Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แฟ้มสะสมผลงานนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 14

แฟ้มสะสมผลงานนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 14

Description: แฟ้มสะสมผลงานนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 14

Search

Read the Text Version

1 แฟมสะสมผลงานของ 4 ชนั มธั ยมศึกษาปที 4/14 รายวชิ าศิลปะ2 ศ31102 (นาฏศิลปและการละคร) โรงเรยี นมหาวชริ าวุธ จงั หวดั สงขลา สาํ นกั เขตพนื ทีการศึกษามธั ยมศึกษาสงขลา สตลู

เลขานกุ าร GROUP W นางสาวกมลชนก สุวลักษณ์ (พลอย) กลุ่ม : แม่ห Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพย์ : 0936752532 Facebook :Ploy Suvalux Line : 0936752532 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวกุลนิษฐ์ เซ่งเข็ม (องิ ฟา) Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพย์ : 0655434985 Facebook :กุลนิษฐ์ เซ่งเข็ม Line :0655434985 สมาชกิ ในกลุ่ม* นางสาวพัชรณ์ ัฏฐ์ ทองชว่ ย (ใบเตย) Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพย์ : 0990785923 Facebook : Baitoey Patchanat Line : bai_toey7526

หวั หน้ากลุ่ม นางสาวณัฐกานต์ ศรณี ะกิจจา (เกตุ) Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพย์ : 0913988837 Facebook : Nuttakarn Tuanimwang Line : 0913988837 WORK รองหวั หน้ากลุ่ม หนโู มยา่ นางสาวรุจิรดา ขุนทอง (ตอง) Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพย์ : 0948267418 Facebook : Tong Rujirada khunthong Line : its.ruji_ สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวภัทรธดิ า ทองเทียง (แบม) Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพย์ : 0635828775 Facebook : Bam Pattaratida Tongtiang Line : 0936371155

ผู้จัดทํา นางสาวณัฐกา ศรณี ะกิจจา 31 นาฏศิลป คือ การรอ้ งราํ ทําเพลง ใหค้ วามบันเทิงใจ อา้ งองิ https://www.g อนั ประกอบด้วยความโน้มเอยี งแหง่ อารมณ์และความรูส้ ึก สรุปได้วา่ “นาฏศิลป” คือ ศิลปะการรอ้ งราํ ทําเพลงทีมนษุ ยเ์ ปนผู้สรา้ งสรรค์โดยประดิษฐ์ขึ นอยา่ งประณีตและมีแบบแผน ใหค้ วามรูค้ วามบันเทิง ซึงเปนพืนฐานสําคัญทียงั คงใหเ้ หน็ ถึงวฒั นธรรมความรุง่ เรอื งขอ งชาติได้เปนอยา่ งดี นาฏศิลปไทย นาฏศิลป เปนคําสมาส แยกเ เกิดมาจากกิรยิ าท่าทางซึงแสดงออกในทางอารมณ์ของมนษุ ยป์ ุถุ คือ “นาฏ” กับคําวา่ ชน อากัปกิรยิ าต่าง ๆ ความหมาย เหล่านีเปนมูลเหตุใหป้ รมาจารยท์ างศิลปะนํามาปรบั ปรุงบญั ญตั ิสั แบง่ อ ดส่วนและกําหนดวธิ กี ารขึน จนกลายเปนท่าฟอนราํ โดยวางแบบแผนลีลาท่าราํ ของมือ เท้า ใหง้ ดงาม รูจ้ ักวธิ เี ยอื ง ยกั กําเนิด และกล่อมตัว ใหส้ อดคล้องสัมพนั ธก์ ันจนเกิดเปนท่าราํ ขึน พืนฐานนาฏศิลปไทย และมีววิ ฒั นาการปรบั ปรุงมาตามลําดับ จนดูประณีตงดงาม ออ่ นชอ้ ยวจิ ิตรพสิ ดาร จนถึงขันเปนศิลปะได้ นาฏศิลปไทย ยงั ได้รบั อทิ ธพิ ลแบบแผนตามแนวคิดจากต่างชาติเขา้ มาผสมผสานด้ วย เชน่ วฒั นธรรมอนิ เดียเกียวกับวฒั นธรรมทีเปนเรอื งของเทพเจ้า และตํานานการฟอนราํ โดยผา่ นเข้าสู่ประเทศไทย ทังทางตรงและทางออ้ ม คือ ผา่ นชนชาติชวาและเขมร ก่อนทีจะนํามาปรบั ปรุงใหเ้ ปนรูปแบบตามเอกลักษณ์ของไทย เชน่ ตัวอยา่ งของเทวรูปศิวะปางนาฏราช ทีสรา้ งเปนท่าการรา่ ยราํ ของ พระอศิ วร ซึงมีทังหมด 108 ท่า หรอื 108 กรณะ โดยทรงฟอนราํ ครงั แรกในโลก ณ ตําบลจิทรมั พรมั เมืองมัทราส อนิ เดียใต้ ปจจุบันอยูใ่ นรฐั ทมิฬนาดู นับเปนคัมภีรส์ ําหรบั การฟอนราํ แต่งโดยพระภรตมุนี เรยี กวา่ คัมภีรภ์ รตนาฏยศาสตร์ ถือเปนอทิ ธพิ ลสําคัญต่อแบบแผนการสืบสาน และการถ่ายทอดนาฏศิลปของไทยจนเกิดขึนเปนเอกลักษณ์ของตนเอ งทีมีรูปแบบ แบบแผนการเรยี น การฝกหดั จารตี ขนบธรรมเนียม มาจนถึงปจจุบนั 1.การเลียนแบบธรรมชาติ ผูจ้ ัดทํา นางสาวกมลชนก สุวลักษณ์ รูปแบ 1.เกิดแต่วสิ ัยสัตว์ เมือเวทนาเสวยอารมณ์ 30 ไม่วา่ จะเปนสุขเวทนาหรอื ทุกขเวทนาก็ตาม http://www.thaigoodview.co m/node/32461 20/6/2564 ถ้าอารมณ์แรงกล้าไม่กลันไวไ้ ด้ 2. การเซ่นสรวงบูชา ก็แสดงออกมาใหเ้ หน็ ปรากฏ มนษุ ยแ์ ต่โบราณมามีความเชอื ถือใน 2.เมือคนรูค้ วามหมายของกิรยิ าท่าทางมากขนึ สิงศักดิสิทธิ จึงมีการบูชา เซ่นสรวง เพือขอใหส้ ิงศักดิสิทธปิ ระทานพรใหต้ ก็ใชก้ ิรยิ าเหล่านันเปนภาษาสือความหมาย นสมปรารถนา หรอื ขอใหข้ จัดปดเปาสิงทีตนไม่ปราร ใหผ้ ูอ้ นื รูค้ วามรูส้ ึกและความประสงค์ ถนาใหส้ ินไป การบูชาเซ่นสรวง มักถวายสิงทีตนเหน็ วา่ ดีหรอื ทีตนพอ 3.การรบั อารยธรรมของอนิ เดีย ใจ เมือไทยมาอยูใ่ นสุวรรณภูมิใหม่ๆ นัน มีชนชาติมอญ และชาติขอมเจรญิ รุง่ เรอื งอยูก่ ่อนแล้ว ชาติทังสองนันได้รบั อารยธรรมของอนิ เดียไวม้ ากมา ยเปนเวลานาน เมือไทยมาอยูใ่ นระหวา่ งชนชาติทังสองนี ก็มีการติดต่อกันอยา่ งใกล้ชดิ ไทยจึงพลอยได้รบั อารยธรรมอนิ เดียไวห้ ลายด้าน ล เชน่ ภาษา ประเพณี ตลอดจนศิลปการละคร ได้แก่ บุคคลสําคัญ คุณครูเฉลย ศุขะวณิช เกิดเมือวนั ที ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ระบํา ละครและโขน ๒๔๔๗ เปนผู้เชยี วชาญการสอนและออกแบบนาฏศิลปไทย แหง่ วทิ ยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ซึงมีความรูค้ วามสามารถสูงในกระบวนท่าราํ ทุกประเภท ทางราชการได้มอบหมายใหเ้ ปนผู้วางรากฐานจัดสรา้ งหลักสูตร การเรยี นการสอนวชิ านาฏศิลปตังแต่ระดับต้นจนถึงขันปรญิ ญ า เปนผู้มีความเมตตาเออื อารี อุทิศตนเพือประโยชน์แก่การศึกษาและงานศิลปอยา่ งต่อเนือง ได้รบั ปรญิ ญาครุศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ สาขานาฏศิลป อา้ งองิ https://sites.google.com/ **ท สหวทิ ยาลัยรตั นโกสินทร์ ครูเฉลย ศุขะวณิช มีนามเดิมวา่ แ วทิ ยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ถวายตัวในส กรมหลวงนคร นางเฉลย ศุขะวณิช กับครูอาจารยผ์ สมควรได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติ เจ้าจอมมารดา สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป) ประจําปพุทธศักราช ๒๕๓๐ ในรชั กาลที ๕ ห หม่อมองึ ในสม ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ และระบาํ ระบาํ กินนร จนมีความรูค้ ว ระบําโบราณคดี ๔ ชุด คือ ระบําทวารวดี ระบําศรวี ชิ ยั ระบาํ ลพบุรี ระเนตรหน้าพร ท่านแสดงเปน และเชยี งแสน ฟอนแคน เซิงสัมพันธ์ ระบําฉิงธเิ บต ระบํากรบั เปนพระพริ าพ ราํ กิงไม้เงนิ ทองถวาย (บทประพันธข์ อง น ส ปราณี สําราญวงศ์) บหลักสูตรจาก เซิงสราญ ระบําสวสั ดิรกั ษา ระบํามิตรไมตรซี ีเกมส์ ระบําศรชี ยั สิงห์ ผลงานเกียวก และตัวประกอ ระบําขอม และระบําฟอน kar-saedng-n อา้ งองิ https://sites.google.com/ 18/6/2564 18/6/2564 ผู้จัดท ผู้จัดทํา นางสาวพัชรณ์ ัฏฐ์ ทองชว่ ย 34 ครูลมุล ยมะคุปต์ เกิดเมือวนั ที 2 มิถุนายน พ ศ 2448 อา้ งองิ ครูอาคม สายาคม เดิมชอื บุญสม เกิดเมือว เปนชาวจังหวดั น่าน เปนธดิ าของรอ้ ยโทนายแพทยจ์ ีน พ ศ 2406 ณ บ้านสีแยกหลานหลวง จังห https://sites.google.com/ เปนบุตรของนายเจือ ศรยี าภัยและนางผาด อญั ชญั ภาติกับนางคํามอย บดิ าพาไปถวายตัวเปนนางละคร ณ สกุลเดิม อศิ รางกูร ณ อยุธยา วงั สวนกุหลาบ เรมิ ฝกหดั นาฏศิลปตังแต่อายุ 5 ครูลมุล ยมะคุปต์ ครูอาคมได้รบั การฝกหดั โขนพรอ้ มก ขวบและยา้ ยไปศึกษาด้านละครใน ณ วงั เพชรบูรณ์ นจบชนั มัธยมปที 3 จากนัน เข้ารบั ต ผลงานด้านการแสดง ท่านแสดงเปนตัวเอกเกือบทุกเรอื ง แผนกโขนหลวง กรมพิณพาทยแ์ ละ เพราะมีฝมือเปนเยยี ม บทบาททีท่านเคยแสดง เชน่ พระสังข์ กระทรวงวงั เขยเล็ก เจ้าเงาะ ฮเนา ซมพลา พระวษิ ณุกรรม พระอภัยมณี ศรสี ุวรรณ สุดสาคร อุศเรน อเิ หนา สียะตรา วหิ ยาสะกํา อุณรุท ผลงานด้านการแสดง ครูอาคม พระราม พระลอ พระมงกุฎ อนิ ทรชติ พระนารายณ์ พระคเณศ เชน่ พระราม อเิ หนา พระรว่ ง พ ขุนแผน พระไวย ไกรทอง ฮเนา สมิงพระราม พระไวย พลายบวั พระพนั วษา เปนต้น พระลอ อุณรุท พระสังข์ เปนต้น นอกจากนี ท่านยงั เปนผู้รา่ งหลักสูตรใหแ้ ก่วทิ ยาลัยนาฏศิลป ผลงานด้านประดิษฐ์ท่าราํ ได ซึงนับวา่ ท่านเปนครูนาฏศิลปคนแรกในการวางหลักสูตรการเ เพลงหน้าพาทยต์ ระนาฏราช เพลงหน้าพาทยโ์ ปรยขา้ วตอก รยี นการสอนนาฏศิลปไทย ทําใหก้ ารเรยี นนาฏศิลปมีระบบ ลีลาประกอบท่าเชอื ม ตําราท่า มีขันตอนในการฝกหดั ผลงานด้านวชิ าการ เขียนคําอ บทความ เพลงพนื เมือง เพลง นับเปนมรดกทางวฒั นธรรมอนั ลาค่าทีท่านฝากไวแ้ ก่แผ่นดิน ความสําคัญของหวั โขน ระบํา การเลือกเด็กเขา้ ฝกหดั ละครส ในการคิดค้นท่าราํ นัน เปนต้น บางท่าราํ ครูลมุลสามารถนําเอาท่าราํ ของนาฏศิลปเพือน บ้านมาดัดแปลงประดิษฐ์ขึนใหม่ได้อยา่ งแนบเนียนกลม ผลงานด้านวทิ ยุกร แสดงนิยายและบร กลืน ซึงเปนแนวคิดและกลวธิ ที ีครูนาฏศิลปในรุน่ ต่อๆ ดนตรไี ทย ตังคณะ มาได้นํามาใชเ้ ปนแบบอยา่ ง เปนต้น ผลงานด้านภาพยน ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ แสดงเปนพระเอก ทีประดิษฐ์ใหก้ รมศิลปากรในฐานะผู้เชยี วชาญ เชน่ เรอื งไซอวิ ราํ แม่บทใหญ่ ราํ ซัดชาตรี ราํ วงมาตรฐาน ราํ เถิดเทิง แสดงเปนพระถังซ เปนต้น ราํ กิงไม้เงนิ ทอง ระบํากลอง ระบาํ ฉิง ระบํานกยูง อา้ งองิ https://sites.g ระบํากฤดาภินิหาร ระบําชุมนมุ เผ่าไทย ระบาํ อธษิ ฐาน ระบาํ ในนามีปลา ระบําระฆัง ระบํานกสามหมู่ ระบาํ เชญิ พระขวญั ฟอนเงยี ว ฟอนเล็บ ฟอนเทียน ฟอนม่านมุ้ยเชยี งตา ฟอนแพน ฟอนแคน เซิงสราญ เซิงสัมพันธ์ เปนต้น อา้ งองิ https://sites.google.com/ 18/06/64 อา้ งองิ https://sites.google.com/ ครูอาคม สายาคม ผู้จัดทํา นางสาวพชั รณ์ ัฏฐ์ ทองชว่ ย 32 ผู้จัดทํา นางสาวพัชรณ์ ัฏ ทองชว่ ย 32

านต์ อา้ งองิ https://www.google.co.th/ 1 โขน หมายถึง เปนการแสดงนาฏศิลปชนั สูงของไทยทีมีเอกลักษณ์คือ google.co.th/ ผู้แสดงจะต้องสวมหวั ทีเรยี กวา่ โขน และใชล้ ีลาท่าทางการแสดงด้วยการเต้นไปตามบทพาก อา้ งองิ https://www.google.co.th/ ย์ การเจรจาของผู้พากยแ์ ละตามทํานองเพลงหน้าพาทยด์ ้ เปน 2 คํา “นาฏ” หมายถึง การฟอนราํ วยวงปพาทย์ เรอื งทีนิยมนํามาแสดง คือ า “ศิลปะ” หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอนราํ พระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรามเกียรติ แต่งกายเลียนแบบเครอื งทรงของพระมหากษัตรยิ ท์ ีเปน นับแต่การฟอนราํ พืนเมืองของชาวบ้าน เชน่ เครอื งต้น เรยี กวา่ การแต่งกายแบบ “ยนื เครอื ง” ราํ โทน ราํ วง ตลอดจนขึนไป มีจารตี ขันตอนการแสดงทีเปนแบบแผน ถึงการฟอนทีเรยี กวา่ นิยมจัดแสดงเฉพาะงานพิธสี ําคัญ ได้แก่ ระบาํ ของนางราํ ระบําเดียว ระบําคู่ งานพระราชพิธตี ่าง ๆ ระบาํ ชุม ผูจ้ ัดทํา นางสาวกุลนิษฐ์ เซ่งเขม็ 23 “ศิลปะ” ได้แก่ สิงทีมนษุ ยส์ รา้ งขึน สรา้ งอยา่ งประณีต ดีงาม 2 ละคร หมายถึง เปนศิลปะการรา่ ยราํ ทีเล่นเปนเรอื งราว และสําเรจ็ สมบูรณ์ มีพัฒนาการมาจากการเล่านิทาน ศิลปะเกิดขึนด้วยทักษะ คือ ละครมีเอกลักษณ์ในการแสดงและการดําเนินเรอื งด้วยกระบ ความชาํ นาญในการปฏิบัติ วนลีลาท่าทาง เข้าบทรอ้ ง ทํานองเพลงและเพลงหน้าพาทยท์ ีบรรเลงด้วยวงปพาทยม์ ีแบ อา้ งองิ https://guru.sanook.com/ บแผนการเล่นทีเปนทังของชาวบา้ นและของหลวงทีเรยี กวา่ 18/6/2564 ละครโนราชาตรี ละครนอกและละครใน เรอื งทีนิยมนํามาแสดงคือ พระสุธน สังข์ทอง คาวี อเิ หนา อุณรุท นอกจากนียงั มีละครทีปรบั ปรุงขึนใหม่อกี หลายชนิด การแต่งกายของละครจะเลียนแบบเครอื งทรงของพระมหากษั ตรยิ ์ เรยี กวา่ การแต่งกายแบบยนื เครอื ง นิยมเล่นในพิธสี ําคัญและงานพระราชพิธขี องพระมหากษัตรยิ ์ ผู้จัดทํา นางสาวภัทรธดิ า ทองเทียง 33 ประเภทของการแสดงนาฏศิลปไทย 3 ราํ หมายถึง ออกตามลักษณะของรูปแบบการแสด ศิลปะแหง่ การรา่ ยราํ ทีมีผูแ้ สดงตังแต่ 1-2 คน เชน่ การราํ เดียว การราํ คู่ การราํ อาวุธ เปนต้น ง เปนประเภทใหญ่ ๆ ได้ ดังนี มีลักษณะการแต่งกายตามรูปแบบของการแสดง ไม่เล่นเปนเรอื งราว อาจมีบท บบ รูปแบบของนาฏศิลปไทย ขบั รอ้ งประกอบการราํ เขา้ ทํานองเพลงดนตรี มีกระบวนท่าราํ โดยเฉพาะการราํ คู่จะต่างกับระบาํ เนืองจากท่าราํ จะมีความเชอื มโยงสอดคล้องต่อเนือ งกัน และเปนบทเฉพาะสําหรบั ผู้แสดงนัน ๆ เชน่ ราํ เพลงชา้ – เพลงเรว็ ราํ แม่บท ราํ เมขลา – รามสูร เปนต้น ผู้จัดทํา นางสาวภัทรธดิ า ทองเทียง 33 3.1 ระบํา หมายถึง ศิลปะการรา่ ยราํ ทีแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่ 4.การแสดงพนื เมือง หมายถึง ไม่ดําเนินเรอื งราว ใชเ้ พลงบรรเลง เปนศิลปะแหง่ การรา่ ยราํ ทีมีทังราํ อาจมีเนือรอ้ งหรอื ไม่มีเนือรอ้ งก็ได้ ระบํา หรอื การละเล่นทีเปนเอกลักษณ์ของก เน้นการแปรแถวในลักษณะต่าง ๆ ลุ่มชนตามวฒั นธรรมในแต่ละภูมิภาค อยา่ งมีระเบยี บงดงามและเน้นความพรอ้ มเพีย งเปนหลัก เชน่ ระบาํ ชุมนมุ เผ่าไทย ระบําโบราณคดี ระบํานกสามหมู่ ระบาํ เชยี งแสน ระบําสุโขทัย ระบําทวารวดี ระบําลพบุรี ระบําศรวี ชิ ยั เปนต้น ผู้จัดทํา นางสาวกุลนิษฐ์ เซ่งเขม็ 23 การแสดงพนื เมืองภาคเหนือ “ฟอน” การฟอนเปนวฒั นธรรมของชาวล้านนา และกลุ่มชนเผ่าต่างๆ เชน่ ชาวไต ชาวลือ ชาวยอง ชาวเขิน เปนต้นมีลีลาท่าราํ ทีแชม่ ชา้ ออ่ นชอ้ ยมีการแต่งกายตามวฒั นธรรมท้องถินทีสวยงาม โอกาสทีแสดงมักเล่นกันในงานประเพณีหรอื ต้อนรบั แขกบ้ านแขกเมือง ได้แก่ ฟอนเล็บ ฟอนเทียน ฟอนสาวไหม ท่านผหู้ ญงิ แผว้ สนิทวงศ์เสนี** การแสดงพนื เมืองภาคกลาง แผว้ สุทธบิ ูรณ์ เกิดเมือวนั ที ๒๕ ธนั วาคม ๒๔๔๖ เมืออายุ ๘ ขวบ เปนศิลปะการรา่ ยราํ และการละเล่นของชนชาวพืน สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวธุ บ้านภาคกลาง รราชสีมา และได้รบั การฝกหดั นาฏศิลป ซึงส่วนใหญ่มีอาชพี เกียวกับเกษตรกรรมจึงมีความ ผู้ทรงคุณวฒุ ิในราชสํานักเชน่ สอดคล้องกับวถิ ีชวี ติ และเพือความบันเทิงสนกุ สนา าวาดและเจ้าจอมมารดาเขยี น ในรชั กาลที ๔ เจ้าจอมมารดาทับทิม นเชน่ การเล่นเพลงเกียวข้าว เต้นกําราํ เคียว หม่อมแยม้ ในนามสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรสี ุรยิ วงศ์ มเด็จพระบัณฑูรฯ การแสดงพนื เมืองภาคใต้ แบ่งได้ 2 กลุ่มคือ วามสามารถออกแสดงละครเปนตัวเอกในโอกาสทีแสดงถวายทอดพ วฒั นธรรมไทยพุทธ ได้แก่ การแสดงโนรา ระทีนัง ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั หลายครงั หนังตะลุง เพลงบอก และวฒั นธรรมไทยมุสลิม นอเิ หนาและนาดรสาในเรอื งอเิ หนา ได้แก่ รองเงง็ ซําแปง ลิเกฮูลู ลักษณะพูดเรว็ พและทศกัณฐ์ในเรอื งรามเกียรติทางด้านการศึกษาวชิ าสามัญท่านจ และวอ่ งไว กโรงเรยี นในวงั สวนกุหลาบในรชั สมัยพระมหาธรี ราชเจ้า กับการแสดงศิลปะนาฏกรรม เชน่ ท่าราํ ของตัวพระ นาง ยกั ษ์ ลิง การแสดงพนื เมืองภาคอสี าน อบ การแสดงโขน ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ละครพนั ทาง มีวฒั นธรรมไทยลาวซึงมักเรยี กการละเล่นวา่ “เซิง ฟอน นต่างๆhttps://sites.google.com/site/sittipanareerat422/bth-thi2- และหมอลํา” เชน่ เซิงบังไฟ เซิงสวงิ ฟอนภูไท natsilp-thiy/kar-pradisth-tha-ra-ni-kar-saedng-natsilp ส่วนกลุ่มอสี านใต้ได้รบั อทิ ธพิ ลไทยเขมร มีการละเล่นทีเรยี กวา่ เรอื ม หรอื เรอ็ ม เชน่ เรอื มลูดอนั เร ทํา นางสาวรุจิรดา ขุนทอง หรอื ราํ กระทบลักษณะท่าราํ และท่วงทํานองดนตรใี นการแสดงค่ อนข้างกระชบั รวดเรว็ และสนกุ สนาน วนั ที 26 ตุลาคม หวดั พระนคร https://sites.google.com/site/sciencechutim akuna/content01/content02/content02-1 ศรยี าภัย https://sites.google.com/site/natsilprrbanwe กับเรยี นหนังสือจ iyngphan/ra-laea-rab/kar-saedng-phun- ตําแหน่ง “พระ” meuxng ะโขนหลวง 24/7/64 ผู้จัดทํา นางสาวรุจิรดา ขุนทอง 34 มแสดงเปนตัวเอก ครรู งภักดี (เจยี ร จารจุ รณ) พระอภัยมณี า (เรอื งเงาะปา) เกิดเมือวนั ที 14 สิงหาคม พ ศ 2442 ทีจังหวดั นครปฐม น เปนบุตรของจางวางจอนและนางพรงิ ครูรงภักดีฝกหดั โขน (ยกั ษ์) ด้แก่ กับพระยานัฏกานรุ กั ษ์และคุณหญิงนัฏกานรุ กั ษ์ เมืออายุ 13 ปทีกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 6 ก เพลงเชดิ จีน ต่อมาเขา้ รบั ราชการเปนศิลปนในกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 7 าราํ นอกจากรบั ราชการเปนตํารวจหลวงแล้ว อธบิ ายนาฏยศัพท์ ท่านยงั มีหน้าทีเปนครูสอนนาฏศิลปโขนอกี ด้วย งหน้าพาทย์ า ราํ เต้น ครูรงภักดีเปนผู้มีความสามารถในการราํ เพลงหน้าพาทยอ์ งค์พระพิราพ สมัยรชั กาลที 7 ซึงเปนนาฏศิลปสูงสุดได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯใหน้ ายรงภักดีประกอบพิธคี รอบองค์พระ ระจายเสียง ตังคณะสายเมธี เมือวนั ที 24 มกราคม พ ศ 2506 ณ รรเลงในแบบดนตรสี ากลและ บรเิ วณโรงละครพระทีนังอมั พรสถาน พระราชวงั ดุสิต ะสายาคมแสดงเพลงพืนเมือง ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯใหม้ ีพิธตี ่อท่าราํ หน้าพาทยอ์ งค์พระพิรา พเปนครงั ที 2 ในวนั พฤหสั บดีที 25 พ ศ 2527 ณ ศาลาดุสิตาลัย นตร์ พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน กภาพยนตรเ์ รอื ง อมตาเทวี แก่ศิลปนกรมศิลปากรทีได้รบั การคัดเลือกวา่ เปนผู้ทีมีฝมือเยยี ม ในขณะนันครูรงภักดีชราภาพมากแล้ว มีอายุได้ 86 ป ซําจังและเปนผู้กํากับการแสดง โดยใหศ้ ิลปนต่อท่าราํ จากภาพยนตรท์ ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงบั นทึกท่าราํ ของครูรงภักดีไว้ เมือป พ ศ 2506 google.com/ 18/06/64 ด้วยเหตุนีหน้าพาทยอ์ งค์พระพิราพจึงไม่สูญไปจากนาฏศิลปไ ฏฐ์ ทย นับวา่ ครูรงภักดีได้เปนผู้สืบทอดเพลงหน้าพาทยส์ ูงสุดของวชิ านาฏศิลปไวเ้ ปนมรดกของแผ่นดิน เพือเยาวชนไทยรุน่ หลังจะได้ศึกษาเรยี นรูต้ ่อไป อา้ งองิ https://sites.google.co m/ 18/06/64 ผู้จัดทํา นางสาวรุจิรดา ขุนทอง 34

1.ขอ้ ใดไมใ่ ช่การกาเนดิ นาฏศลิ ปไ์ ทย ก.การเรียนแบบธรรมชาติกริ ยิ าทา่ ทางของมนษุ ย์ ข.การดัดแปลงจากวรรณกรรมจติ รกรรมประตมิ ากรรม ค.การเซ่นสรวงบูชาเทพเจ้า ง.จากการรับอารยธรรมอินเดยี ตอบ ข. (นางสาวรุจริ ดา ขนุ ทอง เลขที่ 34) 2.รปู แบบนาฎศิลปม์ แี กป่ ระเภท ก.4.ประเภท ได้แก่ ราและระบา โขน ละคร การแสดงพื้นบ้าน ข.3 ประเภท ได้แก่ ละคร โขน รา ค.5ประเภท ไดแ้ ก่ ฟอ้ น เซ้ิง โขน ละคร การแสดงพ้ืนบ้าน ง.2ประเภท ไดแ้ ก่ โขน การแสดงพืน้ บา้ น ตอบ ก. (นางสาวณัฐกานต์ ศรณี ะกจิ จา เลขท่ี 31) 3.ศลิ ปะแหง่ การร่ายราท่มี ีผ้แู สดงตั้งแต่ 1-2 คนคือการแสดงรูปแบบใด ก.ระบา ข.โขน ค.รา ง.ละคร ตอบ ค. (นางสาวกมลชนก สวุ ลกั ษณ์ เลขท่3ี 0 ) 4.การร่ายราของพระอศิ วรมที ่าราท้งั หมดกีท่ ่า ก.106 ท่า ข.108 ท่า ค.116ทา่ ง.161 ท่า ตอบ ข. (นางสาวพัชรณ์ ฏั ฐ์ ทองชว่ ย เลขท3ี่ 2) 5.โขนมีลักษณะการแตง่ กายอย่างไร ก.ทรงเครอื่ ง ข.นงั่ เครื่อง ค.ย่นื เครอ่ื ง ง.ขบั เครอ่ื ง ตอบ ค. (นางสาวภทั รธิดา ทองเทีย่ ง เลขท3ี่ 3 ) 6.คาวา่ “นาฎ’’กับคาว่า “ศลิ ปะ” เป็นคาประเภทไหน ก.คามลู ข.คาประสม ค.คาซ้อน ง.คาสมาส ตอบ ง. (นางสาวกุลนษิ ฐ์ เซง่ เข็ม เลขที2่ 3 )

พบหลักฐาน การละครและฟอนราํ ปรากฏอยูใ่ นศิลาจารกึ ของพ่อขุนรามคําแหง กล่าววา่ \"เมือจักเข้ามาเรยี งกัน แต่อรญั ญิกพู้นเท้าหวั ลานด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลือน เสียงขับ ใครจักมักเหล้น เหล้น ใครจักมักหวั หวั ใครจักมักเลือน เลือน\" บุคคลสําคัญ คือ พอ่ ขุนรามคําแหง จากหลักฐานทางศิลาจารกึ แม้จะไม่มีคําใดทีแสดงถึงนาฏศิลปไทย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรนื เรงิ สนกุ สนาน อยูอ่ ยา่ งมีความสุขเปนอยา่ งมาก ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว ดากานดา หนนู ่นุ เลขที 37 สมัย มีนิยาย เรอื ง นามาโนหร์ า สมัยน่านเจ้า ววิ ฒั นาการ เปนนิยายของพวกไตหรอื คนไทย ครไทย ย ในสมัยน่านเจ้าทีมีปรากฏอยูก่ ่อนหน้านี คือ กรุงศ การแสดงจําพวกระบํา เชน่ ระบาํ หมวก ระบาํ นกยูง แ ไม่พบหลักฐานเกียวกับบุคลสําคัญในยุคสมัยนี ผูร้ บั ผดิ ชอบ นาย อรยิ ธ์ ชั จันทรส์ องแก้ว สมัยธนบุรี เลขที9และนาย ปรมิน กาเลียง เลขที4 สมัยนีบทละครในสมัยอยุธยาได้สูญหายไป สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรอื สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงรวบรวมศิลปน บทละครทีเหลือมาทรงพระราชนิพนธบ์ ทละคร เรอื ง รามเกียรติ อกี 5 ตอนได้แก่ 1.ตอนอนมุ านเกียวนางวานรนิ 2.ตอนท้าวมาลีวราชวา่ ความ 3.ตอนทศกันฐ์ตังพิธที รายกรด 4.ตอนพระลักษมณ์ถูกหอกกบิลพัท 5.ตอนปล่อนม้าอุปการ นอกจากทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครใน เรอื ง รามเกียรติด้วยพระองค์เองแล้ว พระองค์ยงั ทรงฝกซ้อมด้วยพระองค์เองอกี ด้วย บุคคลสําคัญ คือ พระเจ้าตากสินเมมือสหมาเรดา็จพชระเจ้ากรุงธนบุรที รงกู้เอกราชเปนผลสําเรจ็ และบา้ นเมืองค่อยกลับคืนเข้าสู่สภาวะเปนปรกติแล้ว พระองค์ท่านก็ได้ทรงเอาพระทัยใส่ เพยี รพยายามฟนฟูศิลปวฒั นธรรมของชาติทางด้านนีเปนอยา่ งมาก ปรากฏวา่ พระองค์ท่านทรงได้ ละครผู้หญงิ ของเจ้านครศรธี รรมราช เมือคราวเสด็จลงไปปราบชุมนมุ เจ้านครเมือ ป พ ศ 2312 นันเข้ามาเปนครูฝกหดั ขึนใหม่ สมทบกับพวกละครต่างๆ ทีทรงรวบรวมได้มาจากทีอนื มาฝกหดั จัดเปน ละครหลวง ขึนใหม่ในกรุงธนบุรโี ดยยดึ ถือแบบอยา่ งครงั กรุงศรอี ยุธยา เปนแบบฉบับในการฝกหดั จึงเปนเหตุใหก้ ารนาฏศิลปโขน ละครของไทย ได้ฟนตัวขึนมาใหม่ตังแต่บัดนันเปนต้นมา แต่ละครของเมืองนครกับละครของกรุงเก่า (กรุงศรอี ยุธยา) มีแบบแผนการแสดงแตกต่างกันไปบ้าง ละครของกรุงเก่ามีเจ้าฟาพนิ ทวดีพระราชธดิ าในพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศเปนต้นแบบ เครง่ ครดั ในการแสดงอยา่ งละครใน ส่วนละครของเมืองนครซึงไม่ใชเ่ มืองหลวงนัน ผ่อนผันตามความนิยมของผู้ชมโดยทัวไปบา้ ง

ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว กานดิศา มานีมาน เลขที36 ยสุโขทัย ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว จิรวรรณ คงชว่ ย เลขที39 และนาย ธฤต บุราญคุณ เลขที 12 รของนาฏศิลปและการละ สมัยอยุธยา มีการแสดงละครชาตรี ละครนอก ละครใน ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย แต่เดิมทีเล่นเปนละครเร่ ศรอี ยุธยา กรุงธนบุรี จะแสดงตามพืนทีวา่ งโดยไม่ต้องมีโรงละคร เรยี กวา่ และบุคคลสําคัญ ละครชาตรี ต่อมาได้มีการววิ ฒั นาการเปนละครราํ เรยี กวา่ ละครใน ละครนอก : โดยปรบั ปรุงรูปแบบใหม้ ีการแต่งกายทีประณีตงดงามมากขึน มีดนตรี บทรอ้ ง และมีการสรา้ งโรงแสดง ละครในแสดงในพระราชวงั จะใชผ้ ูห้ ญิงล้วน หา้ มไม่ใหช้ าวบ้านเล่น เรอื งทีนิยมมาแสดงมี 3 เรอื งคือ อเิ หนา รามเกียรติ และอุณรุท ส่วนละครนอก ชาวบ้านจะแสดง ใชผ้ ูช้ ายล้วน ดําเนินเรอื งอยา่ งรวดเรว็ สมัยสมเด็จพระบรมราชาธริ าชที 3 เปนสมัยทีโขนเจรญิ รุง่ เรอื งเปนอยา่ งมาก ีละครเรอื งใหญ่ๆ อยู่ 4 เรอื ง คือ อเิ หนา รามเกียรติ อุณรุท และดาหลัง บุคคลสําคัญ คือ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชที 3 ทรงเปนผู้นิพนธ์ กําสรวลสมุทร (นิยมเรยี กกันวา่ กําสรวลศรปี ราชญ์) ก่อนขึนครองราชย์ เนืองในการเสด็จทางชลมารค ล่องลํานาเจ้าพระยา จากกรุงศรอี ยุธยาไปยงั หวั เมืองชายทะเลแถวปากแม่นา พระราชนิพนธน์ ีได้กล่าวถึงความยงิ ใหญ่ของกรุงศรอี ยุธยา แหล่งอา้ งองิ ววิ ฒั นาการของการละครไทยตังแต่อดีตถึงปจจุบั (ขอ้ มูลทังหมดนํามาจากเวบ็ ไซต์นี) น (ออนไลน์). 2559, แหล่งทีมา : https://sites.google.com/site/bluestampnew/ system/app/pages/recentChanges (15 มิถุนายน 2564 )

แบบทดสอบ เรื่อง ววิ ฒั นาการของนาฏศลิ ป์และการละครไทย ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย กรุงศรอี ยุธยา กรุงธนบรุ ี 1. การเเสดงใดในสมัยอยธุ ยาใชผ้ หู้ ญงิ ล้วนในการเเสดงหา้ มใหช้ าวบา้ นเลน่ เรื่องทน่ี ิยมเเสดง คอื อิเหนา รามเกยี รต์ิ และอณุ รุท ก.ละครใน ข.ละครนอก ค.ละครโขน ง.ละครดึกดาบรรพ์ ตอบ ก.ละครใน 2.พระเจา้ ตากสินมหาราชได้รวบรวมศิลปินทเ่ี หลอื มาเเตง่ บทละคร เร่อื ง รามเกียรติ์ มีก่ีตอน ชือ่ ตอน อะไรบา้ ง ก. 5 ตอน ตอน อนมุ านเกี้ยวนางวานรนิ ตอน ทา้ วมาลีวราชวา่ ความ ตอน ทศกณั ฐ์ตั้งพิธี ทรายกรด ตอน พระลักษมณถ์ ูกหอกกบลิ พัท และตอน ปลอ่ ยม้าอุปการ ข. 4 ตอน ตอน อนุมานเกี้ยวนางวานรนิ ตอน ท้าวมาลีวราชวา่ ความ ตอน พระลกั ษมณ์ถกู หอกกบลิ พทั และตอน ปลอ่ ยม้าอปุ การ ค. 3 ตอน ตอน ศึกไมยราพ ตอน อนุมานเกย้ี วนางวานรนิ และตอน ทา้ วมาลวี ราชวา่ ความ ง. 5 ตอน ตอน อนมุ านเกยี้ วนางวานริน ตอน ทา้ วมาลวี ราชว่าความ ตอน ทศกันฐ์ตง้ั พธิ ี ทรายกรด ตอน พระลักษมณถ์ กู หอกกบิลพัท และตอน ศึกไมยราพ ตอบ ก.5 ตอน ตอน อนมุ านเกีย้ วนางวานริน ตอน ทา้ วมาลีวราชว่าความ ตอน ทศกณั ฐต์ ั้งพิธีทราย กรด ตอน พระลกั ษมณถ์ ูกหอกกบิลพัท และตอน ปลอ่ ยมา้ อปุ การ 3.สมยั ใดท่โี ขนมคี วามเจริญอย่างมาก ก.สมยั ธนบรุ ี ข.สมยั นา่ นเจา้ ค.สมยั สุโขทยั ง.สมัยอยุธยา ตอบ ง.สมยั อยุธยา 4. หลกั ฐานการละครและฟ้อนราที่ปรากฏอยูใ่ นศิลาจาลึกของพ่อขนุ รามคาแหงได้รบั วฒั นธรรมของ ชาตใิ ดผสมผสานกบั วฒั นธรรมไทย ก.จีน ข.ลาว ค.อนิ เดยี ง.เมยี นมา ตอบ ค.อนิ เดยี

5.นิยายเร่อื งนามาโนห์รา เป็นนิยายของพวกไตหรือคนไทยเปน็ การแสดงจาพวกระบา เชน่ ระบาหมวก ระบานกยูง เกดิ ขน้ึ ในสมยั ใด ก.สมัยอยุธยา ข.สมยั นา่ นเจ้า ค.สมัยสุโขทัย ง.สมัยธนบรุ ี ตอบ ข.สมัยน่านเจ้า สมาชกิ ในกล่มุ นายปรมินทร์ กาเลยี่ ง ชั้น ม.4/12 เลขที่ 4 นายอรยิ ์ธชั จัทร์สองแกว้ ชนั้ ม.4/12 เลขท่ี 9 นายธฤต บรุ าญคุณ ชน้ั ม.4/12 เลขที่ 12 นางสาวกานดศิ า มานมี าน ช้นั ม.4/12 เลขท่ี 36 (หัวหน้ากลมุ่ ) นางสาวากานดา หนูนนุ่ ชนั้ ม.4/12 เลขที่ 37 นางสาวจิรวรรณ คงช่วย ชนั้ ม.4/12 เลขท่ี 39

สามชกิ ในกลุ่ม ห นางสาวองค์อุมา สิขะโต น E-mail : [email protected] E โทรศัพท์ : 0980801377 โท Facebook : Mameaw Onguma F Line : bbabymeow2407 L สมาชกิ ในกลุ่ม GROUP WORK นางสาวปยธดิ า บุญศรี กลุ่ม: เรยี นรูน้ าฏศิลปไทย E-mail : [email protected] โทรศัพท์ : 0950688540 Facebook : 읏어요 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวปวนั พัสตร์ นาทันลิ E-mail : [email protected] โทรศัพท์ : 0960585346 Facebook : Pawanpas Natanli Line : 089977730 สมาชกิ ในกลุ่ม นายเปรมินทร์ ยอดน้ยุ E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0947235300 Facebook : Mix preramin Line : 01060929m

หวั หน้ากลุ่ม นางสาว อภิาฎา พลเพชร E-mail : [email protected] ทรศัพท์ : 093-6795327 Facebook : Apisada Phonphet Line : 259727406 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวอรสิ า สักหลัด E-mail : [email protected] Facebook : ฟา'เมล่อน โทรศัพท์ : 0966706113 Line : A_r_i_s_a1234 ย เลขานกุ ารกลุ่ม นางสาวไอลดา อุน่ นวล E-mail : [email protected] Facebook : บิก งายยย โทรศัพท์ : 095-0386428 Line : 095-0386428

พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที9 บ นาฎศิลป ละคร ฟอน ราํ บุคคลส ได้อยูใ่ นความรบั ผิดชอบของรฐั บาล ได้มีการส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เชยี วชาญนาฎศิลปไทยคิดประดิษฐ์ ด่าราํ ระยาํ ชุดใหม่ ได้แก่ ระบําพม่าไทยอธฐิ าน ปจจุบันได้มีการนํานาฎศิลปนานาชาติมาประยุคต์ใชใ้ นก ารประดิษฐ์ท่าราํ รูปแบบของการแสดง มีการนําเทคนิคแสง สี เสียง เข้ามาเปนองค์ประกอบในการแสดงชุดต่างๆ ปรบั ปรุงลีล่าท่าราํ ใหเ้ หมาะสมกับฉาก บนเวทีการแสดงมีการติดตังอุปกรณ์ทีทันสมัย ทังระบบม่าน ฉาก แสง ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีระบบเสียงทีสมบูรณ์ มีเครอื งฉายภาพยนตรป์ ระกอบการแสดง และเผยแพรศ่ ิลปกรรมทุกสาขานาฏศิลป และสรา้ งนักวชิ าการและนักวจิ ัยในระบบสูง โดยมีการเปดสอนนาฏศิลปไทยในระดับปรญิ ญาเอกอกี หลายแหง่ บุคคลสําคัญทางนาฏศิลปในรชั กาลที9 นางเฉลย : ศุขะวณิช ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ และระบํา ระบาํ กินนร ระบาํ โบราณคดี ๔ ชุด คือ ระบาํ ทวารวดี ระบาํ ศรวี ชิ ยั ระบาํ ลพบุรี และเชยี งแสน ฟอนแคน เซิงสัมพันธ์ ระบาํ ฉิงธเิ บต ระบาํ กรบั ราํ กิงไม้เงนิ ทองถวาย (บทประพันธข์ อง น ส ปราณี สําราญวงศ์) เซิงสราญ ระบาํ สวสั ดิรกั ษา ระบาํ มิตรไมตรซี ีเกมส์ ระบาํ ศรชี ยั สิงห์ ระบําขอม รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั อานันทมหดิ ล พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั รชั กาลที7 ววิ ฒั นาการของนาฏศิลปและการ หลวงวจิ ิตรวาทการ อธบิ ดีของกรมศิลปาการ สมัยรตั นโกสินทร์ ได่ก่อตังโรงเรยี นนาฏดุรยิ างคศาสตรข์ ึนมา เกิดปญหาด้านเศรษฐกิจจึงได้มีการยกเลิกกรมมหรสพ ได้รวบรวมกรม มหาดเล็กและกรมมหรสพเข้าอยูใ่ นกระทรวงวงั โอนไปสังกัดกรมศิลปากร พระบ เพือปกกันไม่ใหศ้ ิลปะทางด้านนาฏศิลปไทยในสมัยนีได้เกิด ในสมัยน ละครวจิ ิตร ซึงเปนละครปลุกใจใหร้ กั ชาติ จึงเปน “โขนกองศิลปากร” เกิด ละครแบบใหม่ขึน คือละครเพลง หรอื ทีรูจ้ ักกันในชอื “ละครจันทโรภาส” และ “ละครหลวงวจิ ิตรวาทการ” เ และเปนการสรา้ งแรงจูงใจใหค้ นไทยหนั มาสนใจนาฏศิลปไ ทรงพระกรุณาโปรดใหม้ ีการจัดตังกรมศิลปากรขึนแทนกรมมหรสพทีถูกยุบไป พัฒนาละ ทย ทรงกําห ทาใหศ้ ิลปะโขน ละคร ระบํา ราํ ฟอน และได้มีการตังโรงเรยี นนาฏศิลปแทนโรงเรยี นนาฏดุรยิ าง างๆ เช คศาสตร์ ซึงถูกทําลายตอนสงครามโลกครงั ที 2 บุคคลสําคัญทางนาฏศิลปในรชั กาลที7 ราํ บําต ระยาํ ไก เพือเปนสถานศึกษานาฏศิลปและดุรยิ างคศิลปของทางรา ชการ และเปนการทุบํารุง บุค เผยแพรน่ าฏศิลปไทยใหเ้ ปนทียกยอ่ งนานาอารยาประเทศ เจ้าพระยามหนิ บุคคลสําคัญทางนาฏศิลปในรชั กาลที8 เปนศิลปนด้านนาฏศิลป, โขน และละครราํ เปนทีรูจ้ ักจากความสามารถในแสดงโขนและละครชาตรไี ด้ทุกบท บาทแม้แต่ในบทบาทของผู้ชายครูหมันกับครูลมุล ยมะคุปต์ ได้รว่ มกันประดิษฐ์ท่าราํ แม่บทใหญ่ ตลอดเวลาทีท่านเข้ารบั ราชการ ท่านได้เดินทางไปแสดงในนามรฐั บาลไทยในประเทศญปี ุน และได้รบั การยกยอ่ งในความสามารถของท่านทีสามารถแสดงบท บาทในละครได้ทุกบทบาท และในการแสดงโขน ท่านสามารถขึนแสดงแทนในบทบาทชายได้ คณะโขนละครของครูหมัน คงประภัศร์ ครูอาคม สายาคม ผลงานด้านการแสดง ครูอาคมแสดงเปนตัวเอก เชน่ พระราม อเิ หนา พระรว่ ง พระอภัยมณี ขุนแผน เปนต้น ผลงานด้านประดิษฐ์ท่าราํ ได้แก่ เพลงหน้าพาทยต์ ระนาฏราช เพลงหน้าพาทยโ์ ปรยข้าวตอก เพลงเชดิ จีน ผลงานด้านภาพยนตร์ แสดงเปนพระเอกภาพยนตรเ์ รอื ง อมตาเทวี เรอื งไซอวิ แสดงเปนพระถังซําจังและเปนผู้กํากับ การแสดง เปนต้น ผลงานด้าน กํากับการแสดงและการสอนโขนและละครเรอื งต่างๆ ผลงานด้านวชิ าการ เขียนคําอธบิ ายนาฏยศัพท์ บทความ เพลงพืนเมือง เพลงหน้าพาทย์ ความสําคัญของหวั โขน ระบํา ราํ เต้น การเลือกเด็กเข้าฝกหดั ละครสมัยรชั กาลที 7 เปนต้น พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั รชั กาลที6 เปนศิลปะด้านนาฎศิลป เจรญิ รุง่ เรอื งมาก พระองค์โปรดใหต้ ังกรมมหรสพขึน มีการทํานบุ ํารุงศิลปะทางโขน ละคร และดนตรปี พาทย์ ทําใหศ้ ิลปะทําใหม้ ีการฝกหดั อยา่ งมีระเบี ยบแบบแผนโปรดตังโรงเรยี นฝกหดั นาฎ ศิลปในกรมมหรสพ นอกจากนี [ยงั ได้มีการปรบั ปรุงวธิ กี ารแสดงโขนเป นละครดึกดําบรรพเ์ รอื งรามเกียรติและไ ด้เกิดโขนบรรดาศักดิทีมหาดเล็กแสดงคู่ กับโขนเฉลยศักดิทีเอกชนแสดง และพระองค์ทรงเปนต้นกําเนิดของละค รพูดแบบรอ้ ยแก้ว บุคคลสําคัญทางนาฏศิลปในรชั กาลที6 ศิลปนแหง่ ชาติ พ ศ 2529 สาขาศิลปะการแสดง อา้ งองิ : ผู้มีบทบาทสําคัญยงิ ในการเปนต้นแบบสาธยายท่า อา้ งองิ : ราํ หน้าพาทยอ์ งค์พระพิราพต่อเบืองพระพักตรข์ อง พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จนกลายเปนสมบัติทางวฒั นธรรมอนั ลาค่าทีถูกสืบ ทอดมาจนถึงปจจุบนั นี ครูรงภักดี หน้าทีของสมาชกิ ในกลุ่ม น ส อภิษฎา พลเพชร เลขที 22 (หวั หน้า) หน้าที : หาขอ้ มูล รชั กาลที 3 และ 4 นายเปรมินทร์ ยอดน้ยุ เลขที 16 หน้าที : หาบุคคลสําคัญในแต่ละรชั กาล น ส องค์อุมา สิขะโต เลขที21 หน้าที : หาข้อมูลรชั กาลที 5 และ 6 นางสาวปวนั พัสตร์ นาทันลิ เลขที40 หนา้ ที : หาข้อมูลรชั กาลที 1 และ 2, ใส่อา้ งองิ ขอ้ มูล นางสาวปยธดิ า บุญศรี เลขที41 หน้าที : หาขอ้ มูลรชั กาลที 7 และสรา้ งมายแมพ นางสาวอรสิ า สักหลัด เลขที42 หน้าที : หารูปภาพในแต่ละรชั กาล นางสาวไอลดา อุน่ นวล เลขที44 (เลขา) หน้าที : หาข้อมูลรชั กาลที 8 และ 9

พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลก รชั การที 1 โปรดรวบรวมตําราฟอนราํ และเขียนภาพท่าราํ แม่บทบันทึกไวเ้ ปนหลักฐาน มีการพัฒนาโขนเปนรูปแบบละครใน มีการปรบั ปรุงระบําสีบท ซึงเปนระบํามาตฐานตังแต่สุโขทัย ในสมัยนีได้เกิดนาฏศิลปขึนมาหลายชุด เชน่ ระบําเมขลา-รามสูร บทพระราชนิพนธท์ ีเกิดขึนโดยพระราชดารใิ นฐานะพระประมุขของ กวี มี 4 เรอื ง คือ รามเกียรติ อุณรุท อเิ หนา ดาหลัง ทรงพัฒนาโขนโดยนําละครในเข้ามาผสมผสานในการดําเนินเรอื ง ได้เพิมบทรอ้ ง ปรบั ปรุงเครอื ง แต่งตัว โดยใหผ้ ู้แสดงเปดหน้าและสวมมงกุฎหรอื ชฎาเหมือนละครใน ในตอนปลายรชั กาลที 1 พระเจ้ากรุงกัมพูชาได้ใหค้ รูละครไทยไปฝกหดั ละครหลวงในราชสํา นักกัมพูชา สําคัญทางนาฏศิลปในรชั กาลที1 ได้ทรงตังคณะละครผู้ชายขึนโรงหนึง แสดงเปนละครใน มีตัวละครทีมีชอื เสียงโด่งดังและเปนปรมาจารยค์ น สําคัญของละครใน ในรชั กาลต่อมา ๒ คนคือ นายทองอยู่ เปนตัวอเิ หนา และนายรุง่ เปนตัวเอก เจ้าฟากรมหลวงเทพบรริ ั กษ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รชั กาลที 2 บุคคลสําคัญทางนาฏศิลปในรชั กาลที2 เปนยุคของนาฏศิลปไทย เนืองจากพระมหากษัตรยิ ท์ รงโปรดละครราํ ท่าราํ งดงามตามประณีตแบบราชสํานัก มีการฝกหดั ทังโขน ละครใน ละครนอกโดยได้ฝกผู้หญงิ ใหแ้ สดงละครนอกของหลวงและมีการปรบั ปรุงเ ครอื งแต่งกายยนื เครอื งแบบละครใน สมัยนีวรรณคดี และละครเจรญิ ถึงขีดสุด พระองค์ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งอเิ หนา ซึงเปนละครทีได้รบั การยกยอ่ งจาก วรรณคดีสโมสร วา่ เปนยอดของบทละครราํ คือแสดงได้ครบองค์ 5 คือ ตัวละครงาม ราํ งาม รอ้ งเพราะ พิณพาทยเ์ พราะ และกลอนเพราะ เมือป พ ศ 2511 ยูเนสโก ได้ถวายพระเกียรติคุณแด่พระองค์ ใหใ้ นฐานะบุคคลสําคัญ ทีมีผลงานดีเด่นทางวฒั นธรรม ระดับโลก เจ้าจอมมารดาแยม้ เจ้าจอมมารดาแยม้ ปนนางละครผู้มีชอื ในรชั กาลพระบ าทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทีโดดเด่นจากแสดงเปนอเิ หนา จึงรบั สมญาวา่ แยม้ อเิ หนา แล้วรบั ราชสนองพระเดชพระคุณเปนพระสนมในพระบ าทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยหลังพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยสวรรคต จึงหวนมาเปนครูละครและถ่ายทอดวชิ าแก่ศิษยจ์ นเป นนางละครทีมีชอื เสียงเชน่ กันคือ ท้าววรจันทร์ (เจ้าจอมมารดาวาด ในรชั กาลที 4)และ เจ้าจอมมารดาเขียนในรชั กาลที 4 รละครไทย พระบาทสมเดก็ พระนังเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที3) พระองค์ทรงยกเลิกละครหลวงและโขนตลอดรชั กาลที 3 แต่กลับเปนผลดีแก่เจ้านายและขา้ ราชการทีนิยมละครหลวงในรชั กาลที 2 ซึงไม่กล้านําไปแสดงขณะนัน ด้วยเกรงวา่ จะเปนการแข็งขนั กับละครหลวง ส่งผลใหบ้ รรดาเจ้านายและขา้ ราชการพากันหดั ละครหลวงแบบรชั กาลที ๒ จนเกิดละครเอกชนเปนจํานวนมาก บุคคลสําคัญทางนาฏศิลปในรชั กาลที 3 มีผลงานในการเขยี นบทละครไวห้ ลายเรอื ง เชน่ เรอื งแก้วหน้าม้า สุวรรณหงษ์ และอนื ๆ อกี มากมาย นอกจากนันยงั ทรงเปนนักเพลงยาว และสักวาชนั เยยี ม ซึงในสมัยนันนิยมเล่นสักวากันมากในหมู่กวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงรกั ษ์รณเรศถือวา่ เปนศิลปชนั สูงซึงเจ้านายสูงศักดิและผู้ดีมักนัดชุมนมุ ลอยเรอื เล่นสักวากันในงานนักขัตฤกษ์หรอื ในโอกาสพิเศษ สําหรบั โคลงสีสุภาพ ก็ทรงนิพนธไ์ วไ้ พเราะมาก เชน่ เรอื ง นิราศฉะเชงิ เทรา ฯลฯ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที4) พระองค์โปรดเกล้าฯ ใหม้ ีการรอื ฟนละครหลวงขึน และไม่ได้สังหา้ มใหล้ ะครเอกชนหยุดแสดงเนืองจากทรงเหน็ วา่ การมีคณะละครมากๆเปนเรอื ง ดีจึงทําใหเ้ กิดละครออกภาษา (ละครพันทางในปจจุบัน)นอกจากจะทําใหบ้ ้านเมืองครกึ ครนื แล้ว พระองค์ยงั โปรดใหเ้ ข้ามาเล่นถวายในเขตพระราชฐานได้แต่ทรงมีข้อหา้ มดังนี 1.หา้ มฉุดบุตรชาย-หญิง ผู้อนื มาฝกละคร 2.หา้ มใชร้ ดั เกล้ายอดเปนเครอื งประดับศีรษะ 3.หา้ มใชเ้ ครอื งประกอบการแสดงทีเปนพานทอง หบี ทอง 4.หา้ มใชเ้ ครอื งประดับลงยา 5.หา้ มเปาแตรสังข์ 6.หวั ชา้ งทีเปนอุปกรณ์ในการแสดงหา้ มใชส้ ีเผือก ยกเวน้ ชา้ งเอราวณั บุคคลสําคัญทางนาฏศิลปในรชั กาลที4 บาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั รชั กาลที5 ท่านผู้หญงิ แผ้ว ท่านเปนผู้หนึงทีรว่ มฟนฟูนาฏศิลปไทยในสมัยทีแส สนิทวงศ์เสนี ดง ณ โรงละครศิลปากร นีมีทังอนรุ กั ษ์และพัฒนานาฏศิลปไทยเพือทันสมัย เชน่ มีการพัฒนาละครในละครดึกดําบรรพ์ ท่านทําหน้าทีในการฝกสอน ะครราํ ทีมีอยูเ่ ดิมมาเปนละครพันทางและละครเสภ อาํ นวยการแสดงไม่วา่ จะเปน โขน ละคร ฟอน ราํ า ระบาํ เซิง หนดนาฎศิลปเปนทีบทระบาํ แทรกอยูใ่ นละครเรอื งต่ และท่านยงั เปนผู้ประดิษฐ์คิดค้นท่าราํ ต่าง ๆ ชน่ ราํ บําเทวดา- นางฟา ในเรอื งกรุงพาณชมทวปี ตอนนางบุษบากับนางกํานันชมสารในเรอื งนิเหนา มากมาย ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ก่ เปนต้น และพระองค์ทรงตังชอื โรงละครแบบฝรงั ได้รบั ยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติสาขาน ชอื วา่ ปรนิ ซ์เทียเตอร์ าฏศิลป เมือ พ ศ 2528 และเรมิ แสดงละครแบบเก็บเงนิ ครงั แรก คคลสําคัญทางนาฏศิลปในรชั กาลที5 เปนคนแรกทีคิดตังโรงละคร เล่นละครเก็บเงนิ คนดู ละครในสมัยนันก็คือ ละครนอก วา่ กันวา่ เรอื งทีชอบเล่นคือ ดาหลัง หรอื อเิ หนาใหญ่ แต่ต่อมาเล่นทังละครนอก ละครใน ทวา่ ดัดแปลงท่าราํ ใหย้ กั เยอื งต่างไปจากแบบหลวง นทรศักดิธาํ รง

แบบทดสอบ กล่มุ เรยี นรูน้ าฏศิลป์ ไทย เรอ่ื ง ววิ ฒั นาการของนาฏศิลป์ และการละครไทย สมยั รตั นโกสนิ ทร์ 1.ศิลปิ นแห่งชาติ พ.ศ.2529 สาขาศิลปะการแสดงคือบุคคลใด ก. ครูรงภกั ดี ข. เจา้ พระยามหินทรศกั ด์ิธารง ค. ครูหมนั คงประภศั ร์ ง. ท่านผหู้ ญิงแผว้ สนิทวงศเ์ สนี เฉลย ก.ครูรงภกั ดี นางสาวปวนั พสั ตร์ นาทนั ลิ เลขที่ 40 คิดคาถามขอ้ ที่ 1 2.บุคคลใดเป็ นคนท่ีร่วมฟ้ื นฟนู าฏศิลป์ ไทยในสมยั ที่แสดง ณ โรงละครศิลปากร? ก. เจา้ พระยามหนิทรศกั ด์ิธารง ข. ครูอาคม สายาคม ค. ท่านผหู้ ญิงแผว้ สนิทวงศเ์ สนี ง. ครูรงภกั ดี เฉลย ค.ท่านผหู้ ญิงแผว้ สนิทวงศเ์ สนี นางสาวไอลดา อุ่นนวล เลขท่ี 44 คิดคาถามขอ้ ท่ี 2 3.บุคคลใดที่มบี ทบาทโดดเด่นจากการแสดงเป็นอิเหนา ในสมยั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั ก. ท่านผหู้ ญิงแผว้ สนิทวงศเ์ สนี ข. เจา้ จอมมารดาแยม้ ค. เจา้ จอมมารดาวาด ง. ครูเฉลย ศุขะวณิช ตอบ ข.เจา้ จอมมารดาแยม้ นางสาวองคอ์ ุมา สิขะโต เลขท่ี 21 คิดคาถามขอ้ ที่ 3 4. บุคคลใดเป็ นคนแรกท่คี ิดต้งั โรงละคร? ก.ครูรงภกั ดี ข.ครูอาคมสายาคม ค.ท่านผูห้ ญิงแผว้ สนทิ วงศเ์ สนี ง.เจา้ พระยามหินทรศกั ด์ิธารง ตอบ ง.เจา้ พระยามหินทรศกั ด์ิธารง นางสาวอริสา สักหลดั เลขที่ 42 คิดคาถามขอ้ 4 5. รัชกาลใดเป็นรัชกาลที่นาฏศิลป์ เจริญรุ่งเรืองมาก ก.รัชกาลที่ 7 พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ข.รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ค.รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ง.รัชกาลท่ี 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ตอบ ค.รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั นางสาวอภิษฎา พลเพชร เลขที่ 22 คิดคาถามขอ้ 5

สมาชกิ ในกลุ่ม มโหแลน นางสาวกรกนก วจิ ิตรเวชการ (องิ ) Email : [email protected] เบอรโ์ ทร : 065-0782505 Facebook : Kornkanok Wichitwechakarn Line : 0650782505 สมาชกิ ในกลุ่ม นายปณัทพงศ์ ทองทวี (กาฟวส์) Email: [email protected] เบอรโ์ ทร: 095-8327706 Facebook: Panatpong Thongthawee Line: 0958327706 หวั หน้ากลุ่ม นางสาวบุญญาวรรณ ภูทองเงนิ (แปง) Email: [email protected] เบอรโ์ ทร:083-6563882 Facebook: Boonyawan Phuthongngoen Line: boonyawan00680

สมาชกิ ในกลุ่ม สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวอศิ รนิ ทร์ พิศแลงาม (เดียร)์ นายนพโชติ อนิ ทรวเิ ศษ (โอต๊ ) Email:[email protected] เบอรโ์ ทร: 062-0765602 Email: [email protected] Facebook: Isrin Phitlaengam เบอรโ์ ทร: 098-3863287 Line: isrin994 Facebook: noppachot intarawised นด์เรนเจอร์ Line: 098-386-3287 เลขานกุ าร นายปุญญพัฒน์ ศรสี วสั ดิ (ตัว) Email:[email protected] เบอรโ์ ทร: 094-9295147 Facebook: Poonyapat pat Line: poonyapat

นางสาวกรกนก วจิ ิตรเวชการ โนราห์ ละครราํ เปนศิลป เลขที37 4/14 ทีประกอบด้วย ละครชาตรี และบทขับ ละครนอก มีมาตังแต่ครงั กรุงศรอี ยุธยา เปนรูปแบบละครราํ ทีเก่าแก่ของไทยทีได้รบั การฟนฟูจนถึงทุกวนั นี ละครราํ มีผู้แสด เปนละครทีแสดงกันนอกราชธานี เรอื งของละครชาตรมี ีต้นกําเนิดมาจากเรอื งมโนราห์ การแสดงโนราเปนทีนิยมอยูท่ างภาคใต้ แต่งอง แต่เดิมคงมาจากการละเล่นพืนเมือง ส่วนละครชาตรมี ีความนิยมทางภาคกลาง ซึงมักหาดูได้ในงานแก้บน ท่าราํ ตามบทรอ้ งปร และรอ้ งแก้กัน แบบแผนการแสดงโนราชาตรคี ล้ายคลึงกับละครของทางมลายูทีเรยี กกันวา่ บ เปนละครทีพัฒนามาจากละครชาตรี “มะโยง่ ” แต่ต่างกันทีภาษาและทํานองดนตรี เรา้ อารมณ์ให แต่เดิมคงมีตัวละครเพียง ๓-๔ ตัว ละครชาตรี แต่เดิมผูแ้ สดงเปนชายล้วนมีเพยี ง 3 คนเท่านัน ได้แก่ นายโรง สนกุ อยา่ งละครชาตรี ซึงแสดงเปนตัวพระ อกี 2 คน คือ ตัวนาง และตัวจําอวด ซึงแสดงตลก ตัวละครสือความหม และเปนตัวเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ เชน่ ฤาษี พราน สัตว์ รม ต่อมามีการแสดงละครกันอยา่ งแพรห่ ลาย แต่เดิมนิยมแสดงเพียงไม่กีเรอื ง เชน่ เรอื งมโนราห์ โดยใชส้ นายโรงจะแสดงเปนตัวพระสุธน ตัวนางเปนมโนราห์ จัง และตัวจําอวดเปนพรานบุญ ในปจจุบันละครราํ น ในสมัยหลังละครชาตรี เพิมผู้แสดงใหม้ ากขึนและใชผ้ ู้หญิงรว่ มแสดงด้วย นสิงศักด นายปุญญพฒั น์ ศรสี วสั ดิ เลขที6 4/14 มีทังแบบช ทัวไปในหมู่ราษฎร มีการเล่นเรอื งต่างๆ อยูใ่ นส วดั โ มากขึน ต้องเพิมตัวละครขึนตามเนือเรอื ง วดั พระศรรี ตั นม ศาลหลักเมือง โรงแ การแสดงเรอื ง คาวี ผูแ้ สดงยงั คงเปนชายล้วน แต่การแต่งกายได้ประดิษฐ์เพิมเติม เปลียนแปลงใหป้ ระณีตงามขนึ ในสมัยกรุง ศรอี ยุธยา นิยมเล่นกันหลายเรอื ง ล้วนแต่เปนประเภทจักรๆ วงศ์ๆ นิทานชาวบ้าน นิทานชาดก มีคติสอนใจ เชน่ การเกด คาวี ไชยทัต พิกุลทอง พิมพ์สวรรค์ พิณสุรยิ วงศ์ มโนราห์ โม่งปา มณีพิชยั สังข์ทอง การแสดงเรอื ง ละครชาตรี ไชยทัต มีความมุ่งหมายในการแสดงเรอื งมากกวา่ การรา่ ยราํ ฉะนันในการดําเนินเรอื งจะรวด ละครนอก เรว็ ตลกขบขนั ไม่พิถีพิถันในเรอื งของขนบธรรมเนียมประ เพณี การใชถ้ ้อยคําของผู้แสดง มักใชถ้ ้อยคํา \"ตลาด\" เปนละครทีชาวบ้านเรยี กกันเปนภาษาธรร มดาวา่ \"ละครตลาด\" นางสาวอศิ รนิ ทร์ พิศแลงาม เลขที43 4/14 ละครใน มีหลายชอื เชน่ ละครใน ละครข้างใน ละครนางใน และละครในพระราชฐาน เปนต้น สันนิษฐานวา่ มีมาตังแต่สมัยอยุธยา และรุง่ เรอื งมากทีสุดในสมัยพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ ละครในแสดงมาจนถึงสมัยธนบุรแี ละรตั นโกสินทร์ หลังสมัยรชั กาลที ๖ มิได้มีละครในในเมืองหลวงอกี เนืองจากระยะหลังมีละครสมัยใหม่เข้ามามาก จนต่อมามีผู้คิดฟนฟูละครในขึนอกี เพือแสดงบา้ งในบางโอกาส แต่แบบแผน และลักษณะการแสดงเปลียนไปมาก การแสดงเรอื งเปนละครทีได้รบั อทิ ธพิ ลรูปแบบวธิ กี ารแสดงไปจากการแสดงละคร ละครไทย นอก ทังนีเนืองจากเดิม ประเภทละครราํ การแสดงภายในเขตพระราชฐานนันมีแต่การแสดงทีเปน “ ระบาํ ” อเิ หนา เพียงอยา่ งเดียว ละครดังเดิม ต่อมาบรรดานางราํ ทังหลายได้รบั การฝกหดั ถ่ายทอดวธิ กี ารแสดงละ ครไปจากบรรดาครูทังหลายทีแสดงละครกันอยูน่ อกเขตพระราชฐา น แล้วนําไปแสดงถวายหน้าพระทีนัง เมือทรงทอดพระเนตรก็ทรงพอพระทัย ตังแต่นันมาชอื ทีใชเ้ รยี กการแสดงละครในเขตพระราชฐานจึงมีชอื เรี ยกวา่ “ ละครข้างใน ” และต่อมาก็เรยี กเหลือเพียง “ ละครใน ” เรอื งทีนํามาแสดง ละครใน เรอื งทีนํามาใชแ้ สดงละครใน นางสาวอศิ รนิ ทร์ พิศแลงาม เลขที43 4/14 การแสดงเรอื ง นิยมแสดงเพียง 3 เรอื ง ได้แก่ อเิ หนา อุณรุท และรามเกียรติ อุณรุฑ ดนตรที ีใชป้ ระกอบในการแสดง โดยมากนิยมใชว้ งดนตรปี พาทยเ์ ครอื งหา้ หรอื วงปพาทยเ์ ครอื งคู่ ละครดึกดําบรรพ์ เปนละครทีเกิดขึนในสมัยรชั กาลที ๕ กําเนิดขึน ณ บา้ นเจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ โดยแสดง ณ โรงละครของท่านทีตังชอื วา่ \"โรงละครดึกดําบรรพ์\" เจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ได้เดินทางไปยุโรปเมือป พ ศ ๒๔๓๔ และมีโอกาสได้ชมละครโอเปรา่ (Opera) ซึงท่านชนื ชมการแสดงมาก เมือกลับมาจึงคิดทําละครโอเปรา่ ใหเ้ ปนแบบไทย จึงเล่าถวาย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ การแสดงเรอื ง เจ้าพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ก็โปรดเหน็ วา่ ดี ละครราํ แบบปรบั ปรุง ในการสรา้ งละครดึกดําบรรพ์ครงั นี ขนึ ใหม่ มณีพิชยั นอกจากท่านจะเปนผู้สรา้ งโรงละครดึกดําบรรพ์แล้ว ละครพันทาง ท่านยงั สรา้ งเครอื งแต่งกายและอุปกรณ์การแสดงอกี ด้วย ส่ว ละครดึกดําบรรพ์ได้ออกแสดงครงั แรกป พ ศ ๒๔๔๒ ละครดึกดําบรรพ์ เร เนืองในโอกาสต้อนรบั เจ้าชายเฮนรี เร นางสาวบุญญาวรรณ ภูทองเงนิ เลขที29 งๆ พระอนชุ าสมเด็จพระเจ้ากรุงปรสั เซีย 4/14 สา ซึงเปนพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเ ละครพนั ทาง เปนละครแบบผสม กล้าเจ้าอยูห่ วั ละครดึกดําบรรพ์ได้รบั ความนิยมตลอดมา ผู้ใหก้ ําเนิดละครพนั ทางคือ เจ้าพระยามหนิ ทรศ์ ักดิธาํ รง จนกระทังป พ ศ ๒๔๕๒ เจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ เกิดอาการเจ็บปวยถวายบังคมลาออกจากราชการ (เพ็ง เพญ็ กุล) ทําใหต้ ้องเลิกการแสดงละครดึกดําบรรพ์ไป ท่านเปนเจ้าของคณะละครมาตังแต่สมัยรชั กาลที ๔ นับแต่เรมิ แสดงละครดึกดําบรรพ์จนเลิกการแสดงรวมระย แต่เพงิ มาเปนหลักฐานมันคงในรชั กาลที ๕ ะเวลา ๑๐ ป ซึงแต่เดิมก็แสดงละครนอก ละครใน ต่อมาในสมัยรชั กาลที ๕ การแสดงเรอื ง ท่านไปยุโรปจึงนําแบบละครยุโรปมาปรบั ปรุงละครนอกขอ สกุณตลา งท่าน ใหม้ ีแนวทางทีแปลกออกไป การแสดงจะผิดแปลกจากละครแบบดังเดิม เพราะผู้แสดงต้องรอ้ งเองราํ เอง ละครของท่านได้รบั ความนิยมมากในปลายรชั กาลที ๕ ไม่มีบรรยายกิรยิ าของตัวละคร และสิงทีท่านได้สรา้ งใหเ้ กิดในวงการละครของไทย คือ ได้มีการปรบั ปรุงการแสดงความเปนไปในเนือเรอื งของละค รดึกดําบรรพ์ พยายามแสดงใหส้ มจรงิ สมจังมากทีสุด - ตังชอื โรงละครแบบฝรงั เปนครงั แรก เรยี กวา่ มีการตกแต่งฉาก และสถานที ใชแ้ สง สี เสียง \"ปรนิ ซเ์ ทียเตอร\"์ ประกอบฉาก นับเปนต้นแบบในการจัดฉากประกอบการแสดงของโขน - - รเิ รมิ แสดงละครเก็บเงิน (ตีตัว) ละครต่อมา ทีโรงละครเปนครงั แรก การแสดงมักแสดงตอนสันๆใหผ้ ู้ชมละครชมแล้วอยากชม ต่ออกี - การแสดงของท่านก่อใหเ้ กิดคําขนึ คําหนึง คือ \"วกิ \" เหตทุ ีเกิดคํานีคือ ละครของท่านแสดงสปั ดาหล์ ะครงั คนทีไปดกู ็ไปกันทกุ ๆสปั ดาห์ คือ ไปดทู กุ ๆวกิ มกั จะพูดกันวา่ ไปวกิ คือ ไปสดุ สปั ดาหด์ ้วยการไปดลู ะครของท่านเจา้ พระยา การแสดงเรอื ง สามก๊ก

ปะการแสดงของไทย นางสาวบุญญาวรรณ ภูทองเงนิ เลขที29 4/14 พระบาทสม-เดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ยท่าราํ ดนตรบี รรเลง บรอ้ งเพอื ดําเนินเรอื ง มีการเกิดละครต่างๆขนึ มากม ดงเปนตัวพระ ตัวนาง าย เชน่ ละครพนั ทาง ละครดึกดําบรรพ์ ละรอ้ ง และตัวประกอบ ละครพูด และลิเก งค์ทรงเครอื งตามบท - ทรงส่งเสรกิ ารละครโดยการเ งดงามระยบั ตา ลิกกฏหมายการเก็บอากรมม ระสานทํานองดนตรที ี หรสพ บรรเลงจังหวะชา้ เรว็ ทําใหก้ ิจละครเฟองฟูเปนอาชี หเ้ กิดความรูส้ ึกคึกคัก พได้ กสนาน หรอื เศรา้ โศก - มายบอกกล่าวตามอา ได้นําแบบอยา่ งมาจากละครโ มณ์ด้วยภาษาท่าทาง อเปรา่ ของยุโรปมาดัดแปลงล ส่วนต่างๆของรา่ งกาย ะคร - วาดลีลาตามคํารอ้ ง มีการพัฒนาละครในละครดึก งหวะและเสียงดนตรี ดําบรรพ์ นิยมนํามาแสดงแก้บ พฒั นาละครราํ ทีมีอยูเ่ ดิมมาเ ดิสิทธอิ ยา่ งแพรห่ ลาย ปนละครพนั ทางและละครเส ชวั คราวกับประจําโรง ภา สถานทีนัน ๆ เลย เชน่ - โสธรวรารามวรวหิ าร ได้กําหนดนาฏศิลปเปนทีบทร มหาธาตุวรมหาวหิ าร ะบาํ แทรกอยูใ่ นละครเรอื งต่าง ง ศาลท้าวมหาพรหม ๆ เชน่ ระบาํ เทวดา- นางฟา แรมเอราวณั เปนต้น ในเรอื งกรุงพาณชมทวปี ระบาํ ตอนนางบุษบากับนางกํา นันชมสารในเรอื งนิเหนา ระบาํ ไก่ เปนต้น า พระบา-ทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั บุคคลสําคัญ การแสงดนาฏศิลปและการดนตรที ังหลายได้เจ รญิ รุง่ เรอื งถึงขดี สุด นับได้วา่ เปนยุคทองแหง่ ศิลปะการละครยุคที 2 -โปรดใหต้ ังกรมมหรสพขนึ มีการทํานบุ าํ รุงศิลปะทางโขน ละคร และดนตรปี พาทย์ ทําใหศ้ ิลปะทําใหม้ ีการฝกหดั อยา่ งมีระเบยี บแบ บแผน -โปรดตังโรงเรยี นฝกหดั นาฏศิลปในกรมมหรสพ - มีการปรบั ปรุงวธิ กี ารแสดงโขนเปนละครดึกดําบ รรพ์เรอื งรามเกียรติและได้เกิดโขนบรรดาศักดิที มหาดเล็กแสดงคู่กับโขนเชลยศักดิทีเอกชนแสด ง นายนพโชติ อนิ ทรวเิ ศษ เลขที4 4/14 ละครเสภา การแสดงเรอื ง คือละครทีมีลักษณะการแสดงคล้ายละคร ขุนชา้ งขุนแผน นอก รวมทังเพลงรอ้ งนํา ทํานองดนตรี และการแต่งกายของตัวละครแต่มีข้อบังคั บอยูอ่ ยา่ งหนึงคือต้องมีขับเสภาแทรกอยูด่ ้ วยจึงจะเปนละครเสภา ละครเสภา เสภามีกําเนิดมาจากการเล่านิทาน เมือการเล่านิทานเปนทีนิยมแพรห่ ลาย ทําใหเ้ กิดมีการปรบั ปรุงแข่งขันกันขึน ผู้เล่าบางท่านจึงคิดแต่งเปนกลอน ใส่ทํานอง มีเครอื งประกอบจังหวะ คือ \"กรบั \" จนกลายเปนขับเสภาขึน เสภามีมาแต่โบราณสมัยกรุงศรอี ยุธยา สันนิษฐานวา่ มีขึนในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ราว พ ศ ๒๐๑๑ เสภาในสมัยโบราณไม่มีดนตรปี ระกอบ จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหม้ ีปพาทยบ์ รรเลงประกอบ สมัยรชั กาลที ๓ นิยมพลงอตั รา ๓ ชนั เพลงทีรอ้ งและบรรเลงในการขบั เสภา ซึงเคยขบั เพลง ๒ ชนั ก็เปลียนเปน ๓ ชนั บา้ ง และใชก้ ันมาจนปจจุบนั นี ละครเสภาทีนิยมเล่นกันมาก คือ การแสดงเรอื ง ขุนชา้ งขุนแผน ไกรทอง ตอนพลายเพชรพลายบัวออกศึก ,พระวยั แตกทัพ ,ขุนแผนเข้าหอ้ งนางแก้วกิรยิ า เปนต้น นายปนัทพงศ์ ทองทวี เลขที5 4/14 การแสดงเรอื ง ราชาธริ าช มักนิยมใชผ้ ูแ้ สดงชายและหญงิ แสดงตามบทบาทตั วละครทีปรากฏในเรอื ง ดนตรที ีใชป้ ระกอบในการแสดงขึนอยูก่ ับเรอื งทีนําม าแสดง เชน่ ถ้าเปนเรอื งราชาธริ าชก็จะใชป้ พาทยม์ อญ และปพาทยพ์ ม่า เพราะเรอื งราวในละครเรอื งราชาธริ าชส่วนใหญจ่ ะเ ปนเรอื งการทําศึกสงครามระหวา่ งชนชาติมอญแล ะชนชาติพม่า วนมากดัดแปลงมาจากบทละครนอก รอื งทีแต่งขนึ ในระยะหลังก็มี เชน่ พระอภัยมณี รอื งทีแต่งขนึ จากพงศาวดารของไทยเองและของชาติต่า ๆ เชน่ จีน แขก มอญ ลาว ได้แก่ เรอื งหอ้ งสิน ตังฮนั ามก๊ก ซุยถัง ราชาธริ าช เปนต้น

ละครไทยประเภทละครรำ 1.ขอ้ ใดตอ่ ไปนีไ้ ม่ใชเ่ ร่ืองทลี่ ะครนอกแสดง ก. คาวี ข. ไชยทตั ค. อุทัยเทวี ง. สังข์ทอง (เฉลย ค. อทุ ัยเทวี) นำงสำวกรกนก วจิ ิตรเวชกำร เลขที่ 37 2.ละครในมมี าตงั้ แตส่ มยั อยุธยาและรงุ่ เรืองมากทส่ี ดุ ในสมัยพระเจ้าใด ก. พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ข. พระเจ้าอทู่ อง ค. พระเจ้าตากสนิ ง. พระเจา้ อโศกมหาราช (เฉลย ก. พระเจ้าอยู่หวั บรมโกศ) นำงสำวกรกนก วิจติ รเวชกำร เลขที่ 37 3.บุคคลใดใหก้ าเนดิ ละครพันทาง ก.พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าฯ ข.เจ้าพระยามหนิ ทรศกั ดธิ์ ารง ค.ครเู ฉลย ศุขะวณชิ ง.เจ้าพระยาอภยั ภูเบศร (เฉลย ข. เจา้ พระยามหนิ ทรศกั ด์ธิ ารง) นำงสำวบุญญำวรรณ ภูทองเงิน เลขที่ 29 4..ละครดกึ ดาบรรพ์แสดงครงั้ แรกเนื่องในโอกาสใด ก.ถวายสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ ข.ถวายพระเจ้าเทเวศร์วงศว์ วิ ฒั น์ ค.ต้อนรับพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หวั ง.ต้อนรับเจา้ ชายเฮนร่ี (เฉลย ง.ตอ้ นรับเจ้าชายเฮนร่ี) นำงสำวอิศรินทร์ พศิ แลงำม เลขท่ี 43 5.นาฏศลิ ป์ในรัชสมยั ใดมคี วามเจรญิ รุ่งเรืองที่สุด ก. พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั ข. พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั ค. พระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ง. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช (เฉลย ก. พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั ) นำงสำวบญุ ญำวรรณ ภทู องเงนิ เลขที่ 29





ละครพูดเรมิ ขนึ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจ รชั กาลท อมเกล้าเจา้ อยูห่ วั ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ พระบาทสมเดจ็ พ ใหม้ กี ารแสดงละครพูดสมคั รเล่นเปนครงั แรก การละครในยุคน เนอื เรอื งละครพูดทีแสดงในสมยั นี เนืองจากการละค ดัดแปลงมาจากบทละครราํ ทีรูจ้ กั กันอยา่ งแพ การนาฏศิลปะ รห่ ลาย ทําใหเ้ กิดบทละคร ละครพนั ทาง ละ ในสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยูห่ วั บุคคลสําคัญ ละครพูด และลิเ เปนยุคทองของละครพูด ทรงสง่ เสรมิ การ ประชาชนใหค้ วามสนใจต่อละครประเภทนีมาก ากรามหรสพเมอื เพราะเหน็ วา่ เปนของแปลกและแสดงได้ง่าย ทําใหก้ ิจการละคร พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยูห่ วั เจา้ ของโรงละคร ทรงสนับสนุนละครพูดอยา่ งดียงิ นับตังแต่เจา้ นาย ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครพูดทีดีเด่นเปนจาํ นวน มาก และทรงรว่ มในการแสดงด้วยหลายครงั นายชยั ว ละครพูดล้วนๆ ละครพูด ในสมยั โบราณใชผ้ ชู้ ายแสดงล้วน ละครพูดล้วนๆ ต่อมานิยมใชผ้ แู้ สดงเปนชายล้วน ละครทีพฒั นาขึนใหม แต่งกายตามสมยั นิยม ต่อมานิยมใชผ้ แู้ สดงชายจรงิ หญิงแท้ Roese Mary ตามเนอื เรอื งโดยคํานงึ ถึงสภาพ ละครพูดสลับลํา ความเปนจรงิ ของตัวละคร ใชผ้ แู้ สดงทังชายและหญิง ละครสังคีต เหมอื นละครพูดแบบรอ้ ยกรอง ละครพูดล้วนๆ เรอื งทีแสดงเรอื งแรก คือ เรอื ง”โพงพาง” เมอื พ ศ 2463 เรอื งต่อมาคือ “เจา้ ขา้ สารวดั ” ทังสองเรอื ง เปนพระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระมงกุ ฎเกล้าเจา้ อยูห่ วั นายศุภชยั ขาวสนิท เลขที 17 เรอื งทีแสดง : นิยมแสดงบทพระราชนิพนธใ์ น อา้ งองิ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยูห่ วั มอี ยู่ ๔ เรอื ง คือ หนามยอกเอาหนามบง่ ววิ าหพระสมุทร มกิ าโด วงั ตี มขี อ้ สงั เกตประการหนึง คือ ทรงใชช้ อื เรยี กละครทัง ๔ นีแตกต่างกัน กล่าวคือ ในเรอื งหนามยอกเอาหนามบง่ ทรงเรยี กวา่ \"ละครสลับลํา\" เรอื งววิ าหพระสมุทร ทรงเรยี ก \"ละครพูดสลับลํา\" เรอื งมกิ าโด และวงั ตี ทรงเรยี ก \" ละครสงั คีต\" การทีทรงเรยี กชอื บทละครทัง ๔ เรอื งแตกต่างกันนัน นายมนตรี ตราโมท และนายประจวบ บุรานนท์ ขา้ ราชสาํ นักใน พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยูห่ วั ซงึ มโี อกาสรว่ มในการแสดงละครของพระองค์ท่านใหค้ วามเหน็ ตรงกัน วา่ เรอื งหนามยอกเอาหนามบง่ และเรอื งววิ าหพระสมุทร น่าจะเปนเรอื งทีทรงพระราชนิพนธข์ นึ ก่อน ซงึ ขณะนันคงทรงยงั ไมไ่ ด้คิดเรยี กชอื ละครประเภทนีวา่ \"ละครสงั คีต\" ต่อมาในระยะหลัง เมอื ทรงพระราชนิพนธเ์ รอื งมกิ าโด และเรอื งวงั ตี ทรงใชค้ ําวา่ \"ละครสงั คีต\" สาํ หรบั เรยี กชอื ละครประเภทหนึง

ที 5 ละครรอ้ ง ละครรอ้ งเปนศิลปการแสดงแบบใหมท่ ีกําเนิดขนึ ในตอนปลายรชั สมั พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั ยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเล้าเจา้ อยูห่ วั นเี รมิ มกี ารเปลียนแปลง ละครรอ้ งได้ปรบั ปรุงขนึ โดยได้รบั อิทธพิ ลจากละครต่างประเทศ ครแบบตะวนั ตกหลังไหลเขา้ สวู้ ง ละครรอ้ งนันต้นกําเนิดมาจากการแสดงของชาวมลายู เรยี กวา่ รประเภทต่างๆขนึ มากมาย เชน่ \"บงั สาวนั \" (Malay Opera) ได้เคยเล่นถวายรชั กาลที ๕ ะครดกึ ดําบรรพ์ ละครรอ้ ง ทอดพระเนตรครงั แรกทีเมอื งไทรบุรี เก และต่อมาละครบงั สาวนั ได้เขา้ มาแสดงในกรุงเทพฯ รละครโดยเลิกกฏหมายการเก็บอ โรงทีเล่นอยูข่ า้ งวงั บูรพา พระเจา้ บรมวงศ์เธอ อ พ ศ 2450 กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ รเฟองฟูขนึ กลายเปนอาชพี ได้ ทรงแก้ไขปรบั ปรุงเปนละครรอ้ งเล่นทีโรงละครปรดี าลัย รทางฝายเอกชนมหี ลายราย (เดิมสรา้ งอยูใ่ นวงั ของพระเจา้ บรมวงศ์เธอ ยมาถึงคนธรรมดา กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ ถนนตะนาว) วฒั น์ ศิรภิ ักดี เลขที 2 คณะละครของพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์นีต่อมาภายหลังได้เปลียนเรยี กชอื วา่ อา้ งองิ \"ละครหลวงนฤมติ ร\" บางครงั คนยงั นิยมเรยี กวา่ \"ละครปรดี าลัย\" อยู่ ม่ ต่อมาเกิดคณะละครรอ้ งแบบปรดี าลัยขนึ มากมายเชน่ คณะปราโมทัย ปราโมทยเ์ มอื ง ประเทืองไทย วไิ ลกรุง ไฉวเวยี ง เสรสี าํ เรงิ บนั เทิงไทย และนาครบนั เทิง เปนต้น ละครนีได้นิยมกันมาจนถึงสมยั รชั กาลที ๖ และรชั กาลที ๗ โรงละครทีเกิดครงั หลังสดุ คือ โรงละครนาคบนั เทิงของแมบ่ ุนนาค กับโรงละครเทพบนั เทิงของแมช่ อ้ ย เรอื งทีเเสดง : ละครรอ้ งสลับพูด บทละครสว่ นใหญ่ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ เปนผพู้ ระนิพนธบ์ ท และกํากับการแสดง เรอื งทีแสดงได้แก่ ต๊กุ ตายอดรกั ขวดแก้วเจยี ระไน เครอื ณรงค์ กากี ภารตะ สปี อมนิ ทร์ (กษัตรยิ ธ์ บี อของพมา่ ) พระยาสหี ราชเดโช โคตรบอง สาวเครอื ฟา ซงึ ดัดแปลงจากเรอื งมาดามบตั เตอรพ์ ลาย (Madame Butterfly) อันเปนเรอื งทีได้รบั ความนิยม และมผี นู้ ํามาจดั แสดงเสมอ ละครสงั คีตเปนละครอีกแบบหนึงทีพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้ การเเสดง : ละครรอ้ งสลับพูด มที ังบทรอ้ ง าอยูห่ วั ทรงรเิ รมิ ขนึ โดยมวี วิ ฒั นาการมาจากละครพูดสลับลํา และบทพูด ยดึ ถือการรอ้ งเปนสว่ นสาํ คัญ ต่างกันทีละครสงั คีตมบี ทสาํ หรบั พูด บทพูดเจรจาสอดแทรกเขา้ มาเพอื ทวนบททีตัวละคร และบทสาํ หรบั ตัวละครรอ้ งในการดําเนินเรอื งเท่าๆกัน รอ้ งออกมานันเอง จะตัดอยา่ งหนึงอยา่ งใดออกมไิ ด้เพราะจะทําใหเ้ สยี เรอื ง แมต้ ัดบทพูดออกทังหมดเหลือแต่บทรอ้ งก็ยงั ไดเ้ นื อเรอื งสมบูรณ์ มลี กู ค่คู อยรอ้ งรบั อยูใ่ นฉาก ผแู้ สดง ใชผ้ ชู้ าย ยกเวน้ แต่ตอนทีเปนการเกรนิ เรอื งหรอื ดําเนินเรอื ง และผหู้ ญิงแสดงจรงิ ตามท้องเรอื ง ลกู ค่จู ะเปนผรู้ อ้ งทังหมด ตัวละครจะทําท่าประกอบตามธรรมชาติมากทีสดุ ซงึ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ ทรงเรยี กวา่ \"ละครกําแบ\" การแต่งกาย แต่งแบบสมยั นิยม 1. นายณพฉัตร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เลขที 11 คํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของฐานะตัวละครตามท้อ 2. นางสาวพัทนันท์ เดชเเก้ว เลขที 36 งเรอื ง และความงดงามของเครอื งแต่งกาย อา้ งองิ นายธรี วฒั น์ เสนขวญั เเก้ว เลขที 14 นางสาวนภศร สุวรรณรตั น์ เลขที 35 อา้ งองิ 1. 2.

แบบทดสอบ 1.ละครรอ้ งกำเนิดขนึ้ ในรชั สมยั ใด ก.รชั กำลท่ี ๔ ข.รชั กำลท่ี ๕ ค.รชั กำลท่ี ๖ ง.รัชกำลท่ี ๗ เฉลย ข.รัชกำลท่ี ๕ (นำยณพฉัตร เสนีวงศ์ ณ อยธุ ยำ เลขท่ี 11) 2.ละครร้องมีตน้ กำเนดิ มำจำกละครของใครและรียกวำ่ อะไร ก.ชำวมอญ บังเสน ข.ชำวขอม บังสำวัน ค.ชำวมลำยู บังสำวนั ง.ชำวตะวันตก มำดำมบตั เตอร์ฟลำย เฉลย ค.ชำวมลำยู บังสำวัน (นำงสำวพัทนนั ท์ เดชเเกว้ เลขที่ 36) 3.กำรละครในยคุ น้เี ร่มิ มีกำรเปล่ียนแปลงใครคือบคุ คลสำคญั ก.พระบำมสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลำ้ เจ้ำอยู่หวั ข.ท่ำนผู้หญิงแผว้ สนิทวงศเ์ สนี ค.ครูรงภกั ดี (เจยี ร จำรจุ รณ) ง. ครอู ำคม สำยำคม เฉลย ก.พระบำมสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยหู่ วั ( นำยชยั วฒั น์ ศริ ภิ ักดี เลขท่ี 2 ) 4.ละครสังคตี เปน็ ละครทพี่ ฒั นำขึน้ มำจำกละครใด เเละใครเปน็ คนทรงรเิ ริ่ม ก.ละครพูดสลับลำ รชั กำลท่ี5 ข.ละครร้องสลบั พดู รัชกำลท่ี5 ค.ละครพดู สลบั ลำ รัชกำลที่1 ง.ละครร้องสลับพดู รชั กำลท่ี1 เฉลย ก.ละครพูดสลับลำ รัชกำลที่5 (นำยธรี วฒั น์ เสนขวญั เเกว้ เลขที่ 14) 5.ขอ้ ใดไมใ่ ช่ละครสังคตี ท่เี เสดงในสมยั พระบำทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลำ้ เจ้ำอยหู่ วั ก.หนำมยอกเอำหนำมเบง่ ข.มิกำโด ค.วังตี่ ง.โพงพำง เฉลย ง.โพงพำง (นำงสำวนภศร สุวรรณรตั น์ เลขที่ 35) 6.ในสมยั โบรำณละครพูดลว้ นๆ ใช้ใครเเสดง ก.ผู้หญิงลว้ น ข.ผู้ชำยลว้ น ค.นิยมทงั้ ชำยและหญงิ ง.เพศท่ี 3 เฉลย ข.ผู้ชำยลว้ น (นำยศภุ ชยั ขำวสนิท เลขที่ 17 )

สมาชกิ GRO นางสาวณัฎธณิชา ทองเอยี ด(แตงกวา) กลุ่ม:ต้มเ e-mail : [email protected] สมาชกิ เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0986781968 เดก็ หญงิ สุกัญญา แซ่เตีย (แก้ม) Facebook : แตงกวา ณัฎธณิชา ID line : tangkwar13 e-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0630799400 สมาชกิ Facebook : Sukanya Seatae นายสิปปนนท์ ปานบัว(โมโตครอส) ID line : 0622413566 e-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0988982835 Facebook : Sippanon Panbua ID line : 0988982835

หวั หน้ากลุ่ม รองหวั หน้ากลุ่ม นางสาวกิตติมา บัวพรม (มาย) นายพชรพล หนปู ลอด (กัปตัน) e-mail : [email protected] e-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0936641380 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0829947716 Facebook: Kittima Buaprom Facebook : Potcharapon Nuplod ID line : 0985206821 ID line : 0829947716 OUP WORK เล้งใส่ใบยา่ มวง สมาชกิ นางสาวพชิ ญาวรรณ ขวญั แก้ว(กิฟ) e-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0808617483 Facebook : Pichayawan Khwankaew ID line : 0808617483





1.การแต่งกายของภาคเหนือในการแสดงพนื้ บ้านมลี กั ษณะแบบใด (คาถามของนายพชรพล หนปู ลอด เลขท่ี 9) ก.ใส่โจงกระเบน ข.ใสเ่ ส้อื ฟรีสไตล์ ค.ชดุ มโนราห์ ง.นงุ่ ผ้าถงุ เสื้อแขนกระบอก (เฉลย ง.นุ่งผ้าถงุ เสื้อแขนกระบอก) 2. การแตง่ กายประกอบของภาคกลางแต่งกายอย่างไร (คาถามของนางสาวณัฎธณิชา ทองเอียด เลขท่ี 39) ก.ชุดมโนราห์ ข.ใส่โจงกระเบน ค.เสื้อแขนกระบอก ง.ชดุ พื้นบา้ น ไมห่ รูหรา (เฉลย ง.ชดุ พน้ื บ้าน ไมห่ รูหรา) 3. เคร่อื งดนตรที ใ่ี ชป้ ระกอบดนตรีพ้ืนบา้ นของภาคกลางประกอบด้วยอะไรบา้ ง (คาถามของนางสาวสุกัญญา แซเ่ ตยี เลขท่ี 38) ก.ฉ่งิ ,ฉาบ,กรบั ,โหม่ง ข.ไวโอลนิ ,เบส ค.กลองยาว,กลองโทน ง.ถกู ทงั้ ข้อ ก และ ค (เฉลย ง.ถูกทั้งข้อ ก และ ค) 4.คล้าย พรหมเมศ เป็นบคุ คลสาคญั ของภาคใด (คาถามของนางสาวกติ ตมิ า บัวพรม เลขที่ 27) ก.ภาคเหนอื ข.ภาคใต้ ค.ภาคกลาง ง.ภาคอีสาน (เฉลย ข.ภาคใต้) 5.เซ้ิงเปน็ การแสดงที่มีลักษณะอยา่ งไร (คาถามของนางสาวพชิ ญาวรรณ ขวัญแกว้ เลขท่ี 28) ก.มคี วามช้าเเละออ่ นช้อย ข.มีความเร็วและกระฉับกระเฉง ค.มีความเปน็ ระเบยี บพร้อมเพียง ง.มกี ารเลยี นเเบบกริยาทา่ ทาง (เฉลย ข.มคี วามเร็วและกระฉับกระเฉง) **(หมายเหตุ นายสปิ ปนนท์ ปานบวั เลขที่ 19 เปน็ ผูร้ บั ผิดชอบในการจดั การข้อสอบ)**

ชอื สมาชกิ ในกลุ่มคนเหล่ท่อ เลขานกุ าร 1.นายณโม รกั ษ์สุวรรณ ม 4/14 เลขที3 2.นายปณณวชิ ญ์ รอดประจง ม 4//14 เลขที15 นางสาวพรฤดี หอมจันทร์ (ตาล) E-mail : 3.นาย สัญญา กิตติ ม 4/14 เลขที18 4.นางสาวคณุตมา เพชรรตั น์ ม 4/14 เลขที24 เบอรโ์ ทรศัพท์ :0610675158 5.นางสาวธญั ญรตั น์ โอระพันธ์ ม 4/14 เลขที25 6.นางสาวพรฤดี หอมจันทร์ ม 4/14 เลขที26 Facebook :Pornruedee Homjan อา้ งองิ Line:0610675158 สืบค้นด้วยการหาข้อมูลของตัวเองเรมิ ทํางานชนิ นีเ ดือนมิถุนายน สมาชกิ ในกลุ่ม นาย สัญญา กิตติ (บอส) E-mail: เบอรโ์ ทร:095-547-8342 Facebook:บอส กิตติ Line 026349 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวคณุตมา เพชรรตั น์ (บีม) E-mail : เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0918737371 Facebook : Beam Kanuttama Line : kanuttama2549

สมาชกิ ในกลุ่ม สมาชกิ ในกลุ่ม นายณโม รกั ษ์สุวรรณ (ณโม) นายปณณวชิ ญ์ รอดประจง (เนว)ี E-mail : E-mail: 53726@ mvsk.ac.th เบอรโ์ ทรศัพท์ :0993077244 เบอรโ์ ทรศัพท์: 0954354793 Facebook :Namo Raksuwan Facebook:Pannawich Rodprajong Line :namokungzb Line:navy2808 Group Work กลุ่ม:คนเหล่ท่อ หวั หน้ากลุ่ม นางสาวธญั ญรตั น์ โอระพันธ์ (ครมี ) E-mail: เบอรโ์ ทรศัพท์:0993716459 Facebook:ธญั ญรตั น์ โอระพันธ์ Line:cream1177

สมาชกิ ในกลุ่มมีดังนี 1.นายณโม รกั ษ์สุวรรณ ม 4/14 เลขที3 2.นายปณณวชิ ญ์ รอดประจง ม 4/14 เลขที15 3.นายสัญญา กิตติ ม 4/14 เลขที18 4.นางสาวคณุตมา เพชรรตั น์ ม 4/14 เลขที24 5.นางสาวธญั ญรตั น์ โอระพันธ์ ม 4/14 เลขที25 6.นางสาวพรฤดี หอมจันทร์ ม 4/14 เลขที26 อา้ งองิ ได้ใส่ไวใ้ นแต่ะละหวั ขอ้ แล้ว สืบค้น20/6/64 อา้ งองิ ลําลาว (Lam Lao) ประเทศมาเลเซีย สืบค้นวนั ที20/6/64 ลําลาวหรอื หมอลําเปนการแสดงดนตรพี ืนบา้ นของลาวและอสี านขอ ประเทศลาว การแสดงพืนบ้านอาเซียน งไทย มีนักรอ้ งหรอื ผู้เล่าเรอื งและแคนเปนองค์ประกอบ ปรเทศสิงคโปร์ โซนเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ เปนการโต้ตอบกันผา่ นโคลงกลอน ประเทศกัมพูชา ประเทศบรูไน หรอื การรอ้ งทีมีสัมผัสคล้องจองระหวา่ งนักรอ้ งชายและหญิง การแสดงดําเนินไปด้วยท่าราํ ทีหลากหลายมุกตลกต่างๆ อนั เกิดจากปฏิภาณไหวพรบิ ของผู้รอ้ ง และการหยอกเยา้ กันระหวา่ งผู้แสดงและผูช้ ม ศิลปนผู้ทรงคุณค่า:ดาวเวยี ง บุตรนาโค นักเขยี น กวี และนักแต่งเพลงลูกทุ่งลาวอนั โด่งดัง และยงั เปนศิลปนแหง่ ชาติของสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนล าวอกี ด้วยนักเขียน กวี และนักแต่งเพลงลูกทุ่งลาวอนั โด่งดัง และยงั เปนศิลปนแหง่ ชาติของสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนล าวอกี ด้วย บังสาวนั (Bangsawan) อา้ งองิ เปนการแสดงละครรอ้ งคล้ายกับการแสดงโอเปรา่ ของท สืบค้นวนั ที20/6/64 างยุโรป เปนการแสดงทีได้รบั ความนิยมเปนอยา่ งมากในประเท ศสิงคโปร์ โดยมีจะการแสดงประกอบกับการรอ้ งบทละครออกมาเ ปนเพลงด้วยตัวของนักแสดงเอง พรอ้ มกับการการเต้นประกอบเสียงดนตรใี นท่าทางและ อารมณ์ต่าง ๆ ตามบทบาททีได้รบั สรา้ งความสนกุ สนานใหก้ ับผู้ชมเปนอยา่ งมาก ศิลปนผูท้ รงคุณค่า:เฉิน ชง สวี เปนนักวาดภาพสีนาชาวสิงคโปรซ์ ึงเปนศิลปนรุน่ บุกเบิกทีสรา้ งภาพ วาดสไตล์นันยางทีเปนเอกลักษณ์ของสิงคโปรใ์ นชว่ งเปลียนศตวรรษ ที 20 นอกจากนีเขายงั เปนหนึงในศิลปนคนแรกของสิงคโปรท์ ีใชเ้ ทคนิคกา รวาดภาพด้วยหมึกจีนเพือแสดงทิวทัศน์และภาพวาดทีเปนรูปแบบข องธมี ท้องถินและเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ระบําบารอง (Barong Dance) อา้ งองิ เปนศิลปะการแสดงทีเปนเอกลักษณ์ของชาวเกาะบาหลี ประเทศอนิ โดนีเซีย สืบค้นวนั ที20/6/64 อนิ โดนีเซีย บารองเปนสัตวใ์ นตํานาน ซึงมีหลังอานยาวและหางงอนโงง้ และเปนสัญลักษณ์แทนวญิ ญาณดีงาม ซึงเปนผู้ปกปกษ์รกั ษามนษุ ยต์ ่อสู้กับรงั ดา ตัวละครทีเปนสัญลักษณ์แทนวญิ ญาณชวั รา้ ย บารอง แดนซ์เปนนาฏกรรมศักดิสิทธิ การรา่ ยราํ มีท่าทีออ่ นชอ้ ยงดงาม เสียงเพลงไพเราะ ศิลปนผู้ทรงคุณค่า:อาติกาห์ ฮาซิโฮลัน ระบําอปั สรา เปนนักแสดงชาวอนิ โดนีเซีย เธอได้ยกยอ่ งแม่ของเธอ รตั นา ซารมั พีท นักเขียนบทละคร ศิลปนผูท้ รงอทิ ธพิ ลและผู้กํากับ Satu Merah Panggung (One Red Stage) วา่ เปนผู้ทีทําใหเ้ ธอรูจ้ ักโลกละครเวทีตังแต่ยงั เด็กๆ เธอเรมิ ต้นอาชพี นักแสดงหลังจากสําเรจ็ การศึกษาจากมหาวทิ ยาลัย ในป ค ศ 2006 อา้ งองิ ระบาํ ทีชุบชวี ติ นางอปั สรา ภาพสลักในนครวดั ออกมา สืบค้นวนั ที20/6/64 นครวดั เปนสถานทีทีสําคัญของชาวกัมพูชาและนางอั ปสราก็เปนสตรใี นอุดมคติของสตรกี ัมพูชา ศิลปนผูท้ รงคุณค่า:แวนน์ เนธ วนั นาทเปนจิตรกรศิลปนนักเขียนและนักเคลือนไหวด้านสิทธมิ นษุ ย ชนชาวกัมพูชา เขาเปนชาวกัมพูชาคนทีแปดทีได้รบั รางวลั Lillian Hellman / Hammett Award ตังแต่ป 1995 เขาเปนหนึงในผูร้ อดชวี ติ ทีเปนผูใ้ หญเ่ พียงเจ็ดคนจากค่าย S-21 ซึงมีชาวกัมพูชา 20,000 คนถูกทรมานและประหารชวี ติ ในชว่ งระบอบการปกครองของเขมรแ ดง

โยเก็ต (Joget) อา้ งองิ สืบค้นวนั ที20/6/64 เปนระบํามาเลยแ์ บบดังเดิม ถินกําเนิดอยูท่ ีมะละกา ได้รบั อทิ ธพิ ลมาจากระบําโปรตุเกส ฟอนเทียน (Oil Lamp Dance) เปนหนึงในระบาํ พืนเมืองทีได้รบั ความนิยมมากทีสุด ชองมาเลเซีย ปกติแล้วแสดงโดยคู่นักเต้นระบําชาย- หญงิ ในชว่ งเทศกาลต่างๆ ตามประเพณี งานแต่งงาน และงานพธิ ตี ่างๆ จังหวะของดนตรโี ยเก็ตจะค่อนข้างเรว็ to ศิลปนผู้ทรงคุณค่า:Arena Wati นักเขยี นรางวลั ซีไรต์ป 1985 และรางวลั ศิลปนแหง่ ชาติของมาเลเซีย เกิดทีอนิ โดเนเซีย เสียชวี ติ ทีมาเลเซีย แต่เปนผู้มีรากเหงา้ เชอื สายปาตานีงานเขยี นของ เขาส่วนใหญจ่ ะเปนเรอื งของปญญาคนผู้ใชแ้ รงง านและชนชนั ล่าง รวมทังงานเขียนปกปองชนผูถ้ ูกกดขี โดยนําประสบการณ์ของตนเองจากการเดินทางจ ากเกาะหนึงไปยงั อกี เกาะหนึงในภูมิภาคมลายู ประเทศพม่า การฟอนเทียนเปนศิลปะการแสดงแบบฟอนราํ ดังเดิมของประเทศพ อา้ งองิ ม่า มีการใชด้ วงประทีปประกอบการแสดงเพอื บูชาพระพุทธเจ้า สืบค้นวนั ที20/6/64 การทําดวงประทีป จะใชไ้ ส้ตะเกียงแชน่ ามัน มีถ้วยดินเผารองไวแ้ ล้วทําการจุด ซึงไฟจากดวงประทีปนับวา่ เปนจุดเด่นในงานเลยก็วา่ ได้ แต่ในปจจุบันได้มีการเปลียนมาใชเ้ ทียนไขในการแสดงแทน ใชด้ ้วยกันทังหมด 2 เล่ม ถือไวใ้ นมือซ้ายและขวาประกอบการฟอนราํ โดยไม่ใหเ้ ทียนดับ การแสดงจะจัดขนึ ในสถานทีกลางแจ้งของชว่ งกลางคืน ศิลปนผูท้ รงคุณค่า:ออง เคียง ออง เคียง — เคียงเปนจิตรกรกึงนามธรรม [4]ในป 1984 ทีตลาด Bogyoke Aung San เขาพยายามจัดนิทรรศการเดียวครงั แรกของเขาซึงได้รบั อทิ ธพิ ลจาก ผลงานของGauguinและ Monet [4]ในระหวา่ งการแสดง รฐั บาลเซ็นเซอรไ์ ปเยยี มเขาสามครงั ในระหวา่ งการตรวจเยยี มไม่กีครงั เซ็นเซอรไ์ ด้ลบภาพเขียนทีพวกเขาเหน็ วา่ ไม่เหมาะสมออกไปประมา ณสามสิบภาพ ในการเข้าชมครงั สุดท้าย งานศิลปะทีเหลืออยูท่ ังหมดทีจัดแสดงไวจ้ ะถือวา่ ไม่สามารถเข้าชมไ ด้ [4]เพือเปนการประท้วง เขาไม่แสดงภาพวาดของเขาอกี ต่อไป [4]อยา่ งไรก็ตาม ในเดือนตุลาคม 2013 ทีตลาด Bogyoke Aung San เขาได้จัดนิทรรศการเดียว ประเทศฟลิปปนส์ ตีนิคลิง (Tinikling) ระบําประจําชาติของฟลิปปนส์ อา้ งองิ เปนระบําของชนเผ่าพืนเมืองทีใชไ้ ม่ไผ่สองลําตี – แตะกระทบกัน ผู้เต้นจะก้าวขาเต้นเปนจังหวะระหวา่ งไม่ไผ่สองลํานัน ตินิกลิงเปนระบําทีต้องอาศัยความเชยี วชาญและการฝกฝน ผู้เต้นต้องมีความรวดเรว็ และความคล่องตัว เปนการแสดงพืนบ้านของเมืองเลยเ์ ต (Leyte) และเมืองอนื ๆ ในหมู่เกาะวซี ายสั หุน่ กระกอบนา ศิลปนผู้ทรงคุณค่า:เฟรน์ ันโด อมอรโ์ ซโล สืบค้นวนั ที20/6/64 การเชดิ หุน่ กระบอกนาของเวยี ดนามมรเอกลักษณ์เฉพาะตัวทีโดดเด่ เปนหนึงในศิลปนทีสําคัญทีสุดในประวตั ิศาสตรก์ ารวาดภาพในฟลิป นและเปนการละเล่นทีมีอยูเ่ พียงแหง่ เดียวในโลก ปนส์ Amorsolo ผูเ้ ชดิ หุน่ จะยนื อยูห่ ลังฉากในนาทีสูงถึงระดับเอว เปนนักวาดภาพและจิตรกรในภูมิประเทศของฟลิปปนส์ในชนบท และควบคุมการเคลือนไหวของหุน่ กระบอกด้วยไม่ไผ่ลํายาว โดยมีวงดนตรพี นื บา้ นบรรเลงประกอบ เขาเปนทีรูจ้ ักอยา่ งแพรห่ ลายในด้านฝมือและความชาํ นาญในการใช้ เนือเรอื งส่วนใหญ่บอกเล่าถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี แสง วถิ ีชวี ติ พนื บา้ นตามชนบทของชาวเวยี ดนามทีผูกพันอยูก่ ับสายนา ประเทศเวยี ดนาม รวมถึงตํานานทีสําคัญของเวยี ดนาม เชน่ ตํานานทะเลสาบคืนดาบ อา้ งองิ อาไดอาได (Adai-Adai) และถึงแม้วา่ การแสดงหุน่ กระกอบนาไม่มีการพากยด์ ้วยภาษาอนื สืบค้นวนั ที20/6/64 แต่ท่าทางของหุน่ ก็ทําใหผ้ ู้ชมเข้าใจเรอื งราวได้ ศิลปนผู้ทรงคุณค่า:โต หงอ็ ก เวนิ เปนจิตรกรทีมีชอื เสียงของเวยี ดนาม ผลงานของเขาหลายชนิ จัดแสดงไวใ้ นพพิ ธิ ภัณฑ์วจิ ิตรศิลปแหง่ ชาติเ วยี ดนาม ถนนสายหนึงในฮานอยตังตามชอื ของเขาเวนิ ทํางานเปนครูสอนศิลป ะ และเปนจิตรกรทีเปนแรงบันดาลใจของจิตรกรรุน่ ต่อมาเวนิ เข้ารว่ มกั บขบวนการต่อต้านฝรงั เศสในภาคเหนือของเวยี ดนาม และเขาเสียชวี ติ หลังจากได้รบั บาดเจ็บระหวา่ งการรบในยุทธการเดีย นเบียนฟู เปนการเต้นราํ พนื เมืองประกอบการรอ้ ง อา้ งองิ และบรรเลงดนตรขี องประเทศบรูไน ดารุสซาลาม สืบค้นวนั ที20/6/64 มีต้นกําเนิดมาจากชาวประมงพืนเมืองในหมู่บ้านกัมปง อาเยอร์ (Kampong Ayer) ซึงเปนหมู่บา้ นกลางนาทีมีขนาดใหญท่ ีสุดในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออก เฉียงใต้ ชาวบา้ นทีอาศัยอยูใ่ นหมู่บา้ นแหง่ นี ส่วนใหญ่มีอาชพี เปนชาวประมง ศิลปนผูท้ รงคุณค่า:Zakaria bin Omar ถือเปนหนึงในศิลปนระดับชาติชนั นําของบรูไนในวงการศิลปนหน้าให ม่ของ Bandar Seri Begawan ซึงเขาได้รบั แรงบันดาลใจในการสรา้ งผลงานทางศิลปะมาจากคําสอ นของศาสนาอสิ ลามและปรชั ญาของศาสนาพุทธ ซึงแสดงใหเ้ หน็ ถึงความสําคัญของทางสายกลางและชวี ติ สมดุล ผลงานส่วนใหญข่ องเขาในชว่ งทศวรรษทีผา่ นมาแสดงใหเ้ หน็ ถึงสิงที เกิดขึนเมือธรรมชาติและสังคมไม่สมดุลกัน

แบบทดสอบ 1.ศิลปนิ คนใดท่สี รา้ งงานศลิ ปะมาจากคาสอนศาสนาอสิ ลาม ก.Arena Wati ข.อองเคียง ค.Zakaria bin Omar ง.เฟร์นนั โด อมอรโ์ ซโล ตอบ ค. Zakaria bin Omar คนออกข้อสอบคอื นางสาวพรฤดี หอมจันทร์ ม.4/14 เลขท2่ี 6 2.การแสดงพ้ืนบ้านโยเกต็ ของประเทศมาเลเซยี มีถิ่นกาเนดิ อยูท่ ใี่ ด ก.มะละกา ข.หมู่เกาะวซี ายสั ค.หม่บู า้ นกมั ปง อาเยอร์ ง.เกาะบาหลี ตอบ ก.มะละกา คนออกขอ้ สอบคอื นางสาวธญั ญรตั น์ โอระพันธ์ ม.4/14 เลขที่25 3.บารองเปน็ สัตว์ในตานานของการแสดงพ้ืนบา้ นเอเชยี ประเทศใด ก.มาเลเซยี ข.เวยี ดนาม ค.อินโดนเี ซยี ง.ฟิลิปปินส์ ตอบ ค.อินโดนเี ซยี คนออกขอ้ สอบคอื นางสาวคณุตมา เพชรรัตน์ ม.4/14 เลขที่24 4.การแสดงฟอ้ นเทยี นของประเทศพมา่ ตอ้ งใชเ้ ทยี นในการแสดงกเี่ ลม่ ก.1เล่ม ข.2เล่ม ค.3เลม่ ง.4เล่ม ตอบ ข.2เล่ม คนออกขอ้ สอบคือ นายสัญญา กิตติ ม.4/14 เลขท่ี 18 5.อาไดอาไดมตี น้ กาเนดิ มาจากอะไร ก.ชาวบา้ น ข.ชาวนา ค.ชาวประมง ง.ชาวเขา ตอบ ค.ชาวประมง คนออกข้อสอบคือ นายปัณณวิชญ์ รอดประจง ม.4/14 เลขท่1ี 5 นายณโม รกั ษส์ วุ รรณ ม.4/14 เลขท3ี่ เปน็ ผ้พู ิมพ์งาน

1 4