ชนิดของคา 7 ชนดิ คณุ ครนู ฤมล นนลือชา
คานาม คอื ? คานาม เปน็ คาท่หี มายถงึ บคุ คล สตั ว์ วัตถุ ส่ิงของ สภาพธรรมชาติ สถานท่ี ความคิด ความเช่ือ รวมถงึ สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นรปู ธรรมและนามธรรม
คานามจาแนกเป็น 5 ชนิด คานามสามญั คานามวิสามญั คาลกั ษณนาม คาอาการนาม คาสมุหนาม
คานามสามญั (สามานยนาม) คานามสามัญ คือ คานามท่ัวไปทใี่ ช้เรยี กส่ิงต่าง ๆ ไม่ได้ระบุ เจาะจงแน่นอนวา่ คือส่งิ ใด เช่น คน สัตว์ ส่งิ ของ บา้ น วัด โรงเรียน ฯลฯ คานามสามัญอาจมีความหมายกว้างและแคบ
คานามวสิ ามัญ (วิสามานยนาม) คานามวิสามัญ คือ คานามทเี่ ปน็ ช่ือซึ่งตั้งขึน้ ชี้เฉพาะเจาะจง สาหรับเรยี กบคุ คลหรอื ส่ิงใดสงิ่ หนงึ่ เชน่ สมพงษ์ (ชอ่ื บุคคล) ทองแดง (ชือ่ สุนขั )
คาลกั ษณ คาลักษณนาม คอื คนาทา่ใี ชมบ้ อกลกั ษณะของคานามและคากริยา บอกลกั ษณะของนาม เชน่ เรือ 1 ลา บา้ น 1 หลงั พระพุทธรูป 1 องค์ พระสงฆ์ 3 รปู กระเบอ้ื ง 5 แผน่ ข้าวหลาม 4 กระบอก ช้างป่า 1 ตวั ชา้ งบ้าน 1 เชือก
คาอาการนาม คาอาการนาม คอื คาทน่ี าหน้าคากรยิ าหรอื วเิ ศษณ์ โดยเตมิ คาวา่ “การ” และ “ความ” เชน่ การ ความ การกนิ ความสขุ การเดิน ความจา การทางาน ความพยายาม
ขอ้ ยกเวน้ ถา้ คาที่ตามมาไม่ใช่คากริยาหรอื คาวเิ ศษณ์ จะไมใ่ ช่อาการนาม แตจ่ ะเปน็ คานามสามัญ หรือ คาประสม เชน่ การบา้ การไฟฟ้า กนารเงนิ การตลาด การบัญชี การคลงั
คาสมุหนาม คาสมุหนาม คือ คานามที่บอกลกั ษณะของคน สตั ว์ และส่งิ ของที่รวมกนั อย่เู ปน็ หมวด เปน็ หมู่ เป็นพวก เชน่ ฝงู ผง้ึ โขลงชา้ งเดนิ เข้าเพนียด กองทหาร กองมะมว่ ง คณะรฐั มนตรี วงดนตรีลกู ทงุ่
ข้อสงั เกต คาบางคาเปน็ ได้ทง้ั ลกั ษณนามและสมุหนาม มวี ธิ ีสังเกตคอื ถ้าเปน็ ลักษณนามจะอยู่หลังคานาม หลงั ตวั เลขหรอื หลังคา บอกจานวน แต่ถา้ เปน็ สมหุ นามจะอยูห่ นา้ คานาม
คาสรรพนาม คอื คาสรรพนาม คอื คาทใี่ ชแ้ ทนคานาม แบง่ เปน็ 5 ชนดิ 1. คาบุรษุ สรรพนาม 2. คาสรรพนามถาม 3. คาสรรพนามชเ้ี ฉพาะ 4. คาสรรพนามไมช่ ีเ้ ฉพาะ 5. คาสรรพนามแยกฝา่ ย แบ่งตามหนงั สอื บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม 3
คาสรรพนาม(ต่อ) สรรพนามทใ่ี ชใ้ นการพดู (บุรษุ สรรพนาม) เปน็ สรรพนามที่ใชใ้ นการพูดจา ส่ือสาร กนั ระหวา่ งผู้ส่งสาร (ผู้พดู ) ผู้รบั สาร (ผ้ฟู ัง) และผ้ทู ่ีเรากล่าวถงึ มี ๓ ชนดิ ดงั นี้ ๑) สรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๑ ใช้แทนผูส้ ง่ สาร (ผู้พดู ) เชน่ ฉนั ดฉิ ัน ผม ข้าพเจ้า เรา หนู เปน็ ต้น ๒) สรรพนามบรุ ุษท่ี ๒ ใชแ้ ทนผู้รบั สาร (ผ้ทู ่ีพดู ด้วย) เช่น ทา่ น คุณ เธอ แก ใตเ้ ทา้ เปน็ ต้น ๓) สรรพนามบรุ ุษที่ ๓ ใชแ้ ทนผู้ที่กลา่ วถึง เชน่ ทา่ น เขา มนั เธอ แก เปน็ ต้น
คาสรรพนาม(ต่อ) สรรพนามท่ใี ชเ้ ช่อื มประโยค (ประพันธสรรพนาม)สรรพนามน้ีใช้ แทนนามหรอื สรรพนามทอี่ ยูข่ า้ งหน้าและต้องการ จะกลา่ วซ้าอกี คร้ังหนง่ึ นอกจากนย้ี งั ใช้เชือ่ มประโยคสองประโยคเขา้ ดว้ ยกนั ตวั อย่างเช่น บ้านทท่ี าสขี าวเปน็ บา้ นของเธอ(ที่แทนบา้ น)
คาสรรพนาม(ต่อ) สรรพนามบอกความชีซ้ ้า (วิภาคสรรพนาม) เปน็ สรรพนามทใ่ี ชแ้ ทน นามทอ่ี ยู่ข้างหนา้ เม่ือตอ้ งการเอย่ ซ้า โดยท่ไี ม่ตอ้ งเอย่ นามน้ันซ้าอกี และเพ่ือแสดงความหมายแยกออกเป็นสว่ นๆ ไดแ้ กค่ าวา่ บา้ ง ต่าง กัน ตัวอย่างเชน่ นักศกึ ษาตา่ งแสดงความคิดเห็น สตรกี ลุ่มนั้นทกั ทายกัน นกั กฬี าตัวนอ้ ยบ้างก็ว่งิ บา้ งกก็ ระโดดดว้ ยความสนุกสนาน
คาสรรพนาม(ตอ่ ) สรรพนามช้ีเฉพาะ (นิยมสรรพนาม) เป็นสรรพนามท่ีใชแ้ ทนคานามท่ี กล่าวถึงทอี่ ยู่ เพือ่ ระบุใหช้ ัดเจนยิง่ ข้ึน ได้แกค่ าวา่ น่ี นั่น โน่น โนน้ ตวั อยา่ งเช่น น่เี ป็นหนงั สือทไี่ ด้รบั รางวลั ซไี รตใ์ นปนี ้ี นน่ั รถจักรายานยนต์ของเธอ
คาสรรพนาม(ต่อ) สรรพนามบอกความไมเ่ จาะจง (อนิยมสรรพนาม) คือ สรรพนามทใ่ี ชแ้ ทน นามที่กล่าวถึงโดยไม่ต้องการคาตอบ ไมช่ ีเ้ ฉพาะเจาะจง ได้แก่คาว่า ใคร อะไร ทไี่ หน ผู้ใด สิ่งใด ใครๆ อะไรๆๆ ใดๆ ตัวอยา่ งเช่น ใครๆก็พูดเช่นน้ัน ใครกไ็ ดช้ ่วยชงกาแฟใหห้ น่อย ใดๆในโลกลว้ นอนจิ จงั ไม่มอี ะไรท่ีเราทาไม่ได้
คาสรรพนาม(ต่อ) สรรพนามที่เป็นคาถาม (ปฤจฉาสรรพนาม) คือ สรรพนามท่ใี ช้แทนนาม เปน็ การถามทต่ี ้องการคาตอบ ไดแ้ กค่ าวา่ ใคร อะไร ไหน ผใู้ ด ตัวอย่างเชน่ ใครหยบิ หนังสือบนโต๊ะไป อะไรวางอยูบ่ นเก้าอ้ี ไหนปากกาของฉนั ผ้ใู ดเป็นคนรับโทรศัพท์
คากริยา คากริยา หมายถึง คาแสดงอาการ การกระทา หรือบอกสภาพของคานาม หรอื คาสรรพนาม เพ่ือให้ไดค้ วาม เชน่ คาวา่ กนิ เดนิ น่ัง นอน เล่น จับ เขียน อา่ น เป็น คอื ถกู คล้าย เป็นต้น
คากรยิ าแบง่ เป็น ๕ ชนิด 01 02 03 อกรรมกรยิ า สกรรมกรยิ า วกิ ตรรถกรยิ า 04 05 กรยิ านเุ คราะห์ กรยิ าสภาวมาลา
ชนดิ ของคากริยา ๑. อกรรมกริยา คอื คากรยิ าทไ่ี มต่ ้องมกี รรมมารบั ก็ได้ความสมบรู ณ์ เข้าใจได้ เชน่ - เขา\"ยนื \"อยู่ - นอ้ ง\"นอน“ ๒. สกรรมกรยิ า คือ คากริยาที่ต้องมีกรรมมารบั เพราะคากริยาน้ไี มม่ คี วามสมบูรณใ์ นตวั เอง เชน่ - ฉนั \"กิน\"ขา้ ว (ข้าวเปน็ กรรมที่มารับคาวา่ กิน) - เขา\"เหน็ \"นก (นกเป็นกรรมท่ีมารบั คาวา่ เห็น) ๓. วกิ ตรรถกริยา คือ คากริยาท่ไี มม่ คี วามหมายในตวั เอง ใชต้ ามลาพังแล้วไมไ่ ดค้ วาม ตอ้ งมีคาอ่นื มา ประกอบจงึ จะได้ความ คากรยิ าพวกนี้คอื เป็น เหมอื น คล้าย เท่า คือ เชน่ - เขา\"เปน็ \"นักเรยี น - เขา\"คอื \"ครูของฉันเอง
ชนิดของคากรยิ า (ตอ่ ) ๔. กรยิ านเุ คราะห์ คือ คากรยิ าท่ีทาหนา้ ท่ชี ่วยคากริยาสาคัญในประโยคใหม้ คี วามหมายชดั เจนข้นึ ไดแ้ ก่คาวา่ จง กาลงั จะ ย่อม คง ยัง ถูก นะ เถอะ เทอญ ฯลฯ เชน่ - นายดา\"จะ\"ไปโรงเรียน - เขา\"ถูก\"ตี ๕. กรยิ าสภาวมาลา คอื คากริยาที่ทาหนา้ ทเี่ ปน็ คานามจะเป็นประธาน กรรม หรือบทขยายของ ประโยคก็ได้ เชน่ - \"นอน\"หลบั เป็นการพักผ่อนที่ดี (นอน เปน็ คากรยิ าทเ่ี ปน็ ประธานของประโยค) - ฉนั ชอบไป\"เท่ยี ว\"กับเธอ (เท่ยี ว เปน็ คากรยิ าท่ีเปน็ กรรมของประโยค)
คาวเิ ศษณ์ คาวเิ ศษณ์ หมายถึง คาทใี่ ช้ประกอบหรอื ขยายคานาม สรรพนาม คากริยา หรือคาวิเศษณ์ เพอ่ื ใหไ้ ดใ้ จความชัดเจนและละเอยี ดมากขน้ึ เชน่ - คนอว้ นกนิ จุ (\"อว้ น\" เป็นคาวิเศษณท์ ขี่ ยายคานาม \"คน\" \"จ\"ุ เป็นคาวิเศษณท์ ขี่ ยายคากริยา \"กิน\" - เขาร้องเพลงได้ไพเราะ (\"ไพเราะ\" เปน็ คาวิเศษณท์ ่ขี ยายคากรยิ า \"ร้องเพลง\") - เขารอ้ งเพลงได้ไพเราะมาก (\"มาก\" เป็นคาวเิ ศษณ์ท่ีขยายคาวเิ ศษณ์ \"ไพเราะ\")
ชนดิ ของคาวิเศษณ์ ๑. ลักษณะวิเศษณ์ คือ คาวิเศษณท์ บ่ี อกลักษณะตา่ งๆ เช่น บอกชนิด สี ขนาด สณั ฐาน กลิ่น รส บอกความรสู้ ึก เชน่ ดี ชัว่ ใหญ่ ขาว ร้อน เย็น หอม หวาน กลม แบน เป็นต้น เช่น - นา้ ร้อนอยูในกระตกิ สีขาว - จานใบใหญร่ าคาแพงกวา่ จานใบเลก็ ๒. กาลวเิ ศษณ์ คือ คาวิเศษณ์บอกเวลา เช่น เช้า สาย บา่ ย เย็น อดตี อนาคต เป็นต้น เช่น - พรงุ่ นีเ้ ป็นวนั เกดิ ของคณุ แม่ - เขามาโรงเรยี นสาย ๓. สถานวิเศษณ์ คอื คาวิเศษณ์บอกสถานท่ี เช่น ใกล้ ไกล บน ล่าง เหนือ ใต้ ซ้าย ขวา เป็น ตน้ เช่น - บา้ นฉันอยู่ไกลตลาด - นกอยบู่ นตน้ ไม้
ชนดิ ของคาวเิ ศษณ์(ตอ่ ) ๔. ประมาณวิเศษณ์ คือ คาวเิ ศษณ์บอกจานวน หรอื ปริมาณ เชน่ หนง่ึ สอง สาม มาก น้อย บ่อย หลาย บรรดา ต่าง บ้าง เป็นตน้ เช่น - เขามีเงินห้าบาท - เขามาหาฉนั บ่อยๆ ๕. ประติเษธวิเศษณ์ คอื คาวเิ ศษณ์ทีแ่ สดงความปฏเิ สธ หรือไม่ยอมรับ เช่น ไม่ ไมใ่ ช่ มิ มใิ ช่ ไมไ่ ด้ หามไิ ด้ เปน็ ตน้ เช่น - เขามิไดม้ าคนเดยี ว - ของน้ไี ม่ใชข่ องฉนั ฉนั จงึ รบั ไว้ไมไ่ ด้ ๖. ประตชิ ญาวิเศษณ์ คอื คาวเิ ศษณท์ ใี่ ชแ้ สดงการขานรบั หรอื โต้ตอบ เชน่ ครับ ขอรบั ค่ะ เป็นต้น เชน่ - คุณครับมีคนมาหาขอรับ - คุณครขู า สวัสดคี ะ่
ชนิดของคาวเิ ศษณ์(ตอ่ ) ๗. นิยมวิเศษณ์ คอื คาวิเศษณท์ ีบ่ อกความชีเ้ ฉพาะ เช่น นี้ นั่น โนน่ ท้ังน้ี ทง้ั นั้น แนน่ อน เป็นต้น เชน่ - บา้ นนนั้ ไม่มใี คราอยู่ - เขาเป็นคนขยันแนๆ่ ๘. อนยิ มวเิ ศษณ์ คือ คาวเิ ศษณ์ท่ีบอกความไม่ชเ้ี ฉพาะ เชน่ ใด อน่ื ไหน อะไร ใคร ฉนั ใด เป็นต้น เช่น - เธอจะมาเวลาใดกไ็ ด้ - คุณจะนั่งเก้าอต้ื วั ไหนก็ได้ ๙. ปฤจฉาวเิ ศษณ์ คือ คาวิเศษณ์แสดงคาถาม หรอื แสดงความสงสยั เชน่ ใด ไร ไหน อะไร ส่ิงใด ทาไม เป็นตน้ เชน่ - เสือ้ ตวั นร้ี าคาเท่าไร - เขาจะมาเมอื่ ไร
ชนิดของคาวเิ ศษณ์(ต่อ) ๑๐. ประพนั ธวเิ ศษณ์ คอื คาวเิ ศษณ์ท่ที าหนา้ ที่เชอื่ มคาหรือประโยคใหม้ คี วามเกย่ี วขอ้ งกัน เชน่ คาวา่ ท่ี ซงึ่ อนั อยา่ ง ที่ว่า เพ่ือวา่ ให้ เปน็ ต้น เชน่ - เขาทางานหนักเพื่อว่าเขาจะไดม้ ีเงินมาก - เขาทาความดี อนั หาทสี่ ุดมไิ ด้
คาบุพบท คาบพุ บท หมายถงึ คาทแ่ี สดงความสมั พันธร์ ะหว่างคาหรือประโยค เพื่อให้ทราบว่า คาหรอื กลุ่มคาท่ีตามหลงั คาบพุ บทน้นั เกยี่ วข้องกับกลุ่มคา ข้างหนา้ ในประโยคในลกั ษณะใด เชน่ กับ แก่ แต่ ตอ่ ด้วย โดย ตาม ขา้ ง ถึง จาก ใน บน ใต้ สิน้ สาหรับ นอก เพื่อ ของ เกอื บ ต้ังแต่ แห่ง ท่ี เป็นตน้ เช่น - เขามาแตเ่ ชา้ - บ้านของคณุ นา่ อยู่จรงิ - คณุ ครูใหร้ างวัลแกฉ่ นั
ชนดิ ของคาบุพบท ๑. คาบุพบทที่แสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างคาตอ่ คา คือ ความสัมพนั ธ์ระหว่างคานามกบั คานาม คา สรรพนามกับคานาม คานามกับคากริยา คาสรรพนามกบั คาสรรพนาม คาสรรพนามกับคากรยิ า คากริยากับคานาม คากรยิ ากับคาสรรพนาม คากริยากบั คากรยิ า เพื่อบอกสถานการใหช้ ดั เจน เช่น ๑.๑ บอกสถานภาพความเป็นเจ้าของ เชน่ - พ่อซอื้ สวนของนายทองคา (นามกบั นาม) ๑.๒ บอกความเกย่ี วข้อง เชน่ - เขาเหน็ แก่กนิ (กริยากับกรยิ า) ๑.๓ บอกการให้และบอกความประสงค์ เชน่ - คณุ ครูใหร้ างวลั แกฉ่ ัน (นามกบั สรรพนาม) ๑.๔ บอกเวลา เชน่ - เขามาตั้งแต่เชา้ (กรยิ ากบั นาม)
ชนิดของคาบุพบท (ตอ่ ) ๑.๕ บอกสถานท่ี เช่น (กริยากับนาม) - เขามาจากต่างจงั หวดั (กรยิ ากบั สรรพนาม) ๑.๖ บอกความเปรยี บเทยี บ เช่น - พ่หี นักกว่าฉนั ๒. คาบพุ บททไี่ มม่ คี วามสมั พนั ธก์ บั คาอ่นื ส่วนมากจะอยูต่ ้นประโยค ใช้เป็นการทักทาย มักใชใ้ นคา ประพันธ์ เช่นคาวา่ ดูก่อน ข้าแต่ ดูกร คาเหลา่ นใ้ี ชน้ าหนา้ คาสรรพนามหรือคานาม เชน่ - ดูกอ่ น ภกิ ษุทัง้ หลาย - ขา้ แตท่ ่านท้งั หลายโปรดฟังข้าพเจา้
คาสันธาน คาสันธาน หมายถงึ คาท่ใี ช้เชอ่ื มประโยค หรือขอ้ ความกบั ข้อความ เพอ่ื ทาให้ ประโยคน้ันรัดกุม กระชับและสละสลวย เชน่ คาว่า และ แล้ว จงึ แต่ หรอื เพราะ เหตุเพราะ เป็นต้น เชน่ - เขาอยากเรยี นหนงั สือเกง่ ๆ แต่เขาไม่ชอบอา่ นหนังสอื - เขามาโรงเรียนสายเพราะฝนตกหนัก
ชนิดของคาสนั ธาน คาสันธานแบ่งเปน็ ๔ ชนดิ ดังนี้ ๑. คาสนั ธานที่เชอ่ื มความคล้อยตามกัน ได้แกค่ าว่า และ ทัง้ ...และ ท้งั ...ก็ คร้นั ...ก็ ครน้ั ...จงึ กด็ ี เมื่อ...กว็ ่า พอ...แล้ว เชน่ - ท้งั พ่อและแมข่ องผมเปน็ คนใต้ - พอทาการบ้านเสร็จแล้วฉนั ก็นอน ๒. คาสันธานท่ีเชื่อมความขัดแย้งกนั เช่นคาว่า แต่ แต่ว่า กว่า...ก็ ถงึ ...ก็ เปน็ ต้น เชน่ - ผมตอ้ งการพูดกับเขา แตเ่ ขาไม่ยอมพูดกับผม - กวา่ เราจะเรียนจบเพอื่ นๆ ก็ทางานหมดแล้ว
ชนิดของคาสนั ธาน ๓. คาสนั ธานทเ่ี ชอ่ื มข้อมความใหเ้ ลอื ก ไดแ้ กค่ าว่า หรอื หรอื ไม่ ไม่...ก็ หรือไม่ก็ ไม่เชน่ น้นั มิฉะน้ัน ...ก็ เป็นต้น เชน่ - นกั เรียนชอบเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์หรอื ภาษาไทย - เธอคงไปซือ้ ของหรอื ไม่ก็ไปดหู นัง ๔ คาสนั ธานที่เชือ่ มความทเี่ ป็นเหตุเป็นผล ไดแ้ กค่ าวา่ เพราะ เพราะว่า ฉะนัน้ ...จึง ดงั น้ัน เหตุ เพราะ เหตวุ า่ เพราะฉะน้นั ...จึง เป็นต้น เชน่ - นกั เรียนมาโรงเรยี นสายเพราะฝนตกหนัก - เพราะวาสนาไม่ออกกาลังกายเธอจงึ อ้วนมาก
คาอุทาน คาอุทาน หมายถึง คาทแ่ี สดงอารมณ์ของผพู้ ดู ในขณะทต่ี กใจ ดีใจ เสยี ใจ ประหลาดใจ หรืออาจจะเปน็ คาทีใ่ ช้เสริมคาพูด เชน่ คาว่า อุย๊ เอะ๊ วา้ ย โธ่ อนจิ จา ออ๋ เปน็ ต้น เชน่ - เฮอ้ ! ค่อยยังช่วั ท่ีเขาปลอดภัย - เม่ือไรเธอจะตดั ผมตดั เผ้าเสยี ทจี ะได้ดเู รียบรอ้ ย
ชนดิ ของคาอุทาน คาอุทานแบง่ เปน็ ๒ ชนิด ดังนี้ ๑. คาอุทานบอกอาการ เป็นคาอุทานทีแ่ สดงอารมณ์ และความรูส้ ึกของผูพ้ ดู เชน่ ตกใจ ใช้คาวา่ วุย้ วา้ ย แหม ตายจริง ประหลาดใจ ใช้คาว่า เอ๊ะ หอื หา รบั รู้ เขา้ ใจ ใชค้ าว่า เออ อ้อ อ๋อ เจ็บปวด ใช้คาว่า โอ๊ย โอย อยุ๊ สงสาร เหน็ ใจ ใชค้ าวา่ โธ๋ โถ พทุ โธ่ อนจิ จา ร้องเรียก ใชค้ าว่า เฮ้ย เฮ้ น่ี โล่งใจ ใช้คาว่า เฮอ เฮ้อ โกรธเคือง ใชค้ าวา่ ชชิ ะ แหม
ชนิดของคาอุทาน (ตอ่ ) ๒. คาอุทานเสรมิ บท เปน็ คาอุทานทใ่ี ช้เปน็ คาสร้อยหรอื คาเสรมิ บทตา่ งๆ คาอทุ านประเภทนี้บางคา เสรมิ คาทไี่ ม่มีความหมายเพ่ือยืดเสียงให้ยาวออกไป บางคาก็เพ่อื เนน้ คาใหก้ ระชับหนักแนน่ เช่น - เด๋ยี วน้ีมอื ไม้ฉนั มนั ส่ันไปหมด - หนังสอื หนงั หาเด๋ียวนี้ราคาแพงมาก - พ่อแม่ไมใ่ ชห่ วั หลกั หวั ตอนะ
Thanks!
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: