1 แฟมสะสมผลงานของ 7 ชนั มธั ยมศึกษาปที 4/17 รายวชิ าศิลปะ2 ศ31102 (นาฏศิลปและการละคร) โรงเรยี นมหาวชริ าวุธ จงั หวดั สงขลา สาํ นกั เขตพนื ทีการศึกษามธั ยมศึกษาสงขลา สตลู
สมาชกิ ในกลุ่ม สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวอุมากร กดแก้ว (มุก) รองห E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0636184524 Group wor facebook:Oumagron kodkaew siri line 0636184524 สมาชกิ ในกลุ่ม นายสุวภัทร ชว่ ยรกั ษ์ (กัปตัน) E-mail: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0634292769 facebook: Captain suwaphat Line: suwaphat07 หวั หน้ากลุ่ม นายธนกร ไพบูลยส์ มบตั ิ (โอค๊ ) E-mail [email protected] facebook: Thanakorn Paiboolsombut Line: niceedayy
นางสาวสรชา ศรใี ส (โอนี): :: E-mail:[email protected] หวั หน้ากลุ่ม เบอรโ์ ทรศัพท์:0658429471 Fackbook:Soracha Srisai rk Line:06584294741 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวคณิศรา คงหน(ู ขา้ วฟาง) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0628494998 Facebook:Kanitsara Kongnoo Line : 0628494998 เลขานกุ าร นายวศั พล พุดเอยี ด(แม็ค) Email : [email protected] : : facebook : Mmax max เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0958364846 line : wasa85
แบบทดสอบ กลมุ่ หัวข้อเรอ่ื ง พ้ืนฐานนาฎศิลปไ์ ทย 1.ขอ้ ใดเป็นบทบาททางนาฏศิลป์ ก.บทบาทการทอ่ งเทย่ี ว ข.บทบาทในการคิดสร้างสรรค์ ค.บทบาททางการเมอื ง ง.บทบาททางครอบครัว เฉลย ข.บทบาททางการคิดสร้างสรรค์ 2.บทบาททางนาฏศลิ ป์มีทั้งหมดกขี่ ้อ ก.4ข้อ ข.5ขอ้ ค.6ข้อ ง.7ข้อ เฉลย ค. ขอ้ 3.นาฎศิลปไ์ ทยท่มี าและเกิดจากสาเหตอุ ะไรบ้าง ก.การกระทบกระเทอื นทางอารมณ์และความเชื่อในในการนบั ถือสงิ่ ศกั ดสิ์ ทิ ธิ ข.การรา ค.การแสดง ง.แนวคดิ ในสมยั ก่อนจนจงึ ปจั จุบัน เฉลย ก.การกระทบกระเทือนทางอารมณ์และความเชอ่ื ในในการนบั ถอื สง่ิ ศักด์สิ ทิ ธิ 4.ขอ้ ใดคอื นาฎศิลปไ์ ทยไดร้ ับวฒั นาธรรมมาจากอารยธรรมอินเดยี ก.การใสช่ ดุ อนิ เดยี ข.การรับประทานอาหารของสัญชาตอิ ินเดยี ค.วัฒนธรรมอินเดียท่เี ป็นเรอ่ื งของเทพเจา้ ง.การแสดงมาจากอนิ เดยี เฉลย ค.วฒั นธรรมอนิ เดยี ทเี่ ปน็ เรื่องของเทพเจา้ 5.พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.ใด ท่ีไดใ้ ห้ความหมายของนาฏศิลป์ ก. พ.ศ.2021 ข. พ.ศ.2564 ค. พ.ศ.2475 ง. พ.ศ.2542 เฉลย ง.พ.ศ.2542 6.ข้อใดตอ่ ไปน้ีไมใ่ ช่นยิ าม ความหมายของนาฏศิลป์ ก. ความชา้ ชองในการละครและฟ้อนรา ข.ศิลปะการละครหรือการฟอ้ นราแบบไทย ค.การทาเจลแอลกอฮอล์ทม่ี อื ง.การรอ้ งราทาเพลง เพ่อื ใหเ้ กิดความบันเทิงเรงิ ใจ เฉลย ค.การทาเจลแอลกอฮอล์ท่มี ือ 7.การแสดงนาฎศิลปช์ ้ันสูงของไทยทมี่ เี อกลักษณค์ ืออะไร ก.ละคร
ข.โขน ค.ระบา ง.เพลงพื้นบา้ น เฉลย ข.โขน 8.ภาษาท่านาฏศลิ ป์ที่แสดงความรู้สึกหมายถงึ ขอ้ ใด ก.เดนิ ข.ยนื ค.โกรธ ง.นอน เฉลย ค.โกรธ 9.บคุ คลสาคญั คนไหนท่ไี ดช้ ื่อเปน็ คณุ ครูสอนโขน ก.ทา่ นผหู้ ญิงแผว้ สนิทวงศเ์ สนี ข.ครอู าคม สายาคม ค.ครูรงภัคดี (เจยี ร จารจุ รณ) ง.ถูกทง้ั ขอ้ ข.และค. เฉลย ถกู ทงั้ ขอ้ ข.และ ค. 10.ครลู มุล ยมะคปุ ต์ บทบาทใดทีค่ รูลมุลไม่เคยแสดง ก.พระสังข์ ข.เขยเลก็ ค.เจ้าเงาะ ง.รจนา เฉลย ง.รจนา
ทีมาของนาฏศิลปไทย นางสาวอุมากร กดแก้ว เลขที38 อา้ งองิ ม 4/17 ทําหวั ขอ้ แหล่งกําเนิด 1.)เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ หมายถึง เกิดตามพัฒนาการของความเปนมนษุ ยท์ ีอยูร่ ว่ มกันเปนกลุ่มชน ประเทศไทยมีประเพณีแบบอยา่ งทางศิลปการแสดงมาชา้ นานซึงได้ผ่านมาหลายศต วรรษและหลายชวั อายุคนการถ่ายทอดศิลปะนีได้ผา่ นมาหลายทางจากทีเปนคําพูดจ 2.) เกิดจากการเซ่นสรวงบูชา หมายถึง นถ่ายทอดมาเปนเอกสารจากเรอื งราวต่างๆจนมาเปนกิจกรรมทางการศึกษาอยา่ งมี กระบวนการประกอบพิธกี รรมตามความเชอื ของกลุ่มชน ระบบแต่กระนันประเพณีทางศิลปะของการแสดงนีก็ได้ผ่านจากยุครุง่ เรอื งและยุคเสื อมนาฎศิลปไทยเปนส่วนหนึงของการแสดงออกทางวฒั นธรรมทีสําคัญและยงั เปน ซึงพบวา่ การเซ่นสรวงบูชา สิงสําคัญอยา่ งมากต่อชวี ติ ประจําวนั และวถิ ีชวี ติ ของชาวไทยไม่ใชเ่ ปนความบันเทิงเ มนษุ ยแ์ ต่โบราณมามีความเชอื ถือในสิงศักดิสิทธิ จึงมีการบูชา พียงอยา่ งเดียวแต่ยงั เปนส่วนหนึงของพิธกี รรมทีสําคัญและเกียวข้องกับศาสนาแล เซ่นสรวง เพอื ขอใหส้ ิงศักดิสิทธปิ ระทานพรใหต้ นสมปรารถนา ะกลุ่มสังคมหลายกลุ่มโดยแท้จรงิ แล้วนาฏศิลปไทยนันสามารถทีจะบรรยายลักษณ ะเฉพาะตัวและยงั สามารถทีจะสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงลักษณะของสังคมไทยแตกต่างจาก 3.)การรบั อารยะธรรมของอนิ เดีย หมายถึง ทีอนื ๆโดยเฉพาะดังนันเราสามารถสังเกตได้วา่ นาฏศิลปของไทยจะสะท้อนใหเ้ หน็ ถึง อทิ ธพิ ลของประเทศเพือนบ้านจากประวตั ิศาสตรข์ องประเทศไทยทียาวนานวา่ ลักษณะทีจะบ่งบอกใหเ้ หน็ ถึงความเปนไทยประเทศไทยตังอยูท่ างตอนกลางของทวี ปเอเซียดดยอยูใ่ นแนวเส้นทางการพาณิชยป์ ระเทศไทยจึงมีวฒั นธรรมทีหลากหลาย เมือไทยมาอยูใ่ นสุวรรณภูมิใหม่ๆ นัน มีชนชาติมอญ จากทางตะวนั ตกและทางตะวนั ออกวฒั นธรรมเหล่านีได้หลังไหลเขา้ สู่ประเทศไทยซึง และชาติขอมเจรญิ รุง่ เรอื งอยูก่ ่อนแล้ว มีผลทําใหร้ ูปแบบทางประเพณีและศิลปะมีความแตกต่างกันไปนาฎศิลปไทยนันสาม ารถจะสืบค้นหาถึงความเปนมาได้วา่ มีมาตังแต่เรมิ ต้นประวตั ิศาสตรช์ าติไทยสิงทีนาํ ชาติทังสองนันได้รบั อารยะธรรมของอนิ เดียไวม้ ากมายเปนเวลานาน เสนออกมาถ่ายทอดผ่านการแสดงนาฏศิลปไทยนันทําใหเ้ ราเหน็ วตั ถุในทางศิลปทีม เมือไทยมาอยูใ่ นระหวา่ งชนชาติทังสองนี ก็มีการติดต่อกันอยา่ งใกล้ชดิ นษุ ยไ์ ด้สรา้ งสรรค์ขึนมาทังวรรณคดีประติมากรรม จิตรกรรม เปนต้น ความหมาย แหล่งกําเนิด บุคคลสําคัญ 1.ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี พืนฐานนาฏศิลปไทย มีนามเดิมวา่ แผ้ว สุทธบิ ูรณ์ เกิดเมือวนั ที ๒๕ ธนั วาคม ประโยชน์ในการศึกษาวชิ านาฏศิลป ๒๔๔๖ เมืออายุ ๘ ขวบ ประโยชน์โดยทางตรง ได้ถวายตัวในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวธุ กรมหลวงนครราชสีมา ใชเ้ ปนวชิ าชพี ผู้ทีศึกษาวชิ านาฏศิลป อยา่ งจัดเจนชาํ นิชาํ นาญ สามารถยดึ เปนอาชพี ได้ และได้รบั การฝกหดั นาฏศิลป กับครูอาจารยผ์ ูท้ รงคุณวฒุ ิในราชสํานักเชน่ เพราะในกิจกรรมต่าง ๆ เจ้าจอมมารดาวาดและเจ้าจอมมารดาเขียน ในรชั กาลที วชิ านาฏศิลปเข้าไปมีส่วนรว่ มอยูเ่ สมอ ๔ เจ้าจอมมารดาทับทิม ในรชั กาลที ๕ หม่อมแยม้ ในนามสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรสี ุรยิ วงศ์ เปนการบรหิ ารรา่ งกายใหม้ ีสุขภาพสมบูรณ์ โดยเฉพาะวชิ านาฏศิลปนัน หม่อมองึ ในสมเด็จพระบัณฑูรฯ ในขณะฝกหดั นัยวา่ เปนการออกกําลังกายอยา่ งดีเยยี ม ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ได้บรหิ ารรา่ งกายทัวทุกส่วน เกิดเมือวนั ที 14 สิงหาคม พ ศ 2544 ทีจัดหวดั นครปฐมเปนบุตรของจางวางจอนเเละนางพรงิ ครูรงภั กดีฝกหดั โหนกับพระยานัฏกานรุ กั ษ์และคุณหญงิ นัฏกานรุ กั ษ์ เมืออายุ 13 ปทีกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 6 ต่อมาเขา้ รบั ราชการเปนศิลปนในกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 7 นอกจากรบั ราชการเปนตํารวจหลวงแล้ว ท่านยงั มีหน้าทีเปนครูสอนนาฏศิลปโขนอกี ด้วย ครูเฉลย ศุขะวณิช เกิดเมือวนั ที ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๔๗ เปนผู้เชยี วชาญการสอนและออกแบบนาฏศิลปไทย แหง่ วทิ ยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ซึงมีความรูค้ วามสามารถสูงในกระบวนท่าราํ ทุกประเภ ท ทางราชการได้มอบหมายใหเ้ ปนผู้วางรากฐานจัดสรา้ งห ลักสูตรการเรยี นการสอนวชิ านาฏศิลปตังแต่ระดับต้นจ นถึงขันปรญิ ญา ครูอาคม สายาคม ประโยชน์ทางออ้ ม ครูอาคม สายาคม เดิมชอื บุญสม เกิดเมือวนั ที 26 ไม่หวนั ไหวไปกับสิงรอบข้าง ซึงทําใหผ้ ู้นันมีความสามารถในขณะปฏิบตั ิงานต่าง ๆ ตุลาคม พ ศ 2406 ณ บ้านสีแยกหลานหลวง มีจิตใจอา่ นโยน นาฏศิลปชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นมีจิตใจออ่ นโยน มีสติ และมีสมาธทิ ี มันคง จังหวดั พระนคร เปนบุตรของนายเจือ ได้ผลมีประสิทธภิ าพเพิมมากขึน ดังจะเหน็ ได้วา่ ศรยี าภัยและนางผาด ศรยี าภัย สกุลเดิม อศิ รางกูร ณ นอกจากนันชว่ ยผ่อนคลายและค ศิลปนในแขนงนีมีอายุยนื ยาว อยุธยา วามเครยี ดของจิตใจ มีสุขภาพดีเปนส่วนมาก (นามสกุลสายาคมเปนนามสกุลทีได้รบั พระราชทานจากรั ชกาลที 6)ครูอาคมได้รบั การฝกหดั โขนพรอ้ มกับเรยี นหนังสือจนจ บชนั มัธยมปที 3 จากนัน เข้ารบั ตําแหน่ง “พระ” แผนกโขนหลวง กรมพิณพาทยแ์ ละโขนหลวง กระทรวงวงั ครูลมุล ยมะคุปต์ อา้ งองิ ครูลมุล ยมะคุปต์ เกิดเมือวนั ที 2 มิถุนายน พ ศ 2448 เปนชาวจังหวดั น่าน เปนธดิ าของรอ้ ยโทนายแพทยจ์ ีน อญั ชญั ภาติกับนางคํามอย บิดาพาไปถวายตัวเปนนางละคร ณ วงั สวนกุหลาบ เรมิ ฝกหดั นาฏศิลปตังแต่อายุ 5 ขวบและยา้ ยไปศึกษาด้านละครใน ณ วงั เพชรบูรณ์ ผลงานด้านการแสดง ท่านแสดงเปนตัวเอกเกือบทุกเรอื ง เพราะมีฝมือเปนเยยี ม บทบาททีท่านเคยแสดง เชน่ พระสังข์ เขยเล็ก เจ้าเงาะ ฮเนา ซมพลา พระวษิ ณุกรรม พระอภัยมณี ศรสี ุวรรณ สุดสาคร อุศเรน อเิ หนา สียะตรา วหิ ยาสะกํา อุณรุท พระราม พระลอ พระมงกุฎ อนิ ทรชติ พระนารายณ์ พระคเณศ สมิงพระราม พระไวย พลายบวั พระพนั วษา เปนต้น อา้ งองิ : นางสาวสรชา ศรใี ส เลขที 37 ทําหวั ขอ้ บุคคลสําคัญ นายสวุ ภัทร ชว่ ยรกั ษ์ ทําหวั ขอ้ ประโยชนใ์ นการศึกษาวชิ านาฏศิลป
ความชาชองในการละครและฟอนราํ พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 ศิลปะการละครหรอื การฟอนราํ แบบไทย ได้ใหค้ วามหมายของคําวา่ “ นาฏศิลป ” ไวว้ า่ “ การรอ้ งราํ ทําเพลง เพอื ใหเ้ กิดความบนั เทิงเรงิ ใจ เปนศิลปะแหง่ การละครหรอื การฟอนราํ ”นอกจากนียงั มีนั การฟอนราํ ทีมนุษยป์ ระดิษฐข์ นึ โดยการเลียนแบบท่าธรรมชาติด้วยความประณีตลึกซงึ กการศึกษา ศิลปะการฟอนราํ หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอนราํ ซงึ เปนสงิ ทีมนุษยป์ ระดิษฐข์ นึ ดว้ ยความงามอยา่ งมแี บบแผน และท่านผู้รูไ้ ด้ใหน้ ิยามความหมายของนาฏศิลปแตกต่าง กันออกไป ดังนี นาฏศิลป หมายถึง ศิลปะการฟอนราํ หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอนราํ เปนสิงทีมนษุ ยป์ ระดิษฐ์ขึนด้วยความประณีตงดงาม ใหค้ วามบันเทิง อนั โน้มน้าวอารมณ์และความรูส้ ึกของผูช้ มใหค้ ล้อยตาม ศิลปะประเภทนีต้องอาศัยการบรรเลงดนตรี และการขับรอ้ งเข้ารว่ มด้วย เพอื ส่งเสรมิ ใหเ้ กิดคุณค่ายงิ ขนึ หรอื เรยี กวา่ ศิลปะของการรอ้ งราํ ทําเพลง นายวศั พล พุดเอยี ด เลขที10 ม 4/17 อา้ งองิ ทําหวั ข้อความหมาย 1. บทบาทในพธิ กี รรมรฐั พิธแี ละราชพิธี การแสดงนาฏศิลปในพิธกี รรมต่าง ๆ สามารถแสดงถึงความเชอื ในพลังเหนือธรรมชาติของภูติฝปศาจและ สิงศักดิสิทธทิ ังหลาย 2. บทบาทในการสรา้ งสรรค์ มนษุ ยม์ ีการพบปะสังสรรค์กันในโอกาสต่าง ๆทังในหมู่เครอื ญาติ เพือนฝูง และคนในสังคม หรอื ท้องถินเดียวกัน เชน่ ในงานวนั เกิด งานประเพณี และงานเทศกาลต่าง ๆ เปนต้น นาฏศิลปกับบทบาททางสังคม 3. การสือสาร นาฏศิลปเปนกระบวนการหนึงทางการสือสารทีทําใหม้ นษุ ยส์ ามาร รูปแบบของนาฏศิลป ถเข้าใจกันได้โดยใชภ้ าษาท่าทาง หรอื ท่าราํ ทีมีความหมายจากการเคลือนไหวรา่ งกายประกอบการพู ดหรอื การเล่าเรอื งต่าง ๆ 4. บทบาทในทางการศึกษา นาฏศิลปเปนการศึกษาทางด้านศิลปะแขนงหนึงทีพัฒนา ควบคู่มากับความเจรญิ ของมนษุ ย์ โดยเฉพาะความเจรญิ ทางด้านศิลปะวฒั นธรรมทีมีการสรา้ งสรรค์ และทํานบุ าํ รุงศิลปะใหร้ ุง่ เรอื งด้วยการสรา้ งสถาบันการศึกษาด้านนาฏศิ ลป เชน่ วทิ ยาลัยนาฏศิลปของกรมศิลปากร 5. บทบาทในการอนรุ กั ษ์ และเผยแพรเ่ อกลักษณ์ของชาติ นาฏศิลปเปนการแสดงเอกลักษณ์ ประจําชาติอยา่ งหนึง เปนเครอื งหมายแสดงถึงศิลปวฒั นธรรมทีมีลักษณะเฉพาะโดดเด่น หรอื แตกต่างจากชนชาติอนื ๆ โดยเฉพาะนาฏศิลปไทยทีมีเอกลักษณ์ด้านท่าราํ เครอื งแต่งกาย และดนตรไี ทยประกอบการแสดงซึงยงั มีความหลากหลายในแต่ละท้องถินขอ งประเทศ 6. บทบาทในการส่งเสรมิ พลานามัย นาฏศิลปเปนการเคลือนไหวรา่ งกายใหส้ วยงาม และมีความหมาย ต้องใชก้ ารฝกหดั และฝกซ้อมใหจ้ ดจําท่าทางต่าง ๆได้ จึงเปนการออกกําลังกายอยา่ งหนึงทีมีการใชก้ ําลังยกแขน ขา มือ หรอื เคลือนไหวศีรษะและใบหนา้ เพือใหเ้ กิดท่าทางและความสนกุ สนานไปพรอ้ ม ๆ กัน เชน่ การราํ กระบีกระบอง เซิง การราํ ดาบสองมือ การราํ พลอง การาํ งา้ ว ก็เปนการผสมผสาน อา้ งองิ : 1. ระบํา หมายถึง ผู้จัดทํา:นายธนกร ไพบูลยส์ มบตั ิ ศิลปะการรา่ ยราํ ทีแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่ ไม่ดําเนินเรอื งราว ใชเ้ พลงบรรเลง อาจมีเนือรอ้ งหรอื ไม่มีเนือรอ้ งก็ได้ เน้นการแปรแถวในลักษณะต่าง ๆ อยา่ งมีระเบียบงดงามและเน้นความพรอ้ มเพีย งเปนหลัก เชน่ ระบําชุมนมุ เผา่ ไทย ระบําโบราณคดี ระบํานกสามหมู่ ระบําเชยี งแสน ระบําสุโขทัย ระบําทวารวดี ระบําลพบุรี ระบําศรวี ชิ ยั เปนต้น 2.ราํ หมายถึง การแสดงท่าทางการเคลือนไหวรา่ งกายประ กอบจังกวะเพลงรอ้ งหรอื เพลงบรรเลงจะเป นศิลปะการราํ เดียว ราํ คู่ ราํ ประกอบเพลง ราํ อาวุธ ราํ ทําบทหรอื ราํ ใชบ้ ท โดยเน้นท่วงท่าลีลาการรา่ ยราํ ทีงดงาม เชน่ ราํ สีนวล ราํ ฉุยฉาย เปนต้น 3.ฟอน หมายถึง ระบําทีมีนักแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่ เปนศิลปะการรา่ ยราํ ทีมีลีลาเฉพาะในท้องถินล้านนา ทีเปนการเคลือนไหวแขน ขา ยดื ยุบเขา่ ตามจังหวะ เพอื ความออ่ นชอ้ ยสวยงาม เชน่ ฟอนเมือง ฟอนเงยี ว ฟอนม่านมุ้ยเชยี งตา ฟอนสาวไหม ฟอนลาวดวงเดือน เปนต้น เซิง หมายถึง การรอ้ งราํ ทําเพลงแบบพืนเมืองอสี าน ลีลาและจังหวะการรา่ ยราํ จะรวดเรว็ กระฉับกระเฉง การแต่งกาย จะแต่งกายตามแบบพืนเมืองของชาวอสี าน ส่วนใหญก่ ารเซิงจะใชส้ ําหรบั นาํ กระบวนแหต่ ่าง ๆ แต่ต่อมาภายหลังได้มีการปรบั ปรุงการเซิงแบบใหม่เพิมเติ มขึนมาอกี เชน่ เซิงสวงิ เซิงกระติบขา้ ว เซิงโปงลาง เซิงตังหวาย เซิงกระโป เปนต้น ละคร หมายถึง มหรสพอยา่ งหนึงทีแสดงเปนเรอื งราว โดยนาํ ภาพจากประสบการณ์และจิตนาการของมนษุ ยม์ าผูกเปนเรอื ง มีจุดมุ่งหมายเพอื แสดงอารมณ์ความรูส้ ึกก่อใหเ้ กิดค วามบันเทิง และความสนกุ สนาน เพลิดเพลินโดยมีนักแสดงเปนผู้สือความหมาย และเรอื งราวต่อผู้ชม โขน หมายถึง ศิลปะการแสดงนาฏศิลปของไทยรูปแบบหนึง อากัปกิรยิ าของตัวละครจะมีทังการราํ และการเต้นทีออกท่าทางเข้ากับดนตรี นักแสดงจะถูกสมมติใหเ้ ปนตัวยกั ษ์ ตัวลิง มนษุ ย์ เทวดา โดยการสวมหนา้ กากหรอื เรยี กวา่ “หวั โขน” ส่วนนักแสดงเปนมนษุ ย์ และเทวดาจะไม่สวมหวั โขน การแต่งกายแต่งยนื เครอื งครบถ้วนตามลักษณะของยกั ษ์ ลิง มนษุ ย์ นักแสดงไม่ต้องรอ้ งหรอื เจรจาเอง เพราะจะมีผู้พากยเ์ จรจาขับรอ้ งแทน อา้ งอิ นส คณิศรา คงหนู ม 4/17 เลชที 31 ทําหวั ข้อรูปแบบของาฏศิลป
1. ละครรำในสมยั อยธุ ยำมกี ่ีประเภท ก. 1ประเภท ข. 2ประเภท ค. 3ประเภท ง. 4ประเภท ผอู้ อก : นายปญุ ญพัฒน์ โชติกุล ม.4/16 เลขท่ี 7 2. เร่ืองของละครชำตรีมีกำเนิดมำจำกเรือ่ งอะไร ก. มโนรำห์ ข. โขน ค. หนังตะลงุ ง. อเิ หนำ ผู้ออก : นายพีรวัส พนั ธผ์ ล ม.4/16 เลขที่ 8 3. โรงละครเอกชนโรงใดเกดิ ขน้ึ ในสมยั ธนบุรี ก. ละครหลวงวชิ ิตณรงค์ ข. ละครเจ้าจอมมารดาอัมพา ค. ละครกรมพระพิทักษเ์ ทเวศน์ ง. ละครหลวงวิจติ รวาทการ ผู้ออก : นายอษั ฎา ทองจืด ม.4/16 เลขท่ี 10 4. บุคคลสำคัญของวงกำรนำศิลปแ์ ละกำรละครของไทยในสมัยอยธุ ยำไดแ้ กอ่ ะไรบ้ำง ก. ตารวจ ข. มหาดเล็ก ค. ถกู ข้อ ก ง. ถูกทง้ั ก. และ ข. ผอู้ อก : นายภัทรพล ชูใจ ม.4/16 เลขท่ี 9 5.ละครในกบั ละครนอกต่ำงกนั อยำ่ งไร ก.ละครในใช้ผู้หญิงแสดงและแสดงภายในวงั ส่วนละครนอกใชผ้ ชู้ ายแสดงและแสดงนอกวัง ข.วัฒนธรรม ค.เรอ่ื งในการแสดง ง.ถูกทั้ง ก.และ ค. ผอู้ อก : นายปรมะ สงั ข์รอด ม.4/16 เลขที่ 6
เรอื งการละคร และนาฏศิลปไทยในสมยั นน่านเจา้ พบวา่ ไทยมนี ิยายเรอื งหนึง คือ เรอื ง ”มโนหร์ า” ซงึ ปจจุบนั นีก็ยงั มอี ยูใ่ นประเทศจนี ตอนใต้ในอาณาจกั รน่านเจา้ เดิม นิยายเรอื งนัน คือ \"นามาโนหร์ า\" เปนนิยายของพวกไต พวกไตคือไทยเราแต่เปนพวกทีไมอ่ พยพลงมาจากดินแดนเดิม เรอื งนามาโนหร์ านีจะนํามาเล่นเปนละครหรอื ไมน่ ันยงั ไมม่ หี ลักฐานปราก ฎเดน่ ชดั สว่ นการละเล่นของไทยน่านเจา้ นันมพี วกระบาํ อยูแ่ ล้ว คือ ระบาํ หมวก และระบาํ นกยูง อา้ งองิ : นายพรี วสั พันธผ์ ล เลขที 8 ม 4/16 สืบค้นวนั ที 21/6/64 สมัยน่านเจ้า สมัยธนบุรี สมยั นเี ปนชว่ งต่อเนอื งหลังจากทีกรงุ ศรอี ยุธยาเสยี แก่พมา่ เมอื ป พ ศ 2310 สืบค้นเมือวนั ที:21/6/64 ววิ ฒั นาการนาฏศิลปไทยและก เหล่าศิลปนได้กระจดั กระจายไปในทีต่างๆ เพราะผลจากสงคราม บางสว่ นก็เสยี ชวี ติ ทุกหวั ข้อ ารละครไทย บางสว่ นก็ถกู กวาดต้อนไปอยูพ่ มา่ ครนั พระเจา้ กรุงธนบุรไี ด้ปราบดาภิเษกในปชวด พ ศ 2311 แล้ว ทรงสง่ เสรมิ ฟนฟูการละครขนึ ใหม่ ยุคสมัยน่านเจ้า สุโขทัย และรวบรวมศิลปนตลอดทังบทละครเก่าๆทีกระจดั กระจายไปใหเ้ ขา้ มาอยูร่ วมกัน กรุงศรอี ยุธยาและกรุงธนบุรี ตลอดทังพระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรามเกียรติขนึ อีก 5 ตอน คือ ตอนหนุมานเกียวนางวานรนิ ตอนท้าวมาลีวราชวา่ ความ และบุคคลสําคัญ ตอนทศกัณฐต์ ังพธิ ที รายกลด (เผารปู เทวดา) ตอนพระลักษณถ์ กู หอกกบลิ พทั ตอนปล่อยมา้ อุปการ มคี ณะละครหลวง และเอกชนเกิดขนึ หลายโรง เชน่ ละครหลวงวชิ ติ ณรงค์ ละครไทยหมนื เสนาะภบู าล หมนื โวหารภิรมย์ นอกจากละครไทยแล้วยงั มลี ะครเขมรของหลวงพพิ ธิ วาทีอีกด้วย อา้ งองิ : นายอษั ฎา ทองจืด เลขที10 ม 4/16 สืบค้นวนั ที 21/6/64 สมัย ยุคสมัยน่านเจ้า : ไม่ปรากฏบุคคลสําคัญ ยุคสมัยสุโขทัย : ไม่ปรากฏบุคคลสําคัญ ยุคสมยั กรุงศรอี ยุธยา บุคคลสําคัญ ยุคสมยั ธนบุรี บุคคลสําคัญของวงการนาศิลปและการละครของไทยใ บุคคลสําคัญในวงการนาฏศิลปไทยสมัยธนบุรี นสมัยอยุธยา ได้แก่ ตํารวจ มหาดเล็ก ได้แก่ ครูอมิ อเิ หนา ซึงภายหลังได้เปน ซึงแสดงโขนกลางสนาม ครูละครหลวง และได้เปนเจ้าจอมมารดาในรชั กาลที ๑ ปรากฎอยูใ่ นตําราพระราชพิธอี นิ ทราภิเษก โดยใชต้ ํารวจแสดงเปนฝายอสูร 100 คน แหง่ กรุงรตั นโกสินทรน์ ับวา่ เปนผู้สืบทอดศิลป ทหารมหาดเล็กเปนฝายเทพยดา 100 คน เปนพาลี ะการฟอนราํ สุครพี มหาชมพูและบรวิ ารวานรอกี 103 คน การแสดงชกั นาคดึกดําบรรพ์ ฝายอสูรชกั หวั การละครจากสมัยธนบุรมี าถึงสมัยรตั นโกสิน เทพยดาชกั หาง และวานรอยูป่ ลายหาง ทร์ รวมผู้เล่นประมาณ 300 กวา่ คน นายภัทรพล ชูใจ เลขที 9 ม 4/16 แต่ไม่มีการกล่าวถึงชอื ผู้แสดง ทางด้านการราํ ไทยมีกล่าวถึงตังแต่ครงั กรุงสุโขทัยจาก อา้ งองิ : ศิลาจารกึ หลักที 8 แต่ไม่มีการอา้ งถึงเปนรายบุคคล สืบค้นวนั ที 21/6/64
สมัยสุโขทัย า เปนการแสดงประเภทระบาํ ราํ ฟอน มวี วิ ฒั นาการมาจากการละเล่นของชาวบา้ น กรุงศรอี ยุธยา เปนการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจหลังจากเสรจ็ งาน หรอื แสดงในงานบุญ งานรนื เรงิ ประจาํ ป ปรากฏในหนังสอื ไตรภมู พิ ระรว่ งฉบบั พระมหาราชาลิไทวา่ “บา้ งเต้น บา้ งราํ บา้ งฟอน ระบาํ บนั ลือ” แสดงใหเ้ หน็ รูปแบบนาฏศิลปทีปรากฏในสมยั นี คือ เต้น ราํ ฟอน และระบาํ อา้ งองิ : นายปุญญพฒั น์ โชติกุล เลขที7 ม 4/16 สืบค้นวนั ที 21/6/64 ละครราํ สมยั กรุงศรอี ยุธยามตี ้นกําเนิดจากการเล่นโนราและละครชา ละครชาตรี ตรที ีนิยมกันในภาคใต้ของประเทศไทยแต่เดมิ มลี ะครชอื ขุนศรทั ธาเป เปนรูปแบบละครราํ ทีเก่าแก่ของไทยที นละครในสมยั กรุงศรอี ยุธยาสว่ นระบาํ หรอื ฟอนเปนศิลปะโดยอุปนิสั ยของคนไทยสบื ต่อกันมาละครราํ ของไทยเรามี ได้รบั การฟนฟูจนถึงทุกวนั นี 3 อยา่ งคือ ละครชาตรี ละครนอก และละครใน เรอื งของละครชาตรมี ีกําเนิดมาจากเรื อา้ งองิ : นายปรมะ สังขร์ อด เลขที6 ม 4/16 องมโนราห์ สืบค้นวนั ที 21/6/64 ละครนอก มีการดําเนินท้องเรอื งทีรวดเรว็ กระชบั สนกุ การแสดงมีชวี ติ ชวี า ส่วนมากใชผ้ ู้ชายแสดง และมีมาตังแต่สมัยกรุงศรอี ยุธยา เข้าใจวา่ ละครนอกมีววิ ฒั นาการมาจา กละครชาตรี เพราะมุ่งทีจะใหค้ นดูเกิดความขบขัน ผู้แสดงละครนอกแต่เดิมมีผู้แสดงอยูเ่ พียง 2-3 คน ละครใน จากรูปแบบของละครนอกทีไดร้ บั กา รพฒั นาขนึ มาเปนตัวละครในวงั ผแู้ สดงหญิงล้วน แบบอยา่ งละครในนีไดส้ งวนไวเ้ ฉพาะ ในวงั หลวงเท่านัน เพราะวา่ ผชู้ ายนันจะถกู หา้ มใหเ้ ขา้ ไปใ นพระราชฐานชนั ใน
หลักฐานความเปนมา นายแกล้วกล้า นกแก้ว เลขที12 ม 4/17 นาย ณฐปวชั ร์ จารุวาระกุล เลขที3 ม 4/17 ในสมัยกรุงธนบุรี การมหรสพแม้จะหยุดเล่นไปในระยะเสียกรุงศ รอี ยุธยา แต่ก็ฟนตัวได้ในระยะเวลาอนั สัน มหรสพทีปรากฏในยุคนีก็มีลักษณะคล้ายคลึง และใกล้เคียงกับทีมีในสมัยอยุธยาเปนราชธา นี คือ มีทังหุน่ โขน ละคร และละครชาตรี ซึงปรากฏอยูใ่ นหลักฐานต่างๆ ทังในหนังสือของทางราชการและในวรรณคดี หมายรบั สังสมัยกรุงธนบุรี มีบนั ทึกแจ้งวา่ ในพระราชพิธกี ารถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระ หลวง กรมหลวงพิทักษ์เทพามาต ณ วดั บางยเี รอื นอก ปจุลศักราช 1138 หรอื พ ศ 2319 มีการแสดงโขน ง ราํ หญงิ หนังกลางวนั เทพทอง หุน่ ลาวระหวา่ งระทา 2 โ หุน่ ญวนระหวา่ งระทา 1 โรง ววิ ฒั นาการของนาฏศิลป รไทยยุคกรุงธนบ บทละคร สมัยกรุงธนบุรี ผู้สืบค้น ประวตั ิ นายภัควนั ต์ พรหมแก้ว สมัยกรุงธนบุรี สมัยนีเปนชว่ งต่อเนืองหลังจากทีกรุงศรอี ยุธยาเสียแก่พม่าเมือป เลขที 23 ม 4/17 พ ศ 2310 เหล่าศิลปนได้กระจัดกระจายไปในทีต่างๆ เพราะผลจากสงคราม นายอรรภูมิ เกศโร บางส่วนก็เสียชวี ติ บางส่วนก็ถูกกวาดต้อนไปอยูพ่ ม่า เลขที 11 ม 4/17 ครนั พระเจ้ากรุงธนบุรไี ด้ปราบดาภิเษกในปชวด พ ศ 2311 แล้ว นายพิชญ์วุฒิ ทองเพรช เลขที 20 ม 4/17 ทรงส่งเสรมิ ฟนฟูการละครขึนใหม่ และรวบรวมศิลปนตลอดทังบทละครเก่าๆทีกระจัดกระจายไปใหเ้ ข้ามาอยูร่ วมกัน เวบ็ ไซด์ ตลอดทังพระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรามเกียรติขึนอกี 5 ตอน คือ ตอนหนมุ านเกียวนางวานรนิ ตอนท้าวมาลีวราชวา่ ความ ตอนทศกัณฐ์ตังพธิ ที รายกลด (เผารูปเทวดา) ตอนพระลักษณ์ถูกหอกกบลิ พทั ตอนปล่อยม้าอุปการ มีคณะละครหลวง และเอกชนเกิดขึนหลายโรง เชน่ ละครหลวงวชิ ติ ณรงค์ ละครไทยหมืนเสนาะภูบาล หมืนโวหารภิรมย์ นอกจากละครไทยแล้วยงั มีละครเขมรของหลวงพพิ ิธวาทีอกี ด้วย เวป็ ไซด์ 1.ตอนพระมงกุฏประลองศร บทละครรามเกียรติ (เนือเรอื งตอนนีเปนตอนท้ายของเรอื ง (เนือเรอื งหลัก 4 ตอน) เพียงแต่พระราชนิพนธข์ นึ ก่อนตอนอนื ๆ) ประวตั ิ 3.ตอนท้าวมาลีราชว นางสีดาได้มาอาศัยอยูก่ ับพระฤาษีและได้ประสูติพระมงก 2.ตอนหนมุ านเกียวนางวารนิ (เปนตอนต่อจากหนมุ านเก (เนือเรอื งตอนแรกขาดหายไป) เรมิ แต่ ฎ พระฤาษีได้ชุบพระรบเปนเพอื นและชุบศรใหเ้ ปนอาวธุ พระ มงกุฎ ประวตั ิ คณะละคร ประวติ ิ หลังจากหนมุ านฆ่า หนมุ านได้ไปพบนางวารนิ ทีถา หลวง-เอกชน เพือแก้คําสาปใหน้ เดิมทีนางวารนิ นันเปนนางฟาถูกพระอศิ วรสาปใหไ้ ปอยูใ่ น ทศกัณฐ์กล่าวโทษพ ถา และได้หาวธิ แี ก้คําสาปสําเรจ็ ต่อมาจีงได้นางวารนิ เปนภรรยา ท้าวมาลีราชวา่ ครามจึงไถ่ถาม ม และได้สาปแชง่ ทศกัณฐ์และ ละครเขมรของหลวง พิพิธวาที ละครผูห้ ญิงของ ละครไทยหมืนเสนาะภูบาล ละครหลวงวชิ ติ ณรงค์ หมืนโวหาร-ภิรมย์
เวบ็ สืบค้น ะพนั ป เวบ็ ทีสืบค้น หลังจากการเปลียนแปลงการปกครองใน พ ศ ๒๔๗๕ ก กรมศิลปากรได้รวบรวมศิลปน โขน ละคร และนักดนตรี งวิ รวบรวมผู้มีความรูเ้ รอื งละครห โรง ลวง ทังได้ตังโรงเรยี นนาฏดุรยิ างค์ศาสตร์ ขึนเพือฝกฝนนักเรยี นด้วย ปและละค พระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื ง บุรี รามเกียรติ 5 ตอน เพือรกั ษาศิลปะของชาติไวไ้ ม่ใหส้ ูญหาย ในตอนนีหลวงวจิ ิตรวาทมองเหน็ คุณค่าทางการละครทีจ การฟนฟูของนาฏศิลป เวบ็ ทีสืบค้น ะใชเ้ ปนสือปลุกใจใหป้ ระชาชนเกิดความรกั ชาติ ผสู้ บื ค้น ละครผู้หญิงละครผู้ชายในราชสํานั เนือหาจะนํามาจากสมัยอดีต นาย ดรณั ภพ สวสั ดี เลขที4 ม 4/17 ก นาย ประวทิ ย์ ทองชูชว่ ย เลขที7 ม 4/17 บทละครจะมีหลากหลายอารมณ์ รวบรวมบทละครนอก 22 บท เน้นบทความเพือใหผ้ ู้อา่ นมีความรกั ชาติ ละครของท่านจะไม่เหมือนการแสดงละครทีมีอยูค่ นจึงเรี ยกละครของท่านวา่ \"ละครหลวงวจิ ิตรวาทการ\" ผู้แสดงจะเปนทังผู้ชายและผู้หญิง หนมุ านเกียวนางวานรนิ ทร์ ท้าวมาลีวราชวา่ ความ ทศกัณฐ์ตังพธิ ที รายกรด พระลักษมณ์ถูกหอกกบิลพัท ปล่อยม้าอุปการ รามเกียรติ อุณรุท และอเิ หนา 1. การะเกษ เวบ็ สืบค้น 2.คาวี 3.ไชยทัด 4.พกิ ุลทอง 5.พมิ พส์ วรรค์ 6.พณิ สุรนิ วงศ์ 7.มโนหร์ า 8.มณีพชิ ยั 9.สังข์ทอง 10.สังขศ์ ิลปชยั 11.สุวรรณศรี 12.สุวรรณหงส์ 13.โสวตั 14.อเิ หนาใหญ่ 15.ไกรทอง 16.โคบุตร 17.ไชยเษฐ์ 18.พระรถ 19.โม่งปา 20.ศิลปสุรวิ งศ์ 21.มโนราห์ 22.อุณรุท 4.ตอนทศกัณฐ์ตังพิธที รายกรด (ตอนนีเปนตอนต่อจากท้าวมาลีราชวา่ ความ) วา่ คราม ประวตั ิ กียวนางวารนิ ) ทศกัณฐ์มีความแค้นต่อเทวดาทีเปนพยา าวริ ุณจําบังตาย นใหพ้ ระรามจึงทําพธิ เี สกหอกกบิลพัท นางวารนิ สุดท้ายพระลักษณ์เปนคนทีต้องหอกกบิ พระราม ลพัต ต่อมาทําพธิ แี ก้ รกั ษา ต่างๆ มความจรงิ แก่พระรา ะอวยพรแก่พระราม งเจ้านครศรธี รรมราช
นายภัควนั ต์ พรหมแก้ว (เมษ) E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0825624511 Facebook:Pakkawan Promkaew Line:mate12345zxzx นาย อรรถภูมิ เกศโร อรรถ สมาชกิ E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0937230092 Facebook: adtapoom katsarow Line:0867803193 นายพิชญ์วุฒิ ทองเพชร(โซ่) สมาชกิ E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0937230092 นายประวทิ ย์ ทองชูชว่ ย (ต่อ) Facebook: adtapoom katsarow E-mail: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0826912673 Line:0867803193 Facebook: Prawit Thongchoochuay Line: 0826912673
หวั หน้ากลุ่ม นายแกล้วกล้า นกแก้ว (กล้า) เลขา E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:097-0359319 Facebook:kla klawkla Line:klawkla2549 สมาชกิ นายณฐปวชั ร์ จารุวาระกุล (อาตง) E-mail: [email protected] กลุ่ม:ดอลล่าร์ เบอรโ์ ทรศัพท์: 0948057277 Facebook: อา ตง สมาชกิ Line: 0948057277 สมาชกิ นายดรณั ภพ สวสั ดี (ซูม) E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0902124525 Facebook: Daranpop Zoom Sawas Line:0902124525
งานชน้ิ ท่ี 5 แบบทดสอบ กลมุ่ การพฒั นาของนาฎศิลปแ์ ละละครในสมัยธนบรุ ี ม.4/17 1.ข้อใดเปน็ เร่ืองทีใ่ ชเ้ ลน่ ละครนอกในสมัยธนบุรี ก.อุณรุท ข.มณีพิชยั ค.อเิ หนา ง.รามเกียรต์ิ เฉลย ข.มณีพิชยั ผู้ออกข้อสอบ นายภัควนตั พรหมแก้ว ม.4/17 เลขที่ 23 2.สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบรุ ที รงพระราชนิพนธร์ ามเกียรตต์ิ อนใด ก. นางลอย ข. ถวายลงิ ค. ตามกวาง ง. ปล่อยมา้ อปุ การ เฉลย ง. ปล่อยมา้ อุปการ ผอู้ อกขอ้ สอบ นายแกล้วกลา้ นกแกว้ ม.4/17 เลขท่ี 12 3.โรงละครเอกชนโรงใดเกิดขน้ึ ในสมยั ธนบุรี ก. ละครหลวงวิชิตณรงค์ ข. ละครเจ้าจอมมารดาอัมพา ค. ละครกรมพระพิทกั ษ์เทเวศน์ ง. ละครหลวงวจิ ติ รวาทการ เฉลบ ก. ละครหลวงวิชติ ณรงค์ ผูอ้ อกข้อสอบ นายประวิทย์ ทองชชู ่วย ม.4/17 เลขที่ 7 และ นาย อรรถภูมิ เกศโร ม.4/17 เลขท่ี 10 4.ในสมยั กรงุ ธนบุรมี ีการพระราชนิพนธบ์ ทละครเรื่องรามเกียรต์คิ ือเรือ่ งใด ก.ปลอ่ ยมา้ อปุ การ ข.ปราบอสรุ พรหม ค.ตรีบูรมั แผลงฤทธิ์ ง.นนทกนว้ิ เพชร เฉลย ก.ปล่อยมา้ อุปการ ผู้ออกข้อสอบ นายณฐปวชั ร์ จารุวาระกุล ม.4/17 เลขท่ี 3 5.ละครผหู้ ญงิ และละครผ้ชู ายสมยั ธนบุรใี นข้อนี้ขอ้ ใดถกู ต้อง ก.รามเกียรติ์ ข.อุณรณุ ค.อเิ หนา ง.ถูกทุกข้อ ผอู้ อกข้อสอบ นายดรณั ภพ สวสั ดี ม.4/17 เลขที่ 4 และ นายพิชญ์ วุฒทิ องเพชร ม.4/17 เลขท่ี 20
ดนตรแี ละคํารอ้ ง:ในสมัยโบราณตัวละครมักเปนผู้ด้นกลอ น และรอ้ งเปนทํานองเพลงรา่ ย และปจจุบนั เพลงรอ้ งมักมีคําวา่ \"ชาตร\"ี อยูด่ ้วย เชน่ รา่ ยชาตรี รา่ ยชาตรกี รบั รา่ ยชาตรี ราํ ชาตรี ชาตรตี ะลุง ละครชาตรี สถานทีแสดง:ใชบ้ รเิ วณบา้ น ทีกลางแจ้ง นับเปนละครทีมีมาแต่สมัยโบราณ การแต่งกาย:ในโบราณไม่สวมใส่เสือเนืองจากผู้เเสดงทุกตั หรอื ศาลเจ้าก็ได้ ไม่ต้องมีสิงใดประกอบมากมาย และมีอายุเก่าแก่กวา่ ละครชนิดอนื ๆ วเปนผู้ชาย มีลักษณะเปนละครเรค่ ล้ายของอนิ เดียทีเรยี กวา่ \"ยาตร\"ี แม้ฉากก็ไม่ต้องมี หรอื \"ยาตราซึงแปลวา่ เดินทางท่องเทียว ส่วนการแต่งกายในสมัยปจจุบันมักนิยมแต่งเครอื งละครส บรเิ วณทีแสดงนอกจากมีหลังคาไวบ้ ังแดดบังฝนตามธรรม ละครยาตรานีคือละครพืนเมืองของชาวเบงคลีในประเทศอิ วยงาม เรยี กตามภาษาชาวบา้ นวา่ นเดีย ซึงเปนละครเร่ นิยมเล่นเรอื ง \"คีตโควนิ ท์\" \"เข้าเครอื งหรอื ยนื เครอื ง\" ดา เปนเรอื งอวตารของพระวษิ ณุ ตัวละครมีเพียง ๓ ตัว คือ การแต่งกาย:พิถีพิถันตามแบบแผนกษัตรยิ จ์ รงิ ๆ พระกฤษณะ นางราธะ และนางโคป เรยี กวา่ \"ยนื เครอื ง\" ทังตัวพระ และตัวนาง สถานทีแสดง:แต่เดิมแสดงในพระราชฐานเท่านัน ละครยาตราเกิดขึนในอนิ เดียนานแล้ว ต่อมาไม่จํากัดสถานที ส่วนละครราํ ของไทยเพิงจะเรมิ เล่นในสมัยตอนต้นกรุงศรอี ละครใน ยุธยา มีหลายชอื เชน่ ละครใน ละครข้างใน ละครนางใน จึงอาจเปนได้ทีละครไทยอาจได้แบบอยา่ งจากละครอนิ เดีย เนืองจากศิลปวฒั นธรรมของอนิ เดียแพรห่ ลายมายงั ประเท และละครในพระราชฐาน เปนต้น สันนิษฐานวา่ มีมาตังแต่สมัยอยุธยา ศต่างๆในแหลมอนิ โดจีน เชน่ พม่า มาเลเซีย เขมร และรุง่ เรอื งมากทีสุดในสมัยพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ และไทย ละครในแสดงมาจนถึงสมัยธนบุรี และรตั นโกสินทร์ หลังสมัยรชั กาลที ๖ มิได้มีละครในในเมืองหลวงอกี จึงทําใหป้ ระเทศเหล่านีมีบางสิงบางอยา่ งคล้ายกันอยูม่ าก เนืองจากระยะหลังมีละครสมัยใหม่เข้ามามาก ผู้รบั ผิดชอบ:นางสาวปฐมาวดี พ้นภัย จนต่อมามีผู้คิดฟนฟูละครในขึนอกี อา้ งองิ :site.google.com เพือแสดงบ้างในบางโอกาส แต่แบบแผน และลักษณะการแสดงเปลียนไปมาก ละครดังเดิม ผู้รบั ผิดชอบ:นางสาวศณัฐฐินันท์ มาศน้ยุ อา้ งองิ :digtalscool.club ดนตรเี เละคํารอ้ ง:ปรบั ปรุงใหม้ ีทํานอง และจังหวะนิมนวล สละสลวย ตัวละครไม่รอ้ งเอง มีต้นเสียง และลูกคู่ มักมีคําวา่ \"ใน\" อยูท่ ้ายเพลง เชน่ ชา้ ปใน โอโ้ ลมใน ดนตรแี ละคํารอ้ ง:มักนิยมใชว้ งปพาทยเ์ ครอื งหา้ ละครนอก การเเต่งกาย:ในขันแรกตัวละครแต่งตัวอยา่ งคนธรรมดาส ก่อนการแสดงละครนอก มีมาตังแต่ครงั กรุงศรอี ยุธยา ามัญ เปนเพียงแต่งใหร้ ดั กุมเพือแสดงบทบาทได้สะดวก เปนละครทีแสดงกันนอกราชธานี ปพาทยจ์ ะบรรเลงเพลงโหมโรงเยน็ เปนการเรยี กคนดู แต่เดิมคงมาจากการละเล่นพืนเมือง และรอ้ งแก้กัน ตัวแสดงบทเปนตัวนางก็นําเอาผ้าขาวม้ามาหม่ สไบ เพลงโหมโรงเยน็ ประกอบด้วย เพลงสาธุการ ตระ เปนละครทีพัฒนามาจากละครชาตรี ถ้าแสดงบทเปนตัวยกั ษ์ก็เขียนหน้าหรอื ใส่หน้ากาก รวั สามลา เข้าม่าน ปฐม และเพลงลา เพลงรอ้ ง แต่เดิมคงมีตัวละครเพียง ๓-๔ ตัว อยา่ งละครชาตรี ต่อมามีการแต่งกายใหด้ ูงดงามมากขึน วจิ ิตรพิสดารขึน ต่อมามีการแสดงละครกันอยา่ งแพรห่ ลายทัวไปในหมู่ราษ มักเปนเพลงชนั เดียว หรอื เพลง ๒ ชนั ทีมีจังหวะรวดเรว็ ฎร มีการเล่นเรอื งต่างๆ มากขึน เพราะเลียนแบบมาจากละครใน มักจะมีคําวา่ \"นอก\" ติดกับชอื เพลง เชน่ เพลงชา้ ปนอก ต้องเพิมตัวละครขึนตามเนือเรอื ง บางครงั เรยี กการแต่งกายลักษณะนีวา่ \"ยนื เครอื ง\" โอโ้ ลมนอก ปนตลิงนอก ขึนพลับพลานอก เปนต้น ผู้แสดงยงั คงเปนชายล้วน มีต้นเสียง และลูกคู่ บางทีตัวละครจะ รอ้ งเอง แต่การแต่งกายได้ประดิษฐ์เพิมเติม โดยมีลูกคู่รบั ทวน มีคนบอกบทอกี ๑ คน เปลียนแปลงใหป้ ระณีตงามขึนในสมัยกรุงศรอี ยุธยา นิยมเล่นกันหลายเรอื ง ล้วนแต่เปนประเภทจักรๆ วงศ์ๆ นิทานชาวบา้ น นิทานชาดก มีคติสอนใจ เชน่ การเกด คาวี ไชยทัต พิกุลทอง พิมพ์สวรรค์ พิณสุรยิ วงศ์ มโนราห์ โม่งปา มณีพิชยั สังข์ทอง ผู้รบั ผิดชอบ:นางสาวสุชาวดี ส่องเเสง อา้ งองิ :guru.sanook.com สถานทีแสดง:โรงละครเปนรูปสีเหลียมดูได้ ๓ ด้าน (เดิม) กันฉากผืนเดียวโดยไม่ต้องเปลียนแปลงไปตามท้องเรอื ง มีประตูเข้าออก ๒ ทาง หน้าฉากตรงกลางตังเตียงสําหรบั ตัวละครนัง ด้านหลังฉากเปนส่วนสําหรบั ตัวละครพักหรอื แต่งตัว
ละครราํ :เปนศิลปะการแสดงของไทย ทีประกอบด้วยท่าราํ ดนตรบี รรเลง และบทขับรอ้ งเพือดําเนินเรอื ง ละครราํ มีผู้แสดงเปนตัวพระ ตัวนาง และตัวประกอบ แต่งองค์ทรงเครอื งตามบท งดงามระยบั ตา ท่าราํ ตามบทรอ้ งประสานทํานองดนตรที ีบรรเลงจังหวะชา้ เรว็ เรา้ อารมณ์ใหเ้ กิดความรูส้ ึกคึกคัก สนกุ สนาน หรอื เศรา้ โศก ผู้รบั ผิดชอบ:นางสาวจารยี า ประคําศรี อา้ งองิ :วกิ ิพิเดีย ละครดึกดําบรรพ์ ประเภทละครราํ เปนละครทีเกิดขึนในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเก รูปเเบบเเละวธิ กี ารเเสดงของละครดึกดําบรรพ์ ล้าเจ้าอยูห่ วั ผู้รบั ผิดชอบ:นายภูรติ บุณยะสิวะ บุคคลสําคัญ อา้ งองิ :sites.google.com ผู้รบั ผิดชอบ:นางสาวปฐมาวดี พ้นภัย ละครดึกดําบรรพ์เกิดขึนจากการทีเจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์วิ วฒั น์มีโอกาสเดินทางไปยุโรป บทรอ้ ง:มีแต่บททีเปนคําพูด ไม่มีบททีบอกกิรยิ าอาการ อา้ งองิ :sites.google.com ครูรงภักดี(เจียร จารุจรณ) ได้ดูละครโอเปรา่ ทีฝรงั เล่นก็ติดใจ ตัวละครรอ้ งเอง:ใชท้ ่าราํ ใหเ้ หมาะสมกับคําพูดและกิรยิ านัน เปนผู้ทีมีบทบาทสําคัญในการเปนต้นเเบบสายท่าราํ หน้าพ เมือกลับมาเล่าถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ๆ อาจตัดหรอื เติมได้ าทยอ์ งค์พระพิราบ เจ้าฟากรมพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ ทํานองเพลงรอ้ งและเพลงดนตร:ี ปรบั ใหเ้ ข้ากับเหตุการณ์ จึงปรกึ ษากันทีจะจัดการแสดงละครอยา่ งละครโอเปรา่ ของ มีฉากตามเนือเรอื ง ผสมวงดนตรขี ึนใหม่โดยใชว้ งปพาทย์ ครูอาคม สายาคม แต่ตัดเอาสิงทีมีเสียงสูง เล็ก แหลม หรอื ดังมาก ๆ ออก โดยท่านมีมีผลงานด้านการประดิษฐิท่าราํ ฝรงั ในเพลงหน้าพาทยต์ ระนาฎราช เพลงเชดิ จีน เปนต้น เจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์เปนผู้สรา้ งโรงละครและสรา้ ง เหลือไวแ้ ต่สิงทีมีเสียงทุ้มน่มุ นวล และเพิมเติมสิงทีเหมาะสมเข้ามา เชน่ ฆ้องหุย่ 7 ลูก 7 ครูเฉลย ศุขะวณิช เครอื งแต่งกาย ส่วนเจ้าฟากรมพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ มีผลงานทางด้านการเเสดงเเละประดิษฐิท่าราํ มากมายเชน่ เปนผู้ทรงคิดบทและวธิ กี ารแสดง เสียง ราํ เเม่บทสลับคํา ราํ พัดรตั นโกสินทร์ เมือเจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์สรา้ งโรงเสรจ็ แล้วจึงตังชื อวา่ “ โรงละครดึกดําบรรพ์ ” ท่านผู้หญงิ เเผ้ว สนิทวงศ์เสนี เปนผู้เชยี วชาญทางด้านนาฏศิลปไทย,เปนผู้คิดค้นทางราํ ใ และเนืองจากได้นําละครทีท่านและเจ้าฟากรมพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ หม่โดยยดึ ตามระเบยี บเเผนประเพณีโบราณ เเละเปนผู้ประพันธบ์ ทโขนละคร รว่ มกันคิดขึนมาจัดแสดงทีโรงละครแหง่ นีเปนครงั แรก จึงทําใหล้ ะครรูปแบบใหม่นีมีชอื เรยี กวา่ “ ครูลมุล ยมะคุปต์ ละครดึกดําบรรพ์ ” มีผลงานทางด้านการเเสดงทีเปนตัวเอกเกือบทุกเรอื งเเละเ ผู้รบั ผิดชอบ:นายสิรวุฒิ หสุบสธนัช อา้ งองิ :sites.google.com ปนผู้ประดิษฐ์ท่าราํ เชน่ ราํ เเม่บทใหญ่เเละราํ ซัดชาตรี
แบบทดสอบนาฎศลิ ป์ การละคร 1.)ละครในกาเนินขึน้ ตง้ั แต่สมยั ใด (ผอู้ อกข้อสอบ:นายภูรติ บุณยะศวิ ะ) ก.สมยั กรุงรตั นโกสินทร์ ข.สมยั กรุงสโุ ขทยั ค.สมยั กรุงศรอี ยธุ ยา ✅ ง.สมยั กรุงธนบรุ ี 2.) ละครนอกในสมยั โบราณจะใชผ้ ชู้ ายแสดงลว้ นและเรม่ิ มีผหู้ ญิงแสดงละครนอก ในสมยั รชั กาลใด (ผู้ออกข้อสอบ:นางสาวศณัฐฐินันท์ มาศนุ้ย) ก.รชั กาลท่ี๕ ข. รชั กาลท่ี๒ ✅ ค. รชั กาลท่ี ๔ ง. รชั กาลท่ี๖ 3.) บทละครนอกเป็นบทพระราชนิพนธใ์ นสมยั ราชการท่ี2มีทง้ั หมดก่ีเรอ่ื ง (ผู้ออกข้อสอบ:นายสริ วุฒิ หสุลาธนัช) ก. ๕เรอ่ื ง ✅ ข. ๗เรอ่ื ง ค. ๙เร่อื ง ง. ๒เรอ่ื ง
4.) ละครนอกและละครในแตกตา่ งกนั อยา่ งไร (ผู้ออกข้อสอบ:นางสาวสุชาวดี ส่งแสง และนางสาวจารียา ประคาศร)ี ก.ละครนอกใหผ้ ชู้ ายแสดงลว้ น สว่ นละครในใหผ้ หู้ ญิงแสดงลว้ น ✅ ข.ละครนอกใหผ้ หู้ ญิงแสดงลว้ น สว่ นละครนอกใหผ้ ชู้ ายแสดงลว้ น ค.ภาษาท่ีใชจ้ ะตอ้ งเป็นภาษาทางการเท่าน่นั ง.ถกู ทกุ ขอ้ 5.) บคุ คลใดคือบคุ คลสาคญั ทางดา้ นศลิ ปะการแสดงและมีความสาคญั ทางดา้ นท่ีถกู ตอ้ งกบั ประวตั ขิ องทา่ น (ผู้ออกข้อสอบ:นางสาวปฐมาวดี พ้นภัย) ก.ทา่ นผหู้ ญิงเเผว้ สนิทวงศเ์ สนี เป็นผเู้ ช่ียวชาญทางการออกแบบการแต่งกายเพลงซดั ชาตรี ข.ครูเฉลย ศขุ ะวณิช มีผลงานทางดา้ นการออกแบบท่าราซดั ชาตรี ค.ครูลมลุ ยมะคปุ ต์ มีเป็นตวั เอกเกือบทกุ เร่อื งเเละเป็นผปู้ ระดิษฐ์ท่าราเช่นราเเม่บทใหญ่เเละ ราซดั ชาตรี ✅ ง.ถกู ทกุ ขอ้
เลขาRการ SวหTาก\"ม สมาEกในก\"ม :อ-ส;ล(:อเ<น):นางสาวศdฐeMน6 มาศfย (gหวาน) :อ-ส;ล(:อเ<น):นางสาวปฐมาวV WนXย (ค>ม) :อ-ส;ล(:อเ<น): นางสาวจา>ยา ประBศ> (Dา) E-mail: [email protected] E-mail:[email protected] E-mail:[email protected] เบอ1โทร4พ6: 0971182618 เบอ1โทร4พ6:0917367959 เบอ1โทร4พ6:095015445- Facebook: Jareeya Prakumsee Facebook:Sanatthinan Masnui ไล9:creammy5537 ไล9: ja_jareeya00 ไล9:Sanatthinan Facebook:Pathamavadee Phonphai สมาEในก\"ม :อ-ส;ล(:อเ<น):นายZ[ต ]ณยะ_วะ(Zเขา) สมาEกในก\"ม GORP WORK E-mail:[email protected] :อ-ส;ล(:อเ<น):นายGรHI หKลาธMช(Oอฟ) ก\"ม:ส%างสรร)*วม,น เบอ1โทร4พ6: 0900738480 Facebook:Z[ต ]ณยะ_วะ E-mail:[email protected] สมาEกในก\"ม ไล9:090738480 เบอ1โทร4พ6:0839495813 :อ-ส;ล(:อเ<น): นางสาวKชาวV aงแสง Facebook:GรHI หKลาธMช (`ม) เบอ1โทร4พ6:0805638755 ไล90830448400 Facebook:cะ' `ม ไล9 0805638755 E-mail:[email protected] tap to edit tap to edit tap to edit tap to edit tap to edit :่ีท้น
: tap to edit :่ีท้น
ละครพูดล้วนๆ ละครพูดล้วนๆ ละครสังคีต : การแสดงจะดําเนินเรอื งด้วยวธิ พี ูดใชท้ ่าทางแบบสามัญชนประกอบ เปนละครอกี แบบหนึงทีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า การพูดทีเปนธรรมชาติ ลักษณะพิเศษอยา่ งหนึงของละครชนิดนีคือ อยูห่ วั ทรงรเิ รมิ ขึน ในขณะทีตัวละครคิดอะไรอยูใ่ นใจ มักจะใชว้ ธิ ปี องปากพูดกับผูด้ ุ โดยมีววิ ฒั นาการมาจากละครพูดสลับลํา ถึงแม้จะมีตัวละครอนื ๆ อยูใ่ กล้ๆ ก็สมมติวา่ ไม่ได้ยนิ ต่างกันทีละครสังคีตมีบทสําหรบั พูด เรอื งทีเเสดง-เรอื งทีเเสดงคือ เรอื งโพงพาง เมือ พ ศ 2463 และบทสําหรบั ตัวละครรอ้ งในการดําเนินเรอื งเท่าๆกัน เรอื งต่อมาคือ เจ้าขา้ สารวดั ซึงทังสองเรอื งเปนพระราชนิพนธขิ องพระบาทสมเด็จ ดนตร-ี บรรเลงด้วยวงสากลหรอื วงปพาทยไ์ ม้นวม การเเต่งการ-เเต่งกายตามสมัยนิยม ตามเนือเรอื งโดยคํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของตัวละคร ผู้เเสดง-ในสมัยโบราณใชผ้ ู้ชายเเสดงล้วน ต่อมาใชผ้ ู้เเสดงชายจรงิ หญิงเเท้ จัดทําโดย นายปยม์ นัส แสงเกือหนนุ อา้ งองิ https://sites.google.com/site/natsilptjcnf/khw am-hmay-khxng-kha-wa-lakhr/lakhr-phud สืบค้นเมือวนั ที 21 มิถุนายน 2564 การแต่งกาย- แต่งใหเ้ หมาะสมถูกต้องตามบุคคลิกของตั วละครและยุคสมัย ผู้แสดง-ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง ละครพูดแบบรอ้ ยกรอง ละครพูด ไม่มีเพลงรอ้ งผู้แสดงดําเนินเรอื งด้วย ละครพูดเรมิ ขนึ ในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเ ใชผ้ ู้แสดงทังชายและหญิง จ้าอยูห่ วั ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ คําประพันธช์ นิดนันๆ ใหม้ ีการแสดงละครพูดสมัครเล่นเปนครงั แรก มีบุคคลิกและการแสดงเหมาะสมตามลัก เนือเรอื งละครพูดทีแสดงในสมัยนี ดัดแปลงมาจากบทละครราํ ทีรูจ้ ักกันอยา่ งแพรห่ ลาย 1. ละครพูดคํากลอน ษณะทีบง่ ไวใ้ น บทละคร พูดฉะฉาน ไหวพรบิ ดี ละครทีพัฒนาขึนใหม่ จากบทประพันธใ์ นพระบาทสมเด็จพร ะมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เชน่ เรอื งเวนิสวาณิช ทรงแปลเมือ พ ศ 2459 เรอื งพระรว่ ง ทรงพระราชนิพนธเ์ มือ พ ศ 2460 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เรอื งทีแสดง เปนยุคทองของละครพูด ประชาชนใหค้ วามสนใจต่อละครประเภทนีมาก 2. ละครพูดคําฉันท์ ได้แก่ เรอื งมัทนะพาธา เพราะเหน็ วา่ เปนของแปลกและแสดงได้งา่ ย พระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ ทาเรจง้าพอรยะูห่ รวั าชนิพบนรธรเ์ เมลืองดพนตศรคี 2ล4้า6ย6กับละครพูดดลน้วตนรๆ-ี 3. ละครพูดคําโคลง ได้แก่ เรอื งสีนา ิกา เพลงรอ้ ง-เพลงรอ้ งไม่มี ผู้แสดงดําเนินเรอื งโดยการพูดเ ของอจั ฉราพรรณ(อาจารยม์ นตรี ตราโมท) ประพันธเ์ มือป ปนคําประพนั ธช์ นิดนันๆ พ ศ 2469 จัดทําโดยนางสาวปวรศิ า ขวญั ดํา เลขที34 ม 4/16 ผู้แสดง- สืบค้นวนั ที21มิถุนายน2564 อา้ งองิ ใชผ้ ู้แสดงทังชายและหญงิ เหมือนละครพูดแบบรอ้ ยกรอง https://drive.google.com/file/d/1oQ_IdMHkBLyqLdc_9cGSwD5g9 เรอื งทีแสดง-ได้แก่ เรอื งชงิ นาง และปล่อยแก่ ซึงเปนของนายบวั K_8Lo8u/view?usp=drivesdk ทองอนิ บุคคลสําคัญ ดนตร-ี บรรเลงดนตรคี ล้ายกับละครพูดล้วนๆ ละครพูดสลับราํ แต่บางครงั ในชว่ งดําเนินเรอื ง ถ้ามีบทรอ้ ง ดนตรี มีเพลงรอ้ งเปนบางส่วน ก็จะบรรเลงรว่ มไปด้วย ทํานองขึนอยูก่ ับผู้ประพันธ:์ การแต่งกาย-เหมือนละครพูดล้วนๆ หรอื แต่งกายตามเนือเรอื ง เพลงรอ้ ง-เพลงรอ้ งเปนบางส่วน โดยทํานองเพลงขนึ อยูก่ ับผูป้ ระพันธท์ ีจะแต่งเสรมิ เข้ามาใน เรอื ง จัดทําโดยนางสาวปวรศิ า ขวญั ดํา เลขที34 ม 4/16 สืบค้นวนั ที21มิถุนายน2564 อา้ งองิ https://drive.google.com/file/d/1oQ_IdMHkBLyqLdc_9cGSwD5g9 K_8Lo8u/view?usp=drivesdk
ผู้แสดง ใชผ้ ูช้ าย และผู้หญิงแสดงจรงิ ตามท้องเรอื ง ละครรอ้ งล้วนๆ บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ตัวละครขบั รอ้ งโต้ตอ การแต่งกาย แต่งแบบสมัยนิยม การแต่งกาย- คํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของฐานะตัวละครตามท้องเรอื ง บกัน แต่งกายตามท้องเรอื ง และความงดงามของเครอื งแต่งกาย และเล่าเรอื งเปนทําน เพลงรอ้ ง-ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง ๒ ชนั เรอื งทีแสดง นิยมแสดงบทพระราชนิพนธใ์ น องแทนการพูด ทีมีลํานําทํานองไพเราะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั มีอยู่ ๔ เรอื ง ดําเนินเรอื งด้วยการร้ สถานทีแสดง มักแสดงตามโรงละครทัวไป คือ หนามยอกเอาหนามบ่ง ววิ าหพ์ ระสมุทร มิกาโด วงั ตี องเพลงล้วนๆ ดนตร-ี บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ดนตรี บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ไม่มีบทพูดแทรก เรอื งทีแสดง ได้แก่ เรอื งสาวติ รี เพลงรอ้ ง ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง ๒ ชนั มีลํานําทีไพเราะ จัดทําโดย นายณรงศักดิ นวลติง อา้ งองิ จาก สถานทีแสดง แสดงบนเวที มีการจัดฉากเปลียนตามท้องเรอื ง https://sites.google.com/site/natsilp1/lakhr-rxng สืบค้นเมือวนั ที 21 มิถุนายน 2564 จัดทําโดยนางสาวณัฐพร พลฑา เลขที43 ม 4/16 ละครรอ้ ง สืบค้นวนั ที 21 มิถุนายน 2564 ละครรอ้ งเปนศิลปการแสดงแบบใหม่ทีกําเนิดขึนในตอนป อา้ งองิ https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/bth-thi2- kar-saedng-natsilp-thiy/kar-pradisth-tha-ra-ni-kar-saedng- ลายรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเล้าเจ้าอยูห่ วั ละครรอ้ งได้ปรบั ปรุงขึนโดยได้รบั อทิ ธพิ ลจากละครต่างประเ natsilp ทศ ละครรอ้ งนันต้นกําเนิดมาจากการแสดงของชาวมลายู เรยี กวา่ \"บังสาวนั \" ได้เคยเล่นถวายรชั กาลที ๕ ทอดพระเนตรครงั แรกทีเมืองไทรบุรี สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจ้าฟามหาวชริ าวธุ ละครรอ้ งสลับพูด : ละครรอ้ งสลับพูด มีทังบทรอ้ ง และบทพูด ยดึ ถือการรอ้ งเปนส่วนสําคัญ สยามมกุฎราชกุมาร บทพูดเจรจาสอดแทรกเขา้ มาเพอื ทวนบททีตัวละครรอ้ งออกมานันเอง -ทรงตัง \"ทวปี ญญาสโมสร\" ขนึ ในพระราชอุทยานสราญรมย์ แม้ตัดบทพูดออกทังหมดเหลือแต่บทรอ้ งก็ยงั ได้เนือเรอื งสมบูรณ์ และทรงมีส่วนรว่ มในกิจการการแสดงละครพูด มีลูกคู่คอยรอ้ งรบั อยูใ่ นฉาก จึงได้ถวายพระเกียรติวา่ ทรงเปนผู้ใหก้ ําเนิดละครพูด ยกเวน้ แต่ตอนทีเปนการเกรนิ เรอื งหรอื ดําเนินเรอื ง และยงั ทรงสนับสนนุ ละครพูดอยา่ งดียงิ ลูกคู่จะเปนผู้รอ้ งทังหมด ตัวละครจะทําท่าประกอบตาม ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครพูดทีดีเด่นเปนจํานวนมาก และทรงรว่ มในการแสดงด้วยหลายครงั ผู้แสดง ละครรอ้ งสลับพูด ใชผ้ ู้หญงิ แสดงล้วน ยกเวน้ แต่ตัวตลก หรอื จําอวด ใชผ้ ูช้ ายแสดง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ -มีชอื เสียงจากงานพระนิพนธห์ ลายชนิ ทีรูจ้ ักกันดี ได้แก่ การแต่งกาย ละครรอ้ งสลับพูด แต่งตามฐานะของตัวละคร บทละครพูดเรอื ง \"สรอ้ ยคอทีหาย\" ซึงเคยบรรจุในหนังสือเรยี นวชิ าภาษาไทยของกระทรวงศึกษาธกิ าร ดนตรี ละครรอ้ งสลับพูด บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม บทละครรอ้ ง เรอื ง \"สาวเครอื ฟา\" หรอื อาจใชว้ งมโหรปี ระกอบในกรณีทีใชแ้ สดงเรอื งเกียวกับชนชาติอนื ๆ ทังนียงั ทรงก่อตังโรงละครรอ้ งขึนในบรเิ วณตําหนักทีประทับ ชอื วา่ \"โรงละครปรดี าลัย\" เปนโรงละครรอ้ งแหง่ แรกในไทย เรอื งทีแสดง ละครรอ้ งสลับพูด แสดงเรอื ง ตุ๊กตายอดรกั ขวดแก้วเจียระไน เครอื ณรงค์ กากี ภารตะ สาวเครอื ฟา เจ้าพระยาธรรมศักดิมนตรี -ประพนั ธล์ ะครพูดไว้ รวม 4 เรอื งได้แก่ บ๋อยใหม่ แม่ศรคี รวั หมันไว้ เพลงรอ้ ง ละครรอ้ งสลับพูด ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง 2 ชนั และตาเงาะ และยงั แต่งโคลงกลอนไวเ้ ปนจํานวนมาก ในกรณีทีตัวละครรอ้ งใชซ้ ออูค้ ลอตามเบาๆ เรยี กวา่ รอ้ งคลอ นอกจากนีเจ้าพระยาธรรมศักดิมนตรไี ด้เปนผูแ้ ต่งเนือรอ้ งเพลงชาติ ไทยฉบับก่อนปจจุบันอกี ด้วย จัดทําโดย นายเมธาพร รกั ษ์ทอง อา้ งองิ จาก http://www.banramthai.com/html/lakhon8.html สมเดจ็ ฯเจ้าฟาภาณุรงั ษีสวา่ งวงศ์ สืบค้นเมือวนั ที 21 มิถุนายน 2564 -เปนนายกสมาคม\"แมจิกัลโซไซเอตี\" เเละจัดการแสดงละครเรอื งลิลิตนิทราชาครติ ขนึ ทรงเปนผู้กําหนดตัวละครเอง อาจารยม์ นตรี ตราโมท -ประพันธล์ ะครพูดคําโคลงไวม้ ากมายหลายเรอื ง ยกตัวอยา่ งเรอื งทีมีชอื เสียงเชน่ เรอื งสีนา ิกา และครูมนตรยี งั เปนครูผูป้ ระกอบพิธไี หวค้ รู และครอบประสิทธปิ ระสาทวชิ าดนตรไี ทยของกรมศิลปากร นอกจากนียงั กระทําพธิ ใี หแ้ ก่กองการสังคีตและวทิ ยาลัยนาฏศิลป พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมืนทิวากรวงษ์ประวตั ิ - เปนผู้นิพนธแ์ ละกํากับการแสดง ได้แก่ ตุ๊กตายอดรกั ขวดแก้วเจียระไน กากี ภารตะ สีปอมินทร์ พระยาสีหราชเดโช เปนเรอื งทีได้รบั ความนิยม ส่วนละครรอ้ งล้วนๆ เรอื งทีแสดง คือ เรอื งสาวติ รี จัดทําโดย นางสาวสุทธภิ า ยอดสุดเออื ม อา้ งองิ https://sites.google.com/site/sittipanareerat42 2/bth-thi2-kar-saedng-natsilp-thiy/kar-pradisth-tha- ra-ni-kar-saedng-natsilp สืบค้นเมือวนั ที 21 มิถุนายน 2564
ขอ้ สอบกลมุ่ ละครท่ีพฒั นาขึ้นใหม่ 1.ข้อใดคือเร่อื งทแี่ สดงในละครรอ้ งล้วน ๆ ก.เรอื่ งสาวิตรี ข.เรื่องกากี ค.เรอ่ื งโพงพาง ง.เรื่องเจา้ ขา้ สารวัด *เฉลย ก.เร่ืองสาวิตรี* ผ้อู อกขอ้ สอบ: นายณรงศักดิ์ นวลตง้ิ ม.4/16 เลขที่ 12 2.ละครร้องสลบั พดู มลี ักษณะการแตง่ กายอยา่ งไร ก.แต่งกายตามทอ้ งเร่ือง ข.แต่งกายแบบสมยั นิยม ค.แตง่ กายตามฐานะตวั ละคร ง.แตง่ ใหเ้ หมาะสมถกู ต้องตามบคุ ลกิ ของตวั ละครและยคุ สมยั *เฉลย ค.แต่งกายตามฐานะตัวละคร* ผู้ออกข้อสอบ:นายเมธาพร รักษ์ทอง ม.4/16 เลขท่ี 14 3.ละครพูดล้วน ๆ บรรเลงโดยวงดนตรีอะไร ก.วงดนตรีสากล ข.วงป่พี าทยไ์ มน้ วม ค.วงมโหรี ง.ถูกท้ัง ก. และ ข. *เฉลยข้อ ง.ถกู ท้ัง ก. และ ข. * ผู้ออกข้อสอบ:นายปีย์มนัส แสงเกื้อหนุน ม.4/16 เลขที่ 13 4.ละครสังคีต มีววิ ฒั นาการมาจากละครอะไร ก.ละครพดู ลว้ นๆ ข.ละครรอ้ ง ค.ละครพูดสลบั ลา ง.ละครพดู เเบบร้อยกรอง *เฉลย ค.ละครพูดสลบั ลา* ผู้ออกขอ้ สอบ:นางสาวณัฐพร พลฑา ม.4/16 เลขท่ี 43 5.ละครพดู แบบใดทไี่ มม่ ีเพลงร้องโดยผูแ้ สดงจะดาเนินเร่อื งโดยการพูดเป็นคาประพนั ธช์ นดิ นั้นๆ ก.ละครพดู สลับรา ข.ละครพดู แบบรอ้ ยกรอง ค.ละครพูดลว้ นๆ ง.ไม่มีข้อใดถกู ตอ้ งเนอ่ื งจากละครพูดต้องใชเ้ พลงรอ้ งในการดาเนนิ เร่อื งทุกประเภท *เฉลย ข.ละครพดู แบบร้อยกรอง* ผอู้ อกขอ้ สอบ:นางสาวปวรศิ า ขวญั ดา ม.4/16 เลขท่ี 34 ผ้ตู รวจสอบ: นางสาวสุทธภิ า ยอดสุดเออ้ื ม ม.4/16 เลขที่ 36
1 7
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: