ประเภทที่ 1 ประเภทที่ 2 แบบชาวบ้าน แบบไทยพระราชนิยม ผู้ชาย การแต่งกาย เสื้อคอพวงมาลัย คาด ผู้ชาย การแต่งกาย เสื้อราชปะแตน นุ่งโจง ผ้าผูกเอวห้อยชายปล่อยด้านหน้า นุ่งโจงกระเบน กระเบน สวมถุงเท้าสีขาว รองเท้าหนังแบบสุภาพ ผู้หญิง การแต่งกายห่มผ้าสไบ คาดเข็มขัดที่เอว ผู้หญิง การแต่งกายเสื้อลูกไม้ มีสไบพาดบ่าผูก เป็นลักษณะโบบริเวณหัวไหล่ ทิ้งชายไว้ข้างๆลำตัว นุ่งโจงกระเบน ปล่อยผม บริเวณหูด้านซ้าย ด้านซ้าย มักมีสีเดียวกับโจงกระเบน คาดเข็มขัดที่ ประดับด้วยดอกไม้ เอวบท ใส่สร้อยมุกประดับ ประเภทที่ 3 ประเภทที่ 4 แบบสากลนิยม แบบราตรีสโมสร ผู้ชาย การแต่งกาย สวมสูท ผูกเน็คไทสีสุภาพ ผู้ชาย การแต่งกาย สวมเสื้อพระราชทาน มีผ้า ใส่กางเกงขายาว รองเท้าหนังแบบสุภาพ คาดเอวด้านหน้าลักษณะห้อยชาย ใส่กางเกง ผู้หญิง การแต่งกายเสื้อคอกลมแขนทรง ผู้หญิง การแต่งกาย เสื้อจับเดรปมีชายผ้า กระบอก ใส่กระโปรงป้ายข้าง ยาวกรอมเท้าคัทชู ห้อยจากบ่าจรดยาวไปทางด้านหลัง เปิดบริเวณ ไหล่ขวา ใส่กระโปรงยาวจีบหน้านาง เกล้าผมแบบ สุภาพ ประวัติความเป็นมา รำวงมาตรฐาน พัฒนามาจาก การรำโทน เพราะตามประวัติรำวงมาตรฐานแล้ว นำเครื่องดนตรีที่ เรียกว่า “โทน” หรือรู้จักกันอีกชื่อคือ “ตะโพน” เครื่องดนตรีไทยประเภทตี นำมาประกอบการให้ จังหวะ เนื่องจากเสียงของการตีโทนให้จังหวะที่ค่อนข้างเร้าใจ ดนตรีมีความสนุก ในรัฐสมัยของนายกรัฐมนตรีจอมพล ป. พิบูลสงคราม ตรงกับในปีพุทธศักราช 2487 ได้นำศิลปะ ทางการแสดงรำโทนมาพัฒนาและปรับปรุงให้มีความสำคัญมากขึ้น และมอบหมายให้กรมศิลปากร เป็นผู้รับผิดชอบดูแลให้มีมาตรฐาน จนกลายมาเป็นศิลปะทางการแสดงการร่ายรำและการขับร้อง ที่มีเอกลักษณ์ประจำชาติไทย สำหรับการจัดงานรื่นเริง การสรรสรรค์ การเข้าค่าย การอบรม หรือ การพักเบรกตอนประชุม เป็นต้น
รำวง มาตราฐาน ลักษณะของรำวงมาตราฐาน ลักษณะของเพลงรำวงมาตรฐาน มีความไพเราะในถ้อยคำและ คำสัมผัสของเนื้อเพลง เพลงมุ่งเน้นให้ความสนุกสนาน จังหวะ ค่อนข้างเร็วพร้อมขยับและเคลื่อนไหวร่างกาย เนื้อเพลงและ ดนตรีให้ความครื้นเครงรื่นเริงมากเป็นพิเศษ สร้างความปลุกใจ ทำให้ต้องลุกขึ้นร่ายรำตามจังหวะเพลง เช่น เพลงใกล้เข้าไปอัก นิด, เพลงหล่อจริงนะดารา การรำวงมาตราฐาน แบ่งเป็นขั้นตอน ได้ 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ผู้แสดงชาย และหญิงเดินออก มาเป็นแถวตรงสองแถวหันหน้า เข้าหากัน ต่างฝ่ายทำความเคารพ ด้วยการไหว้ ขั้นตอนที่ 2 รำแปรแถวเป็นวงกลมตามทำนองเพลง และรำตามบทร้องรวม ๑๐ เพลง โดยเปลี่ยน ท่ารำไปตามเพลงต่าง ๆ ขั้นตอนที่ 3 เมื่อรำจบบทร้องในเพลงที่ ๑๐ ผู้ แสดงรำเข้าเวที ทีละคู่ตามทำนอง เพลงจนจบ รำวงมาตรฐาน เป็นการรำหมู่ประกอบด้วยผู้แสดง ๘ คน ท่ารำประดิษฐ์ขึ้น จากท่ารำมาตรฐานในเพลงแม่บท ความสวยงามของการรำอยู่ที่กระบวน ท่ารำที่มีลักษณะเฉพาะในแต่ละเพลง และเครื่องแต่งกายไทยสมัยต่าง ๆ รวมทั้งรูปแบบการแสดงในลักษณะการแปรแถวเป็นวงกลม
รำวงมาตราฐาน ผู้แสดงครั้งแรกดังนี้ นายอาคม สายาคม นางสุวรรณี ชลานุเคราะห์ นายจำนง พรพิสุทธิ์ นางศิริวัฒน์ ดิษยนันทน์ นายธีรยุทธ ดวงศรี นางสาวสุนันทา บุณยเกตุ ผู้คิดประดิษฐ์ท่ารำ 1. หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) 2. ครูมัลลี คงประภัศร์ 3. ครูลมุล ยมะคุปต์ 4. ครูผัน โมรา คำร้อง จมื่นมานิตย์นเรศ (เฉลิม เศวตนันท์) หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร ได้ประพันธ์ขึ้น 4 เพลง คุณหญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้ประพันธ์คำร้องไว้ 6 เพลง ทำนอง อาจารย์มนตรี ตราโมท ผู้เชี่ยวชาญดนตรี ไทย กรมศิลปากร ได้แต่งทำนองไว้ 6 เพลง ครูเอื้อ สุนทรสนาน หัวหน้าวงดนตรีกรม ประชาสัมพันธ์ แต่งทำนองไว้ 4 เพลง เครื่องดนตรี เดิมนั้นรำโทนมีเครื่องดนตรีประกอบ คือ ฉิ่ง กรับ ฉาบ และโทน เมื่อมีการพัฒนาการรำขึ้น จึงได้พัฒนา เครื่องดนตรีที่ใช้โดยใช้วงดนตรีสากลบรรเลงแทนใช้ วงปี่ พาทย์ไม้นวม
รำวงมาตราฐาน ผู้แสดงครั้งแรกดังนี้ นายอาคม สายาคม นางสุวรรณี ชลานุเคราะห์ นายจำนง พรพิสุทธิ์ นางศิริวัฒน์ ดิษยนันทน์ นายธีรยุทธ ดวงศรี นางสาวสุนันทา บุณยเกตุ ผู้คิดประดิษฐ์ท่ารำ 1. หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) 2. ครูมัลลี คงประภัศร์ 3. ครูลมุล ยมะคุปต์ 4. ครูผัน โมรา คำร้อง จมื่นมานิตย์นเรศ (เฉลิม เศวตนันท์) หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร ได้ประพันธ์ขึ้น 4 เพลง คุณหญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้ประพันธ์คำร้องไว้ 6 เพลง ทำนอง อาจารย์มนตรี ตราโมท ผู้เชี่ยวชาญดนตรี ไทย กรมศิลปากร ได้แต่งทำนองไว้ 6 เพลง ครูเอื้อ สุนทรสนาน หัวหน้าวงดนตรีกรม ประชาสัมพันธ์ แต่งทำนองไว้ 4 เพลง เครื่องดนตรี เดิมนั้นรำโทนมีเครื่องดนตรีประกอบ คือ ฉิ่ง กรับ ฉาบ และโทน เมื่อมีการพัฒนาการรำขึ้น จึงได้พัฒนา เครื่องดนตรีที่ใช้โดยใช้วงดนตรีสากลบรรเลงแทนใช้ วงปี่ พาทย์ไม้นวม
