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั ตอบ ค.พระบำทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั (นำงสำววธู ฤทธำอคั รพงศ์ ม.4/13 เลขท่ี43 ทำword)
ในป พ ศ 2449 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงสรา้ งโรงละครทวปี ญญาขึน และทรงตังช ของทวปี ญญาสโมสรวา่ “คณะศรอี ยุธยา” เพือจัดการแสดงใหบ้ รรดา เจ้านาย ขา้ ราชบรพิ ารรบั ช และยงั จัดใหป้ ระชาชนชมเพือเก็บเงนิ ไปใชใ้ นการกุศลต่างๆ และพระองค์ทรงรว่ มแสดงละครพูดเปนค เรอื ง ปล่อยแก่ และเมือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เสด็จขนึ ครองราชย์ พระองค์ทรงส การแสดงละครพูดต่อเนือง และได้ทรงก่อตังกองเสือปาขนึ และทําใหก้ ารแสดงละครของคณะศรอี เปนทีแพรห่ ลายมากยงิ ขึน จึงกล่าวได้วา่ ละครพูดเกิดขึนครงั แรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล แต่ไม่เปนทีแพรห่ ลายนักแต่พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในการละครพูด ทรงศึกษา และทรงพระรา บทละครพูด ไวห้ ลายเรอื งอกี ทังยงั ทรงรว่ มแสดงละครรว่ มกับขา้ ราชบรพิ าร ของพระองค์ จึงทําใหพ้ ทรงได้รบั ยกยอ่ งเปน “พระบิดาแหง่ ละครพูด” และยงั ถือวา่ เปนยุคทองของละครพูดอกี ด้วย ละครรอ้ งสลับพูดเปนการแสดงบนเวที ใชผ้ ูแ้ สดงเปนหญิงล้วน ละครรอ้ ง กําเนิดละค และใชผ้ ู้ชายเปนตัวตลก ตัวละครรอ้ งเอง โดยมีลูกคู่คอยรบั อยูใ่ นฉาก นอกจากรอ้ งเองแล้วตัวละครจะต้องพูดเองด้วย ลักษณะการแสดง โดยจะพูดทวนตามเนือรอ้ ง พูดตามปกติไม่ต้องมีการดัดสําเนียงและมีการนอกบทด้วย มีการเปลียนฉากตามท้องเรอื ง แต่เดิมใชท้ ่าราํ ต่อมาเปลียนเปนใชก้ ิรยิ าท่าทางอยา่ งสามัญชน ใชเ้ พลงรอ้ งเพือดําเนินเรอื งหรอื อาจมีสลับการพูด เพือสอดแทรกใหต้ ลกขบขนั เท่านัน บุคคลสําคัญ อา้ งองิ รูป&ข้อมูล เรอื งทีใชแ้ สดง เชน่ เรอื งกากี ภารตะ ตุ๊กตายอดรกั สาวเครอื ฟา เครอื ณรงค์ สีหราชเดโช ขวดแก้วเจียระไน เรอื งทีใชแ้ สดง นายปณณวชิ ญ์ ทิพยร์ ตั น์ หาข้อมูลเกียวกับบุคคลสําคัญ นายพีรณัฐ ดํามาก หาข้อมูลเพมิ เติมเกียวกับบุคคลสําคัญ ละครรอ้ ง คือ ละครรอ้ ง ละครทีพัฒนาขึนใหม่ ละครพูด กลุ่ม : CRAZYYY ละครทีมีการดําเนินเรอื งด้วยการรอ้ ง นางสาวกชกร คล้ายแก้ว นายศุภภณ พรหมเดชะษ หาข้อมูลละครรอ้ ง แก้ไข หาข้อมูลละครพูด ใชท้ ่าทางสามัญชนสือความหมาย ตามบทรอ้ ง ตรวจสอบและจัดทําเปนมายแมพ เกิดขึ้นในสมัยรชั กาลที 5 ได้แก่ นางสาวพรสิ ร ธรี ภาพพ -ละครรอ้ งสลับพูด อา้ งองิ รูป&ข้อมูล หาข้อมูลละครพูด -ละครรอ้ งล้วนๆ อา้ งองิ รูป&ข้อมูล การแต่งกาย การแต่งกาย ตัวละครจะแต่งกายตามท้องเรอื งหรอื แบบเครอื pdf งแต่งกายของชนชาติต่างๆ วงดนตรที ีใชป้ ระกอบการแสดง ใชว้ งปพาทยไ์ ม้นวมบรรเลงประกอบการแสดง วงดนตรที ีใชป้ ระกอบการแสดง วงดนตรที ีใชเ้ เสดง ใชว้ งปพาทยไ์ ม้นวมบรรเลงเพลงไทยประกอบ ละครสังคีต การแสดง เฉพาะทีต้องบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ นางสาววธู ฤทธาอคั รพงศ์ หาข้อมูลละครสังคีต และในขณะทีมีการเปลียนฉาก แก้ไขและจัดทําเปนมายแมพ ถ้าเปนบทรอ้ งส่วนมากจะใชเ้ ครอื งดนตรสี ากล เชน่ ไวโอลิน ออรแ์ กน บรรเลงคลอเสียงรอ้ ง อา้ งองิ รูป&ข้อมูล ความเด่นของละครสังคีตอยูท่ ีการขับรอ้ ง ลักษณะการแสดง เรอื งทีใชแ้ สดง เนือหามุ่งความสนกุ สนาน บางครงั อาจมี การเเต่งกาย วงดนต การพูดตลกสอดแทรก การแสดงหมู่งดงาม มีการเปลียนฉากตามความเหมาะสม การแต่งกาย แต่งกายตามบทบาทและฐานะของตั วละครในเรอื ง ล ละครสังคีต เปนละครทีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ หวั ได้ทรงคิดค้นขึน โดยมีลักษณะใกล้เคียงกับละครรอ้ ง แต่ทีแตกต่างกัน คือ การดําเนินเรอื งของละครสังคีตจะต้องใชท้ ัง การพูดและการขับรอ้ ง ซึงมีความสําคัญเท่ากันจะตัดอยา่ งใดอยา่ งหนึงไม่ ได้ เพราะทังการพูดและ การขับรอ้ งล้วนมีถ้อยคําเกียวกับเนือเรอื งทังสิน หากตัดออกจะทําใหเ้ สียเนือเรอื ง
ชอื คณะละคร ชม ครงั แรก สืบสาน อยุธยา ล้าเจ้าอยูห่ วั าชนพินธ์ พระองค์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เรอื งทีนํามาใชแ้ สดงละครพูดล้วน ๆ เรอื งแรกคือเรอื งโพงพาง เปนยุคทองของละครพูด จัดแสดง ครัง้ แรกเมือป พ ศ 2463 เรอื งต่อมาคือเรอื ง เจ้าฃ้าสารวตั ซึงทังสองเรอื งเปนบทพระราชนิพนธ์ ประชาชนใหค้ วามสนใจต่อละครประเภทนีมาก ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เพราะเหน็ วา่ เปนของแปลกและแสดงได้งา่ ย ซึงบทละครทีได้รบั ยกยอ่ งจากวรรณคดีสโมสรวา่ เปน สุดยอดแหง่ ละครพูด คือเรอื ง หวั ใจนักรบ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั และนอกจากนียงั มีบทละครอกี มากมายทีนํามาแสดง เชน่ ทรงสนับสนนุ ละครพูดอยา่ งดียงิ ต้อนรบั ลูก หมายนาบอ่ หน้า เหน็ แก่ลูก เสียสละ เปนต้น ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครพูดทีดีเด่นเปนจํานวนมาก :จําแนกตามลักษณะของคําประพนั ธค์ ือละครพูดกลอน เรอื งเวนิสวาณิช และทรงรว่ มในการแสดงด้วยหลายครงั บทพระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงแปลมาจาก เนือเรอื งละครพูดทีแสดงในสมัยนี บทละครของเชก็ สเปรยี รเ์ รอื งพระรว่ งบทละครพูดคําฉันท์เชน่ ดัดแปลงมาจากบทละครราํ ทีรูจ้ ักกันอยา่ งแพรห่ ลาย เรอื งมัทนะพาธาเรอื งสามัคคีเภทคําฉันท์ของนายชติ 1. ละครพูดล้วนๆ หรอื ละครพูดแบบรอ้ ยแก้ว เรอื งทีใชเ้ เสดง บุรทัตและละครพูดคําโคลง เชน่ เรอื งสีนา ิกาของอจั ฉราพรรณ (นายมนตรี ตราโมท) ครพูด วงดนตรที ีใชใ้ นการแสดงบรรเลงดนตรเี หมือนกับละครพูดล้วนๆ 2. ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง เรอื งทีใชเ้ เสดง ได้แก่ เรอื งชงิ นางและปล่อยแก่ ประเภทของละครพูด 3. ละครพูดสลับลํา เรอื งทีใชเ้ เสดง การแต่งกาย มี3ประเภทใหญ่ๆได้เเก่ แต่งกายตามสมัยนิยม ละครพูด ตามเนือเรอื งโดยคํานึงถึงสภาพคว ษา ลักษณะการเเสดง วงดนตรที ีใชแ้ สดง ามเปนจรงิ ของตัวละคร พงศ์ ตามท้องเรอื ง การแสดงในสมัยแรก ๆ ผูแ้ สดงจะเปนชายล้วน ต่อมาจึงใชผ้ ู้แสดงเปน ชายจรงิ หญิงแท้ การแสดงดําเนินเรอื งด้วยการพูดและแสดง ท่าทางประกอบตามเนือเรอื งไม่ต้องมีดนตรหี รอื การรอ้ งเพลง แต่มีฉากเปลียนตามท้องเรอื ง เรอื งทีนํามาแสดงอาจเปนเรอื งทีแต่งขึน หรอื ดัดแปลงมาจากต่างประเทศก็ได้ ใชว้ งดนตรสี ากลหรอื วงปพาทยไ์ ม้นวมบ รรเลงประกอบการแสดง เฉพาะเวลาปดฉากเท่านัน ไม่มีเพลงรอ้ ง ผูแ้ สดงใชก้ ารพูดในการดําเนินเรอื ง . ง ได้แก่ หนามยอกเอาหนามบ่ง ววิ าหพ์ ระสมุทร มิกาโด และวงั ตี ตรที ีใชเ้ เสดง วงดนตรที ีใชป้ ระกอบการแสดง ใชว้ งดนตรไี ทยประเภทวงปพาทยไ์ ม้นวมบร รเลงประกอบการแสดง ละครสังคีต
สมาชกิ ในกลุ่ม รองหวั หน้า นางสาวกรองแก้ว แท่นแก้ว(โบนัส) นางสาวณัฐธดิ า ยอดเเก้ว(ตอง) E-mail :[email protected] E-mail :[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0945819725 Facebook : Krongkaew taenkaew เบอรโ์ ทรศัพท์: 0937458249 Facebook : Nuttida Yodkaew ID Line : bonus_2468 ID Line : 0937458249 สมาชกิ ในกลุ่ม Group w กลุ่ม : คร นางสาว ภัทรวดี ชอบสุข (ใบเตย) Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0620403382 Facebook : Pattaravadee chopsook ID Line : baitoey.pt
work สมาชกิ ในกลุ่ม รงึ โหล นางสาวเสาวภา ตามปญนะ(ไผ่) สมาชกิ ในกลุ่ม E-mail:[email protected] นางสาวภูษณิศา โรจชะยะ(กิง) เบอรโ์ ทรศัพท์:0649732332 Facebook:SaowapaTampanna E-mail :[email protected] ID Line: 0649732332 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0986981506 Facebook : Pusanisa Rojchaya : หวั หน้ากลุ่ม ID Line : pusanisa.ging นางสาว พฎาศรยั แก้วเทพ (พราว) email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0918479338 facebook : phadasai kaewtap ID line : phadasai
เเบบทดสอบกลมุ่ ครึ่งโหล (การเเสดง 4ภาค ) 1.การแต่งกายของภาคเหนือในการแสดงพื้นบา้ นมลี ักษณะแบบใด ก.ใส่เส้ือฟรีสไตล์ ข.น่งุ ผา้ ถงุ เสอ้ื แขนกระบอก ค.ใสโ่ จงกระเบน ง.ชดุ มโนราห์ 2.การเเสดงในภาคอสี านแบบใดท่ีได้แบบอยา่ งมาจากการเซิ้งบั้งไฟ ก.เซ้งิ สวงิ ข.เซ้ิงกระต๊ิบข้าว ค.เซิง้ กระหยัง ง.เซง้ิ ตงั หวาย 3.การแสดงพื้นบ้านของภาคกลางสว่ นใหญจ่ ะเกิดขึ้นจากข้อใด ก.เทศกาล ข.อาหารการกนิ ค.การประกอบสมั มาอาชีพ ง.ถกู ทกุ ขอ้ 4.บคุ คลสาคัญของมโนราหภ์ าคใต้คือใคร ก.คุณบวั เรยี ว รัตนมณีกรณ์ ข.พญาเเถนหลวง ค.คลา้ ย พรหมเมศ ง.นายมนตรี ตราโมท 5.เซงิ้ ตงั หวายเป็นการราเพื่อบูชาสิง่ ศักดส์ิ ทิ ธิใ์ นพธิ ีขอขมาของชาวจงั หวดั ใด ก.จงั หวดั เลย ข.จงั หวัดสุรินทร์ ค.จงั หวดั กาฬสินธุ์ ง.จงั หวดั อุบลราชธานี
เฉลยเเบบทดสอบ 1) ข.นุง่ ผ้าถุง เสื้อแขนกระบอก ผู้ออกขอ้ สอบ : นางสาวพฎาศรยั แกว้ เทพ ม.4/13 เลขที่ 26 2) ข. เซิ้งกระติ๊บขา้ ว ผอู้ อกขอ้ สอบ: นางสาวกรองแกว้ แท่นแก้ว ม.4/13 เลขที่ 24 3) ง.ถูกทุกข้อ ผูอ้ อกขอ้ สอบ : นางสาวภทั รวดี ชอบสขุ ม.4/13 เลขท3่ี 0 4) ค.คล้าย พรหมเมศ ผู้ออกขอ้ สอบ: นางสาวเสาวภา ตามปัญนะ ม.4/13 เลขท่2ี 8 5) ง.จังหวัดอบุ ลราชธานี ผอู้ อกขอ้ สอบ: นางสาวภษู ณิศา โรจชะยะ ม.4/13 เลขที่27 รวบรวมคาถาม-ตอบ : นางสาวณัฐธิดา ยอดเเกว้ ม.4/13 เลขท่2ี 5
ฟอนสาวไหม เปนการฟอนพืนเมืองทีเลียนแบบมาจากการทอผ้าไหมขอ งชาวบ้าน การฟอนสาวไหมเปนการฟอนราํ แบบเก่า เปนท่าหนึงของฟอนเจิงซึงอยูใ่ นชุดเดียวกับการฟอนดาบ ฟอนสาวไหมปรากฏอยูส่ องแบบ คือสาวไหมในการฟอนเจิงหรอื รา่ ยราํ ท่าต่อสู้ด้วยมือเปล่า ซึงมีลีลากระบวนท่าทีแน่นอน และการฟอนสาวไหมทีเปนการฟอนของผู้หญงิ ทีแสดงควา มเคลือนไหวในลีลารา่ ยราํ ทีน่มุ นวล มิได้รอ้ นแรงเหมือนอยา่ งทีปรากฏในเชงิ ต่อสู้ คุณบัวเรยี ว รตั นมณีกรณ์ ได้คิดท่าราํ การแต มาโดยอยูภ่ ายใต้การแนะนําของบดิ า ภาค ท่าราํ นีได้เน้นถึงการเคลือนไหวทีต่อเนืองและน่มุ นวล ซึงเปนท่าทีเหมาะสมในการปองกันไม่ใหเ้ ส้นไหมพันกันใน ป พ ศ 2507 คุณพลอยศรี สรรพศรี ชา่ งฟอนเก่าในวงั ของเจ้าเชยี งใหม่องค์สุดท้าย (เจ้าแก้วนวรฐั ) ได้รว่ มกับคุณบัวเรยี วขัดเกลาท่าราํ ขึนใหม่ ต่อมาในป พ ศ 2520 คณะอาจารยว์ ทิ ยาลัยนาฏศิลปเชยี งใหม่ ได้คิดท่าราํ ขึนมาเปนแบบฉบับของวทิ ยาลัยเอง บุคคลสําคัญ เซิงสวงิ เครอื งแต่งกาย ผูแ้ สดงใชผ้ ู้หญงิ ล้วน สวมเสือแขนกระบอกคอกลมสีพนื นางสาว ผู้รบั ผิดชอบ น่งุ ผ้าซินมัดหมี หม่ ผา้ สไบเฉียง พฎาศรยั แก้วเทพ เลขที 26 เครอื งดนตรี ทีใชบ้ รรเลงประกอบการแสดงชุดเซิงสวงิ ได้แก่ กลองยาว พญาแถนหลวง กลองแต๊ะ แคน ฆ้องโหม่ง กับแก๊บ ฉิง ฉาบ กรบั ผมเกล้ามวยทัดดอกไม้หอ้ ยกระติบขา้ วทางไหล่ขวา เซิงกระติบขา้ ว เปนการแสดงของภาคอสี านทีเปนทีรูจ้ ักกันดี และแพรห่ ลายทีสุดชุดหนึง จนทําใหค้ นทัวไปเขา้ ใจวา่ การแต่งกาย ชาย สวมเสือม่อฮอ่ ม น่งุ กางเกงขาก๊วย เครอื งดนตรี ใชด้ นตรพี นื เมืองอสี าน ทํานองเซิง การแสดงของภาคอสี านมีลักษณะเปนการราํ เซิงเพยี งอยา่ งเดียว มีผา้ ขาวม้าโพกศีรษะและคาดเอว มือถือตะขอ้ ง หญิง เซิงกระติบข้าวได้แบบอยา่ งมาจากการเซิงบังไฟ เซิงสวงิ เปนการละเล่นพนื เมืองของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ซึงแต่เดิมเซิงอสี านจรงิ ๆ ไม่มีท่าทางอะไร น่งุ ผา้ ซินพนื บา้ นอสี าน ผ้ามัดหมีมีเชงิ ยาวคลุมเข่า ในท้องถินอาํ เภอยางตลาด จังหวดั กาฬสินธุ์ มีแต่กินเหล้ายกมือไม้สะเปะสะปะใหเ้ ขา้ กับจังหวะเสียงกลองไปตามใ สวมเสือตามลักษณะผู้หญิงชาวภูไท คือสวมเสือแขนกระบอกคอปด เปนการละเล่นเพือส่งเสรมิ ด้านจิตใจของประชาชนในท้องถิน จ (มีผู้นิยามวา่ ฟอนตามแบบกรมสรรพสามิต) ผา่ อก ประดับเหรยี ญโลหะสีเงนิ ปจจุบนั ใชก้ ระดุมพลาสติกสีขาวแทน ซึงมีอาชพี ในการจับสัตวน์ า โดยมีสวงิ เปนเครอื งมือหลัก ในป พ ศ โดยไม่ได้คํานึงถึงความสวยงาม นอกจากใหเ้ ข้าจังหวะกลอง ขลิบชายเสือ คอ ปลายแขน และขลิบผา่ อกตลอดแนวด้วยผา้ สีตัดกัน ๒๕๑๕ ท่านผู้เชยี วชาญนาฎศิลปไทย กรมศิลปากร ตบมือไปตามเรอื งตามฤทธเิ หล้า จึงได้นําท่าเซิงศิลปะท้องถินมาปรบั ปรุงใหเ้ ปนท่าทีกระฉับกระเฉงขนึ โดยสอดคล้องกับท่วงทํานองดนตรี ทีมีลักษณะสนกุ สนานรา่ เรงิ บุคคลสําคัญ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (ภาคอสี าน) ภาคอสี าน ลักษณะพืนทีโดยทัวไปของภาคอสี านเปนทีราบสูง มีแหล่งนาจากแม่นาโขง แบ่งตามลักษณะของสภาพความเปนอยู่ นางสาว กรองแก้ว แท่นแก้ว เลขที24 ภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีทีแตกต่างกัน นางสาว ภูษณิศา โรจชยะ เลขที27 ประชาชนมีความเชอื ในทางไสยศาสตรม์ ีพธิ กี รรมบูชาภูติผแี ละสิงศั กดิสิทธิ การแสดงจึงเกียวขอ้ งกับชวี ติ ประจําวนั และสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงการประกอบอาชพี และความเปนอยูไ่ ด้เปนอยา่ งดี เครอื งแต่งกาย ใชผ้ ูแ้ สดงหญงิ ล้วนสวมเสือแขนกระบอกสีพนื โปงลาง เดิมเปนชอื ของโปงทีแขวนอยูท่ ีคอของววั ต่าง อา้ งองิ น่งุ ผา้ มัดหมีใชผ้ า้ สไบเฉียงไหล่ ผูกโบวต์ รงเอว ผมเกล้ามวยทัดดอกไม้ โปงทําด้วยไม้หรอื โลหะ https://sites.google.com/site/r ทีเรยี กวา่ โปงเพราะส่วนล่างปากของมันโตหรอื พองออก attanasakwongrasrinwschool/ เครอื งดนตรี ใชด้ นตรพี นื เมืองอสี าน ลายโปงลางหรอื ลายอนื ๆ ในสมัยโบราณชาวอสี านเวลาเดินทางไปค้าขายยงั ต่างแดน kar-saedng-khxng-phakh- โดยใชบ้ รรทุกสินค้าบนหลังววั xisan ยกเวน้ ววั ต่างเพราะเปนววั ทีใชน้ ําหน้าขบวนผูกโปงลางไวต้ รงกลางส่ว นบนของต่าง เวลาเดินจะเอยี งซ้ายทีขวาทีสลับกันไป ราํ กลองยาว ทําใหเ้ กิดเสียงดัง ราํ กลองยาว เปนการแสดงเพือความรนื เรงิ ในขบวนแหต่ ่างๆ ซึงเปนสัญญาณบอกใหท้ ราบวา่ หวั หน้าขบวนอยูท่ ีใด และกําลังมุ่งหน้าไปทางไหนเพือปองกันมิใหห้ ลงทาง ของไทยมีผูแ้ สดงทังชาย และหญงิ ออกมราํ เปนคู่ๆ โดยมีผูต้ ีกลองประกอบจังหวะ พรอ้ ม ฉิง ฉาบ กรบั และโหม่ง เซิงกระหยงั เปนชุดฟอนทีได้แบบอยา่ งมาจากเซิงกระติบขา้ ว โดยเปลียนจากกระติบขา้ วมาเปนกระหยงั ซึงเปนภาชนะทําด้วยไม้ไผ่ มีลักษณะคล้ายกระบุงแต่มีขนาดเล็กกวา่ เซิงกระหยงั เปนการแสดงอยา่ งหนึงของชาวกาฬสินธุ์ โดยอาํ เภอกุฉินารายณ์ได้ประดิษฐ์ขนึ โดยดัดแปลงและนําเอาท่าฟอนจากเซิงอนื ๆ เชน่ เซิงกระติบข้าว เครอื งแต่งกาย ฝายหญิงสวมเสือแขนกระบอกสีดํา หรอื นาเงนิ ขลิบขาว เซิงสาละวนั ฯลฯ เขา้ ผสมผสานกันแล้วมาจัดกระบวนขนึ ใหม่มีอยู่ น่งุ ผา้ ซินมัดหมี ผมเกล้ามวยทัดดอกไม้ 19 ท่า ซึงมีชอื เรยี กต่างๆ กัน เชน่ ท่าไหว้ ท่าไท ท่าโปรยดอกไม้ ฝายชายสวมเสือม่อฮอ่ มกางเกงขาก๊วย ใชผ้ า้ ขาวม้าคาดเอว ท่าขยบั สะโพก ท่าจับคู่ถือกะหยงั ท่านังเกียว ท่าสับหน่อไม้ และโพกศีรษะ ท่ายนื เกียว ท่าราํ ส่าย ท่าเก็บผักหวาน ท่ากระหยงั ตังวง ท่าตัดหน้า ท่าสาละวนั ท่ากลองยาว ท่าราํ วง ท่าชวนกลับ ท่าแยกวง ท่านัง ทีได้ชอื วา่ เซิงกระหยงั เพราะผู้ฟอนจะถือกระหยงั เปน การแสดงพืนเมืองของภาคกลาง ส่วนประกอบในการแสดง ภาคกลางเปนภาคทีมีความอุดมสมบูรณ์ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชพี ด้านกสิกรรม และเกษตรกรรม ทําใหเ้ ปนภาคทีมีความสมบูรณ์ ประชาชนมีความเปนอยูส่ ุขสบาย การแสดงหรอื การละเล่น ทีเกิดขึนจึงเปนไปในลักษณะทีสนกุ สนาน หรอื เปนการรอ้ งเกียวพาราสีกัน เชน่ เพลงเรอื เพลงเกียวขา้ ว หรอื เปนการแสดงพืนเมืองทีสือใหเ้ หน็ การประกอบอาชพี ดนตรที ีใชป้ ระกอบ ใชเ้ ครอื งดนตรพี นื บ้าน เชน่ กลองยาว กลองโทน ฉิง ฉาบ กรบั และโหม่ง ดนตรจี ะมีจังหวะทีสนกุ สนาน บุคคลสําคัญ นายมนตรี ตราโมท ผู้เชยี วชาญดนตรไี ทยและศิลปนแหง่ ชาติ ส่วนท่าราํ นันท่านผู้หญงิ แผ้ว สนิทวงศ์เสนี ผูเ้ ชยี วชาญนาฏศิลปไทยและศิลปนแหง่ ชาติ เปนผู้คิดและออกแบบท่า บุคคลสําคัญ นายมนตรี ตราโมท ผู้เชยี วชาญดนตรไี ทยและศิลปนแหง่ ชาติ ส่วนท่าราํ นันท่านผูห้ ญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนีผูเ้ ชยี วชาญนาฏศิลปไทยและศิลปนแหง่ ชาติ เปนผู้คิดและออกแบบท่าราํ
แต่งกายแบบพืนเมือง คือน่งุ ผ้าถุง ซอ ใส่เสือแขนกระบอกหม่ สไบทับ เกล้าผมมวยประดับดอกไม้ ซึง จะใชว้ งดนตรพี ืนเมืองซึงมีสะล้อ ซอ ซึง เพลงรอ้ งมักไม่นิยมมี จะมีแต่เพลงทีใชบ้ รรเลงประกอบ แต่เดิมทีบิดาของคุณบวั เรยี วใชน้ ันเปนเพลงปราสาทไหว ส่วนคุณบัวเรยี วจะใชเ้ พลงลาวสมเด็จ เมือมีการถ่ายทอดมาครูนาฎศิลปได้เลือกสรรใชเ้ พลง \"ซอปนฝาย\" ซึงมีท่วงทํานองเปนเพลงซอทํานองหนึงทีนิยมกันในจังหวั ดน่าน และมีลีลาทีสอดคล้องกับการฟอนสาวไหมอยา่ งงดงามยงิ ต่งกาย ดนตรที ีใชป้ ระกอบการฟอน สะล้อ ๑ ในป พ ศ ๒๔๕๑ คเหนือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที ใชผ้ ู้หญงิ แสดงจํานวนเท่าไรก็ได้ ๕) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ปจจุบันก็มีผู้ชายเข้ามาแสดงด้วยก็มี พระราชทานบรรดาศักดิใหโ้ นราคล้ายขหี นอนเปน \"หมืนระบาํ บนั เทิงชาตร\"ี โดย โปรดเกล้าใหโ้ นราคล้ายขหี นอนเขา้ ไปราํ โนราถวายหน้ าพระทีนังในพระบรมมหาราชวงั กรุงเทพมหานคร ๒ ในป พ ศ ๒๔๖๖ ในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที ๖) ผู้แสดง ได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหห้ มืนระบําฯ การแสดง เรมิ จากการแสดงท่าหกั รา้ งถางพง เพาะปลูกฝายและหม่อน และคณะโนราเมืองนครศรธี รรมราช ซึงเปนการแสดงของชา่ งฟอนชาย เพงิ เพิมเข้ามาภายหลัง ต่อจากนันก็เปนท่วงท่าในการฟอนสาวไหมเรมิ จากท่าเลือกไห ๓ หมืนระบําบรรเลง ม ดึงไหมออกจากรงั ม้วนไหม สาวไหมออกจากตัว ไหล่ ศีรษะ เท้า ม้วนไหมใต้ศอก พุ่งกระสวย กรอไหม พาดไหม ปอผกลไงหามนของบุคคลสําคัญ นําคณะโนราของเมืองนครศรธี รรมราชเข้าไปแสดงในกรุงเทพฯ จนกระทังชนื ชมกับผ้าทีทอสําเรจ็ แล้ว อกี ในการแสดงครงั นัน เจ้าหน้าทีฝายศิลปากรได้ถ่ายรูปท่าราํ ต่าง ๆ ของหมืนระบาํ ฯ และโนราเยน็ แหง่ อาํ เภอฉวางผู้เปนศิษยไ์ วเ้ ปนแบบฉบบั เพือการศึกษาและเผยแพร่ [ดังปรากฏในหนังสือตําราราํ ไทยในหอสมุดแหง่ ชาติจากชวี ประวตั ิดังกล่าวจึงทําใหท้ คล้าย พรหมเมศหรอื มโนราหค์ ล้ายขหี นอน ราบวา่ ศิลปะการแสดงแขนงนีได้เกิดขึนและรุง่ เรอื งทีนครศรธี รรมราชมาก่อน โนราคล้ายขีหนอนเปนโนราทีมีชอื เสียงของเมืองนครศรธี รรมราชมาตังแ โนรา หรอื มโนหร์ า เปนการละเล่นพืนเมืองทีสืบ ทอดกันมานาน อา้ งองิ : ต่สมัยรตั นโกสินทรต์ อนกลาง ท่านมีชวี ติ อยูถ่ ึงสีแผน่ ดินด้วยกัน และนิยมกันอยา่ งแพรห่ ลายใน ภาคใต้ เปนการละเล่นทีมีทังการรอ้ ง https://sites.google.com/site/mathematics60606/ka- rx-sdng-4-phakh บุคคลสําคัญ โนราคล้าย พรหมเมศ การราํ บางส่วนเล่นเปนเรอื ง และบางโอกาสมีบางส่วน ได้ออกโรงราํ มโนราหอ์ ยูห่ ลายปจนมีชอื เสียงโด่งดัง โดยมีท่าราํ ทีเปน แสดงตามคติความเชอื ทีเปนพิธกี รรมโนรา เอกลักษณ์สวยงาม คือ \"ท่าตัวออ่ น\" และ \"ท่ากินนรเลียบถา\" เปนศิลปะพืนเมืองภาคใต้ เรยี กวา่ โนรา แต่ คําวา่ มโนราห์ หรอื มโนหร์ า นัน เปนคําทีเกิด ขึนมาเมือสมัยกรุงศรอี ยุธยา จึงทําใหม้ ีสมญานามต่อมาวา่ โดยการนําเอา เรอื ง พระสุธน-มโนราห์ มาแสดงเปนละครชาตรี \"คล้ายขหี นอน\"โนราคล้ายขหี นอนเปนศิลปนมโนราหค์ นแรกและคนเดีย จึงมีคํา เรยี กวา่ มโนราห์ ส่วนกําเนิดของโนรานัน สันนิษฐานกันวา่ ได้รบั อทิ ธพิ ลจากการ วเท่านันทีมีบรรดาศักดิอนั เนืองด้วย รา่ ยราํ ของอนิ เดียโบราณก่อนสมัยศรวี ชิ ยั ทีมา จากพ่อค้าชาวอนิ เดีย สังเกตได้จากเครอื งดนตรที ี ทางการศิลปะการแสดงมโนราหโ์ ดยตรง เและท่าราํ ของโนรา ท่านได้รบั พระราชทานบรรดาศักดิจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเ จ้าอยูห่ วั เมือป พ ศ ๒๔๕๑ วา่ \" หมืนระบําบันเทิงชาตร\"ี แต่คนทัวไปในสมัยนันมักเรยี กวา่ \"หมืนระบํา\" หรอื \"หมืนระบําบรรเลง อกี หลายท่าทีละม้ายคล้ายคลึงกับการรา่ ยราํ ของ ทางอนิ เดีย และเรมิ มีโนราเปนกิจลักษณะขนึ เมือ ประมาณป พุทธศักราชที ๑๘๒๐ ซึงตรงกับสมัยสุโขทัยตอนต้น ปกนกแอน่ อา้ งองิ นางสาวณัฐธดิ า ยอดเเก้ว เลขที 25 เทรดิ https://sites.google.com/site/aungang16/ นางสาวเสาวภา ตามผปญนะ เลขที28 เครอื งรูปปด ภาคใต้ เครอื งแต่งกาย ประกอบด้วย เทรดิ สนับเพลา เปนเครอื งประดับศีรษะของตัวนายโรงหรอื โนราใหญห่ รอื ตัวยนื เครอื กําไลต้นแขนและปลายแขน ง เครอื งลูกปดรอ้ ยด้วยลูกปดสีเปนลายมีดอกดวง ปกนกแอน่ หรอื ปกเหน่ง ทับทรวงปกหรอื หางหงส์ ผ้าน่งุ สนับเพลา ผา้ หอ้ ยหน้า [ผ้าหอ้ ยขา้ งกําไลต้นแขน-ปลายแขน] เล็บ การแสดงพืนเมือง4ภาค กลอง ทับ ปก ดนตรที ีใชป้ ระกอบ กลอง ทับคู่ ฉิง โหม่ง ป และกรบั ปจจุบันพฒั นาเอาเครอื งดนตรสี ากลเข้ารว่ มด้วย การเเต่งกาย ตัวละครนันจะเปนชาวบ้านทังหญิงและชาย เล็บ จะเปนแต่งชุดม่อฮอ่ ม ซึงเปนชุดทีเรยี บงา่ ย ไม่หรูหรา เปนชุดพนื บ้าน โหม่ง ทีเหน็ แล้วจะจะทําใหร้ ูไ้ ด้เลยวา่ การแสดงชุดนีต้องเกียวกับการทํานา ภาคกลาง ป ภาคกลางเปนทีรวมของศิลปวฒั นธรรม ฉิง การแสดงจึงมีการถ่ายทอดสืบต่อกันและพฒั นาดัดแปลงขนึ เรอื ยๆ และออกมาในรูปแบบของ ขนบธรรมเนียมประเพณี และการประกอบอาชพี เชน่ เต้นกําราํ เคียว เพลงเกียวขา้ ว เพลงเรอื เพลงฉ่อย เพลงอแี ซว ลิเก ลําตัด กลองยาว เถิดเทิง เปนต้น บางอยา่ งกลายเปนการแสดงนาฏศิลปแบบฉบับไปก็มี เชน่ ราํ วง และเนืองจากเปนทีรวมของศิลปะนีเอง ทําใหค้ นภาคกลางรบั การแสดง ของท้องถินใกล้เคียงเขา้ ไวห้ มด แล้วปรุงแต่งตามเอกลักษณ์ของภาคกลาง คือการรา่ ยราํ ทีใชม้ ือ แขนและลําตัว เชน่ โขน ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ลิเก หุน่ หนังใหญ่ เปนต้น การเเต่งกาย ตัวละครนันจะเปนชาวบ้านทังหญงิ และชาย จะเปนแต่งชุดม่อฮอ่ ม ซึงเปนชุดทีเรยี บงา่ ย ไม่หรูหรา เปนชุดพนื บา้ น ทีเหน็ แล้วจะจะทําใหร้ ูไ้ ด้เลยวา่ การแสดงชุดนีต้องเกียวกับการทํานา ระบําชาวนา เปนวถิ ีชวี ติ ความเปนมาทีพากันออกมาไถนาหวา่ น และเก็บเกียวเมือขา้ วเจรญิ งอกงาม หลังจากนันพากันรอ้ งราํ เพลงด้วยความสนกุ สนาน อา้ งองิ https://sites.google.com/site/websitnatsilpphakhklang/nad- silp-phakh-klang/kar-saedng-raba-chawna นางสาว ภัทรวดี ชอบสุข เลขที30
เลขานกุ าร นายรชต ทีปะโยธนิ (แบมบู) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0830451861 Facebook : bamboo rachata Line : bamboo290848 สมาชกิ ในกลุ่ม GROUP W นางสาวสุพิชชา เเก้วยวน (วุน้ เส้น) การแสดงพืน ซียนโซนเอเ E-mail : [email protected] ออกเฉียงใต เบอรโ์ ทรศัพท์ : 093-6619551 Facebook : Supitcha Kaewyuan Behind th Line : 0936619551 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวธญั ชนก เรอื งเพชร (กาแฟ) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 062-2092671 Facebook : Thanchanok fae Line : thanchanok_0689
หวั หน้ากลุ่ม นางสาวโสภานันท์ สมหวงั (ข้าว) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0882703804 Facebook : โสภานันท์ สมหวงั Line : 0882703804 WORK สมาชกิ ในกลุ่ม นบา้ นอาเ นายศุภากร อุบลจินดา (ไอนัท) เชยี ตะวนั E-mail : [email protected] ต้ กลุ่ม SD เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0990489815 he wall Facebook : Supagorn Nutz Line : nutzaza2345 สมาชกิ ในกลุ่ม นายรุจิภาส สมัครเเก้ว (ฟลุค) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0612169806 Facebook : Rujiphat Samakkaew Line : 254855555
อา้ งองิ : มักเปนระบําทีแสดงวถิ ีชวี ติ ชาวบ หรอื การเลียวฉลองพิธกี รรมข ระบําจับปลา ระบําเก็บกระวาน ระบํากะลา ระบําของชาวกลุ่มน้อ ลักษณะการราํ แตกต่างจา รา่ ยราํ โดยหมุนมือเข้าหาตัวแล้วหมุนข จัดทําโดย นายรชต ทีปะโย นาฏศิลปในประเทศลาว (ลาว: ນາດຕະກັມລາວ; \"นาฏกรรมลาว\") เปนนาฏศิลปทีเปนเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุล์ าวซึงพบ ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทยด้วย และการแสดงพืนบ้านของกลุ่มชาติพันธุอ์ นื ๆ มีทังนาฏศิลปในราชสํานัก และนาฏศิลปพืนบ้าน เชน่ หมอลํา หนังตะลุง หลวงพระบางและเวยี งจันทน์เปนแหล่งของนาฏศิลปแบบ ดังเดิมในราชสํานัก และนาฏศิลปทีได้รบั อทิ ธพิ ลจากราชสํานักสยาม แหล่งอา้ งองิ https://th.m.wikipedia.org ศิลปะการแสดงของจีน เชดิ สิงโต (Lion Dance)“การเชดิ สิงโต” บุคคลสําคัญ สิงค์โปร์ : บังสาวนั ล (Lion Dance) พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธปิ ประ เปนส่วนหนึงของการเฉลิมฉลองในเทศกาลตรุษ พันธพ์ งศ์ ทรงแก้ไขปรบั ปรุงละครบังสาวนั ทีได้เข้า จีน หรอื วนั ขึนปใหม่ของชาวจีนทัวโลก มาแสดงทีกรุงเทพ ในประเทศสิงคโปรส์ ่วนใหญ่มีเชอื สายจากชมชน ชาวจีนมณฑลทางภาคใต้ของประเทศจีน อา้ งองิ : 20/6/64 จึงทําใหแ้ บบอยา่ งการเชดิ สิงโตและการผลิตหวั สิงโตเปนแบบสิงโตทางภาคใต้ (South Lion) มีการใชโ้ ครงไม้ไผป่ ระกอบเข้ากับวสั ดุท้องถิน ทําโดย นายศุภากร อุบลจินดา เลขที 10 เชน่ กระดาษ ผ้าไหม โลหะแผ่นเงนิ และเกล็ดทอง สิงคโปร์ จัดทําโดย นางสาวโสภานันท์ สมหวงั เลขที23 ศิลปะการแสดงของมลายู เนืองจากสิงคโปรเ์ ปนประเทศทีมีประชา กรหลากหลายเชอื ชาติหลากหลายศาสน บังสาวนั (Bangsawan) เปนการแสดงละครรอ้ งคล้ายกับการแสดงโอเปรา่ ของท า ทําใหม้ ีศิลปวฒั นธรรมทีหลากหลาย างยุโรป ต่างรวมกันเปนลักษณะสังคมพหวุ ฒั นธ เปนการแสดงทีได้รบั ความนิยมเปนอยา่ งมากในประเท รรม ต่างมีเอกลักษณ์ทางวฒั นธรรมในสังคม ศสิงคโปร์ ชาติพันธุข์ องตนเองวฒั นธรรมจีนของชา โดยมีจะการแสดงประกอบกับการรอ้ งบทละครออกมาเ วโพ้นทะเลทีตังรุกรานบนสิงคโปรเ์ ปน กลุ่มวฒั นธรรมทีมีอทิ ธพิ ลมากทีสุดตาม ปนเพลงด้วยตัวของนักแสดงเอง ประชากรเชอื สายจีนทีมีในสิงคโปรม์ ากที พรอ้ มกับการการเต้นประกอบเสียงดนตรใี นท่าทางและ สุด อารมณ์ต่าง ๆ ตามบทบาททีได้รบั สรา้ งความสนกุ สนานใหก้ ับผูช้ มเปนอยา่ งมาก โดยการแต่งกายจะมีการแต่งกายด้วยเสือผา้ สวยงามสี สดใส การแสดงละครรอ้ ง ทีถูกเรยี กวา่ บงั สา อา้ งองิ : 19/6/64 หุน่ กระบอกนา(Water Puppet) เวยี ดนาม เปนการละเล่นพืนบ้านโบราณของชาวเวยี ดนาม ด้านศิลปวฒั นธรรมของเวยี ดนาม มีถินกําเนิดบรเิ วณสามเหลียมปากแม่นาโขง มีความแตกต่างกับศิลปวฒั นธรรมของไทยอยา่ ฉากเปนซุ้มทีตกแต่งเปนสถาปตยกรรมเวยี ดนาม งมาก ทีเปน อยา่ งนีเปนเพราะเวยี ดนามถูกปกครองโดยประ ทําด้วยไม้ไผเ่ ปนผนื มู่ลีกางไวเ้ รยี ผิวนา เทศจีนมาหลายครงั หลายหน จนอาจเรยี กได้วา่ มีหลีบหวั ท้ายและกลางใหต้ ัวหุน่ ลอดออกมาโลดแล่น อารยธรรม วฒั นธรรม ของเวยี ดนาม คือ การแสดงแบ่งเปนชุดๆ เสนอเรอื งราวเกียวกับวถิ ีชวี ติ วฒั นธรรมของประเทศจีน นันเอง โดยเฉพาะทางด้านศิลปของโบราณสถาน ต่าง การทํามาหากิน ๆ อาทิ พระราชวงั วดั สุสาน ฯลฯ ศิลปะการละเล่นพืนบ้านของชาวเวยี ดนาม ซึงมีความคล้ายคลึงกันจนไม่สามารถแยกออก ใหเ้ หน็ อยา่ ง เด่นชดั แม้ในชว่ งหลังมานี อา้ งองิ : เวยี ดนามอาจได้รบั อทิ ธพิ ลจากประเทศฝรงั เศล และญีปุนอยูบ่ ้าง แต่ใน 19/06/64 ภาพรวมแล้วจะคล้ายคลึงกับประเทศจีน และมีหลักฐานใหเ้ หน็ อยูท่ ัวไปบรเิ วณสองขา้ งท แจ่ว(Chèo) ประวตั ิความเปนมา างทีพวกเราผ่านไป เกือบทุกถนน เปนรูปแบบของละครเพลงเสียดสีสังคม คําถามเวยี ดนาม 1.การแสดงพืนบา้ นแจ่วสืบทอดมาตังแต่ศตวรรษใด โดยทัวไปการเต้นราํ แจ่วนียงั คงอนรุ กั ษ์รูปแบบดังเดิมไว้ จากการระบําของชาวบ้านในภาคเหนือของเวยี ดนามทีสืบท ก ศตวรรษที 16 อดมาอยา่ งยาวนานตังแต่ศตวรรษที 16 ข ศตวรรษที 17 ค ศตวรรษที 18 การแสดง มักแสดงกลางแจ้ง ง ศตวรรษที 19 หรอื ลานอเนกประสงค์ของหมู่บ้าน ในอดีตไม่มีฉาก ทําโดย นางสาวสุพิชชา เเก้วยวน เลขที31 ไม่มีการตกแต่งเสือผา้ หรอื แต่งหน้าใดๆ วงดนตรเี ปนวงดนตรแี บบดังเดิมทีประกอบไปด้วย ซอ ขลุ่ย และกลอง ปจจุบันนิยมจัดแสดงในรม่ มากขนึ และแสดงโดยนักแสดงมืออาชพี อา้ งองิ : 19/06/64
19/6/64 ประเทศกัมพูชา เปนประเทศทีมีศิลปะการแสดงแบบโบราณทีน่าสนใ บ้าน การทํามาหากิน จมากมายหลากหลายรูปแบบ ของชนกลุ่มน้อย เชน่ แต่สําหรบั ศิลปะการแสดงโบราณทีผูเ้ ขียนจะนําเสน อในบทความครงั นี เปนศิลปะนาฏดนตรี ระบําสวงิ ระบํากยูง ทีได้รบั ความนิยมจากพีน้องประชาชนชาวกัมพูชาอย่ อยต่างๆ ทังชาวจาม างกวา้ งขวางทังในราชธานี และตามต่างจังหวดั ชาวส่วย ชาวพนอง นับแต่อดีตจนถึงปจจุบันนี ศิลปะการแสดงดังกล่าว ากไทยตรงทีไม่จีบนิว คือ ละครยเี ก ขนึ ด้านบนและผายมื ระบําทีชุบชวี ติ นางอปั สรา การเต้นราํ ยอเกต็ (Joget ) อา้ งองิ : อออก ภาพสลักในนครวดั ออกมา เปนการแสดงทีมีความนิยมในมาเลเซีย นครวดั เปนสถานทีทีสําคัญของชาวกัมพูชาแ ลักษณะการเต้นมีชวี ติ ชวี าเคลือนไหวไปพรอ้ มกั 19/6/64 ยธนิ เลขที13 ละนางอปั สราก็เปนสตรใี นอุดมคติของสตรกี ั บจังหวะดนตรที ีสนกุ สนาน มพูชา ศิลปะการแสดงประเภทนีมีต้นกําเนิดจากการเต้ นราํ พืนเมืองของชาวโปรตุเกส บุคคลสําคัญ ทีกล่าวถึงรฐั มะละกาเมืองท่าการค้าทีมีความเจริ โซฟลิน ญรุง่ เรอื งในชว่ งครสิ ต์ศตวรรษที 15 เจียม ส่วนการราํ มะหยง (Mak Yong) ชารป์ โร เปนการแสดงทีใชบ้ อกเล่าเรอื งราวของความรกั รอ้ งเพลงละคร และละครตลก กัมพูชา เปนการแสดงขนึ ชอื ของรฐั กลันตัน ศิลปะการแสดงแบบมาเลย์ จําแนกได้เปน 2 แบบ คือ 1. แบบพืนถิน เชน่ Asli และ Inang เปนการแสดงของชนพืนเมืองในคาบสมุทรมาเ ลเซีย 2. แบบประยุกต์ เชน่ Joget และ Zapin เปนการแสดงของชาวมาเลเซียทีได้รบั อทิ ธพิ ลจ ากวฒั นธรรมภายนอกตามบรบิ ททางประวตั ิศา สตรแ์ ละความเปลียนแปลงทางการเมือง (Taman Sri Nibong RA Log, 2011) มาเลเซีย มาเลเซียนับได้วา่ เปนดินแดนพหวุ ฒั นธรรม เนืองจากความหลากหลายหลายทางชาติพัน ลาว ธุ์ อนั ประกอบไปด้วย 3 กลุ่มหลัก คือ มลายู จีน และอนิ เดีย ดังนันศิลปะการแสดงในมาเลเซียจึงมีความ หลากหลายไปตามกลุ่มชาติพันธุท์ ีมีอตั ลักษ ณ์ทางประวตั ิศาสตรแ์ ละเรอื งราวในการแสด งเปนของตนเอง จัดทําโดย นายรชต ทีปะโยธนิ เลขที13 การแสดงพืนบ้านอาเซียนโซน ฟลิปปนส์ อา้ งองิ : เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ อนิ โดนีเซีย 19/6/64 กลุ่ม SD behind the wall ตินิคลิง (Tinikling) บุคคลสําคัญ บรูไน : เปนหนึงในการเต้นราํ ดังเดิมของฟลิปปนส์ทีเปนทีนิยม สมเด็จพระราชาธปิ ดีฮจั ญี ฮสั ซานัล โบลเกียห์ และรูจ้ ักมากทีสุด ใชล้ ําไม้ไผ่ในการแสดง มูอชิ ซัดดิน วดั เดา การเต้นประกอบด้วยจังหวะการเต้นแบบก้าวกระโดด 5 จังหวะ ในชว่ ง 4 จังหวะแรกคู่เต้นราํ จะยนื ตรงขา้ มกัน ในชว่ งจังหวะสุดท้ายทังคู่จะเรมิ เต้นราํ อยูข่ า้ งเดียวกันร ะหวา่ งลําไม้ไผ่ 2 ลํา ซึงลําไม้ไผ่นีใชเ้ ปนเครอื งเคาะจังหวะด้วย โดยผู้จับไม้เคาะลําไม้กระทบกับพืน และเคาะลําไม้กระทบกัน ในอตั ราจังหวะทีเรว็ ขนึ จัดทําโดย นางสาวธญั ชนก เรอื งเพชร เลขที42 ระบําบารอง (Barong Dance) เปนศิลปะการแสดงทีเปนเอกลักษณ์ของชาวเกา ะบาหลี อนิ โดนีเซีย บารอง เปนสัตวใ์ นตํานาน ซึงมีหลังอานยาวและหางงอนโงง้ และเปนลักษณ์ แทนวญิ ญาณดีงาม ซึงเปนผู้ปกปกษ์รกั ษามนษุ ย์ ต่อสู้กับรงั ดา ตัวละครทีเปนสัญลักษณ์แทนวญิ ญาณชวั รา้ ย บารอง แดนซ์ เปนนาฏกรรมศักดิสิทธิ การรา่ ยราํ มีท่าทีออ่ นชอ้ ยงดงาม เสียงเพลงไพเราะ ! บรูไน การแสดงพนื เมืองของบรูไนทีมีชอื เสียงทีสุด อา้ งองิ : บรูไน มีรากฐานมาจากวฒั นธรรมมลายู คือ อาไดอาได (Adai-Adai) 19/6/64 การแสดงและเครอื งดนตรบี างอยา่ งจึงมีความค การเต้นราํ พืนเมืองประกอบเพลงของชาวมลายู จัดทําโดย มีทีมาจากชาวประมงสมัยก่อนทีรอ้ งเพลงขณะ นางสาวธญั ชนก เรอื งเพชร เลขที42 ล้ายคลึงกับอนิ โดนีเซียและมาเลเซีย (ดลยา ชว่ ยกันลากอวน เทียนทอง) ปจจุบันคือเต้นราํ ประกอบเพลงบรรเลงสลับกับ การท่องโคลงแบบมลายู วฒั นธรรมของบรูไนโดยทัวไปมีความเกียวข้องกั เครอื งดนตรหี ลักคือกลองและไวโอลิน (ดลยา บดนตรกี ารรอ้ งราํ ทําเพลง เทียนทอง, 2557:32) นักแสดงอาไดอาได มีทังหญงิ และชายแต่งกายแบบชาวเล แต่สิงเหล่านียงั คงคลุมเครอื และไม่ชดั เจนเกียว โดยนักแสดงชายสวมชุดพนื เมือง กับวฒั นธรรมประเพณีของบรูไน มีคนกล่าววา่ ส่วนนักแสดงหญิงสวมชุด บาจู กูรง (baju ดนตรี เพลง และการเต้นราํ kurong) คือ เสือแขนยาวและผ้าถุง คลุมผมด้วยผา้ พืนเมือง (The Daily Brunei เปนเพียงส่วนยอ่ ยจากพืนฐานของวฒั นธรรมเท่ Resources, 2014) านัน เมียนมาร์ นอกจากนียงั มี อาดุก์อาดุก์ (Aduk-Aduk) บางคนมีความเหน็ วา่ ส่วนใหญ่ของวฒั นธรรมบรู เปนการเต้นราํ ประกอบเพลงพนื เมืองของชาวเกอ ไนนันจะมีความขัดแยง้ กับหลักการของอสิ ลาม ดายนั กลุ่มชาติพันธุพ์ นื เมืองในบรูไน อาทิเชน่ การเต้นราํ เครอื งดนตรี พธิ กี ารต่างๆ มีขึนเพอื เฉลิมฉลองวนั หยุดหรอื ชว่ งสินสุดฤดูเก็บ เกียว จุดเด่นคือในมือผู้แสดงจะถือกะลามะพรา้ ว ตลอดจนความเชอื และวฒั นธรรมประเพณีต่างๆ มีเครอื งดนตรหี ลักคือกลอง (ดลยา เทียนทอง) เปนต้น (ดลมนรรจ์ บากา และ ชยั วฒั น์ มีสันฐาน) แต่ในขณะเดียวกันเราไม่อาจปฏิเสธได้วา่ การแส ดงและเครอื งดนตรตี ่างๆ เหล่านีคือตัวแทนทางวฒั นธรรมและมรดกรว่ ม กันของคนในชาติ] จัดทําโดย นายรุจิภาส สมัครแก้ว เลขที 9 อา้ งองิ 20/6/64 ศิลปะการแสดงของพม่าแต่เดิมได้รบั อทิ ธพิ ลจากอนิ เดียจึงมี ลีลาท่าทางคล้ายคลึงกับของนาฏศิลปอนิ เดีย ต่อมาเมือพม่ารบชนะไทยในสมัยอยุธยาได้กวาดต้อนเชลยไท ยไปพม่า อทิ ธพิ ลของนาฏศิลปไทยจึงมีบทบาท ต่อการแสดงของพม่า พม่าได้นําเอาลีลานาฏศิลปไทยผสมผสานกับลีลาแบบอนิ เดีย ทําใหร้ ูปแบบการแสดงมีลีลาแบบ “ละครแซท” (ZAT) ในปจจุบัน การแสดงทีเปนเอกลักษณ์ของพม่าคือการเชดิ หุน่ สาย หุน่ ของพม่ามีเชอื กชกั เชดิ ทีโยงส่วนต่าง ๆ ของหนุ่ แล้วโยงขนึ ไปรวมกันด้านบนของตัวหนุ่ ผูเ้ ชดิ ทําหน้าทีเชดิ รอ้ ง พากย์ เจรจาประกอบ เชดิ ใหห้ ุน่ เคลือนไหวตามธรรมชาติ และท่ารา่ ยราํ แบบนาฏศิลปพม่า แหล่งอา้ งองิ http://drama-study.blogspot.com จัดทําโดย นางสาว โสภานันท์ สมหวงั เลขที 23
แบบทดสอบ กลุ่ม SD behind the wall 4/13 1.การแสดงพื้นบ้านของประเทศสงิ คโปรค์ อื ขอ้ ใด ก.ละครยี่เก ข.ระบาบารอง ค.บังสาวนั ง.ห่นุ กระบอกนา้ 2.การแสดงพน้ื บ้านแจ่วของประเทศเวยี ดนามสืบทอดมาตง้ั แตศ่ ตวรรษใด ก.ศตวรรษที่ 14 ข.ศตวรรษท่ี 15 ค.ศตวรรษท่ี 16 ง.ศตวรรษที่ 17 3.การแสดงพนื้ บ้านตินคิ ลิ่งของประเทศฟลิ ิปปนิ ส์ใชอ้ ุปกรณอ์ ะไรในการแสดง ก.ถงุ ผา้ ข.แกว้ นา้ ค.ไขไ่ ก่ ง.ลาไมไ้ ผ่ 4.การแสดงรายอเก็ตของประเทศมาเลเซยี ใหค้ วามรสู้ กึ อยา่ งไร ก.โมโห หงดุ หงิด ข.นา่ เบอื่ ค.สนกุ สนาน เพลดิ เพลิน ง.ออ่ นเพลีย งว่ งนอน 5.ประเทศบรไู นมกี ารเเสดงเเละเครอื่ งดนตรีทม่ี คี วามคลา้ ยคลงึ กบั ประเทศอะไรบ้าง ก.อินโดนีเชยี และมาเลเซยี ข.ไทยเเละเวยี ดนาม ค.อินโดนเี ซียและกมั พชู า ง.มาเลเซยี และลาว
6.ศลิ ปะการแสดงของประเทศพมา่ แตเ่ ดมิ ได้รับอทิ ธพิ ลจากประเทศใด ก.ไทย ข.อนิ เดยี ค.อเมรกิ า ง.เยอรมนี เฉลยแบบทดสอบ ข้อ.1 ค.บังสาวัน (ผอู้ อกข้อสอบ นายศุภากร อุบลจนิ ดา เลขท่ี 10) ข้อ.2 ค.ศตวรรษท่ี 16 (ผูอ้ อกข้อสอบ นางสาวธญั ชนก เรืองเพชร เลขที่ 42) ข้อ.3 ง.ลาไมไ้ ผ่ (ผู้ออกข้อสอบ นางสาวสุพชิ ชา เเกว้ ยวน เลขที่ 31) ขอ้ .4 ค.สนกุ สนาน เพลดิ เพลนิ (ผู้ออกข้อสอบ นายรชต ทีปะโยธิน เลขท่ี 13) ข้อ.5 ก.อินโดนเี ซียและมาเลเซีย (ผู้ออกขอ้ สอบ นายรุจภิ าส สมคั รแกว้ เลขท่ี 9) ข้อ.6 ข.อินเดีย (ผูอ้ อกขอ้ สอบ นางสาวโสภานันท์ สมหวงั เลขท่ี 23)
1.คำถำม:กำรแสดงบชู ำเจยี มของเกำหลีใชพ้ ดั ขนำดใหญว่ ำดดว้ ยดอกไมอ้ ะไร ก.ดอกซำนซยู ู ข.ดอกซำกุระ ค.ดอกมูกุงฮวำ ง.ดอกโบตน๋ั คำตอบ ง. ดอกโบต๋นั ผู้ออกขอ้ สอบ นำงสำวธญั สินี บริรกั ษ์ เลขท2ี่ 2,นำงสำวเบญญำดำ วงศข์ ันตชิ ยั เลขท่ี35 2.คำถำม: เหตใุ ดละครคำบูกิถงึ ห้ำมไมใ่ หส้ ตรีแสดง ก. เพรำะผู้คนคิดว่ำเพศหญิงเปน็ เพศที่ออ่ นแอ ข. เพรำะกำรแสดงละครนยิ มแสดงแต่เพศชำย ค.เพรำะ เนอ่ื งจำกมีปัญหำขดั แยง้ ศลี ธรรมในสงั คมเพรำะเชอื่ ว่ำมีกำรค้ำประเวณใี นกลุ่มนกั แสดง คำบกู ิหญิง ง.ถกู ทกุ ขอ้ ตอบ ค.เพรำะ เนอ่ื งจำกมีปญั หำขดั แยง้ ศลี ธรรมในสังคมเพรำะเชือ่ ว่ำมกี ำรคำ้ ประเวณใี นกลมุ่ นกั แสดงคำบูกหิ ญงิ ผู้ออกข้อสอบ นำยวรี ภัทร์ จิรยทุ ธวรำนนท์ เลขที่18 3.กำรแสดง ภำรตนำฏยัม ของอินเดียมวี ตั ถุประสงคอ์ ะไร ก.เพอื่ ควำมบนั เทงิ ข.เพอ่ื สรำ้ งควำมปลกุ ใจ ค.เพอื่ บวงสรวงเทพเจ้ำ ง.เป็นกำรละเลน่ พ้นื บำ้ น ตอบ ค.เพอ่ื บวงสรวงเทพเจำ้ ผอู้ อกข้อสอบ นำงสำวกนกพิชญ์ บุญสกรรณ เลขที4่ 0 4.คำถำม:กำรเเสดงคำบกู ิมีมำเเลว้ ก่ปี ี ก.200ปี ข.300ปี ค.400ปี ง.500ปี ตอบ ค.400ปี ผูอ้ อกข้อสอบ นำยจรณ์สพล สังขค์ รี ี เลขที่1 คำถำม: กำรแสดงงิ้วเร่มิ ตน้ มำต้งั แต่สมยั รำชวงศใ์ ด ก.รำชวงศซ์ ่ง ข.รำชวงศ์ฉิน ค.รำชวงศ์ชำง ง.รำชวงศเ์ ซีย่ ตอบ ก. รำชวงศซ์ ง่ ผู้ออกข้อสอบ นำยธนวนิ ท์ ศรอี มั พร เลขท่1ี 6
1 3
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: