สรุป เรอ่ื ง การสรา้ งคาในภาษาไทย ม.3 คณุ ครูนฤมล นนลือชา
๑.ความหมายของคาประสม คาประสม หมายถึง คาท่เี กิดจากการนาหน่วยคาอสิ ระที่มคี วามหมายตา่ งกันอย่างน้อย ๒ หน่วยมารวมกัน เกดิ เปน็ คาใหมค่ าหน่งึ ทม่ี คี วามหมายใหม่ เกณฑท์ ีใ่ ช้แยกคาประสมออกจาก คาประเภทอ่นื กลมุ่ คา และประโยค มีดงั น้ี *หนว่ ยคำอิสระ คอื หนว่ ยคำทสี่ ำมำรถปรำกฏตำมลำพงั เปน็ คำหรือใช้ตำมลำพงั โดยไมต่ ้องมี หนว่ ยคำอื่นมำประกอบ เชน่ ไฟ, กระชำย, กระดำษ, ผลิต, กำแพง, ตลำด, กำร์ตูน ฯลฯ
๑.ความหมายของคาประสม ๑.๑ คาประสมเป็นคาทมี่ คี วามหมายใหม่ แตม่ ักมเี คา้ ความหมายของหน่วยคาเดมิ อยู่ เช่น ๑.๒ คาประสมจะแทรกคาใด ๆ ลงระหวา่ งหน่วยคาทมี่ ารวมกนั น้ันไม่ได้ ๑.๓ คาประสมเป็นคาคาเดยี ว หน่วยคาทเี่ ป็นสว่ นประกอบของคาประสมไม่สามารถยา้ ยทห่ี รอื สลบั ทไี่ ด้ ๑.๔ คาประสมจะออกเสียงตอ่ เนอื่ งกันไปโดยไมห่ ยดุ หรือเวน้ จงั หวะระหวา่ งหนว่ ยคาทเ่ี ปน็ ส่วนประกอบ ๑.๕ คาประสมบางคาไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ทางวากยสมั พนั ธร์ ะหว่างหนว่ ยคาทเ่ี ป็นสว่ นประกอบ เช่น
๒.ส่วนประกอบของคาประสม หน่วยคาท่ีมารวมกนั เป็นคาประสมอาจจะเปน็ คานาม คากริยา คาจานวนนบั คาลาดบั ที่ หรือคาบพุ บท เมือ่ นาคาชนดิ นั้น ๆ มาประกอบกันแลว้ สว่ นใหญ่จะได้คาประสมทเี่ ปน็ คานาม หรือคากรยิ า ดังตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้
๒.สว่ นประกอบของคาประสม ๒.๑ คาประสมทีเ่ ป็นนาม ๑) นาม + นาม เชน่ ดอกฟ้า วัวนม ลกู ช้าง ตีนกา หมกู ระทะ ๒) นาม + นาม + นาม เช่น แมย่ ่านาง เดก็ หลอดแก้ว รถไฟฟ้า ๓) นาม + ลกั ษณนาม เช่น น้าขวด ไอติมแทง่ น้าแขง็ ก้อน ๔) นาม + กรยิ า เชน่ มือถอื รถร้อน หมูหัน ๕) นาม + กรยิ า + นาม เช่น คนเดนิ โตะ๊ บตั รเตมิ เงิน แปรงสีฟัน ๖) นาม + กรยิ า + กรยิ า เชน่ สารฟอกขาว นา้ แข็งไส ใบขับข่ี ๗) นาม + พุบพท + นาม เชน่ รถใตด้ นิ บวั ใต้นา้ คนหลังเขา ๘) กรยิ า + กรยิ า เช่น กันสาด กนั ชน พิมพด์ ดี จิ้มจุ่ม ๙) กริยา + นาม เช่นเท้าแขน รองพ้ืน บงั ตา ๑๐) บพุ บท + นาม เช่น ในหลวง ใต้เทา้ หลงั บา้ น
๒.สว่ นประกอบของคาประสม ตีบทแตก ๒.๒ คาประสมท่ีเป็นกริยา ๑) กริยา + กรยิ า เชน่ ผสมเทียม ซกั ซอ้ ม บรรยายสด ๒) กริยา + นาม เชน่ ปิดปาก ยกเมฆ ขายเสยี ง ๓) กรยิ า + นาม + กรยิ า เชน่ ขดี เสน้ ตาย ลดช่องว่าง ๔) กริยา + บุพบท เช่น เป็นกลาง ๕) กรยิ า + บพุ บท + นาม เชน่ กนิ ตามนา้ ตีท้ายครัว ๗) นาม + กรยิ า + นาม เช่น เลือดเขา้ ตา ท่วมปาก