เพลงรำวงมาตราฐาน เพลงที่ 1 เพลงที่ 2 เพลงชาวไทย เพลง ท่ารำ งามแสงเดือน ผู้ชายและผู้หญิงท่าชัก แป้งผัดหน้า ท่ารำ เนื้อเพลง ผู้ชายและผู้หญิงท่าสอด ชาวไทยเจ้าเอ๋ย สร้อยมาลา ขออย่าละเลยในการทำ เนื้อเพลง หน้าที่ การที่เราได้เล่นสนุก งามแสงเดือนมาเยือนส่อง เปลื้ องทุกข์สบายอย่างนี้ หล้างามใบหน้าเมื่ออยู่วงรำ เพราะชาติเราได้เสรี มีเอกราชสมบูรณ์ เราเล่นกันเพื่อสนุก เราจึงควรช่วยชูชาติ เปลื้ องทุกข์วายระกำ ให้เก่งกาจเจิดจำรูญ เพื่อความสุขเพิ่มพูน ขอให้เล่นฟ้อนรำ ของชาวไทยเราเอย เพื่อสามัคคีเอย ความหมาย ความหมาย ยามที่แสงจันทร์ส่องมายังโลก หน้าที่ที่ชาวไทยพึงมีต่อประเทศ ทาให้โลกนี้ดูสวยงาม ผู้คนที่มา ชาตินั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกระทา เล่นรำวงยามที่แสงจันทร์ส่อง อย่าได้ละเลย ไปเสีย ในการที่เราได้ ก็มีความงดงามด้วย การรำวง มาเล่นรำวงกันอย่างสนุกสนาน นี้เพื่อให้มีความสนุกสนาน มี ปราศจากทุกข์โศกทั้งปวงนี้ก็ ความสามัคคีกัน และละทิ้ง เพราะว่าประเทศไทยเรามีเอกราช ประชาชนมีเสรีในการคิดจะทาสิ่ง ความทุกข์ให้หมดสิ้นไป ใดๆ ดังนั้น เราจึงควรช่วยกัน เชิดชูชาติไทยให้เจริญรุ่งเรืองต่อ ไป เพื่อความสุขยิ่งๆ ขึ้นของไทย เราตลอดไป
เพลงรำวงมาตราฐาน &เพลงที่ 3 เพลงที่ 4 เพลง รำซิมารำ เพลง คืนเดือนหงาย รำซิมารำ เริงระบากันให้สนุก ยามกลางคืนเดือนหงาย ยามงานเราทางานจริง ๆ เย็นพระพายโบกพริ้วปลิวมา ไม่ละไม่ทิ้งจะเกิดเข็ญขลุก ถึงยามว่างเราจึงรำเล่น เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา ตามเชิงเช่นเพื่อให้สร่างทุกข์ เย็นร่มธงไทยปกไปทั่วหล้า ตามเยี่ยงอย่างตามยุค เย็นยิ่งน้าฟ้ามาประพรมเอย เล่นสนุกอย่างวัฒนธรรม เล่นอะไรให้มีระเบียบ ให้งามให้เรียบจึงจะคมขา มาซิมาเจ้าเอ๋ยมาฟ้อนรำ ความหมาย มาเล่นระบำของไทยเราเอย เวลา กลางคืน เป็นคืนเดือน หงาย มีลมพัดมาเย็นสบายใจ แต่ก็ยังไม่สบายใจเท่ากับการที่ ได้ผูกมิตรกับผู้อื่น และที่ร่มเย็น ความหมาย ไปทั่ว ทุกแห่งยิ่งกว่าน้าฝนที่ ขอพวกเรามาเล่นรำวงกันให้สนุกสนาน โปรยลงมา ก็คือการที่ เถิดในยามว่างเช่นนี้จะได้คลายทุกข์ ถึง ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็น เวลางานเราก็จะทางานกันจริงๆ เพื่อจะ ได้ไม่ลาบาก และการรำก็จะรำอย่างมี เอกรำช มีธงชาติไทยเป็น ระเบียบแบบแผน ตามวัฒนธรรมไทย เอกลักษณ์ ทาให้ร่มเย็นทั่วไป ของเรำแล้วจะดูงดงามยิ่ง ท่ารำ ท่ารำ ผู้ชายและผู้หญิงท่ารำส่าย ผู้ชายและมผูา้หลญาิแงปท่ลางสอดสร้อย
เพลงรำวงมาตราฐาน เพลงที่ 5 เพลงที่ 6 เพลง เพลง ดวงจันทร์วันเพ็ญ ดอกไม้ของชาติ เนื้อเพลง เนื้อเพลง ดวงจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นอยู่ในนภา (สร้อย) ขวัญใจดอกไม้ของชาติ ทรงกลดสดสี รัศมีทอแสงงามตา งามวิลาสนวยนาดร่ายรำ (ซ้ำ) แสงจันทร์อร่าม ฉายงามส่องฟ้า ไม่งามเท่าหน้า นวลน้องยองใย เอวองค์อ่อนงาม งามเอยแสนงาม ตามแบบนาฎศิลป์ งามจริงยอดหญิงชาติไทย ชี้ชาติไทยเนาว์ถิ่น งามวงพักตร์ยิ่งดวงจันทรา เจริญวัฒนธรรม (สร้อย) จริตกิริยานิ่มนวลละไม งานทุกสิ่งสามารถ สร้างชาติ วาจากังวาน อ่อนหวานจับใจ ช่วยชาย ดาเนินตามนโยบาย รูปทรงสมส่วนยั่วยวนหทัย สู้ทนเหนื่อยยากตรากตรำ สมเป็นดอกไม้ขวัญใจชาติเอย ความหมาย ความหมาย พระจันทร์เต็มดวงที่ลอยอยู่บน ผู้หญิงไทยเปรียบเสมือน ท้องฟ้านั้นช่างดูสวยงาม เพราะเป็น ดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของ พระจันทร์ทรงกลด คือมีแสงเลื่อม ประเทศไทยการร่วมรำด้วยการ กระจายออกรอบดวงจันทร์ทั้งดวง แสดงออกอย่างอ่อนช้อน แต่ถึงจะงามอย่างไรก็ยังไม่เท่า งดงามตามรูปแบบความเป็น ความงามของดวงหน้าหญิงสาว ที่ ไทยแสดงให้เห็นถึง ความเจริญ ดูผุดผ่องมีน้ามีนวล อีกทั้งรูปร่างก็ ทางด้านวัฒนธรรมของคนไทย ดูสมส่วน กิริยาวาจาก็อ่อนหวาน นอกจากผู้หญิงจะดีเด่นทาง ไพเราะ สมแล้วกับที่เปรียบว่าหญิง ด้านความงาม แล้วยังมีความ อดทนสามารถทางานบ้านช่วย ไทยนี้คือดอกไม้ เหลืองานผู้ชาย หรือแม้งาน สำคัญๆระดับประเทศก็สามารถ ช่วยเหลือได้เป็นอย่างดี ไม่แพ้ ท่ารำ ผู้ชาย ผู้ชายและผู้หญิงท่าแขกเต้า เข้ารัง และท่าผาลาเพียงไหล่ ท่ารำ ผู้ชายและผู้หญิงท่ารำยั่ว
เพลงรำวงมาตราฐาน เพลงที่ 6 หญิงไทยใจงาม เนื้อเพลง ความหมาย เดือนพราว ดาวแวววาวระยับ ดวงจันทร์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้ามี แสงดาวประดับ ส่องให้เดือนงามเด่น ความงดงามมาก และยิ่งได้แสงอันระยิบ ระยับของดวงดาวด้วยแล้ว ยิ่งทาให้ดวง ดวงหน้า โสภาเพียงเดือนเพ็ญ จันทร์นั้นงามเด่นยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนกับ คุณความดีที่เห็น เสริมให้เด่นเลิศงาม ดวงหน้าของหญิงสาวที่มีความงดงาม ขวัญใจ หญิงไทยส่งศรีชาติ อยู่แล้ว ถ้ามีคุณความดีด้วย ก็จะทาให้ รูปงามวิลาส ใจกล้ากาจเรืองนาม หญิงนั้นงามเป็นเลิศ ผู้หญิงไทยนี้เป็น ขวัญใจของชาติ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของ เกียรติยศ ก้องปรากฎทั่วคาม ชาติ รูปร่างก็งดงาม จิตใจก็กล้าหาญ หญิงไทยใจงาม ยิ่งเดือนดาวพราวแพรว ดังที่มีชื่อเสียงปรากฏอยู่ทั่วไป ท่ารำ ผู้ชายและผู้หญิงท่าพรหมสี่หน้า และท่ายูงฟ้อนหาง เพลงที่ 7 ดวงจันทร์ขวัญฟ้า เนื้อเพลง ความหมาย ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ชื่นชีวาขวัญพี่ ในเวลาค่าคืนท้องฟ้ามีดวงจันทร์ประ จันทร์ประจารำตรี แต่ขวัญพี่ประจาใจ จาอยู่ ในใจของชายก็มีหญิงอันเป็น ที่เทิดทูนคือชาติ เอกราชอธิปไตย สุดที่รักประจาอยู่เช่นกัน สิ่งที่เทิดทูน ถนอมแนบสนิทใน คือขวัญใจพี่เอย ยกย่องไว้ก็คือชาติไทยที่เป็นเอกราช มีอิสระแก่ตนไม่ขึ้นกับใคร และสิ่งที่ ท่ารำ แนบสนิทอยู่ในใจของชายก็คือหญิง อันเป็นสุดที่รัก ผู้ชายและผู้หญิงท่าช้างประสานงา ชายท่าจันทร์ทรงกลด
เ พ ล ง รำ ว ง ม ต ร า ฐ า น เพลงที่ 9 เพลงที่ 10 ยอดชาญใจหาญ บูชานักรบ เนื้อเพลง เนื้อเพลง โอ้ยอดชายใจหาญ น้องรักรักบูชาพี่ ที่มั่นคงที่มั่นคงกล้าหาญ ขอสมานไมตรี น้องขอร่วมชีวี เป็นนักสู้เชี่ยวชาญ สมศักดิ์ชาตินักรบ น้องรักรักบูชาพี่ ที่มานะที่มานะอดทน กอบกรณีย์กิจชาติ หนักแสนหนักพี่ผจญ เกียรติพี่ขจรจบ แม้สุดยากลำเค็ญ น้องรักรักบูชาพี่ ที่ขยันที่ขยันกิจการ ไม่ขอเว้นเดินตาม บากบั่นสร้างหลักฐาน ทาทุกด้านทาทุก น้องจักสู้พยายาม ด้านครันครบ น้องรักรักบูชาพี่ ทำเต็มความสามารถ ที่รักชาติที่รักชาติยิ่งชีวิต เลือดเนื้อพี่พลีอุทิศ ชาติยงอยู่ยงอยู่คู่พิภพ ความหมาย ความหมาย ขอผูกมิตรไมตรีกับชาย ผู้กล้าหาญ และจะขอมีส่วน น้องรักและบูชาพี่ เพราะมีความกล้า ในการทาประโยชน์ทาหน้าที่ หาญ เป็นนักสู้ที่เก่งกล้าสามารถสม ของชาวไทย แม้จะลาบาก ยากแค้น ก็จะขอช่วยเหลือ กับเป็นชายชาติ นักรบที่มีความ มานะอดทน แม้ว่าจะยากเย็นแสน จนเต็มความสามารถ เข็ญ พี่ก็ต่อสู้จนชื่อเสียงเลื่องลือไป ทั่ว นอกจากนี้ ยังขยันขันแข็งใน งานทุก อย่าง อุตส่าห์สร้างหลักฐาน ให้มั่นคง และพี่ยังมีความรักในชาติ บ้านเมือง ยิ่งกว่าชีวิต ยอมสละได้ แม้ชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อให้ชาติไทย คงอยู่คู่โลกต่อไป ท่ารำ ผู้ชายท่าจ่อเพลิงกาล ผู้หญิงท่าชะนีร่ายไม้ ท่ารำ ผู้ชายท่าจันทร์ทรงกลด และท่าขอแก้ว ผู้หญิงท่าขัดจางนาง และท่าล่อแก้ว
จัดทำโดย นราหงัสสนาัวกพศัึชกรษินาทร3์014ด6ีด32ว0ง38
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: