คู่มอื การประเมนิ นกั เรียนเพื่อรับรางวลั พระราชทาน ระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน สานกั ทดสอบทางการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
สานกั ทดสอบทางการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน ๓๑๙ วงั จันทรเกษม ถนนราชดาเนนิ นอก เขตดสุ ิต กทม. ๑๐๓๐๐ โทรศัพท์ : ๐๒๒๘๘ ๕๗๕๗ / ๐๒๘๘ ๕๗๕๘ E-mail : [email protected]
คำชแี้ จง การคัดเลือกนักเรียนและสถานศึกษาเพ่ือรับรางวัลพระราชทาน ดาเนินการมาต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ ตามพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ท่ีทรงให้ความสาคัญกับการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา โดยทรงมีพระราช ประสงค์ท่ีจะพระราชทานรางวัลให้แก่นักเรียนที่มีความประพฤติดีและมีความมานะพยายามศึกษาเล่า เรียนจนได้ผลดี รวมทั้งโรงเรียนที่จัดการศึกษาดีจนนักเรียนได้รับผลการเรียนดีเป็นส่วนรวม การคัดเลือกนักเรียนและสถานศึกษาเพ่ือรับรางวัลพระราชทานน้ีมีการพัฒนามาอย่างต่อเน่ือง ปจั จุบันสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานดาเนินการคัดเลือกนกั เรียนและสถานศึกษาเพ่ือ รับรางวัลพระราชทาน ระดบั การศึกษาข้ันพนื้ ฐาน โดยการคัดเลอื กนกั เรยี นเพ่อื รับรางวัลพระราชทาน แบ่งเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย ส่วนการคัดเลือกสถานศกึ ษาเพื่อรับรางวลั พระราชทานแบ่งเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ระดบั กอ่ น ประถมศึกษา ระดบั ประถมศึกษา และระดบั มัธยมศึกษา ในการคัดเลือกกาหนดให้ใช้แบบประเมินและ คู่มือการประเมินตามท่ีสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานจัดทาข้ึน ท้ังน้ีเป็นไปตามประกาศ ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐานและประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ทกุ วันนก้ี ารพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยีท่ีก้าวหน้า มากขึ้น ทาให้มีประเด็นสาคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาหลายประการที่ควรได้รับการปรับปรุง ประกอบกับนโยบายปฏิรูประบบการประเมินและการประกันคุณภาพการศึกษาท่ีกาหนดให้การประเมิน ต้องกระชับตรงประเด็น เลือกประเด็นประเมินที่สาคัญและสะท้อนคุณภาพท่ีแท้จริง ปรับทัศนคติ การประเมินให้ถูกต้องว่าเน้นการประเมินตามบริบทท่ีเป็นจริงที่สถานศึกษาดาเนินการมาต่อเน่ือง ไม่ใช่สร้างเอกสารเพื่อรับการประเมิน วิธีประเมินต้องได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายแห่ง แล้วจึงอภิปรายสรุปเพื่อตัดสินใจ ด้วยเหตุนี้ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงปรับ แบบประเมินและคู่มอื การประเมินให้เหมาะสมยง่ิ ข้ึน เอกสารฉบับนี้เป็นคู่มือการประเมินนักเรียนเพ่ือรับรางวัลพระราชทาน ระดับการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน ซึ่งมีรายละเอียดดังน้ีคือ คุณสมบัติของนักเรียน ข้ันตอนการคัดเลือก ขอบเขตการประเมิน รายการและวิธีการประเมิน เกณฑก์ ารพิจารณาคัดเลือก และขน้ั ตอนการจัดทาคะแนน ซ่งึ คณะกรรมการ ประเมนิ จะตอ้ งศกึ ษาอย่างละเอียดเพอ่ื ให้เขา้ ใจและดาเนนิ การอย่างถูกต้อง สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ขอให้คณะกรรมการประเมินดาเนินการ ประเมินและคัดเลือกตามแบบประเมินและคู่มือการประเมินน้ีอย่างเครง่ ครดั เพื่อให้กระบวนการคัดเลือกมี รปู แบบและมาตรฐานเดียวกัน ผลการประเมินมีความถูกต้องเท่ียงตรง ผ้ถู ูกประเมนิ ได้รบั ความยุติธรรม ทา ให้สาธารณชนยอมรับผลการคัดเลือกด้วยความม่ันใจ อันเป็นการส่งเสริมคุณค่าของรางวัลพระราชทาน ให้สมพระเกยี รติอยา่ งย่งั ยนื ตอ่ ไป สำนกั ทดสอบทำงกำรศึกษำ สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพน้ื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธิกำร กันยายน ๒๕62
สารบญั หน้า เร่อื ง 1 คาชแี้ จง 2 1. บทนำ 3 2. คณุ สมบัตขิ องนักเรียน 1๑ 3. แนวปฏิบตั ใิ นกำรประเมินและคัดเลือก 1๒ 4. ขอบเขตกำรประเมนิ 2๓ 5. วธิ ีประเมินและกำรใหค้ ะแนน 6. ข้นั ตอนกำรจัดทำคะแนนและเกณฑ์กำรพจิ ำรณำคดั เลือก
คู่มือการประเมินนกั เรียนเพอื่ รับรางวัลพระราชทาน ระดับประถมศกึ ษา ๑ มธั ยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ๑. บทนำ คุณภาพการศึกษาเป็นคาท่ีมีความหมายกว้าง ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักการศึกษาว่าจะมองในมิติใด แตส่ ว่ นใหญม่ ักมองใน ๓ มิติ คือ ๑) คณุ ภาพของทรัพยากรท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน รวมถึงคุณภาพของครู และบุคลากรทางการศึกษา ๒) คุณภาพด้านการจัดการเรียนการสอน และ ๓) คุณภาพของผลผลิต นอกจากน้ี ยงั อาจหมายรวมถึงความคาดหวังของชุมชนที่เห็นไดจ้ ากการท่ีมีการกาหนดเป้าหมายของการจดั การศึกษาร่วมกัน และความเปลีย่ นแปลงที่เกดิ ขึน้ กบั ผูเ้ รียน การส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง กระทาได้หลายทาง ได้แก่ การยกย่อง เชิดชู ให้ขวัญกาลังใจ และประกาศให้สาธารณชนรับทราบอย่างแพร่หลาย เป็นต้น ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ที่ไม่มีวันล้าสมัยดังจะเห็นได้จากการดาเนินงานคัดเลือกนักเรียน นักศึกษา และสถานศึกษาเพ่ือรับรางวัล พระราชทาน งานคัดเลือกนักเรียน นกั ศกึ ษา และสถานศึกษาเพอ่ื รับรางวลั พระราชทานน้ี เกดิ ข้ึนจากนา้ พระทัยอนั เปี่ยม ด้วยพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท่ีทรงมี พระราชปรารภแด่ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ม.ล.ป่ิน มาลากุล) เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๐๖ คร้ังท่ีเสด็จ พระราชดาเนินทรงเปิดงานแสดงศิลปหัตถกรรมนักเรียน ประจาปีการศึกษา ๒๕๐๖ และพระราชทานรางวัลแก่ โรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามซึ่งจัดการศึกษาดีเด่น ใจความของพระราชปรารภมีว่า “มีนักเรียนจำนวน มำกซ่งึ มคี วำมประพฤติดีและมีควำมมำนะพยำยำมศกึ ษำเลำ่ เรียนได้ผลดี รวมท้ังมโี รงเรยี นซ่ึงจดั กำรศึกษำ ดีจนนักเรียนได้รับผลกำรเรียนดีเป็นส่วนรวม นักเรียนและโรงเรียนที่มีคุณสมบัติดังกล่ำวสมควรจะได้รับ รำงวัลพระรำชทำนและทรงยินดีจะพระรำชทำนรำงวัลให้” กระทรวงศึกษาธิการ (โดยกรมวิชาการซึ่งเป็น หน่วยงานในขณะนั้น) ได้น้อมนาพระราชปรารภมาพิจารณาดาเนินการด้วยความสานึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็น ล้นพ้น และถือเป็นภารกิจสาคัญที่ปฏิบัติสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะนอกจากจะเป็นโอกาสอันดีในการทา กิจกรรมท่ีสนองพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แล้ว รางวัลพระราชทานยังเป็นเครื่องกระตุ้นให้เกิดการยกระดับและพัฒนามาตรฐานคุณภาพ การจัดการศึกษาของชาติให้ดียิ่งข้ึนด้วย จึงเป็นท่ีตระหนักชัดว่าพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิ พลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีวิสยั ทศั นก์ ว้างไกล ทรงเลง็ เหน็ ความสาคัญในการส่งเสรมิ การศึกษา ของชาติ พระราชทานขวัญกาลังใจแก่นักเรียน ที่มีความประพฤติดี มีผลการเรียนดี ตลอดถึงผู้บริหาร สถานศึกษาทีจ่ ัดการศกึ ษาได้มาตรฐานดเี ย่ยี มด้วยการพระราชทานรางวัลให้ ในระยะแรกทรงพระราชทานด้วย พระองค์เอง ปัจจุบันพระราชภาระการพระราชทานรางวัลน้ีได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จนถึงปัจจุบันเป็นเวลามากกว่า ๕0 ปีแล้วที่ กระทรวงศึกษาธิการดาเนินการและพัฒนางานมาโดยตลอด จนถึงขณะนี้มีนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพน้ื ฐานที่ ได้รับรางวัลพระราชทานไปแลว้ มากกวา่ 4,400 คน งานคัดเลือกนักเรียน นักศึกษา และสถานศึกษา เพ่ือรับรางวัลพระราชทาน เป็นงานท่ีมีเกียรติและเป็น สิริมงคล สมควรที่ผู้เก่ียวข้องทุกฝ่ายจะต้องดาเนินการด้วยความรอบคอบ โดยเฉพาะอย่างย่ิงกระบวนการประเมิน และคัดเลือกนักเรยี นหรือสถานศึกษานัน้ คณะกรรมการต้องดาเนินงานให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ บริสุทธ์ิ ยุติธรรม โดยใช้ความรู้ความสามารถและดุลพินิจในการพิจารณาตัดสินอย่างถูกต้องตามหลักการ มีใจเป็นกลาง ไม่โนม้ เอียง เพอ่ื ให้ไดน้ ักเรียนหรอื สถานศึกษาท่สี มควรได้รบั รางวัลพระราชทานอยา่ งแท้จริง ๑
คู่มือการประเมนิ นักเรียนเพ่อื รับรางวัลพระราชทาน ระดบั ประถมศกึ ษา ๒ มัธยมศกึ ษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย รางวัลพระราชทานเป็นรางวัลที่ทรงคุณค่าและเป็นเกียรติประวัติต่อผู้รับอย่างสูงสุด คุณความดีจะถูก ประกาศและเผยแพร่ไปยังสาธารณชนทั่วไป นักเรียนหรือสถานศึกษาท่ีผ่านการตัดสินต้องมีสิ่งท่ีแสดงให้เห็นถึง ความยอดเยี่ยมอย่างโดดเด่น ดังน้ัน ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย/ทุกคนต้องตระหนักไว้เสมอว่าการดาเนินงานต้อง กระทาอยา่ งรอบคอบ บรสิ ทุ ธิ์ ยตุ ิธรรม และผู้ท่ีได้รบั รางวลั ไปแลว้ ต้องดารงรักษาคุณความดีนั้นให้ยาวนานสบื ไป ๒. คุณสมบตั ิของนกั เรยี น นักเรียนท่ีเข้ารับการประเมินและคัดเลือกต้องมีคุณสมบัติ ๔ ด้าน ได้แก่ ๑) สถานภาพทางการศึกษา ๒) ผลการเรียน ๓) คณุ ลกั ษณะพน้ื ฐาน และ ๔) กิจกรรม/ผลงานดเี ด่น ๒.๑ สถำนภำพทำงกำรศึกษำ นัก เ รีย น ที่เ ข้า รับ ก า ร ป ร ะเ มิน แ ล ะ คัด เ ลือ ก ต้อง เ ป็น นัก เ รีย น ที่กา ลัง ศึก ษ า อยู่ใ น ส ถ า น ศึก ษ า ระดับที่ส่งเข้ารับการประเมินและคัดเลือก และได้เข้าศึกษาอยู่ในระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือ ๒ ภาคเรยี น กลา่ วคอื ถ้าสง่ เขา้ คัดเลอื กระดับประถมศึกษา หมายถึง นักเรยี นที่กาลงั ศกึ ษาอยใู่ นชน้ั ป. ๔ - ๕ – ๖ ถ้าส่งเข้าคดั เลอื กระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น หมายถงึ นกั เรียนทก่ี าลงั ศกึ ษาอยใู่ นชนั้ ม. ๒ - ๓ ถา้ ส่งเข้าคดั เลือกระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย หมายถึง นกั เรยี นท่กี าลงั ศึกษาอยู่ในชั้น ม. ๕ - ๖ ๒.๒ ผลกำรเรียน นักเรียนที่เข้ารับการประเมินและคัดเลือกต้องเป็นนักเรียนท่ีกาลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หรือระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามระดับที่ส่งเข้ารับการประเมิน และมี ผลการเรียนเฉล่ยี สะสมทกุ ภาคเรียน (GPA : Grade Point Average) ไม่ต่ากว่า ๒.๗๕ ในการประเมินหากพบว่านักเรียนมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่กาหนดในข้อ ๒.๑ และ ๒.๒ ให้ถือว่า หมดสิทธิ์ในการเขา้ รบั การคดั เลือกในปีการศึกษาน้ัน ๒.๓ คณุ ลกั ษณะพ้ืนฐำน นกั เรยี นทเี่ ข้ารับการประเมินในแตล่ ะระดับต้องมีคุณลกั ษณะพื้นฐานทดี่ ีใน ๓ ดา้ น ดังน้ี 1) ผลสมั ฤทธ์ทิ างวิชาการ 2) การมีทักษะการจดั การและการทางาน 3) คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ ๒.๔ กิจกรรม/ผลงำนดีเด่น นักเรียนตอ้ งมีกิจกรรมและหรอื ผลงานดีเด่นที่มีคุณประโยชน์ มีคุณภาพ แสดงออกถึงความมีคุณธรรม ดีงามและสร้างสรรค์ เป็นท่ียอมรับ มีหลักฐานแสดงชัดเจน กิจกรรม/ผลงานดีเดน่ น้ันสามารถเป็นแบบอยา่ งที่ดี และเผยแพรใ่ นวงกวา้ งได้ ๒
คมู่ ือการประเมนิ นกั เรยี นเพือ่ รบั รางวัลพระราชทาน ระดบั ประถมศึกษา ๓ มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ๓. แนวปฏิบตั ิในกำรประเมนิ และคดั เลอื ก ๓.๑ กำรแตง่ ตง้ั คณะกรรมกำรประเมนิ และคัดเลือก ๑) ระดบั เขตพ้ืนทก่ี ำรศกึ ษำ ก. คณะกรรมกำรอำนวยกำร ทาหน้าท่ีวางแผนการประเมิน กลั่นกรองผลการประเมิน และเสนอผล ไปยงั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาที่เปน็ ศนู ย์ประสานงานการคัดเลอื กระดับจงั หวัด ประกอบดว้ ย ๑) ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา ประธาน ๒) รองผ้อู านวยการสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาท่ไี ด้รับมอบหมาย รองประธาน ๓) ผู้ทรงคุณวฒุ ิทม่ี ีความเชีย่ วชาญด้านการจดั การศึกษา ระดับการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน กรรมการ ๔) ผู้แทนหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ท่มี สี ถานศึกษาทีจ่ ดั การศกึ ษา ระดับการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ซึ่งอย่ใู นเขตพน้ื ท่ี น้ัน กรรมการ ๕) นักวชิ าการศึกษา/ศึกษานิเทศก์ สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษา กรรมการ ๖) นักวิชาการศกึ ษา/ผู้ท่ีประธานเห็นสมควร กรรมการและเลขานกุ าร ข. คณะกรรมกำรประเมิน ทาหน้าที่ประเมินนักเรียน โดยให้ประธานคณะกรรมการอานวยการ แตง่ ตง้ั คณะกรรมการประเมินนักเรยี น จานวนคณะละ ๓ หรอื ๕ คน ประกอบด้วย ๑) ผู้อานวยการสานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา/ รองผ้อู านวยการสานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา ประธาน ๒) ผทู้ รงคุณวฒุ ทิ ี่มคี วามเช่ียวชาญดา้ นการจัดการศึกษา ระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กรรมการ ๓) ผ้แู ทนหนว่ ยงานต่าง ๆ ท่มี สี ถานศึกษาทีจ่ ัดการศึกษา ระดบั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐานซ่ึงอยูใ่ นเขตพ้ืนท่ีการศึกษา น้นั กรรมการ ๔) นักวชิ าการศึกษา/ศึกษานิเทศก์ สานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา กรรมการ ๕) นักวิชาการศกึ ษา/ผทู้ ่ปี ระธานเหน็ สมควร กรรมการและเลขานกุ าร ๒) ระดับจังหวดั (ยกเว้นกรุงเทพมหำนคร) ก. คณะกรรมกำรอำนวยกำร ทาหน้าทว่ี างแผนการประเมนิ กลั่นกรองผลการประเมิน และเสนอผลไปยัง สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาทีเ่ ป็นศูนย์ประสานงานการคัดเลอื กระดบั กลมุ่ จังหวดั ประกอบดว้ ย ๑) ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา (ทไ่ี ดร้ ับเลอื ก) ประธาน ๒) ผู้อานวยการสานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา (ทเี่ หลอื ) รองประธาน ๓) ผ้ทู รงคุณวุฒทิ ม่ี คี วามเชยี่ วชาญดา้ นการจดั การศึกษา ระดับการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน กรรมการ ๔) ผูแ้ ทนหน่วยงานต่าง ๆ ทม่ี สี ถานศกึ ษาที่จดั การศึกษา ระดับการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ซ่งึ อยูใ่ นจงั หวัดนัน้ กรรมการ ๓
ค่มู ือการประเมินนักเรยี นเพื่อรบั รางวัลพระราชทาน ระดับประถมศึกษา ๔ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๕) นักวชิ าการศึกษา/ศกึ ษานเิ ทศก์ สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา กรรมการ ๖) นกั วชิ าการศึกษาในเขตพืน้ ที่การศกึ ษา ทผี่ อู้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษา ได้รับเลอื กเปน็ ประธานท่ปี ระธานเห็นสมควร กรรมการและเลขานุการ ข. คณะกรรมกำรประเมิน ทาหน้าท่ีประเมินนักเรียน โดยให้ประธานคณะกรรมการอานวยการ แต่งตัง้ คณะกรรมการประเมินนักเรยี น จานวนคณะละ ๓ หรอื ๕ คน ประกอบด้วย ๑) ผูอ้ านวยการสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา/ รองผู้อานวยการสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษา ประธาน ๒) ผทู้ รงคุณวฒุ ทิ ีม่ ีความเชี่ยวชาญ ด้านการจัดการศึกษาระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กรรมการ ๓) ผูแ้ ทนหน่วยงานต่าง ๆ ที่มสี ถานศกึ ษาท่จี ดั การศกึ ษา ระดบั การศึกษาข้ันพื้นฐาน ซง่ึ อยู่ในจงั หวัดนัน้ กรรมการ ๔) นักวิชาการศกึ ษา/ศกึ ษานเิ ทศก์ สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา กรรมการ ๕) นักวชิ าการศกึ ษา/ผู้ท่ปี ระธานเห็นสมควร กรรมการและเลขานกุ าร หมำยเหตุ การแต่งตั้งประธานเพ่ือการดาเนินการคัดเลือกระดับจังหวัดนี้ ให้เขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต (กรณีจังหวัดท่ีมีหลายเขต) ตกลงเลือกผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาคนใดคนหนึ่งเป็นประธานและ ประกาศให้ผู้มีส่วนเกี่ยวขอ้ งไดร้ บั รูร้ ่วมกัน ๓) ระดบั กลุ่มจงั หวดั ก. คณะกรรมกำรอำนวยกำร ทาหน้าท่ีวางแผนการประเมิน แต่งต้ังคณะกรรมการประเมิน กลั่นกรองผลการประเมิน และเสนอผลไปยังคณะกรรมการดาเนินงานคัดเลือกนักเรียนและสถานศึกษาเพ่ือรบั รางวลั พระราชทานระดับการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน ประกอบด้วย ๑) ผเู้ ชี่ยวชาญสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน/ ผู้อานวยการสานักท่ีเลขาธกิ าร กพฐ. มอบหมาย/ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ ประธาน ๒) ผู้อานวยการสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาท่ีไดร้ ับเลอื ก ให้เป็นศนู ย์ประสานงานการคัดเลือกระดบั กลมุ่ จังหวัด รองประธาน ๓) ผอู้ านวยการสานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาทุกเขตในกลมุ่ จังหวดั นัน้ กรรมการ ๔) รองผูอ้ านวยการสานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาที่ไดร้ บั เลอื ก ให้เปน็ ศูนย์ประสานงานการคัดเลือกระดบั กลุม่ จังหวัดทไ่ี ด้รับมอบหมาย ให้รบั ผิดชอบงานรางวัลพระราชทาน (จานวน ๑ คน) กรรมการ ๕) ผูท้ รงคุณวฒุ ิที่มีความเชยี่ วชาญด้านการจดั การศึกษา ระดบั การศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน (จานวนไมเ่ กนิ ๓ คน) กรรมการ ๖) ผแู้ ทนหน่วยงานตา่ ง ๆ ท่ีมสี ถานศึกษาท่จี ัดการศึกษา ระดบั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ซ่ึงอยใู่ นกลมุ่ จงั หวัดน้นั (หน่วยงานละ ๑ คน) กรรมการ ๗) ประธานคณะกรรมการประเมินทุกคณะ กรรมการ ๘) นกั วชิ าการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน กรรมการ ๔
คูม่ ือการประเมนิ นกั เรียนเพือ่ รบั รางวลั พระราชทาน ระดับประถมศึกษา ๕ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๙) ผอู้ านวยการกลมุ่ สง่ เสริมการจัดการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา ที่ผอู้ านวยการสานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาได้รับเลือก เปน็ รองประธาน กรรมการและเลขานุการ ๑๐) นกั วชิ าการศกึ ษาในเขตพนื้ ท่ีการศึกษา ทผ่ี ู้อานวยการสานักงานเขตพืน้ ที่ การศึกษาได้รับเลือกเป็นรองประธานที่ประธานเห็นสมควร กรรมการและผ้ชู ่วยเลขานกุ าร ข. คณะกรรมกำรประเมิน ส่วนกลำง ให้ประธานคณะกรรมการอานวยการแต่งต้ังคณะกรรมการประเมินนักเรียน จานวน คณะละ ๓ หรือ ๕ คน ประกอบดว้ ย ๑) ผู้ท่ีประธานคณะกรรมการอานวยการเหน็ สมควร ประธาน ๒) ผทู้ รงคุณวุฒิทมี่ คี วามเชยี่ วชาญด้านการจัดการศึกษา กรรมการ ระดบั การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน ๓) ผู้แทนหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทม่ี ีสถานศกึ ษาที่จัดการศกึ ษา ระดับการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ซงึ่ อย่ใู นกลุม่ จงั หวัดน้ัน กรรมการ ๔) นกั วชิ าการศกึ ษา/ศกึ ษานิเทศก์ กรรมการ ในสานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษา ๕) นกั วชิ าการศกึ ษา/ผูท้ ีป่ ระธานเหน็ สมควร กรรมการและเลขานกุ าร ส่วนภูมิภำค ให้ประธานคณะกรรมการอานวยการแต่งต้ังคณะกรรมการประเมินนักเรียน จานวน คณะละ ๓ หรอื ๕ คน ประกอบด้วย ๑) ผอู้ านวยการสานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา/ ประธาน รองผอู้ านวยการสานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา ๒) ผู้ทรงคณุ วฒุ ิที่มีความเชย่ี วชาญด้านการจัดการศึกษา ระดบั การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน กรรมการ ๓) ผแู้ ทนหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ท่มี สี ถานศกึ ษาทจ่ี ดั การศกึ ษา กรรมการ กรรมการ ระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐานซ่งึ อย่ใู นกลุ่มจังหวดั น้ัน ๔) นักวิชาการศึกษา/ศกึ ษานิเทศกท์ รี่ ับผดิ ชอบ ระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา ๕) นกั วชิ าการศึกษา/ผูท้ ี่ประธานเห็นสมควร กรรมการและเลขานุการ หมำยเหตุ ๑ . ก า ร แ ต่ ง ต้ั ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ป ร ะ เ มิ น นั ก เ รี ย น ระดั บจั งหวั ด หรื อระดั บกลุ่ มจั งหวั ด ก็ ต าม ต้องไม่แต่งต้ังบุคคลท่ีเคยเป็นกรรมการประเมินนักเรียนซ้ากับที่เคยประเมินมาแล้วไม่ว่าในระดับเขตพื้นที่ การศึกษาหรือระดับจังหวัด (ตัวอย่าง เช่น นายสมชาย ใจเป็นธรรม ประเมินนักเรียนช่ือเด็กชายดี รักเรียน ในระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษาแล้ว ต้องไม่เป็นกรรมการประเมิน เด็กชายดี รักเรียน ในระดับจังหวัด และระดับ กล่มุ จงั หวดั อีก) ๒. การเสนอรายช่ือผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิควรเป็นข้าราชการบานาญที่มี ความเชย่ี วชาญดา้ นการจัดการศกึ ษาหรือเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ๓. ไม่แตง่ ต้งั ผมู้ สี ่วนไดเ้ สยี เปน็ กรรมการประเมินและไมแ่ ต่งตง้ั ผ้อู านวยการโรงเรยี นเป็นกรรมการประเมนิ ๕
คู่มือการประเมินนกั เรยี นเพ่ือรบั รางวลั พระราชทาน ระดบั ประถมศึกษา ๖ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น และมธั ยมศึกษาตอนปลาย ๔. การออกประเมนิ ประเภทนักเรียนตอ้ งมีคณะกรรมการไปประเมนิ จานวนไมต่ า่ กวา่ ๓ คน ๓.๒ กำรดำเนนิ กำรคดั เลอื กนกั เรยี น ๑) ขั้นตอนกำรดำเนนิ งำน ๑.๑) ส่วนกลำง เฉพาะกรุงเทพมหานคร ให้ดาเนนิ การดังนี้ 1.1.๑) สถานศึกษาทุกสังกัดที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน คัดเลือกนักเรียน ของตน ตามคุณสมบัติ ตามระดับและขนาดสถานศึกษา ขนาดละ ๑ คน นักเรียนระดับประถมศึกษาส่งสมัครท่ี สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร สาหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่งสมัครท่ีสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑ หรือ เขต ๒ ตามสถานทตี่ ัง้ ของสถานศกึ ษานัน้ ๆ 1.1.2) สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานครเป็นผู้ดาเนินการคัดเลือก นกั เรยี นระดบั ประถมศึกษา และสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต ๑ หรือ เขต ๒ เป็นผดู้ าเนนิ การ คัดเลือกนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทุกสังกัด โดยแยกตาม สังกัด ตามระดับและขนาดสถานศึกษา ขนาดละ ๑ คน แล้วส่งให้สานักทดสอบทางการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ดาเนนิ การตอ่ ไป 1.1.3) สานักทดสอบทางการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน ดาเนินการประเมินนักเรียนตามระดับการศึกษาและขนาดสถานศึกษา โดยเรียงลาดับผู้เข้ารับการคัดเลือก แต่ละระดับการศึกษาและขนาดสถานศึกษาทุกคนที่เข้ารับการคัดเลือก ตามผลคะแนนการประเมิน จากลาดับ ผู้ทไ่ี ด้คะแนนสูงสุด ลงมาถงึ ตา่ สุด ๑.2) สว่ นภูมภิ ำค ให้ดาเนนิ การดังนี้ 1.2.1) สถานศึกษาทุกสังกัดที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน คัดเลือกนักเรียนของตน ตามคุณสมบัติ ตามระดับและขนาดสถานศึกษา ขนาดละ ๑ คน นักเรียนระดับประถมศึกษา ส่งสมัครที่สานักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ตามสถานท่ีตั้งของสถานศึกษาน้ัน ๆ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและ นกั เรียนระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ส่งสมคั รท่สี านักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาประจาจังหวดั 1.2.2) สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาแต่ละเขตพื้นท่ี เป็นผู้ดาเนินการคัดเลือก นักเรียนระดับประถมศึกษา และสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาเป็นผู้ดาเนินการคัดเลือกนักเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามระดับการศึกษาและขนาดสถานศึกษา ขนาดละ ๑ คน แล้วสง่ ให้ศูนย์ประสานงานการคัดเลอื กระดับจงั หวดั ดาเนนิ การต่อไป 1.2.3) คณะกรรมการระดับจังหวัดคัดเลือกนักเรียนตามระดับการศึกษาและ ขนาด สถานศึกษา ขนาดละ ๑ คน ส่งให้สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่เป็นศูนย์ประสานงานการคัดเลือกระดับ กลุ่มจงั หวัดน้ัน 1.2.4) คณะกรรมการระดับกลุ่มจังหวัดดาเนินการประเมินนักเรียนตามระดับการศึกษา และขนาดสถานศึกษา โดยเรียงลาดับผู้เข้ารับการคัดเลือกแต่ละระดับการศึกษาและขนาดสถานศึกษาทุกคนท่ี เข้ารับการคัดเลือก ตามผลคะแนนการประเมินจากลาดับผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดลงมาถึงต่าสุด คณะกรรมการ ระดับกลุ่มจังหวัด ส่งผลการประเมิน พร้อมแนบแบบประเมินที่กรอกคะแนนของ คณะกรรมการประเมิน ๖
คมู่ ือการประเมนิ นกั เรียนเพอื่ รบั รางวัลพระราชทาน ระดบั ประถมศกึ ษา ๗ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย รายคนและฉบบั สรุปรวม (ประกอบดว้ ย ข้อมูลท่ัวไป พรอ้ มติดรูปถ่าย แบบรายงาน ก. แบบรายงาน ข. แบบ พร.๑ และแบบ พร.๒ ) พร้อมทั้งเอกสารประกอบอ่ืน ๆ เช่น แฟ้มสะสมผลงานของนักเรียน ฯลฯ ส่งไปยังสานัก ทดสอบทางการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพื่อเสนอให้คณะกรรมการดาเนินงาน คัดเลือกนักเรียน และสถานศึกษาเพ่ือรับรางวัลพระราชทาน ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พิจารณาตรวจสอบ และเสนอผลตอ่ คณะกรรมการอานวยการระดับกระทรวงศึกษาธิการ ตามจานวนรางวลั ที่กาหนดต่อไป ๒) วิธกี ำรประเมินและคดั เลือก ใ ห้ ด า เ นิ น ก า ร ต า ม แ บ บ ป ร ะ เ มิ น แ ล ะ คู่ มื อ ก า ร ป ร ะ เ มิ น นั ก เ รี ย น เ พ่ื อ รั บ ร า ง วั ล พ ร ะ ร า ช ท า น ระดบั การศึกษาขน้ั พืน้ ฐานของสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเครง่ ครัดทุกขนั้ ตอน ในกรณีท่ีไม่มีนักเรียนเข้ารับการประเมิน ให้ระบุว่า “ไม่มีนักเรียนเข้ารับการประเมิน” และในกรณีที่มี นักเรยี นเข้ารบั การประเมนิ แต่ไม่ผา่ นเกณฑ์ ให้ระบวุ า่ “นักเรยี นท่ีเขา้ รับการประเมนิ ไมผ่ ่านเกณฑ์” ก่ อ น ส่ ง ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิ น แ ล ะ เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร พิ จ า ร ณ า ไ ป ยั ง ส า นั ก ท ด ส อ บ ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า ให้คณะกรรมการอานวยการระดับกลุ่มจังหวัดตรวจสอบความถูกต้องของคะแนนการประเมิน ชื่อและชื่อสกุล ของนกั เรียน ชอื่ สถานศึกษา ทต่ี ั้ง และขอ้ มลู สาคญั ในแบบประเมิน ชุดสรุปผลการประเมนิ ของนักเรียนทุกคนที่ เข้ารบั การประเมนิ ให้ถกู ตอ้ งครบถว้ น ๗
คูม่ ือการประเมนิ นกั เรียนเพ่ือรับรางวลั พระราชทาน ระดับประถมศึกษา ๘ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย แผนภำพแสดงขน้ั ตอนกำรคัดเลอื กนกั เรยี นเพอื่ รับรำงวลั พระรำชทำน ระดับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ในสว่ นกลำง ศกึ ษำ ๘
คมู่ ือการประเมินนกั เรียนเพื่อรับรางวลั พระราชทาน ระดับประถมศกึ ษา ๙ มธั ยมศึกษาตอนต้น และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย แผนภำพแสดงขน้ั ตอนกำรคัดเลอื กนักเรยี นเพอ่ื รบั รำงวัลพระรำชทำน ระดับกำรศึกษำข้ันพนื้ ฐำน ในส่วนภมู ภิ ำค ษำ ๙
ค่มู ือการประเมนิ นักเรียนเพ่อื รับรางวลั พระราชทาน ระดับประถมศึกษา ๑๐ มัธยมศกึ ษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ๑๐
คูม่ ือการประเมินนกั เรยี นเพอื่ รับรางวัลพระราชทาน ระดบั ประถมศึกษา ๑๑ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๓.๓ เอกสำรในกำรประเมินและคดั เลือกนกั เรยี น ในการดาเนินการประเมินนักเรยี นให้ใช้เอกสารในการประเมินและคดั เลือกนักเรยี น ๒ ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ ๑ แบบรำยงำน มี ๒ ชดุ คือ ๑) แบบรายงาน ก. เป็นแบบรายงานตนเองของนักเรียน ให้นักเรียนเป็นผู้เขียนรายงาน ด้วยตนเอง) ๒) แบบรายงาน ข. เป็นแบบบันทึกข้อมูลคุณลักษณะพ้ืนฐานและกิจกรรม/ผลงานดีเด่น ของนกั เรยี น ให้สถานศกึ ษาเป็นผเู้ สนอข้อมลู ส่วนที่ ๒ แบบประเมิน มี ๒ ชุด คือ ๑) แบบ พร.๑ เปน็ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะพื้นฐาน และกิจกรรม/ผลงานดเี ดน่ ของนักเรยี น ๒) แบบ พร.๒ เป็นแบบสรุปการประเมินนักเรียน ๓.๔ กำรประเมินและคดั เลือกนกั เรียน สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกาหนดวิธีการคัดเลือกนักเรียน ตามประกาศ กระทรวงศึกษาธิการท่ีจะประกาศเป็นปี ๆ ไป โดยให้คณะกรรมการคัดเลือกแต่ละระดับดาเนินการประเมินตาม แบบประเมิน พร.๑ โดยใช้ข้อมูลในแบบรายงาน ก. และแบบรายงาน ข. เป็นส่วนหนึ่งประกอบการพิจารณา แล้ว บันทกึ ผลสรุปในแบบ พร.๒ ทั้งนี้ คณะกรรมการคัดเลือกจะต้องพิจารณาคุณสมบัติของนักเรียนทั้ง 4 ด้าน ดังนี้ ๓.๔.๑ สถำนภำพทำงกำรศึกษำ สถานศึกษาจะต้องเป็นผู้คัดเลือกนักเรียนตามคุณสมบัติที่กาหนดไว้ ในขอ้ ๒.๑ 3.4.2 ผลกำรเรียน ให้สถานศึกษาส่งสาเนาเอกสารที่แสดงผลการเรียนหรือผลการปฏิบตั ิงาน เพ่ือเป็น ข้อมลู ให้คณะกรรมการพจิ ารณาในข้นั ต่อไป ๓.๔.3 คุณลักษณะพื้นฐำน ให้คณะกรรมการในแต่ละขั้นตอนท่ีได้กล่าวแล้วข้างต้นประเมินนักเรียน ตามแนวทางและขอบเขตของคุณลักษณะพ้ืนฐาน โดยให้คะแนนเป็นระดับคะแนน ๑ ๒ ๓ และ ๔ ตามแบบประเมนิ ด้านคุณลักษณะพื้นฐานของนักเรยี นเพื่อรบั รางวัลพระราชทาน (พร.๑) ข้อ ๑ ๓.๔.4 กิจกรรม/ผลงำนดีเด่น ให้คณะกรรมการระดับสถานศึกษาคัดเลือก นักเรียน โดยให้นักเรียนเขียนบรรยายในแบบรายงานตนเอง (แบบรายงาน ก.) ด้วยตนเอง และสถานศึกษาบรรยายตาม แนวทางในการประเมินกิจกรรม/ผลงานดีเด่น ในแบบบันทึกข้อมูลกิจกรรม/ผลงานดีเด่นของนักเรียน (แบบ รายงาน ข.) เพื่อเป็นข้อมูลให้คณะกรรมการในขั้นตอนต่อไปพิจารณาหรือให้คะแนน หลักฐานหรือร่องรอยของ กิจกรรม/ผลงานดีเด่นจะเป็นข้อมูลเบ้ืองต้นในการสืบค้นพฤติกรรม กิจกรรม/ผลงานว่าดีเด่นจริงหรือไม่อย่างไร และจะต้ องเป็ นกิ จกรรม /ผลงานของนั กเรี ยนผู้ นั้ นท่ี สะสมต่ อเน่ื องมาโดยตลอด ใ น ช่ ว ง เ ว ล า ท่ี ศึ ก ษ า อ ยู่ ใ น ระดบั การศกึ ษาทส่ี ่งเข้ารับการประเมิน คณะกรรมการคัดเลือกของแต่ละขั้นตอนทั้งจากระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับจังหวัด จนถึง ระดับกลุ่มจังหวัด จะต้องพิจารณาตัดสินและคัดเลือกนักเรียน เพ่ือเข้ารับรางวัลพระราชทานหรือให้ได้รางวัล ชมเชย โดยให้คณะกรรมการสรุปผลการประเมินนักเรียนท่ีได้รับการคัดเลือกนั้น ในแบบสรุป พร.๒ เพื่อเป็นข้อมูล ให้คณะกรรมการในขัน้ ตอนตอ่ ไปพิจารณา กลา่ วโดยสรปุ ในการประเมินและคดั เลือกในระดับต่าง ๆ น้ัน จะตอ้ งจดั ทาแบบประเมินดังน้ี ๑๑
คมู่ ือการประเมินนักเรยี นเพ่อื รบั รางวัลพระราชทาน ระดับประถมศกึ ษา ๑๒ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ระดบั สถำนศกึ ษำ ดาเนนิ การดังนี้ ๑. สถานศกึ ษา ใหน้ ักเรียนเขยี นรายงานตนเอง ตามแบบรายงาน ก. และจัดทาแฟม้ สะสมงานของตนเอง ๒. สถานศึกษา กรอกข้อมูลทั่วไป และจัดทาแบบบันทึกข้อมูลกิจกรรม/ผลงานดีเด่นของนักเรียน ตามแบบรายงาน ข. ๓. สถานศกึ ษา ประเมนิ คุณลกั ษณะพ้ืนฐานและประเมนิ กจิ กรรม/ผลงานดีเดน่ ของนักเรยี น ตาม แบบ พร.๑ ๔. สถานศึกษา สรปุ ผลการให้คะแนนคณุ ลกั ษณะพ้นื ฐานและกจิ กรรม/ผลงานดเี ดน่ ของนกั เรียน ใน แบบ พร.๑ ๕. สถานศึกษา สรุปผลการประเมินและแสดงข้อคิดเห็นเก่ียวกับนักเรียนผู้น้ัน ว่าสมควรจะได้รับรางวัล พระราชทานหรือรางวัลชมเชยเพราะเหตุใดในแบบ พร.๒ ระดับเขตพื้นที่กำรศึกษำ ให้คณะกรรมการคัดเลือกระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา ประเมินนักเรียนตามแบบ ประเมิน พร.๑ และสรุปตามแบบ พร.๒ พร้อมท้ังรวบรวมแบบรายงาน ก. แบบรายงาน ข. และแฟ้มสะสมงานของ นกั เรยี นท้งั หมด สง่ ไปยงั สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาทไ่ี ดร้ บั เลือกใหเ้ ปน็ ศนู ย์ประสานงานระดบั จงั หวดั ระดับจังหวัด ให้คณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัด ประเมินนักเรียนตามแบบประเมิน พร.๑ และ สรปุ ตามแบบ พร.๒ พรอ้ มทัง้ รวบรวมแบบรายงาน ก. แบบรายงาน ข. และแฟ้มสะสมงานของนักเรียนทั้งหมด เพ่ือนาเสนอระดบั กลมุ่ จงั หวัด ระดับกลุ่มจังหวัด ให้คณะกรรมการคัดเลือกระดับกลุ่มจังหวัด ประเมินนักเรียนตามแบบประเมิน พร.๑ และสรุปตามแบบ พร.๒ พร้อมท้ังรวบรวมแบบรายงาน ก. แบบรายงาน ข. และแฟ้มสะสมงานของ นักเรยี นท้ังหมด เพ่อื นาเสนอสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ** ทุกระดับจะต้องแนบแบบประเมิน พร.๑ และแบบสรุป พร.๒ พร้อมหลักฐานท่ีใช้ประกอบการ พิจารณาของสถานศึกษา (แบบรายงาน ก. และ ข.) ส่งประกอบแนบไปทุกข้ันตอนของการประเมินคัดเลือก ดว้ ย ** ๔. ขอบเขตกำรประเมนิ ในการประเมินนักเรียนเพ่ือคัดเลือกให้รับรางวัลพระราชทานนั้น คณะกรรมการประเมินจะประเมิน นกั เรียน ๒ ดา้ น รายละเอยี ดแต่ละด้านมดี งั น้ี ดำ้ นท่ี ๑ กำรประเมนิ คุณลักษณะพ้ืนฐำนของนักเรยี น มีจานวน ๓ รายการ ได้แก่ 1.1 ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ 1.2 การมีทกั ษะการจัดการและการทางาน 1.3 คุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ด้ำนที่ ๒ กำรประเมินกิจกรรม/ผลงำนดีเด่นของนักเรียน ให้นักเรียนระบุช่ือกิจกรรม/ผลงานท่ี นาเสนอ จานวน ๓ รายการ โดยคณะกรรมการประเมนิ จะพิจารณาจากร่องรอยหลักฐานที่ปรากฏ ๔ ประเดน็ คอื 2.1 คณุ ประโยชน์ 2.2 คุณภาพ 2.3 ความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ 2.4 การเผยแพรผ่ ลงาน ๑๒
คมู่ ือการประเมนิ นักเรยี นเพือ่ รบั รางวลั พระราชทาน ระดับประถมศกึ ษา ๑๓ มัธยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 5. วิธีประเมนิ และกำรใหค้ ะแนน ๕.๑ กำรจดั ทำข้อมลู เบื้องต้นของสถำนศึกษำ เพื่อให้การประเมินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมแก่ผู้ถูกประเมิน ให้นักเรียนเขียนรายงานด้วย ลายมอื ของตนเองในแบบรายงาน ก. และใหส้ ถานศึกษาจัดทาแบบบันทึกข้อมูลพฤติกรรมรวมท้งั กิจกรรม/ผลงาน ดีเด่นของนักเรียนตามแบบรายงาน ข. ท้ังน้ี เพื่อให้คณะกรรมการประเมินใช้แบบรายงานท้ัง ๒ ฉบับ เป็น ข้อมูลเบ้ืองต้นหรือเป็นแนวทางในการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะพ้ืนฐาน รวมทั้งกิจกรรม/ผลงานดีเด่น ของนกั เรียน รายการต่าง ๆ ในแบบรายงาน ก. และแบบรายงาน ข. ให้สถานศึกษาดาเนินการกรอกข้อมลู ให้ครบถ้วน ดงั น้ี ๕.๑.๑ แบบรำยงำน ก. (แบบรำยงำนตนเองของนักเรียน) ให้นักเรียนเขียนรายงานด้วยตนเองในแบบรายงาน ก. ไม่เกิน ๓ หน้ากระดาษ ประกอบด้วย หัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี - ชื่อ นามสกลุ ช่อื บดิ าและมารดา - ชอื่ สถานศกึ ษา ชนั้ เรียน แผนการเรยี น - ท่ีอยปู่ ัจจบุ ันของนกั เรยี น - ผลงานหรอื กิจกรรมท่ีทาแล้วและเกิดภาคภมู ใิ จ ได้รบั การยกย่อง ได้รบั รางวลั - คติประจาใจ ความคาดหวงั ในอนาคต ฯลฯ ๕.๑.๒ แบบรำยงำน ข. (แบบบันทกึ ข้อมลู คณุ ลักษณะพ้นื ฐำน รวมท้ังกิจกรรม/ผลงำนดีเด่น) ให้สถานศึกษาเขียนบรรยายพฤติกรรมด้านคุณลักษณะพ้ืนฐาน รวมท้ังกิจกรรม/ผลงานดีเด่น ของนกั เรียนในแบบบันทึกขอ้ มลู ตามแนวทางดงั นี้ ๑๓
คู่มือการประเมินนกั เรียนเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ระดับประถมศกึ ษา ๑๔ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย กจิ กรรมดีเด่นและผลงำนดีเด่น หลักฐำนและหรือกรณีตัวอย่ำง ด.ช/ด.ญ….มีพฤติกรรมดีเด่นที่แสดงออกอยา่ งตอ่ เน่ือง เขยี นบรรยายโดยยกกรณีตัวอยา่ ง และหรอื สมา่ เสมอในชว่ งท่ีศึกษาอยรู่ ะดบั ...(ทีส่ ง่ เข้ารับการ เหตกุ ารณ์ท่ีแสดงใหเ้ หน็ ว่า นักเรียนผูน้ ีม้ ี ประเมนิ ) จนเป็นทย่ี อมรบั และยกย่องจากครู เพื่อนร่วม พฤติกรรมดเี ด่นที่เกดิ ขึ้นอยา่ งต่อเนื่องสม่าเสมอ ชัน้ เรียน/โรงเรียนและไดร้ ับการช่นื ชมจากท้องถ่ิน ชุมชน จนเป็นทีย่ กย่องและไดร้ บั การยอมรบั จากเพ่ือน แต่ละด้าน ดงั นี้ คร-ู อาจารย์ หรอื จากท้องถ่ิน ชุมชน พร้อมท้ัง 1. คุณลักษณะพ้นื ฐำน แนบหลักฐานประกอบ เช่น ชิ้นงานหรือผลงาน เกียรติบัตร ประกาศนยี บัตร เอกสารต่าง ๆ ๑.๑ ผลสมั ฤทธ์ิทางวิชาการ คาบอกเลา่ ของบุคคล ภาพถ่าย ฯลฯ พฤตกิ รรม ………………………………………………………………………… ดเี ด่นแตล่ ะดา้ นจะมเี กณฑ์การพจิ ารณาหลักฐาน ………………………………………………………………………… หรอื ร่องรอย ประกอบด้านละ ๓ แหล่งขอ้ มลู เปน็ อย่างน้อย ๑.๒ การมีทกั ษะการจัดการและการทางาน ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ๑.๓ คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ๒. กจิ กรรม/ผลงำนดีเดน่ ระบชุ ่ือกิจกรรม/ผลงานทนี่ ักเรยี นนาเสนอจานวน ๓ รายการเปน็ อย่างน้อย ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… คณะกรรมการประเมินจะพิจารณาพฤติกรรม กิจกรรมและผลงานดเี ดน่ ของนักเรยี น โดยใชแ้ บบรายงาน ตนเองของนักเรียน (แบบรายงาน ก.) และแบบบันทึกข้อมูลแสดงพฤติกรรมดีเด่นของนักเรียน (แบบรายงาน ข.) เป็นพนื้ ฐานประกอบกับการตรวจสอบหลักฐานหรือร่องรอยตามแบบบันทกึ ขอ้ มูลน้ัน ๕.๒ รำยกำรประเมินและวิธีกำรประเมนิ การประเมินคุณลักษณะพ้ืนฐานและกิจกรรม/ผลงานดีเด่นของนักเรียนเพ่ือคัดเลือกให้รับรางวัล พระราชทาน (ตามแบบ พร.๑) มีรายละเอยี ด ดังน้ี ๕.๒.๑ คุณลักษณะพื้นฐำน ในการประเมินคุณลักษณะพ้ืนฐานของนักเรียนน้ัน คณะกรรมการประเมินพึงพิจารณาขอบเขต ของคณุ ลักษณะพนื้ ฐานของนักเรียนทเ่ี ขา้ รบั การประเมินแตล่ ะระดับ ดังนี้ 1) ระดบั ประถมศกึ ษำ ใหพ้ จิ ารณาจากผลสัมฤทธทิ์ างวชิ าการ ทักษะการจดั การและการทางาน และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ (ดังรายละเอียดในคาอธิบายระดับคุณภาพ) รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีนักเรียน กระทาในชวี ติ ประจาวนั การอยรู่ ว่ มกนั และการทาประโยชนเ์ พื่อสงั คม ทงั้ ท่ีบา้ นและท่สี ถานศกึ ษา ๑๔
คูม่ ือการประเมินนกั เรียนเพอื่ รบั รางวลั พระราชทาน ระดับประถมศึกษา ๑๕ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 2) ระดับมัธยมศึกษำตอนต้น ให้พิจารณาจากผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการ ทักษะการจัดการและ การทางาน และคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ (ดงั รายละเอียดในคาอธิบายระดับคุณภาพ) รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ท่ี นักเรียนกระทาในชีวิตประจาวัน การอยู่ร่วมกัน และการทาประโยชน์เพื่อสังคม ท้ังท่ีบ้าน ท่ีสถานศึกษา และ ในทอ้ งถนิ่ 3) ระดับมัธยมศึกษำตอนปลำย ให้พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ ทักษะการจัดการ และการทางาน และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ (ดังรายละเอียดในคาอธิบายระดับคุณภาพ) รวมถึงกิจกรรม ต่าง ๆ ทนี่ ักเรยี นกระทาในชวี ติ ประจาวัน การอยูร่ ว่ มกนั และการทาประโยชนเ์ พื่อสงั คมท้ังทีบ่ ้าน ทสี่ ถานศกึ ษา และในชมุ ชน คุณลักษณะพ้ืนฐานท่ีจะประเมินนักเรียนจานวน ๓ รายการน้ัน แต่ละรายการมีเกณฑ์การให้ ระดับคะแนนเป็น ๔ ระดับ ดังรายละเอียดของรายการประเมิน คาอธิบายแนวทางการให้ระดับคะแนนแต่ละ ระดบั คุณภาพ รวมทั้งวธิ ีประเมินและแหล่งข้อมลู ดังนี้ ระดบั คุณภำพและคำอธบิ ำย ๑.๑ ผลสัมฤทธ์ิทำงวิชำกำร ผลสัมฤทธิ์ทำงวิชำกำร หมายถึง ความรู้ ความสามารถ และทักษะของนักเรียนท่ีได้รับการพัฒนา จากการเรียนรู้และฝึกฝนอบรมจากสถานศึกษา ประกอบด้วย ๑) ความสามารถในการอ่าน การเขียน การ สื่อสาร และการคิดคานวณ ตามเกณฑ์ของแต่ละระดับช้ัน ๒) ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ อภิปราย แลกเปลี่ยนความคดิ เห็นและแกป้ ัญหา ๓) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร และ ๔) พัฒนาการและผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนตามหลกั สตู ร ระดับคุณภำพและคำอธิบำย ระดบั คำอธบิ ำยระดับคุณภำพ 4 อ่านถูกตอ้ ง คล่องแคลว่ เข้าใจเรอื่ งหรือข้อความทีอ่ า่ นได้ชัดเจน สามารถสรุปความ ตีความ ขยายความได้ สรปุ สาระสาคัญจากการอ่านได้ เขยี นได้ถูกต้องตามหลกั การใช้ภาษา ส่อื ความหมาย ใช้ภาษาทส่ี ละสลวย สามารถใช้ภาษาใน การส่ือสารได้ตรงประเด็นท่ีกาหนด เข้าใจง่าย มีแนวคดิ ท่นี ่าสนใจ ประทับใจ โดดเด่น อยา่ งนอ้ ย 2 ภาษา คดิ คานวณถกู ต้องตามระดบั ช้ันได้ดเี ยี่ยม อธบิ ายหรอื นาเสนอขั้นตอนการดาเนินงานได้อยา่ งชัดเจน เปน็ ระบบ มกี ารคิดวิเคราะห์ระดับสงู และคดิ เชิงบวก สามารถเชอื่ มโยงและสรปุ หลักการเป็นของตนเองได้ มกี ารแลกเปล่ยี นเรียนรู้ ตดั สินใจและแก้ปญั หาอยา่ งมีเหตุผล รอบคอบ พัฒนางานได้อย่างสร้างสรรค์ เขา้ ใจ ร้เู ท่าทัน สามารถใช้เทคโนโลยี ส่ือสังคมออนไลน์ (social network) ไดถ้ ูกต้องและ สรา้ งสรรค์ และแนะนาให้ผู้อ่ืนปฏบิ ัตติ ามได้ มที กั ษะข้นั สงู ในการใชเ้ ทคโนโลยีเพอื่ การตดิ ต่อสอื่ สาร แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ สามารถสืบคน้ สารสนเทศจากแหล่งข้อมลู สารสนเทศท่ีหลากหลาย และมวี ิจารณญาณในการเลือกใช้ข้อมลู สารสนเทศที่เช่ือถอื ได้ นาความรู้มาสรา้ งสรรค์ช้ินงาน เกิดองคค์ วามรู้ใหม่ และเผยแพร่ผลงานได้ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสูงกวา่ เปา้ หมายทส่ี ถานศกึ ษากาหนด ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๑๕
คูม่ ือการประเมนิ นักเรยี นเพอ่ื รับรางวัลพระราชทาน ระดับประถมศึกษา ๑๖ มัธยมศกึ ษาตอนต้น และมธั ยมศึกษาตอนปลาย ระดบั คำอธบิ ำยระดบั คุณภำพ มคี วามก้าวหนา้ ดา้ นการเรียนรูจ้ ากพน้ื ฐานเดิม ท้ังในดา้ นความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงทักษะ ตา่ ง ๆ อยา่ งเปน็ รปู ธรรม 3 อ่านถูกต้อง คล่องแคล่ว เข้าใจเร่อื งหรือข้อความที่อ่านได้ชดั เจน สามารถสรปุ ความ ตคี วาม ขยายความได้ เขยี นได้ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาและการสื่อความหมาย สามารถใชภ้ าษาในการส่อื สาร ไดต้ รงประเดน็ และเข้าใจงา่ ย คิดคานวณถกู ต้องตามระดับชัน้ ได้ดมี าก อธบิ ายหรอื นาเสนอข้นั ตอนการดาเนนิ งานอย่างชัดเจน เป็นระบบ มกี ารวเิ คราะห์ เช่ือมโยง สรปุ เหตุการณ์ โดยใช้กระบวนการคิด เขา้ ใจ รู้เท่าทนั สามารถใช้เทคโนโลยี ส่ือสงั คมออนไลน์ (social network) ได้ถูกต้อง และ แนะนาให้ผู้อืน่ ปฏิบตั ิตามได้ มีทักษะการใช้เทคโนโลยีเพ่อื การติดต่อส่ือสาร แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ สามารถสบื ค้นข้อมูล สารสนเทศจากแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศที่หลากหลาย ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงกวา่ เป้าหมายที่สถานศึกษากาหนด ไมน่ ้อยกว่า 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 อ่านถูกตอ้ ง คล่องแคลว่ เข้าใจเรื่องหรือข้อความที่อา่ นได้ชดั เจน เขยี นไดถ้ กู ต้องตามหลกั การใชภ้ าษาและการสื่อความหมาย สามารถใช้ภาษาในการส่ือสารไดต้ รง ประเด็น คดิ คานวณถูกต้องตามระดับช้ันได้ดี อธิบายหรือนาเสนอขั้นตอนการดาเนินงานได้ชดั เจน มีการวิเคราะห์ เชือ่ มโยง สรุปเหตุการณ์ มีการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ สามารถตัดสินใจและแก้ปญั หาอยา่ งมเี หตผุ ล เข้าใจและร้เู ทา่ ทันในการใชเ้ ทคโนโลยี สอ่ื สงั คมออนไลน์ (social network) ไดถ้ ูกต้อง มีทกั ษะการใช้เทคโนโลยีเพอ่ื การตดิ ต่อส่ือสาร สามารถสืบคน้ ข้อมูลสารสนเทศจากแหลง่ ขอ้ มูล สารสนเทศท่ีหลากหลาย ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสงู กวา่ เป้าหมายที่สถานศึกษากาหนด ไมน่ ้อยกว่า 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ 1 อา่ นถูกตอ้ ง คล่องแคล่ว เข้าใจเรือ่ งหรือข้อความทอ่ี า่ นได้ เขียนไม่ถกู ต้องตามหลกั การใช้ภาษา แตส่ ามารถใชภ้ าษาในการส่ือสารไดต้ รงประเดน็ คดิ คานวณถูกต้องตามระดับช้ันได้พอใช้ อธบิ ายหรอื นาเสนอขัน้ ตอนการดาเนนิ งานไดโ้ ดยต้องได้รบั คาแนะนาจากผู้อื่นจงึ จะสามารถ ตดั สนิ ใจและแกป้ ัญหาได้ เขา้ ใจและรเู้ ทา่ ทันในการใชเ้ ทคโนโลยี ส่อื สังคมออนไลน์ (social network) ได้ถูกต้อง มีทักษะการใช้เทคโนโลยีเพ่อื การตดิ ต่อส่ือสาร สามารถสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศจากแหล่งข้อมลู สารสนเทศท่หี ลากหลาย ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสงู กวา่ เป้าหมายที่สถานศึกษากาหนด ไมน่ ้อยกว่า 2 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ๑๖
ค่มู ือการประเมินนักเรยี นเพอ่ื รับรางวัลพระราชทาน ระดบั ประถมศึกษา ๑๗ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย วิธกี ำรประเมินและแหล่งข้อมูล ๑. พจิ ารณาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนจากหลักฐานท่ีสถานศึกษาดาเนนิ การ ๒. ประเมินจากแฟ้มสะสมงาน สมุดงาน สมดุ แบบฝกึ หัด สมดุ บนั ทกึ ประจาวัน ฯลฯ ของนักเรยี น ๓. ประเมินจากผลงานที่ให้นักเรียนปฏบิ ตั ิในขณะสัมภาษณ์ เชน่ อ่าน เขียนข้อความหรือเรื่องราว แสดง การคิดคานวณ หรอื ให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรมให้คณะกรรมการเห็นประจักษ์ตามความเหมาะสม 1.2 กำรมที ักษะกำรจัดกำรและกำรทำงำน กำรมีทักษะกำรจัดกำรและกำรทำงำน หมายถึง ความสามารถของนักเรียนในการสร้างสรรค์ ผลงาน มีวิจารณญาณในการแก้ปัญหา และร่วมมือกับเพ่ือนในการทางานอย่างเห็นคุณค่า ประกอบด้วย ๑) ความสามารถตัดสินใจสร้างงานและวางระบบการทางาน ๒) ความสามารถทางานเป็นกลุ่มและทางาน รว่ มกบั ผ้อู น่ื ได้ ๓) การเหน็ ความสาคัญและคุณค่าของการประกอบอาชีพสจุ ริต และ ๔) ความสามารถในการ นาทรัพยากร ขอ้ มลู สารสนเทศและเทคโนโลยี มาใชใ้ นการทางานอยา่ งมีประสิทธิภาพ ระดับคณุ ภำพและคำอธบิ ำย ระดับ คำอธบิ ำยระดบั คุณภำพ ๔ ต้งั ใจทางานอย่างเตม็ ความสามารถ ศกึ ษารายละเอยี ด วางแผนตดั สนิ ใจสร้างงาน มีขั้นตอน การทางานชดั เจน สามารถปฏบิ ตั ติ ามแผนได้ มีการตรวจสอบประเมนิ การทางานและสรุป รายงานผลสาเรจ็ ได้ตรงตามเป้าหมายอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เป็นผู้นาและรวบรวมกลุ่มเพอื่ นให้ทางานรว่ มกันอยา่ งมีความสุข สามารถสรา้ งความสัมพนั ธ์ ทดี่ ีในกลุ่ม ให้ข้อคิดเหน็ และแสดงความสามารถเด่นชดั ให้ความร่วมมือในการทางาน รับฟงั ความคิดเห็นและยอมรบั ความสามารถของผู้อื่น ปฏบิ ัตงิ านต่อเนอื่ งจนมผี ลงานเปน็ ที่ยอมรบั มีเจตคตทิ ่ีดตี ่อการทางาน เห็นความสาคญั และคุณค่าของการประกอบอาชีพสุจรติ ต้งั ใจ ใฝ่เรียนรเู้ กี่ยวกบั งานอาชพี สุจริต เลอื กใชท้ รัพยากร วสั ดุ อุปกรณ์ ข้อมลู สารสนเทศ นวัตกรรม ภูมิปัญญาและเทคโนโลยี มาใชใ้ นการทางานใหเ้ กิดประโยชน์ คุ้มค่า ประหยดั เวลา และค่าใช้จ่ายในการทางานได้ เหมาะสมกับงานและสภาพแวดลอ้ ม ๓ ตั้งใจทางานอยา่ งเต็มความสามารถ วางแผนตดั สินใจสร้างงาน มขี ้นั ตอนการทางาน ชดั เจน สามารถปฏบิ ัติตามแผนได้ มีการตรวจสอบประเมินการทางาน และสรุปรายงาน ผลสาเร็จได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ เปน็ ผนู้ าในการทางานรว่ มกบั ผอู้ ่ืนได้อย่างมีความสุข สามารถสร้างความสัมพนั ธท์ ี่ดีในกลุ่ม ปฏบิ ตั งิ านให้เปน็ ทย่ี อมรบั ของผอู้ ่นื ท้งั ในดา้ นความคิดเหน็ และด้านความสามารถ ให้ความรว่ มมือในการทางาน รับฟงั ความคิดเหน็ และยอมรบั ความสามารถของผู้อนื่ มีเจตคติที่ดีตอ่ การทางาน เห็นความสาคญั และคุณคา่ ของการประกอบอาชีพสุจริต สนใจใฝ่เรียนรู้เกีย่ วกบั งานอาชพี สจุ ริต เลอื กใช้ทรัพยากร วสั ดุ อปุ กรณ์ ข้อมูลสารสนเทศ ภูมปิ ัญญาและเทคโนโลยีมาใช้ใน การทางานให้เกิดประโยชน์ ค้มุ คา่ ประหยัดเวลา และค่าใชจ้ า่ ยในการทางานไดเ้ หมาะสม กับงานและสภาพแวดล้อม ๑๗
คมู่ ือการประเมนิ นกั เรียนเพือ่ รบั รางวัลพระราชทาน ระดับประถมศกึ ษา ๑๘ มัธยมศกึ ษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดบั คำอธิบำยระดับคุณภำพ ๒ ต้งั ใจทางานอย่างเตม็ ความสามารถ มีข้ันตอนการทางาน ตรวจสอบ และสรปุ รายงานผลการทางาน เปน็ ผูร้ ว่ มงานในการทางาน มมี นุษยส์ มั พันธ์ทด่ี ี รบั ฟงั ความคดิ เห็นและยอมรับความสามารถ ของผู้อนื่ มเี จตคติท่ีดตี ่อการทางาน เหน็ ความสาคัญและคุณคา่ ของการประกอบอาชีพ และเรยี นรู้ เกี่ยวกับงานอาชีพสุจริต เลือกใช้ วัสดุ อปุ กรณ์ ข้อมูลสารสนเทศ และเทคโนโลยี มาใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ ประหยัดเวลา และค่าใชจ้ ่ายในการทางานได้เหมาะสม ๑ มีการทางาน ตรวจสอบ และสรุปรายงานผลการทางาน เป็นผู้รว่ มงานในการทางาน รบั ฟังความคดิ เห็นและยอมรับความสามารถของผอู้ ื่น มีเจตคตทิ ่ดี ตี ่อการทางาน เห็นความสาคัญและคณุ ค่าของการประกอบอาชพี สุจริต เลือกใช้วสั ดุ อุปกรณ์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ประหยดั เวลา และคา่ ใช้จ่ายในการทางาน ได้เหมาะสม วิธกี ำรประเมินและแหล่งขอ้ มลู ๑. ประเมนิ จากผลงานตามบรบิ ทจริงของสถานศกึ ษาและวิธีนาเสนอผลงาน ๒. ประเมินจากแฟ้มสะสมงาน สมดุ งาน สมดุ แบบฝึกหัด หรือเอกสารทเ่ี ก่ยี วขอ้ งของนกั เรียน ๓. สมั ภาษณ์นักเรยี น ครู ผู้ปกครอง และเพอ่ื นนกั เรยี น ๑.๓ คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ หมายถึง ลักษณะท่ีต้องการให้เกิดข้ึนกับผู้เรียน อันเป็นคุณลักษณะท่ี สังคมต้องการทั้งด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม การมีจิตสานึกที่ดี สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมี ความสุข ท้ังในฐานะพลเมืองและพลโลก ประกอบด้วย ๑) การมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดีตามหลักสูตร และคุณลักษณะตามที่สถานศึกษากาหนด ๒) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ๓) การยอมรับ เหตุผลและความคดิ เห็นของผู้อื่น ๔) มคี วามเปน็ ประชาธิปไตยและมีภาวะผนู้ า มีความม่ันใจในตนเอง ๕) มีทักษะชีวิตในการป้องกันตนเองและผู้อื่นให้ปลอดภัยจากส่ิงเสพติด อบายมุขและภัยอันตรายต่าง ๆ และ ๖) มสี ขุ ภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ตามวยั มีสุขภาพจิตทดี่ ี และมีบุคลิกภาพทดี่ ี ๑๘
ค่มู ือการประเมนิ นกั เรียนเพื่อรับรางวลั พระราชทาน ระดับประถมศกึ ษา ๑๙ มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมธั ยมศึกษาตอนปลาย ระดบั คุณภำพและคำอธิบำย ระดบั คำอธบิ ำยระดบั คุณภำพ 4 รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และเข้ารว่ มกิจกรรมหรือปฏบิ ตั ิตนตามหลักศาสนาท่ตี นนับ ถอื อยา่ งต่อเนื่องและภาคภูมิใจ ซื่อสัตย์ สุจรติ ไม่ถือเอาสง่ิ ของหรือผลงานของผู้อืน่ มาเป็นของตนเอง และดารงชวี ิตอยา่ งพอเพียง เหมาะกบั สภาพสังคมปจั จุบัน ให้ความร่วมมือกบั สถานศึกษาในการปฏบิ ตั ติ นตามข้อตกลง กฎระเบยี บทสี่ ถานศึกษากาหนด ชว่ ยเหลอื ผอู้ ื่นดว้ ยความเตม็ ใจ แบง่ ปนั สิง่ ของ และอาสาทางานด้วยความมงุ่ มนั่ เตม็ ใจ ต้งั ใจ แสวงหา ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ สนใจเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ มวี นิ ัยในตนเอง รบั ผดิ ชอบการทางาน และมุ่งทางานให้สาเร็จตามเป้าหมายทต่ี ้งั ไว้ ปฏบิ ตั ติ ามขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรมไทย รว่ มกิจกรรมทเี่ ก่ยี วข้อง สามารถนา ภมู ิปัญญาไทยมาใช้ใหเ้ หมาะสมสอดคล้องกบั วิถชี วี ิต และเปน็ แบบอยา่ งที่ดแี ก่ผู้อ่นื มีคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคต์ ามทีส่ ถานศึกษากาหนด ปฏบิ ัติจนเปน็ นิสัย เปน็ แบบอย่างได้ ใหค้ าแนะนาใหผ้ ้อู ่นื ปฏิบตั ติ ามได้ อนรุ กั ษ์และใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อยา่ งเหมาะสม คมุ้ ค่า ร้จู ักการถนอม รักษา นากลับมาใชใ้ หม่ ประดษิ ฐห์ รือนาสิ่งอ่ืนมาทดแทน และเผยแพร่ความรูใ้ ห้เกิดประโยชน์ ตอ่ การดารงชวี ติ ที่มีคุณค่าต่อสังคมและการพัฒนาชมุ ชนให้ย่ังยืน มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์สงั เคราะห์อย่างมีเหตุมีผล ตัดสนิ ใจดว้ ยตนเองและนาไปใช้ ในชวี ติ ประจาวันได้อย่างเหมาะสม สรา้ งสรรค์ แนะนาหรืออธิบายใหผ้ ้อู นื่ ยอมรบั ให้เกยี รติ และเคารพความคดิ เหน็ ของผู้อื่น เขา้ ใจหลักการปฏบิ ตั ติ นในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ และ ปฏิบตั ติ นได้เหมาะสม เปน็ แบบอย่างได้ มีความเป็นผูน้ า พัฒนาปรับปรงุ ตนเองอยา่ งสม่าเสมอ มั่นใจในตนเอง มีความคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ กลา้ คดิ กลา้ แสดงออก กลา้ ตัดสินใจ สามารถแกป้ ญั หาต่าง ๆ อย่างมเี หตุผล ปฏบิ ัติงานหรือกิจกรรมในสถานศกึ ษา หรอื นอกสถานศกึ ษาบรรลุผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์ เปน็ ท่ียอมรบั และเปน็ แบบอย่างทด่ี ี มที ักษะชวี ติ ในการป้องกนั ตนเองและผอู้ นื่ ใหป้ ลอดภัยในสถานการณ์ต่าง ๆ รู้เท่าทัน แก้ปัญหา และปฏิบัตติ นให้พน้ จากสง่ิ เสพตดิ สงิ่ มอมเมา อบายมุขต่าง ๆ อบุ ัติภัย อบุ ัตเิ หตุ การทะเลาะ ววิ าท ปญั หาทางเพศ โดยปฏิบตั ติ ามเป็นแบบอย่าง แนะนา และสามารถให้คาปรึกษาแกผ่ ู้อ่ืน ได้ มสี ุขภาพร่างกายสมบรู ณแ์ ขง็ แรงตามวยั มีพฤตกิ รรมและบคุ ลกิ ภาพทด่ี เี หมาะสม ใชว้ าจา สภุ าพ กิรยิ าเรียบร้อย ร่าเริงแจ่มใส ออกกาลงั กายหรือเข้าร่วมกจิ กรรมออกกาลังกายเป็น ประจา อธบิ ายและให้คาแนะนาวิธีการรกั ษาสขุ ภาพให้แข็งแรงได้อย่างมนั่ ใจและถกู ต้อง รณรงค์ เผยแพร่การดแู ลสขุ ภาพใหผ้ อู้ ่นื ปฏิบัตติ ามไดเ้ หมาะสม ๑๙
คมู่ ือการประเมนิ นักเรียนเพอื่ รบั รางวลั พระราชทาน ระดับประถมศกึ ษา ๒๐ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศึกษาตอนปลาย ระดบั คำอธิบำยระดับคณุ ภำพ 3 รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และเขา้ รว่ มกจิ กรรมหรอื ปฏิบตั ติ นตามหลกั ศาสนาทตี่ นนับถอื สมา่ เสมอ ซื่อสตั ย์ สจุ รติ ไม่ถือเอาสงิ่ ของหรือผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง และดารงชีวติ อย่างพอเพียง ใหค้ วามรว่ มมือกบั สถานศึกษาในการปฏิบตั ิตนตามข้อตกลง กฎระเบยี บของสถานศึกษา แบง่ ปนั ส่ิงของ อาสาทางาน และช่วยเหลือผู้อ่ืนดว้ ยความเต็มใจ ตง้ั ใจ แสวงหา ศกึ ษาค้นคว้าความรูจ้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ สนใจเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ รับผดิ ชอบในการทางานใหส้ าเรจ็ ปฏบิ ตั ิตามขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ศิลปวฒั นธรรมไทย รว่ มกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้อง สามารถนา ภมู ปิ ญั ญาไทยมาใช้ใหเ้ หมาะสมกบั วถิ ชี วี ติ และเปน็ แบบอย่างท่ดี แี ก่ผู้อน่ื มีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ตามทีส่ ถานศึกษากาหนด เป็นแบบอยา่ งได้ และสามารถ แนะนาใหผ้ อู้ ื่นปฏบิ ตั ิตามได้ อนุรกั ษแ์ ละใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มได้อยา่ งเหมาะสม คมุ้ คา่ ร้จู ักการถนอม รักษา นากลบั มาใช้ใหม่ ประดษิ ฐห์ รือนาส่ิงอื่นมาทดแทน และเผยแพร่ความรู้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ ตอ่ การดารงชีวติ และการพฒั นาชุมชน มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างมเี หตุมีผล ตัดสนิ ใจดว้ ยตนเองและนาไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้อยา่ งเหมาะสม สร้างสรรค์ แนะนาหรืออธบิ ายให้ผู้อ่นื ยอมรบั ตลอดจนยอมรับและเคารพความคิดเห็นของผอู้ ืน่ เข้าใจหลักการปฏบิ ตั ิตนในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข และ ปฏิบตั ิตนไดเ้ หมาะสม เป็นแบบอย่างได้ มีความเป็นผูน้ า ปรบั ปรุงและพัฒนาตนเองสม่าเสมอ มัน่ ใจในตนเอง มีความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ กลา้ คดิ กลา้ แสดงออก กลา้ ตดั สนิ ใจ สามารถแก้ปญั หาตา่ ง ๆ อยา่ งมเี หตุผล ปฏบิ ตั ิงานหรอื กจิ กรรมในสถานศกึ ษาหรือนอกสถานศึกษา เปน็ ท่ียอมรบั และเปน็ แบบอย่างท่ีดี มีทกั ษะชีวิตในการป้องกนั ตนเองและผู้อ่นื ใหป้ ลอดภยั ในสถานการณ์ต่างๆ ร้เู ทา่ ทนั สามารถ แกป้ ญั หา ปฏบิ ตั ิตนให้พน้ จากส่งิ เสพตดิ ส่ิงมอมเมา อบายมุขต่าง ๆ อบุ ตั ภิ ัย อุบตั ิเหตุ การทะเลาะวิวาท ปญั หาทางเพศ และสามารถให้คาปรกึ ษา สขุ ภาพรา่ งกายแข็งแรงสมบรู ณ์ตามวยั มบี ุคลิกภาพทดี่ ี ใชว้ าจาสุภาพ เรยี บร้อย ร่าเริงแจ่มใส ออกกาลงั กายและเข้ารว่ มกิจกรรมการออกกาลังกายสม่าเสมอ อธิบายวิธกี ารรกั ษาสขุ ภาพให้ แข็งแรงได้อยา่ งมั่นใจและถูกตอ้ ง รณรงค์ เผยแพร่เกยี่ วกับการดแู ลสุขภาพตามโอกาส 2 รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ เขา้ ร่วมกิจกรรม และปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ศาสนาอยา่ งตอ่ เน่ือง ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ถือเอาส่ิงของหรือผลงานของผู้อน่ื มาเป็นของตนเอง และดารงชวี ติ อยา่ งพอเพียง ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการปฏบิ ตั ติ นตามข้อตกลง กฎระเบียบของสถานศึกษา แบ่งปนั สงิ่ ของ และอาสาทางานด้วยความเตม็ ใจ ๒๐
คูม่ ือการประเมนิ นักเรียนเพอ่ื รบั รางวัลพระราชทาน ระดบั ประถมศึกษา ๒๑ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับ คำอธบิ ำยระดับคณุ ภำพ ตั้งใจ แสวงหา ศึกษาคน้ คว้าหาความรู้จากแหลง่ เรยี นรู้ต่าง ๆ รบั ผิดชอบทีจ่ ะทางานให้สาเรจ็ ปฏบิ ัตติ ามขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรมไทย รว่ มกจิ กรรมที่เกีย่ วข้อง สามารถนา ภมู ิปัญญาไทยมาใช้ใหเ้ หมาะสมในวถิ ีชีวติ มคี ณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามท่สี ถานศึกษากาหนด เป็นแบบอย่างได้ อนุรักษแ์ ละใช้ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มได้อยา่ งเหมาะสม คุ้มคา่ ร้จู ักการถนอม รักษา นากลับมาใชใ้ หม่ ประดษิ ฐ์หรือนาสงิ่ อ่ืนมาทดแทน และเผยแพร่ความรูใ้ ห้เกิดประโยชน์ ต่อการดารงชวี ติ และการพฒั นาในชมุ ชน มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุมผี ล ตัดสนิ ใจดว้ ยตนเองและนาไปใชใ้ น ชีวติ ประจาวันได้อย่างเหมาะสม สร้างสรรค์ ตลอดจนยอมรบั และเคารพความคดิ เห็นของผู้อน่ื มีความเป็นผู้นา ปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยา่ งสม่าเสมอ มั่นใจในตนเอง มีความคดิ รเิ ร่มิ สร้างสรรค์ กลา้ คิด กล้าแสดงออก กล้าตดั สนิ ใจ สามารถแก้ปญั หาต่าง ๆ อยา่ งมเี หตุผล ปฏิบัตงิ านหรือกิจกรรมในสถานศึกษาหรือนอกสถานศึกษา ไดร้ ับการยอมรบั เข้าใจหลักการปฏบิ ตั ติ นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และปฏิบตั ิ ได้ มที กั ษะชีวิตในการป้องกนั ตนเองและผูอ้ ่ืนใหป้ ลอดภยั ในบางสถานการณ์ รเู้ ท่าทัน สามารถ แก้ปญั หา ปฏิบตั ิตนให้พ้นจากสง่ิ เสพติด สิง่ มอมเมา อบายมุขตา่ ง ๆ อุบัตภิ ยั อบุ ัติเหตุ การทะเลาะววิ าท ปญั หาทางเพศ สขุ ภาพรา่ งกายแข็งแรงสมบรู ณ์ตามวยั มีบคุ ลิกภาพที่ดี ใชว้ าจาสุภาพ เรียบร้อย รา่ เรงิ แจม่ ใส เข้ารว่ มกจิ กรรมการออกกาลังกายบอ่ ยๆ อธิบายวิธกี ารรักษาสุขภาพให้แข็งแรงได้ถูกต้อง 1 รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ เขา้ รว่ มกิจกรรม และปฏิบตั ิตนตามหลกั ศาสนาท่ตี นนับถอื ซื่อสัตย์ สุจริต ไมถ่ ือเอาสิง่ ของหรือผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง และดารงชีวติ อย่างพอเพียง ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการปฏิบัติตนตามข้อตกลง กฎระเบียบของสถานศึกษา และอาสาทางานด้วยความเตม็ ใจ ตั้งใจ แสวงหา ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้จากแหล่งเรียนร้ตู ่าง ๆ รบั ผดิ ชอบในการทางาน ปฏบิ ัติตามขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ศลิ ปวฒั นธรรมไทย และร่วมกจิ กรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับ การส่งเสรมิ ภมู ิปัญญาไทย มคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่สถานศึกษากาหนด อนรุ กั ษ์และใชท้ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มได้อย่างเหมาะสม ค้มุ ค่า รู้จักการถนอม รกั ษา นากลับมาใชใ้ หม่ ประดษิ ฐ์หรือนาสิง่ อื่นมาทดแทน มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์อยา่ งมีเหตุมีผล ตดั สนิ ใจด้วยตนเองและนาไปใช้ ใน ชวี ติ ประจาวันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยอมรบั และเคารพความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน ๒๑
ค่มู ือการประเมินนักเรยี นเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ระดบั ประถมศกึ ษา ๒๒ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดบั คำอธบิ ำยระดับคุณภำพ ปรบั ปรงุ ตนเองอยู่เสมอเพ่ือพัฒนาความเปน็ ผ้นู า สร้างความมนั่ ใจในตนเอง พฒั นาความคดิ รเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์ใหต้ นเอง กลา้ แสดงออก กลา้ ตัดสินใจ สามารถแก้ปญั หาตา่ ง ๆ อย่างมีเหตุผล รว่ มงานหรือกจิ กรรมในสถานศึกษาหรือนอกสถานศกึ ษา เขา้ ใจหลักการปฏบิ ตั ิตนในระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ และปฏบิ ัตติ าม ได้ มที กั ษะชีวติ ในการปอ้ งกนั ตนเองและผู้อนื่ ใหป้ ลอดภัย ปฏิบัติตนใหพ้ ้นจากสิ่งเสพติด สิ่งมอม เมา อบายมุขต่าง ๆ อบุ ตั ิภัย อบุ ัตเิ หตุ การทะเลาะววิ าท ปัญหาทางเพศ สขุ ภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ตามวยั มบี ุคลิกภาพทด่ี ี ใช้วาจาสภุ าพ เรยี บร้อย ร่าเริงแจม่ ใส ร่วมกิจกรรมการออกกาลงั กายตามความพอใจ วธิ ีกำรประเมินและแหลง่ ขอ้ มูล ๑. สมั ภาษณ์นักเรียน ครู ผปู้ กครอง และเพอ่ื นนักเรยี น ๒. ตรวจสอบแฟ้มสะสมงาน และพิจารณาเอกสารที่เก่ียวข้อง เช่น สมุดบันทึกความดี เกียรติบัตร หรอื รางวัลตา่ งๆ ๓. แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของนักเรียน ๕.๒.๒ กจิ กรรม/ผลงำนดีเด่นของนักเรยี น การประเมินกิจกรรม/ผลงานดีเด่นของนักเรียน ให้คณะกรรมการประเมินพิจารณากิจกรรม/ ผลงานดเี ดน่ ทน่ี กั เรยี นนาเสนอเพียง ๓ รำยกำร แตใ่ หม้ ีความหลากหลาย เชน่ ด้านวิชาการ ดา้ น ศลิ ปวฒั นธรรม ด้านกีฬา ดา้ นสิ่งประดษิ ฐ์ ด้านเทคโนโลยี เปน็ ต้น โดยให้พิจารณาตามเกณฑก์ ารประเมนิ ๔ ประเด็น ได้แก่ ๑) คุณประโยชน์ ๒) คุณภาพ ๓) ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ และ๔) การเผยแพร่ผลงาน ซึ่งมี รายละเอียดคาอธบิ ายระดับคุณภาพ ดงั น้ี ระดับคณุ ภำพและคำอธิบำย ระดบั คำอธิบำยระดับคณุ ภำพ ๔ คณุ ประโยชน์ : กจิ กรรมหรอื ผลงานน้นั ก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชวี ิต สภาวะแวดลอ้ ม และ เสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าแก่กิจการเพ่ือส่วนรวมในกล่มุ นักเรยี น สถานศึกษา ชมุ ชน อาเภอ จงั หวดั ภมู ภิ าค ระดับประเทศหรอื นานาประเทศ คุณภาพ : กิจกรรมหรือผลงานน้ันมีประสิทธภิ าพ ประสบความสาเร็จ เปน็ แบบอย่างที่ดี ไดร้ ับ คัดเลือกสง่ เข้าประกวดแขง่ ขัน สามารถสร้างชื่อเสยี ง ไดร้ ับการยอมรบั และไว้วางใจจากกลมุ่ นกั เรียน ตลอดจนครูอาจารย์และบุคคลท่ัวไป ท้งั ในระดับสถานศึกษา ชุมชน อาเภอ จงั หวัด ภูมิภาค ระดับประเทศหรือนานาประเทศ ความคดิ ริเริม่ สร้างสรรค์ : กจิ กรรมหรอื ผลงานน้ันเกิดจากการรวบรวม ผสมผสาน เชือ่ มโยง ความรู้และประสบการณ์เดิมท่ีหลากหลายมาสร้างเป็นความรใู้ หม่ดว้ ยตนเองอยา่ งมหี ลกั เกณฑ์ พฒั นาและริเริ่มสง่ิ ใหม่ ๆ ท่ีมีรายละเอยี ดซับซ้อน มผี ลงานแปลกใหม่ที่เป็นประโยชนต์ อ่ ตนเอง ๒๒
ค่มู ือการประเมนิ นักเรยี นเพ่อื รบั รางวลั พระราชทาน ระดบั ประถมศกึ ษา ๒๓ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ระดบั คำอธบิ ำยระดับคุณภำพ และสังคม โดยสามารถบอกรายละเอียดของกิจกรรมทีป่ ฏิบัตหิ รอื ผลงานท่ีนาเสนอได้ชัดเจน นา่ เชือ่ ถอื การเผยแพร่ : กิจกรรมหรือผลงานนั้นมีการถ่ายทอดให้ผู้อ่ืนไดร้ บั รู้ผ่านส่ือต่าง ๆ เป็นที่ยอมรับ ของกลมุ่ นักเรียน สถานศกึ ษา ชมุ ชน อาเภอ จงั หวัด ภูมิภาค ระดบั ประเทศหรือนานาประเทศ ๓ คณุ ประโยชน์ : กิจกรรมหรอื ผลงานนัน้ กอ่ ให้เกิดการพฒั นาคุณภาพชีวิต สภาวะแวดลอ้ ม และ เสรมิ สรา้ งความเจรญิ ก้าวหน้าแก่กิจการเพื่อส่วนรวมในกลมุ่ นักเรยี น สถานศึกษา ชุมชน อาเภอ จังหวดั ภูมภิ าค คณุ ภาพ : กจิ กรรมหรือผลงานนัน้ ประสบความสาเร็จ มีประสทิ ธภิ าพ เปน็ แบบอย่างที่ดี ได้รบั คัดเลือกส่งเข้าประกวดแขง่ ขัน สามารถสร้างชื่อเสียง ได้รับการยอมรับ และไวว้ างใจจากกลมุ่ นักเรียน ตลอดจนครูอาจารย์และบคุ คลทั่วไป ทั้งในระดับสถานศกึ ษา ชมุ ชน อาเภอ จังหวดั ภมู ิภาค ความคดิ รเิ ริม่ สร้างสรรค์ : กิจกรรมหรอื ผลงานน้ันเกดิ จากการรวบรวม ผสมผสาน เชื่อมโยง ความรแู้ ละประสบการณ์เดมิ มาสรา้ งเปน็ ความรู้ใหมด่ ้วยตนเองอย่างมีหลักเกณฑ์ พัฒนาและ รเิ ร่ิมส่ิงใหม่ๆ ทีม่ รี ายละเอียดซับซ้อน มีผลงานแปลกใหม่ท่ีเปน็ ประโยชน์ โดยสามารถบอก รายละเอียดของกิจกรรมทปี่ ฏิบตั หิ รือผลงานท่นี าเสนอได้ การเผยแพร่ : กจิ กรรมหรอื ผลงานน้นั มกี ารถ่ายทอดใหผ้ ู้อื่นได้รบั รู้ผา่ นส่ือตา่ ง ๆ เปน็ ท่ียอมรับ ของกลุม่ นักเรยี น สถานศกึ ษา ชุมชน อาเภอ จังหวดั ภมู ิภาค ๒ คุณประโยชน์ : กจิ กรรมหรือผลงานน้ันก่อใหเ้ กิดการพัฒนาคุณภาพชีวติ สภาวะแวดล้อม และ เสรมิ สร้างความเจริญก้าวหน้าแกก่ ิจการเพ่ือสว่ นรวมในกลุม่ เพ่อื นนักเรียน ไดร้ บั ผลดีเปน็ ที่ ยอมรับในระดบั สถานศึกษา ชมุ ชน อาเภอ จงั หวัด คณุ ภาพ : กจิ กรรมหรือผลงานนนั้ ประสบความสาเร็จ ได้รับคัดเลือกเป็นผแู้ ทนเข้าประกวด แข่งขันในระดับสถานศึกษา ชุมชน อาเภอ จังหวดั ความคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรค์ : กจิ กรรมหรือผลงานนัน้ เกิดจากการเชอื่ มโยงความรขู้ องตนเองกบั ประสบการณ์เดิมมาสรา้ งเปน็ ความรู้ใหมผ่ นวกกับการชแ้ี นะของผูอ้ ืน่ บางส่วน พฒั นาสงิ่ ใหม่ ๆ ทไี่ มซ่ ับซ้อน ผลงานเกดิ ประโยชน์อยบู่ า้ ง สามารถบอกรายละเอียดของกิจกรรมท่ีปฏิบตั ิหรอื ผลงานทต่ี นนาเสนอได้ การเผยแพร่ : กิจกรรมหรือผลงานน้ันมีการถ่ายทอดใหผ้ ู้อ่ืนได้รับรผู้ ่านสือ่ ตา่ ง ๆ เป็นที่ยอมรบั ของกลมุ่ นักเรียน ระดบั สถานศกึ ษา ชุมชน อาเภอ จงั หวดั ๑ คณุ ประโยชน์ : กจิ กรรมหรอื ผลงานนน้ั กอ่ ใหเ้ กดิ การพัฒนาคณุ ภาพชีวิต หรอื สภาวะแวดลอ้ ม หรือเสรมิ สร้างความเจริญกา้ วหนา้ แกก่ จิ การสว่ นรวมกลุ่มเพือ่ นและนักเรียน ได้รบั ผลดีเป็นท่ี ยอมรบั ในระดับสถานศึกษา ชมุ ชน อาเภอ คุณภาพ : กิจกรรมหรือผลงานนน้ั ประสบความสาเร็จ ไดร้ ับคัดเลอื กให้เป็นผ้แู ทนเขา้ ประกวด หรอื แขง่ ขัน ระดับสถานศึกษา ชุมชน อาเภอ ๒๓
คมู่ ือการประเมนิ นักเรียนเพอื่ รับรางวลั พระราชทาน ระดบั ประถมศกึ ษา ๒๔ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ระดบั คำอธิบำยระดับคณุ ภำพ ความคดิ ริเร่ิมสรา้ งสรรค์ : กิจกรรมหรอื ผลงานนน้ั เกดิ จากการเช่ือมโยงความรู้กับประสบการณ์ เดิมของตนเอง สร้างเปน็ ความรู้ใหม่ผนวกกับการช้แี นะของผ้อู ่ืนเป็นส่วนใหญ่ ริเริ่มทาส่ิงใหมๆ่ ทไ่ี มซ่ ับซ้อน สามารถบอกรายละเอียดของกจิ กรรมท่ีปฏบิ ัติหรือผลงานท่ีตนเองนาเสนอได้ การเผยแพร่ : กิจกรรมหรอื ผลงานนน้ั ไดร้ ับการถา่ ยทอดให้ผ้อู ่ืนไดร้ บั รู้ในระดับสถานศึกษา ชุมชน อาเภอ วิธีกำรประเมนิ และแหล่งข้อมลู ๑. พิจารณาจากหลักฐาน เชน่ เอกสารคาสัง่ แตง่ ตั้ง เกยี รติบัตร รางวัลจากการประกวด การแข่งขัน ตา่ ง ๆ เป็นต้น ๒. สัมภาษณก์ ลมุ่ เพอื่ นนกั เรยี น ผู้รว่ มงาน/กิจกรรม ครู ๓. วิเคราะหจ์ ากรายงานผลการทางาน กิจกรรม โครงการ ผลงานต่าง ๆ ๔. การนาเสนอผลงาน ๕.๓ วิธกี ำรประเมนิ และแหลง่ ข้อมูล ในการประเมิน คณะกรรมการประเมินต้องใช้การประเมินหลายวิธี เพ่ือเก็บรวบรวมข้อมูล ร่องรอย หลักฐานให้ครอบคลุม ถูกต้อง และเพียงพอต่อการตัดสินใจ พิจารณาสรุปผลการประเมินของนักเรียนแต่ละ รายทเ่ี ข้ารบั การประเมิน เช่น ๑) สัมภาษณ์นักเรียนท่ีเข้ารับการประเมิน เพ่ือนๆ ของนักเรียน ครูประจาช้ัน/ครูที่ปรึกษา ผู้ปกครอง หรือผู้ทีน่ กั เรียนร่วมทากจิ กรรม/โครงการตา่ ง ๆ ทัง้ ในและนอกโรงเรียน 2) สังเกตพฤติกรรมท่ีนักเรียนแสดงออก เช่น การพูดจา กิริยามารยาท การแต่งกาย บุคลิกลักษณะ การแสดงความสามารถพิเศษ (เช่น เป็นนักพูด นักดนตรี นาฏศิลป์ เล่าประสบการณ์การทาโครงการที่แสดง ความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง ลงมือปฏิบัติตัวอย่างกิจกรรมที่มีส่วนร่วมพัฒนา ฯลฯ) รวมถึงสังเกตสุขภาพ สุขนิสัยในการดูแลสขุ ภาพกายและใจ หรือสงั เกตพฤตกิ รรมในช้ันเรยี น เป็นตน้ 3) ตรวจสอบร่องรอยจากเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เช่น รายงานพฤติกรรมของนักเรียน รายงานผลการ เรียนของนักเรียน แฟ้มสะสมผลงานดีเด่น รายงานโครงการท่ีนักเรียนริเริ่มสร้างสรรค์ และดาเนินการเพ่ือ พฒั นาห้องเรียน โรงเรยี น ทอ้ งถนิ่ หรอื ชุมชน โล่ เกยี รติบัตรต่าง ๆ ฯลฯ ๕.๔ กำรสรุปผลกำรประเมินของนกั เรียนเพื่อรับรำงวัลพระรำชทำน (ตำมแบบ พร.๒) ในทุกข้ันตอน ให้สรุปข้อคิดเห็นของคณะกรรมการประเมินที่มีต่อนักเรียนที่เข้ารับการประเมินว่าเพราะ เหตใุ ดจงึ เหน็ วา่ นักเรยี นที่เสนอมานส้ี มควรได้รบั รางวลั พระราชทานหรอื รางวัลชมเชย ๖. ขนั้ ตอนกำรจดั ทำคะแนนและเกณฑ์กำรพจิ ำรณำคดั เลอื ก ๒๔
คู่มือการประเมนิ นักเรียนเพื่อรับรางวลั พระราชทาน ระดบั ประถมศึกษา ๒๕ มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย ๖.๑ ขนั้ ตอนกำรจดั ทำคะแนน เม่ือคณะกรรมการประเมินแต่ละคนให้คะแนนตามรายการในแบบประเมินของตนและรวมคะแนนแต่ละ ด้านไว้แล้ว ใหป้ ระธานและคณะกรรมการประเมินอภิปรายร่วมกันให้ได้ข้อยตุ ิ และสรปุ ผลการประเมินในแบบ สรปุ ผล (อย่แู ผ่นหลงั สุดของแบบประเมนิ ) ดงั นี้ ๑. ตรวจสอบผลรวมของคะแนนแต่ละดา้ นของกรรมการแต่ละคน ๒. หาผลรวมของคะแนนแตล่ ะรายการของกรรมการท้ังชุด ๓. หาค่าเฉลย่ี ของการประเมนิ คุณลักษณะพ้ืนฐาน เพือ่ ประเมินการผา่ นเกณฑ์ข้อท่ี ๑ โดยการนาคะแนน ของกรรมการแตล่ ะคนมารวมกนั เป็นคะแนนผลรวมของแตล่ ะรายการจากข้อ ๒ ตั้ง หารดว้ ยผลคูณของจานวน กรรมการทงั้ หมดกับจานวนรายการประเมนิ ของข้อน้ัน ๆ (ใช้ทศนิยม ๒ ตาแหน่งไม่ปัดเศษ) ตวั อย่าง รายการ ที่ ๑.๑ ไดค้ ะแนนรวม ๑๘ จานวนกรรมการ ๕ คน (๑๘ ÷ ๕) = ๓.๖๐ ๔. นาค่าเฉลี่ยแต่ละรายการ (ผลจากข้อ ๓) รายการที่ ๑.๑ ถึง ๑.๓ มารวมกัน แล้วหารด้วย ๓ ได้เป็น ค่าเฉลย่ี ของการประเมินดา้ นคณุ ลักษณะพืน้ ฐาน (A) ตวั อยา่ ง ค่าเฉล่ียรายการท่ี ๑.๑ ถงึ รายการท่ี ๑.๓ เท่ากับ (๓.๖๐ + ๓.๔๐ + ๔.๐๐) ÷ ๓ = ๓.๖๖ (ไม่ปัดเศษ) ๕. หาคา่ เฉล่ยี ของการประเมนิ กิจกรรม/ผลงานดเี ด่น เชน่ เดยี วกับขอ้ ๓ ๖. นาค่าเฉลี่ยแต่ละรายการ (ผลจากข้อ ๕) รายการท่ี ๑ ถึงรายการท่ี ๓ มารวมกันแล้วหารด้วย ๓ ได้ค่าเฉลี่ยของการประเมินกิจกรรมหรือดีเด่น (B) ตัวอย่าง ค่าเฉลี่ยรายการที่ ๑ ถึงรายการท่ี ๓ เท่ากับ (๓.๘๐ + ๓.๒๐+๓.๖๐) ÷ ๓ = ๓.๕๓ ๗. หาคา่ คะแนนเฉล่ียรวมของนักเรยี นโดยนาผลรวมของค่าเฉลยี่ ของการประเมินด้านคณุ ลักษณะพื้นฐาน (A) รวมกับค่าเฉล่ียของการประเมินกิจกรรมหรือผลงานดีเด่น (B) หารด้วย ๒ ตัวอย่าง ค่าเฉล่ียของการ ประเมินด้านคุณลักษณะพื้นฐาน + ค่าเฉล่ียของการประเมินกิจกรรมหรือผลงานดีเด่น เท่ากับ ๓.๖๖ + ๓.๕๓ = ๗.๑๙ ÷ ๓ = ๓.๕๙ จากน้ัน นาผลไปใช้ในการพิจารณาและอภิปรายเพ่ือคัดเลือกนักเรียนว่าสมควรเสนอให้เข้ารับรางวัล พระราชทานหรือสมควรได้รับรางวัลชมเชย และคณะกรรมการจะต้องสรุปความคิดเห็นในภาพรวมว่าเหตุใด นักเรยี นจงึ สมควรได้รบั รางวลั น้ัน ๒๕
ค่มู ือการประเมนิ นักเรยี นเพือ่ รับรางวัลพระราชทาน ระดับประถมศึกษา ๒๖ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ตัวอย่ำง สรปุ กำรให้คะแนนของคณะกรรมกำรในแบบ พร. ๑ ใช้สรปุ ผลการประเมิน เด็กชำยวนิ ยั ใจเที่ยง จากคณะกรรมการ ๕ คน แสดงในตาราง ดังนี้ รำยกำรประเมิน คะแนนของกรรมกำรคนที่ ผลรวม หมำยเหตุ (จำนวนรำยกำร) ของ ค่ำเฉล่ียแต่ ๑๒๓ ๔ ๕ คะแนนแต่ ละรำยกำร ละรำยกำร ๑. คณุ ลกั ษณะพื้นฐำน (๓ ข้อ) ๑.๑ ผลสัมฤทธิท์ างวชิ าการ ๔ ๔ ๓ ๓ ๔ ๑๘ ๓.๖๐ (๑๘÷๕) ๑.๒ การมีทกั ษะการจัดการและการทางาน ๔ ๓ ๓ ๓ ๔ ๑๗ ๓.๔๐ (๑๗÷๕) ๑.๓ คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ ๔ ๔ ๔ ๔ ๔ ๒๐ ๔.๐๐ (๒๐÷๕) รวมคะแนนคุณลักษณะพน้ื ฐำน ๑๒ ๑๑ ๑๐ ๑๐ ๑๒ ๕๕ ๓.๖๖ A ๒. กิจกรรม /ผลงำนดเี ดน่ (๑๒ ข้อ) ๒.๑ รายการท่ี ๑ ๔ ๓ ๔ ๔ ๔ ๑๙ ๓.๘๐ (๑๙÷๕) ๒.๒ รายการท่ี ๒ ๓ ๓ ๔ ๓ ๓ ๑๖ ๓.๒๐ (๑๖÷๕) ๒.๓ รายการที่ ๓ ๔ ๓ ๓ ๔ ๔ ๑๘ ๓.๖๐ (๑๘÷๕) รวมคะแนนกจิ กรรม /ผลงำนดเี ด่น ๑๑ 9 ๑๑ ๑๑ ๑๑ ๕๓ ๓.๕๓ B คะแนนเฉลี่ยรวม (A + B) ÷ ๒ ๓.๕๙ C (๓.๖๖ + ๓.๕๓) ÷ ๒ = ๓.๕๙ เม่อื พิจารณาคะแนนของเด็กชายวนิ ยั ใจเที่ยง พบวา่ คะแนนเฉลีย่ คุณลกั ษณะพ้ืนฐาน (A) และคะแนน กิจกรรม/ผลงานดีเด่น (B) ผ่านเกณฑ์ (ไม่ต่ากว่า ๓.๐๐ ท้ัง ๒ ด้าน) และเมื่อนาคะแนนเฉลี่ยทั้ง ๒ ด้าน มาหาค่าเฉลี่ยผลการประเมินได้ ๓.๕๙ (C) แสดงว่าผ่านเกณฑ์การรับรางวัลพระราชทาน (เพราะได้ ค่าเฉล่ียสูงกว่า ๓.๕๐) สรุปได้ว่าเด็กชายวินัย ใจเที่ยง มีสทิ ธไ์ิ ด้รับรางวลั พระราชทาน ถ้าเป็นผ้ไู ด้คะแนนสูง ทส่ี ุดในกลุม่ ผแู้ ขง่ กนั กลมุ่ เดียวกนั ๒๖
คู่มือการประเมินนักเรียนเพอ่ื รับรางวัลพระราชทาน ระดับประถมศกึ ษา ๒๗ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น และมธั ยมศึกษาตอนปลาย ๖.๒ เกณฑก์ ำรพิจำรณำ 1) นักเรยี นทมี่ ีสทิ ธ์ริ บั รำงวลั พระรำชทำน จะตอ้ งผา่ นเกณฑ์ ดังน้ี ๑. ได้คะแนนการประเมินคุณลักษณะพื้นฐานเฉลี่ยแต่ละข้อ (ในแบบ พร.๑) ไม่ต่ากว่า ๒.๐๐ และไดค้ ะแนนเฉล่ยี รวมไมต่ า่ กวา่ ๓.๐๐ ๒. ได้คะแนนกิจกรรม/ผลงานดีเด่นเฉลี่ยแต่ละข้อ (ในแบบ พร.๑) ไม่ต่ากว่า ๒.๐๐ และ ได้คะแนนเฉลีย่ รวมทุกขอ้ ไมต่ ่ากวา่ ๓.๐๐ ๓. ได้คะแนนเฉลี่ยรวมของคุณลักษณะพ้ืนฐานกับคะแนนกิจกรรม/ผลงานดีเด่น (ในแบบ พร.๑) ไม่ตา่ กวา่ ๓.๕๐ ๔. ได้คะแนนเฉลี่ยรวมจากกรรมการทุกคนสูงสุด และได้รับคะแนนเฉล่ียรวมสูงสุดจากกรรมการ แต่ละคนเกินกว่ากึ่งหนง่ึ ของจานวนกรรมการที่ทาการประเมิน 2) นกั เรยี นทม่ี ีสทิ ธิร์ บั รำงวลั ชมเชย นักเรียนท่ีได้รับการคัดเลือกเป็นลาดับท่ี ๒ และ ๓ จะได้รับรางวัลชมเชย (มี ๒ รางวัล) ซึ่งต้องผ่าน การคัดเลือกระดับกล่มุ จงั หวัด เม่ือผา่ นเกณฑต์ ่อไปน้ี ๑. ได้คะแนนการประเมินคุณลักษณะพื้นฐานเฉล่ียแต่ละข้อ (ในแบบ พร.๑) ไม่ต่ากว่า ๒.๐๐ และ ได้คะแนนเฉลีย่ รวมไม่ตา่ กวา่ ๓.๐๐ ๒. ได้คะแนนกิจกรรม/ผลงานดีเด่นเฉล่ียแต่ละข้อ (ในแบบ พร.๑) ไม่ต่ากว่า ๒.๐๐ และได้คะแนน เฉลยี่ รวมทกุ ขอ้ ไม่ต่ากวา่ ๓.๐๐ หมำยเหตุ ๑. คณะกรรมการประเมินท่ีดาเนินการประเมินในแต่ละขั้นตอนจะต้องตัดสินผลการคัดเลือก พร้อมทั้ง สง่ เอกสารประกอบมาให้ครบถว้ น ๒. ใหค้ ณะกรรมการตัดสนิ ผลการคัดเลือกสรุปบนั ทึกผลการคดั เลือกลงในแบบสรุปพฤตกิ รรมและผลงาน ดีเด่นของนกั เรียน ๓. คณะกรรมการอานวยการคัดเลือกนักเรียนและสถานศึกษาเพ่ือรับรางวัลพระราชทาน จะเป็น ผู้พิจารณาตัดสินผลการคัดเลือกทุกระดับ ทุกขนาด เป็นขั้นตอนสุดท้าย แล้วจึงเสนอผลให้กระทรวงศึกษาธิการ ลงนามและประกาศผลต่อไป ๒๗
คณะผูร้ บั ผิดชอบ ทป่ี รึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ดร.สุเทพ ชติ ยวงษ์ รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ดร.พรี ะ รัตนวจิ ติ ร ผู้อานวยการสานักทดสอบทางการศึกษา ดร.วษิ ณุ ทรัพย์สมบัติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน ผูร้ บั ผดิ ชอบโครงการ ดร.มธรุ ส ประภาจันทร์ ผ้อู านวยการกลุ่มพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สานักทดสอบทางการศกึ ษา นางสอุ ารีย์ ช่นื เจริญ นักวชิ าการศึกษาชานาญการพิเศษ สานักทดสอบทางการศึกษา ดร.ฉตั รชัย หวังมีจงมี นักวิชาการศึกษาชานาญการ สานกั ทดสอบทางการศึกษา นางสาวอนงนาฏ อินกองงาม นกั วชิ าการศกึ ษาปฏิบัตกิ าร สานักทดสอบทางการศกึ ษา
คมู่ อื การประเมนิ นกั เรียนเพือ่ รับรางวัลพระราชทาน ระดับการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ISBN : 978-974-477-052-3 จานวนพิมพ์ 35,000 เลม่ จานวนพิมพ์ 15,000 เลม่ พิมพค์ รัง้ ที่ 1 : มถิ นุ ายน 2553 จานวนพมิ พ์ 15,000 เลม่ พมิ พค์ รง้ั ที่ 2 : สิงหาคม 2555 จานวนพมิ พ์ 15,000 เล่ม พมิ พ์ครงั้ ที่ 3 : กรกฎาคม 2556 จานวนพิมพ์ 10,200 เล่ม พิมพ์ครั้งที่ 4 : สิงหาคม 2557 จานวนพมิ พ์ 10,200 เลม่ พมิ พค์ ร้งั ท่ี 5 : สิงหาคม 2559 จานวนพมิ พ์ 25,800 เล่ม พิมพค์ ร้ังท่ี 6 : กรกฎาคม 2560 จานวนพิมพ์ 6,000 เลม่ พมิ พ์ครง้ั ที่ 7 : สงิ หาคม 2561 พิมพ์ครั้งท่ี 8 : กันยายน 2562 ลขิ สิทธิ์สำนกั ทดสอบทำงกำรศกึ ษำ สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พ้นื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธิกำร พิมพ์ท่ี โรงพิมพ์ชมุ นมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั 79 ถนนงามวงศว์ าน แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรุงเทพมหานคร 10900 โทร. 0-2561-4567 โทรสาร 0-2579-5101 นายโชคดี ออสุวรรณ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา พ.ศ. 2562
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: