Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แฟ้มสะสมผลงานนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 12

แฟ้มสะสมผลงานนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 12

Description: แฟ้มสะสมผลงานนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 12

Search

Read the Text Version

1 แฟมสะสมผลงานของ 2 ชนั มธั ยมศึกษาปที 4/12 รายวชิ าศิลปะ2 ศ31102 (นาฏศิลปและการละคร) โรงเรยี นมหาวชริ าวุธ จงั หวดั สงขลา สาํ นกั เขตพนื ทีการศึกษามธั ยมศึกษาสงขลา สตลู

สมาชกิ ในกลุ่ม GROUP WOR นายณภัทร ล่องเซ่ง (ชคิ เก้น) กลุ่ม : Three boy on E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0637328306 สมาชกิ ในกลุ่ม นายชนิ กฤต นันพิไชย (กิต) Facebook : Ck Napat E-mail : [email protected] Line : 0637328306 เบอรรโ์ ทรศัพท์ : 0633037730 Facebook : Chinnakrit Nunpichai Line : chin_cn17

หวั หน้ากลุ่ม รองหวั หน้ากลุ่ม นายภูวดล หนิหมี (นาธาน) นางสาววศิ รุตา ขุนพระบาท (อุน่ ) E-mail : [email protected] E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0950303559 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0993022695 Facebook : นาธาน หลุดโลก Facebook : Whisaruta’a Khunprabaht’t Line : 0950303559 Line : oun__2548 RK ne Girl

ครูลมุล ยมะคุปต์ ศิลปะกา เปนสิงทีมน ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ มบนั เทิงอนั ทีประดิษฐ์ใหก้ รมศิลปากรในฐานะผูเ้ ชยี วชาญ เชน่ ราํ แม่บทใหญ่ ศิลปะประเ ราํ ซัดชาตรี ราํ วงมาตรฐาน ราํ เถิดเทิง ราํ กิงไม้เงนิ ทอง ระบาํ กลอง เข้า ระบาํ ฉิง ระบํานกยูง ระบาํ กฤดาภินิหาร ระบําชุมนมุ เผา่ ไทย หร ระบาํ อธษิ ฐาน ระบําในนามีปลา ระบําระฆัง ระบาํ นกสามหมู่ ระบําเชญิ พระขวญั ฟอนเงยี ว ฟอนเล็บ ฟอนเทียน ฟอนม่านมุ้ยเชยี งตา การศึกษ นาฏศ ฟอนแพน ฟอนแคน เซิงสราญ เซิงสัมพนั ธ์ เปนต้น อนั ประก ท่านผู้หญงิ แผว้ สนิทวงศ์เสนี ครูอาคม สายาคม โดยนาฏศิล ยงั เปนเสม ผลงานเกียวกับการแสดงศิลปะนาฏกรรม เชน่ ท่าราํ ของตัวพระ นาง ยกั ษ์ ลิง และตัวประกอบ การแสดงโขน ละครชาตรี ละครนอก ละครใน เข้าด้วยก อา้ งองิ ละครพนั ทาง และระบาํ ฟอนต่างๆ นายชนิ กฤต นันพิไชย เลขที1 ม ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) บุคคลสําคัญ ครูรงภักดีเปนผู้มีความสามารถในการราํ เพลงหน้าพาทยอ์ งค์พระพริ าพ ซึงเปนนาฏศิลปสูงสุดได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช นายภูวดล หนิหมี เลขที13 ม 4/12 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯใหน้ ายรงภักดีประกอบพธิ คี รอบองค์พระ 6.โ ผลงานด้านการแสดง ครูอาคมแสดงเปนตัวเอก เชน่ พระราม อเิ หนา โดยก พระรว่ ง พระอภัยมณี ขุนแผน พระไวย ไกรทอง ฮเนา (เรอื งเงาะปา) การแ พระลอ อุณรุท พระสังข์ เปนต้น ผลงานด้านประดิษฐ์ท่าราํ ได้แก่ เพลงหน้าพาทยต์ ระนาฏราช เพลงหน้าพาทยโ์ ปรยขา้ วตอก เพลงเชดิ จีน ลีลาประกอบท่าเชอื ม ตําราท่าราํ ผลงานด้านวชิ าการ เขียนคําอธบิ ายนาฏยศัพท์ บทความ เพลงพืนเมือง เพลงหน้าพาทย์ ความสําคัญของหวั โขน ระบาํ ราํ เต้น การเลือกเด็กเขา้ ฝกหดั ละครสมัยรชั กาลที 7 เปนต้น ผลงานด้านวทิ ยุกระจายเสียง ตังคณะสายเมธี แสดงนิยายและบรรเลงในแบบดนตรสี ากลและดนตรไี ทย ตังคณะสายาคมแสดงเพลงพืนเมือง เปนต้น ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ และระบํา ระบาํ กินนร ระบาํ โบราณคดี ๔ ชุด คือ ระบําทวารวดี ระบําศรวี ชิ ยั ระบาํ ลพบุรี และเชยี งแสน ฟอนแคน เซิงสัมพนั ธ์ ระบาํ ฉิงธเิ บต ระบาํ กรบั ราํ กิงไม้เงนิ ทองถวาย (บทประพนั ธข์ อง น ส ปราณี สําราญวงศ์) เซิงสราญ ระบาํ สวสั ดิรกั ษา ระบํามิตรไมตรซี ีเกมส์ ระบาํ ศรชี ยั สิงห์ ระบําขอม ครูเฉลย ศุขะวณิช

1.การเลียนแบบธรรมชาติ ขนั 1 เกิดแต่วสิ ัยสัตว์ เมือเวทนาเสวยอารมณ์ไม่วา่ จะเปนสุขเวทนาหรอื ทุกขเวทนาก็ตาม นาฏศิลป หมายถึง กําเนิดนาฏศิลปไทย ถ้าอารมณ์แรงกล้าไม่กลันไวไ้ ด้ ก็แสดงออกมาใหเ้ หน็ ปรากฏ เชน่ ารฟอนราํ หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอนราํ อา้ งองิ http://www.openbase.in.th/node/3418 เด็กทารกเมือพอใจก็หวั เราะตบมือ กระโดดโลดเต้นเมือไม่พอใจก็รอ้ งไห้ นษุ ยป์ ระดิษฐ์ขึนด้วยความปราณีตงดงามใหค้ วา นโน้มน้าวอารมณ์และความรูส้ ึกของผู้ชมใหค้ ล้อ น ส วศิ รุตา ขุนพระบาท ม 4/12 เลขที43 ดินรน ยตาม 2.การเซ่นสรวงบูชา ขัน 2 เมือคนรูค้ วามหมายของกิรยิ าท่าทางมากขนึ เภทนีต้องอาศัยการบรรเลงดนตรแี ละการขับรอ้ ง ก็ใชก้ ิรยิ าเหล่านันเปนภาษาสือความหมาย ารว่ มด้วย เพือส่งเสรมิ ใหเ้ กิดคุณค่ายงิ ขึน ใหผ้ ู้อนื รูค้ วามรูส้ ึกและความประสงค์ เชน่ รอื เรยี กวา่ ศิลปะของการรอ้ งราํ ทําเพลง ษานาฏศิลปเปนการศึกษาวฒั นธรรมแขนงหนึง ต้องการแสดงความเสน่หาก็ยมิ แยม้ กรุม้ กรมิ ชม้อยชม้ายชายตา ศิลปเปนส่วนหนึงของศิลปะสาขาวจิ ิตรศิลป หรอื โกรธเคืองก็ทําหน้าตาถมึงทึง กระทืบ กระแทก เปนต้น กอบด้วย จิตรกรรม สถาปตยกรรม วรรณคดี ขัน 3 เมือเกิดปรากฏการณ์ตามทีกล่าวในขันที ๑ และขันที ๒ และนาฏศิลป แล้วมีผูฉ้ ลาดเลือกเอากิรยิ าท่าทาง ซึงแสดงอารมณ์ต่างๆ ลปนอกจะแสดงความเปนอารยะของประเทศแล้ นันมาเรยี บเรยี งสอดคล้อง ติดต่อกันเปนขบวนฟอนราํ ใหเ้ หน็ งาม ว จนเปนทีต้องตาติดใจคน มือนแหล่งรวมศิลปะและการแสดงหลายรูปแบบ กัน โดยมีมนษุ ยเ์ ปนศูนยก์ ลาง ทีจะสรา้ งสรรค์ จนเกิดเปนววิ ฒั นาการของนาฏศิลปทีสวยงามตามทีเหน็ ในปจจุบนั อนรุ กั ษ์ และถ่ายทอดสืบไป กระบวนการประกอบพธิ กี รรมตามความเชอื ของกลุ่มชน ซึงพบวา่ การเซ่นสรวงบูชา 4/12 มนษุ ยแ์ ต่โบราณมามีความเชอื ถือในสิงศักดิสิทธิ จึงมีการบูชา เซ่นสรวง ความหมายของนาฏศิลปไทย เพอื ขอใหส้ ิงศักดิสิทธปิ ระทานพรใหต้ นสมปรารถนา พนื ฐานนาฏศิลปไทย หรอื ขอใหข้ จัดปดเปาสิงทีตนไม่ปรารถนาใหส้ ินไป การบูชา มีวธิ กี ารตามแต่จะยดึ ถือมักถวายสิงทีตนเหน็ วา่ ดีหรอื ทีตนพอใจ เชน่ รปู แบบของนาฏศิลปไทย ข้าวปลาอาหาร ขนมหวาน ผลไม้ ดอกไม้ จนถึง การขับรอ้ ง ฟอนราํ เพือใหส้ ิงทีตนเคารพบูชานันพอใจ ต่อมามีการฟอนราํ บาํ เรอกษัตรยิ ด์ ้วย นายณภัทร ล่องเซ่ง ม 4/12 เลขที 10 ถือวา่ เปนสมมุติเทพทีชว่ ยบําบดั ทุกขบ์ ํารุงสุขให้ โขน หมายถึง ศิลปะการแสดงนาฏศิลปของไทยรูปแบบหนึง มีการฟอนราํ รบั ขวญั ขุนศึกนักรบผูก้ ล้าหาญ อากัปกิรยิ าของตัวละครจะมีทังการราํ ทีมีชยั ในการสงครามปราบขา้ ศึกศัตรู และการเต้นทีออกท่าทางเขา้ กับดนตรี ต่อมาการฟอนราํ ก็คลายความศักดิสิทธลิ งมา นักแสดงจะถูกสมมติใหเ้ ปนตัวยกั ษ์ ตัวลิง มนษุ ย์ เทวดา กลายเปนการฟอนราํ เพอื ความบันเทิงของคนทัวไป การสวมหน้ากากหรอื เรยี กวา่ “หวั โขน” ส่วนนักแสดงเปนมนษุ ย์ 3.การรบั อารยธรรมของอนิ เดีย อทิ ธพิ ลของประเทศเพือนบ้านจากประวตั ิศาสตรข์ องประเทศไทยทียาวน และเทวดาจะไม่สวมหวั โขน านวา่ เมือไทยมาอยูใ่ นสุวรรณภูมิใหม่ๆ นัน มีชนชาติมอญ แต่งกายแต่งยนื เครอื งครบถ้วนตามลักษณะของยกั ษ์ ลิง มนษุ ย์ และชาติขอมเจรญิ รุง่ เรอื งอยูก่ ่อนแล้ว นักแสดงไม่ต้องรอ้ งหรอื เจรจาเอง ชาติทังสองนันได้รบั อารยะธรรมของอนิ เดียไวม้ ากมายเปนเวลานาน เพราะจะมีผูพ้ ากยเ์ จรจาขับรอ้ งแทน เมือไทยมาอยูใ่ นระหวา่ งชนชาติทังสองนี ก็มีการติดต่อกันอยา่ งใกล้ชดิ ไทยจึงพลอยได้รบั อารยะธรรมอนิ เดียไวห้ ลายด้าน เชน่ ภาษา ประเพณี 5.ละคร หมายถึง มหรสพอยา่ งหนึงทีแสดงเปนเรอื งราว โดยนําภาพจากประสบการณ์และจิตนาการของมนษุ ยม์ าผู ตลอดจนศิลปะการแสดง ได้แก่ ระบํา ละครและโขน กเปนเรอื ง 1.ระบาํ หมายถึง 1) ระบํามาตรฐาน หมายถึง มีจุดมุ่งหมายเพอื แสดงอารมณ์ความรูส้ ึกก่อใหเ้ กิดความบั ศิลปะการรา่ ยราํ ทีแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่ การแสดงทีมีลักษณะการแต่งกายยนื เครอื งพระ-นาง ตลอดจนท่าราํ เพลงรอ้ งและดนตรไี ด้กําหนดไวเ้ ปนแบบแผน นเทิง และความสนกุ สนาน ไม่ดําเนินเรอื งราว ใชเ้ พลงบรรเลง เพลิดเพลินโดยมีนักแสดงเปนผูส้ ือความหมาย อาจมีเนือรอ้ งหรอื ไม่มีเนือรอ้ งก็ได้ มีลักษณะเฉพาะตัว ตามแบบของนาฏศิลปไทย เน้นการแปรแถวในลักษณะต่าง ๆ ซึงบรมครูทางนาฏศิลปได้กําหนดแบบแผนกระบวนการราํ และเรอื งราวต่อผูช้ ม ระบาํ แบง่ ออกเปน2ประเภทใหญ่ เปนทียอมรบั กันมาชา้ นานแล้ว ไม่ควรแก้ไขดัดแปลงไปจากเดิม เชน่ ระบาํ สีบท ต่อมาได้มีผูป้ ระดิษฐ์ระบําเลียนแบบระบาํ สีบทขนึ อกี หลายชุด 2.ราํ หมายถึง การแสดงท่าทางการเคลือนไหวรา่ งกายประกอบจังกว ได้แก่ ระบํายอ่ งหงดิ เปนต้น ะเพลงรอ้ งหรอื เพลงบรรเลงจะเปนศิลปะการราํ เดียว 2) ระบาํ เบ็ดเตล็ด หมายถึง ราํ คู่ ราํ ประกอบเพลง ราํ อาวธุ ราํ ทําบทหรอื ราํ ใชบ้ ท การแสดงทีประดิษฐ์คิดค้นหรอื ปรบั ปรุงขึนใหม่ตามความประสงค์ โดยเน้นท่วงท่าลีลาการรา่ ยราํ ทีงดงาม เชน่ ราํ สีนวล ตามเหตุการณ์ ตามสมัยนิยม ตามเนือเรอื งทีผูป้ ระพันธต์ ้องการ ราํ ฉุยฉาย เปนต้น หรอื เปนระบําทีใชป้ ระกอบการแสดงละคร การแต่งกายจะแต่งตามรูปแบบลักษณะของการแสดงนันๆ เชน่ ระบาํ นพรตั น์ : 3.ฟอน หมายถึง ระบําทีมีนักแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่ เปนศิลปะการรา่ ยราํ ทีมีลีลาเฉพาะในท้องถินล้านนา ทีเปนการเคลือนไหวแขน ขา ยดื ยุบเขา่ ตามจังหวะ เพือความออ่ นชอ้ ยสวยงาม เชน่ ฟอนเมือง ฟอนเงยี ว ฟอนม่านมุ้ยเชยี งตา เปนต้น : 4.เซิง หมายถึง การรอ้ งราํ ทําเพลงแบบพืนเมืองอสี าน ลีลาและจังหวะการรา่ ยราํ จะรวดเรว็ กระฉับกระเฉง การแต่งกาย จะแต่งกายตามแบบพนื เมืองของชาวอสี าน ส่วนใหญ่การเซิงจะใชส้ ําหรบั นํากระบวนแหต่ ่าง ๆ แต่ต่อมาภายหลังได้มีการปรบั ปรุงการเซิงแบบใหม่เพิมเติมขึนมาอกี เชน่ เซิงสวงิ เซิงกระติบข้าว เซิงโปงลาง เปนต้น

แบบทดสอบเรอ่ื ง พืน้ ฐานนาฏศลิ ป์ไทย 1.บคุ คลสำคญั คนใดได้มีผลงำนดำ้ นกำรประดษิ ฐท์ ำ่ รำทีป่ ระดษิ ฐ์ให้กรมศลิ ปำกรในฐำนะผเู้ ชี่ยวชำญ (นำยภวู ดล หนิหมี ม.4/12 เลขท่ี13) ก. ท่ำนผหู้ ญิงแผ้ว สนทิ วงศเ์ สนี ข. ครลู มุล ยมะคปุ ต์ ค. ครูเฉลย ศขุ ะวณชิ ง. ครูอำคม สำยำคม ตอบ ข. ครลู มลุ ยมะคุปต์ 2.ข้อใดอธบิ ำยควำมหมำยของนำฏศลิ ปไ์ ดถ้ ูกตอ้ งและดที ี่สดุ (นำยชินกฤต นันพิไชย ม.4/12 เลขท่ี1) ก.เป็นกำรแสดงเพ่ือควำมบันเทงิ ข.ศลิ ปะกำรฟ้อนรำหรอื แบบแผนกำรฟอ้ นรำอัน ประณีตงดงำม ค.กำรขับรอ้ งบทเพลง ง.เป็นศิลปะระเภทท่ไี มต่ ้องกำรกำรบรรเลงดนตรแี ละกำรขับรอ้ งมำประกอบ ตอบ ข.ศิลปะกำรฟ้อนรำหรือแบบแผนกำรฟ้อนรำอัน ประณีตงดงำม 3.เซิง้ ของภำคอสี ำน มลี กั ษณะกำรร่ำยรำเปน็ อย่ำงไร (นำยณภัทร ล่องเซ่ง ม.4/12 เลขที่10) ก.รวดเร็วกระฉับกระเฉง ข.นุ่มนวล ค.ออ่ นชอ้ ย สวยงำม ง.เช่อื งชำ้ ตอบ ก.รวดเรว็ กระฉบั กระเฉง 4.ขอ้ ใดเปน็ ศลิ ปะกำรแสดงช้ันสงู ของไทยทมี่ คี วำมสง่ำงำม อลังกำรและออ่ นชอ้ ย (นำยณภัทร ล่องเซง่ ม. 4/12 เลขท1่ี 0) ก.ฟอ้ น ข.ละคร ค.รำ ง.โขน ตอบ ง.โขน 5.โขนได้รบั อำรยธรรมมำจำกประเทศใด (นำงสำววิศรตุ ำ ขุนพระบำท ม.4/12 เลขท4ี่ 3) ก.จนี ข.มำเลเซยี ค.อนิ เดยี ง.เวียดนำม ตอบ ค.อินเดีย

สมาชกิ ในกลุ่ม สมาชกิ ในกลุ่ม ชอื : นาย อรยิ ธ์ ชั จันทรส์ องแก้ว นายปรมินทร์ กาเลียง เลขที 4 นาย อรยิ ธ์ ชั จันทรส์ องแก้ว เลขท Email : [email protected] นางสาวกานดิศา มานีมาน เลขท เบอรโ์ ทร : 0954327692 นางสาวดากานดา หนนู ่นุ เลขที นางสาว จิรวรรณ คงชว่ ย เลขที Facebook : Arithat Jansongkeaw Line : 0954327692 Love You Kru'Ann : สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวกานดิศา มานีมาน Email : [email protected] เบอรโ์ ทร : 0950187586 Facebook : Kandisa Maneeman Line : ค้นหาจากเบอร์ 0950187586 ได้เลยค่ะ

4 สมาชกิ ในกลุ่ม ชอื :นางสาวดากานดา หนนู ่นุ ที 9 ที 36 : Email:[email protected] 37 เบอรโ์ ทร:063-0790081 Facebook:Dakanda Noonun 39 Line:dakanda… : ชอื นางสาว จิรวรรณ คงชว่ ย Email [email protected] เบอรโ์ ทร 062-238-4541 Facebook Ra Zell ID LINE 063-079-1376 สมาชกิ ในกลุ่ม ชอื : นายปรมินทร์ กาเลียง Email: [email protected] เบอรโ์ ทร: 0914156952 Line: znine3915 Facebook: Poramin Kaleaing ชอื นายธฤต บราณคุณ Email : [email protected] เบอรโ์ ทร 0621460163 lineid peen18948 fb tharit burankun

พบหลักฐาน การละครและฟอนราํ ปรากฏอยูใ่ นศิลาจารกึ ของพ่อขุนรามคําแหง กล่าววา่ \"เมือจักเข้ามาเรยี งกัน แต่อรญั ญิกพู้นเท้าหวั ลานด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลือน เสียงขับ ใครจักมักเหล้น เหล้น ใครจักมักหวั หวั ใครจักมักเลือน เลือน\" บุคคลสําคัญ คือ พอ่ ขุนรามคําแหง จากหลักฐานทางศิลาจารกึ แม้จะไม่มีคําใดทีแสดงถึงนาฏศิลปไทย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรนื เรงิ สนกุ สนาน อยูอ่ ยา่ งมีความสุขเปนอยา่ งมาก ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว ดากานดา หนนู ่นุ เลขที 37 สมัย มีนิยาย เรอื ง นามาโนหร์ า สมัยน่านเจ้า ววิ ฒั นาการ เปนนิยายของพวกไตหรอื คนไทย ครไทย ย ในสมัยน่านเจ้าทีมีปรากฏอยูก่ ่อนหน้านี คือ กรุงศ การแสดงจําพวกระบํา เชน่ ระบาํ หมวก ระบาํ นกยูง แ ไม่พบหลักฐานเกียวกับบุคลสําคัญในยุคสมัยนี ผูร้ บั ผดิ ชอบ นาย อรยิ ธ์ ชั จันทรส์ องแก้ว สมัยธนบุรี เลขที9และนาย ปรมิน กาเลียง เลขที4 สมัยนีบทละครในสมัยอยุธยาได้สูญหายไป สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรอื สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงรวบรวมศิลปน บทละครทีเหลือมาทรงพระราชนิพนธบ์ ทละคร เรอื ง รามเกียรติ อกี 5 ตอนได้แก่ 1.ตอนอนมุ านเกียวนางวานรนิ 2.ตอนท้าวมาลีวราชวา่ ความ 3.ตอนทศกันฐ์ตังพิธที รายกรด 4.ตอนพระลักษมณ์ถูกหอกกบิลพัท 5.ตอนปล่อนม้าอุปการ นอกจากทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครใน เรอื ง รามเกียรติด้วยพระองค์เองแล้ว พระองค์ยงั ทรงฝกซ้อมด้วยพระองค์เองอกี ด้วย บุคคลสําคัญ คือ พระเจ้าตากสินเมมือสหมาเรดา็จพชระเจ้ากรุงธนบุรที รงกู้เอกราชเปนผลสําเรจ็ และบา้ นเมืองค่อยกลับคืนเข้าสู่สภาวะเปนปรกติแล้ว พระองค์ท่านก็ได้ทรงเอาพระทัยใส่ เพยี รพยายามฟนฟูศิลปวฒั นธรรมของชาติทางด้านนีเปนอยา่ งมาก ปรากฏวา่ พระองค์ท่านทรงได้ ละครผู้หญงิ ของเจ้านครศรธี รรมราช เมือคราวเสด็จลงไปปราบชุมนมุ เจ้านครเมือ ป พ ศ 2312 นันเข้ามาเปนครูฝกหดั ขึนใหม่ สมทบกับพวกละครต่างๆ ทีทรงรวบรวมได้มาจากทีอนื มาฝกหดั จัดเปน ละครหลวง ขึนใหม่ในกรุงธนบุรโี ดยยดึ ถือแบบอยา่ งครงั กรุงศรอี ยุธยา เปนแบบฉบับในการฝกหดั จึงเปนเหตุใหก้ ารนาฏศิลปโขน ละครของไทย ได้ฟนตัวขึนมาใหม่ตังแต่บัดนันเปนต้นมา แต่ละครของเมืองนครกับละครของกรุงเก่า (กรุงศรอี ยุธยา) มีแบบแผนการแสดงแตกต่างกันไปบ้าง ละครของกรุงเก่ามีเจ้าฟาพนิ ทวดีพระราชธดิ าในพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศเปนต้นแบบ เครง่ ครดั ในการแสดงอยา่ งละครใน ส่วนละครของเมืองนครซึงไม่ใชเ่ มืองหลวงนัน ผ่อนผันตามความนิยมของผู้ชมโดยทัวไปบา้ ง

ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว กานดิศา มานีมาน เลขที36 ยสุโขทัย ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว จิรวรรณ คงชว่ ย เลขที39 และนาย ธฤต บุราญคุณ เลขที 12 รของนาฏศิลปและการละ สมัยอยุธยา มีการแสดงละครชาตรี ละครนอก ละครใน ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย แต่เดิมทีเล่นเปนละครเร่ ศรอี ยุธยา กรุงธนบุรี จะแสดงตามพืนทีวา่ งโดยไม่ต้องมีโรงละคร เรยี กวา่ และบุคคลสําคัญ ละครชาตรี ต่อมาได้มีการววิ ฒั นาการเปนละครราํ เรยี กวา่ ละครใน ละครนอก : โดยปรบั ปรุงรูปแบบใหม้ ีการแต่งกายทีประณีตงดงามมากขึน มีดนตรี บทรอ้ ง และมีการสรา้ งโรงแสดง ละครในแสดงในพระราชวงั จะใชผ้ ูห้ ญิงล้วน หา้ มไม่ใหช้ าวบ้านเล่น เรอื งทีนิยมมาแสดงมี 3 เรอื งคือ อเิ หนา รามเกียรติ และอุณรุท ส่วนละครนอก ชาวบ้านจะแสดง ใชผ้ ูช้ ายล้วน ดําเนินเรอื งอยา่ งรวดเรว็ สมัยสมเด็จพระบรมราชาธริ าชที 3 เปนสมัยทีโขนเจรญิ รุง่ เรอื งเปนอยา่ งมาก ีละครเรอื งใหญ่ๆ อยู่ 4 เรอื ง คือ อเิ หนา รามเกียรติ อุณรุท และดาหลัง บุคคลสําคัญ คือ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชที 3 ทรงเปนผู้นิพนธ์ กําสรวลสมุทร (นิยมเรยี กกันวา่ กําสรวลศรปี ราชญ์) ก่อนขึนครองราชย์ เนืองในการเสด็จทางชลมารค ล่องลํานาเจ้าพระยา จากกรุงศรอี ยุธยาไปยงั หวั เมืองชายทะเลแถวปากแม่นา พระราชนิพนธน์ ีได้กล่าวถึงความยงิ ใหญ่ของกรุงศรอี ยุธยา แหล่งอา้ งองิ ววิ ฒั นาการของการละครไทยตังแต่อดีตถึงปจจุบั (ขอ้ มูลทังหมดนํามาจากเวบ็ ไซต์นี) น (ออนไลน์). 2559, แหล่งทีมา : https://sites.google.com/site/bluestampnew/ system/app/pages/recentChanges (15 มิถุนายน 2564 )

แบบทดสอบ เรื่อง ววิ ฒั นาการของนาฏศลิ ป์และการละครไทย ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย กรุงศรอี ยุธยา กรุงธนบรุ ี 1. การเเสดงใดในสมัยอยธุ ยาใชผ้ หู้ ญงิ ล้วนในการเเสดงหา้ มใหช้ าวบา้ นเลน่ เรื่องทน่ี ิยมเเสดง คอื อิเหนา รามเกยี รต์ิ และอณุ รุท ก.ละครใน ข.ละครนอก ค.ละครโขน ง.ละครดึกดาบรรพ์ ตอบ ก.ละครใน 2.พระเจา้ ตากสินมหาราชได้รวบรวมศิลปินทเ่ี หลอื มาเเตง่ บทละคร เร่อื ง รามเกียรติ์ มีก่ีตอน ชือ่ ตอน อะไรบา้ ง ก. 5 ตอน ตอน อนมุ านเกี้ยวนางวานรนิ ตอน ทา้ วมาลีวราชวา่ ความ ตอน ทศกณั ฐ์ตั้งพิธี ทรายกรด ตอน พระลักษมณถ์ ูกหอกกบลิ พัท และตอน ปลอ่ ยม้าอุปการ ข. 4 ตอน ตอน อนุมานเกี้ยวนางวานรนิ ตอน ท้าวมาลีวราชวา่ ความ ตอน พระลกั ษมณ์ถกู หอกกบลิ พทั และตอน ปลอ่ ยม้าอปุ การ ค. 3 ตอน ตอน ศึกไมยราพ ตอน อนุมานเกย้ี วนางวานรนิ และตอน ทา้ วมาลวี ราชวา่ ความ ง. 5 ตอน ตอน อนมุ านเกยี้ วนางวานริน ตอน ทา้ วมาลวี ราชว่าความ ตอน ทศกันฐ์ตง้ั พธิ ี ทรายกรด ตอน พระลักษมณถ์ กู หอกกบิลพัท และตอน ศึกไมยราพ ตอบ ก.5 ตอน ตอน อนมุ านเกีย้ วนางวานริน ตอน ทา้ วมาลีวราชว่าความ ตอน ทศกณั ฐต์ ั้งพิธีทราย กรด ตอน พระลกั ษมณถ์ ูกหอกกบิลพัท และตอน ปลอ่ ยมา้ อปุ การ 3.สมยั ใดท่โี ขนมคี วามเจริญอย่างมาก ก.สมยั ธนบรุ ี ข.สมยั นา่ นเจา้ ค.สมยั สุโขทยั ง.สมัยอยุธยา ตอบ ง.สมยั อยุธยา 4. หลกั ฐานการละครและฟ้อนราที่ปรากฏอยูใ่ นศิลาจาลึกของพ่อขนุ รามคาแหงได้รบั วฒั นธรรมของ ชาตใิ ดผสมผสานกบั วฒั นธรรมไทย ก.จีน ข.ลาว ค.อนิ เดยี ง.เมยี นมา ตอบ ค.อนิ เดยี

5.นิยายเร่อื งนามาโนห์รา เป็นนิยายของพวกไตหรือคนไทยเปน็ การแสดงจาพวกระบา เชน่ ระบาหมวก ระบานกยูง เกดิ ขน้ึ ในสมยั ใด ก.สมัยอยุธยา ข.สมยั นา่ นเจ้า ค.สมัยสุโขทัย ง.สมัยธนบรุ ี ตอบ ข.สมัยน่านเจ้า สมาชกิ ในกล่มุ นายปรมินทร์ กาเลยี่ ง ชั้น ม.4/12 เลขที่ 4 นายอรยิ ์ธชั จัทร์สองแกว้ ชนั้ ม.4/12 เลขท่ี 9 นายธฤต บรุ าญคุณ ชน้ั ม.4/12 เลขที่ 12 นางสาวกานดศิ า มานมี าน ช้นั ม.4/12 เลขท่ี 36 (หัวหน้ากลมุ่ ) นางสาวากานดา หนูนนุ่ ชนั้ ม.4/12 เลขที่ 37 นางสาวจิรวรรณ คงช่วย ชนั้ ม.4/12 เลขท่ี 39

หวั หน้ากลุ่ม นางสาววรวรี ์ แก้วใจจง E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0836122398 Facebook:worravee kaevjaijong Line:0836122398 สมาชกิ ในกลุ่ม Group W ชอื สกุล(ชอื เล่น): นส ลภัสรดา ศรคี ะนอง (การต์ ูน) E-mail: [email protected] Facebook:ลภัสรดา ศรคี ะนอง เบอรโ์ ทรศัพท์:0842015486 Line:rooftatar_nnn05 เลขานกุ าร ชอื สกุล(ชอื เล่น): นายณัฐภัทร ปตตะโก E-mail: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0635371156 Facebook: Nattaphat Pattako Line: nottpattako

Work กลุ่ม:นาฏศิลป รองหวั หน้า ชอื สกุล(ชอื เล่น) : น ส วลิ ักษณาวดี อนิ ณรงค์ (ยูฟา) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0612352487 Facebook : 여자유 Line : @youfani2548

เปนยุคของนาฏศิลปไทย นาฎศิลป มีการฝกหดั โขน ละครใน และละครนอก รชั กาลที ฝกผูห้ ญงิ ใหแ้ สดงละครนอกของหลวง ปรบั ปรุงเครอื งแต่งกายยนื เครอื งแบบละครใน 1 .เจ้าจอมมาดาแยม้ แสดงเปนอเิ หนา 2.นายพนั แสดงเปนอนิ ทรชติ 3. นายภู่ แสดงเปนหนมุ าน บุคคลสําคัญ น ส วลิ ักษณาวดี อนิ ณรงค์ เล มีการรวบรวมตําราฟอนราํ เขียนภาพท่าราํ แม่บทไวเ้ ปนหลักฐาน หวั ข้อ ร 1-ร 2 หน้าที ยอ่ เนือหารชั กาลที1 นาฏศิลป ปจจุบัน,เพิมเนือหาในส่วนของ พฒั นาโขนเปนรูปแบบละครใน ปรบั ปรุงระบาํ สีบททีเปนระบํามาตรฐานในสมัยสุโขทัย เกิดนาฏศิลปหลายชุด เชน่ ระบําเมขลา - รามสูร ในราชนิพนธร์ ามเกียรติ รชั กาลที 1 1 . เจ้าฟากรมหลวงพิทักษ์มนตรี บุคคลสําคัญ ววิ ฒั นากา 2.นายทองอยู่ แสดงเปนตัวพระ ยุคสมัยรตั ปจจุบัน 3. นายรุง่ แสดงเปนตัวนาง (ครูละครใน) นาฏศิลป มีการนํานาฏศิลปนานาชาติมาประยุกต์ใช้ ในการแสดงมีการนําเทคนิคแสง สี เสียงเข้ามาเปนองค์ประกอบ และมีการติดตังอุปกรณ์ทีทันสมัย รวมถึงมีการสรา้ งนักวชิ าการ นักวจิ ัยในระดับสูง ทังยงั เปดสอนนาฏศิลปในระดับปรญิ ญาเอกหลายแหง่ อกี ด้วย นาฏศิลป ละคร ฟอน ราํ อยูใ่ นการดูแลของรฐั บาล ผูเ้ ชยี วชาญนาฏศิลปไทยคิดระบาํ ชุดใหม่ คือ ระบาํ พม่าไทยอธษิ ฐาน 1.ครูลมุล ยมะคุปต์ รชั กาลที 9 2.ท่านผูห้ ญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี บุคคลสําคัญ 3.นางเฉลย ศุขะวณิช นายณัฐภัทร ปตตะโก เล หวั ข้อ ร 8-ร 9-ปจจุบ หน้าที พิมพ์เนือหางาน,จัดหาแท หลวงวจิ ิตรวาทการ (อธบิ ดีกรมศิลปากร) นาฏศิลป ได้ก่อตังโรงเรยี นนาฏดุรยิ างคศาสตร์ รชั กาลที เกิดละครวจิ ิตรทีเปนละครปลุกใจใหร้ กั ชาติ สรา้ งแรงจูงใจใหค้ นรกั นาฏศิลปไทย บุคคลสําคัญ ตังโรงเรยี นนาฏศิลปแทนโรงเรยี นดุรยิ างคศาสตรท์ ีถูกทําลายตอนสง ครามโลกครงั ที2 1.คณะโขนละครของพระองค์เจ้าวชั รวี งศ์ (เจ้าขาว) 2.คณะโขนละครของครูหมัน คงประภัศร์

นาฏศิลป ยกเลิกละครหลวง เกิดละครเอกชนหลายๆคณะ มีศิลปนสืบทอดนาฏศิลปทีเปนแบบแผนกันต่อมา 2 รชั กาลที 3 บุคคลสําคัญ 1.หม่อมแยม้ แสดงเปนอเิ หนา น ส ลภัสรดา ศรคี ะนอง เลขที20 2.นายเกษ แสดงเปนพระราม (ครผูฝ้ ก) 3.กรมหลวงรกั ษ์รณเรศ ทรงมีคณะละครผูช้ ายจัดแสดงเรอื งอเิ หนา หวั ข้อ ร 3-ร 4 มีละครราํ ผูห้ ญิงในราชสํานักตามเดิม หน้าที เอกชนมีการแสดงละครผูห้ ญิงและผู้ชาย ยอ่ เนือหาบุคคลสําคัญ,เพิมเนือหาขยายความละคร ลขที42 ราํ 1- นาฏศิลป บรมครูนาฏศิลปชาํ ระพิธโี ขนละคร งโขน ดัดแปลงการราํ เบกิ โรงชุดประเรงิ เปนราํ ดอกไม้เงนิ ทอง รชั กาลที 4 1.เจ้าจอมมารดาวาด แสดงเปนอเิ หนา 2. นายคุ้ แสดงเปนพระราม บุคคลสําคัญ 3.นายบัว แสดงเปนทศกัณฐ์ มีการพัฒนานาฏศิลปไทยเพอื ทันสมัย นาฏศิลป ปรบั ปรุงละครขนึ ใหม่ กําหนดนาฏศิลปทีเปนบทระบาํ แทรกอยูใ่ นละครเรอื งต่างๆ เชน่ ารของนาฏศิลปและการละครไทย รชั กาลที 5 ระบําเทวดานางฟาในเรอื งกรุงพาณชมทวปี ตนโกสินทรร์ ชั กาลที1 ถึง ปจจุบัน ระบาํ ตอนนางบุษบาและนางกํานันชมสารในเรอื งอเิ หนา ระบาํ ไก่ เปนต้น บุคคลสําคัญ 1.พระราชชายา เจ้าดารารศั มี นาฏศิลปล้านนา นางสาววรวรี ์ แก้วใจจง เลขที29 2.หม่อมแสง แสดงเปนจินตะหรา หวั ข้อ ร 5-ร 6-ร 7 3.นายทองอยู่ แสดงเปนพเิ ภก หน้าที ตังกรมมหรสพ ทําสือนําเสนอรูปแบบพาวเวอรพ์ ้อย,พิมพ์เนือหางา ทํานบุ ํารุงศิลปะทางโขน ละคร และดนตรปี พาทย์ น นาฏศิลป ตังโรงเรยี นฝกหดั นาฏศิลปในกรมมหรสพ ปรบั ปรุงการแสดงโขนเปนละครดึกดําบรรพ์เรอื งรามเกียรติ เกิดโขนบรรดาศักดิทีมหาดเล็กแสดงกับเชลยศักดิทีเอกชนแสดง รชั กาลที 6 ลขที8 1.พลเอกเจ้าพระยารามราฆพ แสดงเปนพระราม บัน ทรกรูปภาพ 2.กรมหมืนทิวากรวงษ์ประวตั ิ แสดงละครพูดและละครพูดสลับลํา รชั กาลที 7 3.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวุธ คณะละครวงั สวนกุหลาบ นาฏศิลป บุคคลสําคัญ จัดตังกรมศิลปากรแทนกรมมหรสพ ทําใหโ้ ขน ละคร ระบาํ ราํ ฟอน ยงั คงอยูต่ ่อไป 8 1.ครูอาคม สายาคม แสดงเปนพระราม บุคคลสําคัญ 2.ครูจําเรยี ง พุธประดับ แสดงเปนตัวนาง 3.เจ้าพระยาธรรมศักดิมนตรี : ผู้วางรากฐานก่อตังโรงเรยี นนาฏดุรยิ างคศาสตร์ อา้ งองิ www.sites.google.com

แบบทดสอบ วิวัฒนาการของนาฏศลิ ปส์ มยั รัตนโกสินทร์ต้ังแตร่ ัชกาลที่๑-ปัจจุบนั หอ้ ง4/12 1.รชั กาลใดจดั ตง้ั กรมศิลปากรแทนกรมมหรสพ 4.)โรงเรียนนาฏดรุ ิยางคศาสตรถ์ กู จดั ตง้ั โดยใคร ก.รชั กาลที่5 ก.พระองคเ์ จา้ วชั รวี งศ์ ข.รชั กาลท่ี6 ข.พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ท ค.รชั กาลที่7 มหิดล ง.รชั กาลท่ี8 ค.หลวงวจิ ิตรวาทการ นางสาววรวรี ์ แกว้ ใจจง เลขที่29 ง.ทา่ นผหู้ ญิงแผว้ สนิทวงศเ์ สนยี ์ 2.) โขนถกู พฒั นาเป็นรูปแบบละครในในสมยั นายณฐั ภทั ร ปัตตะโก เลขท่ี8 รชั กาลใด 5.) เจา้ จอมารดาแยม้ เป็นบคุ คลสาคญั ในสมยั ก.รชั กาลที่1 รชั กาลใด ข.รชั กาลที่2 ก.รชั กาลที่1 ค.รชั กาลท่ี3 ข.รชั กาลท่ี2 ง.รชั กาลท่ี4 ค.รชั กาลท่ี3 น.ส.วิลกั ษณาวดี อินณรงค์ เลขท่ี42 ง.รชั กาลที4 3.)การยกเลกิ ละครหลวงเกิดขนึ้ ในสมยั ใด น.ส.วลิ กั ษณวดี อนิ ณรงค์ เลขที่42 ก.รชั กาลที่1 ข.รชั กาลท่ี3 เฉลย ค.รชั กาลท่ี5 1.ตอบ ค.รชั กาลท่ี7 ง.รชั กาลที่4 2.ตอบ ก.รชั กาลที่1 น.ส.ลภสั รดา ศรีคะนอง เลขที่20 3.ตอบ ข.รชั กาลท่ี3 4.ตอบ ค.หลวงวิจิตรวาทการ 5.ตอบ ข.รชั กาลที่2

หวั หน้ากลุ่ม นายปติพงษ์ ขุนลึก (ปก) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 09931055 Facebook: Pik See Line: zpik Group Work กลุ่ม:นาฏศิลปสนกุ ดีนะ สมาชกิ กลุ่ม เ นายศิวชั สังขรตั น์ (กัปตัน) L E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทร:0620857783 Facebook: Siwat Sangkarat Line: 0620857783

ac.th 559 สมาชกิ กลุ่ม (ข้าวจ้าว) นางสาวสิรกิ ร เพ็ชรขวญั E-mail [email protected] เบอรโ์ ทร: 0635855536 Facebook : Sirikorn Petkwan Line: 0635855536 สมาชกิ กลุ่ม นายพงศภัค ได้รูป (วนิ ) Email:[email protected] เบอรโ์ ทร:0918496134 Facebook: Xue Hue Piao Line: -

นางสาวสิรกิ ร เพ็ชรขวญั ม4/12 บุคคลสําคัญ ประวตั ิความ เลขที15 ววิ ฒั นาก ทําหน้าที นําเสนอ ไทยตังเเ 1.)แผ้ว สนิทวงศ์เสนี เกิดเมือวนั ที 25 ธนั วาคม 2446 เมืออายุ พฒั นากา 8 ขวบ ได้ถวายตัวในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ 4.พระบาทสมเด เจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา ขึนใหม่อ และได้รบั การฝกหดั นาฏศิลป ซึงแต่เดิมละค กับครูอาจารยผ์ ู้ทรงคุณวุฒิในราชสํานักเชน่ ด้วยเหตุทีละ เจ้าจอมมารดาวาดและเจ้าจอมมารดาเขียน ในรชั กาลที 4 จึงมีการบัญญ เจ้าจอมมารดาทับทิม ในรชั กาลที 5 หม่อมแยม้ 4.ห ในนามสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรสี ุรยิ วงศ์ หม่อมองึ ในสมเด็จพระบัณฑูรฯ จนมีความรูค้ วามสามารถออกแสดงละครเปนตัวเอก 2.) ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) เกิดเมือวนั ที 14 สิงหาคม พ ศ 2442 ทีจังหวดั นครปฐม เปนบุตรของจางวางจอนและนางพรงิ ครูรงภักดีฝกหดั โขน (ยกั ษ์) กับพระยานัฏกานรุ กั ษ์และคุณหญิงนัฏกานรุ กั ษ์ เมืออายุ 13 ปทีกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 6 ต่อมาเข้ารบั ราชการเปนศิลปนในกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 7 นอกจากรบั ราชการเปนตํารวจหลวงแล้ว ท่านยงั มีหน้าทีเปนครูสอนนาฏศิลปโขนอกี ด้วย ในสมัยนีพระองค์โปรดเกล้าฯ 9.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุ ใหบ้ ันทึกภาพยนตรส์ ีส่วนพระองค์ ลยเดชมหาราช(รชั กาลที9) บันทึกท่าราํ เพลงหน้าพาทยอ์ งค์พระพริ าพ ท่าราํ เพลงหน้าพาทยข์ องพระ นาง ยกั ษ์ ลิง และโปรดเกล้าฯ 1.พระบาทสมเด็กพระพุทฑยอดฟาจุฬาโ ลกมหาราช(รชั กาลที1) ใหจ้ ักพธิ ไี หวค้ รู อกี ทังยงั มีการปลูกฝงจิตสํานึกในการรว่ มกันอนรุ กั ษ์ สืบสาน สืบทอด และพัฒนาศิลปะการแสดงของชาติผ่านการเรยี นการสอนในระ ดับการศึกษาทุกระดับ มีสถาบันทีเปดสอนวชิ าการละครเพมิ มากขึนทังของรฐั และเอก ชน มีรูปแบบในการแสดงลําครไทยทีหลากหลายใหเ้ ลือกชม เชน่ ละครเวที ลสะคมรัยพนูดีไดล้ฟะนคฟรรูแอ้ ลงะรลวะบครรวรมาํ เปนต้น สิงทีสูญหายใหม้ ีความสมบูรณ์มากขึนและรวบรวม ตําราการฟอนราํ ไวเ้ ปนหลักฐานทีสําคัญทีสุดในประวตั ืศาสตร์ พระองค์ทรงพัฒนาโขน โดยใหผ้ ู้แสดงเปดหน้าและสวมมงกุฎ หรอื ชฏา ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรามเกียรติ ตอนนารายณ์ปราบนนทก วรรณคดี และละครเจรญิ ถึงขีดสุด 2.พระบาทสมเด็กพระพุทธเลิศหล้านภาลัย(รชั กาลที2) พระองค์ทรงเปลียนแปลงการแต่งกาย ใหเ้ ปนการแต่งยนื เครอื ง แบบในละครใน ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งอเิ หนา ซึงเปนละครทีได้รบั การยกยอ่ งจาก วรรณคดีสโมสร วา่ เปนยอดของบทละครราํ คือแสดงได้ครบองค์ 5 คือ ตัวละครงาม ราํ งาม รอ้ งเพราะ พณิ พาทยเ์ พราะ และกลอนเพราะ 1.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักขณาคุณ สมัยนีพระองค์ ใหย้ กเลิกละครหลวง 3.พระบาทสมเด็กพระนังเกล้าเจ้าอ 2.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพนมวนั กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พระบรมวงศานวุ งศ์ จึงพากันฝกหดั โขนละคร ยูห่ วั (รชั กาลที3) คณะละครทีมีแบบแผนในเชงิ ฝกหดั และแสดง 1.หา้ มฉุดบุตรชาย-หญิง ผู้อนื มาฝกละคร ทางโขน ละครถือเปนแบบแผนในการปฏิบัติสืบต่อมา ถึงปจจุบันได้แก่ 3.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรกั ษ์รณเรศ 2.หา้ มใชร้ ดั เกล้ายอดเปนเครอื งประดับศีรษะ 3.หา้ มใชเ้ ครอื งประกอบการแสดงทีเปนพานทอง หบี ทอง

มเปนมาของนาฎศิลปเเละละครไทย ในสมัยอยุธยาละครราํ ได้กําเนิดขึนเนืองจากการนํามาแสดงในพระราชพิธตี ่าง ๆ ลักษณะของละครราํ ทีเกิดขึนในสมัยอยุธยา ได้แก่ ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ซึงการแสดงละครราํ แต่ละประเภทมีความมุ่งหมายในการแสดงทีแตกต่างกัน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที 5) แหง่ กรุงรตั นโกสินทรเ์ กิดละครราํ ทีปรบั ปรุงขึนใหม่ได้แก่ ละครดึกดําบรรพ์ ละครพันทาง และละครเสภา ละครไทย 1. เพลงทีประกอบการแสดง -ละครรอ้ ง วงปพาทยไ์ ม้นวม -ละครพูด ไม่มีเพลงรอ้ งประกอบ ดนตรบี รรเลงเฉพาะเวลาเปดฉาก -ละครสังคีต วงปพาทยบ์ รรเลง จะมีลูกคู่รอ้ งเพลงบรรยายเรอื งทังหมด การของนาฎศิลปเเละละคร องค์ประกอบของการแสดง เต่รชั การที1จนถึงปจจุบัน 2. การแต่งกาย ารตังเเต่รชั การที 1 ถึงปจจุบัน -แต่งกายตามประเภทของการแสดง รอ้ งล้วนๆแต่งตามลักษณะเชอื ชาติ รอ้ งสลับพูด ละครสังคีต แต่งตามบทบาทและฐานะของตัวละคร 8.พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมห 3. แสง สี เสียง ฉาก ในสมัยนีสถาพบา้ นเมืองมีความเจรญิ ก้าวหน้ าอานันทมหดิ ล(รชั กาลที8) และอุปกรณ์ประกอบการแสดง า และขยายตัวอยา่ งรวดรว็ -ส่วนกวา้ ง ส่วนลึก ส่วนสูงของเวที เพราะได้รบั วฒั นธรรมจากตะวนั ตก -ทีนังผู้ชม ทําใหศ้ ิลปะการแสดงละครได้มีววิ ฒั นาการขึ -ความต้องการอุปกรณ์ จะตัดสิงใดออก -ฉากทีต้องสรา้ ง ความยากงา่ ยของฉาก นอกี รูปแบบหนึง นอกจากนี -วสั ดุ-อุปกรณ์ทีต้องใช้ และระยะเวลา ยงั กําเนิดละครดึกดําบรรพ์ และละครพนั ทางอกี ด้วย -สถานทีทีตังฉาก นอกจากพระองค์ทรงส่งเสรมิ ใหเ้ อกชนตังค ณะละครอยา่ งแพรห่ ลายแล้ว สมัยนีการแสดงนาฎศิลป โขน ละคร ละครคณะใดทีมีชอื เสียงแสดงได้ดี จัดอยูใ่ นการกํากับดูแลของกรมศิลปากร พระองค์ทรงเสด็จมาทอดพระเนตร หลวงวจิ ิตรวาทการ และโปรดเกล้าฯ อธบิ ดีคนแรกของกรมศิลปากรได้ฟนฟู ใหแ้ สดงในพระราชฐานเพือเปนการต้อนรบั แ เปลียนแปลงการแสดงโขน ละครในรูปแบบใหม่ โดยจัดตังโรงเรยี นนาฏดุรยิ างคศาสตรข์ ึน ขกบ้านแขกเมืองอกี ด้วย เพือใหก้ ารศึกษาทังด้านศิลปะและสามัญ และเพือยกระดับศิลปนใหท้ ัดเทียมกับนานาประเทศ ในสมัยนีเปนสมัยทีโขน ละคร ดนตรี ปพาทยเ์ จรญิ ถึงขีดสุด 5.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเ จ้าอยูห่ วั (รชั กาลที5) พระองค์ทรงเปนราชาแหง่ ศิลปน แม้วา่ จะมีประสมการณ์ด้านละครพูดแบบตะวนั ตก ด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที4) 6.พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที6) แต่ก็ทรงมีพระราชปณิธานอนั แรงกล้า ทีจะทรงไวซ้ ึง ได้ฟนฟูละครหลวง 7 “ความเปนไทย “ และดนตรปี พาทย์ อนญุ าตใหร้ าษฎรฝกละครในได้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้า ทังยงั ทรงพระราชทานบรรดาศักดิใหแ้ ก่ศิลปนโขนทีมี ครในจะแสดงได้แต่เฉพาะในพระราช อยูห่ วั (รชั กาลที7) ฝมือใหเ้ ปนขุนนาง เชน่ พระยานัฏกานรุ กั ษ์ วงั เท่านัน 6.หวั ชา้ งทีเปนอุปกรณ์ในการแสดงหา้ มใชส้ ีเผือก ยกเวน้ ชา้ งเอราวณั พระยาพรหมาภิบาล เปนต้น ะครแพรห่ ลายไปสู้ประชาชนมากขึน ญัติข้อหา้ มในการแสดงลําครทีมิใชล่ ะ สมัยนีประสมภาวะเศรษฐกิจตกตา การเมืองเกิดการคับขัน ครหลวง ดังต่อไปนี จึงได้มีการปรบั ปรุงระบบบรหิ าร ราชการกระทรวงวงั ครงั ใหญ่ ใหโ้ อนงานชา่ งกองวงั นอก และกองมหรสพไปอยูใ่ นสังกัดของกรมศิลปาก ร และการชา่ งจึงยา้ ยมาอยูใ่ นสังกัดของกรมศิลป ากร ตังแต่เดือนกรกฎาคม พ ศ 2478 โขนกรมมหรสพ กระทรวงวงั จึงกลายเปน โขนกรมศิลปากร มาแต่ครงั นัน 5.หา้ มเปาแตรสังข์ หา้ มใชเ้ ครอื งประดับลงยา

วิวัฒนาการของนาฎศิลปเ์ เละละครไทยต้งั เเต่รัชการที่ 1 จนถึงปจั จุบนั 1.) ละครดึกดาํ บรรพเ์ กิดข้นึ ในรชั สมัยใด ก. รัชการที่ 4 ข. รชั การที่ 5 ค. รชั การที่ 6 ง. รชั การที่ 7 2.)ยคุ ทองของนาฎศลิ ป์เเละละครไทยเกดิ ขน้ึ สมยั ใด ก. รชั การท่ี 2 ข. รชั การที่ 5 ค. รัชการที่ 7 ง. รัชการที่ 4 3.)ข้อใดคอื เพลงหนา้ พาทยช์ นั้ กลาง ก. เพลงโคมเวยี น ข. ตระพระปรคนธรรพ ค. เพลงเชดิ ง. เพลงเสมอข้ามสมทุ ร 4.)ฟื้นฟูและรวบรวม ส่ิงทส่ี ูญหายใหม้ คี วามสมบรู ณ์มากขึน้ และรวบรวม ตาํ ราการฟอ้ นรํา ไวเ้ ปน็ หลักฐานที่สําคญั ท่ีสดุ ในประวัตศื าสตร์ สมัยนเี้ ป็นสมยั รชั การใด ก. รัชการท่ี 3 ข. รชั การท่ี 2 ค. รชั การท่ี 6 ง. รัชการที่ 1 5.)ในสมยั รัชการที่ 7 มเี หตุการณ์อะไรเกิดขน้ึ บ้าง ก. ยกเลิกละครหลวงพระบรมวงศานวุ งศจ์ ึงพากันฝกึ หัดโขนละคร คณะละครทีม่ ีแบบแผนในเชิง ฝึกหัด ข. สถาพบา้ นเมอื งมคี วามเจรญิ ก้าวหน้า และขยายตวั อยา่ งรวดเร็ว เพราะได้รับวัฒนธรรมจาก ตะวนั ตก ค. การปรับปรงุ ระบบบรหิ าร ราชการกระทรวงวังครั้งใหญ่ ง. ไดฟ้ น้ื ฟูละครหลวง ขนึ้ ใหม่อนุญาตใหร้ าษฎรฝกึ ละครในได้ สมาชิกกลมุ่ 1.)นายศวิ ชั สงั ขรัตน์ ม.4/12 เลขที่ 2 2.)นายปติ ิพงษ์ ขนุ ลึก เลขท่ี 5 3.)นายพงศภัค ได้รปู ม.4/12 เลขท7ี่ 4.)นางสาวสิริกร เพช็ รขวญั ม.4/12เลขท่ี15

ตําเเหน่ง : หวั หน้ากลุ่ม ชอื : นางสาววรฤทัย ขุนเพ็ชร ( เอมมี ) GROUP WOR G-mail : กลุ่มเทเลทับบ เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0620386987 facebook : Woraluetai Khunphet ID : _ammy.yy ตําแหน่ง : เลขานกุ าร ช ตําเเหน่ง : สมาชกิ กลุ่ม ID : 0

ชอื : ปญชญา จินดาประเสรฐิ ( ปน ) G-mail : เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0618415072 Facebook : Panchaya Jindaprasert Line ID : 0848983030 RK ชอื : ธนัตตภร วรรณโวหาร ( เนม ) บี Gmail : ตําแหน่ง : สมาชกิ กลุ่ม เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0961876239 facebook : Thanattaporn Wannawohan ID : mondaemood ชอื : นางสาว ชชั ฎาภรณ์ เหมรตั น์ ( ต้นจัง ) G-mail : เบอรโ์ ทร : 0961312294 facebook : อูด้งอว้ น เหมจิ 0961312294

นายทองอยู่ กับนายทองรุง่ ผูเ้ ชยี วชาญละครใน รชั กาลที 1 เจ้าฟากรมหลวงเทพบรริ กั ษ์ ผูว้ างรากฐานละครใน เจ้าฟากรมหลวงพทิ ักษ์มนตรี นายทองอยู่ แสดงเปนตัวพระ นายรุง่ แสดงเปนตัวนาง (ครูละครใน) เจ้าจอมมาดาแยม้ แสดงเปนอเิ หนา รชั กาลที 2 นายพนั แสดงเปนอนิ ทรชติ นายภู่ แสดงเปนหนมุ าน พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมืนเจษฎาบดินทร์ ผูแ้ ต่งบทละครนอกแบบหลวงเรอื งสังข์ศิลปชยั กรมพระราชวงั บวรมหาเสนานรุ กั ษ์ ผู้รเิ รมิ งวิ ผู้หญิง หม่อมแยม้ แสดงเปนอเิ หนา รชั กาลที 3 นายเกษ แสดงเปนพระราม (ครผู้ฝก) กรมหลวงรกั ษ์รณเรศ ทรงมีคณะละครผูช้ ายจัดแสดงเรอื งอเิ หนา พระองค์เจ้าทินกร ทรงมีคณะละครผู้ชายและทรงแต่งบทละครนอก เจ้าจอมมารดาวาด แสดงเปนอเิ หนา รชั กาลที 4 นายคุ้ แสดงเปนพระราม สืบค้น : 19/6/2564 นายบัว แสดงเปนทศกัณฐ์ กรมหมืนมเหศวรศิววลิ าศ มีคณะละครโรงใหญ่ อา้ งองิ : คณะละครของเจ้าจอมมารดาจัน รวมผู้เล่นประมาณ 300 กวา่ คน พระราชชายา เจ้าดารารศั มี นาฏศิลปล้านนา รชั กาลที 5 แต่ไม่มีการกล่าวถึงชอื ผูแ้ สดง หม่อมแสง แสดงเปนจินตะหรา ทางด้านการราํ ไทยมีกล่าวถึงตังแต่ครงั กรุงสุโขทัย สมัยรตั นโกสินทร์ ารกึ หลักที 8 แต่ไม่มีการอา้ งถึงเปนรายบุค เจ้าพระยามหนิ ทรศักดิธาํ รง : ผูร้ เิ รมิ ละครพนั ทาง โดยใชต้ ํารวจแสดงเปนฝายอสูร 100 คน พลเอกเจ้าพระยารามราฆพ แสดงเปนพระราม คณะละครพันทางนฤมิตร ทหารมหาดเล็กเปนฝายเทพยดา 100 คน เปนพาลี สุครพี กรมหมืนทิวากรวงษ์ประวตั ิ แสดงละครพูดและละครพูดสลับลํา มหาชมพูและบรวิ ารวานรอกี 103 คน นายทองอยู่ แสดงเปนพเิ ภก การแสดงชกั นาคดึกดําบรรพ์ ฝายอสูรชกั หวั เทพยดาชกั หาง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวธุ และวานรอยูป่ ลายหาง คณะละครวงั สวนกุหลาบ คณะละครดึกดําบรรพ์ของเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์ววิ ฒั น์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟาจุฑาธุชธราดิลก คณะละครรอ้ งของกรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ ทรงจัดแสดงละครดึกดําบรรพ์ รชั กาลที 6 ครูจําเรยี ง พุธประดับ แสดงเปนตัวนาง สมัยรชั กาลที 7 คุณ กรี วรศะรนิ บุคคลสําคัญทีเกียวข้องกับละครไทยประเภทล สมัยอยุธยา หลวงวจิ ิตรวาทการ : อธบิ ดีคนแรกของกรมศิลปากร คณะโขนละครของครูหมัน คงประภัศร์ ะครราํ สมัยธนบุรี สมัยรชั กาลที 8 ครูอาคม สายาคม แสดงเปนพระราม คณะโขนละครของพระองค์เจ้าวชั รวี งศ์ (เจ้าขาว) (ต้นจัง เลขที 16) เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ จัดตังกองมหรสพ ครูลมุล ยมะคุปต์ ในสมัยนีเปนชว่ งต่อเนืองจากสงครามในสมัยอยุธย เจ้าพระยาธรรมศักดิมนตรี : ผูว้ างรากฐานก่อตังโรงเรยี น า ทําใหศ้ ิลปนกระจายไปในทีต่าง ๆ ท่านผูห้ ญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี เมือระเจ้ากรุงธนบุรไี ด้ปราบดาภิเษกกรุงธนบุรี คุณ เฉลย สุขะวณิช จึงมีการฟนฟูละครใหม่และรวบรวมศิลปนต่าง ๆ นางเฉลย ศุขะวณิช ใหม้ าอยูร่ วมกัน นายกรี วรศะรนิ สมัยรชั กาลที 9 นางสุวรรณี ชลานเุ คราะห์ คุณ สุวรรณี ชลานเุ คราะห์ สมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ิติ พระบรมราชนิ ีนาถ พระองค์ทรงพระราชนิพนธบ์ ทรงมีพระราชเสาวนียใ์ หจ้ ัดสรา้ งเครอื งแต่งกายโขน ติขึนอกี 5 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯใหจ้ ัดแสดงโขนพระราชทาน ท่านผูห้ ญิงแผว้ สนิทวงศ์เสนี ละครดึกดําบ นําแบบอยา่ งมาจา ลักษณะการแสดงละค ไม่ม ผู้ชมต้องติดตามฟงจ ผู้ทีจะได้รบั คัดเลือกใหแ้ ส พิเศ คุณ ลมุล ยมะคุปต์ เปนผู้ทีมีเส เปนผู้ทีมีรูปรา่ งงา ยงิ ผู้ทีจะแสดงเปน ต้องใชค้ วามพินิจพ

อา้ งองิ saranukromthai.or.th sites.google.com สืบค้น 19 มิถุนายน พ ศ 2564 เปนเหตุใหเ้ รยี กละครไทย ทีแสดง โรงแสดงและเครอื งแต่งกายโนรา ละครชาตรี ถือวา่ เปนต้นแบบของละครราํ นิยมใช้ มีการรอ้ งราํ อยา่ งเดิมวา่ ละครราํ สมัยรชั กาลที ๕ ผู้ชายแสดง มีตัวละคอน 3 ตัว คือ ตัวพระ ตัวนาง และเบ็ดเตล็ด ( เปนตลก , ฤษี ฯลฯ ) เรอื งทีเล่นคือ เรยี กละครทีแสดงด้วยคําพูด ครงั ต่อมาประมาณปลายรชั สมัย และท่าทางบนเวที พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้ “ มโนหร์ า ” มีฉากประกอบการแสดง าอยูห่ วั ละครใน เปนละครไทย และเปลียนฉากไปตามท้องเรอื งวา่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้า ทีพระมหากษัตรยิ ท์ รงดัดแปลงมาจากละครนอก ละครพูด อยูห่ วั ใชผ้ ู้หญงิ แสดงล้วน เมือครงั ดํารงพระยศเปนสมเด็จพระ และแสดงในพระราชฐานเท่านัน แต่ละครทีแสดงท่าทางแบบละครพูด บรมโอรสาธริ าชสยามมกุฎราชกุมาร การแสดงละครไทยในมีความประณีตวจิ ิตรงดงาม นัน ถ้ามีการรอ้ งสลับด้วย และพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนร ท่าราํ ต้องพิถีพิถันใหม้ ีความออ่ นชอ้ ย เครอื งแต่งกายสวยงาม บทกลอนไหเราะ หรอื รอ้ งล้วนๆ เรยี กวา่ ละครรอ้ ง าธปิ ประพันธพ์ งศ์ สํานวนสละสลวยเหมาะสมกับท่าราํ ได้ทรงนําเอาบทและรูปแบบการแสด เพลงทีใชข้ ับรอ้ งและบรรเลงต้องไพเราะ ชา้ ละครราํ เปนละครแบบหนึงของไทย ไม่ลุกลน เรอื งทีใชแ้ สดงมี 3 เรอื ง คือ อเิ หนา คือ ละครประเภททีเปนนาฏศิลป งละครของชาวตะวนั ตก ทีเรยี กวา่ Play และ Farce รามเกียรติ และอุณรุท ละครราํ สมัยก่อนเรยี กกันแต่เพยี งวา่ ละคร เพราะการเล่นละครสมัยก่อน มาแปลและดัดแปลง ละครนอก ดัดแปลง มาจากละคร ชาตรี แล้วนําออกแสดงหลายเรอื ง เปนละครทีเกิดขึนนอกพระราชฐาน ต้องมีราํ มีดนตรปี ระกอบ และมีบทรอ้ งเล่าเรอื ง เปนละครทีคนธรรมดาสามัญนิยมเล่นกัน ผู้แสดงเปนชายล้วน ไม่มีฉากประกอบ ละครไทยประเภทละครราํ คืออะไร ละครราํ แบบดังเดิม ( ละครราํ โบราณ ) ? (ธนัตตภร วรรณโวหาร เลขที40 ) นิยมเล่นกันตามชนบทท่าราํ และเครอื งแต่งกายไม่ ยจากศิลาจ ค่อยพิถีพิถัน คคล เรอื งทีใชแ้ สดงละครนอกเปนเรอื งจักร ๆ วงศ์ ๆ บุคคลสําคัญของวงการนาศิลปและการละครของ ละครไทย ละครราํ แบบดังเดิม(เเอมมี ไทยในสมัยอยุธยา ได้แก่ ตํารวจ มหาดเล็ก ประเภทละครราํ เลขที18) ซึงแสดงโขนกลางสนาม ปรากฎอยูใ่ นตําราพระราชพิธอี นิ ทราภิเษก ละครราํ แบบปรบั ปรุง(ปณ เลขที 17) อา้ งองิ และมีคณะละครหลวง วนั ทีสืบค้น 19 มิถุนายน 2564 คณะละครเอกชนเกิดขึนหลายโรง เชน่ ละครหลวงวชิ ติ ณรงค์ ละครไทยหมืนเสนาะภูบาล ละครพันทาง เกิดหลังละครดึกดําบรรพ์ เปนละครราํ แบบละครนอกผสมละครในมีศิลปะของชาติต่า ละครดึกดําบรรรพ์ ละครเสภา ละครพันทาง ง ๆ เข้ามาปะปนตามท้องเรอื ง ทังศิลปะการรอ้ ง การราํ บทละครเรอื งรามเกียร และการแต่งกาย ผสมกับศิลปะไทย ตอน โดยยดึ ท่าราํ ไทยเปนหลัก บรรพ์ เกิดขึนในสมัยรชั กาลที 5 ละครเสภา นิยมแสดงเรอื งทีเกียวกับต่างชาติ แสดงบนเวที ากละครโอเปรา่ (Opera) ของยุโรป เปนละครทีดําเนินเรอื งด้วยการราํ ประกอบบทรอ้ งและบทขับเสภา มีการจัดฉากไปตามท้องเรอื งเชน่ เดียวกับละครดึกดําบรรพ์ ครดึกดําบรรพ์ คือ ผู้แสดงรอ้ งและราํ เอง มีเครอื งประกอบจังหวะพิเศษคือ “ กรบั เสภา ” เรอื งทีนิยมแสดง มีการบรรยายเนือรอ้ ง มักจะนํามาจากนิทานพืนบ้าน เชน่ เรอื งขุนชา้ งขุนแผน ไกรทอง ส่วนมากดัดแปลงมาจากบทละครนอก จากการรอ้ งและบทเจรจาของผู้แสดง หรอื เรอื งจากบทพระราชนิพนธใ์ นรชั กาลที ๖ เชน่ เรอื งพญาราชวงั สัน เรอื งทีแต่งขึนในระยะหลังก็มี เชน่ พระอภัยมณี ใชผ้ ู้หญิงล้วน สามัคคีเสวก เรอื งทีแต่งขึนจากพงศาวดารของไทยเอง สดงละครดึกดําบรรพ์จะต้องมีความสามารถ และของชาติต่างๆ เชน่ จีน แขก มอญ ลาว ได้แก่ ศษด้วยคุณสมบัติ คือ เรอื งหอ้ งสิน ตังฮนั สามก๊ก ซุยถัง ราชาธริ าช เปนต้น นอกจากนีก็ยงั มีเรอื งทีปรบั ปรุงจากวรรณคดีเก่าแก่ของภา คเหนือ เชน่ พระลอ สียงดี ขับรอ้ งเพลงไทยได้ไพเราะ อา้ งองิ : าม ราํ สวย นตัวเอกของเรอื งด้วยแล้ว (วนั ทีสืบค้น : 19 มิถุนายน 2564) พิเคราะหอ์ ยา่ งมาก

แบบทดสอบเร่อื ง ละครไทยประเภทละครรำ (ม.4/12) 1) ละครที่แสดงทา่ ทางแบบละครพดู ถา้ มกี ารรอ้ งสลบั ดว้ ยหรือรอ้ งลว้ นๆ เรยี กวา่ ละคร แบบใด ก.ละครรอ้ ง ข.ละครพดู ค.ละครรา ง.ไมม่ ขี อ้ ใดถกู ตอ้ ง ตอบ ก.ละครรอ้ ง 2) สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริาชสยามมกฎุ ราชกมุ ารและพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระนราธิปประพนั ธพ์ งศไ์ ดท้ รงนาเอาบทและ รูปแบบการแสดงละครแบบใดมาแปลและดดั แปลง ก. ละครกรกี ประเภท โศกนาฎกรรม และ สขุ นาฎกรรม ข. รูปแบบการแสดงละครของชาวตะวนั ตกท่ีเรียกวา่ Play และ Farce ค. ละครโนราเกา่ แก่ ง. ละครแทรเจดี ตอบ ข. รูปแบบการแสดงละครของชาวตะวนั ตกที่เรียกวา่ Play และ Farce (ผอู้ อกขอ้ สอบ นส.ธนตั ตภร วรรณโวหาร เลขที่ 40) 3) ขอ้ ใดไมใ่ ชเ่ รื่องที่ใชเ้ เสดงในละครใน ก.อณุ รุท ข.มโนหร์ า ค.อิเหนา ง.รามเกียรติ์ ตอบ ข.มโนหร์ า (ผอู้ อกขอ้ สอบ นส.วรฤทยั ขนุ เพช็ ร เลขที่ 18) 4) ละครดกึ ดาบรรพเ์ กิดขนึ้ ในสมยั รชั กาลใดและการแสดงดกึ ดาบรรพผ์ แู้ สดงตอ้ งมคี ณุ ลกั ษณะเป็นอยา่ งไร? ก. รชั กาลที่ 5 ผแู้ สดงตอ้ งเป็นชายลว้ น ข. รชั กาลที่ 6 ผแู้ สดงตอ้ งเป็นหญิงลว้ น ค. รชั กาลที่ 5 ผแู้ สดงตอ้ งเป็นหญิงลว้ น ง. รชั กาลท่ี 4 ผแู้ สดงมที งั้ ชายและหญิง ตอบ ค. รชั กาลที่ 5 ผแู้ สดงตอ้ งเป็นหญิงลว้ น (ผอู้ อกขอ้ สอบ นส.ปัณชญา จนิ ดาประเสรฐิ เลขท่ี 17) 5) ขอ้ ใดคือผลงานของ นาง ลมลุ ยมะคปุ ต์ ก. เป็นเลศิ ทางกระบวนรา ข. ผลงานทางดา้ นโขน ค. ราเเมบ่ ทสลบั คา ง. ราซดั ชาตรี ตอบ ง.ราซดั ชาตรี (ผอู้ อกขอ้ สอบ นส.ชชั ฎาภรณ์ เหมรตั น์ เลขที่ 16)

ละครรอ้ งสลับพูด ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง ๒ ชนั ในขณะทีตัวละครรอ้ งใชซ้ ออูค้ ลอตามเบาๆ เรยี กวา่ \"รอ้ งคลอ\" มักแสดงตามโรงละครทัวไป ละครรอ้ งล้วนๆ ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง ๒ ชนั ทีมีลํานําทํานองไพเราะ เพลงรอ้ ง ดนตรี ละครรอ้ งสลับพูด บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวมหรอื อาจใชว้ งมโหรปี ระกอบ ในกรณีทีใชแ้ สดงเรอื งเกียวกับชนชาติอนื ๆ สถานทีแสดง ละครพูดล้วนๆ เรอื งท ละครรอ้ งล้วนๆ เรอื ง\"โพงพาง\"เรอื งต่อม ละครรอ้ ง บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ละครรอ้ งสลับพูด มีทังบทรอ้ ง และบทพูด ยดึ ถือการรอ้ งเปนส่วนสําคัญ บทพูดเจรจาสอดแทรกเขา้ มาเพือทวนบททีตัวละครรอ้ งออกมานันเอง 1. ละครพูดคํากล 2. ละครพูดคําฉ แม้ตัดบทพูดออกทังหมดเหลือแต่บทรอ้ งก็ยงั ได้เนือเรอื งสมบูรณ์ 3. ละครพูดคําโค มีลูกคู่คอยรอ้ งรบั อยูใ่ นฉาก ยกเวน้ แต่ตอนทีเปนการเกรนิ เรอื งหรอื ดําเนินเรอื ง ลูกคู่จะเปนผูร้ อ้ งทังหมด ตัวละครจะทําท่าประกอบตามธรรมชาติมากทีสุด ซึง ละครพูดล้วนๆ แต่งก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ ทรงเรยี กวา่ \"ละครกําแบ\" ตามเนือเรอื งโดยคํานึงถึงสภาพความเปน การแสดง ละครรอ้ งสลับพูด มีทังบทรอ้ ง และบทพูด ยดึ ถือการรอ้ งเปนส่วนสําคัญ ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง แต่งใหเ้ หมาะสมถูกต้องตามบุค คือ ละครรอ้ งล้วนๆ เรอื งทีแสดง คือ เรอื งสาวติ รี และยุคสมัยทีบ่ง บทพูดเจรจาสอดแทรกเข้ามาเพือทวนบททีตัวละครรอ้ งออกมานันเอง ละครพูดสลับลํา การแต่งกายเหมือ แม้ตัดบทพูดออกทังหมดเหลือแต่บทรอ้ งก็ยงั ได้เนือเรอื งสมบูรณ์ หรอื แต่งก มีลูกคู่คอยรอ้ งรบั อยูใ่ นฉาก ยกเวน้ แต่ตอนทีเปนการเกรนิ เรอื งหรอื ดําเนินเรอื ง การแสดงจะดําเนินเรอื งด้วย ป ลูกคู่จะเปนผู้รอ้ งทังหมด ตัวละครจะทําท่าประกอบตามธรรมชาติมากทีสุด ซึง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ ทรงเรยี กวา่ \"ละครกําแบ\" ลักษณะพิเศ ใน อา้ งองิ เรอื งทีแสดง ละครรอ้ งสลับพูด บทละครส่วนใหญ่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ มักจะใชว้ ธิ ปี องปากพูด กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ เปนผู้พระนิพนธบ์ ท และกํากับการแสดง การแสดงจะดําเนินเรอื ง เรอื งทีแสดงได้แก่ ตุ๊กตายอดรกั ขวดแก้วเจียระไน เครอื ณรงค์ กากี ภารตะ สีปอมินทร์ (กษัตรยิ ธ์ บี อของพม่า) พระยาสีหราชเดโช โคตรบอง ยดึ ถือบทพูดมีความ เดียว บทรอ้ งเปนเ สาวเครอื ฟา ซึงดัดแปลงจากเรอื งมาดามบัตเตอรพ์ ลาย (Madame Butterfly) อนั เปนเรอื งทีได้รบั ความนิยม และมีผู้นํามาจัดแสดงเสมอ นางสาวศิรริ ศั มี ศิรมิ ุสิกะ ม 4/11 เลขที26 ๑ ละครรอ้ งสลับพูด ใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ ละครรอ้ งสลับพูด ใชผ้ ู้หญิงแสดงล้วน ยกเวน้ ตัวตลกหรอื จําอวดทีเรยี กวา่ ละครรอ้ งจึงแบ่งออกเปน ๒ ชนิด คือ \"ตลกตามพระ\" ซึงใชผ้ ู้ชายแสดง มีบทเปนผู้ชว่ ยพระเอกแสดงบทตลกขบขนั จรงิ ๆ เพือใหเ้ กิดความสนกุ สนาน ๒ ละครรอ้ งล้วนๆ ใน สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช เจ้าฟามหาวชริ าวุธ สยามกุฎราชกุมาร (รชั กาลที ๖ ) ละครรอ้ งล้วนๆ ใชผ้ ู้ชาย และผู้หญิงแสดงจรงิ ตามเนือเรอื ง ละครรอ้ งเปนศิลปการแสดงแบบใหม่ทีกําเนิดขึนในตอนปลายรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเล้าเจ้ 1.บุคคลสําคัญของบทละครพูด คือ นายคมชาญ ตาทองล่วง ม 4/11 เลขที12 าอยูห่ วั ละครรอ้ งได้ปรบั ปรุงขนึ โดยได้รบั อทิ ธพิ ลจากละครต่างประเทศ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เปนพระ บุคคลสําคัญ : ละครรอ้ งนันต้นกําเนิดมาจากการแสดงของชาวมลายู เรยี กวา่ \"บังสาวนั \" (Malay Opera) มหากษัตรยิ ส์ ยาม รชั กาลที 5 แหง่ ราชวงศ์จักรี ได้เคยเล่นถวายรชั กาลที ๕ ทอดพระเนตรครงั แรกทีเมืองไทรบุรี เสด็จพระราชสมภพเมือวนั องั คารที 20 กันยายน พ ศ 2396 เปนพระราชโอรสพระองค์ที 4 และต่อมาละครบังสาวนั ได้เขา้ มาแสดงในกรุงเทพฯ โรงทีเล่นอยูข่ า้ งวงั บูรพา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ ทรงแก้ไขปรบั ปรุงเปนละครรอ้ งเล่นทีโรงละครปรดี าลัย ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั (เดิมสรา้ งอยูใ่ นวงั ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ ถนนตะนาว) และเปนพระองค์ที 1 คณะละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์นีต่อมาภายหลังได้เปลียนเรยี กชอื วา่ ในสมเด็จพระเทพศิรนิ ทราบรมราชนิ ี \"ละครหลวงนฤมิตร\" บางครงั คนยงั นิยมเรยี กวา่ \"ละครปรดี าลัย\" อยู่ เสวยราชสมบัติเมือวนั พฤหสั บดี เดือน 11พ ศ 2411 [เสด็จสวรรคต เมือวนั อาทิตยท์ ี 23 ตุลาคม ต่อมาเกิดคณะละครรอ้ งแบบปรดี าลัยขึนมากมายเชน่ คณะปราโมทัย ปราโมทยเ์ มือง ประเทืองไทย พ ศ 2453 วไิ ลกรุง ไฉวเวยี ง เสรสี ําเรงิ บันเทิงไทย และนาครบันเทิง เปนต้น ละครนีได้นิยมกันมาจนถึงสมัยรชั กาลที ๖ และรชั กาลที ๗ โรงละครทีเกิดครงั หลังสุด คือ โรงละครนาคบันเทิงของแม่บุนนาค กับโรงละครเทพบันเทิงของแม่ชอ้ ย 2.บุคคลสําคัญของละครสังคีต คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เปนพระมหากษัตรยิ ไ์ ทยรชั กาลที 6 แหง่ ราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมือวนั เสารท์ ี 1 มกราคม พ ศ 2424 เปนพระราชโอรสพระองค์ที 32 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เสวยราชสมบัติเมือวนั อาทิตยท์ ี 23 ตุลาคม ปจอ พุทธศักราช 2453 และเสด็จสวรรคตเมือวนั พฤหสั บดีที 26 พฤศจิกายน พ ศ 2468 ปฉลู รวมพระชนมพรรษา 44 พรรษา เสด็จดํารงราชสมบตั ิรวม 15 ป 3.บุคคลสําคัญของบทละครรอ้ ง คือ มหาเสวกโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์มีพระนามเดิมวา่ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร เปนพระบิดาแหง่ การละครรอ้ ง อา้ งองิ นายอติเทพ อนิ ทรตั น์ ม 4/11 เลขที 18

ละครพูดล้วนๆ ดนตรี เพลงรอ้ ง บรรเลงโดยวงดนตรสี กลหรอื วงปพาทยไ์ ม้นวม แต่จะบรรเลงประกอบเฉพาะเวลาปดฉากเท่านัน ละครบทพูด ละครพูดล้วนๆ เพลงรอ้ งไม่มี ผู้แสดงดําเนินเรอื งโดยการพูด ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง บรรเลงดนตรคี ล้ายกับละครพูดล้วนๆ ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง เพลงรอ้ งไม่มี ผู้แสดงดําเนินเรอื งโดยการพูดเปนคําประพันธช์ นิดนันๆ ละครพูดสลับลํา บรรเลงดนตรคี ล้ายกับละครพูดล้วนๆ ละครพูดสลับลํา มีเพลงรอ้ งเปนบางส่วน โดยทํานองเพลงขึนอยูก่ ับผู้ประพันธท์ ีจะแต่งเสรมิ เข้ามาในเรอื ง แต่บางครงั ในชว่ งดําเนินเรอื ง ถ้ามีบทรอ้ ง ดนตรกี ็จะบรรเลงรว่ มไปด้วย ละครแบบหนึง รบั อทิ ธพิ ลจากละครแบบยุโรป ตัวละครพูดบทของตนในการดําเนินเรอื ง ทีแสดงเรอื งแรก คือ เรอื งทีแสดง อาจพูดเปนถ้อยคําธรรมดา คํากลอนคําฉันท์ มาคือ \"เจ้าข้าสารวดั \" มีการจัดฉากและแต่งกายตามสมัยทีปรากฏในเรื อง เชน่ ละครพูดเรอื งหวั ใจนักรบ ลอน ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง ละครพูดคํากลอนเรอื งพระรว่ ง ละครพูดคําฉันท์เรอื งมัทนะพาธา ฉันท์ การแต่งกาย ละครพูดแบง่ ได้เปนประเภทใหญๆ่ คือ 1. ละครพูดล้วนๆ คลง หรอื ละครพูดแบบรอ้ ยแก้ว กายตามสมัยนิยม 2. ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง นจรงิ ของตัวละคร 3. ละครพูดสลับลํา คคลิกของตัวละคร ผู้แสดง ละครพูดล้วนๆ งบอกไวใ้ นบทละคร ในสมัยโบราณใชผ้ ู้ชายแสดงล้วน การแสดง ต่อมานิยมใชผ้ ูแ้ สดงเปนชายล้วน อนละครพูดล้วนๆ ต่อมานิยมใชผ้ ูแ้ สดงชายจรงิ หญงิ แท้ กายตามเนือเรอื ง ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง ใชผ้ ู้แสดงทังชายและหญิง ละครพูดล้วนๆ มีบุคคลิกและการแสดงเหมาะสมตามลักษณะทีบ่งไวใ้ นบทละคร ยวธิ พี ูดใชท้ ่าทางแบบสามัญชน นาเสียงแจ่มใสชดั เจนดี เสียงกังวาน พูดฉะฉาน ไหวพรบิ ดี ประกอบ การพูดทีเปนธรรมชาติ ศษอยา่ งหนึงของละครชนิดนีคือ ละครพูดสลับลํา ใชผ้ ูแ้ สดงทังชายและหญิง นขณะทีตัวละครคิดอะไรอยูใ่ นใจ เหมือนละครพูดแบบรอ้ ยกรอง ดกับผู้ดุ ถึงแม้จะมีตัวละครอนื ๆ อยูใ่ กล้ๆ ก็สมมติวา่ ไม่ได้ยนิ ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง งด้วยวธิ พี ูดทีเปนคําประพันธช์ นิด คํากลอน คําฉันท์ คําโคลง ละครพูดสลับลํา มสําคัญในการดําเนินเรอื งแต่เพียงอยา่ ง เพียงสอดแทรกเพือเสรมิ ความ ยาความ นางสาวสุทัตตา รตั นะ ม 4/11 เลขที27 นิยมแสดงบทพระราชนิพนธใ์ น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั มีอยู่ ๔ เรอื ง คือ หนามยอกเอาหนามบ่ง ววิ าหพระสมุทร มิกาโด วงั ตี มีข้อสังเกตประการหนึง คือ อา้ งองิ ทรงใชช้ อื เรยี กละครทัง ๔ นีแตกต่างกัน กล่าวคือ ในเรอื งหนามยอกเอาหนามบ่ง ทรงเรยี กวา่ แต่งแบบสมัยนิยม การแต่งกาย เรอื งทีแสดง \"ละครสลับลํา\" เรอื งววิ าหพระสมุทร ทรงเรยี ก \"ละครพูดสลับลํา\" เรอื งมิกาโด และวงั ตี คํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของฐานะตัวละ ผู้แสดง ดนตรี ทรงเรยี ก \" ละครสังคีต\" การทีทรงเรยี กชอื บทละครทัง ๔ เรอื งแตกต่างกันนัน นายมนตรี ละครสังคีต ตราโมท และนายประจวบ บุรานนท์ ข้าราชสํานักใน ครตามท้องเรอื ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั และความงดงามของเครอื งแต่งกาย ซึงมีโอกาสรว่ มในการแสดงละครของพระองค์ท่านใหค้ วามเหน็ ตรงกันวา่ เรอื งหนามยอกเอาหนามบ่ง และเรอื งววิ าหพระสมุทร ใชผ้ ูช้ าย และผูห้ ญิงแสดงจรงิ ตามท้องเรอื ง น่าจะเปนเรอื งทีทรงพระราชนิพนธข์ ึนก่อน ซึงขณะนันคงทรงยงั ไม่ได้คิดเรยี กชอื ละครประเภทนีวา่ \"ละครสังคีต\" ต่อมาในระยะหลัง ละครอกี แบบหนึงทีพระบาทสมเด็จพระมง เมือทรงพระราชนิพนธเ์ รอื งมิกาโด และเรอื งวงั ตี ทรงใชค้ ําวา่ \"ละครสังคีต\" กุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงรเิ รมิ ขนึ สําหรบั เรยี กชอื ละครประเภทหนึง โดยมีววิ ฒั นาการมาจากละครพูดสลับลํา บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ต่างกันทีละครสังคีตมีบทสําหรบั พูด เพลงรอ้ ง ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง ๒ ชนั และบทสําหรบั ตัวละครรอ้ งในการดําเนินเ มีลํานําทีไพเราะ ละครทีพัฒน รอื งเท่าๆกัน าขึนใหม่ สถานทีแสดง แสดงบนเวที มีการจัดฉากเปลียนตามท้องเรอื ง จะตัดอยา่ งหนึงอยา่ งใดออกมิได้เพราะจะ ทําใหเ้ สียเรอื ง การแสดง ละครสังคีต จัดทําโดย นายเกศกร โกมลตรี ม 4/11 เลขที 1 รูปภาพ ความหมายของละครทีพัฒนาขึนใหม่ มุ่งหมายทีความไพเราะของเพลง อา้ งองิ ตัวละครจะต้องรอ้ งเองคล้ายกับละครรอ้ ง การแสดงประเภทหนึงซึงแสดงเรอื งราวความเป แต่ต่างกันทีละครรอ้ งดําเนินเรอื งด้วยบทร้ นไปของชวี ติ ทีปรากฏในวรรณกรรม อง การพดเปนการเจรจาทวนบท มีศิลปะการแสดงและดนตรเี ปนสือสําคัญ ละคร ส่วนละครสังคีตมุ่งบทรอ้ ง ตามความหมายนีหมายถึงละครราํ และบทพูดเปนหลักสําคัญในการดําเนินเรื เพราะวา่ เปนการแสดงออกทางความคิดโดยมุ่ง อง เปนการแสดงหมู่ทีงดงาม เน้นถึงลักษณะท่าทางอริ ยิ าบถในขณะเคลือนไห ในการแสดงแต่ละเรอื งจะต้องมีบทของตัว วตัวในระหวา่ งการราํ ตลกประกอบเสมอ นายอศิ ม์เดช กิมาคม ม 4/11 เลขที21 และมุ่งไปในทางสนกุ สนาน

งานชิ้นท5ี่ คาชแ้ี จง : ให้นักเรียนทาแบบทดสอบกลุม่ ละ 5 ขอ้ โดยเฉลย่ี ประมาณคนละ 1 ข้อในเร่อื งทไ่ี ด้ นาเสนอไปแล้ว 1. ขอ้ ใดเปน็ ละครทพี่ ัฒนาขึน้ ใหม่ท้งั หมด (นายอิศมเ์ ดช กมิ าคม ม.4/11เลขท่ี21) ก. ละครร้อง ละครพูด ละครใน ข. ละครรอ้ ง ละครพูด ละครสงั คีต ค. ละครสงั คีต ละครดกึ ดาบรรพ์ ละครรอ้ ง ง. ละครนอก ละครเวที ละครโทรทัศน์ 2. การแสดงละครรอ้ งสลับพูดมีลกั ษณะอย่างไร (นางสาวศริ ริ ศั มี ศิริมสุ กิ ะ ม.4/11เลขที่26) ก. เล่าเรือ่ งเป็นทานองแทนการพูดดาเนนิ เร่ืองการรอ้ งเพลงเพลงล้วนๆไม่มีบทพดู แทรก ข. มที ัง้ บทรอ้ งและบทพดู มกี ารร้องเปน็ สว่ นสาคัญ บทพดู จะสอดแทรกเขา้ มา ค. ตวั ละครขับรอ้ งโตต้ อบกนั ง. ถูกทุกข้อ 3. ละครพดู ไดร้ บั อทิ ธิพลมาจากละครแบบใด (นางสาวสทุ ตั ตา รตั นะ ม.4/11 เลขท่ี27) ก. แบบอนิ เดยี ข. แบบจีน ค. แบบยโุ รป ง. แบบเขมร 4. ละครพูดแบบใดมีการแตง่ ใหเ้ หมาะสมถูกต้องตามบุคคลิกของตวั ละครและยุคสมัยทบ่ี ง่ บอกไว้ ในบทละคร (นายคมชาญ ทองตาลว่ ง ม.4/11 เลขที่12) ก. ละครพูดลว้ นๆหรอื ละครพดู แบบรอ้ ยแกว้ ข. ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง ค. ละครพูดสลับลา ง. ถูกทกุ ข้อ 5. ใครเป็นผ้รู เิ รม่ิ ละครสงั คตี (นายเกศกร โกมลตรี ม.4/11เลขที่1) ก. พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ข. พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั ค. มหาเสวกโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพนั ธพ์ งศ์ ง. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั 6. พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั เสวยราชสมบตั ใิ นวันท่เี ทา่ ไหร่ (นายอติเทพ อินทรัตน์ ม.4/11เลขท่ี18) ก. วันท่ี 22ตุลาคม พ.ศ.2453 ข. วันท2่ี 6ตุลาคมพ.ศ.2454 ค. วนั ท่ี23 ตลุ าคม พ.ศ.2453 ง. วันท่ี25 ตลุ าคม พ.ศ.2453

หวั หน้ากลุ่ม GROUP WORK ชอื นางสาวสุจิรา แก้วเรอื ง (มุก) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 094-7191992 Facebook : Sujira Kaewrueang Line : mook2991

เลขานกุ าร นางสาวสุวชิ ญา จินทกําโพทธิ (ยูฟา) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 062-2395357 Facebook : suwitchaya jintakampot Line : Suwitchaya12 อกลุ่ม : Team work การละคร สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวปรยิ ากร พชิ ยั ยุทธ(์ มินนี) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 094-3202223 Facebook : Minnie Paritakorn Line : min0943202223 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวภัคจิรา ศรวี งั แก้ว(จิน) E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0902096029 FB:เจ้าจิน เอฟเอฟ Line:Miyuui2

อา้ งองิ Google Sites. (๒๕๕๘). ลักษณะทัวไป การแสดงพืนเมืองภาคเหนือ เปนศิลปะการราํ \"การแสดงพนื เมอื งภาคเหนือ\". สบื ค้นเมอื ๑๖ และการละเล่น ทีนิยมเรยี กกันทัวไปวา่ “ฟอน” มถิ นุ ายน ๒๕๖๔ จาก https://sites.google.com/site/kars มีลักษณะการแสดงลีลาท่าราํ ทีแชม่ ชา้ ออ่ นชอ้ ย น่มุ นวล aedngphunmeuxngsiphakh/kar-saedng- และสวยงาม แต่การแสดงบางชุดได้รบั อทิ ธพิ ลจากศิลปะของพม่า phun-meuxng-phakh-henux เชน่ ฟอนเล็บ ฟอนเทียน ฟอนเงยี ว ฟอนมาลัย ฟอนม่านมุ้ยเชยี งตา ซึง ฟอนไต ฟอนกิงกะหรา่ ฟอนโต ฟอนดาบ ฟอนเจิง ฟอนบายศรี ตีกลองสะบดั ชยั ฟอนสาวไหม ฟอนโยคีถวายไฟ การแต่งกายแบบพนื บา้ นภาคเหนือ ดนตรที ีใชค้ ือ วงดนตรพี นื บา้ น เชน่ วงสะล้อ ซอ ซึง วงปูเจ่ วงกลองแอว สะล้อ การแสดง ปแน เครอื งดนตรที ีใชป้ ระกอบการแสดง ภาคเหนือ กลองสะบัดชยั ระนาดทุ้ม เครอื งดนตรภี าคกลาง พิณเพียะ ขลุ่ย จะเข้ ซอด้วง ลักษณะทัวไป ธรรมชาติภาคกลางภูมิประเทศเปนทีราบลุ่ม มีแม่นาหลายสายเพมาะแก่การกสิกรรม ทํานา ทําสวน ระนาดเอก และเปนศูนยร์ วมของศิลปวฒั นธรรม การแสดงจึงออกมาในรูปแบบของขนบธรรมเนียมประเพณี น ส ปรยิ ากร พชิ ยั ยุทธ์ เลขที19 ม 4/12 (รบั ผิดชอบภาคเหนือ) และการประกอบอาชพี ภาคเหนือ ๑ ระบําชาวนา ชมการแสดงระบาํ ชาวนาแล้วจะมีสุนทรยี ภาพนาฏศิลปทีเกิดขึนคือตัวละ บุคคลส ครแต่งเครอื งแต่งกาย ทีเรยี บงาย ไม่หรูหรา ทังหญิงและชายจะแต่งชุด การแสดงพนื บ้าน ๔ ภาค ม่อฮอ่ ม แล้วจะทําใหร้ ูว้ า่ เกียวกับการทํานา ๒ ราํ กลองยาว หรอื ราํ เถิดเทิง การแสดงชุดนีใชแ้ สดงเนืองในโอกาสวนั ขนึ ปใหม่ หรอื ในงานบวชมีการแต่งกายทีเปนแบบอยา่ งไทย กําหนดท่าราํ ใหมั ีความเปนมาตรฐานยงิ ขึน และมีกลองยาวเปนอุปกรณ์ประกอบ เครอื งแต่งกายแสดงถึงวฒั นธรรมการแต่งกายของภาคกลางราํ กลองยา ว สันนิษฐานวา่ เปนของพม่านิยมเล่นกันมาก่อน ๓ ราํ สีนวล เปนชอื ของเพลงหน้าพาทยท์ ีใชป้ ระกอบการแสดงละคร ภาคกลาง ประกอบกิรยิ าไปมาของสตรที ีมารยาทกระชดกระชอ้ ย การแสดงพนื บา้ นภาคกลาง ทํานองเพลงมีท่วงทีซ่อนความพรงิ เพราไวใ้ นตัวท่าราํ ความหมายของการ ราํ สีนวล ครูอาคม สายาคม นักวชิ าการละครและดนตรภี าคกลาง เปนไปในการบนั เทิงรนื รมยข์ องหญิงสาวแรกรุน่ ทีมีจรติ กิรยิ างดงามตาม ลักษณะกุลสตรไี ทย ด้วยความทีทํานองเพลง บทขับรอ้ ง และท่าราํ ทีเรยี บงา่ ยงดงามใชแ้ สดงเปนหมู่ หรอื แสดงเดียวก็ได้ ตามโอกาสทีเหมาะสมดนตรปี ระกอบการแสดง ใชว้ งปพาทย์ ๔ ราํ หยอ่ ย นิยมเล่นกันในบางหมู่บ้าน บางท้องถินของภาคกลางนอกตัวจังหวดั เท่านัน ไม่สู้จะแพรห่ ลายนัก การละเล่นประเภทนีดูแทบจะสูญหายไป คํารอ้ งแต่งขึนตามแบบแผนของการราํ เหยอ่ ยใชถ้ ่อยคําพืน ๆ รอ้ งโต้ตอบกันด้วยกลอนสด เปนการรอ้ งเกียวกันระหวา่ งชายหญิงมุ่งความสนกุ เปนส่วนใหญ่ราํ เหยอ่ ยนีเรยี กอกี อยา่ งหนึงวา่ “พาดผา้ ” ๕ ระบําวชิ นี รา่ ยราํ ด้วยท่วงทํานองเพลงและบทรอ้ งอนั ไพเราะ ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ครูรงภักดีฝกหดั โขน (ยกั ษ์) บุคคลสําคัญ ภาคใต้ เนืองจากประเทศไทยเปนเมืองรอ้ น อา้ งองิ การแสดงพนื บ้านภาคใต้ ชาวไทยนิยมใชพ้ ดั เปนเครอื งบรรเทาความรอ้ น ดังนันนาฏศิลปชุด ระบาํ วชิ นี จึงววิ ฒั นาการมาจากการใชพ้ ัด Google Sites. (๒๕๕๘). \"การแสดงพนื เมอื งภาคกลาง\". การแ สบื ค้นเมอื ๑๖ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔ จาก ราํ เพยลมของชาวไทยในทํานองอยา่ งมีศิลปนันเอง https://sites.google.com/site/karsaedngphunbanthai/ph akh-klang ๖ เต้นกําราํ เเคียว นิยมเล่นตามท้องนาในฤดูกาลลงแขกเกียวข้าว รอ้ งเล่นกันเพอื ความรนื เรงิ สนกุ สนาน ผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนือย การแต่งกาย ฝายชายน่งุ กางเกงขาก๊วย และเสือกุยเฮงสีดํา มีผา้ ขาวม้าคาดเอว สวมงอบ และ จะไม่ใส่รองเท้า ฝายหญงิ น่งุ โจงกระเบนและเสือแขนกระบอก สีดําหรอื เปนสีพืนก็ได้ และไม่สวมรองเท้าผู้แสดงทุกคนต้องถือเคียวในมือขวาและถือรวงข้าวใน มือซ้ายด้วย นางสาว สุวชิ ญา จินทกําโพทธิ เลขที21 ม 4/12 (รบั ผดิ ชอบ ภาคกลาง) เครอื งดนตรภี าคใต้ ป โหม่ง ทับ นายหนังสุชาติ ทรพั ยส์ กลองทัด กลองโนรา บุคคลสําคัญ นางกัน เชาวพ้อง นายอมิ จิตต์ภักด น ส สุจิรา แก้วเรอื ง เลขที 35 ม 4/12 (รบั ผิดชอบภาคใต้)

๑ ฟอนดาบ เปนการแสดงถึงศิลปะการปองกันตัวด้วยมีดดาบ รวมกับท่าฟอนทีสวยงาม ฟอนดาบนีแสดงได้ทังชายและหญิง ส่วนมากเปนการราํ ในท่าต่างๆ ใชด้ าบตังแต่ ๒-๔-๖-๘ เล่ม และอาจจะใชไ้ ด้ถึง ๑๒ เล่ม ๒ ฟอนเลบ็ เปนการฟอนของชาวไทยภาคเหนือการแสดงจะมีดนตรบี รรเลงป ระกอบ จะมีเนือรอ้ งหรอื ไม่มีเนือรอ้ งก็ได้ โอกาสทีแสดง ในงานเทศกาลหรอื งานนักขตั ฤกษ์ต่าง ๆ ฟอนแต่ละชุดจะใชจ้ ํานวนคนแตกต่างกันไป นิยมกันมี ๔ คู่ ๖ คู่ ๘ คู่ หรอื ๑๐ คู่ การแต่งกาย จะแต่งกายแบบไทยชาวภาคเหนือสมัยโบราณ คือ เกล้าผมทัดดอกไม้และอุบะ น่งุ ผ้าตามแบบชาวเหนือ สวมเสือทรงกระบอกแขนยาว คอกลมหม่ สไบเฉียง น่งุ ผ้าซินลายขวาง และ สวมเล็บมือยาว ๘ นวิ เวน้ แต่นวิ โปงหรอื นวิ หวั แม่มือ เครอื งดนตรที ีใชใ้ นการฟอนเปนวงกลองตึงนง วงต๊กเส้ง หรอื วงปพาทยล์ ้านนา ๓ ฟอนเทียน เปนการฟอนทีมีลักษณะศิลปะทีออ่ นชอ้ ยงดงาม นิยมแสดงในเวลากลางคืนเพอื เน้นความสวยงามของแสงเทียนระยบิ ระยั บสวา่ งไสว จุดเด่นของการแสดงชนิดนี จึงอยูท่ ีแสงเทียนทีผูแ้ สดงถือในมือขา้ งละ1เล่ม งพนื บ้านภาคเหนือ ๔ ฟอนสาวไหม อา้ งองิ เปนการฟอนพนื เมืองทีเลียนแบบมาจากการทอผ้าไหมของชาวบ้าน การฟอนสาวไหมเปนการฟอนราํ แบบเก่า Google Sites. (๒๕๕๘). \"การแสดงพนื เมอื งภาคอีสาน\". เปนท่าหนึงของฟอนเจิงซึงอยูใ่ นชุดเดียวกับการฟอนดาบ สบื ค้นเมอื ๑๖ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔ จาก ลีลาการฟอนเปนจังหวะทีคล่องแคล่วและรวดเรว็ https://sites.google.com/site/plawanrushana/kar- saedng-praca-phakh-xisan ๕ ระบําเกบ็ ใบชา เปนระบําทีแสดงถึงวถิ ีชวี ติ ความเปนอยูข่ องชาวเขาทีอาศัยอยูต่ อนเหนือของไทย ลักษณะการแสดง สะท้อนใหเ้ หน็ กรรมวธิ ใี นการเก็บใบชา ๖ ฟอนบายศรฟี อนบายศรเี ปนฟอนทีสวยงามอยา่ งหนึง ลักษณะทัวไป ซึงใชใ้ นพิธบี ายศรสี ู่ขวญั หรอื เชญิ ขวญั ในการต้อนรบั แขกเมืองหรอื แขกสําคัญ โดยทัวไปของภาคอสี านเปนทีราบสูง ทีมาจากต่างเมืองหรอื ต่างประเทศ มีแหล่งนาจากแม่นาโขงประชาชนมี ความเชอื ในทางไสยศาสตรม์ ีพธิ กี รร ๗ ตีกลองสะบัดชยั มบูชาภูติผีและสิงศักดิสิทธิ มีทีมาจาก กลองชยั มงคล การแสดงของภาคอสี านเรยี กวา่ ทีใชต้ ียามออกศึกสงครามในอดีตเพือเปนสิรมิ งคล เซิง เปนการแสดงทีค่อนข้างเรว็ กระฉับกระเฉง สนกุ สนาน เชน่ เซิงกระติบข้าว เซิงโปงลาง เซิงกระหยงั เซิงสวงิ เซิงดึงครกดึงสาก เปนต้น ๑ เซิงสวงิ เปนการละเล่นพนื เมืองของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เปนศิลปะวฒั นธรรมทีชว่ ยส่งเสรมิ ด้านจิตใจของประชาชน ซึงมีอาชพี ในการจับสัตวน์ าจึงได้นําท่าเซิงศิลปะท้องถินนันมาปรบั ปรุงใหเ้ ปนท่าทีกระฉับกระเฉงยงิ ขนึ ๒ เซิงกระติบขา้ ว เซิงกระติบข้าวเปนการละเล่นพนื เมืองของชาวภูไทซึงท่าของการราํ แสดง ใหเ้ หน็ ถึงความสัมพันธร์ ะหวา่ งศิลปะการดํารงชวี ติ ส่วนในเรอื งของการแต่งกาย จะแต่งกายตามแบบพนื เมืองอสี าน บัวชุม จันทรท์ ิพย์ ศิลปนดีเด่นของอาํ เภอสันปาตอง ๓ เซิงโปงลาง สาขาศิลปะการแสดง ด้านการขับซอพืนเมือง การแสดงจะมีทังผูห้ ญงิ และผูช้ าย ใชท้ ่าราํ ทีประดิษฐ์ขึนตามทํานองเพลง เจ้าเครอื แก้ว ณ เชยี งใหม่ ศิลปนแหง่ ชาติสาขาศิลปะการแสดง (คีตศิลปพืนเมืองล้านนา) อนั เกิดจากแรงบันดาลใจ สําคัญ ๔ เซิงตังหวาย เซิงตังหวายเปนการราํ เพอื บูชาสิงศักดิสิทธใิ นพิธขี อขมาของชาวรวมทังห มด ๑๒ ท่า จากท่าราํ แม่บทอสี าน ภาคอสี าน ๕ เซิงกระหยงั เปนชุดฟอนทีได้แบบอยา่ งมาจากเซิงกระติบขา้ ว การแสดงพนื บ้านภาคอสี าน โดยเปลียนจากกระติบข้าวมาเปนกระหยงั ซึงเปนภาชนะทําด้วยไม้ไผ่ ซึงมีอยู่ ๑๙ ท่า ๖ เซิงบังไฟ เปนประเพณีทีชุมชนชาวอสี านสืบทอดกันมาพรอ้ มกับประเพณีการจุดบงั ไฟ คือก่อนทีจะทําบงั ไฟเพอื จุดถวายพญาแถนบนสวรรค์ ชาวบ้านจะรวมตัวกันออกเซิง ไปรอบ ๆหมู่บา้ น ลักษณะทัวไป ๗ ฟอนภูไท เปนการรา่ ยราํ เพือถวายพระธาตุเชงิ ชุมแต่อยา่ งเดียว โดยทัวไปภาคใต้มีอาณาเขตติดกับทะเลฝงตะวนั ตกและตะวนั ออก ต่อมาการฟอนภูไทได้ใชใ้ นงานแสดงในงานสนกุ สนานรนื เรงิ ต่าง ๆ ทางด้านใต้ติดกับมลายู ทําใหร้ บั วฒั นธรรมของมลายูมาบา้ ง ประชากรจึงมีชวี ติ ความเปนอยู่ ๘ เซิงดึงครกดึงสาก ครูเปลือง ฉายรศั มี ศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง พธิ กี รรมการดึงครกดึงสาก เปนพิธกี รรมทีเกียวข้องกับฝนฟา (ดนตรพี นื บ้าน) ขนบธรรมเนียมประเพณีและบุคลิกบางอยา่ งทีคล้ายคลึงกันคือ ซึงมักจะประกอบพิธใี นชว่ งปลายฤดูแล้งเพือเปนการเสียงทายวา่ ในปทีทํา พูดเรว็ อุปนิสัยวอ่ งไว ตัดสินใจ รวดเรว็ เด็ดขาด การเสียงทายนันจะมีปรมิ าณนาฝนมากน้อย เปนผู้ทีมีความสามารถพเิ ศษทางด้านดนตรพี นื บา้ นอสี าน มีอุปนิสัยรกั พวกพอ้ ง รกั ถินทีอยูอ่ าศัย พอเพียงต่อการทํานาหรอื ไม่ และศิลปวฒั นธรรมของตนเอง สามารถเล่นและสอนถ่ายทอดได้ทัง พิณ แคน ซอ โปงลาง จึงมีความพยายามทีจะชว่ ยกันอนรุ กั ษ์ไวจ้ นสืบมาจนถึงทุกวนั นี และเครอื งดนตรอี นื แทบทุกชนิดในภาคอสี าน การแสดงของภาคใต้มีลีลาท่าราํ คล้ายกับการเคลือนไหวของรา่ งกาย มากกวา่ การฟอนราํ ซึงจะออกมาในลักษณะกระตุ้นอารมณ์ใหม้ ีชวี ติ ชวี าและสนกุ สนาน เชน่ โนรา หนังตะลุง รองเงง็ ตารกี ีปส เปนต้น ๑ หนังตะลุง เปนการเล่าเรอื งราวทีผูกรอ้ ยเปนนิยาย ดําเนินเรอื งด้วยบทรอ้ ยกรองทีขับรอ้ งเปนสําเนียงท้องถิน ใชก้ ารแสดงเงาบนจอผ้าเปนสิงดึงดูดสายตาของผูช้ ม บุคคลสําคัญ นายธรี ะ โกมลศรี ครูภูมิปญญาไทยด้านศิลปกรรม (ดนตรพี นื บา้ น) ผู้มีความรูแ้ ละความเชยี วชาญในการถ่ายทอดและการเล่นเครอื งดนตรพี ื ๑ แคน นเมืองอสี าน แสดงของไทยพุทธ ๒ มโนราห์ การแสดงโนราเน้นท่าราํ เปนสําคัญ ต่อมาได้นําเรอื งราวจากวรรณคดีหรอื นิทานท้องถินมาใชใ้ นการแสดงเรอื ๒ ซอบงั ง พระสุธนมโนหร์ า เปนเรอื งทีมีอทิ ธพิ ลต่อการแสดงมากทีสุดจนเปนเหตุใหเ้ รยี กการแสดงนี วา่ มโนหร์ า ๓ เพลงบอก เปนเพลงพืนเมืองทีนิยมเล่นทัวไปในสังคมภาคใต้ ๓ ปภูไท รอ้ งด้นเปนกลอนสดใชป้ ฎิภาณรอ้ งไปตามเหตุการณ์ทีพบเหน็ ๔ โปงลาง หรอื แต่งขนึ มาเพือบอกเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ๕ พิณ เครอื งดนตรภี าคอสี าน ๖ โหวด น ส ภัคจิรา ศรวี งั แก้ว เลขที 38 ม 4/12 (รบั ผิดชอบภาคอสี าน) ๔ เพลงนา การรอ้ งเพลงนาเปนการเล่นกลอนสดหรอื กลอนปฏิภาณ อา้ งองิ ผูเ้ ล่นมีสติปญญา และมีไหวพรบิ ดี สมัยก่อนจะรอ้ งโต้ตอบกันระหวา่ งหน่มุ สาวในท้องนา Google Sites. (๒๕๕๘). \"การแสดงพนื เมอื งภาคใต้\". สบื ค้นเมอื ๑๖ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔ จาก ๕ ซิละ เปนศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า https://sites.google.com/site/phasathaionline/hnwy- เน้นใหเ้ หน็ ลีลาการเคลือนไหวอยา่ งสงา่ งาม kar-reiyn-ru9 เปนศิลปะการต่อสู้ปองกันตัวอยา่ งหนึงของชาวไทยมุสลิม การแสดงของไทยมุสลิม ๖ รองเงง็ สมัยโบราณ เปนทีนิยมกันในบ้านขุนนาง หรอื เจ้าเมืองในสีจังหวดั ชายแดน นิยมเต้นเพียง ๗ เพลงเท่านัน ๗ ซําแปง มีลีลาการเต้นคล้ายกับการเต้นรองเงง็ ใชใ้ นโอกาสต้อนรบั แขกบา้ นแขกเมืองทีสําคัญของท้องถินเวลามีงานรนื เ รงิ สิน (ศิลปนแหง่ ชาติ สาขาการแสดงหนังตะลุง) ๘ มะโยง่ ง (ศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง โนรา) มะโยง่ เรมิ แสดงในราชสํานักเมืองปตตานี เมือประมาณ ๔๐๐ ปมาแล้ว ดี (ศิลปนแหง่ ชาติ สาขาการแสดงหนังตะลุง) มะโยง่ แสดงได้ทุกฤดูกาล ยกเวน้ ในเดือนทีถือศีลอด ๙ ลิเกฮูลู การละเล่นขึนบทเปนเพลงประกอบดนตรแี ละจังหวะตบมือ มีรากฐานเดิมมาจากคําวา่ ลิเก คือการอา่ นทํานองเสนาะ และคําวา่ ฮูลู ซึงหมายถึง ทิศใต้ ๑๐ ระบําตารกี ีปส เปนระบําทีต้องอาศัยพดั เปนองค์ประกอบสําคัญ แพรห่ ลายในหมู่ชาวไทยมุสลิม โดยเฉพาะในจังหวดั ปตตานี

คำถำมกลุ่มกำรแสดงพ้นื บำ้ น 4 ภำค 1.กำรแสดงพนื้ บำ้ นภำคเหนือไดร้ บั อิทธิพลมำจำกประเทศอะไร ก.พมำ่ ข.กัมพูชำ ค.ลำว ง.เวยี ดนำม เฉลย: ก.พมำ่ (น.ส.ปริยำกร พชิ ัยยุทธ์ เลขท่ี 19) 2. ภำคกลำงภมู ิประเทศเปน็ ท่ีรำบลุ่ม มีแมน่ ำ้ หลำยสำยเพมำะแกก่ ำรกสกิ รรม ทำนำ ทำสวน กำรแสดงจึงออกมำในรปู แบบของ ขนบธรรมเนยี มประเพณี และกำรประกอบอำชีพ จำก ข้อควำมดังกล่ำงทำใหภ้ ำคกลำงมีกำรแสดงชดุ ใดเกิดข้นึ ? ก. รำมโนรำห์ ข. ฟอ้ นบำยศรี ค.ระบำชำวนำ ง.เซิ้งกระต๊บิ เปน็ เฉลย ค.ระบำชำวนำ (นำงสำว สวุ ชิ ญำ จินทกำโพทธ์ิ ม.4/12 เลขท่ี 21) 3.กำรแสดงข้อใดทอี่ ย่ใู นกำรแสดงพืน้ บำ้ นภำคอสี ำน ก.ฟอ้ นโยคถี วำยไฟ ข.ฟ้อนเทยี น ค.ฟ้อนภไู ท ง.ฟ้อนดำบ เฉลย ค ฟอ้ นภูไท (นำงสำวภคั จิรำ ศรวี งั แก้ว เลขท3ี่ 8) 4.กำรแสดงรองเงง็ เป็นกำรแสดงของภำคใด และเป็นวัฒนธรรมของชำวไทยเชอ้ื สำยใด ก.ภำคใต้ : เช้ือสำยมุสลมิ ข.ภำคอสี ำน : เช้อื สำยจนี ค.ภำคกลำง : เชื้อสำยลำว ง. ภำคเหนือ : เชอ้ื สำยมุสลมิ ตอบ ก. ภำคใต้ : เชอื่ สำยมุสลมิ (น.ส.สจุ ริ ำ แกว้ เรือง เลขท่ี 35 ม.4/12) 5.ขอ้ ใดไมต่ ้องใช้อุปกรณป์ ระกอบกำรรำ ก.เซง้ิ สวิง ข.เซิง้ กระตบิ ค.รำตงั หวำย ง.เซง้ิ แหยไ่ ขม่ ดแดง ตอบ ค.รำตังหวำย (น.ส.สุจริ ำ แก้วเรือง เลขท่ี 35 ม.4/12) ง.เซง้ิ กระต๊ิบเปน็ เฉลย : ค. ระบำชำวนำ (นำงสำว สวุ ชิ ญำ จนิ ทกำโพทธิ์ เลขท่ี 21 )

เลขานกุ าร : : นางสาวนงนภัส แก้ววจิ ิตร [แคร]์ GROUP WORK Email : [email protected] กลุ่ม:การแสดงพืนบ้า เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0993032258 น4ภาค Facebook : แคร์ แก้ววจิ ิตร Line : carekaewvijit

หวั หน้ากลุ่ม นางสาวสราวลี สังข์ศิริ [แนน] Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0640519333 Facebook : Sarawalee Nax Line : 0626567113 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวรกั ตกันท์ แก้วแสงทอง [ฟูจิ] Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0657613519 Facebook : Raktakan Kaewsangthong ID : fuji751148 รองหวั หน้า นางสาวนัดดามาศ อภินารถนรารกั ษ์ [โดนัท] Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0863219471 Facebook : Natdamart Apinartnararak Line : 0863219471

http://www.lannacorner.cmu.ac.th/lanna2016/view.php? id=00394&group=1 https://sites.google.com/site/phumisastrphakhhenu https://sites.google.com/site/sciencechutimakuna/content01/c ontent01-01/content01-01-2/fxn-malay https://sites.google.com/site/silpalaeawathnthrrm/silp- wathnthrrm-phakh-henux/1-kar-taeng-kay-phakh-henux http://thanyamairungsang3.blogspot.com/2018/05/blog- post.html?m=1 https://sites.google.com/site/musicalthaiinstrument/kheruxng- dntri-phakh-henux สะล้อ เครอื งดนตรี ซึง ขลุ่ย ปจุ่ม ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมีลักษณะภูมิอากาศแบบรอ้ นชนื สลับรอ้ นแหง้ ภูมิอากาศ กลองเต่งถิง การแต่งกายของคนภาคเหนือทีเปนชาวบา้ นทัวไป แล้งหรอื ทุ่งหญ้าเมืองรอ้ นในชว่ งฤดูรอ้ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือได้รบั ล การเเต่งกาย ภาคเหนือ ชายจะน่งุ กางเกงขายาวลักษณะแบบกางเกงขายาวแบบ 3 ส่วน เรยี กติดปากว่ า “เตียว” หรอื เตียวสะดอ ทําจากผา้ ฝาย มมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ทีพัดมาจากมหาสมุทรอนิ เดียนําฝนมาตก ยอ้ มสีนาเงนิ หรอื สีดํา ส่วนเสือก็นิยมสวมเสือผ้าฝายคอกลม แขนสัน ซึงฝนทีตกจะมีปรมิ าณไม่มากนัก แบบผา่ อก กระดุม 5 เม็ด สีนาเงนิ หรอื สีดํา เชน่ เดียวกัน เรยี กวา่ เพราะบรเิ วณภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือเปนเขตเงาฝน คือ เสือม่อฮอ่ ม ชุดนีใส่เวลาทํางาน อยูบ่ รเิ วณด้านหลังของภูเขามีฝนตกน้อย สําหรบั หญิงชาวเหนือจะน่งุ ผ้าซิน หรอื ผา้ ถุง ฝนทีมีปรมิ าณมากของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือจะมากับพายุดีเปรสชนั มีความยาวเกือบถึงตาตุ่ม ซึงนิยมน่งุ ทังสาวและคนแก่ ถ้าปรมิ าณพอเหมาะจะทําใหป้ รมิ าณนาเพียงพอ ผ้าถุงจะมีความประณีต งดงาม ตีนซินจะมีลวดลายงดงาม ส่วนเสือจะเปนเสือคอกลม มีสีสัน ลวดลายสวยงาม อาจหม่ สไบทับ แต่ถ้าหากมากน้อยเกินไปจะเกิดปญหานาท่วมหรอื แล้งได้ และเกล้าผม เซิงตังหวาย เซิงโปงลาง ภาคเหนือเปนดินแดนทีมีอาณาเขตกวา้ งข วาง มีวฒั นธรรมและวถิ ีชวี ติ ทีเปนเอก เซิงกระติบข้าว ลักษณ์ ผู้คนอาศัยในดินแดนแบ่งออกเปน 2 กลุ่มใหญๆ่ คือ คนเมืองกับชาวเขา เซิงสวงิ การเเสดงพืนบา้ น ประวตั ิฟอนมาลัย นางสาวรกั ต์กันท์ แก้วแสงทอง ฟอนภูไท การเเต่งกาย ฟอนมาลัย หรอื ลาวดวงดอกไม้ ม 4/12 เลขที41 เพลงฟอนดวงดอกไม้ เซิงกระหยงั เครอื งดนตรี เปนเพลงเก่าของเชยี งใหม่ เจ้าดารารศั มี หวั ข้อ:การแสดงพืนบ้าน4ภาค พระชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเก หน้าที:หาขอ้ มูลและรูปภาพของภ ผู้ชาย ส่วนใหญน่ ิยมสวมเสือแขนสันสีเข้มๆ ทีเราเรยี กวา่ \"ม่อหอ่ ม\" credit เเหล่งทีมา ล้าเจ้าอยูห่ วั ได้ทรงนาํ มาใชใ้ นละครเรอื ง สวมกางเกงสีเดียวกับเสือจรดเขา่ นิยมใชผ้ า้ คาดเอวด้วยผ้าขาวม้า น้อยใจยา าคเหนือ ซึงกรมศิลปากรปรบั ปรุงขนึ เมือแสดงละค ผู้หญิง การแต่งกายส่วนใหญ่นิยมสวมใส่ผา้ ซินแบบทอทังตัว นางสาวนัดดามาศ รพันทางเรอื ง พระยาผานอง แสดง ณ สวมเสือคอเปดเล่นสีสัน หม่ ผ้าสไบเฉียง สวมเครอื งประดับตามข้อมือ อภินารถนรารกั ษ์ ม 4/12 เลขที33 โรงละครแหง่ ชาติ ข้อเท้าและคอ หวั ขอ้ :การแสดงพนื เมือง4ภาค ฟอนเจิง เปนการฟอนของผู้ชาย นับเปนการราํ อาวุธชนิดหนึง หน้าที:หารูปภาพและเนือหาของภา คือการรา่ ยราํ ด้วยเชงิ ดาบและมือเปล่าในท่าทางต่างๆ พิณ คอสี าน ซึงมักจะแสดงออกในลีลาของนักรบ พิณไห ภาคอสี าน ฟอนเล็บ เปนการฟอนของ[ชาวไทย] โปงลาง [ภาคเหนือ]การแสดงจะมีดนตรบี รรเลงประกอบ จะมีเนือรอ้ งหรอื ไม่มีเนือรอ้ งก็ได้ โอกาสทีแสดง เเคน ในงานเทศกาลหรอื งานนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ โหวด นางสาว รกั ตกันท์ แก้วแสงทอง เลขที41 ม 4/12 การหาการแสดงพนื เมือง4ภาค หน้าที:หาเนือหาของภาคเหนือ บุคคลสําคัญ พระครูอดุลสีลกิตติ ลักษณะภูมิอากาศ ภาคเหนือ ภูมิอากาศของภาคเหนือส่วนใหญเ่ ปนแบบสะวนั นา (Aw) คือ อากาศรอ้ นชนื สลับกับฤดูแล้ง อุณหภูมิเฉลียประจําปอยูร่ ะหวา่ ง 24 -27 องศาเซลเซียส มีฤดู 3 ฤดู คือ ฤดูฝน (พ ค - ต ค ) ฤดูหนาว (ต ค - กพ) ฤดูรอ้ น (ก พ - พ ค ) จังหวดั ทีมีอุณหภูมิตาสุด คือเชยี งราย จังหวดั ทีมีอุณหภูมิสูงสุดคือ อุตรดิตถ์ จังหวดั ทีมีสถิติฝนตกหนักคือ เชยี งราย และมีสถิติฝนตกน้อยทีสุดคือ ลําปาง ศาสตราจารยเ์ กียรติคุณ ดร มณี พยอมยงค์ วฒั นธรรมไทยพุทธ ครูเปลือง ฉายรศั มี มโนราห์ หนังตะลุง บุคคลสําคัญ สนัน ธรรมธิ ภาคใต้ ศรเี ลา เกษพรหม หมอลําเคน ดาเหลา บุคคลสําคัญ นายพัฒน์ เกือสกุล การแสดงพืนเมือง4ภาค คล้าย พรหมเมศหรอื มโนราหค์ ล้ายขีหนอน หมอลําทองมาก จันทะลือ ป https://sites.google.com/site/phatcharapron1999/laksna-phumi- ตะโพน วฒั นธรรมมุสลิม มีความรอ้ นสูงทําใหก้ ารแสดงท่วงท่าลีลาและทํานองเพลงของตนใต้นันเ xakas-khxng-phakh-xisan รองเงง็ ต็มไปด้วยความสนกุ ของความเรว็ เพลง คนใต้เปนคนเด็ดเดียว ฉิง พูดเรว็ และอารมณ์ฉุนเฉียวได้งา่ ย https://sites.google.com/site/rattanasakwongrasrinwschool/kar- ลิเกฮูลู saedng-khxng-phakh-xisan? สภาพภูมิอากาศ ภาคกลางมีภูมิประเทศเปนทีราบลุ่ม มีแม่นาหลายสาย เหมาะแก่การ fbclid=IwAR1yPCYoDIpeHEzuVReYKQhxgCTjXgDhv-le34z- ทับ กสิกรรม ทํานา ทําสวน ประชาชนอยูอ่ ยา่ งอุดมสมบูรณ์ uwxDWbfWiRlHS7m9fV0 เครอื งดนตรี จึงมีการเล่นรนื เรงิ ในโอกาสต่าง ๆ มากมาย ทังตามฤดูกาล https://sites.google.com/site/internet07msu/khwam-pen-ma- กลองทัด เทศกาลและตามโอกาสทีมีงานรนื เรงิ khxng-canghwad-khxnkaen/11-dfa? ศิลปะการแสดงจึงมีความสอดคล้องกับวถิ ีชวี ติ และเพือความบนั เทิงสนกุ fbclid=IwAR2N67rB6zZBtpBvKFXuOU5e02Dodonr- สนาน เปนการพักผ่อนหยอ่ นใจจากการทํางาน oYLDxQYSvuRMsEHDgv61FQsVMU หรอื เมือเสรจ็ จากเทศกาลฤดูเก็บเกียว https://sites.google.com/site/littlemiley3eg/naeana-canghwad- kalsinthu/6-bukhkhl-thi-michux-seiyng? fbclid=IwAR3GdExL0tV7hHcMfeihL0kU9g- NrZ0kN0N0ZhK6E8IG8YgcToXefcn9Ugw https://sites.google.com/site/musicalthaiinstrument/kheruxng- dntri-phakh-tawan-xxk-cheiyng-henux-xisan ภูมิอากาศ ราํ พาดผ้าหรอื ราํ เหยอ่ ย ราํ วง กลองโนรา บุคคลสําคัญ ราํ กลองยาว การแสดง โหม่ง นายอภิชาติ คัญทะชา : เต้นราํ กําเคียว นางสาวสราลี สังขศ์ ิริ ม 4/12 เลขที28 คณะแหลมทราย หวั ข้อ:การแสดงพืนบ้าน4ภาค หน้าที:หารูปและเนือหาของภาคใต้ นางสาวนงนภัส แก้ววจิ ิตร ม 4/12 เลขที32 แตระ หวั ข้อ:การแสดงพืนเมือง4ภาค ซอด้วง หน้าที:หารูปภาพและเนือหาภาคกลาง ขลุ่ย ระนาดเอก เครอื งดนตรี cradit แหล่งทีมา ฆ้องวงใหญ่ ภาคกลาง https://sites.google.com/site/looknampattalung/phumipayya-ni- dan-silpkar-saedng/rxngngeng https://sites.google.com/site/ajanthus/li-ke-hulu https://sites.google.com/site/wathnthrrmphatti/home/kar-saedng- phun-meuxng-phakh-ti https://www.google.com/search? https://www.google.com/search? https://www.shattingermusic.com/ https://sites.google.com/site/cultureofthai/home/phakh-ti/kar- taeng-kay-phakh-ti https://oanchali.wordpress.com/category จะเข้ การแต่งกาย ผู้ชาย สมัยก่อนการเปลียนแปลงระบอบการปกครอง นิยมสวมใส่โจงกระเบนสวมเสือสีขาว ติดกระดุม 5 เม็ด ทีเรยี กวา่ \"ราชประแตน\" ไวผ้ มสันขา้ งๆตัดเกรยี นถึงหนังศีรษะขา้ งบนหวแี สกกลาง ผู้หญิง สมัยก่อนการเปลียนแปลงระบอบการปกครอง นิยมสวมใส่ผ้าซินยาวครงึ แขง้ หม่ สไบเฉียงตามสมัยอยุธยา ทรงผมเกล้าเปนมวย และสวมใส่เครอื งประดับเพอื ความสวยงาม : เครอื งแต่งกาย : กลุ่มชาวไทยพุทธ ชนพืนบา้ น แต่งกายคล้ายชาวไทยภาคกลาง ฝายหญงิ นิยมน่งุ โจงกระเบน หรอื ผา้ ซินด้วย ผา้ ยกอนั สวยงาม นางสุวรรณี ชลานเุ คราะห์ ใส่เสือสีออ่ นคอกลม แขนสามส่วน ส่วนฝายชายน่งุ กางเกงชาวเล หรอื โจงกระเบนเชน่ กัน สวมเสือผา้ ฝายและ มีผา้ ขาวม้าผูกเอว ขวญั จิต ศรปี ระจันต์ บุคคลสําคัญ หรอื พาดบา่ เวลาออกนอกบ้านหรอื ไปงานพ กลุ่มชาวไทยมุสลิม ชนดังเดิม ของดินแดนนีนับถือศาสนาอสิ ลาม และมี เชอื สายมาลายู ยงั คงแต่งกายตามประเพณี อนั เก่าแก่ฝายหญิงมีผา้ คลุมศีรษะ ใส่เสือผ้ามัสลิน หรอื ลูกไม้ตัวยาวแบบมลายูน่งุ ซินปาเต๊ะ หรอื ซินทอแบบมาลายู ฝายชายใส่เสือคอตัง สวมกางเกงขายาว และมีผ้าโสรง่ ผืนสัน ทีเรยี กวา่ ผ้าซองเก็ต พันรอบเอวถ้าอยู่ บา้ นหรอื ลําลองจะใส่โสรง่ ลายตารางทอด้วยฝาย และสวมหมวกถักหรอื เยบ็ ด้วยผา้ กํามะหยี https://sites.google.com/site/ajanthus/ra-heyxy http://www.welovesuphan.com/th/%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E 0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8% B2%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%81/19- %E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8 %A5%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0 %B8%8D.html?start=10 credit แหล่งทีมา https://sites.google.com/site/karsaedngphunbanthai/phakh-klang https://thainews.prd.go.th/banner/th/culture_th/thaiwere.php

คำถำม กำรแสดงพ้ืนเมือง4ภำค นำงสำวรกั ตกนั ท์ แกว้ แสงทอง ม.4/12 เลขท4ี่ 1 1.ศิลปะกำรแสดง มคี วำมนมุ่ นวล อ่อนช้อย สวยงำม เปน็ ลักษณะกำรแสดง ของภำคใด ก.ภำคอีสำน ข.ภำคใต้ ค.ภำคกลำง ง.ภำคเหนอื --------------------------------- 2.เครือ่ งดนตรชี นดิ ใด ใชใ้ นภำคเหนอื ก.สะลอ้ ซงึ ข.พณิ โปงลำง ค.แคน จะเข้ ง.ขลยุ่ ซอดว้ ง ------------------------------- นำงสำวสรำวลี สังข์ศริ ิ ม.4/12 เลขที่28 3.บคุ คลสำคัญของหนงั ตะลงุ คอื ใคร ก.ขวัญจติ ศรีประจนั ต์ ข.ครูเปลอ้ื ง ฉำยรัศมี ค.นำยพัฒน์ เก้ือสกลุ ง.ศรเี ลำ เกษพรหม ---------------------------- นำงสำวนงนภสั แกว้ วจิ ิตร ม.4/12 เลขที่32 4.กำรแสดงใดไมอ่ ย่ใู นภำคกลำง ก.รำวง ข.รำพำดผ้ำ ค.รำกลองยำว ง.ฟอ้ นเจงิ -------------------------------- นำงสำวนดั ดำมำศ อภินำรถนรำรกั ษ์ ม.4/12 เลขท3ี่ 3 5.เครื่องดนตรีในข้อใด ไมใ่ ช่เคร่อื งดนตรีของภำคอีสำน ก. พิณไห ข.เเคน ค.ซอสำมสำย ง.โหวด ------------------------------- เฉลย 1.ง.ภำคเหนอื 2.ก.สะล้อ ซึง 3.ค.นำยพัฒน์ เกื้อสกุล 4.ง.ฟอ้ นเจงิ 5.ค.ซอสำมสำย

รองหวั หน้ากลุ่ม GROUP WO ชอื นางสาวศุภมาส เมฆเฉลิม (ปอน) powerpuff [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 0987401682 Facebook Suppamas Makchalerm Line Suppamas_pon

หวั หน้า ชอื : นางสาวณัชชา แก้วขาว (ปุ ุย) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0993132970 facebook : Natcha kaewkhao Line : pumpui8673 ORK สมาชกิ ในกลุ่ม girls ชอื นางสาวนัทธหทัย แก้วรตั นะ (เดียร)์ E-mail [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 0950757646 Facebook Natthahathai Kaewrattana Line natthahathai สมาชกิ ในกลุ่ม ชอื นางสาว ณภัทรจิรา สนิทมัจโร (มุก) E-mail [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 0931376956 Facebook: Napatjira Sanitmatjaro Line:napatjy2308

การแสดงพนื บ้านประกอบด้วย 4 ชุด ได้แก่ ระบําววั ฟอนเทียน (Oil Lamp Dance) ประเทศพม่า ระบําเปาแคน ระบํานกยูง และระบําปดเปาผีรา้ ย เปนศิลปะการแสดงฟอนราํ ดังเดิมของประเทศพม่า (เมียนมาร)์ ปร ระบําววั พบได้ในเขตพืนที กําปงชนัง,กําปงสปอ, และ โปสัต เพือเปนการบูชาองค์ ซึงได้รบั การอนรุ กั ษ์ใหเ้ ปนการแสดงของชาติ พระสัมมาสัมพุทธด้วยดวงประทีป โดยในการฟอนจะใชก้ ารจุดดวงประทีป หรอื ดวงไฟ ระบําววั จะถ่ายทอดท่าทางของววั ในจังหวะเชอื งชา้ กับไส้ตะเกียงทีในแชน่ ามัน ซึงมีถ้วยดินเผารองไวอ้ กี ทีหนึง ผสมผสานกับลีลาท่วงท่าในการรา่ ยราํ ทีต้องคอยประคับประคองดว ระบําเปาแคนมีความเปนมาจากตํานานของอนิ เดียทีเล่าถึงพืชนิ งประทีปไม่ใหด้ ับ ซึงถือเปนหวั ใจหลักของการแสดงฟอนนี ดหนึงทีชว่ ยสรา้ งอารยธรรม ทีอาจกล่าวได้วา่ เปนการสือความหมายถึงความเลือมใสศรทั ธา ในพระพุทธศาสนาจะไม่มีวนั ดับสูญจากพุทธศาสนิกชน ระบําชุดนีพบได้ในพืนทีจังหวดั กําปงสปอ นับวา่ เปนการแสดงทีมีจุดเด่นทีดึงดูดใจจากผู้ชมได้เปนอยา่ งดี ผู้รา่ ยราํ จะเปาเครอื งดนตรเี พือราํ ลึกถึงตํานานการเกิดของโลกแ ซึงในปจจุบันได้มีการปรบั เปลียนมาใชเ้ ทียนไขในการแสดงฟอนราํ นี แทน โดยผูแ้ สดงจะถือไวใ้ นมือซ้ายและขวาประกอบการฟอนราํ ละการอยูเ่ ปนอมตะ บุคคลสําคัญของพม่า คือ เมียวดี ขา้ ราชการพม่า ระบํานกยูง เปนสัญลักณ์ของความสุข ได้คิดละครแบบใหม่ขนึ ชอื เรอื \"อนี อง\" (ไม่ปรากฎรูปภาพ) ผูฟ้ อนราํ จะแสดงท่าทางเลียนแบบการเกียวพาราสีของนกยูงตัว https://www.ch3thailand.com/news/scoop/9289 ผูแ้ ละตัวเมีย สืบค้น ณ วนั เสาร์ ที19 มิถุนายน พ ศ 2564 ชาวบ้านเชอื วา่ ระบํานกยูงจะนําความสุขและความเจรญิ มาสู่หมู่ ผูร้ บั ผดิ ชอบ นางสาวณัชชา แก้วขาว เลขที23 บ้าน ประเทศกัมพูชา ระบําปดเปาผีรา้ ย การแสดงพืนบ้านอาเซียนโซ จะเกิดขึนในพิธกี รรมบูชาวญิ ญาณซึงปรากฎอยูใ่ นหมู่บ้านกําปง งใต้ กัมพูชา พม่า ลาว เว อนิ โดนีเซีย สิงค ทราลัช ตําบลศาลาเหล็กไพร จังหวดั กําปงชนัง ฟลิปปนส์และบุค ซึงเปนหมู่บ้านชาวมุสลิมในเขมร ประเทศเวยี ดนาม บุคคลสําคัญของกัมพูชา คือ สมเด็จพระมหากษัตรยิ านีกุสุมะนารรี ตั น์ [ผูม้ ีคุณูปการในการสืบทอดและดํารงไวซ้ ึงศิลปะการแสดงด้านน าฏศิลปในกัมพูชา https://www.sac.or.th/interconference/2015/?page_id=62 สืบค้น ณ วนั เสาร์ ที19 มิถุนายน พ ศ 2564 ผู้รบั ผดิ ชอบ นางสาวณัชชา แก้วขาว เลขที23 ระบําหมวก เปนการแสดงพนื บ้านทางภาคของเวยี ดนาม เลกอง (Legong) ประเทศอนิ โดนีเซีย มีลักษณะท่าทางการราํ ทีออ่ นชอ้ ยสวยงาม เปนการแสดงของชาวบาหลีมีลักษณะการรา่ ยราํ งดงาม การรอ้ งเพลงกวานโฮ เชอื งชา้ เนิบนาบ กวานโฮเปนเพลงพืนเมืองประเทศหนึงของเวยี ดนาม โดยใชเ้ ด็กหญิงหน้าตาสวยงามทีผา่ นกานฝกฝนมาเปนอยา่ งดี 3 มีการรอ้ งประชนั โต้ไปมาโดยใชป้ ฏิภาณไหวพรบิ ของผู้รอ้ ง คนเปนตัวแสดง ในสมัยทียงั ไม่มีประจําเดือนเท่านี คล้ายกับการรอ้ งลําตัดของไทย ระบําคะชกั หรอื ระบําลิง (Kecak) หุน่ กระบอกนา เปนการแสดงของชาวบาหลี ตัดตอนมาจากรามเกียรติ การเชดิ หุน่ กระบอกนาของเวยี ดนามมรเอกลักษณ์เฉพาะตัวทีโดดเด่ เล่าเรอื งราวของพระรามกับเหล่าพลวานนรทีตามไปชว่ ยนางสีดาจา นและเปนการละเล่นทีมีอยูเ่ พยี งแหง่ เดียวในโลก กทศกัณฐ์ ผู้เชดิ หุน่ จะยนื อยูห่ ลังฉากในนาทีสูงถึงระดับเอว และควบคุมการเคลือนไหวของหุน่ กระบอกด้วยไม่ไผล่ ํายาว การแต่งกาย ผู้ทีแสดงเปนลิงจะน่งุ ผา้ ตาหมากรุก เปลือยท่อนบน ทัดดอกชบาแดงข้างหู นังล้อมวงกัน 4 – 5 ชนั โดยมีวงดนตรพี ืนบ้านบรรเลงประกอบ เนือเรอื งส่วนใหญ่บอกเล่าถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี โบกมือขึนลงพรอ้ มทังโยกตัวไปมาและรอ้ งวา่ “คะชกั คะชกั ” วถิ ีชวี ติ พืนบ้านตามชนบทของชาวเวยี ดนามทีผูกพันอยูก่ ับสายนา เปนเสียงสูงตาคล้ายทํานองดนตรี โดยตัวเอกต่างๆ รวมถึงตํานานทีสําคัญของเวยี ดนาม เชน่ ตํานานทะเลสาบคืนดาบ จะเดินรา่ ยราํ ไปมาตรงกลางวง และถึงแม้วา่ การแสดงหุน่ กระกอบนาไม่มีการพากยด์ ้วยภาษาอนื บุคคลสําคัญของอนิ โดนีเซีย คือ ออกุสต์ โซซาสโตร (Auguste แต่ท่าทางของหุน่ ก็ทําใหผ้ ู้ชมเข้าใจเรอื งราวได้ Soesastro) นักออกแบบแฟชนั ชาวอนิ โดนีเซีย ผู้เชยี วชาญด้านสิงทอ บุคคลสําคัญของเวยี ดนาม คือ เหงยี น คุ๊ก ปง ดีไซเนอรใ์ นเวยี ดนามทีเปนผูบ้ ุกเบกิ ในการนําเอาเทคโนโลยสี มัยใหม่ ผลงานของเขาจะทอโดยใชว้ สั ดุธรรมชาติทียอ่ ยสลายได้ทางชวี ภาพไ มาผสมผสานกับประเพณีศิลปวฒั นธรรมของเวยี ดนามได้อยา่ งลงตั ด้เท่านัน (ไม่ปรากฏรูปภาพ) ว https://sites.google.com/site/indoniseiy1987/kar-saedng (ไม่ปรากฏรูปภาพ) สืบค้น ณ วนั เสาร์ ที19 มิถุนายน พ ศ 2564 https://sites.google.com/site/tawan5605201008/silpa-phun- สืบค้น ณ วนั เสาร์ ที19 มิถุนายน พ ศ 2564 ผู้รบั ผิดชอบ นางสาวนัธหทัย แก้วรตั นะ เลขที26 ผู้รบั ผดิ ชอบ นางสาวนัธหทัย แก้วรตั นะ เลขที26

ระเทศฟลิปปนส์ คารโิ นซา (Carinosa) อะได-อะได (Adai-adai) เปนการเต้นราํ พนื เมืองประกอบการรอ้ ง เปนระบาํ พืนเมืองทีได้อทิ ธพิ ลมาจากสเปน คารโิ นซา และบรรเลงดนตรขี องประเทศบรูไน ดารุสซาลาม แปลวา่ คู่รกั หรอื ทีรกั เวลาเต้นจะจับคู่หญงิ – ชาย มีต้นกําเนิดมาจากชาวประมงพืนเมืองในหมู่บา้ นกัมปงอาเยอร์ (Kampong Ayer) การแต่งตัว ผูห้ ญิงจะใส่ชุด Maria Clara ซึงเปนหมู่บ้านกลางนาทีมีขนาดใหญท่ ีสุดในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉีย และถือพดั หรอื ผา้ เชด็ หน้า งใต้ ชาวบ้านทีอาศัยอยูใ่ นหมู่บ้านแหง่ นี ส่วนใหญ่มีอาชพี เปนชาวประมง รา่ ยราํ แสดงท่าทางเขินอาย การแสดงพืนเมือง อะได-อะได บทเพลงมีเนือหาชมความงามของหญงิ สาว จึงมีจุดประสงค์เพือสรา้ งความสนกุ สนาน เพลิดเพลิน ระหวา่ งออกหาปลา และเพือบรรเทาความเหนือยล้าจากการทํางาน ตินิกลิง ระบาํ ประจําชาติของฟลิปปนส์ โดยเนือหาของเพลง จะบอกเล่าถึงวถิ ีชวี ติ ของชาวประมง เปนระบําของชนเผา่ พืนเมืองทีใชไ้ ม่ไผ่สองลําตี – แตะกระทบกัน เครอื งดนตรหี ลักทีใชใ้ นการบรรเลงประกอบการเต้นราํ คือ ผู้เต้นจะก้าวขาเต้นเปนจังหวะระหวา่ งไม่ไผส่ องลํานัน กัมบุส,กลองดมบคั ,ราํ มะนา,ฆ้อ และไวโอลิน ตินิกลิงเปนระบําทีต้องอาศัยความเชยี วชาญและการ นักแสดงจะมีทังหญงิ และชาย เต้นราํ คู่กัน ฝกฝน ผู้เต้นต้องมีความรวดเรว็ และความคล่องตัว เปนการแสดงพืนบา้ นของเมืองเลยเ์ ตและเมืองอนื ๆ การแต่งกาย จะแต่งกายแบบชาวเล ในหมู่เกาะวซี ายสั โดยนักแสดงชายจะสวมชุดพืนเมือง มีผา้ พาดไหล่ หรอื คาดเอว ถือไม้พายประกอบการเต้นราํ ส่วนนักแสดงหญิงจะสวมชุด บาจู บุคคลสําคัญของฟลิปปนส์ คือ มารก์ จัสติเนียนี เกอบายา คือเสือแขนยาวและผ้าถุง คลุมผมทังหมดด้วยผ้าพืนเมือง มีผลงานศิลปะ คือ ‘The Settlement’ เชน่ ผา้ บาติก เปนต้น และถือตะกรา้ หรอื กระจาด ประกอบการเต้นราํ ซึงเปนฉากทีเกิดขึนประวตั ิศาสตร์ ปจจุบันการเต้นราํ พืนเมือง ของประเทศฟลิปปนส์ เชน่ ตํานานวรี บุรษ José Rizal อะได-อะได ไม่ได้มีแค่ในหมู่ชาวประมงในหมู่บ้านกําปง อาเยอร์ เท่านัน และ Andrés Bonifacio แต่ชาวบรูไนยงั นิยมนํามาแสดงในโอกาสพิเศษต่างๆ อกี ด้วย (ไม่ปรากฏรูปภาพ) https://sites.google.com/site/filippins5170/wathn บุคคลสําคัญของบรูไน คือ เมเรยี ไอเรส (Meria Aires) สืบค้น ณ วนั เสาร์ ที19 มิถุนายน พ ศ 2564 ศิลปนทีประสบความสําเรจ็ วงดนตรี ผลงานเพลง ของประเทศบรูไน ผูร้ บั ผิดชอบ นางสาวณภัทรจิรา สนิทมัจโร เลขที22 เธอได้รบั รางวลั การประกวดไอดอล https://www.accth.com/TH/news_articels/adai_adai_folk_perf ประเทศบรูไน สืบค้น ณ วนั เสาร์ ที19 มิถุนายน พ ศ 2564 ผู้รบั ผดิ ชอบ นางสาวณภัทรจิรา สนิทมัจโร เลขที22 ซนเอเชยี ตะวนั ออกเฉีย ประเทศสิงคโปร์ วยี ดนาม มาเลเซีย บังสาวนั (Bangsawan) คโปร์ บรูไน เปนการแสดงละครรอ้ งคล้ายกับการแสดงโอเปรา่ ของทางยุโรป คคลสําคัญ เปนการแสดงทีได้รบั ความนิยมเปนอยา่ งมากในประเทศสิงคโปร์ โดยมีจะการแสดงประกอบกับการรอ้ งบทละครออกมาเปนเพลงด้วย ตัวของนักแสดงเอง พรอ้ มกับการการเต้นประกอบเสียงดนตรใี นท่าทางและอารมณ์ต่าง ๆ ตามบทบาททีได้รบั สรา้ งความสนกุ สนานใหก้ ับผูช้ มเปนอยา่ งมาก การแต่งกายจะมีการแต่งกายด้วยเสือผ้าสวยงามสีสดใส การแสดงละครรอ้ ง ทีถูกเรยี กวา่ บงั สา บุคคลสําคัญของสิงคโปร์ คือ นายฟราเซอร์ บรูนเนอร์ (Mr.Fraser Brunner) สมาชกิ คณะกรรมการฝายของทีระลึกและผูด้ ูแลพิพธิ ภัณฑ์สัตวน์ าแ วนคลีฟ ซึงเปนผู้ออกแบบประติมากรรมเมอรไ์ ลออน (ไม่ปรากฏรูปภาพ) https://www.sac.or.th/databases/southeastasia/subject.php? สืบค้น ณ วนั เสาร์ ที19 มิถุนายน พ ศ 2564 ผูร้ บั ผดิ ชอบ นางสาวศุภมาส เมฆเฉลิม เลขที25 ประเทศลาว ประเทศมาเลเซีย มะโยง่ (Mak Yong) คือศิลปะการละครรา่ ยราํ มลายูชนิดหนึง ทีมีลักษณะของการผสมผสานทางพิธกี รรม ความเชอื การละคร นาฏศิลป และดนตรเี ขา้ ด้วยกัน มีความกลมกลืนจนเปนศิลปะขนั เลิศของมลายู มะโยง่ จัดเปนการละเล่นพืนบ้านทีแสดงออกถึงวฒั นธรรมท้องถินม ลายู ทีสามารถชมกันได้ในรฐั กลันตัน ตรงั กานู และเคดาห์ (ไทรบุร)ี ซึงเปนรฐั ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย บรเิ วณจังหวดั ชายแดนภาคใต้ของไทย คือ ปตตานี ยะลา และนราธวิ าส ไกลจนถึงเกาะสุมาตราเหนือของประเทศอนิ โดนีเซียคนไทยเชอื สาย มาลายูในจังหวดั ชายแดนภาคใต้เรยี กการละเล่นมะโยง่ วา่ “เมาะโยง่ ” ตามสําเนียงภาษามลายูถินปตตานี บุคคลสําคัญของมาเลเซีย คือ ซีตี นรู ฮ์ าลีซา นักรอ้ งชาวมาเลเซีย ซีตีได้รบั รางวลั การแขง่ ขันประกวดรอ้ งเพลงระดับนานาชาติหลายครั ง https://archive.clib.psu.ac.th/online- สืบค้น ณ วนั เสาร์ ที19 มิถุนายน พ ศ 2564 ผูร้ บั ผดิ ชอบ นางสาวศุภมาส เมฆเฉลิม เลขที25 นาฏศิลปในประเทศลาวเปนนาฏศิลปทีเปนเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติ พันธุล์ าวซึงพบในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทยด้วย และการแสดงพืนบา้ นของกลุ่มชาติพนั ธุอ์ นื ๆ มีทังนาฏศิลปในราชสํานัก และนาฏศิลปพืนบา้ น เชน่ หมอลํา หนังตะลุง หลวงพระบางและเวยี งจันทน์เปนแหล่งของนาฏศิลปแบบดังเดิมในร าชสํานัก และนาฏศิลปทีได้รบั อทิ ธพิ ลจากราชสํานักสยาม ลําลาวหรอื หมอลําเปนการแสดงดนตรพี นื บ้านของลาว โดยนักรอ้ งเปนผู้เล่าเรอื ง ใชแ้ คนเปนเครอื งดนตรหี ลัก แต่ก็ใชเ้ ครอื งดนตรอี นื ประกอบได้ การแสดงแบบเดียวกันนีในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทยเรยี กห มอลํา แต่ในลาว คําวา่ หมอลําจะเน้นทีตัวผูข้ ับรอ้ ง บุคคลสําคัญของลาว คือ อลุนา ถาวรสุข ศิลปนสาวชาวลาว เจ้าของสมญานาม “เจ้าหญงิ แหง่ วงการเพลงปอปประเทศลาว” และเจ้าของรางวลั ศิลปนหญงิ ยอดเยยี มประจําป 2008 และ 2012 จากเวที Nakarath Awards https://th.wikipedia.org/wiki/ สืบค้น ณ วนั เสาร์ ที19 มิถุนายน พ ศ 2564 ผูร้ บั ผิดชอบ นางสาวศุภมาส เมฆเฉลิม เลขที25

แบบทดสอบ : การแสดงพ้ืนบ้านอาเซยี นโซนเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ 1.บงั สาวนั เป็นการแสดงคลา้ ยคลงึ กบั การแสดงใดของประเทศยุโรป ก.โอเปร่า ข.คอนเสิร์ต ค.การเตน้ บลั เล่ ง.ละครเวที คาตอบ ก.โอเปรา่ ผ้คู ิดข้อสอบ นางสาวศภุ มาส เมฆเฉลิม เลขท่ี 25 2.การฟอ้ นเทียนสอดคลอ้ งกับความเชอ่ื ดา้ นศาสนาเรอื่ งใด ก.เป็นท่าการรา่ ยราบูชาผสี าง ข.เป็นการราถวายพระสัมมาสัมพุทธเจา้ ค.ราเพ่ือความสนุกสนานในงานมงคล ง.เปน็ การรา่ ยราของศาสนาอิสลาม คาตอบ ข.เป็นการราถวายพระสัมมาสมั พุทธเจา้ ผูค้ ดิ ข้อสอบ นางสาวศุภมาส เมฆเฉลิม เลขที่ 25 3.ระบาววั เปน็ การแสดงพื้นบา้ นของประเทศใด ก.ประเทศเวยี ดนาม ข.ประเทศลาว ค.ประเทศพมา่ ง.ประเทศกมั พชู า คาตอบ ง.ประเทศกมั พชู า ผู้คิดขอ้ สอบ นางสาวณัชชา แกว้ ขาว เลขที่ 23 4.การแสดงพื้นบ้านใดเป็นการผสมผสานทางพธิ กี รรมและความเชือ่ ก.เลกอง ข.คารโิ นซา ค.มะโยง่ ง.ระบาคะชัก คาตอบ ค.มะโย่ง ผู้คดิ ขอ้ สอบ นางสาวณภทั รจริ า สนทิ มจั โร เลขท่ี 22 5.การแตง่ กายของอะได –อะได จะแตง่ กายแบบไหน ก.นงุ่ ผา้ ตาหมากรกุ ข.เส้อื คอกระเช้า ผ้าถงุ ค.เสอื้ ผ้าสสี ดใส ง.แตง่ กายแบบชาวเล คาตอบ ง.แตง่ กายแบบชาวเล ผู้คดิ ขอ้ สอบ นางสาวนทั ธหทัย แกว้ รัตนะ เลขท2ี่ 6

1 2