๓.ลกั ษณะความหมายของคาประสม คาประสมมีความหมายเป็น ๓ ลักษณะ คือ ๑. มคี วามหมายเปรียบเทยี บ ๒. มีความหมายเฉพาะ ซง่ึ แตกตา่ งกบั ความหมายของหนว่ ยคาเดมิ ๓. มีความหมายใกล้เคยี งกบั หนว่ ยคาเดมิ ที่มาประกอบกัน
คาซ้อนการสรา้ งคา
๑.คควาามซหมอ้ ายนของ คาซอ้ น หมายถงึ คาท่เี กดิ จากการนาคาตัง้ แต่ ๒ คา ขึ้นไปมาเรียงต่อกันโดยแต่ละคานั้น มีความสัมพันธ์กัน ในด้านความหมาย อาจเป็นความหมายเหมือนกัน คล้ายกัน ทานองเดียวกัน หรอื ตรงกนั ข้ามกไ็ ด้
๑.คควาามซหม้อานยของ เมอื่ พจิ ารณาความหมายของคาซอ้ นแล้วจะเหน็ ได้วา่ คาซอ้ นบางคามี ความหมายแตกตา่ งจากคาเดมิ บา้ ง ดงั ตวั อย่างต่อไปนี้ ๑. คาซ้อนมคี วามหมายชดั จนขึน้ ในคาทม่ี เี สียงพ้องกนั จะซอ้ นคา เพ่ือให้ความหมายของคาชัดเจนขึ้น เชน่ ขำ้ ไท, ข้ำทำส, ฆำ่ ฟนั , รำคำคำ่ งวด ๒. คาซ้อนมีความหมายเฉพาะเจาะจงชัดเจนขน้ึ เช่น อ่อนโยน, ออ่ นนอ้ ม, ขดั ขวำง, ขัดขืน, ขดั ขอ้ ง ๓. คาซ้อนแปลความหมายของคาในภาษาถ่นิ หรือคาตา่ งประเทศ เช่น ทรัพยส์ มบัติ, ทรัพยส์ ิน, ภตู ผี, โจรผู้ร้ำย, ศึกสงครำม, เลห่ ์กล, ทรวงอก, ดูแล, งว่ งเหงำ, แปดเปอื้ น
๒.ลักษณะความคหามซายอ้ ขอนง ๒.๑ ความหมายเหมือนกนั คาที่นามาซ้อนกันมคี วามหมาย ประเภทใดประเภทหนงึ่ ดงั ตอ่ ไปน้ี หมายถึง คาทนี่ ามาซอ้ นกนั นนั้ หมายถึง สิ่งเดียวกันหรือเป็นอย่างเดยี วกัน เช่น เรว็ ไว ทรัพยส์ ิน ใหญ่โต สญู หาย ดูแล หยาบช้า นุ่มนม่ิ เลอื กสรร
๒.ลักษณะความคหามซาย้อขอนง ๒.๒ ความหมายคล้ายกนั หมายถึง คาท่ีนามาซ้อนกันนน้ั มคี วามหมาย ใกลเ้ คยี งกนั หรือเป็นไปในทานองเดยี วกัน พอท่ีจะ จดั เข้าในกลุม่ เดยี วกันได้ เช่น อ่อนนุม่ ใจคอ เลก็ น้อย ยักษ์มาร ไรน่ า ศลี ธรรม แขง้ ขา ภาษีอากร หน้าตา เขตแดน ถว้ ยโถโอชาม เยบ็ ปกั ถักรอ้ ย
๒.ลักษณะความคหามซาย้อขอนง ๒.๓ ความหมายตรงกันข้าม หมายถึง คาทนี่ ามาซ้อนกนั น้นั มีความหมาย เปน็ คนละลกั ษณะหรอื คนละฝา่ ยกัน เชน่ ใกลไ้ กล สงู ตา่ ดาขาว ผิดถูก ตัดเปน็ ตดั ตาย ช่ัวดี ทหี นา้ ทีหลงั เหตุผล ต้นื ลึกหนาบาง
การสรา้ งคา คาซา้
๑.ความหมายของ คาซ้า คาซา้ หมายถงึ คาที่ประกอบดว้ ยหนว่ ยคา ๒ หน่วย ซ่งึ เหมือนกัน ทกุ ประการ หรอื อกี นัยหน่งึ การพดู หรอื เขียนคาใดคาหนง่ึ อกี ครั้งทาใหเ้ กิด คาซา้ เช่น เดก็ ๆ, สำว ๆ, หนุ่ม ๆ, หลำน ๆ, ดำ ๆ, แดง ๆ, สวย ๆ, ดี ๆ ในการเขยี นคาซา้ จะใชเ้ ครอ่ื งหมายไม้ยมกแทนคาท่ซี า้ ในภาษาไทยคาทุกชนดิ ซ้าได้ แต่ไม่ใชว่ ่าคาทกุ คาในแต่ละชนิดจะซ้าได้ ท้งั นข้ี ้ึนอยูก่ ับความหมายของคาและปริบท
๒.การออกเสียง ๒.๑ คาซ้าประเภทไม่เปล่ยี นเสียง คาซ้า ถ้าคาเดิมเป็นคาพยางค์เดยี วจะลงเสียงหนกั ทพ่ี ยางคห์ ลงั เหมอื นคาสองพยางค์ เช่น หลำน ๆ, แดง ๆ, สวย ๆ ถา้ คาเดมิ เป็นคาสองพยางคห์ รือ คาหลายพยางค์เม่ือเปน็ คาซ้าก็จะออกเสียงเหมือน คาเดมิ เพม่ิ อีกครง้ั หน่ึง เช่น พอดี ๆ, สปั ดำห์ ๆ, ระบบ ๆ
๒.การออกเสยี ง ๒.๒ คาซ้าประเภทเปลยี่ นเสียง คาซา้ คาซา้ ท่นี าคานามมาซ้า เช่น ผูห้ ญิงคนนที้ ่าทางนางเอ๙กนางเอก เคร่ืองหมำย ๙ เรียกว่ำ ไม้เบญจำ คนอะไรไมร่ ตู้ ล๙าดตลาด ใช้แสดงเสียงวรรณยุกตเ์ น้นพิเศษทม่ี ีลกั ษณะ เผขหู้ าญคงงิ ไคมนไ่ ดนร้ ดี้ ับเู กปา็นรผอูด้ บ๙ีผรู้ดมี กิริยาจงึ เปน็ ไพ๙ร ไพร่ สงู กว่ำเสยี งตรปี กตใิ นภำษำไทย ลใคกู รชาๆยบกา้็ชนมนวา่้แี ทตา่ ่งทตาัวงจเขกิ๊ า๙โดกูแจิก๊ม๙โนกแ๋ มน ผู้ชายคนนี้สมถ๙ะสมถะ
คาสมาสและวิธกี ารสนธิ
คาสมาส คาสมาส หมายถึง คาที่สรา้ งข้ึนใหม่ จากภาษาบาลีและสันสกฤต (บาลแี ละ สนั สกฤตเทา่ นนั้ ) เพื่อให้มคี าใชม้ ากขึ้น
๒คาสมาส แบง่ เปน็ สมาสแบบสมาส ประเภท คือ สมาสแบบสนธิ
สมาสแบบสมาส สมาสแบบสมาส คอื การนาคาบาลีและสันสกฤตตั้งแต่ ๒ คาขึ้นไป ม๑าเรยี คงาตส่อมกาันสตอ้อา่ งนไมออ่ปกระเสวิสียรงรตชอ่นเียนร์ื่อะงหกวัน่างคโาดทยม่ี มาีลสักมษาณสกะันดังน้ี เชน่ อิสระ + ภาพ = อสิ รภาพ ๒ คาสมาสตอ้ งไมม่ ีไม้ทัณฑฆาตระหว่างคาทม่ี าสมาสกนั เชน่ พิพิธภณั ฑ์ + สถาน = พพิ ิธภัณฑสถาน
๓ การอ่านคาสมาส จะอ่านออกเสยี งสระต่อเน่อื งกัน แมพ้ ยางคท์ ้ายของคาหนา้ จะไมม่ ีรูปสระกากบั กจ็ ะอ่านออก เสยี งเปน็ เสียง อะ เชน่ พิพธิ ภณั ฑสถาน อา่ นวา่ พิ - พิด - ทะ - พนั - ทะ - สะ - ถาน ๔ คาสมาสจะแปลความหมายจากหลงั มาหนา้ สตั ว์ + แพทย์ = สตั วแพทย์ แปลว่า แพทยท์ ีด่ แู ลรักษาสัตว์
การอ่านคาสมาสต้องอ่านออกเสยี งสระต่อเนอ่ื งกัน ขอ้ สังเกต ระหวา่ งคา ถา้ ไมอ่ า่ นต่อเนื่องกันและไม่แปลความหมาย จากหลงั มาหนา้ จะไม่ถือวา่ เปน็ คาสมาส เชน่ ประวัตบิ คุ คล อา่ นวา่ ประ - หวดั - บุก - คน แปลวา่ ความเปน็ มาของแต่ละคน
๕ คาทข่ี ึน้ ตน้ ดว้ ย “พระ” เป็นคาราชาศัพทเ์ กยี่ วเนอ่ื งกับ อวยั วะในร่างกาย เปน็ คาสมาส คาวา่ “พระ” แผลงมาจาก “วร” ในภาษาบาลี – สันสกฤต และเป็นคาราชาศพั ท์ที่เกยี่ วขอ้ งกับอวัยวะของร่างกาย ถือวา่ เป็น คาสมาส เชน่ พระกร พระหัตถ์ พระชงฆ์ พระบาท พระเนตร พระอุระ
๖ คาทีล่ งทา้ ยดว้ ย “ศาสตร์ กรรม ภาพ ภยั ” มักเปน็ คาสมาส เช่น โหราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ พาณชิ ยศาสตร์ คณติ ศาสตร์ โจรกรรม ศิลปกรรม ศัลยกรรม เสถยี รภาพ อุตสาหกรรม ทุพพลภาพ สถานภาพ อสิ รภาพ อทุ กภัย ทุพภิกภัย วาตภัย
สมาสแบบสนธิ เปน็ การนาบาลหี รอื สันสกฤตตั้งแต่ ๒ คาข้ึนไป มาเรยี งตอ่ กัน เปน็ การสรา้ งคาสมาสโดยวธิ ีการสนธคิ า สระสนธิ ๓แบง่ เปน็ พยัญชนะ วธิ ี สนธิ นิคหติ สนธิ
สระสนธิ คือ การเปล่ยี นแปลงทส่ี ระ ของท้ายคาแรก กบั สระแรกของ คาหลงั นั้นคือ การตดั สระทา้ ยคาแรก แลว้ ใช้สระแรกของคาหลัง เช่น หิมะ + อาลัย (ตดั อะ ท้งิ แลว้ ใช้ “อา” แทน) สนธิเป็นคาวา่ “หิมาลัย” แปลวา่ แหล่งของหิมะ
สระทีใ่ ช้สนธิแบ่งเป็น ๔ พวก แตล่ ะพวกเรยี กว่า วรรณะ วรรณะ อะ , อา อะ อิ วรรณะ อิ , อี อุ วรรณะ อุ , อู ฤ วรรณะ ฤ , ฤๅ
พยัญชนะสนธิ คอื คาบาลแี ละคาสันสกฤตที่ นามาสนธกิ ับพยญั ชนะ ๑ คาทีล่ งทา้ ยดว้ ย “ส” สนธิกบั พยัญชนะ ใหเ้ ปลย่ี น “ส” เปน็ “โ” กอ่ น เชน่ มนัส + มัย รหัส + ฐาน มนสั + ธรรม มนัส + คติ = มโนมยั = รโหฐาน = มโนธรรม = มโนคติ
๒ คาวา่ “ทุส”และ“นสิ ” สนธกิ บั พยัญชนะ ให้ เชน่ เปลี่ยน “ส” เป็น “ร” ก่อน ทสุ + ชน = ทรุ ชน ทุส + กันดาร = ทรุ กันดาร ทสุ + พิษ = ทุรพิษ ทสุ + กรรม = ทุรกรรม นสิ + คณุ = นริ คณุ , เนรคณุ นสิ + เทศ = นิรเทศ, เนรเทศ นสิ + อาศ = นริ าศ นิส + มล = นิรมล
สตู รง่ายๆ พยัญชนะสนธิ มักขึน้ ต้นดว้ ย มโน- รโห- นริ - ทรุ -
นิคหติ สนธิ คือ คาบาลแี ละคาสันสกฤตท่ี นามาสนธกิ บั นคิ หติ ๑ นคิ หิต สนธิกับ สระ ตอ้ งเปลยี่ น นคิ หติ เป็น “ม” กอ่ น ส + อิทธิ มเชน่ สม + อิทธิ = สมทิ ธิ
๒ นคิ หิต สนธกิ บั พยัญชนะวรรค ให้เปลี่ยน นิคหิต เปน็ พยญั ชนะตัวสุดท้ายของวรรคนัน้ ๆ พยัญชนะวรรค วรรค แถวท่ี ๑ แถวท่ี ๒ แถวที่ ๓ แถวที่ ๔ แถวที่ ๕ พยัญชนะ วรรค กะ ก ข ค ฆ ง ตัวสุดทา้ ย วรรค จะ จ ฉ ช ฌ ญ ของวรรค วรรค ฏะ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ วรรค ตะ ต ถ ท ธ น วรรค ปะ ป ผ พ ภ ม เศษวรรค ย ร ล ว (ศ ษ) ส ห ฬ
๓ นคิ หติ สนธิกับ เศษวรรค เปลี่ยน นิคหิต เป็น ง เศษวรรค ย ร ล ว (ศ ษ) ส ห ฬ เช่น ง ส + วาล = สังวาล ง ส + หาร = สังหาร
สตู รงา่ ยๆ นคิ หิตสนธิ มกั ขึน้ ต้นดว้ ย สงั - สัญ- สณั - สัน- สมั -
Thanks!
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: